คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 01 :: นาวาเอกลูฟี่แห่งกองทัพเรือ
ณ
เกาะแห่งหนึ่งในครึ่งหลังของแกรนด์ไลน์
“กลุ่มโจรสลัดอัลบีด้าค่าหัว
5
ล้านเบรีถูกนาวาเอกแห่งกองทัพเรือเข้าบุกโจมตีจนสามารถจับกุมตัวและส่งมอบไปยังคุกอิมเพลดาวน์..?” ชายวัยกลางคนนั่งอ่านข่าวล่าสุดในหนังสือพิมพ์พลางบิดลำตัวไปมาด้วยความเกียจคร้าน
ผมสีแดงชี้โด่เด่ไปมาดูยุ่งฟู
เขาปิดปากหาววอดก่อนเพ่งสายตามองลายชื่อของนาวาเอกคนเก่งในข่าวด้วยความเบื่อหน่าย
โธ่ๆๆๆ
โจรสลัดค่าหัว 5 ล้าน ทหารเรือที่ไหนก็จับได้ จะออกข่าวไปทำไม?
โอ้
บอกชื่อเจ้านาวาเอกที่ว่านั่นด้วยแฮะ
“มังกี้
ดี—“
“โฮ้ยยยย!! กัปตัน อ่านไรอยู่เหรอ”
ชายอ้วนร่างใหญ่ที่ใส่แว่นคาดตาอยู่บนใบหน้าโผล่มาจากด้านหลังพร้อมแก้วเหล้าและเนื้อสุกในมือ
อ้าปากกว้างๆแล้วกัดเข้าไปคำใหญ่ โอ้โห— สีหน้ากัปตันตอนนี้นี่ฮาชะมัด
“เจ้าบ้านี่
หนังสือพิมพ์ไง ไม่เห็นรึ?”
“นาวาเอกแห่งกองทัพเรือ—
โหย ไรเนี่ย เดี๋ยวนี้อ่านข่าวของกองทัพเรือด้วยเหรอ
แล้วนี่เมื่อไหร่เจ้าลูฟี่จะออกเรือล่ะ ไม่เห็นข่าวเลยนา” ลัคกี้ รู
ว่าด้วยน้ำเสียงหน่ายๆพลางนึกถึงเด็กชายตัวน้อยจอมซนที่เคยขอออกเรือกับกัปตันของเขาเมื่อ
10 ปีก่อน ป่านนี้คงโตเป็นหนุ่มแล้ว..ตอนนั้นเจ้าเด็กนั่นพึ่งจะ 7 ปีเท่านั้นเอง
“จะว่าไปก็น่าจะถึงเวลาแล้วนี่..ชักอยากเจอเจ้านั่นเร็วๆแฮะ”
ชายผมแดงหัวเราะอย่างนึกขบขันเมื่อย้อนนึกถึงวีรกรรมของเจ้าตัวแสบ
คิดแล้วก็ใช้มือข้างเดียวที่เหลืออยู่ลูบไหล่อีกข้างหนึ่ง..แขนที่เสียไปในครานั่นเพื่อแลกกับชีวิตของเด็กน้อยคนหนึ่งที่ตนรู้สึกถูกชะตา
ถ้าเป็นเจ้านั่นต้องเป็นโจรสลัดที่แข็งแกร่งได้แน่
“ว้าว~ เด็ก 7 ขวบที่กัปตันแชงคูสผู้ยิ่งใหญ่หลงรักมาตลอด 10 ปี
โรแมนติกเนอะเบ็นเนอะ” ยาซปกระดกเหล้าเข้าปากแล้วหันไปกอดคอกับรองกัปตันที่เอาแต่นั่งยิ้มมองบรรยากาศสนุกสนานด้วยความเพลิดเพลิน
ในขณะที่เจ้ากัปตันตัวยุ่งกลับหน้าแดงแจ๋
เอาแต่หัวเราะกลบเกลื่อนอาการเขินอายอยู่นั่น
อายุอานามก็แก่ไปมากโขแล้ว..ทำโตเป็นเด็กวัยรุ่นไปได้
“หลงรักบ้าบออะไรฮะ? ฉันก็เห็นหมอนั่นเป็นลูกชายตัวน้อยๆนั่นแหละ”
“จะจริงเร้อ
ที่เห็นนั่งรอหนังสือพิมพ์ทุกวันนี่ไม่ใช่เพราะรอข่าวที่เกี่ยวกับลูฟี่รึ มองเป็นลูกชายจริงเหรอ
หืมมม?”
