คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่หนึ่ง
บทที่หนึ่ง
ยามฤดูใบไม้ผลิมาเยือนในปีที่สองของการแต่งงาน
คุณหนูยอนอา นางผู้เป็นที่รักเพียงหนึ่งเดียวของเสนาบดีคิมได้ให้กำเนิดบุตรคนแรกท่ามกลางความยินดีปรีดา
เมื่อรุ่งอรุณมาถึง .. พวกเขาต่างได้ยินเสียงเด็กร้องมาจากด้านในห้อง
ผู้ที่กำลังจะได้เป็นบิดาคนแทบกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่
หลังจากนั้นเสียงประกาศจึงดังกึกก้องไปทั่วจวนตระกูลคิม
ป่าวประกาศถึงการเริ่มต้นอันดีนี้ว่า
“ เป็นคุณชายน้อย!
เป็นคุณชายน้อย! ”
คิมยองกวัง
คล้ายหลงลืมหมดสิ้นทุกอย่าง ความสุขล้นปรี่จนแทบท้นทะลักออกจากอก ปีแล้วปีเล่าที่เขาเฝ้ารอคอยให้เมล็ดพันธุ์น้อย
ๆ เจริญงอกงามในครรภ์นางผู้เป็นที่รัก ในที่สุดก็สมหวังดั่งใจ และวันนี้ความฝันของพวกเขาเป็นจริงแล้ว
“ นายท่าน ” ใบหน้าหมอตำแยยังคงซีดเผือด
“ มีสิ่งหนึ่งที่นายท่านจำเป็นต้องรู้เจ้าค่ะ ”
“ ว่ามาสิ! ว่ามาได้เลย! ”
เสนาบดีคิมเตรียมพร้อมจะพุ่งเข้าไปด้านในห้องเต็มแก่
ติดที่ว่าหมอตำแยยังคงอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เอาแต่ก้มหน้าก้มหน้าไม่ยอมกล่าวอะไรเสียที
“ เอ่อ .. ข้า .. ”
“ ว่าอย่างไรเล่า?
”
เหงื่อเม็ดโตผุดซึมตามกรอบใบหน้าของหมอตำแยผู้นั้น
ร่างกายสั่นสะท้านดั่งต้องลมหนาว
“ นายท่าน! ข้าสมควรตายเจ้าค่ะ! ”
“ ท่านหมอหมายความว่าอย่างไร?
”
นางเริ่มร่ำไห้ก่อนจะทรุดตัวลง เหล่าผู้ช่วยที่เหลือก็รีบทรุดตัวตาม
โขกหัวกับพื้นเสียงดังลั่น
“ นายท่าน คราแรกพวกเราไม่แน่ใจนัก
แต่พอสลับกันตรวจหลาย ๆ ครั้งแล้วจึงได้มั่นใจ... ”
“ คุณชายน้อยมีหัวใจผิดปกติเจ้าค่ะ! ”
ฉับพลันวสันตฤดู (ฤดูใบไม้ผลิ)
ก็คล้ายกลับกลายเป็นสารทฤดูเพียงชั่วพริบตา (ฤดูใบไม้ร่วง)
คุณชายน้อยถูกตั้งชื่อว่า
คิมแทฮยอง
หลายปีผันผ่าน คุณชายน้อยในวันวานเติบโตมาถึงวัยสิบเอ็ดหนาวพร้อมกับโรคประจำตัวที่ไม่ว่าจะพลิกแผ่นดินตามหาหมอเทวดาสักกี่คนก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้
ช่วงสามสี่ปีแรกอาการของโรคประจำตัวยังไม่รุนแรงมากนัก ทว่าเมื่อผ่านมาเจ็ดหนาว ..
