คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 09 :: คาเวนดิชถูกทำร้าย? กลุ่มหมวกฟางรวมพล!
เมืองอีสท์ทาวน์ในเวลากลางคืนเต็มไปด้วยแสงสีจากบ้านเรือนตึกอาคารทั้งหลาย
ผู้คนจำนวนมากเดินขวักไขว่เพื่อชมเชยความงดงามที่จะมีขึ้นในยามค่ำคืนเท่านั้น แม้อาจจะไม่สามารถเทียบเท่าความงามยามรัตติกาลของแผ่นดินใหญ่ได้
แต่มันก็มีเอกลักษณ์บางอย่างที่แผ่นดินใหญ่ไม่มี
เคร้ง!!
ไม่ใกล้ไม่ไกลจากในตัวเมืองนัก
ความเงียบสงบยามค่ำคืนถูกทำลายไปโดยประกายแสงวูบวาบและเสียงที่เกิดจากการกระทบกันของโลหะ
ไม่มีใครกล้าเปิดหน้าต่างออกมาดูสถานการณ์
เพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในยุคที่พวกอันธพาลและมาเฟียครองเมืองเช่นนี้
คาเวนดิชกระโดดถอยหลังมาตั้งหลัก
เขามองร่างของชายฉกรรจ์สองคนที่บาดเจ็บจนลุกแทบไม่รอดเพราะฝีมือของเขา
โลหิตสีแดงฉานที่ย้อมดาบหยดแหมะลงบนพื้น นัยน์ตาคมฉายแววประกายกล้า
รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่ามันคงไม่มีทางจบลงแค่นี้
ไม่ได้มีแค่สองคนนี้แน่ที่ถูกส่งมาหาเขา
ระหว่างทางที่ผ่านมา
เขาถูกลอบโจมตีไปห้าถึงหกครั้งได้
และช่างน่าแปลกใจที่พวกมันมีฝีมือมากพอที่จะทำให้ร่างกายของเขาบาดเจ็บ
ร่างสูงโปร่งหมุนตัวหันหลัง
วิ่งฝ่าความมืดมิดยามรัตติกาลไปตามเส้นทางที่เปล่าเปลี่ยว
ผมสีทองอร่ามสะบัดไปตามแรงวิ่งที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ริมฝีปากหยักเม้มจนเป็นเส้นตรง ตามร่างกายมีร่องรอยของบาดแผลนับไม่ถ้วน
“บ้าเอ้ย”
คาเวนดิชสบถในใจ นัยน์ตาคมเหลือบมองไปรอบๆ เมื่อยังคงได้ยินเสียงฝีเท้ามากมายที่ตามมาจึงเลี้ยวเข้าไปในซอยแคบ
พวกมันไม่ได้มาแค่คนหรือสองคน คงจะมากันเป็นโขยง
เพราะแบบนั้นการถอยไปตั้งหลักจึงนับว่าเป็นหนทางที่ฉลาดกว่า
มือข้างหนึ่งของชายหนุ่มกุมไหล่เอาไว้เพื่อห้ามเลือด
แต่เพราะร่างกายที่ยังขยับเขยื้อนด้วยความเร็วไม่หยุด
ทำให้มันไม่สามารถห้ามได้ตามที่ใจต้องการ
“มันอยู่นั่น! จับมันให้ได้!”
ในอีสท์ทาวน์เป็นเขตของกลุ่มหมวกฟาง
และคาเวนดิชก็เป็นถึงหัวหน้าหน่วยที่ 1 คนทั่วไปรับรู้ความจริงในข้อนี้
ไม่มีทางที่คนที่กำลังไล่ล่าเขาจะเป็นเพียงพวกอันธพาลทั่วไปแน่
ดวงเนตรคมเหลือบมองบาดแผลตามร่างกาย
ขณะที่ขาก็ยังวิ่งไม่หยุด
พวกบ้านี่สามารถสร้างบาดแผลให้เขาได้
ไม่ธรรมดาเลย
“พวกมันบุกรุกอาณาเขตของเรา”
ชายผมทองผู้ได้รับฉายาว่าเจ้าชายขี่ม้าขาวแห่งอีสท์ทาวน์กัดริมฝีปากจนเลือดซิบ
ความรู้สึกเหนื่อยล้าและอาการปวดหนึบตามบาดแผลทำให้เขาเริ่มวิ่งได้ช้าลงเรื่อยๆ “ต้องรีบเอาไปบอกหมวกฟาง”
โครม!!
