ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    zodiacปาฏิหารย์รัก12จักรราศี

    ลำดับตอนที่ #2 : aquarius vs cancer

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 49





                  บทบันทึกบทแรกจากดวงชะตานับล้าน  เจ้าได้เปิดเข้ามาสู่บทบันทึกแห่งดวงชะตาของพวกเขา

                 ....... หนุ่มกรกฏ  ผู้ยากจะเดาความคิดได้  มีความลึกลับในตัวเอง  ลักษณะภายนอกไม่ใส่ใจสิ่งรอบข้าง  แต่ส่วนลึกของจิตใจ  คือความมั่นคงในความรัก  และการมองว่าชีวิต  ก็คือชีวิต  มันย่อมไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ที่ตายตัว

                 ........ เธอสาวราศีกุมภ์  ผู้สดใส มีชีวิตชีวา  บางครั้งดูเหมือนหญิงสาวผู้ใสซื่อ  แต่ลึกลงไปภายในตัวเธอแล้ว  แอบซ่อนด้วยความคิดอันลึกซึ้งเอาไว้  ความรัก คือสิ่งที่ยั่งยืนสำหรับเธอ

                          ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาดูเรียบร้อย  เขากำลังมองตรงไปยังนาฬิกาปลุกสีเขียวเข้มบนหัวเตียง  ขณะนี้ที่เข็มนาฬิกาชี้บอกเวลา 8 นาฬิกาตรงไม่ขาดไม่เกิน  เพราะเข็มสั้นชี้ตรงเลข 8  ส่วนเข็มยาวนั้น  ชี้ตรงแหน่วอยู่ตรงเลข12

                          ' ให้เวลามันอีก5นาที '  ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาผู้มีนามอันดูดีออกจะมีศิลปะว่า  ' คีตภพ '  ซึ่งขณะนี้เขาเรียนวิศวฯ ปี4 บอกกับตัวเอง  แล้วจัดการรื้อเอกสาร2-3ชุดจากกองหนังสือขึ้นมา  แล้วเสียบไว้กับสมุดปกดำสนิทเล่มหนึ่ง  เขาวางมันเอาไว้บนกองหนังสือที่วางกองสุมกันไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นข้างเตียง  ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างๆโต๊ะที่เพิ่งวางสมุดไว้เมื่อสักครู่ 

                          คีตภพใช้นิ้วชี้เคาะโต๊ะเหมือนพยายามจะฆ่าเวลา  ก่อนจะมองสำรวจไปยังอีกมุมห้อง  ที่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าตรงนั้นคือห้องที่คนอาศัยอยู่หรือว่ากองขยะกันแน่ 

                          คีตภพหันไปมองนาฬิกาสีเขียวเข้มของตัวเองอีกครั้ง  ตอนนี้มันบอกเขาว่าเป็นเวลา 8 นาฬิกา  5 นาที  ไม่ขาดไม่เกิน  เพราะเข็มยาวไปชี้ตรงแหน่ว(เช่นเคย)อยู่ที่เลข1

                         เขาลุกขึ้น  แล้วเดินตรงไปยังกองปฏิกูลอีกมุมหนึ่ง 

                         หือ...มันแรงไปเหรอ  งั้นเอาเป็นว่า  กองขยะเหมือนเดิมก็ได้

                         เขาลุกขึ้น  แล้วเดินไปยังกองขยะอีกมุมหนึ่ง

                         เข้าไปใกล้สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง  ที่บัดนี้ยังไม่ปรากฎรูปร่างสัญฐานให้เห็น  เพราะมีกองผ้าห่มคลุมปกปิดเอาไว้อย่างมิดชิด

                         "  ไอ้ราม..ตื่นได้แล้ว  " 

                         "  ...............  "    เงียบ

                         ไม่มีสัญญาณตอบรับจากบุคคลที่ท่านเรียก

                         "  เฮ้ย  ..ตื่นเว้ย  "   เริ่มเพิ่มระดับเดซิเบล

                          "  ............  "    เงียบ

                          ไม่มีสัญญาณตอบรับจากบุคคลที่ท่านเรียก (อีกครั้ง)โปรดฝากข้อความ

                         "  ไอ้เฉี้ย...ตื่นได้แล้ว  "  คีตภพเรียก  พร้อมกับฝากข้อความเป็นบาทา  ลงไปบนสิ่งมีชีวิตเบื้องล่าง.... คราวนี้ดูเหมือนว่าสิ่งมีชีวิตนั้นเริ่มมีการตอบสนอง....ด้วยการเคลื่อนไหวอยู่ภายใต้กองผ้าห่ม

