คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบท
ปฐมบท
สารทฤดูมาเยือนในรอบปี
อากาศในยามค่ำจึงทำให้รู้สึกหนาวเหน็บไม่น้อย เสียงกรอบแกรบของใบไม้แห้ง
เสียงนกและจิ้งหรีดเรไรร้องระงม แม้แต่เสียงลมพัดหวีดหวิวก็ยังฟังดูไม่น่าไว้ใจ
พวกเขาจ้องมองสิ่งปลูกสร้างเบื้องหน้าด้วยความหวังและความหวาดหวั่น
ที่แห่งนี้ดูคล้ายศาลเจ้า — ทว่ากลิ่นอายที่แผ่ออกมานั้นชั่วร้ายกว่า
มันตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางป่าเขาห่างไกลหมู่บ้าน ต้องรอนแรมตลอดทั้งวัน
กว่าจะมาถึงก็พลบค่ำเสียแล้ว
“ เจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นที่นี่?
”
“ มีเพียงที่แห่งนี้ที่เดียวขอรับ ”
นัยน์ตาคมเพ่งมองแผ่นป้ายเขรอะ
ๆ เหนือประตูบานใหญ่ ปรากฏเป็นข้อความสั้น ๆ ไม่คล้ายชื่อสถานที่
ในความมืดตัวหนังสือบนแผ่นป้ายนั้นเลือนรางนัก
พลับพลึงแดงฉาน
เบ่งบานท่ามกลางเสียงร่ำไห้
ยิ่งเวลาผ่านไปนานมากเท่าไหร่สายลมยามค่ำคืนยิ่งเย็นบาดผิว
ความไม่น่าไว้ใจของสถานที่แห่งนี้ทำให้ คิมยองกวัง รู้สึกลังเลใจ ทว่าหากกลับไปทางเดิมก็เกรงว่าจะเจอสัตว์ป่าหรือโจรป่ามาเพ่นพ่าน
อีกทั้งชีวิตบุตรชายของตนก็ไม่สามารถรีรอไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว
“ เอาเถิด
ข้างนอกนี้หนาวนัก อย่างไรเสียพวกเราจำเป็นต้องหาที่พักแรม ”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาได้พลิกแผ่นดินหาทุกหนทางช่วยยื้อชีวิตของบุตรชาย
หนทางเหล่านั้นช่างมืดมน
การมาเยือนที่นี่ก็ถือได้ว่าไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไปไม่ใช่หรือ?
“ เช่นนั้นข้าจะนำทางนายหญิงกับคุณชายน้อยมาขอรับ
”
“ ระวังด้วย
ดอกไม้พวกนี้มีพิษ ”
หากมองไปรอบ ๆ
ตัวแล้วจะพบว่ามีดอกพลับพลึงสีแดงบานสะพรั่งเต็มไปหมด มองเผิน ๆ
ดูคล้ายเลือดปกคลุมผืนดิน งดงามทว่าชวนสยดสยอง ใบหน้ายองกวังพลันมืดครึ้มขึ้นมา
สถานที่แห่งนี้ช่างอัปมงคลเสียจริง ดอกพลับพลึงสีแดงได้ชื่อว่าเป็นดอกไม้แห่งความตาย
อีกทั้งยังเต็มไปด้วยพิษร้าย ผู้คนจึงนิยมปลูกใกล้หลุมฝังศพเท่านั้น
หาได้มีใครนิยมเอามาปลูกเพื่อความสวยงาม
“ ท่านพี่
”
“ น้องหญิง
เป็นอย่างไรบ้าง? ”
ไม่กี่อึดใจต่อมาเขาได้สะดุ้งจากภวังค์ความคิด