ร่างของชายหนุ่มถูกจับโยนไปกระแทกกับกำแพงจนกำแพงเกิดรอยร้าว
คาเวนดิชพยายามที่จะหยัดตัวลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก
ความรู้สึกปวดร้าวราวกับร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆแล่นไปทั่วทุกอณูเซลล์ประสาท
เขาพยายามใช้มือดันตัวเองให้ลุกขึ้น
แต่ด้วยแรงกระแทกเมื่อครู่ทำให้เขาไม่สามารถหยัดตัวขึ้นมาได้ตามต้องการ
ถ้าให้วินิจฉัยคร่าวๆ
ก็คิดว่ากระดูกคงจะหักไปหลายท่อน
แต่ว่า—
ใครกันนะที่มีแรงถึงขนาดจับผู้ชายตัวสูงอย่างเขาโยนได้ถึงขนาดนี้
เขาได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาใกล้จนกระทั่งหยุดอยู่ไม่ไกลจากเขานัก
ดูแล้วน่าจะเป็นกลุ่มอันธพาลกลุ่มเดียวกับที่ไล่ล่าเขาเมื่อครู่
“เอาไงต่อดีครับท่านอับซาลอม”
คาเวนดิชกำมือตัวเอง
จิกเล็บลงบนฝ่ามือจนเลือดซิบ
หวังว่าความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นแก่ร่างกายจะทำให้เขาสามารถฝืนสติและฟังสิ่งที่พวกมันคุยกันได้
เขาจะต้องรอดไปได้
และจะต้องบอกเบาะแสของพวกมันให้ลูฟี่และพวกเสนาธิการรู้ให้ได้ด้วย
“ปล่อยมันไว้แถวนี้แหละ
ดูท่าคงไม่ไหวแล้ว”
“แต่ท่านโมเรียบอกว่าคนที่รู้เรื่องนี้ต้องถูกกำจัดให้หมดนะครับ”
โมเรีย..?
“ไอโมเรียมันก็แค่วิตกไปเรื่อย
แกก็แค่เอามันไปทิ้งที่ๆไม่น่าจะมีคนเจอเซ่ เดี๋ยวมันก็ตายๆไปเองนั่นแหละ”
“อะ..ครับ
รับทราบครับ”
อับซาลอม
ถ้าให้เดาก็คงเป็นผู้ชายที่จับเขาโยนเมื่อครู่ ชายคนนั้นเดินจากไปแล้ว
หากแต่กลับทิ้งลูกน้องเอาไว้ เหล่าชายฉกรรจ์ที่ได้รับมอบหมายคำสั่งยัดแบกร่างของเขาไปก่อนโยนทิ้งไว้แถวริมแม่น้ำ
ต้องรีบ—
ไปเตือนพวกหมวกฟาง
คาเวนดิชเหม่อมองไปยังสายน้ำที่ไหลไปตามแม่น้ำ
เขาไม่สามารถลอยชายอยู่ที่นี่ได้
เรื่องที่เขาได้ยินมา..ต้องรีบเอาไปบอกลูฟี่เดี๋ยวนี้
แต่ทั้งที่คิดแบบนั้น
ร่างกายของเขากลับหนักอึ้ง เช่นเดียวกับหนังตาที่ไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้
บ้าที่สุด—
ให้ตายเถอะ
ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือชายฉกรรจ์เหล่านั้นที่กำลังเดินจากไป
----|----|----|----|----
จริงๆแล้วลูฟี่เกลียดการมาโรงเรียน
เขาหมายถึง—
เขาชอบชีวิตที่ได้อยู่กับเพื่อนฝูงในคฤหาสน์หลังโกดังหมายเลข 0 นั่นมากกว่า เขารักช่วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกับเพื่อนสนิทและพวกคาเวนดิชมากกว่าการต้องมานั่งอุดอู้อยู่ในห้องเรียน
