คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 03 :: นักล่าสีขาว เสือ และสิงโต
“ไงหมวกฟาง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มกว้างอย่างร่าเริง
รีบพุ่งตัวไปกอดแขนแกร่งของคนอายุมากกว่าเอาไว้ ฝ่ายพลตำรวจโทสโมกเกอร์ก็ทำเพียงมองรอยยิ้มนั่นด้วยแววตาที่ฉายความเอ็นดูอยู่เล็กน้อย
“ไปนั่งตรงนู้นกันเถอะเจ้าควัน!” คนรู้จักเจ้าของร้านนี้กึ่งลากกึ่งจูงคนตัวใหญ่กว่าไปนั่งโต๊ะริมสุดซึ่งให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าที่อื่นๆ
ทันทีที่หย่อนตัวลงนั่งเจ้าตัวแสบก็ไม่รีรอที่จะสั่งขนมหวานมาทานระหว่างคุยกัน
ชวนให้หนุ่มใหญ่วัยทำงานเริ่มรู้สึกคิดผิดที่มาร้านนี้..ดูเหมือนเขาจะต้องเสียเงินอีกแล้ว
เจอกับเจ้าเด็กนี่ทีไรกระเป๋าตังโล่งทุกที แต่ถามว่าอยากเจอมั้ย? ถ้าให้ตอบแบบไม่โกหกตัวเองก็ต้องยอมรับว่าอยากเจอ
สิ่งที่ลูฟี่สั่งคือพาร์เฟ่ต์ผลไม้หน้าตาน่ารับประทาน
ในขณะที่เขาสั่งเพียงกาแฟร้อนแก้วหนึ่งเท่านั้น
“แล้วพี่ชายแกเป็นไงบ้างล่ะ”
เจ้าของฉายานักล่าสีขาวเปิดบทสนทนาในทันทีที่พาร์เฟ่ต์ของเจ้าลูฟี่มาเสิร์ฟ
เห็นเจ้าตัวเล็กชะงักไปเล็กน้อยกับคำถามนั้น..แต่ร่างสูงก็ไม่ได้คิดใส่ใจอะไรมากนักเพราะรู้สาเหตุดี
มือเรียววางช้อนลงก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาคนอายุมากกว่าแล้วฉีกยิ้มกว้าง
“ซาโบสบายดี! พึ่งเรียนจบโรงเรียนนายร้อยเมื่อปีที่แล้วเอง ตอนนี้เป็นนายร้อยตำรวจตรีซาโบแล้วนะรู้ยังล่ะ!” กล่าวถึงพี่ชายสุดที่รักด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจเสียเต็มประดาราวกับเด็กที่กำลังอวดของเล่นชิ้นใหม่
สโมกเกอร์จ้องเขม่งไปยังนัยน์ตากลมคู่นั้น
เขาส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่..ฉันไม่ได้หมายถึงเจ้านั่น
ฉันหมายถึง..พี่ชายอีกคนหนึ่งของแกต่างหาก” บรรยากาศอึดอัดโอบล้อมรอบโต๊ะทันทีที่ร่างสูงเอ่ยปาก
สีหน้าของลูฟี่ดูนิ่งเฉยเสียจนไม่อาจคาดเดาได้ว่าเจ้าตัวรู้สึกเช่นไร
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเริ่มคลี่รอยยิ้มบางออกมา
นัยน์ตาสีดำขลับดูไร้ประกายและฉายความรู้สึกบางอย่างที่ร่างสูงไม่เข้าใจ