คุณชายน้อยมักมีอาการเหนื่อยง่าย ร่างกายอ่อนแอแม้เพียงลมพัดผ่านอาจจะจับไข้ในไม่กี่ชั่วยาม
นับวันอาการยิ่งย่ำแย่ หมอทุกคนล้วนแต่ถอนหายใจและส่ายหน้า ลงความเห็นว่าชีวิตน้อย
ๆ นี้อาจอยู่ได้ไม่ถึงสิบสามหนาวด้วยซ้ำ
ผู้เป็นบิดาเริ่มตระหนักได้ว่า แม้ตนจะเป็นใหญ่ทว่ากฎธรรมชาติไม่อาจฝืนได้
พวกเขาเกือบถอดใจในการยื้อชีวิตของบุตรชายตน
ใบหน้าทุกข์ตรมของผู้เป็นภรรยาทำให้เสนาบดีคิมพลอยเศร้าตาม ทว่าคล้ายสวรรค์ยังมีเมตตา
.. ในบ่ายวันหนึ่งพ่อบ้านประจำตระกูลได้รีบร้อนขอเข้าพบ ก่อนจะกล่าวถึงบางสิ่งที่ได้ยินมาจากข้างนอก
“ เมื่อครู่เจ้ากล่าวถึง— ” เสนบาดีคิมจับจ้องใบหน้านั้นเขม็ง “ —พ่อมด? ”
“ เป็นเช่นนั้นขอรับนายท่าน
”
ตนได้ยินชาวบ้านล่ำลือกันหนาหูเรื่องพ่อมดตนหนึ่ง
อาศัยอยู่ในป่าลึก ปลีกวิเวกจากผู้คนและตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง ว่ากันว่าหากปรารถนาสิ่งใดก็ให้ไปขอร้องพ่อมดผู้นั้น
ไม่ว่าสิ่งที่ปรารถนาจะเป็นไปได้ยากแค่ไหนก็ย่อมเป็นไปได้
“ แต่ดูเหมือนว่า .. ทุกความปรารถนาย่อมมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอขอรับ
”
ซึ่งข้อแลกเปลี่ยนนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าพ่อมดจะเรียกร้องเอาอะไร
มาถึงตรงนี้เสนาบดีคิมกลับมีสีหน้าทะมึน
เขาตบฝ่ามือลงบนโต๊ะดังลั่น แล้วตวาดเสียงกร้าวจนทาสรับใช้ต่างพากันตัวสั่นงันงก แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นยังไม่มีใครกล้า
“ เรื่องไร้สาระเช่นนี้เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อหรือ!
บุตรชายของข้ากำลังมีชีวิตคาบเกี่ยวระหว่างความเป็นความตายแต่เจ้ากลับเชื่อถือเรื่องหลอกเด็กเช่นนี้
เฮอะ พ่อมดอันใดกัน! เหลวไหลทั้งเพ! ”
พ่อบ้านยังคงก้มหน้ารับฟังด้วยท่าทางนิ่งสงบ
รอจนกระทั่งเจ้านายตนเริ่มระงับโทสะได้แล้วจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง แต่ทว่ายังไม่ทันจะได้อ้าปากกล่าวสิ่งใดกลับมีเสียงร้อนรนใจดังมาจากด้านนอก
บรรยากาศคุกรุ่นหยุดชะงักกลางคัน
“ นายท่าน! นายท่าน!
”
“ คุณชายน้อยอาการกำเริบอีกแล้วขอรับ!
”
ใบหน้าของเสนาบดีคิมซีดเผือด
ร่างสูงใหญ่ผุดลุกขึ้นด้วยความรีบร้อน ประตูเปิดออกพร้อมกับร่างของทาสรับใช้ที่ก้มหน้าหมอบอยู่บนพื้น
ท่าทางหวาดหวั่น ก่อนก้าวเท้าออกไป .. กลับมีอะไรบางสิ่งดลใจให้หันกลับไปมองพ่อบ้านประจำตระกูลอีกครั้ง
นัยน์ตาคมหรี่ลงอย่างครุ่นคิด แม้เขาจะไม่เชื่อเรื่องลี้ลับหรือไสยศาสตร์ แต่ก็ไม่มีหนทางใดหลงเหลือที่จะช่วยยื้อชีวิตบุตรชายของตนได้อีกแล้ว
“ เรื่องของพ่อมดผู้นั้น — เป็นความจริงแน่หรือ? ”
“ มีคนเคยได้พบกับพ่อมดผู้นั้นจริง
ๆ ขอรับนายท่าน คนมีหนี้สินท่วมหัวกลับมีคนใจบุญชำระหนี้ให้
ขอทานกลายเป็นเศรษฐีชั่วข้ามคืน
