อา รยา (นำ้มนต์) หญิงสาววัย 19 ย่าง 20 ผิวขาวนวล เนียน ดวงตากลมโต คม แววตาแสดงถึงความเป็นคนกล้าหาญ ใบหน้ารูปไข่ สวยไดรูป ตามแบบฉบับหญิงไทยแท้ สูง 169 ซม.รูปร่างสมส่วนได้รูป เรียกได้ว่าเป็นสาวรุ่นที่หน้าตาดีแถวหน้าเลยทีเดียว นักศึกษาคณะนาฎศิลป์ เอกดนตรีไทย อยู่ชมรม วารสาร ของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ของภาคกลาง เธอเกิดในวันที่ 5 เดือน 5 ปีนักษัตรที่ 5 เวลาตี 5 55 นาทีเป็นลูกสาวคนเดียว หัวแก้วหัวแหวนของ "ฟ่อจักรกับแม่นิ่ม" พ่อมีอาชีพเป็นร่างทรง "พ่อปู่แสวง" ส่วนทางแม่นิ่มก็เป็นแม่ค้าขายขนมไทยสูตรชาววัง จึงทำให้น้ำมนต์มีสัมผัสพิเศษที่ไวต่อสิ่งเหนือธรรมชาติ (เห็นวิญญาณ) ดังที่กล่าวมาข้างต้น เธอจึงได้รับมอบหมายให้เขียนคอลัมภ์ เกี่กับสิ่งเหนือธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย หรือสถานที่ต่างที่ได้รับการแจ้งมา และได้รับการพิสูจน์แล้วเท่านั้น ผู้อ่านทั่วไปจึงเรียกเธอตามชื่อคอลัมภ์ว่า "อีสปสีเลือด (นักเล่าเรื่องสยองขวัญ)"
เลือดเล่าที่1
ณ. กลางดึกคืนหนึ่งก่อนสอบกลางภาคในภาคเรียนที่ 1 ที่ตึกอาคารเรียนวิทยาศาสตร์เวลาประมาณ21.00น. อาจารย์เวรเดินตรวจตราตามห้องเรียนต่าง ระหว่างที่เดินตรวจมาถึงชั้นที่สาม ซึ่งเป็นชั้นที่แบ่งเป็นห้องเรียนปฏิบัติ หรือที่เรียกกันว่าห้อง lab เมื่ออาจารย์เวรเดินมาถึงห้องที่มีแสงสว่างลอดออกมา ก็เดินเข้าไปดูว่าอาจจะมีใครลืมปิดไฟหลังเรียนเสร็จแล้วมั๊ง แต่สิ่งที่อาจารย์เวรได้พบกลับเป็นร่างของนักศึกษาชายคนหนึ่ง แล้วหลังจากที่ได้เห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า อาจารย์เวร ก็หมดสติไป เช้าวันต่อมานักการก็มาพบอาจารย์เวรนอนสลบหมดสติอยู่หน้าห้อง lab ที่ชั้นสาม จึงได้นำตัวไปส่งที่ห้องพยาบาล ในห้องพยาบาลมีเด็กสาวดวงตากลมโต คมเข้ม เธอคือ น้ำมนต์นั่นเอง ที่มาช่วยงานอาจารย์พยาบาล เพื่อรอเวลาเรียนในช่วงสาย 10.30 จึงเข้ามาพยาบาลอาจารย์เวร แล้วก็เริ่มบทสนทนากับอาจารย์เวร
น้ำมนต์: สวัสดีค่ะ อาจารย์มีอะไรให้หนูช่วยไหมค่ะ
อาจารย์เวร: เมื่อคืน ตอนเดินตรวจเวร อาจารย์เจอผีหลอก
เมื่อไดฟังดังนั้นต่อมควาทอยากรู้อยากเห็น ในร่างกายเธอก็เกิดพุ่งพล่านขึ้นมาทันทีทันใดสังเกตุได้จากดวงตากลมโตที่เป็นประกาย ในใจเธอก็คิดว่า "วัตถุดิบในการเขียนบทความมาถึงแล้ว เธอจึงเอ่ยปากขึ้นเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง
น้ำมนต์: อาจารย์พอจะเล่าใหเหนูฟัง จะได้ไหมค่ะ
อาจารย์เวร: เธออยู่ชมรมวารสารนี่ เอาซี่อาจารย์จะเล่าให้ฟัง แต่มีข้อแม้นะว่า เธอจะไม่เอาเรื่องที่อาจารย์เล่าให้ฟังไปเขียนในวารสารของมหา'ลัย ในใจเธอคิดต่อต้าน แต่เ้วยความอยากรู้ จึงตอบอาจารย์ไปว่า
น้ำมนต์: ได้ค่ะ เรื่องที่หนูจะได้ยินต่อไปนี้ จะเป็นความลับที่รู้กันแค่เรา 2 คนเท่านั้นค่ะ บรรยากาศในตอนนั้นในห้องพยาบาลมีลมพัดเอื่อยๆ เงียบสนิท ไม่มีแม้แต่สรรพเสียงใดๆ มีเพียงแค่เสียงลมหายใจของคนทั้ง 2 เท่านั้น แล้วก็มีเสีง ๆ หนึ่งทำลายความเงียบขึ้นมา
