คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 04 :: ตระกูลสุดแกร่งไร้เทียมทาน
“โอ้ๆ งี้เองเหรอ ฉันเข้าใจแล้วล่ะ”
เอสยิ้มหน้าชื่นบานหลังจากที่ลูฟี่เสียเวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงอธิบายให้เขาฟังว่าทำไมสโมกเกอร์ถึงได้มาอยู่กับตนที่หน้าบ้านได้
แน่นอนว่าไม่ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องกลุ่มมิงค์..แค่บอกว่าบังเอิญเจอกันและเจ้าควันตัดสินใจมาส่งก็เท่านั้น
แต่บังเอิญว่าเอสเป็นคนเข้าใจอะไรยาก การอธิบายที่ควรจะจบลงภายใน 5
นาทีจึงยืดยาวกว่าที่ควร
“แต่ฉันไม่มีวันให้แกไปรับไปส่งน้องชายฉันเป็นครั้งที่
2 หรอกนะสโมกเกอร์! น้องชายคนเดียวฉันไปรับไปส่งได้เฟ้ย!!”
ถึงจะบอกว่าเข้าใจแล้ว..แต่ก็ไม่วายหันมาแยกเขี้ยวใส่หนุ่มใหญ่ที่บังอาจมายุ่งกับน้องชาย(?)ของตน
“แกควรจะเป็นพี่ชายที่แสนดีนี่เอส? ไม่คิดว่าแกหวงน้องเกินหน้าที่ไปหน่อยเหรอ”
พลตำรวจโทหนุ่มทำสีหน้าเหม็นเบื่อพลางมองเจ้าพี่ชายบราค่อนที่เอาแต่กอดเอวน้องชายตัวเองไม่ห่าง
เห็นละมันหงุดหงิด..ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีวุฒิภาวะมากพอคงต่อยมันไปแล้ว
“นี่ลูฟี่
พี่หวงนายมากไปเหรอ? ไม่ใช่มั้ย? พี่ชายหวงน้องชายมันเรื่องปกติอยู่แล้วนี่!”
ว่าแล้วเจ้าคนหวงน้องก็กอดน้องตัวเองแน่นขึ้นไปอีก
แถมหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่สโมกเกอร์อีกต่างหาก
ไอเด็กเวร..
“เจ้าควัน
แกกลับไปเลยก็ได้นะ” ลูฟี่ที่เริ่มเห็นท่าไม่ดีโบกมือไล่
สโมกเกอร์พยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจนักก่อนจะเดินกลับไปทางเดิม
ฝั่งลูฟี่ที่สังเกตเห็นว่าเอสเริ่มคลายวงแขนที่กอดเอวเขาเอาไว้แล้วก็หันหลังไปเผชิญหน้ากับพี่ชาย
เอสยังคงมีสีหน้าหงิกเหมือนหงุดหงิดอะไรซักอย่าง
ก็พอจะเดาได้ล่ะนะว่าเจ้าตัวอารมณ์เสียเรื่องอะไร..เรื่องที่จะทำให้เอสหงุดหงิดได้ก็มีไม่กี่เรื่องเท่านั้นล่ะ
“เอสสสส
ฉันขอโทษนะ เอสโกรธฉันเหรอ?”
เดินตามพี่ชายเข้าบ้านต้อยๆเหมือนลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ด เอสเหลือบตามองเขาเพียงครู่เดียวแล้วก็หันไปทำงานของตัวเองต่อ
“เปล่านี่”
เปล่านี่บ้าอะไร!? เห็นชัดๆว่าโกรธอยู่น่ะ!!
“โธ่เอส—
ฉันขอโทษ”
ร่างสูงหันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับเขา
ใบหน้าคมคายนั่นไร้ซึ่งแววตาร่าเริงต่างจากทุกที
“พี่บอกนายแล้วใช่มั้ยว่าห้ามอยู่กับพวกตาเฒ่าหัวงูสองต่อสอง!!”
ตาเฒ่าหัวงูคืออะไรวะ..