เรือนร่างบอบบางค่อย ๆ บีบกระชับฝ่ามือของเขาแผ่วเบา ใบหน้าของ ซอนอา นางผู้เป็นที่รักมีร่องรอยความอิดโรยตามประสาคุณหนูผู้ถูกประคบประหงมมาตลอดชีวิต
หากแต่ครานี้นางยอมอดทนลำบากออกเดินทางมาพร้อมกับสามีและลูก
“
ปวดเมื่อยเพียงเล็กน้อยเจ้าค่ะ ” นางตอบเสียงเบา
“ แต่ข้าเกรงว่าลูกจะอ่อนเพลียมากเกินไป ”
ใบหน้าของผู้เป็นทั้งภรรยาและมารดาของลูกตนนั้นเต็มไปด้วยความหม่นหมอง ยองกวังดึงร่างนางเข้ามากอด
กระบอกตาร้อนผ่าวจนไม่อาจกลั้น หัวใจเขาก็แหลกสลายไม่แพ้นาง เวลาชีวิตบุตรชายที่ตนและคนรักเฝ้าฟูมฝักด้วยความรักกำลังนับถอยหลัง
เพราะโรคประจำตัวที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็รักษาไม่หาย
“ ท่านพี่
ข้ากลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ ”
“ จงอย่าคิดเช่นนั้นเลยน้องหญิง
ลูกของเราสองคนจะต้องหายดี... ”
บุตรชายของพวกเขาเกิดมามีหัวใจผิดปกติ
ร่างกายอ่อนแอแม้กระทั่งสายลมพัดผ่านก็อาจส่งผลกระทบรุนแรง ตั้งแต่เล็กจนโตจึงได้แต่เก็บตัวอยู่ในจวน
ไม่นานมานี้สุขภาพร่างกายของบุตรชายทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็วจนหมอหลายคนเกรงว่าจะอยู่ได้ไม่เกินสิบสามหนาว
สุดท้ายตนจึงคว้าโอกาสสุดท้ายเอาไว้ — นั่นก็คือการมาเยือนสถานที่แห่งนี้
ยองกวังหันไปมองบุตรชายตนเองที่ถูกพ่อบ้านอุ้มเดินตามมา
ใบหน้าซีดขาวของเด็กชายวัยสิบเอ็ดหนาวส่งยิ้มจาง ๆ มาให้
พลันในค่ำคืนหนาวเหน็บกลับอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ
“ อากาศเริ่มเย็นแล้ว
พวกเรารีบเข้าไปข้างในกันเถิด ”
แอ๊ดด
...!?!
อยู่ ๆ
บานประตูที่เคยเปิดสนิทกลับค่อย ๆ แง้มออกจนเผยให้เห็นร่างชายคนหนึ่งยืนตระหง่านท่ามกลางแสงสลัว
ในมือชายคนนั้นถือตะเกียงน้ำมันที่ให้แสงสว่างเพียงวูบไหว
เขาดึงร่างภรรยามาหลบด้านหลังตน ก่อนจะรีบส่งสายตาให้พ่อบ้านรีบปกป้องบุตรชาย ทหารยี่สิบนายรีบเคลื่อนฝ่ามือไปจับดาบของตนเพื่อเตรียมเฝ้าระวังภัย
“ โอ้
มืดค่ำป่านนี้แล้ว... ” ชายคนนั้นยังคงยืนนิ่ง “ พวกท่านมีธุระอันใดหรือขอรับ? ”
แสงไฟวูบไหวจากตะเกียงน้ำมันนั้นสว่างไม่มากพอจะเห็นใบหน้าทั้งหมดของชายแปลกหน้า
ทว่าหากสังเกตจากเค้าโครงรูปหน้านั้นแล้ว
ชายผู้นี้ดูละม้ายคล้ายกับบัณฑิตมากกว่าบ่าวรับใช้ แต่เหตุใดบัณฑิตหนุ่มผู้นี้จึงมาอาศัยอยู่ในสถานที่ห่างไกลผู้คนกันเล่า?
