ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (one piece) straw hat mariner | ทหารเรือเดอะซีรีย์ (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 02 :: ลูฟี่กับสามพลเรือเอกสุดประหลาด

    • อัปเดตล่าสุด 28 ต.ค. 61



     


     

     

     

              มันช่างเป็นเรื่องน่ายินดีที่ลูฟี่มาถึงศูนย์บัญชาการใหญ่ของกองทัพเรือมารีนฟอร์ดภายใน 1 สัปดาห์โดยที่ลูกเรือไม่อดอยากปากแห้งกันไปเสียก่อน สำหรับเขาแล้วอาหารของกองทัพเรือมันไม่ได้อร่อยเลิศเลออะไรนัก..ก็แค่กินประทังชีวิต(?)เท่านั้น

     

              “น นี่น่ะเหรอศูนย์ใหญ่กองทัพเรือ” โคบี้พึมพำด้วยเสียงสั่นๆ ตื่นเต้นจนอยู่ไม่สุขต้องก้มหน้าเดินตามหลังลูฟี่อยู่ตลอด 

     

              “ชิชิชิ” คนสวมหมวกฟางหัวเราะเมื่อเหลือบตามองคนที่เดินตามตัวเองต้อยๆเป็นลูกเป็ด แววตาของหมอนี่ดูตื่นตะหนกอย่างเห็นได้ชัด อยากพาไปเจอปู่เร็วๆจัง! เขาเชื่อว่าปู่จะต้องถูกใจหมอนี่และรับเป็นศิษย์แน่ๆ

     

              เขาเดินทางไปยังห้องรับรองที่น่าจะมีตาแก่ผู้มีศักดิ์ตามสายเลือดเป็นคุณปู่สิงสถิตอยู่ และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ..อีกฝ่ายนั่งอยู่บนโซฟาตัวเก่งเช่นเดียวกับจอมพลเซ็นโงคุ

     

              เขาปิดประตูโดยพยายามทำให้เสียงเบาที่สุด..แต่ก็ไม่พ้นหูผีๆของคนแก่ทั้งสองอยู่ดี

     

              การ์ปหันหลังกลับมามองตาขวางพร้อมค่อยๆแย้มรอยยิ้มเหี้ยม

     

              “กลับมาแล้วหรือลูฟี่”

     

             ดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันชะตาขาด

     

              “ปู่ๆ ดูนี่สิ ชิชิชิ ปู่น่าจะชอบหมอนี่นา” เฉไฉเปลี่ยนเรื่องพลางขยับตัวไปทางอื่นให้วีรบุรุษแห่งกองทัพเรือได้เห็นหน้าเจ้าเด็กผมชมพูชัดๆ ทั้งการ์ปและเซ็นโงคุขมวดคิ้วฉับพลัน ดูเหมือนจะไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองจะต้องชอบหมอนี่ตามที่เขาพูด

     

              “โหยยย ถ้าปู่ลองคุยเดี๋ยวก็รู้เองแหละ ชิชิชิ ว่าแล้วก็รีบไปสิ! ไปลองคุยกับหมอนี่ดู ปู่ต้องชอบความคิดของโคบี้แน่ๆ!

     

              “งั้นเรอะ?” การ์ปดูไม่แน่ใจนัก แต่สุดท้ายก็ลากคอเจ้าเด็กแว่นหัวชมพูเดินออกไปนอกห้อง ทิ้งให้หลานตัวแสบอยู่กับจอมพลเซ็นโงคุเพียงสองคน คนอายุมากกว่าหันมามองเจ้าตัวยุ่งอย่างรู้ทัน

     

              “เปลี่ยนเรื่องเก่งนะไอตัวแสบ”

     

              ลูฟี่สะดุ้ง “อ้ะ! อะไรอ่ะ!? อย่าบอกนะว่าลุงจะมาบ่นฉันแทนปู่น่ะ!! อย่าเลยนะ ขอฉันไปพักเหอะ”

     

              ช้อนตามองชายวัยใกล้เกษียณด้วยสายตาเว้าวอน เจ้าคนวัยทองที่เห็นสายตาอ้อนเป็นลูกหมาแบบนั้นก็ทนใจแข็งไม่ไหว หลานของการ์ปมันก็เหมือนหลานของเขา..โดยเฉพาะไอเด็กนี่ที่เขาเห็นมันมาตั้งแต่มาเป็นทหารเรือฝึกหัดใหม่ๆ ตั้งแต่ตอน 10 ขวบจนตอนนี้ก็โตเป็นหนุ่มไปแล้ว

     

              ถึงมันจะหาเรื่องชวนปวดหัวมาให้บ่อยๆก็เหอะ

     

              แต่ก็รักมันเหมือนลูกเหมือนหลานล่ะว่ะ!