                          แต่พักเดียวก็หยุดไป  ทำให้คนที่ยืนอยู่ถอนหายใจอย่างหัวเสียเล็กน้อย  ก่อนจะมองไปรอบ ๆ อาณาจักรของสิ่งมีชีวิตบนเตียง  แล้วสายตาก็พลันไปเจอเข้ากับกระป๋องคุกกี้ยี่ห้อหนึ่ง  เจ้าของสโลแกนว่า  ' ที่นี่มีแต่ของอร่อย '  เข้าพอดี  กระป๋องคุกกี้ที่บัดนี้ว่างเปล่าอย่างน่าใจหาย  นอนแอ้งแม้งอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นรก ๆ

                          เขาจำได้ว่าเมื่อวานรุ่นน้องสาวสวยที่คณะเพิ่งยื่นให้มา  ในฐานะที่เป็นรุ่นพี่แสนดี สุดหล่อ (อันนี้คิดเอาเอง)  ช่วยสอนติวให้รุ่นน้อง   แต่ไหงแค่ช่วงข้ามคืน  ขนมของเขากลับไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว

                          คีตภพคว้ากระป๋องพร้อมฝาขึ้นมาอย่างหงุดหงิด  แล้วยื่นมันไปข้างหน้าใกล้กับกองผ้าห่ม

                           "  แป๊ง แป๊ง  "  เขาเคาะมันเข้าด้วยกันแล้วยิ้ม

                           "  ดังดีเหมือนกันแฮะ  "  คีตภพพยักหน้าหงึก ๆกับตัวเองก่อนจะหันไปยังกองผ้าห่มตรงหน้า

                           "  แม่งเอ้ย ไม่ไปก็ช่างมึง..วันนี้พรีเซนต์โปรเจคต์เสือ..กไม่ตื่น..ไปสาธยายกับ'จารย์เองแล้วกัน "

                           แล้วคีตภพก็มองกระป๋องคุกกี้ในมืออีกครั้งก่อนชูขึ้นสูง  แล้วจัดการพิสูจน์กฏของนิวตัน  ...ว่าด้วยการตกอย่างอิสระของวัตถุภายใต้แรงดึงดูดของโลก

                            "  แป๊ง !  "  เกิดเสียงดัง  จากการกระทบกันของ ๆแข็ง

                            จนไปรบกวนโสตประสาทของสิ่งมีชีวิตที่นอนนิ่งอยู่ในกองผ้าห่มเข้า

                            "  สัตว์ ! " 

                            เสียงสบถลอดผ่านออกมาจากกองผ้าห่ม  เป็นสัญญาณตอบรับเป็นครั้งแรก  แต่คีตภพหาได้สนใจไม่  เขาเดินกลับมาที่โต๊ะญี่ปุ่นของตัวเอง

                            หยิบสมุดที่วางเอาไว้  ก่อนจะนึกขึ้นได้  แล้วเดินกลับไปยังมุมนั้นอีกครั้ง  เพื่อมองหาบางอย่าง

                            แล้วสายตาก็ไปเจอกับโทรศัพท์มือถือสีเทาของตัวเองเข้า  " แม่งเห็นมองอยู่ตั้งแต่เมื่อคืน " 

                             มันนอนไร้ชีวิตอยู่ข้าง ๆเศษอะไรสักอย่างหนึ่งสีน้ำเงินหม่นๆ  ที่นอนม้วนตัวกลมเหมือนขนมครัวซองอยู่ตรงนั้น 

                             ต่อเมื่อเดินมาดูใกล้ ๆ  จึงเห็นป้ายหนังสีน้ำตาลติดเอาไว้ อ่านได้ว่า  rosso 

                             คีตภพหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมา  โดยพยายามไม่เฉียดเข้าใกล้ไอ้ rosso สีน้ำเงินหม่นที่นอนขดนิ่งทำตัวเกลื่อนกลาดอยู่ตรงนั้น  แล้วคิดในใจ ' จะมีตะกร้าไว้ทำห่าอะไรของมัน ' 

