ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พันธสัญญารักนักปราบผีสาว (ฟรี)

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7 การเดท

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.89K
      39
      30 มิ.ย. 62

    ตอนที่ 7

    การออกเดท


    ที่ร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นชื่อดังในโซนขายเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ฮาสึโนะกำลังจ้องมองป้ายราคาที่ติดอยู่บนเสื้ออย่างตาค้าง ตัวเลข7หลักที่ติดอยู่บนเสื้อทำให้เธอคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากว่ามันทอขึ้นมาจากทองคำ

    “เรนอิจิ แน่ใจนะว่ามันเป็นเสื้อนะ”

    ฮาสึโนะเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามันยังใช่เสื้อผ้าจริงๆหรือเปล่า อารมณ์ตอนแรกของเธอที่กะว่าจะซื้อของจนกระเป๋าเรนอิจิฉีกนั้นได้หายไปทันทีที่ได้เห็นป้ายราคาเสื้อ7หลักเป็นครั้งแรก

    ถึงฮาสึโนะจะบวกเลขไม่ค่อยเก่งแต่ก็ใช่ว่าเธอจะใช้เงินไม่เป็น และตัวเลข7หลักที่เห็นอยู่บนเสื้อนี้ก็คงจะทำให้เธอต้องกินมาม่าแทนข้าวไปนามอีก3ปีได้ไม่ยาก ถ้าเธอยังคิดที่จะซื้อมันอยู่

    “แล้วถ้ามันไม่ใช่เสื้อแล้วมันจะเป็นอะไรไปได้อีกล่ะ เธอนี้ก็ชอบถามอะไรแปลกๆนะ”

    หลังจากหันมาตอบคำถามให้ฮาสึโนะ เรนอิจิก็หันกลับไปเลือกเสื้อผ้าให้ฮาสึโนะต่อ และตอนนี้เขาก็เลือกไปแล้วถึง3-4ชุด

    “แต่ว่า... มันไม่แพงไปหน่อยเหรอ”

    ฮาสึโนะยังคงรู้สึกไม่ดีกับป้ายราคาที่ติดอยู่บนเสื้อแต่ละตัว เพราะป้ายราคาที่ติดอยู่บนเสื้อแต่ละตัวนั้นส่วนใหญ่มักจะเป็นเลข7หลักและรองลงมาก็จะเป็นเลข6หลักที่ติดป้ายราคาลด80%แล้ว แต่ไอ้การลด80%นั้นเธอก็ยังไม่เห็นว่าราคามันจะถูกลงตรงไหนอยู่ดี

    “อืม... จะว่าไปมันก็แพงอยู่นะ แต่ไม่เป็นไรหรอกเพราะมันเป็นของขวัญชิ้นแรกที่ฉันซื้อให้เธอ”

    เรนอิจิพูดเสร็จก็ส่งชุดที่เขาเลือกแล้วให้กับฮาสึโนะ ซึ่งในนั้นก็มีอยู่ทั้งหมด5ชุดเห็นจะได้

    “เข้าไปลองดูสิ”

    เรนอิจิพูดให้ฮาสึโนะเข้าไปลองชุดในห้องเปลี่ยนเสื้อ ซึ่งฮาสึโนะก็รีบคว้าเสื้อผ้าเหล่านั้นแล้ววิ่งเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อทันที โดยปล่อยให้เรนอิจิยืนงงกับท่าทางของเธออยู่แบบนั้น

    ในห้องเปลี่ยนเสื้อ ฮาสึโนะยังคงหอบหายใจอย่างรุนแรง เธอผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง

    “ตาบ้านั้น! ของขวัญชิ้นแรกอะไรกัน ฉันไม่ดีใจด้วยหรอกนะ”

    แต่ถึงฮาสึโนะจะพูดอย่างนั้น เธอก็ยังคงกอดเสื้อผ้าเหล่านั้นเอาไว้แน่นราวกับว่ามันเป็นของสำคัญสำหรับเธอ

    หลังจากนั้นไม่นานฮาสึโนะก็ออกมาพร้อมกับชุดใหม่ เธอดูสวยเด่นจนคนในร้านต้องหันหลังกลับมามองกันจนตาค้าง