     

              “คราวหน้าอย่าให้มีอีกละกัน”

     

              ลูฟี่ตะเบ๊ะพร้อมรอยยิ้มทะเล้น “รับแซ่บ!

     

              เซ็นโงคุเบือนหน้าไปทางอื่นพลางหัวเราะเหอะเบาๆ คราวที่แล้วแกก็รับปากแบบนี้ คิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไปให้เด็กมันงอน(?) สุดท้ายแล้วคนแก่ก็ดุอีกฝ่ายเพียงนิดหน่อยพอเป็นพิธีเท่านั้น ก่อนโบกมือไล่ให้ออกไปจากห้องซักทีเพราะยิ่งอยู่เขายิ่งรู้สึกเหมือนอายุขัยของตัวเองลดลง

     

              ลูฟี่เดินตัวปลิวออกจากห้องรับรองด้วยความสดใส เจอใครก็ทักทายเขาไปทั่วจนหลายๆคนที่พึ่งรู้จักเจ้าตัวก็อดที่จะทึ่งกับความมนุษย์สัมพันธ์ดีนั้นไม่ได้

     

              เขาเดินทางกลับไปยังที่พักอาศัยของตัวเองซึ่งเป็นตึกอาคารหลังหนึ่งที่อยู่ในมารีนฟอร์ดและไม่ไกลจากตึกห้องรับรองมากนัก มันเป็นอาคารพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พักอาศัยของทหารเรือที่มียศตั้งแต่นาวาตรีขึ้นไป แน่นอนว่ามีตึกแบบนี้อีกหลายตึก..ส่วนอาคารที่สวยและสะดวกสบายที่สุดก็คืออาคารในสุดซึ่งมีลักษณะคล้ายบ้านทรงญี่ปุ่น(เหมือนกับศูนย์บัญชาการใหญ่)และเป็นที่พักของพวกยศพลเรือทั้งหลาย

     

              แต่ก่อนที่จะได้เดินขึ้นอาคารก็ถูกใครบางคนจับคอเสื้อพร้อมยกขึ้นจนตัวลอยกลางอากาศเสียก่อน ลูฟี่ขมวดคิ้วพลางเอี้ยวหน้าหันไปมองว่าใครกันที่หิ้วเขาเหมือนกำลังหิ้วแมวตัวหนึ่ง

     

              คิ—ซารุ?” เรียกอีกฝ่ายได้ไม่เต็มเสียงนักเพราะจำชื่อไม่ค่อยจะได้ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนฝึกเขากับมือก็เถอะ คิซารุ (หรือที่แปลว่า วานรเหลือง) เป็นฉายาของบอร์ซาลีโน..1 ใน 3 พลเรือเอกที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งกองทัพเรือ

     

              “ไง~ เจ้าหนู ไปก่อเรื่องอีกแล้วเหรอ” เจ้าตัวแสบทำหน้าหงิก

     

              “แม้แต่ลุงก็รู้เหรอ”

     

              “แหมๆ ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นล่ะ อ้อ..บอกแล้วว่าอย่าเรียกฉันว่าลุงไงเจ้าเด็กน้อย~” คิซารุพูดเสียงยานคางเหมือนยังไม่ตื่นนอนดี แต่ดูจากขอบตาที่ดำคล้ำก็พอจะเดาได้ว่าคงอดหลับอดนอนมาหลายวันอยู่ งานอะไรหนอที่ทำให้พลเรือเอกถึงกับนอนไม่เพียงพอแบบนี้?

     

              “เจ้าผมแดงมันเคลื่อนไหวน่ะซี่~ ฉันก็เลยต้องคอยไปจับตาดูมัน..น่าเบื่อเป็นบ้า~

     

              “เจ้าผมแดง? หนึ่งในสี่จักรพรรดิเหรอ!?” ลูฟี่ตาวาวด้วยความสนใจ ปกติแล้วเขาไม่เคยใส่ใจพวกข่าวในหนังสือพิมพ์จึงไม่รู้ค่าหน้าตาของพวก 4 จักรพรรดินัก แถมยังไม่เคยตั้งใจฟังตอนปู่พูดอีก..

