คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 07 :: คนบ้ามักชอบส่งโครงกระดูกเป็นของขวัญ
“แล้วนั่นมันอะไรกันน่ะ”
คำถามของเซ็นโงคุทำให้สามพลเรือเอกแห่งกองทัพเรือจำต้องหันไปมองยังต้นเหตุของคำถามนั้นอย่างช่วยไม่ได้
ภาพของนกชมพูที่นั่งคุกเข่ายกแขนสองข้างขึ้นเหนือหัวนั้นช่างน่าเวทนานัก
ดูราวกับเป็นคนละคนกับเจ้าผู้ชายแต่งตัวประหลาดที่ชอบหัวเราะเสียงน่าขนลุกคนนั้นจนน่าประหลาดใจ
ภาพของโดฟลามิงโก้ตอนนี้เหมือนเด็ก
7 ขวบที่ถูกทำโทษให้ยกแขนขึ้นจนกว่าจะสารภาพบาปไม่มีผิด
โดยข้างกันนั้นคือคุมะที่ข้างหนึ่งหิ้วเด็กหนุ่มสวมหมวกฟางเอาไว้
ส่วนมืออีกข้างก็ถือคัมภีร์ไบเบิ้ล..นัยน์ตาจับจ้องไปยังร่างของชายที่บังอาจคิดล่วงเกินลูกชายสุดรักสุดหวงของเพื่อนสนิทตน
ราวกับกำลังสื่อความนัยว่าหากคิดทำอะไรตุกติกหนังสือเล่มนี้จะลอยไปปักหัวแน่
กลัวจังเลย~
เสี่ยนกผู้ยังไร้ซึ่งความรู้สึกผิดยิ้มกระหยิ่ม หากกระนั้นก็ยังคงนั่งคุกเข่าและไม่เอามือลง..สรุปว่ากลัวหรือไม่กลัวคุมะกันแน่อันนี้แม้แต่เซ็นโงคุเองก็ไม่เข้าใจ
นอกจากสามพลเรือเอก
จอมพลเซ็นโงคุ ลูฟี่ที่ถูกคุมะหิ้วอยู่
และโดฟลามิงโก้แล้ว..ภายในห้องรับรองทรงญี่ปุ่นก็ยังมีร่างของเจ็ดเทพโจรสลัดทั้ง 4
คนอยู่ด้วย
คนหนึ่งกำลังนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาอย่างเกียจคร้านพลางหัวเราะเคี๊ยกๆๆไม่หยุด
คนหนึ่งกำลังมองลูฟี่ด้วยตาที่เป็นรูปหัวใจพร้อมเอาแต่พึมพำว่าน่ารักๆๆ
คนหนึ่งเอาแต่ฝึกคาราเต้เงือก
ส่วนคนสุดท้ายก็เอาแต่ใช้ตาที่คมเหมือนเหยี่ยวนั่นจับจ้องไปที่โดฟลามิงโก้
เอ๋..ทำไมมีแค่
4 คนน่ะเหรอ?
โดฟลามิงโก้ก็นั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้นไง
คุมะก็ยืนอยู่ตรงนั้นไง ส่วนครอคโคไดล์..
ครอคโคไดล์..
ครอคโคไดล์คือใครวะ!?