และคิดว่าการพยายามจะเข้าใจมันคงเป็นสิ่งที่ยากเกินไปสำหรับเขา แม้ภายนอกเจ้าเด็กนี่จะดูเป็นคนง่ายๆไม่คิดอะไร..แต่ลึกๆแล้วกลับซับซ้อนราวกับเขาวงกตที่ไร้ซึ่งทางออก
“เอสสบายดี
ก็..เหมือนเดิมนั่นแหละ”
คนเป็นตำรวจพยักหน้ารับโดยไม่เซ้าซี้อะไรมากไปกว่านี้อีก
ลูฟี่กลับมาแย้มยิ้มอย่างร่าเริงพร้อมเล่าเรื่องของเจ้าตัวตลอด
2 ชั่วโมงที่นั่งอยู่ด้วยกัน ริมฝีปากจิ้มลิ้มนั่นเอาแต่พูดไม่หยุดจนเขานึกอยากบีบปากซักทีแต่ก็ไม่ทำ
เสียงเจื้อยแจ้วที่ควรจะน่ารำคาญสำหรับคนชอบความเงียบสงบแบบเขากลับน่าฟังขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
คงเป็นเพราะคนพูดคือเจ้าหนูนี่ด้วยกระมั้ง
ชายหนุ่มคิดในใจพลางเท้าคางมองเด็กน้อยที่ยังพูดจ้อไม่หยุด
“แล้วก็น๊า..วันก่อนเอสทำอาหารที่บ้านล่ะ
แล้วก็บึ้ม! ครัวระเบิดเลย!
โดนปู่ด่าซะยกใหญ่ โดนหมักแห่งรักของปู่ด้วย ชิชิชิ”
“หมัดของพลโทการ์ปรึ? ไอเด็กเวรนั่นยังไม่ตายใช่มั้ย” สโมกเกอร์เคยเจอเอสอยู่ครั้งหนึ่ง
ซึ่งตอนนั้นเจ้าเด็กนั่นยังเป็นเพียงนักศึกษามหาวิทยาลัย ซาโบก็ยังเป็นเพียงนักเรียนนายร้อยอยู่..และการพบเจอกันครั้งแรกก็ไม่ใช่อะไรที่น่าจดจำนัก
“ก็เฉียดตายล่ะ
ชิชิชิ”
ลูฟี่หัวเราะอารมณ์ดี
เขาจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันที่สนุกสนานมาก โดยเฉพาะตอนที่เขากับซาโบต้องรีบพาเอสไปโรงพยาบาล..ซาโบเหยียบคันเร่งมิดจนเขาแอบคิดว่าตัวเองอาจจะไม่รอดไปด้วยเสียแล้ว
ถ้าขี่จรวดไปได้ก็คงขี่จรวดไปแล้วเช่นกัน
ตอนดาดันกลับมาบ้านก็ด่าซ้ำอีกทีจนเอสกลัวหัวหดไม่กล้าแตะห้องครัวอีกเลย
“แล้วนี่..แกบอกพวกมันเรื่องที่แกเป็นหัวหน้ากลุ่มหมวกฟางรึยัง”
ลูฟี่ชะงัก
ใบหน้าน่ารักส่ายไปมา “ยัง”
“แกนี่นะ..”
หนุ่มใหญ่ถอนหายใจ ทั้งรู้สึกเข้าใจและไม่เข้าใจเด็กนี่ไปในเวลาเดียวกัน..สำหรับเด็กนี่มันคงเป็นความคิดที่ไม่อยากดึงพี่ชายมาพัวพันด้วยกระมั้ง
การสูญเสียคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด
เขาเคยได้ยินคำพูดนี้เมื่อนานมาแล้ว
เขากับเจ้านี่เคยเจอกันตั้งแต่ตอนที่กลุ่มหมวกฟางพึ่งก่อตั้งใหม่ๆ
และความสัมพันธ์ของพวกเราก็ค่อนข้างประหลาด บางครั้งก็เหมือนกำลังไล่ล่ากัน..แต่พอจับได้ก็ปล่อยไปทุกทีพร้อมลงเอยด้วยการเลี้ยงข้าวหรือขนม
บางครั้งไล่จับอยู่ดีๆพอเด็กนี่มีอันตรายก็เข้าไปช่วยซะงั้น?