     

              “ใช่ๆ” อาโอคิยิซึ่งไม่รู้ว่ามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ขานรับเสียงเนือย อาโอคิยิ (หรือที่แปลว่า ไก่ฟ้าคราม) เป็นฉายาของ คุซัน หนึ่งในสามพลเรือเอกเช่นเดียวกับคิซารุ เขาเป็นคนที่คอยฝึกฝนให้ลูฟี่เมื่อสมัยเป็นทหารเรือฝึกหัดเช่นกัน ลูฟี่ที่ยังคงถูกคิซารุหิ้วคอเสื้ออยู่ดิ้นไปมา

     

              “โถ่ลุง~ ปล่อยฉันเถอะ อยากขี่คออาโอคิยิอ่ะ!!” เจ้าเด็กน้อยงอแง พลางคิดไปถึงตอนเด็กที่ได้ขี่หลังทั้งสองคนอยู่บ่อยๆ

     

              “โหย ไม่เอาหรอก..อย่าปล่อยเชียวนะ” อาโอคิยิส่ายหน้าในทันที ลูฟี่ยู่ปากอย่างน่ารัก

     

              “ทำไมกันเล่า!

     

             ใครก็ได้..บอกให้เจ้าหนูนี่เลิกทำตัวน่ารักซักทีได้มั้ย?

     

              สองหนุ่มใหญ่ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองพลางเสตามองไปทางอื่น พวกเขาก็แก่ๆกันแล้ว..(คนหนึ่งขึ้นเลข 5 ตอนปลายแล้ว ส่วนอีกคนก็เลข 4 ตอนปลาย) ทำไมถึงยังมีความคิดอยากกินเด็กอยู่ในหัวอีก?

     

              แถมเจ้าเด็กนี่..ถ้าพวกเขามีลูกมีหลานก็รุ่นเดียวกับหลานเขาเลยนะนั่น!

     

              “โอ๊ะ— แล้วเรื่องเจ้าผมแดงล่ะ ลุงอาโอคิยิต้องไปด้วยมั้ย” ลูฟี่ถามเสียงใส อาโอคิยิที่เห็นเจ้าเด็กน้อยเลิกยู่ปากงอนตุ้บป่องแล้วก็ยอมหันหน้ากลับมาแต่โดยดี เขาส่ายหน้าเบาๆ

     

              “ไม่ล่ะ..ฉันไม่สนเจ้าผมแดง— เอ ชื่ออะไรนะ? อืม..ช่างมันเถอะ”

     

              คิซารุถอนหายใจ “แชงคูส..เจ้านั่นชื่อแชงคูส”

     

              “อ้อ..ใช่ ฉันไม่สนใจเจ้าผมแดงแชงคูสนั่นหรอก”

     

              ลูฟี่ชะงักไปเล็กน้อยโดยที่ชายสูงวัยสองคนน่าจะไม่ทันได้สังเกตเห็น เด็กหนุ่มพยายามดึงสติเข้าร่างก่อนหัวเราะเสียงใสอย่างร่าเริง “งั้นเหรอ เสียงดายจังน๊า ฉันอยากเจอ 4 จักรพรรดิบ้างอ่ะ”

     

              คิซารุโบกมือไปมา “อย่าไปเจอเลยเจ้าหนู คนปกติเขาไม่อยากเจอเจ้าพวกนั้นหรอกนะ”

     

              “เอ๋ งั้นเหรอเนี่ย—“

     

              “จะว่าไปซากาสุกิก็อยากเจอแกอยู่พอดี เห็นว่าเตรียมเนื้อไว้ให้เยอะแยะ..พวกเราก็เลยมาตามแกนี่ไง~” คิซารุพูดเสียงเอื่อยเฉื่อยก่อนโยนเจ้าเด็กนี่ขึ้นไปขี่หลังตนพร้อมกับเปลี่ยนทิศทางไปยังอาคารทรงญี่ปุ่นที่อยู่ด้านหลังสุดซึ่งเป็นที่พักของพลเรือเอกอย่างพวกเขา ลูฟี่ฉีกยิ้มกว้างดูสดใสขึ้นมาทันตา

     

              อาโอคิยิที่เห็นดังนั้นก็ลอบยิ้มบาง..เจ้าเด็กนี่ไม่ต่างไปจากตอนเด็กๆเลยซักนิด

     