ชาวนาได้เกี่ยวดองกับตระกูลพ่อค้ามั่งคั่งตระกูลหนึ่ง
คนใกล้ตายหายจากอาการเจ็บป่วยเป็นปลิดทิ้ง
ลูกชายที่หายตัวไปในสนามรบหลายปีกลับมาบ้าน ผู้คนเหล่านี้ล้วนมีตัวตนจริง ๆ ขอรับ ”
หลังจากฟังจบเขาจึงยกฝ่ามือขึ้นลูบใบหน้าอย่างเหนื่อยล้า
สุดท้ายจึงตัดสินใจได้
“ เตรียมขบวนรถม้าให้ข้า
อย่าได้สะดุดตานัก นำผู้ติดตามไปเพียงยี่สิบนายก็พอ ”
พ่อบ้านเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย
ดวงตาสว่างวาบ
“ ข้าจะไปพบเขา
”
“ นายท่านโปรดวางใจ ”
สองสามวันต่อมาเสนาบดีคิมตัดสินใจออกเดินทางพร้อมกับขบวนธรรมดา
ๆ ที่ไม่สะดุดตาชาวบ้านและโจรป่าเพื่อไปพบพ่อมดผู้นั้น ตนต้องปลอมตัวเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดา
ส่วนผู้ติดตามอีกยี่สิบนายก็ปลอมตัวเป็นทาสรับใช้
คราแรกเขาตั้งใจจะไปเพียงลำพังหากแต่ก็ทนการอ้อนวอนของภรรยาตนไม่ไหว
นางกล่าวว่าชีวิตของบุตรชายนางย่อมมีส่วนเกี่ยวข้อง ฉะนั้นจะให้นางอยู่เฉย ๆ
แล้วปล่อยเขาไปเพียงลำพังได้อย่างไร ครั้นจะไปกันเพียงสองคนก็เกรงว่าอาการบุตรชายอาจทรุดลงตอนที่พวกตนไม่อยู่จวน
สุดท้ายจึงต้องนำตัวบุตรชาย พ่อบ้าน และหมอหนึ่งคนมาด้วย
“ น้ำชาที่คุณชายต้องการได้แล้วขอรับ
”
ยามเช้ามืดร้านรวงยังเปิดไม่มากนัก
มีเพียงไม่กี่ร้านในตลาดที่เปิดต้อนรับลูกค้า
และหนึ่งในที่กล่าวมานั้นรวมถึงโรงน้ำชาเล็ก ๆ แห่งนี้ด้วย ภายในร้านมีลูกค้าเพียงคนเดียวบรรยากาศจึงเงียบสงบยิ่ง
เด็กหนุ่มวัยไม่เกินสิบหกหนาวยกชุดน้ำชามาวางบนโต๊ะอย่างนอบน้อม ทำท่าจะรินชาให้แต่กลับต้องชะงักเมื่อเห็นว่าคุณชายผู้นี้ตวัดฝ่ามือเบา
ๆ เป็นเชิงปฏิเสธ
“ หากคุณชายขาดเหลือสิ่งใดโปรดบอกข้าน้อย
”
คุณชายผู้นั้นยกยิ้มมุมปาก
ดูเป็นมิตรอยู่หลายส่วน ฝ่ามือเรียวสวยอย่างชนชั้นสูงค่อย ๆ
รินชาใส่ถ้วยเบื้องหน้าตนเอง ยกถ้วยนั้นขึ้นสูดกลิ่น
จิบเล็กน้อยเพื่อละเลียดชิมรสชาติ
“ ชานี้เป็นชาดี
” นัยน์ตาลุ่มลึกเหลือบมองเด็กหนุ่ม กล่าวต่ออย่างนุ่มนวลว่า
“ เพียงแต่ข้าไม่ค่อยชอบรสชาติจืดจางสักเท่าไหร่
ผู้คนที่นี่นิยมดื่มชาคู่กับสิ่งใดหรือ? ”
“ ปกติลูกค้าของเรามักดื่มชาคู่กับของหวานขอรับ
อาจจะเป็น*ฮันกวาหรือผลไม้เชื่อมตามฤดูกาล แล้วแต่ความชอบของลูกค้าแต่ละคนขอรับ
”
“ อ้อ ..
ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็นำผลไม้เชื่อมมาให้ข้า ”
“ ได้ขอรับ คุณชายโปรดรอสักประเดี๋ยว
”
เด็กหนุ่มโค้งตัว ทว่ายังไม่ทันจะได้เดินเลี่ยงตัวไปหลังครัว
— คุณชายผู้นั้นกลับเอ่ยรั้ง
“ เจ้ารู้จักเสนาบดีคิมหรือไม่?
”
“ รู้จักขอรับคุณชาย
มีสิ่งใดที่ข้าน้อยสามารถช่วยได้หรือไม่ขอรับ? ”
“ ไม่มี เพียงแค่เคยได้ยินชื่อเสียงมานานก็เท่านั้น
” อีกฝ่ายยิ้มน้อย ๆ สายตาจับจ้องเพียงลวดลายบนถ้วยน้ำชาในมือตนเอง
“ หากได้พบสักครั้งก็คงจะเป็นวาสนาของข้า ”
“ โอ้ ..