เขาเคยเปรยๆเอาไว้ว่าอาชีพในอนาคตของเขาจะเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่นักการเมือง ตำรวจ
หรือทหาร
อ้อ—
รวมถึงอาชีพเกี่ยวกับพวกกฎหมายอย่างทนายความ อัยการ หรือผู้พิพากษานั่นก็ด้วย
ตอนที่ตัดสินใจก่อตั้งกลุ่มหมวกฟางขึ้น
มันก็เกิดมาจากความคิดง่ายๆอย่างการอยากปกป้องพวกพ้อง ครอบครัว คนสำคัญ
รวมถึงผู้คนในเมืองนี้ อย่างที่เคยบอกว่าเมื่อก่อนที่นี่ไม่ใช่เมืองที่สงบสุขแบบนี้หรอก
จริงๆถ้าอยากปกป้องเมือง จะเป็นตำรวจหรือทหารก็ได้ แต่อาชีพแบบนั้นมันก็มีกฎเกณฑ์ที่ซับซ้อนและยุ่งยากมากเกินไป
ไหนจะตรรกะประหลาดๆที่แบ่งคนบนโลกเป็นสีดำและขาวนั่นอีก
ใช่
เขาเลือกที่จะเป็นพวกนอกกฎหมายด้วยเหตุผลง่ายๆพรรค์นั้นแหละ
“อนาคตแกอยากเป็นอะไร”
ลอว์ที่นั่งตรงข้ามเขาถามขึ้นมาในขณะที่มือก็เขียนยุกยิกลงบนกระดาษขนาด A2
ไม่หยุด
“มาเฟีย”
ลูฟี่ตอบโดยไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ
“ฮะ..?” นักเรียนใหม่ที่พึ่งมาเข้าเรียนเมื่อสัปดาห์ก่อนหลุดปากด้วยความแปลกใจ
อาจจะเพราะพึ่งเคยเห็นใครซักคนตอบว่าอนาคตอยากทำอาชีพสีเทาแบบไม่มีการลังเลเลยซักนิดเป็นครั้งแรกกระมั้ง
ลูฟี่ไหวไหล่ พึ่งคิดขึ้นมาได้ว่าบางทีการตอบออกไปแบบนั้นคงไม่ใช่เรื่องดีนัก
“เอาจริงๆ
ก็อาชีพอะไรก็ได้ที่ได้เงินเยอะๆและไม่ต้องเหนื่อย”
“อ้อ..”
คงต้องย้อนความกันเสียหน่อย
เพื่อที่จะไขข้อสงสัยว่าทำไมลูฟี่ที่ตอนแรกดูจะไม่ถูกชะตากับลอว์ถึงมานั่งทำงานกันในร้านกาแฟแบบนี้ได้
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อสามวันก่อนในคาบแนะแนว
อาจารย์ให้ในห้องแบ่งกลุ่มๆละ 4 คน โดยอาจารย์เป็นคนจัดกลุ่มให้ กลุ่มของพวกเขาถูกแยกกันหมด
ที่แย่กว่านั้นคือการที่เขามาอยู่กลุ่มเดียวกับนักเรียนใหม่ทั้งสองคน
ซึ่งเขาไม่ถูกชะตาด้วยตั้งแต่วันแรกที่เจอ
ไม่เชิงเกลียดขี้หน้า
แค่รู้สึกเหมือนจะมีปัญหาตามมาทีหลังถ้าสนิทกันมากเกินไป
โถ่
ถึงเขาจะมนุษสัมพันธ์ดี สนิทกับคนอื่นไปทั่ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเซนส์แบบ ‘คนนี้ตัวอันตราย’ ‘คนนั้นจะนำปัญหามาให้’ ซักหน่อย
แม้ปกติแล้วเซนส์พวกนั้นจะไม่ค่อยทำงานก็เถอะ
แน่นอนว่ากลุ่มของเขามีตัวเขาเอง
โทราโอะ รีเบคก้า และไอผมแดงเป็นสมาชิกของกลุ่ม แม้ว่าวันนี้ไอผมแดงนั่นจะไม่มาเพราะติดปัญหาครอบครัวก็เถอะ
(ไม่รู้จริงมั้ย เห็นเจ้าตัวบอกมางี้ แต่ลูฟี่คิดว่ามันต้องตอแหลแน่ๆ!)
