ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (one piece) straw hat gangster|อันธพาลหมวกฟาง (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 03 :: นักล่าสีขาว เสือ และสิงโต

    • อัปเดตล่าสุด 29 ต.ค. 61



     


     

     

     

              “ไงหมวกฟาง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

     

              เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มกว้างอย่างร่าเริง รีบพุ่งตัวไปกอดแขนแกร่งของคนอายุมากกว่าเอาไว้ ฝ่ายพลตำรวจโทสโมกเกอร์ก็ทำเพียงมองรอยยิ้มนั่นด้วยแววตาที่ฉายความเอ็นดูอยู่เล็กน้อย

     

              “ไปนั่งตรงนู้นกันเถอะเจ้าควัน!” คนรู้จักเจ้าของร้านนี้กึ่งลากกึ่งจูงคนตัวใหญ่กว่าไปนั่งโต๊ะริมสุดซึ่งให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าที่อื่นๆ

     

              ทันทีที่หย่อนตัวลงนั่งเจ้าตัวแสบก็ไม่รีรอที่จะสั่งขนมหวานมาทานระหว่างคุยกัน ชวนให้หนุ่มใหญ่วัยทำงานเริ่มรู้สึกคิดผิดที่มาร้านนี้..ดูเหมือนเขาจะต้องเสียเงินอีกแล้ว เจอกับเจ้าเด็กนี่ทีไรกระเป๋าตังโล่งทุกที แต่ถามว่าอยากเจอมั้ย? ถ้าให้ตอบแบบไม่โกหกตัวเองก็ต้องยอมรับว่าอยากเจอ

     

              สิ่งที่ลูฟี่สั่งคือพาร์เฟ่ต์ผลไม้หน้าตาน่ารับประทาน ในขณะที่เขาสั่งเพียงกาแฟร้อนแก้วหนึ่งเท่านั้น

     

              “แล้วพี่ชายแกเป็นไงบ้างล่ะ” เจ้าของฉายานักล่าสีขาวเปิดบทสนทนาในทันทีที่พาร์เฟ่ต์ของเจ้าลูฟี่มาเสิร์ฟ เห็นเจ้าตัวเล็กชะงักไปเล็กน้อยกับคำถามนั้น..แต่ร่างสูงก็ไม่ได้คิดใส่ใจอะไรมากนักเพราะรู้สาเหตุดี มือเรียววางช้อนลงก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาคนอายุมากกว่าแล้วฉีกยิ้มกว้าง

     

              ซาโบสบายดี! พึ่งเรียนจบโรงเรียนนายร้อยเมื่อปีที่แล้วเอง ตอนนี้เป็นนายร้อยตำรวจตรีซาโบแล้วนะรู้ยังล่ะ!” กล่าวถึงพี่ชายสุดที่รักด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจเสียเต็มประดาราวกับเด็กที่กำลังอวดของเล่นชิ้นใหม่

     

              สโมกเกอร์จ้องเขม่งไปยังนัยน์ตากลมคู่นั้น เขาส่ายหน้าเบาๆ

     

              “ไม่..ฉันไม่ได้หมายถึงเจ้านั่น ฉันหมายถึง..พี่ชายอีกคนหนึ่งของแกต่างหาก” บรรยากาศอึดอัดโอบล้อมรอบโต๊ะทันทีที่ร่างสูงเอ่ยปาก สีหน้าของลูฟี่ดูนิ่งเฉยเสียจนไม่อาจคาดเดาได้ว่าเจ้าตัวรู้สึกเช่นไร

     

              ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเริ่มคลี่รอยยิ้มบางออกมา

     

              นัยน์ตาสีดำขลับดูไร้ประกายและฉายความรู้สึกบางอย่างที่ร่างสูงไม่เข้าใจ และคิดว่าการพยายามจะเข้าใจมันคงเป็นสิ่งที่ยากเกินไปสำหรับเขา แม้ภายนอกเจ้าเด็กนี่จะดูเป็นคนง่ายๆไม่คิดอะไร..แต่ลึกๆแล้วกลับซับซ้อนราวกับเขาวงกตที่ไร้ซึ่งทางออก