คนที่ประหลาดดูเหมือนจะไม่ใช่ใคร..แต่เป็นเขานี่ล่ะ
“แล้วนี่แกมาที่นี่ทำไม
เจ้าจระเข้บอกว่าจะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นที่นี่” ใบหน้ากลมเอียงคอมองด้วยความฉงน
ไม่รู้ตัวเลยว่าท่าทางน่ารักเหมือนลูกแมวช่างสงสัยนั่นทำให้หนุ่มใหญ่ต้องเสมองไปทางอื่น
“ก็ประมาณนั้น
แล้ว..เดี๋ยวนะ? เจ้าจระเข้?
แกหมายถึงครอคโคไดล์?”
“ใช่ๆ
ครอคโคไดล์”
“มันอยู่ที่นี่?” ลูฟี่หน้าซีดฉับพลัน..ดูเหมือนเขาจะเผลอพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องไปเสียแล้ว
อยากฝากข้อความไปบอกเจ้าจระเข้ว่าถ้ามันโดนเจ้าควันไล่ล่าก็ไม่ใช่ความผิดของเขานะ! เขาไม่ได้ผิดอะไร! แค่หลุดปากไปนิดเดียวเอ๊งงงง!!
“คือ..ก็—“
คิดอยากหาข้อแก้ตัวอะไรซักอย่าง แต่สายตาคมกริบที่มองมาบ่งบอกว่าถ้าโกหกแม้แต่คำเดียวมื้อนี้ต้องจ่ายเอง
“ใช่..มันอยู่ที่นี่”
น่าสงสารเจ้าจระเข้เหลือเกิน
ดูเหมือนสายสัมพันธ์ระหว่างมันกับลูฟี่จะสู้อำนาจเงินและของกินไม่ได้
“จะว่าไปแกคงไม่ได้คิดจะจับฉันใช่มั้ย? แบบเลี้ยงของกินแล้ววางยานอนหลับอะไรแบบนั้น” ลูฟี่เปลี่ยนเรื่องเมื่อเริ่มเห็นใบหน้าถมึงทึงของคนตัวสูง
ไม่รู้ว่าในอดีตสองคนนั้นไปมีปัญหาอะไรกันถึงได้แค้นฝังหุ่นกันขนาดนี้ ถ้าเจอกันคงมิวายฆ่ากันตายตรงจุดที่เจอนั่นล่ะ
“แกดูหนังมากไปแล้ว”
“ก็มันสงสัยนี่
บางทีแกอาจจะอยากฆ่าฉันแล้วเอาไปสับให้จระเข้กินก็ได้”
“ถ้าจะสับแกให้ใครกิน
ฉันยอมให้เสือกินดีกว่าเอาไปให้ไอจระเข้เฮงซวยนั่น”
มันแค้นอะไรกับคำว่าจระเข้ปะวะ
นัยน์ตาคมมองจานพาร์เฟ่ต์ที่ว่างเปล่าก่อนดึงมือเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกึ่งลากกึ่งจูงออกจากร้าน
ลูฟี่ชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ ปล่อยให้เขาเดินดีๆก็ได้ปะ..แล้วมือเนี่ยจะจับมือเขาอีกนานมั้ย!?
แต่ถึงพูดไปก็อย่าหวังว่าเจ้าคนแก่ดื้อดึงจะปล่อย
ถ้าจับใส่กุญแจมือได้คงจับใส่ไปนานแล้ว
“แกจะพาฉันไปไหนเนี่ย!” ลูฟี่เริ่มโวยวายเมื่อคนอายุมากกว่าเดินลากเขาไปตามทางร่วมสิบนาทีได้แล้ว
แถมไอทางนี้มัน..ถ้าจำไม่ผิดคือทางไปสถานีตำรวจ? ไอลุงนี่มันจะส่งเขาเข้าคุกเรอะ!!
