คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : (sf) The Devil's Trap [3] – Law x Luffy
title :: The Devil's Trap
pairing :: Law x Luffy
author :: daydreamツ
request by :: -
notes :: ยังไม่ตรวจคำผิดเลยครับ!
----|----|----|----|----
สถานที่ที่ซันจิพาเขาไปคืออาคารร้างๆหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากค่ายทหารมากนัก
ชายวัยกลางคนเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่แสนคุ้นเคยนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำสนิทที่ดูใหม่เกินกว่าจะประดับอยู่ในอาคารซอมซ่อเช่นนี้
กลุ่มควันจากซิการ์ลอยเคว้งในอากาศ กลิ่นของมันชวนให้เด็กหนุ่มรู้สึกมึนไม่น้อย
“ผมพาลูฟี่มาแล้วครับ”
ซันจิเปิดบทสนทนาด้วยความสุภาพ มันดูเป็นเรื่องที่น่าตลกสำหรับลูฟี่เสียเหลือเกิน
เขาไม่เคยเห็นคนอย่างซันจิสุภาพกับใครมาก่อนนอกจากผู้หญิง (ซึ่งในบรรดาทหารทั้งหมดที่ลูฟี่เคยพบ
นามิคือทหารหญิงเพียงหนึ่งเดียวในนั้น)
“งั้นแกออกไปรอข้างนอก
ไว้ฉันคุยกับเด็กนี่เสร็จแกก็ส่งมันกลับไปหาทราฟาการ์ด้วย”
“รับทราบครับ
พลเอก”
ร่างสูงของหนึ่งในทหารที่ลูฟี่รู้จักดีเดินออกจากห้องไปทันทีที่ได้รับคำสั่ง
เด็กน้อยเม้มริมฝีปาก จะว่าไม่ได้เจอคนตรงหน้านานแล้วก็ย่อมได้ เอาน่า
เกือบครึ่งเดือนนี่ก็นานพอตัวสำหรับลูฟี่นา
แต่ครอคโคไดล์ในยามนี้ก็ดูไม่ต่างจากตอนเจอกันครั้งล่าสุดมากนัก
“ทราฟาการ์เป็นไง”
“หมายถึงอะไร” ลูฟี่เลิกคิ้ว
“หมายถึงในความคิดของแกน่ะ
ทราฟาการ์ดูเป็นไง”
“ก็..”
เด็กหนุ่มลากเสียง ใบหน้าน่ารักมีสีหน้าครุ่นคิด ภาพของพลโทหนุ่มที่มักสวมหมวกประหลาดไม่เข้ากับชุดเครื่องแบบของนายทหารลอยเข้ามาในความคิด
ใบหน้าที่มักเคร่งเครียดตลอดเวลาจนดูน่ากลัวไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร..
คิดมาถึงจุดนี้ก็ดันเผลอนึกไปถึงสีหน้าของอีกฝ่ายตอนทรมานนักโทษที่ชื่อมอร์แกน
จิตซะไม่มี
“หลอน”
ครอคโคไดล์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนหลุดหัวเราะ
ลูฟี่ขมวดคิ้วมุ่น ลากเก้าอี้แถวๆนั่นมานั่งก่อนเปลี่ยนเป็นสีหน้าเบื่อโลก
นัยน์ตาสีดำขลับกลอกไปมา
“พูดตรงๆเลยนะ
ทำไมถึงส่งฉันไปอยู่กับหมอนั่นล่ะ ตอนทรมานนักโทษหมอนั่นดูเหมือนพวกโรคจิตเลย”
มันเป็นจริงอย่างที่ลูฟี่พูด
แม้แต่ตัวครอคโคไดล์เองก็เคยเห็นลอว์ยามทรมานนักโทษมานับครั้งไม่ถ้วน
สีหน้าที่เหมือนกำลังสนุกสนานกับเสียงกรีดร้องและหยาดเลือดนั้นยังจำได้ดี
สำหรับลอว์แล้ว..เสียงกรีดร้องคือเสียงดนตรีที่ทำให้รู้สึกเพลิดเพลิน
ก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่คนปกติจะเข้าใจได้
“เพราะหมอนั่นมันอัจฉริยะ..ล่ะมั้ง?”
“..”
“ส่งอัจฉริยะให้อัจฉริยะดูแล
ไม่ใช่ความคิดที่ดีรึไง?”