“แล้วความฝันของคุณล่ะคะ
คุณทราฟาการ์” หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มถามเสียงใส ลอว์มีสีหน้าครุ่นคิด
“ศัลยแพทย์ล่ะมั้ง
เอาจริงๆตอนนี้ฉันก็เป็นศัลยแพทย์อยู่”
“เอ๊ะ
หมายถึงเรียนจบแพทย์เฉพาะทางแล้วเหรอคะ”
ลอว์เอนหลังพิงพำนักเก้าอี้
“ใช่”
“หา
ถ้าเก่งขนาดนั้นทำไมยังมาโรงเรียนอีกล่ะ มีงานมีการทำแล้วนี่” ลูฟี่ถามขึ้นมาบ้าง
มือเรียวจัดการตัก(หรือควรเรียกว่าจ้วง?)ขนมเค้กและบรรดาของหวานบนโต๊ะทานจนแก้มพองเหมือนกระรอก
ลอว์ที่นั่งเท้าคางมองภาพนั้นชะงักเล็กน้อย ก่อนที่มือใหญ่จะยื่นไปบีบแก้มพองๆนั่นให้ยืดออก
“อายอำอะไอเอี้ย! (นายทำอะไรเนี่ย!)”
ร่างสูงชะงัก
เหมือนเมื่อครู่เขาจะเผลอทำลงไปโดยที่ไม่รู้สึกตัว
มือใหญ่ปล่อยแก้มของคนตัวเล็กกว่าแทบจะในทันที นัยน์ตาคมเสมองไปทางอื่น “โทษที”
ทางฝั่งหญิงสาวเพียงคนเดียวหัวเราะคิกคัก
รู้สึกเหมือนเห็นออร่าสีชมพูวิ้งค์ๆรอบตัวทั้งคู่จนน่าอิจฉา เรดาร์หาคู่จิ้นของหญิงสาวถูกเปิดสวิตซ์ในทันที
เธอตัดสินใจแล้ว! เธอจะลงเรือลำนี้นี่ล่ะ!! นี่จะต้องเป็นเรือหลวงแน่ๆ!!
ลอว์ลูจงเจริญ!!!
ว่าแล้วก็นึกถึงเพื่อนสาวผมฟ้าอีกคนซึ่งอยู่เรือ
พี่ชายบราค่อน x ลูฟี่ และเพื่อนสาวผมส้มเห็นแก่เงิน(?)ที่อยู่ทีม เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ (ในที่นี้คงหมายถึงทั้งโซโลและซันจิ) x
ลูฟี่ นัยน์ตาของหญิงสาวเป็นประกาย
คอยดูนะ
นามิ วีวี่ เรือฉันนี่ล่ะจะจมเรือพวกเธอให้หมด!!
(ใครจะปล่อยให้จมง่ายๆกันยะ! /เสียงสองสาวแว่วมาตามลม)
ลูฟี่กลืนก้อนขนมเค้กลงคอ
ก่อนหันหน้ามาหาลอว์พร้อมกับนัยน์ตาสีรัตติกาลที่กำลังเป็นประกายเพราะความสงสัยใคร่รู้
“นายยังไม่ตอบฉันเลยนะโทราโอะ ทำไมนายถึงยังมาโรงเรียนอยู่ล่ะ”
คนตัวสูงกว่าทำหน้าเหมือนนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองลืมอะไร
“เรื่องนั้น
คือ— “
“ลูฟี่!!” ไม่ทันที่ลอว์จะได้ไขความสงสัยของคนตัวเล็กกว่า เสียงทุ้มต่ำที่เรียกชื่อเด็กหนุ่มร่างเล็กก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
ลูฟี่หันไปมองตามทิศทางของเสียง โซโลคือเจ้าของเสียงที่ว่านั่น ชายหนุ่มผมสีเขียวมอสวิ่งเข้ามาในร้านพร้อมกับตรงมาบีบไหล่ของลูฟี่ไว้แน่น
“โซโล?”