ยาซปหัวเราะก๊าก
มองกัปตันที่ทำหน้าเหวอสุดขีดกับการโดนรู้ทันโดยลูกเรือของตนเอง
“แต่ก็นานเกินไปแล้วเหมือนกันนะ
10 ปีได้แล้วมั่ง..” งั้นป่านนี้ลูฟี่คงอายุ 17.. เบ็นขมวดคิ้ว
ลูกเรือคนอื่นๆเริ่มคิดตามแล้วมองไปยังกัปตันของตนพร้อมกันโดยมิได้คาดหมาย
“พวกเราจะหุงข้าวแดงเผื่อนะกัปตัน”
“อะไรกันๆ
อย่างน้อยฉันก็เป็นอมตะในคุกล่ะว่ะ” แชงคูสยิ้มทะเล้นพลางนึกถึงใบหน้าจิ้มลิ้มของลูฟี่ตอนเด็ก
ขนาดตอนเด็กเจ้านั่นยังน่ารักซะขนาดนั้น ตอนโตก็คง—
“เจ้าเด็กนั่นจะเอานายรึเปล่าเหอะ”
ฉึก!
“ยังไงซะวัยเอ๊าะๆใกล้เคียงกันก็ดีกว่าอยู่แล้ว”
ฉึก!
“อาจจะเป็นเพื่อนชายที่อายุห่างกัน
2 ปี? กำลังดีเลยนะนั่น ไม่ ‘แก่’ เกินไปด้วย”
ฉึก!
“แล้วดูนิสัยอย่างเจ้านั่นสิ
คงมีคนมาห้อมล้อมเยอะแน่ๆ” / “ง่ายๆเลยนะแชงค์
นายหมดสิทธิ์แล้วล่ะ” / “เพราะงั้นอยู่สงบๆตามประสา ‘คนแก่’ ไปซะ”
ฉึก! ฉึก! ฉึก!
“พอแล้ว!! หยุด! เลิกพูด!” ชายวัย 37 แหวลั่นหลังโดนคำพูดแทงใจดำทำร้ายจิตใจไปหลายดอก
เขาคว้าหนังสือพิมพ์แล้วก้าวขาฉับๆไปที่อีกฝั่งหนึ่งของเกาะ
สิ่งที่คิดไว้มีเพียงอย่างเดียวคือหนีให้พ้นเจ้าลูกน้องที่รู้จักกันดีเกินไปพวกนี้
แหม พอเริ่มรู้ไส้รู้พุงนี่เอาใหญ่เชียวนะ หนุ่มใหญ่กัดฟันกรอดอย่างนึกโมโห
จะว่าไป..นาวาเอกเมื่อกี้ชื่ออะไรนะ?
มังกี้? นี่มันนามสกุลของตาแก่การ์ปไม่ใช่หรือ?
“ตาแก่สัตว์ประหลาดนั่นมีลูกมีหลานด้วยเรอะ!?
นิสัยแบบนั้นเนี่ยนะ?”
ขมวดคิ้วเป็นโบพลางคลี่หนังสือพิมพ์ออกมาอ่าน
“ไหนดูซิ..”
กวาดสายตาหาข่าวเมื่อครู่ ใบหน้าคมฉีกยิ้มกว้างเมื่อเจอมันในหน้าที่ 2
ของหนังสือพิมพ์
“มังกี้
ดี ลูฟี่—“
ฮ่าๆๆๆ
ที่แท้เจ้าลูฟี่ก็เกี่ยวข้องกับตาแก่นั่นสินะ ว่าทำไมนิสัยถึง—
เอ๊ะ..