=[]=
อนิจจา..พึ่งเจอกันเมื่อวานแต่เจ้าลูฟี่หมวกฟางช่างความจำสั้นเหลือเกิน
“มีอะไรจะสารภาพมั้ย
โดฟลามิงโก้”
มิฮอว์คซึ่งนั่งมองเหตุการณ์ด้วยความสงบมานานนับชั่วโมงถามขึ้นพลางจ้องหน้าราชาแห่งเดรสโรซ่าด้วยสายตาอ่านยาก
จริงๆแล้วแกกำลังสะใจใช่มั้ยมิฮอว์ค
ฉันรู้นะ อย่ามาเก๊กหน้านิ่งซะให้ยาก คุฟุฟุฟุ
นกตัวหนึ่ง(?)คิดในใจ
สงครามประสาทระหว่างนกต่างสายพันธุ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย
ลูฟี่กระพริบตาปริบๆ..เหมือนจะเห็นกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านเปรี๊ยะๆระหว่างสองคนนั้นเสียด้วย
เด็กหนุ่มหัวเราะอย่างชอบใจราวกับได้พบเรื่องสนุก
“แล้วนี่เจ้าจระเข้นั่นไปไหนแล้วล่ะ
เคี๊ยกๆๆ”
อาโอคิยิตอบเสียงเฉื่อยพลางไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“เห็นว่ามีธุระในแกรนด์ไลน์เลยรีบกลับ”
“หืม..น่าสงสัย
แต่ตราบใดที่ไม่ทำอันตรายลูฟี่ของข้า ข้าจะปล่อยเจ้านั่นไปก่อนก็ได้”
“ขอบใจนะแฮนค็อก
ชิชิชิ”
ผู้ได้รับขนานนามว่าเป็นจักรพรรดินีแห่งโจรสลัดทำหน้าเคลิ้ม
เธอกอดตัวเองด้วยท่าทีเขินอายราวกับกำลังถูกสารภาพรัก
“เธอนี่สมองเพี้ยนรึเปล่าเนี่ย
เจ้าหนูนี่แค่ขอบใจเธอ..ไม่ได้บอกรักเธอซักหน่อย คุฟุฟุ”
ก่อนที่เธอจะฝันสลายด้วยฝีมือของไอนกบ้านั่น!
การทะเลาะกันเหมือนเด็กๆของ
2 ใน 7 เทพโจรสลัดสร้างความวุ่นวายให้กองทัพเรือไม่น้อย
โดยเฉพาะค่าเสียหายที่เกิดจากการต่อสู้ขนาดย่อมของทั้งคู่โดยมีตัวต้นเหตุยืนมองสถานการณ์พร้อมปรบมือหัวเราะชอบใจอยู่ไม่ไกลกันนัก
นายทหารทุกคนมองหน้ากันและถอนหายใจพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ดูเหมือนชีวิตการเป็นทหารเรือของพวกเขาจะสั้นลงกว่าที่คิด
อาจจะเป็นไมเกรนไม่ก็เส้นเลือดในสมองแตกก่อนแก่ตายแน่ๆ
“งั้นฉันไปก่อนละน๊า”
ต้นเหตุของความวุ่นวายโบกมือลากลุ่มคนที่ยังชุลมุนกันอยู่ในห้องรับรองแบบญี่ปุ่น ร่างเล็กยิ้มร่าพร้อมวิ่งไปหาเพื่อนพ้องซึ่งรออยู่ที่ท่าเรือด้วยความลั้ลลาราวกับปลาได้น้ำ
สิ่งหนึ่งที่ลูฟี่ชื่นชอบคือการออกผจญภัย เขาหัวเราะกว้างพร้อมกระโดดขึ้นเรือ
ไม่ได้สนใจมาดนาวาเอกหรืออะไรทั้งนั้น
ก็แหม..นี่คือลูฟี่นี่
อีกอย่างปู่ก็ไม่เห็นท่าวิ่งเมื่อกี้ด้วย..
“นาวาเอกที่ไหนเขาทำตัวแบบนั้นกันฮะลูฟี่!!?”
ใครเอ่ยตายยาก..
----|----|----|----|----
หลังจากโดนสวดไปนานกว่า
1 ชั่วโมง ในที่สุดลูฟี่ก็ได้ออกเรือซักที
จริงๆแล้วมันก็ทำให้เขาอดคิดเกี่ยวกับคำถามของปู่ขึ้นมาไม่ได้ ที่ปู่ถามว่านาวาเอกที่ไหนเขาทำตัวแบบนี้..อยากตอบไปเหมือนกัน
ก็ปู่ไง
อย่านึกว่าเขาไม่รู้นะว่าปู่ตอนเป็นนาวาเอกน่ะจัดจ้านในย่านนี้(?)ขนาดไหน เผลอๆหลุดมาดยิ่งกว่าเขาอีกมั้ง!