“ไม่อ่ะ”
ส่ายหน้าอย่างทันควันด้วยสีหน้าบู้บี้อย่างไม่พอใจ
ครอคโคไดล์วางมือลงบนศีรษะที่ไร้ซึ่งหมวกฟางใบเดิมที่แสนคุ้นเคย
ก่อนโยกมันไปมาเหมือนอีกคนเป็นเด็กตัวเล็กๆ และลูฟี่ก็ไม่ได้ปัดมือนั้นออก นัยน์ตาสีดำขลับของชายร่างสูงใหญ่ทอดมองเด็กหนุ่มที่ตนรับมาเลี้ยงเมื่อปีที่แล้วด้วยสายตาอ่านยาก
“จำเอาไว้นะเจ้าหมวกฟาง”
“....”
“ถึงจะไม่อยากพูดแบบนี้ซักเท่าไหร่
แต่แกต้องปกป้องทราฟาการ์ นั้นคือเจตนาที่แท้จริงที่โดฟลามิงโก้ส่งแกมาให้คอยติดตามเจ้านั่น
อย่าให้ความสามารถที่หมอนั่นมีต้องหายไปอย่างน่าเสียดาย กองทัพยังต้องการหมอนั่น
ไม่ว่าจะยังไง..”
“...”
“ก็อย่าให้ทราฟาการ์ตายเด็ดขาด
นี่คือภารกิจที่เจ้าโดฟลามิงโก้มอบให้แก”
“...”
“รู้ใช่มั้ยว่าฉันไม่อยากให้แกตาย
เพราะฉะนั้น..อย่าให้ภารกิจนี้มีข้อผิดพลาด เพราะโดฟลามิงโก้จะไม่มีวันปล่อยแกไว้แน่
ดังนั้นแกต้องปกป้องเจ้าศัลยแพทย์แห่งความตายนั่น”
“...”
“เพื่อรักษาชีวิตของตัวแกเอง”
“ไปไหนมา”
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองผู้ถามก่อนส่ายหัวไม่ยอมตอบ
ลอว์เลิกคิ้ว ถึงกระนั้นก็ไม่คิดที่จะเซ้าซี้แต่อย่างใด
เขาก้มหน้าลงเช็คเอกสารบนโต๊ะทำงานอย่างตั้งใจ
ปล่อยให้เด็กหนุ่มที่ถูกรับฝากเอาไว้โดยพลเอกแห่งกองทัพอย่างครอคโคไดล์และโดฟลามิงโก้อยู่กับตัวเอง
นัยน์ตาสีดำขลับนั้นดูไร้ประกายอย่างน่าประหลาด ลูฟี่ทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง
เจ้าตัวเหมือนกำลังมีเรื่องให้คิด..
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะสนใจ
ตั้งแต่เมื่อวานที่จู่ๆเจ้าเด็กนี่ก็เดินกลับมาที่ค่ายทหารหลังจากหายตัวไปเกือบ
2 ชั่วโมง ก็แปลกๆไป เหมือนมีเรื่องให้คิด?