“ ขออภัยคุณชาย
พวกข้าออกเดินทางมาตั้งแต่เช้ามืด กว่าจะมาถึงที่นี่ก็พลบค่ำเสียแล้ว ”
“ พวกข้าเดินทางมาตามที่ชาวบ้านล่ำลือว่าที่นี่เป็นที่พำนักของ
.. เอ่อ .. พ่อมด ”
ยองกวังเอ่ยอย่างระมัดระวังเพราะยังไม่แน่ใจว่าชายผู้นี้เป็นใคร
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรับฟังอย่างนิ่งสงบจึงค่อยชื้นใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
“ เป็นท่านหรือที่ต้องการมาขอพร?
”
“ ขอพร? ” เขาทวนคำ ก่อนจะรีบกระแอมไอเมื่อรู้ตัวว่าตนกำลังแสดงท่าทีข้องใจออกไป “ จะว่าเช่นนั้นก็ได้ แต่ความจริงแล้วข้ามาขอพรให้บุตรชายของข้า ”
ชายผู้นั้นค่อย ๆ
ยกตะเกียงขึ้น
เผยให้เห็นใบหน้างดงามหมดจดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุภาพนุ่มนวลอย่างที่บัณฑิตพึงมี
ยองกวังจ้องมองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะเพื่อค้นหาความไม่ชอบมาพากล
เมื่อไม่พบสิ่งนั้นจึงค่อยวางใจได้บางส่วน อีกฝ่ายยกยิ้มน้อย ๆ
พลางผายมือเชื้อเชิญ
“ ถ้าเช่นนั้นก็ให้ข้านำทางพวกท่านเข้าไปด้านในเถิด
”
ภายในศาลเจ้าแห่งนี้กว้างขวางและสะอาดสะอ้านมากกว่าที่พวกเขาจินตนาการ
แต่ถึงอย่างไรบรรยากาศเงียบสงบจนวังเวงนั้นกลับไม่ได้ทำให้ที่นี่น่ามาเยือนแต่อย่างใด
สถานที่นี้เต็มไปด้วยความอึมครึมและกลิ่นอายอะไรสักอย่าง
ทหารยี่สิบนายยืนยันว่าจะรอด้านนอกจนกว่าพวกเขาจะกลับออกมา เนื่องด้วยชายแปลกหน้ากล่าวว่าพวกเขาสามารถเข้าไปในด้านในได้เพียงสามคนก็มากเกินพอ
“ ท่านกลัวหรือ?
เช่นนั้นท่านกลัวอะไรมากกว่ากันเล่า? ”
ชายผู้นั้นปรายตามองบุตรชายวัยสิบเอ็ดหนาวของเขาอย่างมีความนัย
นั่นทำให้เขาและภรรยาจำใจต้องจับจูงมือกันเดินหายลับไปหลังบานประตูที่ถูกแกะสลักเป็นลวดลายอะไรสักอย่างที่ไม่อาจคาดเดา
ยองกวังจูงมือซอนอาข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งก็เป็นบุตรชายตนซึ่งใบหน้าซีดขาวมากขึ้นทุกที
ที่แห่งนี้ถูกตกแต่งด้วยสีแดงสลับดำเป็นส่วนใหญ่
ผืนผ้าห้อยระโยงระยางมาจากฝ้าเพดาน
มีเพียงแสงไฟสลัวจากเชิงเทียนที่ตั้งอยู่ตามมุมห้อง ยามเคลื่อนไหวหนึ่งก้าว
เปลวเทียนก็จะวูบไหวหนึ่งครั้ง อีกทั้งกลิ่นกำยานหอมประหลาดยังตลบอบอวลชวนหายใจลำบากกว่าปกติ
พวกเขาพบกับคนผู้หนึ่ง
“ ท่านคือ — พ่อมดผู้นั้นหรือ? ”
ร่างนั้นนอนเอนตัวอย่างเกียจคร้านบนตั่งไม้ขนาดใหญ่ที่แกะสลักอย่างวิจิตรงดงาม
คลุมทับด้วยผ้านวมสีแดง คนผู้นั้นสวมใส่เพียงชุดคลุมสีดำ
ปักลวดลายคล้ายดอกไม้ด้วยด้ายสีแดง เมื่อมองดี ๆ แล้วจึงนึกออกว่าดอกไม้บนผืนผ้าคือดอกพลับพลึงนั่นเอง
“ ถ้าข้าบอกว่า
ใช่ แล้วมันจะเป็นเช่นไรหรือท่านเสนาบดี? ”
“ นี่ท่าน... ”
ยองกวังตื่นตระหนกไม่น้อยที่คนแปลกหน้าล่วงรู้เรื่องราวของตน
แต่เพื่อชีวิตน้อย ๆ ของบุตรชายเพียงคนเดียวแล้วเขาย่อมทำได้ทุกอย่าง หรือแม้กระทั่งทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่าต่อหน้าชายผู้นี้โดยที่ไม่อาจรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายจะสามารถช่วยบุตรชายตนได้จริงหรือไม่
“ ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย! ลูกชายเพียงคนเดียวของเรากำลังจะตาย!