(ขนาดตอนนี้เป็นพลโทแล้วยังไม่ค่อยรักษามาดเลย!)
“ปู่มีหน้ามาว่าฉันได้ยังไง!”
บ่นกระปอดกระแปดพร้อมกับหัวที่ปูดโนซึ่งเป็นผลจากพลังของหมัดแห่งรักที่ปู่ได้มอบให้ก่อนออกเรือ
ท่ามกลางเสียงหัวเราะก๊ากของพวกโซโลและท่าทางกลั้นขำของพลทหารเรือคนอื่นๆ
ลูฟี่นั่งเบะปากอยู่บนกาบเรือทั้งยังเชิดหน้าขึ้น
เรือรบลำใหญ่แล่นออกจากศูนย์บัญชาการใหญ่กองทัพเรืออย่างไม่เร่งรีบ
ลูฟี่เหม่อมองท้องฟ้าสีครามที่ประดับด้วยแสงตะวันและเมฆสีขาวราวกับปุยนุ่น ก่อนที่จะหลุดออกจากภวังค์เมื่อพวกโซโลเดินตรงมาที่ๆเขานั่งอยู่
“จะว่าไปแล้วนะลูฟี่—
มีกล่องประหลาดๆอยู่ในเรือเราด้วยล่ะ”
เด็กหนุ่มผู้เป็นกัปตันเรือเลิกคิ้วขึ้นก่อนตาลุกวาวด้วยความสนใจ
“เห! ไหนเหรอ!? ไหนๆๆๆ” โซโลกับซันจิแบ่งกันจับแขนคนละข้างของผู้เป็นกัปตันด้วยความสามัคคี(?)พลางลากเจ้าตัวเล็กไปยังเป้าหมายซึ่งอยู่ภายห้องใต้ท้องเรือ
มันคือกล่องไม้ที่มีส่วนสูงชะลูดจนไม่อาจเดาได้ว่าข้างในคืออะไร
ทุกคนขมวดคิ้วมุ่น..ไออยากเปิดมันก็อยากเปิด แต่ถ้ามันเป็นกับดักของพวกโจรสลัดจะทำยังไงล่ะ?
“ข้างกล่องมีอะไรติดอยู่ด้วย”
ซันจิลูบคางตัวเองเมื่อเหลือบไปเห็นกระดาษสีขาวแปะอยู่ข้างกล่อง ด้วยความอยากรู้นักดาบผมสาหร่ายจึงเป็นคนดึงมันออกมาอ่าน
มันเป็นกระดาษสีขาวขนาด A4 ที่ถูกเขียนด้วยลายมือชุ่ยๆอย่างกับไก่เขี่ย
ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังแกะลายแทงเข้าไปทุกที
นามิดึงมันออกมาจากมือของโซโลอย่างรวดเร็ว
นัยน์ตากลมโตกวาดตามองข้อความที่ถูกเขียนเอาไว้อย่างคร่าวๆ
“นี่เป็นของขวัญจากฉัน
หวังว่าแกจะชอบนะเจ้าเตี้ยหมวกฟาง เอ่อ..เคี๊ยกๆๆ จาก 7 เทพโจรสลัดโมเรีย”
นามิอ่านเสียงดังให้ได้ยินกันถ้วนหน้า เหมือนเจ้าตัวจะแอบอ้ำๆอึ้งๆไปเล็กน้อยเมื่อต้องอ่านเสียงหัวเราะประหลาดนั่น
ลูฟี่เบ้หน้าแทบจะในทันที
“ของขวัญจากไอตุ๊กแกนั่น? งั้นอย่าเปิดเหอะ อันตรายๆ”
“หายากนะที่นายพูดว่าอันตรายน่ะ
ฮ่าๆๆๆ”
“ไม่ต้องพูดเลยโซโล! ของอะไรที่ได้จากไอตุ๊กแกบ้านั่นฉันก็ไม่สนทั้งนั้นแหละ!”
“แล้วจากเจ้านกชมพูล่ะ”
ซันจิลองถามหยั่งเชิง
“ไม่สนเหมือนกัน! ทำไม 7 เทพโจรสลัดมีแต่พวกบ้าๆนะ!”