              “โอ้!! งั้นไปหาอาคาอินุกันเลย!!” ลูฟี่ตะโกนเสียงดังด้วยความร่าเริง สองพลเรือเอกแอบลอบยิ้มขำกับพฤติกรรมเหมือนเด็กน้อยนั่น

     

              พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็เดินมาถึงห้องพักของพลเรือเอกเจ้าของฉายาอาคาอินุ(หมาแดง)แห่งกองทัพเรือ ลูฟี่กระโดดลงจากหลังของคิซารุแทบจะทันที เมื่อวิ่งเข้าไปในห้องขวาสุดก็พบชายวัยกลางคนในชุดสูทสีแดงทับด้วยเสื้อโค้ทสีขาวซึ่งด้านหลังปักคำว่า ความยุติธรรม ตัวโตๆคลุมไหล่ เจ้าตัวยืนมองออกไปนอกระเบียง..ข้างนอกนั้นคือสวนแบบญี่ปุ่นโบราณซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของจอมพลเซ็นโงคุ

     

              ลูฟี่วิ่งไปยืนข้างๆอีกฝ่ายพร้อมเงยหน้าขึ้นฉีกยิ้มกว้างอย่างร่าเริง

     

              “ไงเจ้าหนู ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” อาคาอินุทักทายหน้านิ่งพร้อมลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ เจ้าตัวแสบหัวเราะคิกคักรีบตรงดิ่งไปนั่งตรงโต๊ะทรงญี่ปุ่นซึ่งมีอาหารหลากหลายแบบวางใส่จานอยู่ รวมถึงเนื้อซึ่งเป็นของโปรดของเขา

     

              “เห็นแก่กินจริงๆ” พลเอกแห่งกองทัพเรือส่ายหัวไปมา นึกเหนื่อยใจกับนิสัยเด็กไม่ยอมโตของเจ้าตัวป่วน เห็นคิซารุเดินเข้ามานั่งร่วมวงด้วย..ส่วนอาโอคิยินั้นคงหนีกลับห้องไปแล้วเพราะเจ้าตัวก็ไม่ได้อยากเสวนากับเขามากนัก

     

              “ไม่ใช่ว่าแกต้องไปจับตาดูผมแดงรึคิซารุ”

     

              “โถ่ ไม่เอาน่าซากาสุกิ ขอฉันอยู่กับเจ้าหนูนี่ซักหน่อยเถอะ~

     

              “แกคิดจะอู้งานรึไง”

     

              “อย่าเร่งน่า ขอเวลาอีกนิดนึงนา~

     

              “เฮ้อ..”

     

              สองพลเรือเอกหยุดคุยกันแล้วหันไปมองเจ้าตัวเล็กที่ยังคงเอาแต่สวาปามเนื้อทุกชิ้นเข้าปากไม่หยุด มันจะติดคอตายมั้ยนั่น..แต่ไม่หรอก ขนาดหลับไปกินไปอย่างปู่มันยังรอดชีวิตมาถึงทุกวันนี้ (และคิดว่าคงยังมีชีวิตอยู่เพื่อกันผู้ชายออกจากหลานตัวเองไปอีกนาน) เพราะงั้นเจ้าหนูนี่ก็คงไม่ตายง่ายๆเพียงเพราะอาหารติดคอ

     

              “แค่กๆๆๆ”

     

             ...มั้ง

     

              “เห้ยๆ~ เอานี่..กินน้ำไปซะเจ้าหนู”

     

              “ถึงกินช้าลงเนื้อก็ไม่ลอยหายไปต่อหน้าต่อตาแกหรอกนะ” สองหนุ่มใหญ่ส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา ลูฟี่คว้าน้ำไปดื่มอึกๆลงคอไม่หยุดก่อนทุบอกตัวเองจนหายติดคอ เมื่อทานเสร็จก็ไม่ลืมกระโดดกอดคนเลี้ยงไปเต็มแรงด้วยความรัก น่าเสียดายที่ถูกมือใหญ่ของคิซารุหิ้วคอเสื้อเอาไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะเข้าถึงตัวสุนัขแดงแห่งกองทัพเรือ

     

              “กระโดดกอดหมอนั่นเดี๋ยวก็โดนลาวาย่างสดพอดีนา~

     

              “เงียบไปคิซารุ” อาคาอินุแยกเขี้ยวใส่คนที่กล้ามาขัดขวางการโดนเจ้าเด็กหมวกฟางกอดของเขา ชายร่างสูงหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาพลางเรียกให้ไอตัวเล็กมาหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ น่าเสียดายที่คิซารุรู้ทันจึงหิ้วคอเสื้อเจ้าเด็กนั่นไว้ไม่ยอมปล่อย อาคาอินุเริ่มคิ้วกระตุก..

