ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    bts ★ the bloody flower blooming in the springtime ★ minv

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่หนึ่ง

    • อัปเดตล่าสุด 22 มี.ค. 63




    บทที่หนึ่ง

               





    ยามฤดูใบไม้ผลิมาเยือนในปีที่สองของการแต่งงาน คุณหนูยอนอา นางผู้เป็นที่รักเพียงหนึ่งเดียวของเสนาบดีคิมได้ให้กำเนิดบุตรคนแรกท่ามกลางความยินดีปรีดา เมื่อรุ่งอรุณมาถึง .. พวกเขาต่างได้ยินเสียงเด็กร้องมาจากด้านในห้อง ผู้ที่กำลังจะได้เป็นบิดาคนแทบกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ หลังจากนั้นเสียงประกาศจึงดังกึกก้องไปทั่วจวนตระกูลคิม ป่าวประกาศถึงการเริ่มต้นอันดีนี้ว่า



    เป็นคุณชายน้อย! เป็นคุณชายน้อย! ”



    คิมยองกวัง คล้ายหลงลืมหมดสิ้นทุกอย่าง ความสุขล้นปรี่จนแทบท้นทะลักออกจากอก ปีแล้วปีเล่าที่เขาเฝ้ารอคอยให้เมล็ดพันธุ์น้อย ๆ เจริญงอกงามในครรภ์นางผู้เป็นที่รัก ในที่สุดก็สมหวังดั่งใจ และวันนี้ความฝันของพวกเขาเป็นจริงแล้ว



    นายท่าน ใบหน้าหมอตำแยยังคงซีดเผือด มีสิ่งหนึ่งที่นายท่านจำเป็นต้องรู้เจ้าค่ะ



              “ ว่ามาสิ! ว่ามาได้เลย! ”



    เสนาบดีคิมเตรียมพร้อมจะพุ่งเข้าไปด้านในห้องเต็มแก่ ติดที่ว่าหมอตำแยยังคงอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เอาแต่ก้มหน้าก้มหน้าไม่ยอมกล่าวอะไรเสียที



              “ เอ่อ .. ข้า ..



              ว่าอย่างไรเล่า?



    เหงื่อเม็ดโตผุดซึมตามกรอบใบหน้าของหมอตำแยผู้นั้น ร่างกายสั่นสะท้านดั่งต้องลมหนาว



              “ นายท่าน! ข้าสมควรตายเจ้าค่ะ! ”



    ท่านหมอหมายความว่าอย่างไร? ”



    นางเริ่มร่ำไห้ก่อนจะทรุดตัวลง เหล่าผู้ช่วยที่เหลือก็รีบทรุดตัวตาม โขกหัวกับพื้นเสียงดังลั่น



    นายท่าน คราแรกพวกเราไม่แน่ใจนัก แต่พอสลับกันตรวจหลาย ๆ ครั้งแล้วจึงได้มั่นใจ...



    คุณชายน้อยมีหัวใจผิดปกติเจ้าค่ะ!



    ฉับพลันวสันตฤดู (ฤดูใบไม้ผลิ) ก็คล้ายกลับกลายเป็นสารทฤดูเพียงชั่วพริบตา (ฤดูใบไม้ร่วง)

     







              คุณชายน้อยถูกตั้งชื่อว่า คิมแทฮยอง



    หลายปีผันผ่าน คุณชายน้อยในวันวานเติบโตมาถึงวัยสิบเอ็ดหนาวพร้อมกับโรคประจำตัวที่ไม่ว่าจะพลิกแผ่นดินตามหาหมอเทวดาสักกี่คนก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ ช่วงสามสี่ปีแรกอาการของโรคประจำตัวยังไม่รุนแรงมากนัก ทว่าเมื่อผ่านมาเจ็ดหนาว .. คุณชายน้อยมักมีอาการเหนื่อยง่าย ร่างกายอ่อนแอแม้เพียงลมพัดผ่านอาจจะจับไข้ในไม่กี่ชั่วยาม นับวันอาการยิ่งย่ำแย่ หมอทุกคนล้วนแต่ถอนหายใจและส่ายหน้า ลงความเห็นว่าชีวิตน้อย ๆ นี้อาจอยู่ได้ไม่ถึงสิบสามหนาวด้วยซ้ำ