เด็กหนุ่มเก็บความสงสัยไว้ในใจเมื่อเห็นว่าถามไปตอนนี้เอสก็คงนึกว่าเขากำลังกวนโมโห
“พวกมันหวังกินเด็กอย่างนายลูฟี่! พี่เข้าใจนะว่าไอ้คุณสโมกเกอร์เวรนั่นมันมาส่งนายด้วยความหวังดี! แต่นายก็อยู่กับมันสองต่อสอง! ซึ่งเรื่องนี้พี่ยอมรับไม่ได้
ถ้าครั้งหน้ามันทำอะไรนายล่ะ?
พี่ต้องบุกไปฆ่ามันถึงสถานีตำรวจแน่ๆถ้ามันทำแบบนั้น!!”
ลูฟี่หัวเราะแห้งๆ..เรื่องที่ทำให้เอสที่มักจะอารมณ์ดีเสมอเกิดโมโหร้ายขึ้นมาได้มีอยู่ไม่กี่เรื่อง
และหนึ่งในนั้นคือเรื่องของเขา
นี่ถ้าเขาบอกเอสว่าวันก่อนก็อยู่กับครอคโคไดล์มันจะเป็นยังไงนะ? เจ้าเข้นั่นคงโดนเอสบุกไปกระทืบถึงถิ่นแน่ๆ
พี่ชายของเขายิ่งเป็นพวกถ้าโมโหขึ้นมาไม่ว่าใครก็หยุดไม่อยู่เสียด้วย
“ฉันขอโทษจริงๆ
รับรองว่าครั้งหน้าจะไม่มีอีกแล้ว” หมายถึงไม่ให้นายจับได้อีกแล้ว..
ผู้เป็นพี่ชายหรี่ตามองเขาเหมือนกำลังประเมินว่าคำพูดของเขามันเชื่อได้หรือไม่
ลูฟี่แสร้งยิ้มหน้าซื่อ..ภาวนาในใจขอให้เอสเชื่อมัน
และคำภาวนาของเขาก็เป็นผลเมื่อในที่สุดเอสก็ยิ้มกว้างและหันหลังมากอดเขาแน่นอีกครั้ง
“พี่ยกโทษให้นายก็ได้นะลูฟี่
แต่วันนี้นายต้องไปนอนห้องพี่!”
“หา!? ไหงงั้นล่ะ?”
“หรือนายจะไม่นอน? ก็ได้นะ งั้นไม่ต้องมาคุยกับพี่อีก”
“เฮ้ยๆ
เอส ไม่เอาน่า ฉันนอนกับนายก็ได้” ลูฟี่พองแก้มพลางกอดแขนพี่ชายแน่น
เอสเวลาโกรธหรือน้อยใจเป็นอะไรที่แย่มาก (ประเมินโดยลูฟี่ผู้โดนโกรธอยู่บ่อยครั้ง)
ร่างเล็กเม้มริมฝีปาก..ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะไปที่ฐานไม่ได้เสียแล้ว
หลังจากนั้นเอสก็ไล่เขาให้ไปเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อย
ทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใส่น้ำร้อนให้กินตามประสาคนที่ทำอาหารไม่เป็น
หลังจากนั้นก็พามานั่งขลุกกันอยู่บนโซฟาตัวใหญ่เพื่อดูหนังเรื่องโปรด
มันเป็นเรื่องของโจรสลัดที่ตามหาสมบัติที่เรียกว่าวันพีช
ไม่อยากบอกว่าตอนที่พี่ชายของตัวเอกตายเอสร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังแถมยังเอาแต่พร่ำเพ้อถามเขาว่าถ้าตัวเองตายลูฟี่จะเสียใจเหมือนตัวเอกในเรื่องมั้ย
แถมยังบ้าจี้สัญญากับเขาว่าตัวเองจะไม่ตายเหมือนที่พี่ชายตัวเอกเคยสัญญาตอนเด็กอีก
(แต่ก็อย่างที่เห็น..สุดชายพี่ของตัวเอกก็ตายอยู่ดี)
ซาโบกลับมาถึงบ้านหลังจากหนังจบไปพักใหญ่
น่าแปลกใจที่ปู่ไม่ได้กลับมาด้วย..แต่พอถามก็ได้ความว่าพลตำรวจโทการ์ปคนนั้นถูกเรียกไปศูนย์บัญชาการกรมตำรวจในเขตแผ่นดินใหญ่เพราะเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในโลกมืด
“ว่าแต่พวกนายดูวันพีชกันอีกแล้วหรือ? ไม่เบื่อบ้างรึไง” ซาโบถามพลางกลั้วหัวเราะ
“ก็มันสนุกนี่”
“ดูเอสสิซาโบ
ดูกี่รอบก็ร้องตอนพี่ชายตัวเอกตายทุกรอบ อินเกินเบอร์มากอ่ะ ชิชิชิ”
“นายร้องไห้อีกแล้วเหรอเอส
อายลูฟี่บ้างเถอะ”
“นายก็ร้องนะลูฟี่!!”