     

              เอสสบายดี ก็..เหมือนเดิมนั่นแหละ”

     

              คนเป็นตำรวจพยักหน้ารับโดยไม่เซ้าซี้อะไรมากไปกว่านี้อีก

     

              ลูฟี่กลับมาแย้มยิ้มอย่างร่าเริงพร้อมเล่าเรื่องของเจ้าตัวตลอด 2 ชั่วโมงที่นั่งอยู่ด้วยกัน ริมฝีปากจิ้มลิ้มนั่นเอาแต่พูดไม่หยุดจนเขานึกอยากบีบปากซักทีแต่ก็ไม่ทำ เสียงเจื้อยแจ้วที่ควรจะน่ารำคาญสำหรับคนชอบความเงียบสงบแบบเขากลับน่าฟังขึ้นมาอย่างน่าประหลาด คงเป็นเพราะคนพูดคือเจ้าหนูนี่ด้วยกระมั้ง ชายหนุ่มคิดในใจพลางเท้าคางมองเด็กน้อยที่ยังพูดจ้อไม่หยุด

     

              “แล้วก็น๊า..วันก่อนเอสทำอาหารที่บ้านล่ะ แล้วก็บึ้ม! ครัวระเบิดเลย! โดนปู่ด่าซะยกใหญ่ โดนหมักแห่งรักของปู่ด้วย ชิชิชิ”

     

              “หมัดของพลโทการ์ปรึ? ไอเด็กเวรนั่นยังไม่ตายใช่มั้ย” สโมกเกอร์เคยเจอเอสอยู่ครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นเจ้าเด็กนั่นยังเป็นเพียงนักศึกษามหาวิทยาลัย ซาโบก็ยังเป็นเพียงนักเรียนนายร้อยอยู่..และการพบเจอกันครั้งแรกก็ไม่ใช่อะไรที่น่าจดจำนัก

     

              “ก็เฉียดตายล่ะ ชิชิชิ”

     

              ลูฟี่หัวเราะอารมณ์ดี เขาจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันที่สนุกสนานมาก โดยเฉพาะตอนที่เขากับซาโบต้องรีบพาเอสไปโรงพยาบาล..ซาโบเหยียบคันเร่งมิดจนเขาแอบคิดว่าตัวเองอาจจะไม่รอดไปด้วยเสียแล้ว ถ้าขี่จรวดไปได้ก็คงขี่จรวดไปแล้วเช่นกัน

     

              ตอนดาดันกลับมาบ้านก็ด่าซ้ำอีกทีจนเอสกลัวหัวหดไม่กล้าแตะห้องครัวอีกเลย

     

              “แล้วนี่..แกบอกพวกมันเรื่องที่แกเป็นหัวหน้ากลุ่มหมวกฟางรึยัง”

     

              ลูฟี่ชะงัก ใบหน้าน่ารักส่ายไปมา “ยัง”

     

              “แกนี่นะ..” หนุ่มใหญ่ถอนหายใจ ทั้งรู้สึกเข้าใจและไม่เข้าใจเด็กนี่ไปในเวลาเดียวกัน..สำหรับเด็กนี่มันคงเป็นความคิดที่ไม่อยากดึงพี่ชายมาพัวพันด้วยกระมั้ง

     

             การสูญเสียคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด

     

              เขาเคยได้ยินคำพูดนี้เมื่อนานมาแล้ว

     

              เขากับเจ้านี่เคยเจอกันตั้งแต่ตอนที่กลุ่มหมวกฟางพึ่งก่อตั้งใหม่ๆ และความสัมพันธ์ของพวกเราก็ค่อนข้างประหลาด บางครั้งก็เหมือนกำลังไล่ล่ากัน..แต่พอจับได้ก็ปล่อยไปทุกทีพร้อมลงเอยด้วยการเลี้ยงข้าวหรือขนม บางครั้งไล่จับอยู่ดีๆพอเด็กนี่มีอันตรายก็เข้าไปช่วยซะงั้น?