ว่าใครเขาอิเหนาเป็นเอง..ไม่ดูตัวเองบ้างล่ะลูฟี่เอ๊ย
“นั่นสิๆ
อย่าเปิดเลยนะโซโล ซันจิ” อุซปผู้รู้สึกขลาดกลัวเนื่องจากเคยเจอนิสัยแปลกๆของ 7
เทพโจรสลัดคนนั้นอยู่พอสมควร รีบเกลี้ยกล่อมสองคู่หูที่นอกจากลูฟี่แล้วก็นับเป็น 2
คนที่แกร่งที่สุดในเรือลำนี้ ทั้งคู่ดูเหมือนจะอยากเปิดกล่องอันนั้นเหลือเกิน
สมแล้วที่เข้ากับลูฟี่ได้..
“อย่าเปิดเลยน่าพวกนาย
เจ้าตุ๊กแกนั่นจะส่งอะไรมากันเชียว” เจ้าหมวกฟางกลอกตาไปมา แค่คิดถึงหน้าของไอบ้าที่ชอบหัวเราะกวนประสาทนั่นแล้วก็รู้สึกของขึ้น
“แต่มันน่าสนใจไม่ใช่เหรอ”
“จริงด้วย
มันอาจเป็นเหล้าชั้นดีก็ได้นา”
“อย่าเปิดเชียวนะเจ้าบ้า!!”
....
ระหว่างที่การโต้เถียงกันเรื่องของกล่องอันนั้น
ทั้งสามคนไม่ทันสังเกตเลยว่ากล่องมันสั่นเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ข้างใน
หากแต่นามิและอุซปซึ่งลอบสังเกตกล่องใบนั้นมาโดยตลอดกลับเริ่มจะรู้สึกตัว
ทั้งคู่หน้าซีดปากสั่น..
“ฮ..เฮ้
ไม่รู้ฉันคิดไปเองรึเปล่า แต่กล่องนี่มันขยับนะ” สาวผมส้มว่าด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
หากแต่ทั้งสามคนก็ยังไม่คิดจะหันกลับมาสนใจกล่องใบนี้
กึก..กึก
เพื่อนจมูกยาวเบิกตาโตรีบวิ่งออกห่างจากกล่องใบใหญ่
“เฮ้ยๆ พ พวกนาย ช..ช่วยสนใจกล่องนั่นหน่อยได้มั้ย”
“น..นายก็เห็นเหมือน
ฉ ฉันใช่มั้ยอุซป”
“อ
อืม”
สองคนกอดคอกันด้วยความหวาดกลัว
ถ้ามีตัวอะไรซักอย่างโผล่ออกมาจากข้างในนั้นพวกเขาคงได้ช็อคตายก่อนเข้าแกรนด์ไลน์แน่ๆ
ถึงอย่างนั้นทั้งสามคนที่โต้เถียงกันอยู่ก็ยังไม่ได้หันมาสนใจเลยแม้แต่น้อย
จนกระทั่ง..
โย่โฮ่โฮ่โฮ่..
เสียงประหลาดดังออกมาจากกล่อง
สองหนุ่มสาวที่ผวาสุดขีดกรีดร้องโวยวายรู้สึกเหมือนเห็นวิญญาณออกจากร่าง
ส่วนสามหนุ่มที่ได้ยินเช่นกันก็เลิกต่อล้อต่อเถียงแล้วหันมาสนใจกล่องที่มีเสียงออกมา
มันเหมือนกับเสียงหัวเราะ..รึเปล่านะ
“น่าสนุกดีนี่!” จากคนที่ไม่อยากจะเปิดกล่องนั้นอย่างลูฟี่กลับเปลี่ยนใจภายในชั่วครู่เดียวที่พบว่ากล่องใบนั้นดูท่าจะพิเศษ
“อาจจะเป็นเหล้าพูดได้..”
“บ้านแกสิไอหัวมอส!”