     

              ดูเหมือนว่าคิซารุมันจะอยากมีปัญหากับเขาเหลือเกินนะ

     

              “ลุง! ปล่อยฉันลงนะ!” ลูฟี่แหวลั่นพยายามดิ้นขลุกขลักให้หลุดจากพันธนาการของชายร่างสูงใหญ่ คิซารุถอนหายใจก่อนยอมปล่อยเจ้าหมวกฟางลงแต่โดยดี..ทันทีที่เป็นอิสระเด็กหนุ่มก็ไม่รอช้าวิ่งไปนั่งข้างๆอาคาอินุราวกับหมาน้อยเชื่องๆ

     

              “ลุงอาคาอินุเป็นคนเลี้ยงข้าวฉันนะ!

     

             เหตุผลที่เชื่อฟังเพราะหมอนี่เลี้ยงข้าวเองหรือ..

     

              เอสกับซาโบต้องน้อยใจแน่เลย นี่ๆ~ เมื่อก่อนพวกลุงก็เป็นคนสอน 2 คนนั้นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ทำไมเวลา 2 คนนั้นกลับมาไม่เลี้ยงข้าวบ้างอ่ะ” ลูฟี่เอียงคอมองด้วยความฉงน นึกสงสัยมานานแต่ก็ลืมถามไปเสียทุกที

     

              ทุกครั้งที่กลับมาจากภารกิจ..หนึ่งในสามพลเรือเอกจะต้องหิ้วเขาไปที่ที่พักของตนแล้วเลี้ยงข้าวเสมอ แต่กับเอสและซาโบ..ถ้าไม่ได้กลับมาจากภารกิจเดียวกับเขาก็จะอดไป (ลูฟี่คิดว่ามันน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ 2 คนนั้นดื้อดึงอยากจะทำภารกิจร่วมกับเขาให้ได้ /หารู้ไม่ว่าสาเหตุที่แท้จริงก็คืออยากตัวติดกับเขาแล้วคอยเป็นไม้กันหมาไม่ให้ตาแก่ที่ไหนมายุ่งกับเขาก็เท่านั้น)

     

              คิซารุกับอาคาอินุมองหน้ากัน..

     

              ให้เลี้ยงข้าวไอก้างขวางคอชิ้นโตนั่นน่ะหรือ? ฝันไปเถอะ!

     

     

     

              และในที่สุดลูฟี่ก็ได้พักผ่อนสมใจอยากหลังจากที่ฟาดอาหารที่อาคาอินุเลี้ยงไปซะเรียบ (รวมถึงของหวานหลังจากนั้น..) ต้องยอมรับจริงๆว่าลุงคนนั้นรู้ใจเขามากเลยทีเดียว อาหารที่เตรียมไว้ก็มีเนื้อเป็นส่วนประกอบหลักทุกเมนู ไม่มีเมนูไหนที่เผ็ดไปหรือเค็มไป

     

              สาบานได้ว่าครั้งแรกที่เจอกันตอนเขา 10 ขวบ..ในบรรดา 3 คนนั้นอาคาอุนิดูน่ากลัวที่สุดแล้ว

     

              (แน่นอนว่าถึงดูน่ากลัวที่สุด..แต่สำหรับตัวป่วนอย่างลูฟี่สุดท้ายแล้วก็กล้าเล่นกับอีกฝ่ายอยู่ดี)

     

              เขาเอนตัวลงนอนบนเตียงของตัวเองด้วยความเหนื่อยล้าที่สะสมมาจากการเดินทางหลายวัน ดังนั้นพอหัวถึงหมอนจึงไม่แปลกที่จะตกลงสู่ห้วงนิทราทันที

     

     

     

    ----|----|----|----|----

     

     

     