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
เพื่อนสนิท(คิดไม่ซื่อ)ก้มลงกระซิบที่ข้างหูของผู้เป็นทั้งเพื่อนและหัวหน้าของตน
ลูฟี่เบิกตากว้างหลังจากได้ยินเนื้อความ ชั่ววูบหนึ่ง หากลอว์ไม่ได้คิดไปเอง
เขาเห็นแววตาวาวโรจน์ดูราวกับแววตาของสัตว์ร้ายในนัยน์ตาสีรัตติกาลคู่นั้น
ลูฟี่วางเงินไว้บนโต๊ะ
“ขอโทษนะ ฉันมีธุระน่ะ ไว้นัดกันมาทำงานวันอื่นได้รึเปล่า”
“อ
อ้อ ได้สิ” รีเบคก้าตอบอึกอักเพราะยังตามสถานการณ์ไม่ค่อยทัน
หลังจากที่เอ่ยขอโทษขอโพยพร้อมวางเงินจำนวนหนึ่งที่น่าจะเป็นค่าเครื่องดื่มและค่าของหวานไว้บนโต๊ะ
ร่างเล็กก็วิ่งรุดออกจากร้านไปพร้อมกับเพื่อนสนิทในทันที
รีเบคก้าเหลือบมองลอว์ที่หยัดตัวลุกขึ้นโดยไม่พูดอะไร
ชายหนุ่มผงกศีรษะเหมือนต้องการจะสื่อว่าค่อยนัดมาทำใหม่ตามที่ลูฟี่พูด
เขาวางเงินไว้บนโต๊ะเช่นกันก่อนเดินออกไปพร้อมกับม้วนกระดาษ A2
ที่ต้องใช้ทำงาน รีเบคก้าเท้าคาง มองตามร่างของชายหนุ่มไปจนสุดสายตา
หมอนั่น..หึง?
เธอหัวเราะคิกคัก
“นามิ
อีกไม่นานหรอก เรือฉันต้องคุมน่านน้ำนี้ได้แน่!”
----|----|----|----|----
ทางฝั่งลูฟี่และโซโลที่รีบมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในอีสท์ทาวน์อย่าง
‘โรงพยาบาลฮิลรุค’ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ช็อปเปอร์ทำงานอยู่
อีกทั้งยังเป็นโรงพยาบาลที่ได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนจากพวกเขา
จึงนับว่าเป็นสถานที่ที่ไว้ใจได้ว่าความลับจะไม่รั่วไหลออกไป
พวกเขาวิ่งมาจนกระทั่งหยุดอยู่หน้าห้องไอซียู
โดยมีพวกนามิและพวกบาโธโลมีโอคอยอยู่ก่อนแล้ว
ลูฟี่เคลื่อนไปหาลูกน้องหัวหงอนไก่อย่างรวดเร็วก่อนคว้าคอเสื้อของอีกฝ่ายแล้วดึงเข้ามาใกล้
“ทำไมหมอนั่นถึงอยู่ในสภาพนี้”
ลูฟี่ถามเสียงต่ำ นัยน์ตาสีรัตติกาลเป็นประกายกร้าว บาโธโลมีโอหลบตา
รู้สึกหวาดกลัวเกินกว่าจะสบตาคู่นั้น ลูฟี่ในยามนี้— ดูน่ากลัวว่าปกติ
หมับ
“ใจเย็นก่อนลูฟี่”
แรงบีบที่หัวไหล่จากโซโลทำให้ลูฟี่พึ่งสังเกตเห็นสีหน้าหวาดกลัวของลูกน้องในกลุ่ม ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่
พยายามผ่อนลมหายใจเข้าออกเพื่อให้ตัวเองสามารถควบคุมอารมณ์ได้ ก่อนหันมาถามคำถามเดิมกับบาโธโลมีโออีกครั้ง
“ทำไมเจ้ากะหล่ำปลีถึงอยู่ในสภาพนั้นล่ะ”
“อ เอ่อ คือว่า..”