    เสื้อแขนยาวสีขาวสะอาดตาที่มีโบว์ประดับอยู่ตรงคอเสื้อและกระโปรงสีดำยาวพอดีเข่าของฮาสึโนะนั้นทำให้เธอดูหวานและน่ารักขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่ามันจะดูเรียบง่ายแต่ก็เพราะความเรียบง่ายนี้แหละที่ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงความงดงามที่แท้จริงของเธอได้โดยง่าย

    “ปะ...เป็นไงบ้าง”

    ฮาสึโนะถามอย่างไม่มั่นใจ เมื่อถูกทุกคนมองด้วยสายตาที่แปลกๆ เพราะโดยปกติแล้วเธอมักจะถูกมองด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามหรือไม่ก็เมินเฉยซะมากกว่า ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่เธอจะรู้สึกไม่ดีกับสายตาของคนรอบข้างที่ดูแปลกและแตกต่างไปจากเดิม

    “อืม เธอดูสวยและน่ารักมากเลยแหละ ฉันว่าชุดนี้เหมาะกับเธอดีนะ” เรนอิจิพูดพร้อมกันรู้สึกร้อนที่จมูก

    “งะ...งั้นเหรอ?”

    ถึงแม้จะได้คำชมจากเรนอิจิ แต่ฮาสึโนะก็ยังคงรู้สึกประหม่าอยู่ดีจนเธอต้องหันหลังกลับไปสำรวจตัวเองบนกระจกอีกครั้ง

    และในระหว่างที่ฮาสึโนะกำลังสำรวจตัวเองอยู่นั้น เรนอิจิก็หันไปจ่ายเงินให้กับพนักงานสาว ซึ่งที่เขาทำก็แค่สแกนสมาร์ทโฟนของเขากับเครื่องสแกนที่พนักงานสาวถืออยู่ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

    “ไปกันเถอะ ฉันว่าสวนสนุกคงจะเปิดแล้ว”

    ว่าแล้วเรนอิจิก็พาฮาสึโนะเดินออกจากร้านทันที โดยไม่ฟังคำเรียกร้องถึงเสื้อตัวเก่าของเธอที่ยังคงตั้งอยู่ในร้าน


    ไม่ว่าเรนอิจิกับฮาสึโนะจะเดินผ่านไปทางไหน ความเด่นสง่าของคนทั้งคู่ก็มักจะเป็นที่จับตามองของคนทั้งหลายอยู่เสมอ เพราะความหล่อเหลาออกหวานนิดๆของเรนอิจิกับความงดงามหมดจดที่เกินเลยขอบเขตของมนุษย์อย่างฮาสึโนะนั้นไม่ว่าใครก็ต้องมีหันหลังกลับมามองด้วยกันทั้งนั้น

    และในกลุ่มคนเหล่านั้นก็มีกลุ่มเด็กผู้หญิงสามคนที่กำลังนั่งจ้องมองพวกเขาจากร้านน้ำชาริมทางอยู่ด้วยเช่นกัน

    “นี้ๆ ดูคู่รักคู่นั้นสิน่ารักจัง”

    ซามิยะกระซิบบอกต่อเพื่อนทั้งสองคนให้เหลียวหลังกลับไปมองคนทั้งคู่ที่กำลังเดินจูงมือกันอยู่ข้างหลัง ในสายตาของเธอพวกเขาทั้งคู่ต่างดูน่ารักมาก เหมือนกับคู่รักในอุดมคติที่กำลังเดินจูงมือกันอยู่ ถึงแม้ว่าในความจริงแล้วต้องบอกว่าเรนอิจิเป็นคนลากฮาสึโนะไปกับพื้นซะมากกว่าที่จะเรียกว่าเป็นการจูงมือเดินกันของคู่รัก

    “ฉันว่าผู้ชายที่เดินอยู่ด้วยคนนั้นก็หน้าตาคุ้นๆอยู่นะ เหมือนกับว่าฉันเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อน”

    อากาเสะพยายามนึกแต่ก็ทำได้เพียงแค่คลับคล้ายคลับคลาเท่านั้น เพราะวันนี้เรนอิจิมาในชุดธรรมดาหาใช่ชุดที่เป็นทางการอย่างพวกชุดสูทหรือชุดองเมียวที่เขาใส่อยู่เป็นประจำ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่อากาเสะจะจำเขาไม่ได้

    “ว่าแต่... ผู้หญิงที่เดินคู่อยู่ด้วยนั้นสวยจังเลยนะ ฉันเองก็อยากจะสวยเหมือนกับเธอบ้างจังจะได้เดินควงคู่กับหนุ่มหล่อชวนฝันแบบนั้นได้บ้าง”