หากคุณชายมาเพื่อพบท่านเสนาบดีคิมก็เกรงว่าจะต้องผิดหวัง ”
“ ทำไมเป็นเช่นนั้นได้เล่า?
”
“ ท่าทางคุณชายมาจากต่างเมืองใช่หรือไม่ถึงได้ไม่รู้เรื่องนี้
” เด็กหนุ่มหันมองรอบตัวอย่างระแวดระวัง
ก่อนจะป้องปากกระซิบต่อว่า “ คุณชายน้อยตระกูลคิมป่วยหนักจนคนในจวนแทบอยู่ไม่สุข
หมอเทวดากี่คน ๆ ต่างพากันส่ายหน้า ว่ากันว่าพระราชาทรงเมตตาประทานยาชั้นเลิศให้แต่ก็ช่วยอันใดไม่ได้
จนหลายเดือนมานี้จวนของท่านเสนาบดีคิมแทบไม่เปิดต้อนรับใครเลยขอรับ ”
คุณชายผู้นั้นวางถ้วยน้ำชาว่างเปล่าลงบนโต๊ะ
ถอนหายใจ นัยน์ตาทอดมองออกไปด้านนอกประตู มองขบวนรถม้าขบวนหนึ่งวิ่งผ่านไป ก่อนจะเอ่ยออกมาเรียบ
ๆ ว่า
“ ช่างน่าเห็นใจ
”
...ครอบครัวที่น่าสงสาร
ทว่าไม่กี่วันต่อมาจวนตระกูลคิมกลับครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง
.. ชาวบ้านพากันประหลาดใจ คล้ายไม่คุ้นชินอยู่บ้างที่บรรยากาศแสนอึมครึมของจวนตระกูลคิมกลับมาเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาอีกครั้ง
ใบหน้าทุกข์ตรมของท่านเสนาบดีกับผู้เป็นภรรยาที่ต่างเห็นจนชินตามานานประดับด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
ทุกคนต่างสงสัยว่าหลายวันที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกันหนอ?
หลังจากพากันคาดเดาสาเหตุไปต่าง ๆ นานา
ไม่นานนักชาวบ้านจึงได้รู้ว่ามีข่าวดีเกิดขึ้นกับตระกูลคิมแล้ว หรืออาจเรียกว่าเป็นปาฏิหาริย์ก็ย่อมได้
สายวันหนึ่งพวกตนเห็นเสนาบดีคิมเดินจับจูงมือมากับเด็กชายที่ตัวสูงเลยเอวมาเพียงเล็กน้อย
ตกใจแทบแย่เมื่อใบหน้าเครียดขึงนั้นกำลังแย้มยิ้มให้กับเด็กน้อย พอได้เห็นว่าใบหน้าคนทั้งคู่ดูละม้ายคล้ายคลึงกันหลายส่วนจึงเข้าใจ
นี่หรือคุณชายน้อยตระกูลคิม?
“ คุณชายน้อยเจ็บป่วยอยู่ไม่ใช่หรือ?
”
“ เหตุใดวันนี้ท่านเสนาบดีคิมจึงพาเขามาข้างนอกกันเล่า?
”
เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้น
ชาวบ้านต่างลอบมองสองพ่อลูกที่เดินจับจูงมือกันเที่ยวเล่นอย่างนึกสงสัย มีใครบ้างในเมืองหลวงไม่รู้ว่าคุณชายน้อยตระกูลคิมเจ็บป่วยมานานหลายปี
สามวันดีสี่วันไข้ แม้จะก้าวเขาออกจากจวนก็ยังแทบเป็นไปไม่ได้ หลายเดือนก่อนเสนาบดีคิมยังวิ่งวุ่นตามหาหมอเทวดามายื้อชีวิตบุตรชายตนอยู่เลย!
ทว่าเบื้องหน้าพวกตนตอนนี้กลับไม่เหมือนดังคิดไว้เลยแม้แต่น้อย!
เด็กชายผู้นั้นมีใบหน้ากระจ่างใส
ดวงตาเป็นประกาย รอยยิ้มงามจับใจ
ดูอย่างไรก็ไม่มีเค้ารางของคนป่วย
“ เอ ..