              ผู้เป็นบิดาเริ่มตระหนักได้ว่า แม้ตนจะเป็นใหญ่ทว่ากฎธรรมชาติไม่อาจฝืนได้



              พวกเขาเกือบถอดใจในการยื้อชีวิตของบุตรชายตน ใบหน้าทุกข์ตรมของผู้เป็นภรรยาทำให้เสนาบดีคิมพลอยเศร้าตาม ทว่าคล้ายสวรรค์ยังมีเมตตา .. ในบ่ายวันหนึ่งพ่อบ้านประจำตระกูลได้รีบร้อนขอเข้าพบ ก่อนจะกล่าวถึงบางสิ่งที่ได้ยินมาจากข้างนอก



              เมื่อครู่เจ้ากล่าวถึง เสนบาดีคิมจับจ้องใบหน้านั้นเขม็ง “ —พ่อมด?



              “ เป็นเช่นนั้นขอรับนายท่าน



              ตนได้ยินชาวบ้านล่ำลือกันหนาหูเรื่องพ่อมดตนหนึ่ง อาศัยอยู่ในป่าลึก ปลีกวิเวกจากผู้คนและตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง ว่ากันว่าหากปรารถนาสิ่งใดก็ให้ไปขอร้องพ่อมดผู้นั้น ไม่ว่าสิ่งที่ปรารถนาจะเป็นไปได้ยากแค่ไหนก็ย่อมเป็นไปได้



    แต่ดูเหมือนว่า .. ทุกความปรารถนาย่อมมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอขอรับ



    ซึ่งข้อแลกเปลี่ยนนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าพ่อมดจะเรียกร้องเอาอะไร



    มาถึงตรงนี้เสนาบดีคิมกลับมีสีหน้าทะมึน เขาตบฝ่ามือลงบนโต๊ะดังลั่น แล้วตวาดเสียงกร้าวจนทาสรับใช้ต่างพากันตัวสั่นงันงก แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นยังไม่มีใครกล้า



    เรื่องไร้สาระเช่นนี้เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อหรือ! บุตรชายของข้ากำลังมีชีวิตคาบเกี่ยวระหว่างความเป็นความตายแต่เจ้ากลับเชื่อถือเรื่องหลอกเด็กเช่นนี้ เฮอะ พ่อมดอันใดกัน! เหลวไหลทั้งเพ! ”



    พ่อบ้านยังคงก้มหน้ารับฟังด้วยท่าทางนิ่งสงบ รอจนกระทั่งเจ้านายตนเริ่มระงับโทสะได้แล้วจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง แต่ทว่ายังไม่ทันจะได้อ้าปากกล่าวสิ่งใดกลับมีเสียงร้อนรนใจดังมาจากด้านนอก บรรยากาศคุกรุ่นหยุดชะงักกลางคัน



    นายท่าน! นายท่าน! ”



    คุณชายน้อยอาการกำเริบอีกแล้วขอรับ! ”



              ใบหน้าของเสนาบดีคิมซีดเผือด ร่างสูงใหญ่ผุดลุกขึ้นด้วยความรีบร้อน ประตูเปิดออกพร้อมกับร่างของทาสรับใช้ที่ก้มหน้าหมอบอยู่บนพื้น ท่าทางหวาดหวั่น ก่อนก้าวเท้าออกไป .. กลับมีอะไรบางสิ่งดลใจให้หันกลับไปมองพ่อบ้านประจำตระกูลอีกครั้ง นัยน์ตาคมหรี่ลงอย่างครุ่นคิด แม้เขาจะไม่เชื่อเรื่องลี้ลับหรือไสยศาสตร์ แต่ก็ไม่มีหนทางใดหลงเหลือที่จะช่วยยื้อชีวิตบุตรชายของตนได้อีกแล้ว



              “ เรื่องของพ่อมดผู้นั้น เป็นความจริงแน่หรือ?



              “ มีคนเคยได้พบกับพ่อมดผู้นั้นจริง ๆ ขอรับนายท่าน คนมีหนี้สินท่วมหัวกลับมีคนใจบุญชำระหนี้ให้ ขอทานกลายเป็นเศรษฐีชั่วข้ามคืน ชาวนาได้เกี่ยวดองกับตระกูลพ่อค้ามั่งคั่งตระกูลหนึ่ง คนใกล้ตายหายจากอาการเจ็บป่วยเป็นปลิดทิ้ง ลูกชายที่หายตัวไปในสนามรบหลายปีกลับมาบ้าน ผู้คนเหล่านี้ล้วนมีตัวตนจริง ๆ ขอรับ