เหม่อลอยบ่อยขึ้น และตามติดเขามากขึ้น แต่ถึงลูฟี่ไม่มาคอยตามติดเขา
ลอว์ก็เชื่อว่าตัวเขาจะเป็นคนลากอีกฝ่ายมาเดินอยู่ข้างๆเอง
ก็เพราะมีหน้าที่ที่ต้องดูแลนี่นะ แถมลูฟี่ยังมีฝีมือและทักษะ..นั่นทำให้เขาสนใจ
และคิดได้ว่าควรเก็บคนอย่างลูฟี่ไว้ใกล้ตัว ทำให้กลายเป็นลูกน้องของเขาซะ
นั่นคงดีกว่าให้ไปเป็นคนของเจ้าจระเข้
เสียของเปล่าๆ
หลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งทำงานไปถึงครึ่งค่อนวัน
เมื่อหันมาอีกทีก็พบว่าคนตัวเล็กนั้นหลับไปเสียแล้ว ลอว์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปยังโซฟาที่คนตัวเล็กนอนอยู่
ผิวขาวเนียนละเอียด รูปร่างผอมแห้งเก้งก้าง
แม้แต่ฝ่ามือเองก็ไม่ได้นุ่มนิ่มเหมือนผู้หญิง
ค่อนไปทางกระด้าง..บ่งบอกว่าอาจจับอาวุธมาตั้งแต่เด็ก
บนใบหน้าเรียวมีรอยแผลเป็นอยู่ใต้ตา
ใช้เวลากว่า 5
นาทีเพ่งพินิจมองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างละเอียด
ตอนนอนหลับก็ดูเหมือนกับเด็กวัยรุ่นธรรมดาๆ
ไม่คิดว่าพอตื่นขึ้นมาจะนิ่งเงียบเป็นเป่าสาก
แม้แต่ตอนเจอกันครั้งแรก..ก็ดูจะเป็นคนไม่ค่อยพูด ค่อนไปทางไม่สนใจโลกเสียด้วยซ้ำ
มีช่วงก่อนหน้านี้กระมั้งที่พูดขึ้นมาบ้าง
แต่พอหลังจากเมื่อวาน..ก็กลับไปเป็นเหมือนตอนที่เจอกันแรกๆอีกครั้ง
และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาสงสัย
เด็กนี่ไปทำอะไรมา
-----|-----|-----|-----|-----
มันเป็นความจริงที่ว่าลูฟี่เป็นเด็กมีพรสวรรค์
นับจากตอนที่เจอกันครั้งแรก..นี่ก็เป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว
ด้วยเวลาเพียงแค่นี้ลูฟี่สามารถท้าประลองกับซันจิและโซโล และสามารถเอาชนะได้
นัยน์ตาคมทอดมองร่างเล็กที่ลุกขึ้นมาหลังจากนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นทรายเพราะเหนื่อยจากการเอาชนะมือดาบอันดับหนึ่งของกองกำลังของลอว์
ฝีมือของโซโลไม่ใช่เล่นๆเลย อย่างน้อยการฝึกซ้อมด้วยกันทุกวันก็ทำให้เขาพัฒนาขึ้นมาก
แม้จริงๆแล้ว..ลูฟี่แอบคิดว่านี่ไม่ใช่ความสามารถทั้งหมดของเขา
เขาคิดว่าตัวเองน่าจะมีความสามารถมากกว่านี้
เพียงแต่ยังไม่สามารถใช้ได้เต็มที่ด้วยเหตุผลบางอย่าง สาเหตุที่คิดแบบนี้ก็เพราะในบางครั้งที่เขาต่อสู้
เขารู้สึกเหมือนร่างกายมันร้อนรุ่มราวกับกำลังถูกเปลวเพลิงแผดเผา
รู้สึกเหมือนตัวเองอาจกลายเป็นปีศาจกระหายเลือดที่ควบคุมตัวเองไม่ได้
เพราะแบบนั้นทันทีที่รู้สึกว่าคุมตัวเองไม่ไหว..เขาจะรีบยอมแพ้แต่โดยดี
แต่นี่เป็นครั้งแรก
เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถคุมตัวเองได้จนกระทั่งชนะโซโล
เรียกว่าพัฒนาขึ้นก็คงได้ล่ะมั้ง?
“เก่งขึ้นนี่”
ยิ้มรับคำชมจากนายทหารหัวเขียวที่ตนพึ่งเอาชนะไปได้หมาดๆ โซโลยีผมเขาจนยุ่งฟู
อดไม่ได้ที่จะปัดมือออกไปเพราะแอบรู้สึกรำคาญ หลังจากที่หายตัวไปในครั้งนั้นลูฟี่ก็พูดน้อยลงเหมือนตอนที่เจอกันครั้งแรก
แต่ไม่นานเจ้าตัวก็กลับมาเป็นปกติ เริ่มยิ้มบ้างอะไรบ้าง
และสนิทกับทหารคนอื่นๆในค่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แม้ปกติจะตัวติดกับลอว์ตลอดเวลา
แต่ถ้าลอว์ต้องการที่จะอยู่คนเดียวเมื่อไหร่ ลูฟี่ก็จะไปอยู่กับซันจิไม่ก็โซโลแทน
ร่างเล็กวิ่งกลับไปหาลอว์ที่ยืนมองการประลองของเขากับโซโลอยู่นอกสนาม
ลอว์ไม่ได้กล่าวชื่นชมอะไรนัก แต่แค่ดูจากสายตาก็รู้ว่าคงพอใจอยู่พอสมควร ก็นะ
เป็นคนคอยสอนทักษะการต่อสู้ต่างๆให้เขาในยามว่างเองนี่
ความสัมพันธ์เหมือนกับ..ครูกับลูกศิษย์?