“บอกฉันมาเถอะ
ชิชิชิ” เสียงหัวเราะแบบนั้น ก็สื่อว่าตอนนี้ลูฟี่อยู่ในโหมดปกติแล้ว บาโธโลมีโอมีสีหน้าลังเล ก่อนตอบไปตามความจริง “ผมก็ไม่มั่นใจหรอกครับ
แต่— “
“???”
“เมื่อวานตอนที่อยู่ด้วยกัน
อยู่ๆเจ้าบ้านั่นก็วิ่งหุนหันออกไปไม่พูดอะไรซักคำ เจอกันอีกทีก็คือตอนที่เจ้าเบลามีส่งข่าวมาว่าเจอหมอนี่อยู่แถวๆแม่น้ำ
สภาพร่างกายสะบักสะบอมเหมือนโดนของมีคมแทงและโดนรุมซ้อมอย่างหนักครับ”
“แล้วอาการล่ะ
ช็อปเปอร์บอกรึยัง”
พอถามถึงตรงนี้
สีหน้าของหลายๆคนก็ดูไม่สู้ดีนัก จากการบอกของโซโลระหว่างทาง คาเวนดิชเป็นเคสของนายแพทย์ฮิลรุคซึ่งเป็นเจ้าของโรงพยาบาล
แต่หลังจากที่ทำการผ่าตัดเร่งด่วนเสร็จสิ้น เจ้าตัวก็ส่งต่อเคสนี้ให้แพทย์หญิงคุเรฮะและช็อปเปอร์ดูแลต่อ
“กระดูกหักหลายท่อนเลยล่ะ
รอยฟกช้ำเต็มไปหมด ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน ถึงลึกๆแล้วพวกเราจะรู้ก็เถอะว่าอีกสองสัปดาห์หมอนั่นก็คงหาย”
ลูฟี่พยักหน้าหลังจากได้ฟังอาการคร่าวๆจากนามิ
ร่างกายของพวกเขาอึดถึกทนเกินมนุษย์มนาอยู่แล้ว แต่— ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีใครบาดเจ็บถึงขั้นต้องผ่าตัดนานๆหรือเข้าห้องไอซียู
(ยกเว้นตอนลูฟี่โดนยิงครั้งนั้น) นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่สมาชิกระดับสูงอย่างหัวหน้าหน่วยของกลุ่มหมวกฟางบาดเจ็บถึงขนาดนี้
ที่ผ่านมาพวกเขาบาดเจ็บกันบ่อยก็จริง
แต่ต่อให้กระดูกหัก โดนยิง หรือโดนรุมซ้อมรุมชกต่อยอะไรมาก็ตาม
เพียงแค่ให้ช็อปเปอร์ดูอาการให้แล้วพักรักษาตัวที่บ้านซักหน่อย
ไม่ถึงสัปดาห์ก็สามารถออกมาซ่าได้ตามปกติแล้ว จนครั้งนึงแพทย์หญิงคุเรฮะถึงขั้นถามว่า
‘กลุ่มพวกแกนี่มันมีร่างกายแบบนี้กันทั้งกลุ่มเลยเรอะ’ ด้วยซ้ำ
นี่รึเปล่า
คือสาเหตุที่ทำให้ลูฟี่มีอาการโกรธจัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแบบนั้น
โรบินซึ่งสังเกตสถานการณ์อยู่เงียบๆคิดในใจ
“ว่าแต่นะครับคุณลูฟี่
จะเข้าไปเยี่ยมรึเปล่าครับ? อีกครึ่งชั่วโมงก็จะถึงเวลาเยี่ยมได้แล้ว
โยโฮ่โฮ่โฮ่” ลูฟี่เหลือบมองประตูห้องไอซียูครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มส่ายหน้าไปมา
“ไม่ล่ะ”
“เอ๋?”