“โอ๊ะ—
งั้นเหรอ? ไม่รู้ตัวเลยแฮะ“
ลูฟี่ยิ้มแห้ง
เมื่อลองไปส่องกระจกก็เห็นขอบตาที่บวมเป่ง..นี่เขาร้องไห้ตอนไหนหว่า? หรือเผลอหลับไปร้องไห้ไป?
ขมวดคิ้วมุ่นกับความคิดไร้สาระก่อนยักไหล่ เลิกสนใจคงจะดีกว่า
“แล้วงานเป็นไงบ้างซาโบ
คงเหนื่อยน่าดูเลยสิ ชิชิชิ”
พี่ชายคนรองถอนหายใจกับคำถามนั้น
ดูเหมือนว่าสิ่งที่ลูฟี่พูดจะไม่ต่างจากความเป็นจริงมากนัก “อือ เหนื่อยมาก”
“หา? เหนื่อยขนาดนั้นเลยเหรอ” เอสชะโงกหน้ามาถามจากโซฟา
ซาโบซึ่งยืนชงกาแฟอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์พยักหน้ารับ
เอสเคยทำงานกับองค์กรเอกชนที่มีอิทธิพลในเขตแผ่นดินใหญ่มาก่อน (ซึ่งหลังจากอุบัติเหตุเมื่อ
3 ปีก่อน..ตอนนี้ก็กลายเป็นคนว่างงานที่รับงานฟรีแลนซ์ทำประทังชีวิตไปวันๆ)
ทำให้ไม่เข้าใจเรื่องหน้าที่การงานของตำรวจมากนัก
จะว่าไปทำไมตอนนั้นเขาถึงไม่ไปสอบโรงเรียนนายร้อยกับซาโบนะ? เคยนึกสงสัยอยู่เหมือนกัน..แต่ก็จำไม่ได้ว่าเหตุผลในตอนนั้นคืออะไร
“ก็พวกหนวดดำดันไปแทรกแซงอำนาจกับอิทธิพลของกลุ่มอื่นน่ะสิ
กลายเป็นว่าพวกกลุ่มใหญ่ๆเลยเริ่มเคลื่อนไหวกัน
พวกบาร็อกเวิร์คส์บางส่วนหรือแม้แต่กลุ่มมิงค์ก็มาที่เขตนี้แล้ว..ไม่รู้ว่าพวกมันต้องการอะไร”
เรื่องของกลุ่มมิงค์ไปถึงหูพวกตำรวจเร็วจังแฮะ?
แต่ก็แน่ละ..หูผีซะขนาดนั้น
“บางทีอาจจะอยากไปรวมกลุ่มพันธมิตรกับพวกหมวกฟางก็ได้นี่
แบบ— รวมกลุ่มใหญ่ๆไว้ก่อนปลอดภัยกว่า” เอสว่าพลางแหงนหน้าเหม่อมองเพดาน
ลูฟี่ชะงัก..จะว่าไปกลุ่มมิงค์ก็บอกว่ามีธุระกับพวกเขานี่นะ?
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็เรื่องใหญ่น่ะสิ
นายต้องระวังตัวไว้นะลูฟี่ ห้ามมีเรื่องพวกบ้านั่นเด็ดขาด เข้าใจ๊?”