กระพริบตาปริบๆ
รู้สึกได้ว่านี่มันมีอะไรทะแม่งๆ
ว่าแล้วก็ก้มลงกวาดสายตาอ่านเนื้อหาข่าวอีกครั้งด้วยความตั้งใจ
“กลุ่มโจรสลัดอัลบีด้าค่าหัว
5
ล้านเบรีถูกนาวาเอกแห่งกองทัพเรือเข้าบุกโจมตีจนสามารถจับกุมตัวและส่งมอบไปยังคุกอิมเพลดาวน์
ปัจจุบันนาวาเอกมังกี้ ดี ลูฟี่ ได้อยู่ในช่วงการเดินทางกลับไปยังศูนย์บัญชาการใหญ่มารีนฟอร์ด..”
นาวาเอกมังกี้
ดี ลูฟี่..?
ลูฟี่..?
ลูฟี่!!!!
ที่ไม่เห็นใบประกาศจับของเจ้านั่นซักทีเป็นเพราะมันไปเป็นทหารเรือเองเรอะ!!
Straw
hat mariner
“คุณลูฟี่ อย่าวิ่งสิครับบบบ”
เด็กหนุ่มผมชมพูวิ่งเตาะแตะตามผู้ช่วยชีวิตของตนไปขึ้นเรือ
เขาชื่อ โคบี้ และคนที่กำลังวิ่งร่าอยู่ตรงหน้าเขาก็คือลูฟี่หมวกฟางแห่งกองทัพเรือที่โด่งดังคนนั้น..อีกฝ่ายอายุมากกว่าเขาเพียงเล็กน้อยและพึ่งได้รับยศนาวาเอกเมื่อไม่กี่วันก่อน
ลูฟี่เป็นชายร่างโปร่งบางไร้กล้ามเนื้อ
ออกจะดูผอมเก้งก้างไปด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับคนอื่นที่เป็นทหารเรือด้วยกัน
ภายนอกช่างดูกะโปโลจนไม่เชื่อว่านี่คือนาวาเอกแห่งกองทัพเรือ
แต่ฝีมือของอีกฝ่ายก็ฉายให้เห็นแล้ว..เก่งกาจสมกับที่ถูกเรียกว่าตัวอันตราย
สมแล้วที่ได้เลื่อนยศอย่างรวดเร็ว
“เร็วๆสิโคบี้
นายช้าเกินไปแล้วน๊า” ตะโกนเสียงดังพลางโบกมือไปมาอยู่อีกฟากฝั่งของถนน
ท่ามกลางผู้คนมากมาย..ร่างเล็กของคนตรงหน้าโดดเด่นขึ้นมาราวกับภาพสีที่อยู่ท่ามกลางภาพขาวดำ
ร่างบางในเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีแดงปลดกระดุมทั้งหมดและกางเกงสีดำขาสั้นประมาณเข่าดูกระฉับกระเฉงร่าเริง
หมวกฟางบนศีรษะดูมีเอกลักษณ์ เสื้อโค้ทสีขาวที่ด้านหลังเขียนว่า ‘ความยุติธรรม’ ถูกถอดออกมาคลุมบ่าเอาไว้หลวมๆ
และนั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายถูกจับตามองโดยคนรอบข้างมากขึ้น
มันเป็นเสื้อโค้ทที่มีเพียงทหารเรือยศนาวาเอกขึ้นไปเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ได้สวมใส่
เขาละสายตาออกจากคำว่า
‘ความยุติธรรม’ ตัวโตๆบนเสื้อโค้ทแล้ววิ่งเหยาะๆตามหลังอีกฝ่ายไป
เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นหลังจากที่เขาอาศัยอยู่ในเรือของโจรสลัดอัลบีด้าในฐานะข้ารับใช้
และด้วยความบังเอิญที่ลูฟี่ดันอยู่ในเรือสำราญที่พวกมันคิดปล้น..สุดท้ายแล้วพวกมันทั้งหมดจึงถูกจับ
(ไม่สิ เรียกว่าถูกอัดจนน่วมคงจะดีกว่า) และเขาก็ถูกคนตรงหน้าช่วยชีวิตเอาไว้..