                             ว่าแล้วก็ใช้บาทาเขี่ยให้พ้นทางอย่างรำคาญจนเจ้า rosso สีหม่นกระเด็นไปกองอยู่ข้าง ๆกระป๋องคุกกี้นั่นเอง

                            เขาจัดเปิดเครื่องโทรศัพท์ตรงหน้าแล้วก็รำพึงอย่างหงุดหงิด  "  วะแบตหมดได้ไงเนี่ย  เพิ่งชาร์ตนี่หว่า  "  เมื่อเห็นดังนั้นคนตัวสูงในชุดนักศึกษาก็เอาโทรศัพท์สีเทาของตนไปต่อสัญญาณชีพที่ปลั๊กไฟหัวเตียง

                            ก่อนจะหยิบสมุดที่วางเอาไว้และดึงเป้คู่ใจสะพายบนหลังแล้วออกจากห้องไป

                            .........ดูเหมือนเวลาจะล่วงเลยไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตภายใต้โปงผ้าห่มผืนนั้น  จนกระทั่ง....มีเสียงหนึ่งทำลายความเงียบของห้วงนิทรายามสายเข้า

                           สิ่งมีชีวิตที่บัดนี้กำลังขยับเขยื้อนกายอย่างเกียจคร้านในกองผ้าห่ม  ตอบสนองต่อเสียงรบกวน
     
                            "  ก๊อก..ก๊อก  "  เสียงของแข็งกระทบประตู

                            "  อือออ  "  

                            "  ก๊อก ก๊อก ก๊อก  "  เพิ่มความถี่ขึ้น

                            "  คร้าบ .."  เสียงงัวเงียขานรับ  พร้อมสลัดผ้าห่มที่คลุมโปงออก

                            เผยให้เห็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างสูงใหญ่  เป็นครั้งแรกของวัน

                            สิ่งมีชีวิตที่ยืนตระหง่านขึ้นเต็มความสูงเซเล็กน้อยเพราะปรับสภาพ  เป็นลักษณะของชายหนุ่มวัยยี่สิบต้น ๆ  รูปร่างสูงเพรียว  ผมชี้ serround  รอบทิศทางลงมาปรกหน้าปรกตา  เห็นเพียงจมูกโด่งเป็นสัน  กับปากบางสีสดเป็นรูปกระจับ ที่บัดนี้มีคราบน้ำลายติดอยู่พองาม  แขนนั้นยกขึ้นแล้วใช้นิ้วยาว ๆเสยผมให้พ้นหน้าตา  ก่อนจะกระพริบตาเพื่อปรับแสง  แล้วปิดปากหาวอีกครั้ง

                           "  ปัง ปัง ปัง  "  เสียงเคาะประตูด้วยท่วงทำนองที่รุนแรงขึ้น  ทำให้คนที่ปิดปากหาวขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด

                           "  เออ..จะเปิดแล้ว  "   ' ห่าเอ้ย  พ่อแม่ไม่ได้สอนคำว่ารอบ้างเหรอวะ '  เขาคิดในใจ

                           ' เขา '  ผู้มีนามอันคล้ายสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ว่า ' อราม '

                           มีเพื่อนเคยถาม   ' มึงชื่อ อาราม  หรือ อร่าม ไม่ฟังเข้าใจง่ายกว่าเหรอว่ะ ' 

                            'ไม่รุ  พอดีตอนเกิดไม่ได้ตั้งเองว่ะ 'เขาตอบหน้าตาเฉย

                             แต่นั่นยังไม่ร้ายเท่ากับที่ดันมามีเพื่อนสนิทชื่อเล่นว่า   ' บอย '  ก็จะใครซะอีกถ้าไม่ใช้รูมเมทที่ชื่ออย่างมีศิลปะว่า คีตภพ  ไอ้เพื่อนแสบมักจะเรียกสองคู่หูร่วมห้องว่า  อารามบอย  ตกลงเลยกลายเป็นเด็กในความปกครองของหลวงพี่ไปซะงั้น