สำหรับลอว์แล้ว..ลูฟี่คงเป็นเหมือนอาวุธชิ้นหนึ่งกระมั้ง? ต้องพกติดตัวตลอดเวลาเพื่อไว้ป้องกันตัวเอง
ทั้งยังต้องลับให้คมเพื่อที่จะสามารถฟาดฟันศัตรูตรงหน้าอย่างแม่นยำ
ไม่ใช่ทั้งลูกน้อง ไม่ใช่ทั้งเพื่อน เป็นเพียงอาวุธที่ลอว์ดูแล
โดยแลกกับการที่ต้องปกป้องลอว์จากศัตรู
ลูฟี่นิยามตัวเองไว้แบบนั้น
“เราจะไปไหน”
หลังจากที่อาบน้ำล้างตัวในค่ายทหารเสร็จ ลอว์ก็เดินนำเขาขึ้นรถ
อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรเลยซักอย่าง เพราะแบบนั้นลูฟี่ถึงสงสัย
ทางที่รถแล่นผ่านไม่ใช่ทางไปฐานทัพและไม่ใช่ทางกลับคฤหาสน์ของลอว์
ที่แน่ๆ..รถคันนี้กำลังแล่นขึ้นเขา
“ฉันต้องไปเจรจากับสายลับของเราที่ถูกส่งตัวไปสืบที่จักรวรรดิแกรนด์ไลน์”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ
เท่าที่จำได้..สถานรับเลี้ยงเด็กที่ครอคโคไดล์ไปเจอเขาก็เป็นสถานรับเลี้ยงเด็กเล็กๆที่ตั้งอยู่ระหว่างเขตแดนของจักรวรรดิแกรนด์ไลน์และสหพันธรัฐออลบลู ภาพเพลิงที่กำลังแผดเผาที่นั่น..เขาคิดว่าน่าจะถูกลูกหลงจากสงครามของทั้งสองอาณาจักร
สงคราม..ที่พรากผู้บริสุทธิ์ไปมากมาย
เขานั่งเงียบภายในรถ
รู้สึกหนาวสั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจจะเป็นเพราะแอร์ในรถ? ไม่ใช่..เพราะลอว์ยังคงมีท่าทีปกติ ไม่เห็นจะเป็นแบบเขา เด็กหนุ่มครุ่นคิด
ในทันใดนั้นเอง..เขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างแล่นเข้ามาในโสตประสาท
เดี๋ยวก็หนาวเหน็บ เดี๋ยวก็ร้อนรุ่ม
รู้สึกถึง..
อันตราย!!
ตู้ม!!
รถคันหรูตกอยู่ในกองเพลิงทันทีที่เสียงระเบิดดังขึ้น
เปลวไฟที่แผดเผารถทั้งคันจนยากจะบอกว่ามีใครรอดชีวิต เขม่าควันลอยอบอวลอยู่ในอากาศ
ลูฟี่ที่ผลักลอว์ออกจากรถได้ทันท่วงทีก้มหน้าสำลักควันเสียยกใหญ่
นัยน์ตาสีดำขลับยังคงเบิกค้าง รู้สึกอึ้งไม่หายที่ตนพึ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาอย่างฉิวเฉียด
เงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงเพื่อสังเกตว่ายังปลอดภัยดีหรือไม่ น่ายินดี ที่นอกจากแผลถลอกเล็กๆน้อยๆก็ไม่มีแผลอะไรอีก
ลูฟี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ก่อนที่จะชะงักไปเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเขาช่วยลอว์ออกมาได้แค่คนเดียว
มีทหารอีกสองนายรวมถึงคนขับรถอีกหนึ่งอยู่ในนั้น
ไม่
รู้สึกผิดไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร
เขามีหน้าที่เพียงแค่ปกป้องลอว์
แค่นั้น
ลอว์หยัดตัวลุกขึ้นมา
เพราะถูกลูฟี่ผลักลงมาจากรถจนกระเด็นไปบนพื้นหญ้า จึงทำให้ชุดเครื่องแบบทหารต้องเลอะดินและเศษใบไม้
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสนใจในตอนนี้ อาวุธที่ติดตัวเขาในตอนนี้มีแค่ปืนพกเพียงกระบอกเดียวเท่านั้น
เขาเม้มริมฝีปาก ฉุดร่างของเด็กหนุ่มหมวกฟางขึ้นมาก่อนพาวิ่งไปทางเดียวกัน
“เกิดอะไรขึ้น!?” ลูฟี่ถามเสียงดัง แม้เขาจะผลักลอว์ออกมาจากรถที่กำลังจะระเบิดได้ทัน
แต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมรถคันนั้นถึงได้ระเบิดได้ ลอว์หันมามองแม้จะกำลังวิ่งอยู่
“พวกจักรวรรดิคงจับได้แล้ว
เลยมาเล่นงานเราก่อน”
อาจจะจับได้..ตั้งแต่ตอนที่หมัดอัคคีแอบเข้ามาในฐานทัพเมื่อเดือนก่อนแล้วก็ได้
ลอว์คิด นี่คงเป็นแผนของพวกตัวเป้งๆในจักรวรรดิ อาจจะจับได้ตั้งแต่ตอนนั้น
แต่ไม่ฆ่าและไม่ส่งกลับมา เพราะต้องการใช้เพื่อล่อคนของสหพันธรัฐ..