เมื่อเดินมาซักพักก็ถึงเรือลำใหญ่ที่จอดอยู่ในท่าเรือ
เหล่าทหารเรือผู้ยึดมั่นในความยุติธรรมต่างวิ่งมาเรียงแถวพร้อมทำท่าวันทยาหัตถ์เพื่อทำความเคารพผู้ที่มียศสูงกว่า
ลูฟี่อธิบายว่าเดิมทีพวกนี้ไม่ใช่ลูกเรือของเขา
(ทหารเรือที่มียศตั้งแต่นาวาเอกขึ้นไปจะเป็นกัปตันเรือและมีลูกเรือของตัวเอง)
แต่เพราะเขายังหาลูกเรือคนสนิทที่จะกลายเป็นพวกพ้องที่สำคัญในอนาคตไม่ได้ ทางศูนย์บัญชาการจึงให้หยิบยืมทหารเรือมาจำนวนหนึ่งเพื่อช่วยในการปฏิบัติภารกิจระหว่างหาลูกเรือคนที่ถูกใจไปด้วย
แน่นอนว่าอาจเป็นใครบางคนในกลุ่มทหารเรือพวกนี้
ใครบางคนในกลุ่มทหารเรือที่ศูนย์ใหญ่
หรืออาจเป็นใครบางคนที่เขาพบเจอระหว่างทางและถูกชะตาก็ได้
ระหว่างเดินทางบนเรือรบลูฟี่ก็คอยเล่าประสบการณ์การถูกฝึกเพื่อเตรียมพร้อมเป็นทหารเรือ
อีกทั้งยังเล่าเรื่องราวตอนที่ต่อสู้กับโจรสลัดและผู้ร้ายตั้งแต่เริ่มเป็นทหารเรือมา
มันทำให้โคบี้รู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก
และมันยิ่งทำให้ความรู้สึกอยากเป็นทหารเรือของเขามันแกร่งกล้าขึ้นไปอีก
ลูฟี่หัวเราะตลอดทาง..เขาอารมณ์ดีมากๆ
เนื่องจากหลังปราบอัลบีด้าได้ก็ถูกตอบแทนจากเจ้าของกิจการเรือสำราญโดยการเลี้ยงอาหารกลางวัน
ไหนจะเจ้าเด็กหัวชมพูที่สูงเกือบเท่าเขาข้างๆนี่อีก ว่าแล้วก็เหลือบมองเจ้าตัวซักหน่อย
‘ผมอยากเป็นทหารเรือ!’
ประโยคนั้นของโคบี้ทำให้เขาตัดสินใจช่วยอีกฝ่ายไม่ให้ถูกทหารเรือจับไปด้วยเพราะทำงานให้อัลบีด้า
สาเหตุที่ช่วย? ไม่รู้หรอก..ก็แค่คำพูดที่แสนจริงจังนั้นมันชวนให้รู้สึกตะหงิดใจ
เหมือนกำลังซ้อนทับกับคำพูดในความทรงจำส่วนลึกของเขา
‘ฉันอยากเป็นราชาโจรสลัด!!’
ทั้งแววตาที่เปล่งประกายกล้าไปด้วยความมุ่งมั่นและความจริงจัง
โอ้—
ครั้งหนึ่งเขาก็เคยมีสายตาแบบนั้น
“ใช้เวลากี่วันกว่าจะถึงศูนย์ใหญ่มารีนฟอร์ดเหรอครับ”
เจ้าเด็กหัวชมพูใส่แว่นกลมถามพลางมองไปยังท้องทะเลที่แสนกว้างไกลสุดสายตา
พวกเขาออกจากเกาะนั่นได้ 2 วันแล้ว ลูฟี่เงยหน้าขึ้นมาก่อนยิ้มตาหยี “ไม่รู้สิ”
“อ้าว..”
สีหน้าผิดหวังนั่นอะไรฟะ
ถึงคิดงั้นแต่สุดท้ายก็หัวเราะดัง “ชิชิชิ” และเลิกสนใจไปในที่สุด
“ชิชิชิ
ปู่ของฉันต้องถูกใจนายมากแน่ๆ”
ลูฟี่หัวเราะเอิ้กอ้ากพลางคว้าเนื้อชิ้นสุดท้ายในจานเข้าปากทีเดียวหมด
นายทหารเรือที่เดินเข้ามาเก็บจานอย่างรู้งานเริ่มหน้าซีด
ชักไม่มั่นใจว่าเสบียงสำหรับ 1
ปีที่เตรียมมาจะพอสำหรับการเดือนทางอีกหนึ่งสัปดาห์นี้หรือเปล่า
เคยได้ยินเหมือนกันว่านาวาเอกลูฟี่นิสัยเหมือนพลโทการ์ป
แต่ก็ไม่คิดว่าจะเหมือนกันขนาดนี้
“นาวาเอกครับบบ!!” เสียงวิ่งที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ลูฟี่ต้องหันกลับไปมองอย่างช่วยไม่ได้
นายทหารเรือคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบมาดูน่าสงสาร ใบหน้าซีดเซียวมีเหงื่อท่วมตัว
“ว่าไง
ชิชิชิ หิวข้าวเหรอ?”