”
แม้ความมืดสลัวจะทำให้มองเห็นใบหน้านั้นได้ไม่ชัดเจน
แต่สัญชาตญาณทำให้รู้ว่าชายผู้นั้นกำลังจับจ้องใบหน้าซีดเซียวของบุตรชายวัยสิบเอ็ดหนาวของเขา
มองสำรวจอย่างอ้อยอิ่ง
มองอยู่เช่นนั้นจนใบหน้าเผือดขาวเริ่มเจือด้วยสีระเรื่อจึงได้ยอมละสายตา
“ ทุกคำขอย่อมมีข้อแลกเปลี่ยน
ท่านยอมรับได้หรือ? ”
“ ข้ายอมรับได้ทุกอย่าง
ขอเพียงท่านช่วยลูกชายของข้า ”
“ ท่านจะเอาดาวบนฟ้า
สมบัติใต้ทะเลลึก หรือก้อนกรวดที่สวยงามที่สุดในทะเลทรายมากองแทบเท้าเพียงข้าเอ่ยปากขอ
— มันจะเป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่? ”
“ ย่อมเป็นเช่นนั้น ” ยองกวังตอบ “ ข้ามีอำนาจ มีเงินทอง มีทุกสิ่งที่หลายคนปรารถนาจะมี
ดังนั้นไม่ว่าสิ่งใดที่ท่านต้องการข้าจะหามาให้อย่างแน่นอน ”
ชายผู้นั้นหัวเราะ
กึ่งชอบใจกึ่งเย้ยหยัน อีกฝ่ายค่อย ๆ นวยนาดก้าวขาลงจากตั่งไม้แสนโอ่อ่า บรรยากาศภายในห้องทวีความอึดอัดเสียจนผู้เป็นภรรยาข้างกายเริ่มตัวสั่น
นางจับต้นแขนของเขาเอาไว้อย่างต้องการที่พึ่งพิง
“ ท่านพี่ ”
“ ชู่ว ..
ไม่เป็นไรน้องหญิง .. ไม่เป็นไร ”
ท่ามกลางแสงสว่างเพียงน้อยนิดจึงไม่อาจรู้ว่านัยน์ตาคู่นั้นกำลังจับจ้องอยู่ที่ใคร
“ ซอกจิน
” เงาดำไหววูบอยู่ตรงมุมห้อง “
เปิดตู้เสียสิ ”
อยู่ ๆ เงาดำนั้นกลับกลายเป็นบัณฑิตหนุ่มที่นำทางพวกเขามาที่นี่ตั้งแต่แรก
ซอนอากรีดร้องด้วยความตกใจ นางรีบดึงรั้งบุตรชายเข้ามากอดก่อนจะผวาเข้ามาหาเขา ร่างนั้นโผล่ออกมาจากเงามืดโดยปราศจากสุ้มเสียงใด
ชายหนุ่มเพียงแค่ดึงผ้าคลุมสีแดงออก — เผยให้เห็นตู้ไม้อันหนึ่ง
เมื่ออีกฝ่ายเปิดตู้นั้นออกมา พวกเขาตกใจเป็นอย่างมากที่พบว่าข้างในเรียงรายไปด้วยโหลแก้วมากมาย
และในแต่ละโหลแก้วมีก้อนเนื้อคล้ายอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของมนุษย์และสัตว์แช่อยู่ สวรรค์!