“หา!? เอ้อ..” ร่างบางเออออไปกับคำเตือนของพี่ชายคนรอง “เข้าใจสิเข้าใจ
ฉันไม่หาเรื่องใส่ตัวหรอก ชิชิชิ”
แต่เรื่องมันชอบพุ่งมาหาเองมากกว่านะ..
“ดีแล้วๆ”
เอสลุกพรวดขึ้นมาจากโซฟา
เจ้าตัวยังคงเดินเปลือยท่อนบนไปทั่วบ้าน
โชคยังดีที่ทั้งลูฟี่และซาโบเองต่างกับเคยชินกับพฤติกรรมนั้นไปแล้วเนื่องจากเห็นมาตั้งแต่เด็ก
แต่ก็ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าคนอื่นมาเห็นจะเป็นยังไง?
อืม..เอสก็ไม่ได้หน้าตาแย่
ออกจะดูดีมากด้วยซ้ำ ไหนจะรูปร่างที่ดูดีแบบนั้นอีก
ไม่แปลกใจเลยที่ตอนเรียนอยู่มหาลัยจะมีคนตามจีบเยอะเป็นขบวนแบบนั้น
“ว่าแต่ลูฟี่
พี่ยังไม่ได้กอดนายเลยนะ” ซาโบวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะก่อนอ้อมมายืนอยู่ด้านหลัง
เจ้าตัวเล็กหัวเราะเสียงใสแล้วกระโดดกอดพี่ชายอย่างแสนรัก
ทางฝั่งพี่ชายตัวดีก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมลูบหัวน้องชายตัวเองไปมา
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีกี่ปีลูฟี่ก็ยังเป็นเพียงเด็กน้อยสำหรับเขา
เด็กน้อยที่ต้องการการปกป้องจากทั้งเขาและเอส
“แล้วงานเป็นไงบ้างเอส? ได้ข่าวว่ามีลูกค้าใหม่แล้วนี่” ซาโบถามขึ้นบ้างพลางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาพร้อมกับอุ้มลูฟี่มานั่งข้างๆกัน
เอสทำหน้าเหมือนคนที่ถูกบังคับให้กินอะไรขมๆ
“ไอลูกค้าคนล่าสุดนี่ละเรื่องมากสุดๆ
ผมทรงสับปะรดนั่นก็เห่ยเป็นบ้า
สาบานได้ว่าต่อให้ตายยังไงฉันก็จะไม่ทำผมทรงนั้นเด็ดขาด!”
“เกรี้ยวกราดสุด
ชิชิชิ”
“แต่ถ้านายเรื่องมากพี่ยอมนะลูฟี่
อยากได้อะไรบอกพี่มาได้เลย พี่จะไปหามาให้นายเอง!”
พุ่งตัวหวังจะไปกอดน้องชายให้จมอกอีกครั้ง
โชคร้ายนักที่ซาโบรู้ทันจึงดึงลูฟี่หลบเอสได้อย่างฉิวเฉียด
“ทำบ้าอะไรของนาย ซาโบ!”
“นายลวนลามน้อง!”