และคนที่พวกนั้นต้องการล่อก็คือ..
เขา
ชายหนุ่มจับปืนพกที่เสียบอยู่ตรงกระเป๋ากางเกงแน่น
มืออีกข้างกึ่งลากกึ่งจูงลูฟี่ให้วิ่งตามเขา
ได้ยินเสียงฝีเท้าจากที่ไกลๆก็พอรู้ว่าพวกมันกำลังตามล่าตัวเขาอยู่แน่ๆ
ไม่ไกลจากที่นี่จะมีโกดังร้างและบ้านร้าง มันอาจจะพอให้ซ่อนตัวได้
เขาเพียงแค่ต้องอดทน
แม้จะโกรธแค้น..แต่การหันหลังไปประจันหน้ากับศัตรูที่มีจำนวนคนมากกว่าเป็นเท่าตัวนั้นคือการกระทำที่โง่เขลา
เด็กประถมยังรู้เลยว่าไม่มีทางชนะ ทางที่ดีควรหาที่ตั้งหลักก่อนคงจะดีกว่า
ปัง!
กระสุนสีเงินพุ่งแหวกอากาศเฉียดศีรษะของลอว์ไปเพียงเล็กน้อย
ชายหนุ่มชะงัก นึกขอบคุณลูฟี่ที่ดึงเขาให้เซไปทางตัวเองก่อนที่ลูกกระสุนจะเจาะกบาล
ความรู้สึกหงุดหงิดพวยพุ่ง หากทำได้..เขาก็อยากจะจัดการฆ่าไอเลวพวกนั้นให้หมด
กล้าดียังไงมาระเบิดรถของเขา กล้าดียังไงมาฆ่าลูกน้องเขา ชายหนุ่มกัดฟันกรอด
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงดึงมือลูฟี่วิ่งต่อไป
ยังไม่ใช่ตอนนี้
ถ้าหันไปสู้ตอนนี้..สิ่งเดียวที่ได้รับคือความตาย
ต้องรอโอกาสที่เหมาะสม
ทางฝั่งลูฟี่ที่วิ่งตามการนำของลอว์จนมาถึงโกดังร้างๆแห่งหนึ่ง
นึกขอบคุณพระเจ้าที่ดลบันดาลให้ฝนตกทำให้เสียงฝีเท้าที่ไล่ตามพวกเขามาหยุดลง พวกเขาติดอยู่ในเขาลูกนี้
และคงออกไปไม่ได้จนกว่าจะคิดแผนจัดการพวกนั้นให้หมด
ตอนนี้พวกศัตรูคงกำลังหาที่หลบฝนอยู่ซักแห่ง และมันพอจะถ่วงเวลาได้บ้าง
ลูฟี่ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นซีเมนต์
ชุดที่สวมใส่เปียกแฉะจนรู้สึกหนาวสั่น เด็กหนุ่มปลดกระดุมจนสุดก่อนนำเสื้อไปตากไว้ตรงตู้ว่างๆตู้หนึ่ง
ลอว์เองก็ทำไม่ต่างกัน หลังจากที่ผละออกมาจากตู้นั้นได้ก็หันกลับไปมองที่ลูฟี่
แผ่นหลังเล็กที่แสนบอบบางนั้นเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น นั่นไม่ใช่แผลที่เกิดขึ้นเร็วๆนี้
อย่างต่ำก็สี่ถึงห้าปี
รู้ตัวอีกทีเขาก็ไปยืนซ้อนหลังของเด็กหนุ่มตัวเล็กเสียแล้ว
มือหนาสัมผัสลงบนแผ่นหลังที่ว่างเปล่า