“ไปหาพี่ชายแกไง”
“ห..หา!?” ลูฟี่เริ่มดิ้นพลางโวยวายไม่ได้ศัพท์ ตอนนี้ที่สถานีตำรวจน่าจะมีทั้งซาโบและปู่ของเขาอยู่ด้วย
ดูสภาพเสื้อผ้าหลุดรุ่ยไม่เป็นระเบียบของตัวเองตอนนี้แล้ว..ถ้าไปที่นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย!! เจ้าตัวยุ่งดิ้นขลุกขลักไปมาพยายามแกะมือหนาที่เหนียวเป็นปลาหมึกนั่นออก
ไอลุงนี่มันชักจะมากเกินไปแล้วนะเฟ้ย
เบ้ปากเมื่อดิ้นยังไงก็ไม่หลุด
ไม่รู้ว่าอีกคนไปเอาแรงมาจากไหนหนักหนา
“เปลี่ยนไปเป็นส่งฉันกลับบ้านแทนไม่ได้เรอะ..”
อย่างน้อยเอสต้องไม่ด่าเขาแน่ๆ สโมกเกอร์ดูมีสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะยอมพยักหน้า
เส้นทางที่จะไปบ้านของเขาจากตรงนี้ก็ไม่ได้ไกลมากนัก อย่างน้อยกลับบ้านไปก็น่าจะดีกว่า
ไม่รู้ตัวเลยว่านั่นช่างเป็นความคิดที่ผิดมหันต์
ไม่ทันที่จะถึงปากซอยเข้าบ้าน..หูเจ้ากรรมก็ดันได้ยินเสียงการทะเลาะวิวาทดังขึ้นไม่ไกลจากที่นี่มากนัก
น่าจะเป็นแถวลานเล็กๆข้างบ้านร้างนั่น..เด็กหนุ่มรีบแกะมือหนาในจังหวะที่อีกฝ่ายเริ่มผ่อนแรงก่อนวิ่งไปยังเส้นทางนั้นในทันที
ชิชิชิ
สัญชาตญาณของเขาบอกว่ากำลังจะมีเรื่องสนุกๆเกิดขึ้น!
ในที่เกิดเหตุมีกลุ่มคนสองกลุ่มกำลังก่อทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรง
ดูภายนอกก็แค่การตะลุมบอนของวัยรุ่นธรรมดา
แต่ในสายตาของลูฟี่..เขาคิดว่านี่คือการวิวาทระหว่างกลุ่ม ดูจากสถานการณ์แล้ว..กลุ่มหนึ่งใส่ชุดเหมือนทหารเสือมีอยู่
4 คน ส่วนอีกกลุ่มแต่งตัวเหมือนพวกทหารป่ามี 3 คน เหตุผลของการทะเลาะวิวาทยังไม่แน่ใจนัก
แต่ที่สำคัญที่สุด
พวกนี้เป็นใคร? ดูแล้วน่าจะไม่ใช่คนของกลุ่มหมวกฟาง เพราะเขาไม่คุ้นหน้าเจ้าพวกนี้เลย..และที่สำคัญกลุ่มหมวกฟางไม่มีคนแต่งตัวประหลาดชอบคอสเพลย์เป็นสัตว์นอกจากช็อปเปอร์
งั้นก็ไม่ใช่คนของเขตนี้หรอกหรือ?
แล้วถ้าเป็นแบบนั้น..มันกล้าดียังไงมาก่อเหตุวิวาทในถิ่นของเขา?