     

              คนที่ประหลาดดูเหมือนจะไม่ใช่ใคร..แต่เป็นเขานี่ล่ะ

     

              “แล้วนี่แกมาที่นี่ทำไม เจ้าจระเข้บอกว่าจะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นที่นี่” ใบหน้ากลมเอียงคอมองด้วยความฉงน ไม่รู้ตัวเลยว่าท่าทางน่ารักเหมือนลูกแมวช่างสงสัยนั่นทำให้หนุ่มใหญ่ต้องเสมองไปทางอื่น

     

              “ก็ประมาณนั้น แล้ว..เดี๋ยวนะ? เจ้าจระเข้? แกหมายถึงครอคโคไดล์?

     

              “ใช่ๆ ครอคโคไดล์”

     

              “มันอยู่ที่นี่?” ลูฟี่หน้าซีดฉับพลัน..ดูเหมือนเขาจะเผลอพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องไปเสียแล้ว อยากฝากข้อความไปบอกเจ้าจระเข้ว่าถ้ามันโดนเจ้าควันไล่ล่าก็ไม่ใช่ความผิดของเขานะ! เขาไม่ได้ผิดอะไร! แค่หลุดปากไปนิดเดียวเอ๊งงงง!!

     

              “คือ..ก็—“ คิดอยากหาข้อแก้ตัวอะไรซักอย่าง แต่สายตาคมกริบที่มองมาบ่งบอกว่าถ้าโกหกแม้แต่คำเดียวมื้อนี้ต้องจ่ายเอง

     

              “ใช่..มันอยู่ที่นี่”

     

             น่าสงสารเจ้าจระเข้เหลือเกิน ดูเหมือนสายสัมพันธ์ระหว่างมันกับลูฟี่จะสู้อำนาจเงินและของกินไม่ได้

     

              “จะว่าไปแกคงไม่ได้คิดจะจับฉันใช่มั้ย? แบบเลี้ยงของกินแล้ววางยานอนหลับอะไรแบบนั้น” ลูฟี่เปลี่ยนเรื่องเมื่อเริ่มเห็นใบหน้าถมึงทึงของคนตัวสูง ไม่รู้ว่าในอดีตสองคนนั้นไปมีปัญหาอะไรกันถึงได้แค้นฝังหุ่นกันขนาดนี้ ถ้าเจอกันคงมิวายฆ่ากันตายตรงจุดที่เจอนั่นล่ะ

     

              “แกดูหนังมากไปแล้ว”

     

              “ก็มันสงสัยนี่ บางทีแกอาจจะอยากฆ่าฉันแล้วเอาไปสับให้จระเข้กินก็ได้”

     

              “ถ้าจะสับแกให้ใครกิน ฉันยอมให้เสือกินดีกว่าเอาไปให้ไอจระเข้เฮงซวยนั่น”

     

             มันแค้นอะไรกับคำว่าจระเข้ปะวะ

     

     

     

              นัยน์ตาคมมองจานพาร์เฟ่ต์ที่ว่างเปล่าก่อนดึงมือเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกึ่งลากกึ่งจูงออกจากร้าน ลูฟี่ชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ ปล่อยให้เขาเดินดีๆก็ได้ปะ..แล้วมือเนี่ยจะจับมือเขาอีกนานมั้ย!?

     

              แต่ถึงพูดไปก็อย่าหวังว่าเจ้าคนแก่ดื้อดึงจะปล่อย

     

              ถ้าจับใส่กุญแจมือได้คงจับใส่ไปนานแล้ว

     

              “แกจะพาฉันไปไหนเนี่ย!” ลูฟี่เริ่มโวยวายเมื่อคนอายุมากกว่าเดินลากเขาไปตามทางร่วมสิบนาทีได้แล้ว แถมไอทางนี้มัน..ถ้าจำไม่ผิดคือทางไปสถานีตำรวจ? ไอลุงนี่มันจะส่งเขาเข้าคุกเรอะ!!