              หลังจากฟังจบเขาจึงยกฝ่ามือขึ้นลูบใบหน้าอย่างเหนื่อยล้า สุดท้ายจึงตัดสินใจได้



              เตรียมขบวนรถม้าให้ข้า อย่าได้สะดุดตานัก นำผู้ติดตามไปเพียงยี่สิบนายก็พอ



              พ่อบ้านเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสว่างวาบ



              ข้าจะไปพบเขา



              “ นายท่านโปรดวางใจ



              สองสามวันต่อมาเสนาบดีคิมตัดสินใจออกเดินทางพร้อมกับขบวนธรรมดา ๆ ที่ไม่สะดุดตาชาวบ้านและโจรป่าเพื่อไปพบพ่อมดผู้นั้น ตนต้องปลอมตัวเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดา ส่วนผู้ติดตามอีกยี่สิบนายก็ปลอมตัวเป็นทาสรับใช้ คราแรกเขาตั้งใจจะไปเพียงลำพังหากแต่ก็ทนการอ้อนวอนของภรรยาตนไม่ไหว นางกล่าวว่าชีวิตของบุตรชายนางย่อมมีส่วนเกี่ยวข้อง ฉะนั้นจะให้นางอยู่เฉย ๆ แล้วปล่อยเขาไปเพียงลำพังได้อย่างไร ครั้นจะไปกันเพียงสองคนก็เกรงว่าอาการบุตรชายอาจทรุดลงตอนที่พวกตนไม่อยู่จวน สุดท้ายจึงต้องนำตัวบุตรชาย พ่อบ้าน และหมอหนึ่งคนมาด้วย

             







              น้ำชาที่คุณชายต้องการได้แล้วขอรับ ” 



              ยามเช้ามืดร้านรวงยังเปิดไม่มากนัก มีเพียงไม่กี่ร้านในตลาดที่เปิดต้อนรับลูกค้า และหนึ่งในที่กล่าวมานั้นรวมถึงโรงน้ำชาเล็ก ๆ แห่งนี้ด้วย ภายในร้านมีลูกค้าเพียงคนเดียวบรรยากาศจึงเงียบสงบยิ่ง เด็กหนุ่มวัยไม่เกินสิบหกหนาวยกชุดน้ำชามาวางบนโต๊ะอย่างนอบน้อม ทำท่าจะรินชาให้แต่กลับต้องชะงักเมื่อเห็นว่าคุณชายผู้นี้ตวัดฝ่ามือเบา ๆ เป็นเชิงปฏิเสธ



              หากคุณชายขาดเหลือสิ่งใดโปรดบอกข้าน้อย  



              คุณชายผู้นั้นยกยิ้มมุมปาก ดูเป็นมิตรอยู่หลายส่วน ฝ่ามือเรียวสวยอย่างชนชั้นสูงค่อย ๆ รินชาใส่ถ้วยเบื้องหน้าตนเอง ยกถ้วยนั้นขึ้นสูดกลิ่น จิบเล็กน้อยเพื่อละเลียดชิมรสชาติ



              ชานี้เป็นชาดี นัยน์ตาลุ่มลึกเหลือบมองเด็กหนุ่ม กล่าวต่ออย่างนุ่มนวลว่า เพียงแต่ข้าไม่ค่อยชอบรสชาติจืดจางสักเท่าไหร่ ผู้คนที่นี่นิยมดื่มชาคู่กับสิ่งใดหรือ?



              ปกติลูกค้าของเรามักดื่มชาคู่กับของหวานขอรับ อาจจะเป็น*ฮันกวาหรือผลไม้เชื่อมตามฤดูกาล แล้วแต่ความชอบของลูกค้าแต่ละคนขอรับ



              “ อ้อ .. ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็นำผลไม้เชื่อมมาให้ข้า



              “ ได้ขอรับ คุณชายโปรดรอสักประเดี๋ยว



              เด็กหนุ่มโค้งตัว ทว่ายังไม่ทันจะได้เดินเลี่ยงตัวไปหลังครัว คุณชายผู้นั้นกลับเอ่ยรั้ง



              เจ้ารู้จักเสนาบดีคิมหรือไม่?



              รู้จักขอรับคุณชาย มีสิ่งใดที่ข้าน้อยสามารถช่วยได้หรือไม่ขอรับ?