                             ผู้มีนามว่า อราม เดินไปที่ประตู  บิดและกระชากมันเปิด  และทันทีที่เปิดออก  สายตาอันคมกริบของหนุ่มอารามบอย  ก็ปะทะเข้ากับร่างคนที่อยู่ตรงหน้า  สมองอันอัฉริยะของเขา(อย่างน้อยก็ฉลาดที่สุดในกลุ่มเพื่อน)  ก็ทำงานทันที  ร่างตรงหน้าถอยผงะไปครึ่งก้าว  แต่เขาก้ประมวลข้อมูลและแปรความหมายอย่างรวดเร็ว

                             ผู้หญิงแน่ ๆ  เตี้ยกว่าเขาราว 20 ซ.ม.  หน้าตาบูดเหมือนแกงจืดค้างคืน  หาความเซ็กซี่ยังไม่เจอ  จากการประเมินด้วยสายตา  เบื้องหน้ามีเพียงแค่ที่ราบต่ำ

                              ดูเหมือนร่างที่ถอยไปครึ่งก้าวนั้นตั้งหลักได้แล้ว  หลังจากตะลึงกับภาพตรงหน้าไปหลายวินาที  หล่อนคือ ' คีตภัทร '  น้องสาวแท้ๆคลานตามกันมาของผู้ชายที่ชื่อว่าคีตภพ  ผู้มีชื่อเล่นว่าบอย  คนที่ออกไปเรียนตั้งแต่เช้า            

                               ดวงตากลมโตนั้นมองกลับไปยังผู้ชายตรงหน้าเช่นกัน  ไม่ใช่พี่ชายหล่อนแน่ ๆ  แต่สูงไล่เลี่ยกัน  ผมยุ่ง  หน้าตาก็...เอ่อ ....หน้าตาก็จัดว่าดี

                                ....หือ...ไม่สิหล่อใช่ได้...

                                เอหรือว่าหล่อมาก... 

                                เอาเป็นว่าหล่อกว่าพี่เราก็แล้วกัน  ไม่ใส่เสื้อด้วย  แล้วที่สำคัญใส่แต่บอกเซอร์  แถมยังหลุดลงมาเกยอยู่กับกระดูกเชิงกราน  ที่แทบจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่อยู่ร่อมร่อ...

                              ' ต๊าย..อุ..บาศว์ '  หล่อนคิด   แต่หารู้ไม่ว่าความคิดมันไปปรากฏบนใบหน้าอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแบบไม่ต้องแถลงไข  เมื่อหล่อนมองลงไปที่ท่อนล่างของผู้ชายตรงหน้า

                              คนที่ถูกมองท่อนล่าง  มองตามสายตาผู้หญิงตรงหน้าลงมายังกางเกงของตัวเอง  แล้วยกมือกอดอกหน้าตาเฉยแบบไม่สนใจ

                              " มองไร "  ถามห้วน ๆ 

                              "  เปล่า ไม่ได้มอง  "  ตอบทั้งที่สายตายังมองอยู่

                               "  มีอะไร  "   คนตัวสูงถาม

                               "  มีอะไรอ่ะ  ไม่รู้สิ  เฮ้ย..ไม่มี  "   ยังคิดถึงเรื่องกางเกงบอกเซอร์อยู่

                               "  แล้วเคาะประตูทำไม  " 

                                "  นึกว่าห้องพี่บอย  "  ตอบคนตัวสูงที่ยืนโชว์หุ่นอยู่ตรงหน้า  ซึ่งตอนนี้กำลังเอามือเกาพุงอยู่โดยไม่เกรงสายตาหล่อนสักนิด

                               'ให้ตายเหอะคนหล่อทำตัวทุ..เรศ แล้วมันทุ..เรศขึ้นหลายเท่าจริง ๆด้วย '  หล่อนคิด

                                 "  ออ  มาหาไอ้บอย...ไม่อยู่หรอกไปเรียน  "  คนที่ยืนเปลือยอกบอกเรื่อย ๆ

                                 "  อ้าว  บ้าจริง  "  หล่อนสบถขึ้นคนเดียว  แต่ได้ยินสองคน...ชัดเจน

                                 'อะไรของยายหน้าบูดนี่วะเนี่ย'  อรามคิด

                                  นี่เป็นการพบกันครั้งแรกของยายหน้าบูด  กับนายบอกเซอร์นั่นเอง              

        
                                                  .....................
                     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×