     

              “ไปหาพี่ชายแกไง”

     

              “ห..หา!?” ลูฟี่เริ่มดิ้นพลางโวยวายไม่ได้ศัพท์ ตอนนี้ที่สถานีตำรวจน่าจะมีทั้งซาโบและปู่ของเขาอยู่ด้วย ดูสภาพเสื้อผ้าหลุดรุ่ยไม่เป็นระเบียบของตัวเองตอนนี้แล้ว..ถ้าไปที่นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย!! เจ้าตัวยุ่งดิ้นขลุกขลักไปมาพยายามแกะมือหนาที่เหนียวเป็นปลาหมึกนั่นออก

     

             ไอลุงนี่มันชักจะมากเกินไปแล้วนะเฟ้ย

     

              เบ้ปากเมื่อดิ้นยังไงก็ไม่หลุด ไม่รู้ว่าอีกคนไปเอาแรงมาจากไหนหนักหนา

     

              “เปลี่ยนไปเป็นส่งฉันกลับบ้านแทนไม่ได้เรอะ..” อย่างน้อยเอสต้องไม่ด่าเขาแน่ๆ สโมกเกอร์ดูมีสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะยอมพยักหน้า เส้นทางที่จะไปบ้านของเขาจากตรงนี้ก็ไม่ได้ไกลมากนัก อย่างน้อยกลับบ้านไปก็น่าจะดีกว่า

     

              ไม่รู้ตัวเลยว่านั่นช่างเป็นความคิดที่ผิดมหันต์

     

              ไม่ทันที่จะถึงปากซอยเข้าบ้าน..หูเจ้ากรรมก็ดันได้ยินเสียงการทะเลาะวิวาทดังขึ้นไม่ไกลจากที่นี่มากนัก น่าจะเป็นแถวลานเล็กๆข้างบ้านร้างนั่น..เด็กหนุ่มรีบแกะมือหนาในจังหวะที่อีกฝ่ายเริ่มผ่อนแรงก่อนวิ่งไปยังเส้นทางนั้นในทันที

     

             ชิชิชิ สัญชาตญาณของเขาบอกว่ากำลังจะมีเรื่องสนุกๆเกิดขึ้น!

     

              ในที่เกิดเหตุมีกลุ่มคนสองกลุ่มกำลังก่อทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรง ดูภายนอกก็แค่การตะลุมบอนของวัยรุ่นธรรมดา แต่ในสายตาของลูฟี่..เขาคิดว่านี่คือการวิวาทระหว่างกลุ่ม ดูจากสถานการณ์แล้ว..กลุ่มหนึ่งใส่ชุดเหมือนทหารเสือมีอยู่ 4 คน ส่วนอีกกลุ่มแต่งตัวเหมือนพวกทหารป่ามี 3 คน เหตุผลของการทะเลาะวิวาทยังไม่แน่ใจนัก

     

              แต่ที่สำคัญที่สุด

     

             พวกนี้เป็นใคร? ดูแล้วน่าจะไม่ใช่คนของกลุ่มหมวกฟาง เพราะเขาไม่คุ้นหน้าเจ้าพวกนี้เลย..และที่สำคัญกลุ่มหมวกฟางไม่มีคนแต่งตัวประหลาดชอบคอสเพลย์เป็นสัตว์นอกจากช็อปเปอร์ งั้นก็ไม่ใช่คนของเขตนี้หรอกหรือ?

     

              แล้วถ้าเป็นแบบนั้น..มันกล้าดียังไงมาก่อเหตุวิวาทในถิ่นของเขา?