              ลูฟี่ไม่รู้ว่ามันควรจะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายของเขากันแน่..แต่เขากำลังถูก โดฟลามิงโก้ หนึ่งในเจ็ดเทพโจรสลัดหมายหัว ปู่ของเขาบอกว่าเจ้านั่นหมายหัวเขาทันทีที่เจอโดยบังเอิญตอนเขาลงจากเรือเมื่อวาน..ดูเหมือนทั้งจอมพลเซ็นโงคุและตาแก่ที่ควบตำแหน่งปู่ของเขาจะพยายามช่วยไม่ให้เขาตกไปอยู่ในเงื้อมมือของปีศาจสวรรค์ตัวร้ายนั่นสุดชีวิต

     

              แต่ก็นั่นล่ะ..สุดท้ายไม่ว่าใครก็ขัดความต้องการของปีศาจสวรรค์ไม่ได้อยู่ดี

     

              ในวันพรุ่งนี้เขาจะต้องไปอยู่กับเจ้าคนที่เขาจำไม่ได้แม้แต่รูปร่างหน้าตา ปู่บอกว่าเขาจะต้องไปอยู่กับมันเพียงแค่วันเดียวเท่านั้นเพื่อคอยดูแลมันระหว่างที่มันอยู่ที่นี่ นี่เป็นความต้องการของเจ้าสิ่งมีชีวิตสุดชั่วร้ายนั่น

     

              และนั่นทำให้ลูฟี่งงว่าโดฟลามิงโก้หมายหัวเขาตรงไหน

     

              มันก็แค่อยากได้เขาไปอยู่เป็นเพื่อนไม่ใช่หรือ? แต่แล้วทำไมต้องเป็นเขาล่ะ? เด็กหนุ่มนึกเอ่ะใจ..หวังว่าเจ้าโจรสลัดที่เขาไม่เคยเห็นค่าหน้าตานั่นจะไม่ลอบฆ่าเขาหมกป่า

     

             แน่นอนว่าถ้ามันทำแบบนั้นเขาสู้แน่!

     

              “นายไปทำอะไรให้หมอนั่นไม่พอใจรึเปล่าฮะเจ้าหมวกฟาง” สโมกเกอร์ หรือนาวาเอกวัย 34 เจ้าของฉายา นักล่าสีขาวถามพลางยีผมเขาจนยุ่งฟู ลูฟี่ส่ายหน้า เขามั่นใจว่าตัวเองไม่เคยเจอเจ้าคนที่ชื่อเหมือนนกนั่นแน่ๆ

     

              ซิการ์ถูกคว้าทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดี ควันสีขาวถูกพ่นออกมาจากปากของนาวาเอกที่มีอายุมากกว่าเขา ลูฟี่ขมวดคิ้วพลางคิดตาม..หรือเขาจะทำอะไรให้เจ้าคนชื่อเหมือนนกสีชมพูนั่นไม่พอใจโดยที่เขาไม่รู้ตัว?

     

             ก็ไม่น่าเป็นไปได้นี่

     

              เขามั่นใจว่าตัวเองไม่เคยเจออีกฝ่ายด้วยซ้ำ

     

              “ชิชิชิ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”

     

              “มองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว” มือหนาดึงแก้มของเขาออกจนยืดติดมือ ใบหน้าน่ารักยู่ลงอย่างขัดใจ..ทำไมเจอกันทีไรเจ้านี่ต้องยืดแก้มเขาอยู่เรื่อยเลยนะ?

     

              “แกจะยืดแก้มฉันตลอดเวลาที่เจอกันเลยรึไงเจ้าควัน”

     

              “เรียกดีๆหน่อย ฉันอายุมากกว่าแกรอบนึงเลยนะ”

     

              “งั้น..ลุง”

     

              โป๊ก!!

     

              “ไอเด็กเวร” กำปั้นถูกเขกลงบนหัวทุยๆอย่างไม่ใยดี เจ้าตัวแสบเบ้ปากพลางเชิดหน้าไปทางอื่น พองแก้มไว้จนดูเหมือนกระรอกที่เก็บลูกโอ๊คไว้ในปาก ดูก็รู้ว่ากำลังงอนอยู่ชัดๆ ฝ่ายคนถูกงอนก็ทำเพียงยักไหล่เหมือนไม่ใส่ใจ..แต่ถึงกระนั้นก็ไปสั่งให้นายทหารเอาเนื้อของโปรดของเด็กนี่มาให้เจ้าตัวอยู่ดี

     

             ก็เป็นการง้อที่น่ารักดีนะ ไม่คิดงั้นหรือ?