ลูฟี่นำหมวกฟางของตนไปซ่อนเอาไว้แถวๆนั้น
เขาไม่อยากเสี่ยงให้พวกนี้รู้ว่าเขาเป็นหัวหน้ากลุ่ม เขาเข้าไปใกล้พวกนั้นเรื่อยๆ จากการหยุดการวิวาทกะทันหัน
ดูเหมือนพวกมันจะสังเกตเห็นถึงการมาของเขาแล้ว
“พวกนายเป็นใครน่ะ
ชิชิชิ ที่นี่ถิ่นใครไม่รู้รึไง?” เลิกคิ้วเอียงคอมองพวกมันพลางแย้มยิ้มใสซื่อเหมือนว่าตัวเองเป็นเพียงเด็กที่ไม่รู้ประสีประสา
พวกนั้นชักสีหน้าอย่างพร้อมเพรียง..ดูเหมือนจะเริ่มเตรียมไม้เบสบอลและอาวุธอื่นๆในกรณีที่อาจมีการต่อสู้เกิดขึ้น
ต้องเป็นคนยังไงถึงคิดจะรุมเด็กคนเดียว
ลูฟี่คิดในใจแต่ไม่ได้พูดอะไรออก
“แล้วนายล่ะเป็นใคร?” โอ้โห— ทีแบบนี้ล่ะสามัคคีถามกันพร้อมเพรียงราวกับนัดแนะกันมา ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นกลุ่มที่ตีกันแทบตายเมื่อครู่
“ฉันถามพวกนายก่อน พวกนายควรตอบก่อนไม่ใช่เหรอ?”
พวกมันไม่ตอบนอกจากมองมายังเขาด้วยสายตาอาฆาต
ลูฟี่ไม่รู้ว่าเป้าหมายของพวกมันคืออะไร (และเขาก็ไม่ได้ใส่ใจด้วย) เพียงแต่การที่พวกคนกลุ่มอื่นมาก่อวิวาทในถิ่นของเขานี่มันก็ไม่ต่างจากการหยามหน้าชัดๆ
“พวกฉันคือกลุ่มมิงค์..มาจากแผ่นดินใหญ่”
ป้าบ!!!
“แล้วแกจะไปบอกไอเด็กนั่นทำไมวะไอบ้าซิซิเลี่ยน!!” คนที่แต่งตัวเหมือนเสือดาว (บางทีอาจเป็นจากัวร์..)ตบหัวชายที่มีหูสิงโตในชุดทหารเสืออย่างแรง
“นี่แกว่าข้าเรอะเพโดร!!”
“ก็แกน่ะสิ ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง!”
“แล้วแกมันดีกว่าข้าตรงไหนหา!!!”
“ก็ดีกว่าแกทุกส่วนนั่นล่ะว่ะ!!!”
“พูดอีกทีสิไอเสือดาว!!!”
“ฉันเป็นเสือจากัวร์โว้ยยยยยย”
หนึ่งสิงโตหนึ่งเสือจากัวร์กลับมาเถียงกันอีกครั้ง
ลูฟี่เลิกสนใจทั้งสองพลางเริ่มครุ่นคิดโดยมีเสียงการทะเลาะวิวาทของทั้งคู่แทรกมาเป็นระยะๆ
กลุ่มมิงค์งั้นหรือ? จะว่าไปพวกมันก็แต่งตัวแปลกๆ ทหารเสือกับทหารป่า?
พวกที่แต่งตัวเหมือนทหารเสือมีคนนึงที่มีหูกับหางเหมือนสิงโต
แถมยังมีหนวดยาวๆบนใบหน้า ส่วนพวกที่ใส่ชุดทหารป่า..ก็มีคนนึงที่ดูเหมือนเสือดาว?
เคยได้ยินว่าพวกกลุ่มมิงค์เป็นกลุ่มคนที่มีอาณาเขตส่วนหนึ่งอยู่ในแผ่นดินใหญ่
ไม่ค่อยสุงสิงหรือก่อวิวาทกับใคร(นอกจากทะเลาะกันเอง) ที่สำคัญคือชอบแต่งตัวเป็นสัตว์
และในกลุ่มก็จะแบ่งเป็น 2 ฝ่ายที่ไม่ถูกกันเอาเสียเลย
แล้วพวกกลุ่มรักสันโดษแบบนั้นมาทำอะไรที่นี่?