ผู้เป็นกัปตันเดินเข้าไปใกล้กล่องก่อนค่อยๆเปิดมันด้วยความบรรจง
อืม..มันก็แค่ช่วงแรกเท่านั้นล่ะ เพราะหลังจากนั้นเจ้าตัวก็กระชากจนฝากล่องหลุดติดมือออกมาด้วย
ทุกสายตาจับจ้องไปยังข้างในกล่องปริศนาใบนั้น ฝุ่นที่คละคลุ้งออกมาทำให้พวกเขาต้องปิดตาปิดจมูก
จนกระทั่งเมื่อฝุ่นพวกนั้นเริ่มจางลง..
โครงกระดูกส่วนสูงชะลูดในชุดแบบสุภาพบุรุษเมื่อหลายสิบปีก่อนซึ่งนอนนิ่งอยู่บนฟูกสีขาวเรียกความสนใจจากพวกเขาไปจนหมด
ก็แค่โครงกระดูกนี่..พวกเขาคิด
แต่เดี๋ยวก่อนนะ
“น
นี่..โครงกระดูกมันจะหัวเราะได้ไงกันล่ะ”
อุซปเริ่มกลับมาเสียงสั่นอีกครั้ง
โครงกระดูกที่ควรจะนอนอยู่บนฟูกหยัดตัวลุกขึ้น
ส่วนที่เป็นฟันเริ่มขยับ นัยน์ตาของทุกคนเบิกกว้างมองร่างที่ยืนเหมือนกับมีชีวิตไม่วางตา
“โย่โฮ่โฮ่โฮ่
หัวเราะได้สิครับ”
...
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกก”
“งั้นนายก็คือผู้มีพลังของผลปีศาจ?”
นามิเลิกคิ้วพลางชี้ไปที่ลูฟี่ซึ่งกำลังยัดเนื้อเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
“ผู้มีพลังของผลปีศาจ..เหมือนหมอนี่น่ะเหรอ?”
“ใช่แล้วครับ
โชคร้ายที่ผมกลับเข้าร่างช้าไปหน่อย..ตอนนี้เลยกลายเป็นโครงกระดูก”
“เห..นับเป็น
7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกได้มั้ยเนี่ย”
“จะว่าไปแล้วคุณนามิ..”
“หืม?”
“ขอผมดูกางเกงในของคุณหน่อยจะได้มั้ยครับ”
โครม!!
ร่างของโครงกระดูกสุดหื่นถูกเตะเต็มแรงไปชนกับกาบเรือจนเกิดรอยร้าว
หญิงสาวผู้เป็นคนทำร้ายทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “ฉันไม่ผิดนะที่เตะหมอนี่
ก็ใครใช้ให้มาขอดูกางเกงในคนอื่นกันล่ะ”
แต่เธอก็โต้ตอบหมอนี่แรงไปหน่อยนะ
พวกลูฟี่เหงื่อตก
“สรุปก็คือนายถูกโมเรียชิงเงาไป
แต่เมื่อ 2 ปีก่อนก็ถูกคืนเงาให้แถมยังถูกพาตัวไปเรียนโรงเรียนเตรียมทหารเรือ? แล้วตอนนี้ก็เป็นทหารเรือแล้วสิ?” โซโลสรุปเรื่องราวคร่าวๆก่อนถามในสิ่งที่ตนสงสัย
“ใช่ครับ
ตอนนี้ผมคือเรือตรีบรู๊คแห่งกองทัพเรือ และจะมาเป็นลูกเรือของหน่วยหมวกฟางตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปครับ
โย่โฮ่โฮ่โฮ่”
“ฮะ!?”
วันดีคืนดีก็มีโครงกระดูกปริศนามาขอเป็นลูกเรือ!?
ไม่คิดว่าตอนนี้หน่วยหมวกฟางจะมีพวกประหลาดเยอะเกินไปบ้างเหรอ!?
----|----|----|----|----
ตอนนี้เหมือนจะไม่มีอะไรเลย
แค่แนะนำว่าเจอบรู๊คแล้วเฉยๆ (ฮา)
ตอนหน้าอาจได้เจอกับครอคโคไดล์ค่ะ!
ความคิดเห็น