“ที่นายกอดลูฟี่อยู่นั่นก็ลวนลามหมอนั่นเหมือนกัน! ฉันว่านายปล่อยหมอนั่นได้แล้วมั้ง..เป็นพี่ชายที่แสนดีไม่ใช่รึไง?” เอสเริ่มคิ้วกระตุก
“โฮ่—
นายก็เป็นพี่ชายที่แสนดีไม่ใช่เหรอเอส
ที่บอกให้ลูฟี่ไปนอนด้วยคืนนี้อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะ
นายมันก็แค่ไอพี่ชายจอมหื่นเท่านั้นล่ะ!” ซาโบถลกแขนเสื้อขึ้นบ้าง
จ้องตากับเจ้าของผมสีดำหยักศกอย่างไม่ยอมแพ้ สุดท้ายทั้งคู่ก็เอาแต่ยืนจ้องตากันนิ่งแบบนั้นเหมือนพร้อมจะตะลุมบอนได้ทุกเมื่อหากมีใครคนหนึ่งเริ่มขยับตัว
ทางฝ่ายลูฟี่ที่เริ่มเห็นว่านี่เป็นโอกาสเหมาะที่จะหนีออกจากบ้านก็ค่อยๆเดินย่องขึ้นบันไดไปจัดของ
ได้ยินเสียงตะลุมบอนดังขึ้นมาจากด้านล่าง กว่าเอสกับซาโบจะเลิกตีกันก็คงอีกพักใหญ่..ไว้คืนนี้เขาหนีไปนอนที่ฐานแล้วไปเรียนเลยค่อยกลับบ้านตอนเย็น
ถึงตอนนั้นแล้วทั้งสองคนก็คงจะเลิกโกรธที่เขาหนีออกจากบ้านไปแล้ว
“ชิชิชิ”
เด็กหนุ่มหัวเราะนึกพอใจในแผนของตัวเองก่อนจะก้าวขาเตรียมเดินออกจากบ้าน
น่าเสียดาย..ในจังหวะที่กำลังจะปิดประตูคอเสื้อของเขากลับถูกมือของพี่ชายทั้งสองคนคว้าเอาไว้เสียก่อน
ลูฟี่หน้าซีดฉับพลัน..
เมื่อหันหลังกลับไปก็เห็นทั้งซาโบและเอสที่มองมาด้วยสายตาน่ากลัวและบรรยากาศน่ากดดันจนอยากจะกัดลิ้นตายซะเดี๋ยวนั้น
ทั้งสองแสยะยิ้มเหี้ยมพลางพูดเสียงเย็นชวนให้รู้สึกขนลุก
“ดึกป่านนี้แล้วจะหนีไปไหนเหรอ..ลูฟี่”
----|----|----|----|----
ลูฟี่นั่งหน้าหงิกอยู่ในคฤหาสน์หลังโกดังหมายเลข 0
ซึ่งเป็นฐานลับของพวกเขา
หลังจากวันนั้นเขาก็ต้องขาดเรียนไปหนึ่งวันเพราะพี่ชายทั้งสองกักบริเวณไม่ให้ไปไหน
เจ้าตัวเล็กที่ถูกทำโทษก็เอาแต่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ในบ้าน
จะหนีไปไหนก็ไม่ได้เพราะทั้งเอสและซาโบรู้จักนิสัยเขาค่อนข้างดีและสามารถดักความคิดเขาได้ตลอด
โชคยังดีที่วันนี้พี่ชายปล่อยตัวเขาให้ไปเรียนได้ตามปกติ
แต่ก็นั่นล่ะนะ..สุดท้ายเขากับเพื่อนก็ตัดสินใจโดดมาอยู่ที่นี่อยู่ดี
ก็วิชาวันนี้มันน่าเบื่อนี่นา..ไม่ได้สำคัญอะไรด้วย
“พ่อใหญ่”
ชายร่างสูงเดินเข้ามาในห้องรับแขก