“แล้วพวกแกมาทำอะไรที่นี่”
ลูฟี่เลิกคิ้วพลางถามต่อ
ต่อให้เป็นกลุ่มรักสันโดษที่ไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน..แต่ถ้ามาที่นี่เพื่อก่อความวุ่นวายเขาก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน
หนึ่งสิงโต(?)หนึ่งเสือจากัวร์(?)ยังคงทะเลาะกันเหมือนเด็กโดยไม่สนใจทางนี้
ทำให้เด็กสาวในชุดทหารเสือซึ่งใส่ที่คาดผมหูกระต่ายจำต้องหันมาตอบเขาแทน
“ผู้นำของเราส่งพวกเรามาทำธุระที่นี่น่ะ
อ้อ ฉันชื่อแครอท! ฝากตัวด้วยนะการ์จู!” เธอยิ้มอย่างร่าเริง ท้ายคำพูดเป็นถ้อยคำประหลาดที่ลูฟี่ไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร
“ธุระอะไรล่ะ..บางทีฉันอาจช่วยได้นะ
ชิชิชิ”
“ก็มาเจรจากับกลุ่มหมวกฟา—
อุ้บ!” เธอโดนปิดปากโดยมือใหญ่ของชายที่สวมชุดทหารป่าพร้อมแต่งตัวคล้ายกอริล่าทำผมทรงแอฟโฟ่
แครอทดิ้นขลุกขลัก..กว่าจะหลุดจากพันธนาการของชายร่างใหญ่ได้ก็ใช้เวลานานกว่า 5
นาที
“ปิดปากฉันทำไมเนี่ยแบล็คแบ็ค!”
“เธอจะหลุดความลับของเราให้มันรู้ทั้งหมดเลยเรอะ!”
หญิงสาวทำหน้าตื่นตระหนก
“อุ๊ย! จริงด้วย!”
เธอหันมายิ้มกว้างให้เขา
“งั้นเมื่อกี้ช่วยลืมไปได้ม๊า” ลูฟี่มีสีหน้าเหมือนคนท้องผูก พลางคิดในใจ แบบนี้ก็ได้เหรอ
ไม่รู้ตัวเลยว่านิสัยแบบนั้นตัวเองก็ใช้บ่อยเช่นกัน
“ก็อย่างที่ได้ยินนั่นแหละ
พวกเรามีธุระกับกลุ่มหมวกฟาง”
ป้าบ!!
“บอกไม่ให้ฉันพูดแล้วตัวเองพูดทำไมเนี่ยแบล็คแบ็ค!!”
พวกเอ็งเป็นคณะตลกเรอะ..
สโมกเกอร์ซึ่งแอบยืนมองทุกอย่างอยู่จากมุมหนึ่งคิดในใจ
แม้แต่ลูฟี่เองก็เริ่มไม่มั่นใจว่าเขาจะคุยกับเจ้าพวกนี้รู้เรื่อง
สรุปก็คือมีธุระกับกลุ่มหมวกฟาง? ฝ่ายสองคนที่เลิกทะเลาะกันแล้ว(ได้ความว่าคนหนึ่งชื่อซิซิเลี่ยนอีกคนชื่อเพโดร)ก็หันมาหาเขา
“จะว่าไปนายรู้จักกับสมาชิกกลุ่มหมวกฟางบ้างมั้ย
พวกหัวหน้าหน่วยก็ได้ หรือถ้าเป็นพวกเสนาธิการได้ยิ่งดี”
เพโดรหันมาถามด้วยสีหน้าจริงจัง
ลูฟี่หัวเราะ..รู้จักสิ
พวกที่นายพูดมาฉันรู้จักทุกคนเลย
“ชิชิชิ
ก็รู้จักนะ ลองไปที่มหาวิทยาลัยแกรนไลน์ดูดิ คาเวนดิช..หัวหน้าหน่วย 1
อยู่ที่นั่นอ่ะ บอกหมอนั่นว่าลูฟี่แนะนำมา แล้วก็บอกธุระไป” เด็กหนุ่มว่าด้วยน้ำเสียงร่าเริง
เป็นอย่างที่ลางสังหรณ์ของเขามันบอก..ดูเหมือนว่ากำลังจะมีเรื่องสนุกๆเกิดขึ้น!