“ก็หิวครับ—
ไม่ใช่สิ!” นายทหารหนุ่มส่ายหน้าทันควัน
”อัลบีด้าที่เราควบคุมตัวมาเหมือนต้องการคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวครับ!!”
“หา?” ลูฟี่ขมวดคิ้ว เช่นเดียวกับโคบี้ที่พึมพำบางอย่างฟังไม่ได้ศัพท์ ยัยป้านั่นมีธุระอะไรกับเขาฟะ..
เจ้าหมวกฟางทึ้งศีรษะตัวเองอย่างไม่เข้าใจ
และด้วยความที่ขี้เกียจใช้สมองคิดอะไรให้มากกว่า
จึงตัดสินใจเดินไปยังส่วนกรงขังโดยไม่ลังเล
ภายในกรงเหล็กกล้ามีร่างของหญิงสาวร่างท้วมถูกล่ามด้วยโซ่อยู่
ร่างเล็กที่พึ่งมาใหม่หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ มองลอดช่องซี่เหล็กเข้าไปข้างใน
อัลบีด้าเงยหน้าขึ้น “มาซักทีนะพ่อนาวาเอก”
“มีอะไรล่ะ
จะวางแผนฆ่ากันรึไง ชิชิชิ”
“ปล่อยฉันไป”
ลูฟี่ชะงัก
เบิกตากว้างพร้อมทำสีหน้าเหยเก “หา!?
ปล่อยแกเนี่ยนะ!?”
“แกต้องอยากปล่อยฉันแน่ๆพ่อนาวาเอก
บอกอะไรไว้นะ..ฉันมีแผนที่ไปยังเกาะแห่งนึง
ที่นั่นมีสมบัติมากมาย..ฉันจะยกให้แกถ้าแกปล่อยฉัน”
หญิงร่างท้วมกล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิ เธอดูภูมิใจที่ตัวเองสามารถหาแผนที่นั่นเจอได้
และคิดว่าคนตรงหน้าต้องสนใจแน่ๆ..งับเหยื่อของเธอเร็วเข้าสิ!
“หา!? สมบัติเรอะ? ไม่เอาอ่ะ..ไม่เห็นน่าสนใจเลย”
ใบหน้าน่ารักยู่ปากลงเขาอยากได้ของกินมากกว่า..
“ถ้าแกมีเงินแกก็จะซื้อของกินได้”
“งั้นตกล—“
โป๊ก!!
“โอ๊ย! ขว้างหินมาทำไมเนี่ยโคบี้”
มองไปยังประตูที่แง้มเอาไว้ก็เห็นเจ้าเด็กสวมแว่นมองมาด้วยสายตาไม่พอใจ
“อย่าไปหลงกลมันสิครับคุณลูฟี่ ยัยนั่นกำลังหลอกล่อคุณอยู่นะ นั่นน่ะโกหกทั้งเพ!”
“หา? นี่เธอโกหกฉันเรอะ!?”
อัลบีด้าพยายามทำหน้านิ่ง
ยุบหนอ พองหนอ เจ้าหมวกฟางมันซื่อบื้อหนอ..
“เปล่า”
“เห็นม๊า”
หันมาฉีกยิ้มกว้างให้โคบี้ชวนให้เด็กผมชมพูรู้สึกอยากจะกรีดร้องเสียงดัง ซื้อบื้อซะไม่มี..นี่หรือคนที่ช่วยเขาเอาไว้?
จะบ้าตาย..
“พลโทการ์ปได้ฆ่าคุณแน่ถ้าคุณทำแบบนั้น”
เจ้าของหมวกฟางชะงัก เออว่ะ..