     

              ลูฟี่นำหมวกฟางของตนไปซ่อนเอาไว้แถวๆนั้น เขาไม่อยากเสี่ยงให้พวกนี้รู้ว่าเขาเป็นหัวหน้ากลุ่ม เขาเข้าไปใกล้พวกนั้นเรื่อยๆ จากการหยุดการวิวาทกะทันหัน ดูเหมือนพวกมันจะสังเกตเห็นถึงการมาของเขาแล้ว

     

    “พวกนายเป็นใครน่ะ ชิชิชิ ที่นี่ถิ่นใครไม่รู้รึไง?” เลิกคิ้วเอียงคอมองพวกมันพลางแย้มยิ้มใสซื่อเหมือนว่าตัวเองเป็นเพียงเด็กที่ไม่รู้ประสีประสา พวกนั้นชักสีหน้าอย่างพร้อมเพรียง..ดูเหมือนจะเริ่มเตรียมไม้เบสบอลและอาวุธอื่นๆในกรณีที่อาจมีการต่อสู้เกิดขึ้น

     

    ต้องเป็นคนยังไงถึงคิดจะรุมเด็กคนเดียว

     

    ลูฟี่คิดในใจแต่ไม่ได้พูดอะไรออก

     

    “แล้วนายล่ะเป็นใคร?” โอ้โห— ทีแบบนี้ล่ะสามัคคีถามกันพร้อมเพรียงราวกับนัดแนะกันมา ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นกลุ่มที่ตีกันแทบตายเมื่อครู่

     

    “ฉันถามพวกนายก่อน พวกนายควรตอบก่อนไม่ใช่เหรอ?

     

    พวกมันไม่ตอบนอกจากมองมายังเขาด้วยสายตาอาฆาต ลูฟี่ไม่รู้ว่าเป้าหมายของพวกมันคืออะไร (และเขาก็ไม่ได้ใส่ใจด้วย) เพียงแต่การที่พวกคนกลุ่มอื่นมาก่อวิวาทในถิ่นของเขานี่มันก็ไม่ต่างจากการหยามหน้าชัดๆ

     

    “พวกฉันคือกลุ่มมิงค์..มาจากแผ่นดินใหญ่”

     

    ป้าบ!!!

     

    “แล้วแกจะไปบอกไอเด็กนั่นทำไมวะไอบ้าซิซิเลี่ยน!!” คนที่แต่งตัวเหมือนเสือดาว (บางทีอาจเป็นจากัวร์..)ตบหัวชายที่มีหูสิงโตในชุดทหารเสืออย่างแรง

     

    “นี่แกว่าข้าเรอะเพโดร!!

     

    “ก็แกน่ะสิ ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง!

     

    “แล้วแกมันดีกว่าข้าตรงไหนหา!!!

     

    “ก็ดีกว่าแกทุกส่วนนั่นล่ะว่ะ!!!

     

    “พูดอีกทีสิไอเสือดาว!!!

     

    “ฉันเป็นเสือจากัวร์โว้ยยยยยย”

     

    หนึ่งสิงโตหนึ่งเสือจากัวร์กลับมาเถียงกันอีกครั้ง ลูฟี่เลิกสนใจทั้งสองพลางเริ่มครุ่นคิดโดยมีเสียงการทะเลาะวิวาทของทั้งคู่แทรกมาเป็นระยะๆ

     

    กลุ่มมิงค์งั้นหรือ? จะว่าไปพวกมันก็แต่งตัวแปลกๆ ทหารเสือกับทหารป่า? พวกที่แต่งตัวเหมือนทหารเสือมีคนนึงที่มีหูกับหางเหมือนสิงโต แถมยังมีหนวดยาวๆบนใบหน้า ส่วนพวกที่ใส่ชุดทหารป่า..ก็มีคนนึงที่ดูเหมือนเสือดาว?

     

    เคยได้ยินว่าพวกกลุ่มมิงค์เป็นกลุ่มคนที่มีอาณาเขตส่วนหนึ่งอยู่ในแผ่นดินใหญ่ ไม่ค่อยสุงสิงหรือก่อวิวาทกับใคร(นอกจากทะเลาะกันเอง) ที่สำคัญคือชอบแต่งตัวเป็นสัตว์ และในกลุ่มก็จะแบ่งเป็น 2 ฝ่ายที่ไม่ถูกกันเอาเสียเลย

     

    แล้วพวกกลุ่มรักสันโดษแบบนั้นมาทำอะไรที่นี่?