อาจารย์เวร: เอาล่ะตั้งใจฟังนะ แล้วไปลองพิสูจน์เองถ้าเธอยังรู้สึกค้างคาใจ
เรื่องที่ 1 ผีในห้อง lab
อาจารย์เวร :มันเกิดขึ้นตอน 21.00 นิดๆ ระหว่างที่อาจารย์ กำลังเดินตรวจอาคารเรียนก่อนกลับบ้านนั้น อาจารย์ก็เห็นว่าที่ชั้นสามยังมีไฟ เปิดอยู่ จึงได้ขึ้นไปดู แต่ในใจก็คิดว่า คงจะเรียนเสร็จแล้ว แต่คงจะลืมปิดไฟมั๊ง ก็กะว่าจะขึ้นไปปิดไฟ ก็เดินขึ้นไปโดยที่ไม่คิดอะไร แต่บรรยากาศช่วงนั้นก็เงียบสงัด ลมพัดเอื่อยๆ ยิ่งเดินเข้าใกล้ห้องที่เปิดไฟอยู่ห้องนั้นก็ยิ่งได้กลิ่นสาปฉุนๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ก็คิดไปเองว่า อาจจะหนูหรือตัวอะไรมาตายรึเปล่าพอมาถึงที่หน้าห้องที่เปิดไฟอยู่นั้น ก็เห็นนักศึกษาชายคนหนึ่งกำลังทดลองผสมสารเคมีตามบทเรียนที่กางอยู่ใกล้ตัวอาจารย์จึงถามออกไปว่า
อาจารย์เวร: ทำอะไรอยู่เหรอเธอ ถ้าไม่รีบมากมาต่อวันพรุ่งนี้ก่อนเข้าเรียนดีกว่าไหม
นักศึกษาชาย: ....................
อาจารย์เวร: นี่เธอได้ยินไหม
นักศึกษาชาย: .....................
เมื่อไม่มีเสียงตอบกลับ อาจารย์จึงเดินเข้าไปหา หวังคุยให้รู้เรื่อง ระหว่างที่เดินเข้าไปใกล้นักศึกษา กลิ่นสาปก็ยิ่งแรง อาจารย์จึงมีอาการขนลุกตั้งขึ้นมา อย่างไม่มีสาเหตุ จะด้วยอากาศที่เย็น กลิ่นสาปที่เหม็นคลุ้ง บรรยากาศที่เงียบสงัด เมื่อเดินมาถึงตัวนักศึกษาชาย ก็พบว่าเป็นนักศึกษาที่คุ้นเคยกันดีอยู่ นั่งก้มหน้า ตั้งใจ ใจจดใจจ่ออยู่กับการทดลองข้างหน้า อาจารย์จึงเอามือตบที่บ่าของนักศึกษาเบาๆ
อาจารย์เวร: ว่าไง "โต้ง" มีอะไรให้ครูช่วยไหม
เวลาผ่านไปชั่วอึดใจ "โต้งจึงเงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดกับอาจารย์เวร
โต้ง: น้ำเสีงเรียบๆ แต่ลากเสียงยาว "ม่า.....ยเป.....นอา........รา..........ยคร้า.............บ พร้อมๆ กับเงยหน้าขึ้นมามองและหันหน้ามาทางอาจารย์เวร ซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง "โต้งหันคอกลับมา 180 องศาเพื่อหันมาพูดคุยกับอาจารย์เวร จังหวะที่ "โต้ง" หันหน้ามา อาจารย์สังเกต่เห็นสิ่งผิดปกติที่ขมับด้านขวาของ"โต้ง" มีรอยไหม้ และลึก จนเมื่อไดสบตากับ "โต้ง" ทำให้อาจารย์แทบจะสิ้นสติ ขนทั่วร่างกายพร้อมใจกันตั้งชูชันขึ้นมาตั้งแต่ขนหน้าแข้งยันขนที่ต้นคอ และยังเห็นรอยคล้ายๆ กันที่อีกด้านหนึ่งของขมับของ "โต้ง" ซึ่งยังมีของเหลวสีแดงเข้มที่ค่อนข้างข้นไหลเยิ้มเป็ทางจากรอยที่ขมับไหลลงมาจนถึงคาง และหยดลงบนพื้น แหมะ แหมะ เสียงของเหลวกระทบพื้นอย่างเป็นจังหวะ แล้วอาจารย์ก็สลบไปด้วยความกลัวอย่างที่สุด
น้ำมนต์: แล้วพี่เขาตายด้วยสาเหตุอะไรเหรอค่ะ อาจารย์
อาจารย์เวร: นั่นคงจะต้องเป็นหน้าที่ของเธอ ที่จะต้องมาบอกอาจารย์นะ
น้ำมนต์: หนูจะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังแน่นอนค่ะ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น