ลูฟี่เงยหน้าขึ้นเช่นเดียวพวกเพื่อนๆของเขาซึ่งดำรงตำแหน่งเสนาธิการของกลุ่ม บลู
กิลลี่ เป็นสมาชิกกลุ่มหมวกฟางหน่วยที่ 4 ของอิเดโอ
เป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มไม่กี่คนที่ได้เห็นหน้าของพ่อใหญ่และพวกเสนาธิการทั้งๆที่ตัวเองไม่ใช่หัวหน้าหน่วย
คนขายาวยืนอยู่ตรงหน้าพวกลูฟี่..ดูเหมือนเจ้าตัวมีเรื่องจะพูด
“มีอะไร?” โซโลถามเสียงเข้ม
“จำกลุ่มบลูแจมที่เคยอาละวาดที่นี่เมื่อปีก่อนแล้วถูกคุณเอสกับร้อยตรีซาโบจัดการได้มั้ย?” ทุกคนหันมามองหน้ากันก่อนพยักหน้า ซาโบกับเอสเป็นพี่ชายของลูฟี่..เรื่องนี้พวกเขารู้ดีอยู่แล้ว
และข่าวดังเมื่อปีก่อนนั่นพวกเขาก็รู้เช่นกัน
“ดูเหมือนปอร์เชมี่..ลูกน้องที่เป็นมือขวาของมันจะกลับมาที่นี่เพื่อล้างแค้น
แต่เพราะที่นี่เป็นถิ่นของเรามันเลยมาขอคำอนุญาตจากพ่อใหญ่”
สายตาของทุกคนมองไปยังร่างบางซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางด้วยสีหน้าที่ไม่อาจคาดเดาความรู้สึกได้
ลูฟี่ต้องปฏิเสธอยู่แล้ว
คนที่รักพี่ชายยิ่งกว่าใครอย่างเจ้านี่ไม่มีทางยอมให้—
“เอาสิ”
“เฮะ!?” อดที่จะส่งเสียงร้องออกมาอย่างประหลาดใจไม่ได้เมื่อคำตอบของผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มไม่ใช่อย่างที่คิด
ลูฟี่เพียงแค่คลี่รอยยิ้มบางพร้อมยอมรับคำขอนั่นง่ายๆอย่างกับว่าสิ่งที่ปอร์เชมี่ไรนั่นมาขอคือขอกินข้าวไม่ใช่ขอเข้าเมืองมาทำร้ายพี่ชาย
“คิดอะไรของนายเนี่ยลูฟี่
นั่นพี่ชายนายเชียวนา” อุซปถาม จะว่ารับคำขอนั้นง่ายๆเพราะแค้นที่พี่ชายกักบริเวณตัวเองนั่นก็ดูจะไร้สาระเกินไป..
หมอนี่คิดอะไรอยู่กันแน่?
“แล้วพวกนั้นส่งคนมากี่คนล่ะ?”
บลู กิลลี่ มองข้อมูลที่ถูกเขียนอยู่บนกระดาษในมือของตนก่อนเงยหน้าขึ้นมาตอบ
“50
คน..”
“50
คนรุมคนแค่ 2 คนเนี่ยนะ? พวกมันบ้าไปแล้วแน่ๆ”
นามิหัวเราะเหอะ
นึกเวทนาในความหมาหมู่ของพวกขี้แพ้ที่พอพลังของตัวเองเพียงคนเดียวสู้ไม่ได้ก็ใช้ความหมาหมู่เข้าช่วย
ราวกับหมาจนตรอก..จะว่าไป 50
คนนั่นก็คงเป็นสมาชิกทั้งหมดของกลุ่มบลูแจมในตอนนี้แล้ว
“หืมม
งั้นเหรอ? ชิชิชิ งั้นฝากบอกพวกนั้นว่าจัดการได้เลย ฉันอนุญาตให้เข้ามาก่อความวุ่นวายได้ชั่วคราว
แต่ว่า..”
“....”