    มิซากิพูดออกมาอย่างเพ้อฝันเมื่อเห็นเรนอิจิกับฮาสึโนะที่กำลังเดินควงคู่กันเหมือนดังเจ้าหญิงและเจ้าชายที่อยู่ในโลกเทพนิยายหรือหนังสือการ์ตูนตาหวานที่เธอชอบอ่านอยู่เป็นประจำ

    วันนี้พวกเธอทั้งสามคนได้มาเที่ยวเพื่อฉลองความสำเร็จที่สามารถสอบเข้าโรงเรียนสอนปราบผีนานาชาติสาขาญี่ปุ่นได้พร้อมกันทั้ง3คน และยังมาเพื่อฉลองให้กับอากาเสะที่สามารถสอบเข้าได้เป็นอันดับหนึ่งของการทดสอบในครั้งนี้ด้วย

    หลังจากที่เรนอิจิกับฮาสึโนะเดินจากไปไกล ซามิยะก็หันกลับมาพูดกับเพื่อนสาวของเธอต่อ

    “นี้อากาเสะ ที่เธอบอกว่าจะได้เป็นประธานนักเรียนนั้นเป็นจริงเหรอ?”

    “อืม ก็ทุกปีเขาจะให้คนที่มีคะแนนสอบเข้าสูงที่สุดได้เป็นประธานนักเรียนของชั้นปีที่1ไปก่อนนะ ส่วนปีที่2ก็จะใช้วิธีการเลือกตั้งแทน แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วก็มักที่จะได้ประธานนักเรียนเป็นคนเดิมจากปีที่แล้วอยู่เป็นประจำ”

    อากาเสะกล่าวออกมาตามข้อมูลที่เธอได้รับมาจากทางโรงเรียนและจากการที่เธอได้ลงมือค้นหาด้วยตัวเอง

    “อ้าว ถ้าเธอได้เป็นประธานนักเรียนแล้วทีนี้ก็ไม่มีเวลามาเที่ยวเล่นกับพวกเราอีกแล้วนะสิ”

    มิซากิรู้สึกเหงาขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าเพื่อนของเธอกำลังจะได้เป็นประธานนักเรียน เพราะจากที่เธอได้รู้และได้เห็นมา คนที่ทำงานอยู่ในสภานักเรียนมักจะมีงานยุ่งอยู่ตลอดจนไม่มีเวลาว่างเป็นของตัวเอง และถ้าให้เธอเป็นเธอก็ไม่เอาด้วยหรอก เพราะเดี๋ยวจะไม่มีเวลาอ่านหนังสือการ์ตูนและเล่นเกมเอา

    อากาเสะที่เห็นท่าทางเหงาหงอยของมิซากิก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

    “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันมีเวลาให้กับพวกเธอเสมอแหละ”

    อากาเสะตอบด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ จนมิซากิที่ได้ฟังถึงกับอยากจะร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตันใจในความอบอุ่นของเพื่อนสาวที่มอบให้กับเธอ

    “อากาเสะเธอช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ ฮื่อๆๆ (T^T)”

    “จ้าๆ เพราะงั้นช่วยเซ็นตรงนี้หน่อยได้ไหม”

    ว่าแล้วอากาเสะก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้มิซากิเซ็น

    “ได้สิตรงนี้ใช่ไหม”

    เมื่อได้รับแผ่นกระดาษมามิซากิก็จรดปากกาเซ็นลงไปทันทีโดยที่เธอไม่ได้เหลียวมองดูข้อความบนกระดาษแผ่นนั้นเลยแม้แต่น้อย

    “ซามิยะก็ต้องเซ็นด้วยนะ”

    ว่าแล้วอากาเสะก็ส่งกระดาษที่มิซากิเซ็นเสร็จแล้วให้ซามิยะเซ็นต่อ และเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อยอากาเสะก็เก็บกระดาษแผ่นนั้นเข้ากระเป๋าเสื้อด้านในของเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

    “เอาล่ะ ต่อจากนี้ไปก็ขอให้พวกเธอทำงานในสภานักเรียนอย่างเต็มความสามารถด้วยนะ”

    “เย้! เราจะได้เข้าร่วมสภานักเรียนกับอากาเสะแล้ว”

    “ดะ..เดี๋ยวก่อน!! เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ”