     

    “แล้วพวกแกมาทำอะไรที่นี่” ลูฟี่เลิกคิ้วพลางถามต่อ ต่อให้เป็นกลุ่มรักสันโดษที่ไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน..แต่ถ้ามาที่นี่เพื่อก่อความวุ่นวายเขาก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน หนึ่งสิงโต(?)หนึ่งเสือจากัวร์(?)ยังคงทะเลาะกันเหมือนเด็กโดยไม่สนใจทางนี้ ทำให้เด็กสาวในชุดทหารเสือซึ่งใส่ที่คาดผมหูกระต่ายจำต้องหันมาตอบเขาแทน

     

    “ผู้นำของเราส่งพวกเรามาทำธุระที่นี่น่ะ อ้อ ฉันชื่อแครอท! ฝากตัวด้วยนะการ์จู!” เธอยิ้มอย่างร่าเริง ท้ายคำพูดเป็นถ้อยคำประหลาดที่ลูฟี่ไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร

     

    “ธุระอะไรล่ะ..บางทีฉันอาจช่วยได้นะ ชิชิชิ”

     

    “ก็มาเจรจากับกลุ่มหมวกฟา— อุ้บ!” เธอโดนปิดปากโดยมือใหญ่ของชายที่สวมชุดทหารป่าพร้อมแต่งตัวคล้ายกอริล่าทำผมทรงแอฟโฟ่ แครอทดิ้นขลุกขลัก..กว่าจะหลุดจากพันธนาการของชายร่างใหญ่ได้ก็ใช้เวลานานกว่า 5 นาที

     

    “ปิดปากฉันทำไมเนี่ยแบล็คแบ็ค!

     

    “เธอจะหลุดความลับของเราให้มันรู้ทั้งหมดเลยเรอะ!

     

    หญิงสาวทำหน้าตื่นตระหนก “อุ๊ย! จริงด้วย!

     

              เธอหันมายิ้มกว้างให้เขา “งั้นเมื่อกี้ช่วยลืมไปได้ม๊า” ลูฟี่มีสีหน้าเหมือนคนท้องผูก พลางคิดในใจ แบบนี้ก็ได้เหรอ ไม่รู้ตัวเลยว่านิสัยแบบนั้นตัวเองก็ใช้บ่อยเช่นกัน

     

              “ก็อย่างที่ได้ยินนั่นแหละ พวกเรามีธุระกับกลุ่มหมวกฟาง”

     

             ป้าบ!!

     

              “บอกไม่ให้ฉันพูดแล้วตัวเองพูดทำไมเนี่ยแบล็คแบ็ค!!

     

              พวกเอ็งเป็นคณะตลกเรอะ.. สโมกเกอร์ซึ่งแอบยืนมองทุกอย่างอยู่จากมุมหนึ่งคิดในใจ แม้แต่ลูฟี่เองก็เริ่มไม่มั่นใจว่าเขาจะคุยกับเจ้าพวกนี้รู้เรื่อง สรุปก็คือมีธุระกับกลุ่มหมวกฟาง? ฝ่ายสองคนที่เลิกทะเลาะกันแล้ว(ได้ความว่าคนหนึ่งชื่อซิซิเลี่ยนอีกคนชื่อเพโดร)ก็หันมาหาเขา

     

              “จะว่าไปนายรู้จักกับสมาชิกกลุ่มหมวกฟางบ้างมั้ย พวกหัวหน้าหน่วยก็ได้ หรือถ้าเป็นพวกเสนาธิการได้ยิ่งดี” เพโดรหันมาถามด้วยสีหน้าจริงจัง

     

              ลูฟี่หัวเราะ..รู้จักสิ พวกที่นายพูดมาฉันรู้จักทุกคนเลย

     

              “ชิชิชิ ก็รู้จักนะ ลองไปที่มหาวิทยาลัยแกรนไลน์ดูดิ คาเวนดิช..หัวหน้าหน่วย 1 อยู่ที่นั่นอ่ะ บอกหมอนั่นว่าลูฟี่แนะนำมา แล้วก็บอกธุระไป” เด็กหนุ่มว่าด้วยน้ำเสียงร่าเริง  เป็นอย่างที่ลางสังหรณ์ของเขามันบอก..ดูเหมือนว่ากำลังจะมีเรื่องสนุกๆเกิดขึ้น!