“บอกมันไปด้วยนะว่าถ้ามันทำให้คนบริสุทธิ์โดนลูกหลงกลุ่มหมวกฟางจะไม่เอามันไว้แน่
อ้อ— และถ้ามันจัดการ 2 คนนั้นได้..พวกเราจะแบ่งอาณาเขตให้”
ทางฝั่งเอสและซาโบซึ่งในที่สุดก็ยอมปล่อยลูฟี่ออกจากบ้านหลังจากขลุกอยู่ในบ้านกับลูฟี่ทั้งวันเมื่อวาน
พวกเขาเดินผ่านย่านถนนคนเดินเพื่อซื้อของไปง้อน้องชายที่จะกลับจากโรงเรียนในตอนเย็นอย่างอารมณ์ดี
เมื่อเช้าลูฟี่ไม่ยอมคุยกับพวกเขาเพราะงอนที่เมื่อวานตัวเองถูกกักบริเวณทั้งวัน
แถมยังถูกกอดแน่นซะจนอึดอัดอีก
ก็ลูฟี่น่ารักนี่นา..ใครเห็นก็ต้องอยากกอดทั้งนั้นล่ะ
พวกเขายืนปรึกษากันอยู่ครู่หนึ่งว่าจะซื้ออะไรกลับไปกินที่บ้านบ้าง
หลังจากที่ตกลงกันได้ก็แยกย้ายกันไปซื้อแล้วมารวมตัวกันที่ทางออก
เพราะถนนคนเดินนี่ไม่ได้ไกลจากบ้านมากนักทำให้สามารถเดินทางด้วยเท้าและไม่ต้องใช้รถให้เปลืองน้ำมัน
แต่ก็นั่นล่ะ..การเดินทางด้วยเท้าย่อมมีความเสี่ยง
เพราะกว่าจะถึงบ้านพวกเขาต้องผ่านพวกตรอกซอกซอยมากมาย
การที่จะถูกขู่กรรโชกทรัพย์หรือถูกพวกอันธพาลมาหาเรื่องก็เป็นเรื่องที่พบเจอได้ปกติ
โดยเฉพาะเมื่อซาโบเป็นตำรวจที่พวกอันธพาลเกลียดขี้หน้านักหนา ถ้าวันไหนดวงซวยก็อาจจะโดนรุมหลายคนหน่อย
เหมือนอย่างเช่นวันนี้
“โอ้นั่น—
ร้อยตรีซาโบคนเก่งนี่นา” วัยรุ่นกลุ่มใหญ่เดินมาดักหน้าดักหลังพวกเขาด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน
ในมือของพวกมันมีอาวุธครบ..ทั้งไม้เบสบอล มีดพก หรือแม้แต่กระบองเหล็ก
ดูก็รู้ว่าคงเล็งหาเรื่องพวกเขามาซักพักแล้วถึงได้มารวมตัวกันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้
“พวกแกเป็นใคร?” เอสเลิกคิ้วมองคนกลุ่มใหญ่ด้วยสายตาที่ไม่สามารถคาดเดาความรู้สึกได้
มุมปากยกขึ้นพลางกอดอกยืนมองพวกมันซึ่งกำลังจะพูดอะไรซักอย่าง..น่าจะแนะนำตัว? พูดจาวางท่าอวดดี? จะอะไรก็ช่างเถอะ แต่กล้ามาขัดขวางตอนที่พวกเขากำลังจะเอาของกินไปส่งให้ลูฟี่ที่บ้านแบบนี้..รับรองว่าคงไม่ตายดีเท่าไหร่
กำลังอารมณ์ดีอยู่แล้วเชียว..ดันมีเรื่องให้อารมณ์เสียซะได้
“ฉันชื่อปอร์เชมี่..เป็นมือขวาของบลูแจมที่แกจัดการไปเมื่อปีที่แล้ว”
ชายคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้าแนะนำตัวด้วยท่าทียโสโอหัง..ซาโบแค่นหัวเราะในลำคอ
“บลูแจมหรือ? ใครล่ะนั่น..”
“แก!!”
ชายตัวใหญ่ที่ชื่อปอร์เชมี่พุ่งเข้าไปหวังจะจัดการกับซาโบซึ่งตอนนี้ไม่ได้พกอาวุธใดๆติดตัวมา
การตะลุมบอนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว..เพราะจำนวนที่มากกว่าทำให้เอสกับซาโบแอบหอบเล็กน้อย
จากที่ดูคร่าวๆก็น่าจะประมาณ 50 คน?