อวัยวะพวกนั้นกำลังขยับอยู่หรือ! ซอนอาทำท่าจะอาเจียน
นางรีบเบือนหน้าหนี ไม่สามารถจ้องมองไปยังตู้อันนั้นได้อีก
“ อย่ามอง! ”
นางพยายามยกมือปิดตาบุตรชาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว
.. เด็กชายตัวน้อยเห็น พวกมัน เต็มสองตาจึงได้แต่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมแขนผู้เป็นมารดา
ใบหน้ากลับมาซีดเผือดอีกครั้ง
สิ่งเหล่านั้นมันคืออะไรกัน...?
“ ลูกชายท่านจะได้ชีวิตใหม่
เพียงแค่เลือกหัวใจสักดวงในโหลเหล่านี้ขึ้นมา ”
“ แต่เลือกให้ดี ๆ หน่อยเล่า หัวใจทุกดวงในโหลล้วนมีเจ้าของ
แล้วก็จงอย่าลืมว่านี่เป็นเพียงการหยิบยืมเท่านั้น ข้าไม่ได้ให้มันกับท่านเปล่า ๆ
ปลี้ ๆ ”
ที่แท้พวกมันก็คือ ‘หัวใจ’
เด็กชายผงะ
เผลอหันไปสบตาชายผู้นั้นด้วยความตื่นตกใจ มันหมายความว่าอย่างไรกัน .. เหตุใดหัวใจพวกนี้จึงสามารถช่วยชีวิตเขาได้?
เหตุใดเขาจึงต้องเลือกมัน? เหตุใดหัวใจพวกนี้จึงถูกเก็บเอาไว้ ราวกับเป็นเพียงแค่ของสะสมธรรมดา
ๆ ?
“ ใครอยากได้ก็จงเลือกเอง ”
เด็กชายเหลือบมองใบหน้าเครียดขึงของบิดาและใบหน้าเผือดสีของมารดา เขารู้มาตลอดว่าชีวิตตนช่างเปราะบางเหลือเกิน
แม้จะนั่งเฉย ๆ ก็ยังรู้สึกเหนื่อยล้า หลายเดือนหลายปีต้องเห็นบิดาพลิกฟ้าตามหาหมอที่เก่งที่สุด
ยาที่ดีที่สุด อีกหลายสิ่งหลายอย่างมากมายที่จะสามารถยื้อชีวิตนี้ได้
หากว่านี่คือสิ่งที่บิดามารดาปรารถนาแล้วล่ะก็...
เด็กชายก้าวเท้าไปข้างหน้าจนกระทั่งหยุดตรงหน้าตู้ไม้ชวนขนลุกนั้น
พยายามแข็งใจกวาดสายตามองหัวใจมากมายในขวดโหล กลิ่นที่โชยออกมาทำให้รู้สึกคลื่นเหียน
หลังจากอดทนฝืนใจมองสำรวจหัวใจพวกนั้นอยู่นาน สุดท้ายจึงได้เลือกหัวใจดวงหนึ่งขึ้นมา
เขาประคับประคองโหลแก้วอย่างระมัดระวัง แล้วยื่นมันให้ชายผู้นั้น — โดยไม่ทันได้สังเกตว่านัยน์ตาอีกฝ่ายกำลังเปล่งประกายวาววับ
“ เจ้าเลือกหัวใจดวงนี้แน่หรือ?