              “ ไม่มี เพียงแค่เคยได้ยินชื่อเสียงมานานก็เท่านั้น อีกฝ่ายยิ้มน้อย ๆ สายตาจับจ้องเพียงลวดลายบนถ้วยน้ำชาในมือตนเอง หากได้พบสักครั้งก็คงจะเป็นวาสนาของข้า



              “ โอ้ .. หากคุณชายมาเพื่อพบท่านเสนาบดีคิมก็เกรงว่าจะต้องผิดหวัง



              “ ทำไมเป็นเช่นนั้นได้เล่า?



              “ ท่าทางคุณชายมาจากต่างเมืองใช่หรือไม่ถึงได้ไม่รู้เรื่องนี้ เด็กหนุ่มหันมองรอบตัวอย่างระแวดระวัง ก่อนจะป้องปากกระซิบต่อว่า คุณชายน้อยตระกูลคิมป่วยหนักจนคนในจวนแทบอยู่ไม่สุข หมอเทวดากี่คน ๆ ต่างพากันส่ายหน้า ว่ากันว่าพระราชาทรงเมตตาประทานยาชั้นเลิศให้แต่ก็ช่วยอันใดไม่ได้ จนหลายเดือนมานี้จวนของท่านเสนาบดีคิมแทบไม่เปิดต้อนรับใครเลยขอรับ



              คุณชายผู้นั้นวางถ้วยน้ำชาว่างเปล่าลงบนโต๊ะ ถอนหายใจ นัยน์ตาทอดมองออกไปด้านนอกประตู มองขบวนรถม้าขบวนหนึ่งวิ่งผ่านไป ก่อนจะเอ่ยออกมาเรียบ ๆ ว่า



              ช่างน่าเห็นใจ




              ...ครอบครัวที่น่าสงสาร

             








              ทว่าไม่กี่วันต่อมาจวนตระกูลคิมกลับครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง .. ชาวบ้านพากันประหลาดใจ คล้ายไม่คุ้นชินอยู่บ้างที่บรรยากาศแสนอึมครึมของจวนตระกูลคิมกลับมาเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาอีกครั้ง ใบหน้าทุกข์ตรมของท่านเสนาบดีกับผู้เป็นภรรยาที่ต่างเห็นจนชินตามานานประดับด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ทุกคนต่างสงสัยว่าหลายวันที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกันหนอ?



              หลังจากพากันคาดเดาสาเหตุไปต่าง ๆ นานา ไม่นานนักชาวบ้านจึงได้รู้ว่ามีข่าวดีเกิดขึ้นกับตระกูลคิมแล้ว หรืออาจเรียกว่าเป็นปาฏิหาริย์ก็ย่อมได้ สายวันหนึ่งพวกตนเห็นเสนาบดีคิมเดินจับจูงมือมากับเด็กชายที่ตัวสูงเลยเอวมาเพียงเล็กน้อย ตกใจแทบแย่เมื่อใบหน้าเครียดขึงนั้นกำลังแย้มยิ้มให้กับเด็กน้อย พอได้เห็นว่าใบหน้าคนทั้งคู่ดูละม้ายคล้ายคลึงกันหลายส่วนจึงเข้าใจ



              นี่หรือคุณชายน้อยตระกูลคิม?



              คุณชายน้อยเจ็บป่วยอยู่ไม่ใช่หรือ?



                “ เหตุใดวันนี้ท่านเสนาบดีคิมจึงพาเขามาข้างนอกกันเล่า?



              เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้น ชาวบ้านต่างลอบมองสองพ่อลูกที่เดินจับจูงมือกันเที่ยวเล่นอย่างนึกสงสัย มีใครบ้างในเมืองหลวงไม่รู้ว่าคุณชายน้อยตระกูลคิมเจ็บป่วยมานานหลายปี สามวันดีสี่วันไข้ แม้จะก้าวเขาออกจากจวนก็ยังแทบเป็นไปไม่ได้ หลายเดือนก่อนเสนาบดีคิมยังวิ่งวุ่นตามหาหมอเทวดามายื้อชีวิตบุตรชายตนอยู่เลย! ทว่าเบื้องหน้าพวกตนตอนนี้กลับไม่เหมือนดังคิดไว้เลยแม้แต่น้อย!



              เด็กชายผู้นั้นมีใบหน้ากระจ่างใส ดวงตาเป็นประกาย รอยยิ้มงามจับใจ



              ดูอย่างไรก็ไม่มีเค้ารางของคนป่วย



              “ เอ .. พวกท่านไม่รู้กันหรือนี่ ..