พึมพำเสียงเบาพลางมองไปยังหญิงร่างท้วมด้วยสีหน้าครุ่นคิด งั้นจะทำยังไงกับเจ้านี่ดีล่ะ? ถ้ามันไปบอกปู่ว่าเขาเกือบยอมปล่อยตัวมันเพราะเห็นแก่กินสุดท้ายแล้วเขาก็จะโดนตาแก่นั่นด่าไม่ใช่หรือ?
“นี่ยัยป้า”
“เรียกใครป้ายะ!!”
“เอาน่า
ป้าอย่าบอกใครนะว่าฉันเกือบปล่อยป้าไปเพราะเห็นแก่—“
ปัง!!! ผลั่วะ!! โครม!!
เสียงแรกนั้นคือเสียงนายทหารที่เปิดประตูเข้ามาด้วยความเร่งรีบ
เสียงที่สองคือเสียงลูฟี่ที่เผลอปล่อยหมัดชกอัลบีด้าที่อยู่ในห้องขังด้วยอารามตกใจ
และเสียงที่สามคือเสียงของอัลบีด้าที่ถูกชกทะลุกำแพงลอยออกไปบนท้องฟ้า..
“เกิดอะไรขึ้นครับท่านนาวาเอก!! เอ๊ะ..” นายทหารผู้เข้ามาใหม่ร้องเสียงหลงก่อนชะงักเมื่อพบว่านักโทษในคุกได้หายไปพร้อมกับรูโหว่ในเรือ
“แล้วนี่อัลบีด้าหายไปไหนครับเนี่ย!?”
ลูฟี่หน้าซีด
มันลอยหายไปไหนแล้วหว่า.. โคบี้ที่เห็นท่าไม่ดีก็รีบแก้ต่างให้ในทันที “เมื่อกี้มีคนมาช่วยอัลบีด้าไปน่ะครับ
คุณลูฟี่ยังไม่ทันตั้งตัวเลย เจ้านั่นมันเร็วมากๆ”
“เอ๋..? อ่า..ครับ” ทหารเรือหนุ่มขานรับงงๆ ก่อนที่เขาจะหันไปเรียกพวกทหารช่างในเรือมาช่วยซ่อมเรือที่เป็นรูโหว่ด้วยสาเหตุที่ว่ามีคนมาช่วยนักโทษหนีออกไป
ช่วยให้หนีออกไปในขณะที่แม้แต่นาวาเอกที่นั่งอยู่ตรงนี้ยังไม่รู้ตัวหรือ? โอ้— ต้องเป็นโจรสลัดที่เก่งกาจมากแน่ๆ ทหารเรือหนุ่มเชื่อในคำโป้ปดนั้นโดยไร้ซึ่งข้อกังขา
ในขณะที่ลูฟี่ยังได้แต่เดินตามโคบี้ออกมาจากที่นั่นด้วยความเหม่อลอย
ร่างบางหวนนึกถึงคำพูดของปู่เมื่อไม่กี่วันก่อนออกเดินทาง
‘ถ้าแกสร้างปัญหาก็เตรียมตัวเจอฉันได้เลยเจ้าหลานบ้า!!’
นาวาเอกหนุ่มหน้าซีดฉับพลัน
โอ้ชิบหาย—
คราวนี้ปู่ได้ฆ่าเขาจริงๆแน่!!
----|----|----|----|----
ถามว่าเรื่องนี้มีสาระมั้ย..ใช่ค่ะ
มันไม่มีสาระ 55555555
เรื่องนี้จะไม่มีเนื้อหาชวนเครียดให้ปวดสมองค่ะ
(ถึงมีก็มีน้อย) จะพยายามให้เป็นฟิคเบาสมอง อ่านแล้วไม่เครียด
สนุกสนานกับความน่ารักของลูฟี่และฮาเร็มของเขา(?)
ส่วนเนื้อเรื่องก็จะดำเนินไปตามในอนิเมะนั่นล่ะค่ะ เพียงแต่ปรับเปลี่ยนบางอย่างนิดๆหน่อยๆ
สามารถเป็นกำลังใจให้ด้วยการเม้นและสามารถทวงฟิครวมถึงเข้ามาพูดคุยกันในเพจได้นะคะ!
><
ปล.ยังไม่ตรวจคำผิดค่ะ
ถ้าเจอก็บอกได้น๊า
ความคิดเห็น