พวกท่านไม่รู้กันหรือนี่ .. ”
เสียงหนึ่งดังขึ้น
ทว่ากลับไม่พบตัวคนพูดเนื่องจากที่นี่มีคนแออัดมากเกินไป
“ คุณชายน้อยกลับมาแข็งแรงดีแล้ว
”
“ โอ้ .. เป็นไปได้อย่างไรกัน! ”
สิ้นเสียงนั้นชาวบ้านต่างพากันส่งเสียงเซ็งแซ่ด้วยความประหลาดใจและความอยากรู้อยากเห็น
เป็นไปได้อย่างไรกัน? คุณชายน้อยที่ป่วยหนักมาตลอดชีวิตได้กลับมาแข็งแรงแล้วเช่นนั้นหรือ?
ที่หลายวันก่อนจวนตระกูลคิมแทบจะไร้เงาคนก็เป็นเพราะเหตุนี้ด้วยใช่หรือไม่?
เช่นนั้นแล้วพวกเขาไปที่ไหนมากันแน่?
“ เจ้าว่า—
” หญิงคนหนึ่งป้องปากกระซิบ “ เป็นเพราะพวกเขาไปพบ
พ่อมดผู้นั้น หรือไม่? ”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับนาง
หลายปีมานี้ผู้คนมักหยิบยกเรื่องของพ่อมดผู้นั้นมาเป็นประเด็นของบทสนทนาเสมอ
กิตติศัพท์ของพ่อมดผู้นั้นคนในเมืองหลวงต่างรู้กันทั่ว ‘ คนมีหนี้สินท่วมหัวกลับมีคนใจบุญชำระหนี้ให้
ขอทานกลายเป็นเศรษฐีชั่วข้ามคืน
ชาวนาได้เกี่ยวดองกับตระกูลพ่อค้ามั่งคั่งตระกูลหนึ่ง
คนใกล้ตายหายจากอาการเจ็บป่วยเป็นปลิดทิ้ง
ลูกชายที่หายตัวไปในสนามรบหลายปีกลับมาบ้าน... ’ ทว่าแม้จะมีสิ่งยืนยันว่าพ่อมดนั้นมีตัวตนจริง
ๆ แต่พวกเขากลับพบว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีวาสนาได้พบ
ส่วนมากแล้วคนที่ได้พบมักจะมีชีวิตยากแค้นและสิ้นหวัง —
ราวกับว่าพ่อมดเลือกช่วยเหลือเพียงคนกลุ่มนี้เท่านั้น
ไม่นานนักเรื่องที่คุณชายน้อยตระกูลคิมรอดพ้นจากความตายก็ได้ถูกกระจายไปทั่วทั้งเมือง
มีหลายคนพยายามเดินทางไปพบพ่อมดผู้นั้น ด้วยหวังว่าตนจะได้ชีวิตใหม่เช่นนั้นบ้าง
ทว่า .. ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามค้นหาอย่างไรก็ไม่พบ พ่อมดผู้นั้นหายตัวไปเสียแล้ว!
สุดท้ายกาลเวลาจึงได้ผันผ่าน เนิ่นนานจนผู้คนเริ่มหลงลืมเรื่องราวของพ่อมดผู้นั้นไปจนหมดสิ้น
อ้อ! แต่สำหรับใครหลายคนแล้ว .. เรื่องของพ่อมดผู้นั้นกลับเป็นเหมือนสิ่งที่ถูกสลักเอาไว้ในหัวอย่างมิอาจลืมเลือนได้ ราวกับเป็นสิ่งที่คอยย้ำเตือนว่าตนได้ให้สัญญาสิ่งใดเอาไว้นั่นแล
TALK;
*ฮันกวา (한과) = ขนมพื้นบ้านของเกาหลี
มีหลายชนิด ดูเพิ่มเติม
สวัสดีจ้า
ขยันมากเลยนะช่วงนี้ เขียนพีเรียดยากมากๆๆๆ
เอาข้อมูลมาจากไหนจะพยายามแปะลิ้งก์ให้นะคะ
อ้อ ลืมใส่เรฟคอสตูมของพ่อมดตอนก่อนฮะ อาจไม่เหมือนเป๊ะแต่ก็ประมาณนี้น้า คลิ๊ก (ปล. ใส่รูปไม่ได้เฉยเลย)
อย่าลืมแวะเล่นแท็ก #ดอกไม้สีแดงเบ่งบานยามวสันตฤดู นะเคิ้บ
ความคิดเห็น