อุณหภูมิของร่างกายที่เย็นเยียบเพราะฝนตกทำให้ลูฟี่สะดุ้งจนตัวโยน
เด็กหนุ่มหันหลังมาทำท่าจะห้าม แต่กลับส่งเสียงห้ามไม่ออก
ลอว์ลูบไล้รอยแผลเป็นบนแผ่นหลังด้วยนัยน์ตาที่ทอประกายความรู้สึกบางอย่างที่ลูฟี่ไม่เข้าใจ
ด้วยความสับสน เด็กหนุ่มเผลอเงยหน้าขึ้นจนมองเห็นกล้ามหน้าท้องแน่นๆ
ลืมไปได้อย่างไรว่าลอว์ไม่ได้ใส่เสื้อ
แม้จะไม่ได้มีกล้ามเป็นมัดๆเหมือนพวกที่ชอบเล่นกล้าม
แต่ก็ไม่ได้พุงพุ้ยเหมือนคนทั่วไป
เรือนร่างแกร่งที่แข็งแรงเป็นตัวบ่งบอกว่าเจ้าตัวคงฝึกฝนมาอย่างหนักและสม่ำเสมอเพื่อที่จะเป็นทหารที่ยอดเยี่ยม
ทั้งรอยสักที่อยู่ทั่วกายแกร่งนั้นทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกแปลกตา
ร้อนไปทางใบหน้าเมื่อเผลอคิดว่าหากสัมผัสลงบนอกแกร่งนั้นจะเป็นเช่นไร
ลูฟี่หันหน้าหนีสายตาที่มองมาทันที
บ้าชะมัด
ตอนที่เขาเห็นกล้ามหน้าท้องของโซโลก็ไม่ได้รู้สึกแบบนี้ซักหน่อย
ต้องเป็นเพราะรอยสักนั่นแน่ๆ!
“เลิกมองหลังฉันซักที
โทราโอะ” หันไปแหวลั่นเมื่อร่างสูงมีทีท่าว่าจะไม่ยอมถอนสายตาไปง่ายๆ
แต่สิ่งที่ได้กลับมาไม่ใช่การเลิกมองแผ่นหลังของเขา
แต่เป็นคำถามที่เอื้อนเอ่ยออกมาทั้งๆที่สายตาก็ยังไม่ละไปไหน
“แกไปได้แผลพวกนี้มาจากไหน”
“ฮะ..?”
“แผลเป็นที่หลัง
ไปได้มาจากไหน”
“จำไม่ได้หรอก”
ลอว์เลิกคิ้ว
“หมายความว่าไง”
“ความทรงจำฉันมันขาดๆหายๆ
ตั้งแต่เด็กแล้ว เรื่องที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง
เรื่องก่อนหน้านั้นยิ่งแล้วใหญ่ แต่..”
ร่างสูงเงียบ
เปิดโอกาสให้คนตัวเล็กได้เล่าในสิ่งที่เขาไม่เคยรู้จากปากของครอคโคไดล์
“เหมือนฟาเธอร์ที่เลี้ยงดูฉันที่นั้นจะเคยเล่าไว้นะ
ว่าพ่อฉันเป็นพวกหัวรุนแรง โดยเฉพาะตอนเมา และฉันก็ชอบโดนทำร้ายร่างกายบ่อยๆ”
ไม่ได้มีรอยยิ้มข่มขื่นบนใบหน้านั้น มีเพียงใบหน้าว่างเปล่าที่บ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องที่เล่าเลยซักนิด
ไม่ได้มีอารมณ์ร่วม ไม่ได้เสียใจ ไม่ได้หวั่นไหว
ไม่รู้สึกอะไร..ทั้งๆที่นั่นเป็นเรื่องราวของตัวเอง
“แม้แต่ที่หัวนี่..”