              เสียงหนึ่งดังขึ้น ทว่ากลับไม่พบตัวคนพูดเนื่องจากที่นี่มีคนแออัดมากเกินไป



              คุณชายน้อยกลับมาแข็งแรงดีแล้ว



                โอ้ .. เป็นไปได้อย่างไรกัน! ”



              สิ้นเสียงนั้นชาวบ้านต่างพากันส่งเสียงเซ็งแซ่ด้วยความประหลาดใจและความอยากรู้อยากเห็น เป็นไปได้อย่างไรกัน? คุณชายน้อยที่ป่วยหนักมาตลอดชีวิตได้กลับมาแข็งแรงแล้วเช่นนั้นหรือ? ที่หลายวันก่อนจวนตระกูลคิมแทบจะไร้เงาคนก็เป็นเพราะเหตุนี้ด้วยใช่หรือไม่? เช่นนั้นแล้วพวกเขาไปที่ไหนมากันแน่?



              เจ้าว่า— ” หญิงคนหนึ่งป้องปากกระซิบ เป็นเพราะพวกเขาไปพบ พ่อมดผู้นั้น หรือไม่?



              ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับนาง หลายปีมานี้ผู้คนมักหยิบยกเรื่องของพ่อมดผู้นั้นมาเป็นประเด็นของบทสนทนาเสมอ กิตติศัพท์ของพ่อมดผู้นั้นคนในเมืองหลวงต่างรู้กันทั่ว คนมีหนี้สินท่วมหัวกลับมีคนใจบุญชำระหนี้ให้ ขอทานกลายเป็นเศรษฐีชั่วข้ามคืน ชาวนาได้เกี่ยวดองกับตระกูลพ่อค้ามั่งคั่งตระกูลหนึ่ง คนใกล้ตายหายจากอาการเจ็บป่วยเป็นปลิดทิ้ง ลูกชายที่หายตัวไปในสนามรบหลายปีกลับมาบ้าน... ทว่าแม้จะมีสิ่งยืนยันว่าพ่อมดนั้นมีตัวตนจริง ๆ แต่พวกเขากลับพบว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีวาสนาได้พบ ส่วนมากแล้วคนที่ได้พบมักจะมีชีวิตยากแค้นและสิ้นหวัง ราวกับว่าพ่อมดเลือกช่วยเหลือเพียงคนกลุ่มนี้เท่านั้น



              ไม่นานนักเรื่องที่คุณชายน้อยตระกูลคิมรอดพ้นจากความตายก็ได้ถูกกระจายไปทั่วทั้งเมือง มีหลายคนพยายามเดินทางไปพบพ่อมดผู้นั้น ด้วยหวังว่าตนจะได้ชีวิตใหม่เช่นนั้นบ้าง ทว่า .. ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามค้นหาอย่างไรก็ไม่พบ พ่อมดผู้นั้นหายตัวไปเสียแล้ว! สุดท้ายกาลเวลาจึงได้ผันผ่าน เนิ่นนานจนผู้คนเริ่มหลงลืมเรื่องราวของพ่อมดผู้นั้นไปจนหมดสิ้น



              อ้อ! แต่สำหรับใครหลายคนแล้ว .. เรื่องของพ่อมดผู้นั้นกลับเป็นเหมือนสิ่งที่ถูกสลักเอาไว้ในหัวอย่างมิอาจลืมเลือนได้ ราวกับเป็นสิ่งที่คอยย้ำเตือนว่าตนได้ให้สัญญาสิ่งใดเอาไว้นั่นแล






    TALK;

    *ฮันกวา (한과) = ขนมพื้นบ้านของเกาหลี มีหลายชนิด ดูเพิ่มเติม

    สวัสดีจ้า ขยันมากเลยนะช่วงนี้ เขียนพีเรียดยากมากๆๆๆ เอาข้อมูลมาจากไหนจะพยายามแปะลิ้งก์ให้นะคะ

    อ้อ ลืมใส่เรฟคอสตูมของพ่อมดตอนก่อนฮะ อาจไม่เหมือนเป๊ะแต่ก็ประมาณนี้น้า คลิ๊ก (ปล. ใส่รูปไม่ได้เฉยเลย)

    อย่าลืมแวะเล่นแท็ก #ดอกไม้สีแดงเบ่งบานยามวสันตฤดู นะเคิ้บ


             
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×