     

              “ฉันชอบแกตอนเลี้ยงเนื้อฉันที่สุด ชิชิชิ”

     

              “ได้กินแล้วอารมณ์ดีเชียวนะ” คนอายุมากกว่าคลี่ยิ้มบางอย่างนึกเอ็นดูในความใสซื่อบริสุทธ์ของคนตรงหน้า หากแต่เมื่อคิดถึงวันพรุ่งนี้ว่าอีกฝ่ายจะต้องไปคอยดูแลใครแล้วก็รู้สึกคิ้วกระตุก ก็ได้แต่หวังว่าเจ้าเด็กนี่จะไม่หลงกลเชื่อใจใครง่ายๆ..(ซึ่งแน่นอน เขารู้ดีว่าเด็กนี่ไม่มีทางทำแบบที่เขาหวัง)

     

             เจ้านกนั่นคิดอะไรอยู่กันแน่?

     

              ก็หวังแค่ว่าอย่าให้มันเป็นแบบที่เขาคิดก็พอ

     

              เพราะเขาไม่รู้เลยว่าควรจะทำสีหน้ายังไงถ้าเจ้านกนั่นมันถูกใจเจ้าหนูหมวกฟางนี่เข้าจริงๆ

     

              “แล้วนี่พวกพี่ชายแกยังไม่กลับเรอะ”

     

              ลูฟี่ส่ายหัวดิก

     

              “เอสติดภารกิจที่นอร์ธบลู ส่วนซาโบอยู่ระหว่างการพบปะกับราชวงศ์ของเกาะมนุษย์เงือกน่ะ” สโมกเกอร์พยักหน้ารับรู้ข้อมูลใหม่ ไม่แปลกที่ 2 หนุ่มนั่นจะกลับมาช้า..เพราะภารกิจที่ได้รับก็ใช่ว่าจะทำให้สำเร็จได้ง่ายๆ อีกอย่างระยะทางไปกลับก็ไกลอยู่พอสมควร

     

              จะว่าไปแล้ว..พรุ่งนี้เขาก็ต้องออกเดินทางเหมือนกัน

     

              ต้องย้ายไปประจำที่ศูนย์บัญชาการโร้กทาวน์ซึ่งเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ใกล้กับรีเวิร์สเมาน์เท็น ก็คงจะไม่ได้เจอกับเจ้าหนูนี่ไปอีกพักใหญ่

     

             รู้สึกใจหายเล็กๆเหมือนกันแฮะ

     

              “ถ้าหมอนั่นให้อะไรก็อย่าไปรับนะ ลูกอมก็ห้ามรับ” กำชับคนอายุน้อยกว่าด้วยสีหน้าขึงขัง ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองพลางขมวดคิ้วเป็นโบอย่างไม่เข้าใจในเหตุผล แต่ถึงกระนั้นก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย สโมกเกอร์ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งใจ หารู้ไม่ว่าเจ้าหมวกฟางนั้นคิดแค่ว่า ห้ามรับลูกอมจากโดฟลามิงโก้ไม่ใช่ ห้ามรับของกินจากโดฟลามิงโก้

     

              และมันก็ได้กลายเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้

     

     

     

     

    ----|----|----|----|----

     


     

    ในตอนนี้สโมกเกอร์ยังเป็นแค่นาวาเอกค่ะ ยังไม่ได้เป็นพลโท แหะๆ

    ตอนหน้าเจอกับปีศาจสวรรค์โดฟลามิงโก้แน่นอนค่ะ!

    ส่วนซันจิกับโซโลนั้น..ขอเวลาเดี๋ยวนะคะ 555555 คิดว่าหลังเสี่ยนกก็คงถึงบทของ 2 คนนี้

    สำหรับป๋าจระเข้ เทพเอเนล ไก่ฟ้ามาร์โก้ กับลุงเสือดาว แล้วก็ 2 พี่น้องบราค่อน คิดว่าคงจะอีกซักพักถึงจะมีบท (เรย์ลี่ก็ด้วย..) ส่วนลอว์และคิดก็คงอีกไม่นาน น่าจะหลังโซโลกับซันจิ /ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด

    ปล.ยังไม่ตรวจคำผิดเลยค่ะ ถ้าเจอบอกได้นะคะ ;-;

     

     

     

     

     

    S
    N
    A
    P
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×