โอ๊ะ—
จะว่าไปก็ลืมเจ้าควันไปเลยแฮะ
“พวกเราขอบพระคุณอย่างสุดซึ้ง! ถ้าไม่ได้น้ำใจของนายพวกเราคงต้องตามหาวนไปวนมาอยู่แบบนี้แน่ๆ!” ซิซิเลี่ยนกล่าวขอบคุณพร้อมท่าทางเล่นใหญ่ จนเด็กหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าถ้าตนอยู่ตรงนี้นานกว่านี้เจ้านั่นต้องพุ่งเข้ามากอดขอบคุณแน่ๆ
เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อนก่อนกล่าวลาพวกเขา คิดในใจว่าอีกไม่นานคงได้เจอกัน
พอถึงตอนนั้น..พวกนี้จะโกรธที่โดนเขาหลอกรึเปล่านะ?
ไม่สิ
เขาไม่ได้หลอก
ก็พวกนั้นถามว่ารู้จักพวกหัวหน้าหน่วยไม่ก็พวกเสนาธิการมั้ย
เขาก็แค่ตอบไปตามความจริงว่ารู้จัก..แต่พวกนั้นไม่ได้ถามซักหน่อยว่ารู้จักหัวหน้ากลุ่มรึเปล่านี่นา
เด็กหนุ่มหยิบหมวกฟางที่ซ่อนไว้ขึ้นมาสวม
เมื่อหันหลังไปก็พบกับหนุ่มใหญ่เจ้าของยศพลตำรวจโทแห่งศูนย์บัญชาการตำรวจแผ่นดินใหญ่
“แล้วแกจะไปไหนต่ออ่ะเจ้าควัน”
ร่างสูงพ่นควันสีขาวขุ่นออกจากปากพลางเหม่อมองท้องฟ้า
“ไม่รู้สิ ก็คงไปส่งแกที่บ้าน..แล้วก็กลับที่พักล่ะมั้ง?”
“ถ้าแกไปส่งที่บ้านได้กัดกับเอสกันพอดี”
“คนนะไม่ใช่หมา
เจ้าหนู”
“ก็เหมือนๆกันนั่นล่ะ! ชิชิชิ”
มันเหมือนกันตรงไหนวะ
พลโทเจ้าของฉายานักล่าสีขาวคิดอย่างไม่เข้าใจในความคิดของเด็กหนุ่มที่เดินอยู่ข้างกายตัวเอง
ลูฟี่เดินนำคนอายุมากกว่ากลับบ้าน
รับรู้ได้ถึงสายตาคมกริบของเจ้าตัวที่มองมาไม่วางตาแต่ก็ไม่ได้พูดขัดหรือถามอะไร
แอบคิดว่าถ้าถึงบ้านแล้วเจ้าควันคงได้วิวาทกับเอสบ้านแตกแน่ๆ
อนึ่ง..ทั้งสองไม่ถูกกันตั้งแต่ตอนเจอกันครั้งแรก
และมันก็ลากยาวมาถึงปัจจุบัน..คงเป็นเพราะนิสัยชอบกวนประสาทของเอสนั่นแหละที่ทำให้สโมกเกอร์ฉุนอยู่บ่อยๆ
ในที่สุดก็มาถึงบ้านของเขา..มันเป็นบ้านสองชั้นขนาดใหญ่(แต่ก็ไม่ถึงกับเรียกว่าคฤหาสน์หรอกนะ)
ทั้งบ้านล้อมรอบด้วยรั้วและต้นไม้นานาพันธุ์
ข้างในโรงจอดรถเห็นรถเพียงคันเดียวเท่านั้น..นั่นหมายความว่าปู่กับซาโบยังไม่กลับบ้าน
และในบ้านตอนนี้ก็มีเพียงเอสแค่คนเดียว