”
“ ...ไม่ได้หรือขอรับ? ”
ชายผู้นั้นค่อย ๆ
ทรุดตัวลงนั่งเบื้องหน้าเด็กชาย ก่อนริมฝีปากจะแย้มออกเป็นรอยยิ้ม
“ ย่อมได้ ” ปลายนิ้วอีกฝ่ายแตะลงบนโหลแก้วแผ่วเบา
“ ถ้าหากมั่นใจว่าจ่ายไหว ”
แล้วหัวใจที่ดูเย็นชืดไร้ชีวิตชีวาในขวดโหลพลันกลับมา
‘เต้นรัว’ อีกครั้ง .. ช่างเป็นภาพที่น่าหวาดหวั่นยิ่งนักสำหรับเด็กชายในวัยเพียงสิบเอ็ดหนาว
เขาอยากจะถอยหนีไปให้ไกลจากคนตรงหน้า แต่คล้ายกับว่ากำลังถูกนัยน์ตาดำมืดคู่นั้นจับตรึง
ฝ่ามือเย็นเฉียบแนบลงมาข้างแก้ม
พลับพลึงแดงฉาน
เบ่งบานท่ามกลางเสียงร่ำไห้
“ จงใช้ชีวิตให้มีความสุข ” อีกฝ่ายกระซิบเยือกเย็น “ ข้าอวยพรให้เจ้า ”
ก่อนฝ่ามือนั้นจะเลื่อนลงมายังลำคอ ราวกับสามารถบีบเขาให้ตายได้ในครั้งเดียว
หัวใจร้าวราน
ดินกลบหน้าเจ้า มิอาจกลบความเศร้าในใจข้า
“ …และขอสาปแช่งเจ้า
”
เด็กชายได้ยินเสียงกรีดร้องของมารดาดังแว่วมาจากที่ไกลแสนไกล
แรงบีบตรงลำคอเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ดวงตาเขาพร่ามัวจนได้แต่หลั่งน้ำตาอย่างไร้ทางสู้
“ ข้าจะไปตามทวง มัน คืนเมื่อถึงเวลา
”
TALK;
ขออธิบายคร่าว ๆ นี่เป็นพีเรียดเรื่องยาวเรื่องแรกของเราที่เขียนอย่างจริงจัง เป็นพีเรียดเกาหลีแต่อ้างอิงความเชื่อของญี่ปุ่นเยอะมาก (เอ๊ะ)
พล็อตหลักของเรื่องนี้บางคนอาจจะพอคุ้นบ้าง เราเอามาจากอันนี้ค่ะ คลิ๊ก เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย รวมกับพล็อตสั้น ๆ ที่เคยเขียนไว้นานแล้ว
เนื้อเรื่องที่คาดไว้เป็นแนวสั่นประสาท (มั้งนะ) และเหนือธรรมชาติ อาจจะมีฉากไม่เหมาะสมโผล่มาบ้างแต่ยังไงจะขึ้นแจ้งเตือนให้ในตอนค่ะ
อยากเขียนพีเรียดกับเขาบ้าง อยากเขียนเกี่ยวกับดอกไม้ และดอกไม้ยอดฮิต(?) ในพีเรียดจีนก็คือดอกพลับพลึงสีแดงนี่แหละ
ปล. ข้อมูลบางอย่างถ้าไม่ถูกต้องก็สามารถกนะซิบบอกได้นะคะ
ปล. อย่าลืมฟังเพลงหน้าบทความนะก้ะ
ปล. ฟิคเรื่องเก่าที่ค้างไว้ยังไปต่อไม่ได้เลยค่ะ ; - ; ขออนุญาตเปิดเรื่องใหม่ก่อนน้า
คอมเม้นท์สักเร้ก ๆ น้อย ๆ ให้ชื่นใจได้ที่ #ดอกไม้สีแดงเบ่งบานยามวสันตฤดู
ความคิดเห็น