50
ต่อ 2
ดี! นี่มันโคตรแฟร์เลย! #ประชด
ถึงแม้ว่าตอนแรกการต่อสู้จะเป็นไปอย่างทุลักทุเลเพราะจำนวนคนที่ต่างกันมาก
แต่ไม่นานนักมันก็จบลงเมื่อเอสกับซาโบวางถุงอาหารในมือลงแล้วเริ่มเอาจริงกับการต่อสู้นี้
ฝีมือของทั้งคู่เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของทุกคนที่พบเห็น
แม้แต่ตัวของกลุ่มปอร์เชมี่เองก็ดูจะเข็ดหลาบไปเสียแล้ว
ทั้งคู่ปัดฝุ่นตามเสื้อและกางเกงของตัวเองพลางมองร่างของผู้ที่มาหาเรื่องพวกเขาด้วยสายตาว่างเปล่า
“ไม่รู้ซะแล้วว่าเล่นกับใครอยู่”
เอสพึมพำเสียงแผ่ว นัยน์ตาสีดำขลับฉาบแววเย้ยหยันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตลอด 3
ปี
ซาโบแอบเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเล็กน้อย..แต่เพราะไม่นานหลังจากนั้นเอสก็กลับมายิ้มแย้มอย่างปกตินั่นทำให้เขาไม่ได้คิดติดใจอะไร
ไม่ไกลจากที่นั่นนัก..ลูฟี่ซึ่งมองเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านกล้องส่องทางไกลแย้มยิ้มมุมปาก
“ชิชิชิ
50 คนทำอะไร 2 คนนั้นไม่ได้หรอก หรือถึงแกจะพาลูกน้องมาเป็นร้อยคน..ก็ได้แค่แพ้พวกนั้นช้าลงอยู่ดี”
เขาหัวเราะเสียงใส
ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นว่านอกจากกลุ่มหมวกฟางแล้ว..พวกบ้านมังกี้ก็ไม่ใช่คนที่ควรจะไปยุ่งด้วยเท่าไหร่นัก
คนปู่ก็เป็นพลโทฝีมือดี คนพ่อที่แม้จะหายตัวไปแต่เมื่อก่อนก็มีอิทธิพลไม่ใช่เล่น
คนลูกหรือ? ไม่ต้องพูดถึง..สืบทอดความสามารถมาทั้งจากปู่และจากพ่อ
ส่วนพี่ชายร่วมสาบานทั้ง 2 ก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากัน
จะเรียกได้ว่าเป็นตระกูลสุดแกร่งแห่งอีสท์ทาวน์ก็ไม่ใช่อะไรที่เกินจริงนัก
“เอสกับซาโบเก่งกว่าฉันซะอีกนา”
ลูฟี่พึมพำอย่างอารมณ์ดี เลื่อนสายตาไปมองเอสเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร..แต่ชั่วครู่หนึ่งเขากลับคิดว่านั่นไม่ใช่เอสคนเดียวกับที่อยู่กับเขามาตลอด
3 ปี
ในหัวพาลนึกไปถึงคำถามของสโมกเกอร์ตอนที่เจอกันเมื่อวันก่อน
‘แล้วพี่ชายแกเป็นไงบ้างล่ะ’
‘ซาโบสบายดี!
พึ่งเรียนจบโรงเรียนนายร้อยเมื่อปีที่แล้วเอง
ตอนนี้เป็นนายร้อยตำรวจตรีซาโบแล้วนะรู้ยังล่ะ!’
‘ไม่..ฉันไม่ได้หมายถึงเจ้านั่น ฉันหมายถึง..พี่ชายอีกคนหนึ่งของแกต่างหาก’
‘เอสสบายดี ก็..เหมือนเดิมนั่นแหละ’
ใช่ ยังเหมือนเดิม
----|----|----|----|----
รอนานมั้ยคะ
T^T
ไม่เป็นไรนะ
เพราะหลังจากนี้ได้รอนานกว่านี้อีก (ฮา)
คิดว่าอาจจะมาอัพสัปดาห์ละตอนหรือ
2 ตอน? สลับกับเรื่องทหารเรือเดอะซีรีย์ค่ะ
ที่วางพลอตไว้คร่าวๆเรื่องนี้จะมีทั้งหมดประมาณ
40 ตอน จะพยายามให้เมะทุกตัวโผล่มาจนครบ
(คนที่น่าจะไม่ได้โผล่มาในภาคนี้ก็คงเป็นเอเนลกับคาตาคุริ /ถ้าเพิ่มไปอีกมันจะดูเป็นการยัดเยียดบทเกินไป
;-;
)
ถ้าเจอคำผิดก็บอกได้เลยน๊า และถ้าเม้นเป็นกำลังใจให้ด้วยจะขอบคุณมากเลยค่ะ ;-;
ความคิดเห็น