“ออลัมบัส ดอนไซ
แล้วก็ลีโอ หน่วยของพวกนายมีคนเยอะที่สุด ส่งพวกสมาชิกระดับล่างทุกคนไปสืบข่าวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอย่างละเอียด
ถ้าเป็นไปได้ ก็ขอก่อนพรุ่งนี้ตอนค่ำ”
ทั้งสามคนหันมามองหน้ากันอย่างมึนงง
แต่เมื่อผ่านไปซักพักก็เริ่มรู้สิ่งที่หัวหน้าของตนต้องการ ลีโอ หัวหน้าหน่วยตัวเล็กพยักหน้ารับ
“โอเค เราจะทำตามนั้น
ลูฟี่แลนด์”
“ส่วนพวกนายที่เหลือ..”
นัยน์ตากลมหันไปมองบาโธโลมีโอ อิเดโอ ฮัจรูดิน และสุไลมานผู้เป็นตัวแทนหน่วยหนึ่งแทนคาเวนดิชที่บาดเจ็บหนัก
“ให้พวกลูกน้องระดับสูงที่พอจะสู้ได้รวมตัวกันที่ฐาน ไว้รอคำสั่งอีกครั้งหลังจากได้ข้อมูลที่มากพอ”
“คร้าบ ลูกพี่ลูฟี่!~”
โซโลมองท่าทางกระดี๊กระด๊านั่นด้วยสายตาเอือมระอา
เมื่อกี้ยังกลัวลูฟี่หัวหดอยู่เลยแท้ๆ
เด็กหนุ่มผู้มีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้ากลุ่มหมวกฟางหันมามองหน้าเหล่าหัวหน้าหน่วยและเสนาธิการของกลุ่มด้วยสีหน้าจริงจัง
“พวกเราจะกลับไปที่ฐาน
ไม่ว่าจะยังไง ก็ต้องลากคอไอคนที่ทำให้หมอนั่นเป็นแบบนี้ออกมาให้ได้”
ถึงเวลาปกติจะดูบ้าๆ
พึ่งพาไม่ค่อยได้ไปบ้าง
แต่ลูฟี่ก็คือลูฟี่
ลูฟี่—
ที่เป็นผู้นำของกลุ่มหมวกฟาง
กลุ่มหมวกฟางนับสมาชิกทุกคนในกลุ่มเป็นเพื่อน
เป็นครอบครัว และพวกเขาจะไม่มีวันให้อภัยพวกที่มันบังอาจมายุ่มย่ามกับครอบครัวของพวกเขา
....
ซันจิลอบมองลูฟี่
ไอที่อยากลากคอคนที่ทำร้ายเพื่อนของตัวเองออกมานั่นก็ใช่
แต่ลึกๆแล้ว ชายหนุ่มกลับคิดว่าลูฟี่แค่อยากจะอาละวาดเสียมากกว่า ตอนที่เจอดองกีโฮเต้แฟมิลี่ที่แผ่นดินใหญ่
หมอนั่นไม่ทันได้อาละวาดก็ถูกยิงจนบาดเจ็บเสียแล้ว แถมการต้องพักที่โรงพยาบาลบวกกับการถูกช็อปเปอร์บังคับให้อยู่เฉยๆไม่ให้ไปก่อเรื่องนั่นอีก
อา
เก็บกดสินะ
ที่บอกว่าอยากลากคอนู่นนี่นั่น
แท้จริงแล้วก็แค่อยากหาเรื่องอาละวาดแบบที่ไม่ต้องโดนช็อปเปอร์บ่นใช่มั้ยล่ะเจ้าบ้า!!!
----|----|----|----|----
แหม
ลูฟี่ ที่แท้ก็แค่อยากอาละวาดใช่มั้ยคะ!!
นามิ
รีเบคก้า วีวี่ เลือกเรือกันแล้ว แล้วรีดเดอร์ล่ะคะ เลือกเรือกันรึยัง ><
ส่วนไรท์เลือกไม่ได้
เพราะกินใครกับลูฟี่ก็อร่อยทั้งนั้น 5555555555
ตอนนี้สั้นไปนิด
แต่อยากบอกว่าพยายามแล้วค่ะ พยายามแล้วจริงๆ ;-;
ปล.ยังไม่เช็คคำผิดนะคะ
อ่านแล้วเม้นเป็นกำลังใจให้ซักนิดน๊า
ความคิดเห็น