     

             โอ๊ะ— จะว่าไปก็ลืมเจ้าควันไปเลยแฮะ

     

              “พวกเราขอบพระคุณอย่างสุดซึ้ง! ถ้าไม่ได้น้ำใจของนายพวกเราคงต้องตามหาวนไปวนมาอยู่แบบนี้แน่ๆ!” ซิซิเลี่ยนกล่าวขอบคุณพร้อมท่าทางเล่นใหญ่ จนเด็กหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าถ้าตนอยู่ตรงนี้นานกว่านี้เจ้านั่นต้องพุ่งเข้ามากอดขอบคุณแน่ๆ เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อนก่อนกล่าวลาพวกเขา คิดในใจว่าอีกไม่นานคงได้เจอกัน

     

             พอถึงตอนนั้น..พวกนี้จะโกรธที่โดนเขาหลอกรึเปล่านะ?

     

             ไม่สิ เขาไม่ได้หลอก

     

             ก็พวกนั้นถามว่ารู้จักพวกหัวหน้าหน่วยไม่ก็พวกเสนาธิการมั้ย เขาก็แค่ตอบไปตามความจริงว่ารู้จัก..แต่พวกนั้นไม่ได้ถามซักหน่อยว่ารู้จักหัวหน้ากลุ่มรึเปล่านี่นา

     

              เด็กหนุ่มหยิบหมวกฟางที่ซ่อนไว้ขึ้นมาสวม เมื่อหันหลังไปก็พบกับหนุ่มใหญ่เจ้าของยศพลตำรวจโทแห่งศูนย์บัญชาการตำรวจแผ่นดินใหญ่

     

    “แล้วแกจะไปไหนต่ออ่ะเจ้าควัน”

     

    ร่างสูงพ่นควันสีขาวขุ่นออกจากปากพลางเหม่อมองท้องฟ้า “ไม่รู้สิ ก็คงไปส่งแกที่บ้าน..แล้วก็กลับที่พักล่ะมั้ง?

     

    “ถ้าแกไปส่งที่บ้านได้กัดกับเอสกันพอดี”

     

    “คนนะไม่ใช่หมา เจ้าหนู”

     

    “ก็เหมือนๆกันนั่นล่ะ! ชิชิชิ”

     

    มันเหมือนกันตรงไหนวะ พลโทเจ้าของฉายานักล่าสีขาวคิดอย่างไม่เข้าใจในความคิดของเด็กหนุ่มที่เดินอยู่ข้างกายตัวเอง ลูฟี่เดินนำคนอายุมากกว่ากลับบ้าน รับรู้ได้ถึงสายตาคมกริบของเจ้าตัวที่มองมาไม่วางตาแต่ก็ไม่ได้พูดขัดหรือถามอะไร แอบคิดว่าถ้าถึงบ้านแล้วเจ้าควันคงได้วิวาทกับเอสบ้านแตกแน่ๆ อนึ่ง..ทั้งสองไม่ถูกกันตั้งแต่ตอนเจอกันครั้งแรก และมันก็ลากยาวมาถึงปัจจุบัน..คงเป็นเพราะนิสัยชอบกวนประสาทของเอสนั่นแหละที่ทำให้สโมกเกอร์ฉุนอยู่บ่อยๆ

     