มือเล็กชี้มาที่ศีรษะตัวเองก่อนฉีกยิ้มบางๆ “ก็เคยโดนพ่อเอาไม้ฟาดเหมือนกัน”
แม้ปากจะยิ้ม..แต่นัยน์ตากลับว่างเปล่าสิ้นดี
ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมเหมือนคนที่กำลังเล่าเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
เหมือนกับว่า..แค่กำลังถ่ายทอดสิ่งที่ได้ยินมาให้คนอื่นฟังก็เท่านั้น
ก็แหงล่ะ
เพราะเขา..จำเหตุการณ์พวกนั้นไม่ได้ซักอย่าง
ลอว์เพียงแค่มองคนตัวเล็กนิ่งๆ
เขาหย่อนตัวลงนั่ง มือแกร่งดึงร่างเล็กที่ยืนอยู่อย่างแรงจนเด็กหนุ่มเซลงมานั่งตัก
ลูฟี่เลิกคิ้ว เหลียวหน้าหันไปมองคนตัวสูงด้วยความสงสัย แต่สิ่งที่ได้รับกลับมากลับเป็นเพียงใบหน้าไม่รู้ไม่ชี้เท่านั้น
“นั่งนิ่งๆ
อย่าขยับล่ะ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนเอนหลังพิงกำแพงพร้อมหลับตาลงเพื่อพักสายตา
ทิ้งให้คนตัวเล็กกว่าที่นั่งพิงอกอยู่บนตักทอดมองสายตาด้วยความไม่เข้าใจ
ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงทำแบบนี้ เพราะสงสารเขาหรือ? หรือเวทนา? หรือสมเพช?
ไม่ว่าจะอะไรลูฟี่ก็ไม่ได้การทั้งนั้น สำหรับเขา..ความรู้สึกพวกนั้นมันกินไม่ได้
มันไม่จำเป็น และเขาไม่ต้อง
เพียงแต่..ไม่รู้ทำไม
ชั่วครู่หนึ่ง
เขากลับรู้สึกดี
“อีกไม่นานพวกมันจะมาที่นี่”
คนที่หลับตาอยู่พูดเสียงเบา ลูฟี่พยักหน้ารับและไม่เอ่ยอะไรออกมาเพื่อเปิดโอกาสให้ลอว์ได้พูดต่อให้จบ
“พวกมันมีประมาณ
5 หรือ 6 คน ทั้งหมดเป็นนักฆ่ามืออาชีพ”
“แล้ว?”
“ตอนนี้นายไม่มีอาวุธอะไรซักอย่างนอกจากมีดสั้นนั่น
ถูกมั้ย? เพราะฉะนั้น..วิ่งไปหยิบปืนที่ลิ้นชักตรงนั้นซะ ฉันเคยเอามันมาซ่อนเอาไว้
และทันทีที่พวกนั้นเข้ามา..ก็วิ่งหนีไปจากที่นี่ซะ”
“เดี๋ยวนะ
ให้ทิ้งนายไว้ที่นี่?”
“ฉันจัดการได้สบายๆอยู่แล้ว”
ลูฟี่เงียบไป
เขารู้อยู่แล้วว่าลอว์เก่งขนาดไหน เขากับลอว์ไม่เคยต่อสู้ร่วมกัน ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าหากต้องมาสู้กับศัตรูด้วยกันจะเข้าขากันมากน้อยแค่ไหน
ถ้าเกิดมันดันขัดแข้งขัดขากันขึ้นมา..ก็มีแต่จะทำให้สถานการณ์แย่ลง เขาครุ่นคิด
แต่ถึงแม้จะคำนวณผลดีผลเสียซักเท่าไร
ลูฟี่ก็ย่อมรู้คำตอบของตัวเองดีอยู่แล้ว
ในที่สุดพายุฝนก็สงบลง
เด็กหนุ่มกำกระบอกปืนสีเงินที่ตนพึ่งได้มาแน่น มืออีกข้างตั้งท่าพร้อมวิ่งทันทีที่มีการบุกโจมตีที่นี่
เขาได้ยินเสียงฝีเท้า ลอว์หันมาพยักหน้าให้อย่างรู้กัน
เด็กหนุ่มหมวกฟางหลับตาลง
ก่อนที่เขาจะออกตัววิ่งไปทางประตูหลังของโกดังอย่างรวดเร็ว
ปัง!
พร้อมกับเสียงลั่นไกปืน
ความคิดเห็น