“แกกลับไปได้ละ
ชิชิชิ ขี้เกียจห้ามคนทะเลาะกันนา”
“อย่างแกไม่ได้ห้ามหรอก”
..กระโดดไปร่วมวงด้วยมากกว่า ประสบการณ์ที่พบเจอมาสอนเขาอย่างงั้น
ร่างบางพยายามใช้มือเล็กๆดันหลังคนตรงหน้าให้เดินกลับไปยังที่พักของตัวเองได้แล้ว
แต่คนอายุมากกว่าก็ยังดื้อดึงจะอยู่ต่อ โอ้— ไม่นะ เด็กหนุ่มอยากจะกรีดร้อง
ถ้าทะเลาะกันที่อื่นเขาคงร่วมวงด้วยและคิดว่ามันคงเป็นเรื่องสนุกๆขำขัน
แต่ถ้ามาทะเลาะกันที่นี่..ปู่คงได้ฆ่าเขาตายแน่ๆ
เขาพยายามดันให้คนตรงหน้ากลับไป
แต่ดูเหมือนจะไม่ทัน..เมื่อประตูรั้วถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงของใครคนหนึ่งที่พุ่งเข้าหาเขาอย่างแสนรัก
กล้ามเนื้อวงแขนของอีกฝ่ายกอดรัดเขาราวกับงูเหลือมตัวใหญ่ รูปร่างดูดีแบบนักกีฬาที่ไร้ซึ่งเสื้อผ้าชิ้นบนแนบชิดกับเขาเหมือนจะกอดเขาให้จมอก
“ลูฟี่~ พี่คิดถึงนายชะมัด!! 10
ชั่วโมงแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน!” เสียงร้องไห้กระซิกๆ (ที่ดูตอแหลสิ้นดีในความคิดของสโมกเกอร์)ดังขึ้นจากคนที่เอาหน้าซุกไหล่เขาอยู่
ลูฟี่หัวเราะแห้งๆ..พลางเริ่มนับถอยหลังเวลาตายของตัวเองในใจ
เอสเงยหน้าขึ้นมาจากบ่าของน้องชาย
พึ่งรับรู้ว่ามีคนนอกอยู่ที่นี่ด้วย
ว่าแล้วก็จ้องเขม่งไปยังทิศทางที่ตัวเองสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิต
โอ้— นั่นมัน..
“ลูฟี่!! เดี๋ยวนี้หัดพาผู้ชายเข้าบ้านแล้วเหรอ!? พี่ชายคนนี้ไม่ยอมนะ! ไม่ยอมเด็ดขาดเลย!! ปู่กับซาโบจะต้องรู้เรื่องนี้แน่!!”
----|----|----|----|----
เอสในความคิดของเราคือพี่ชายติ๊งต๊องที่เป็นบราค่อนตัวพ่อค่ะ
5555555555 /อย่าทำร้ายเอส
ซิซิเลี่ยน
แครอท เพโดร แล้วก็แบล็คแบ็ค เป็นตัวละครในภาคโซค่ะ
พอดีนี่ชอบเพโดรกับซิซิเลี่ยนมากๆ เลยเอามาอยู่ในเรื่องนี้ด้วย (ฮา)
ตอนหน้าเจอกันกับสองพี่น้องบราค่อนเอสและซาโบค่า!
ปล.
น่าจะว่างอัพแค่วันศุกร์เสาร์อาทิตย์ TT ถ้าหายไปนานไม่ต้องตกใจค่ะ..สมองตัน
แฮะๆ
ความคิดเห็น