    ในที่สุดก็มาถึงบ้านของเขา..มันเป็นบ้านสองชั้นขนาดใหญ่(แต่ก็ไม่ถึงกับเรียกว่าคฤหาสน์หรอกนะ) ทั้งบ้านล้อมรอบด้วยรั้วและต้นไม้นานาพันธุ์ ข้างในโรงจอดรถเห็นรถเพียงคันเดียวเท่านั้น..นั่นหมายความว่าปู่กับซาโบยังไม่กลับบ้าน และในบ้านตอนนี้ก็มีเพียงเอสแค่คนเดียว

     

    “แกกลับไปได้ละ ชิชิชิ ขี้เกียจห้ามคนทะเลาะกันนา”

     

    “อย่างแกไม่ได้ห้ามหรอก” ..กระโดดไปร่วมวงด้วยมากกว่า ประสบการณ์ที่พบเจอมาสอนเขาอย่างงั้น

     

    ร่างบางพยายามใช้มือเล็กๆดันหลังคนตรงหน้าให้เดินกลับไปยังที่พักของตัวเองได้แล้ว แต่คนอายุมากกว่าก็ยังดื้อดึงจะอยู่ต่อ โอ้— ไม่นะ เด็กหนุ่มอยากจะกรีดร้อง ถ้าทะเลาะกันที่อื่นเขาคงร่วมวงด้วยและคิดว่ามันคงเป็นเรื่องสนุกๆขำขัน แต่ถ้ามาทะเลาะกันที่นี่..ปู่คงได้ฆ่าเขาตายแน่ๆ

     

    เขาพยายามดันให้คนตรงหน้ากลับไป

     

    แต่ดูเหมือนจะไม่ทัน..เมื่อประตูรั้วถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงของใครคนหนึ่งที่พุ่งเข้าหาเขาอย่างแสนรัก กล้ามเนื้อวงแขนของอีกฝ่ายกอดรัดเขาราวกับงูเหลือมตัวใหญ่ รูปร่างดูดีแบบนักกีฬาที่ไร้ซึ่งเสื้อผ้าชิ้นบนแนบชิดกับเขาเหมือนจะกอดเขาให้จมอก

     

    “ลูฟี่~ พี่คิดถึงนายชะมัด!! 10 ชั่วโมงแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน!” เสียงร้องไห้กระซิกๆ (ที่ดูตอแหลสิ้นดีในความคิดของสโมกเกอร์)ดังขึ้นจากคนที่เอาหน้าซุกไหล่เขาอยู่ ลูฟี่หัวเราะแห้งๆ..พลางเริ่มนับถอยหลังเวลาตายของตัวเองในใจ

     

    เอสเงยหน้าขึ้นมาจากบ่าของน้องชาย พึ่งรับรู้ว่ามีคนนอกอยู่ที่นี่ด้วย

     

    ว่าแล้วก็จ้องเขม่งไปยังทิศทางที่ตัวเองสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิต โอ้— นั่นมัน..

     

    “ลูฟี่!! เดี๋ยวนี้หัดพาผู้ชายเข้าบ้านแล้วเหรอ!? พี่ชายคนนี้ไม่ยอมนะ! ไม่ยอมเด็ดขาดเลย!! ปู่กับซาโบจะต้องรู้เรื่องนี้แน่!!

     

     

     

     

    ----|----|----|----|----

     


     

    เอสในความคิดของเราคือพี่ชายติ๊งต๊องที่เป็นบราค่อนตัวพ่อค่ะ 5555555555 /อย่าทำร้ายเอส

    ซิซิเลี่ยน แครอท เพโดร แล้วก็แบล็คแบ็ค เป็นตัวละครในภาคโซค่ะ พอดีนี่ชอบเพโดรกับซิซิเลี่ยนมากๆ เลยเอามาอยู่ในเรื่องนี้ด้วย (ฮา)

    ตอนหน้าเจอกันกับสองพี่น้องบราค่อนเอสและซาโบค่า!

    ปล. น่าจะว่างอัพแค่วันศุกร์เสาร์อาทิตย์ TT ถ้าหายไปนานไม่ต้องตกใจค่ะ..สมองตัน แฮะๆ

     

     

     

     

     

     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×