    สิ้นคำพูดของอากาเสะ ซามิยะก็ร้องดีใจออกมาทันที ต่างกับมิซากิที่ตอนนี้ตกใจจนลุกขึ้นยืนแทบไม่ทัน เธอรีบยกมือขึ้นห้ามอากาเสะทันทีเมื่อได้ฟังคำพูดของเธอจบ

    สีหน้าของมิซากิดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เธอรู้สึกเหมือนกับจะวูบไปพักหนึ่งตอนที่เธอได้ยินคำพูดของอากาเสะว่าเธอกำลังจะได้เป็นหนึ่งในแรงงานทาสของสภานักเรียน

    “ก็อย่างที่ได้บอกไปนั้นแหละ ตอนนี้เธอได้เป็นสมาชิกของสภานักเรียนแล้วดีใจด้วยนะ”

    ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของอากาเสะไม่ได้ช่วยทำให้มิซากิรู้สึกดีขึ้นมาได้เลยแม้แต่น้อย

    “ระ..หรือว่าที่เธอให้ฉันเซ็นนั้นก็”

    “ใช่แล้วล่ะ นั้นคือเอกสารยืนยันว่าเธอเป็นหนึ่งในสมาชิกสภานักเรียนของฉันแล้ว”

    อากาเสะพูดออกมาด้วยความดีใจ เธอรู้สึกดีมากที่ได้เพื่อนทั้งสองคนมาทำงานอยู่ด้วยกันในสภานักเรียน

    “ดีใจด้วยนะมิซากิ ทีนี้พวกเราก็จะได้เล่นด้วยกันเหมือนเดิมแล้ว”

    ซามิยะกล่าวออกมาอย่างดีใจเมื่อรู้ว่าทุกคนจะได้กินเที่ยวเล่นและทำกิจกรรมด้วยกันอย่างสนุกสนานอีกครั้งเหมือนกับตอนมัธยมต้นหรือตอนประถมที่พวกเธอมักอยู่กลุ่มเดียวกันเสมอ

    มิซากิที่เริ่มเข้าใจทุกอย่างแล้วก็ถึงนิ่งไปสักพักก่อนที่จะถอนหายใจออกมา

    “เฮ่ย...ช่วยไม่ได้นะ ยังไงฉันก็เซ็นไปแล้วนิ”

    มิซากิตอบออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ในความจริงแล้วทั้งอากาเสะและซามิยะต่างรู้ดีว่ามิซากินั้นดีใจมากแค่ไหนที่ได้อยู่และทำกิจกรรมด้วยกันอีกครั้ง

    “แหม่ มิซากินี้ก็ชอบปากไม่ตรงกับใจตัวเองตลอดเลยนะ ดีใจที่ได้อยู่ด้วยกันก็บอกมาเถอะน่า”

    ซามิยะอดที่จะพูดออกมาไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางดีใจที่ดูขัดกับคำพูดของมิซากิ

    “อิอิ มิซากิก็เป็นแบบนี้อยู่ตลอดนั้นแหละ”

    อากาเสะเอ่ยออกมาอย่างยิ้มแย้ม จนมิซากิเริ่มที่จะอายมากขึ้นแล้วหลังจากโดนเพื่อนพ้องร่วมด้วยช่วยกันเผาตัวเองในระยะประชิด

    “ฉะ..ฉันไม่ได้เป็นสาวซึนเดเระซะหน่อย!!”

    มิซากิได้แต่ร่ำร้องออกมาท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนๆของเธอ


    ที่หน้าประตูทางเข้าสวนสนุกฮาสึโนะดูตื่นเต้นมากที่ได้มาสวนสนุกที่ใหญ่แบบนี้เป็นครั้งแรก เธอมองดูภาพเครื่องเล่นต่างๆที่กำลังทำงานอยู่อย่างแปลกตาปนตื่นเต้น แววตาของเธอดูระยิบระยับจนเหมือนกับประกายเพชรสีน้ำผึ้งที่กำลังเปล่งแสงสีสว่างสดใส

    “ฮาสึโนะไปกันเถอะ ฉันได้ตั๋วมาแล้ว” เรนอิจิพูดขึ้นหลังจากที่ได้ซื้อตั๋วมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว

    “อืมแล้ว...เราต้องไปทางไหนก่อนดีล่ะ?”

    ฮาสึโนะที่เห็นทางแยกมากมายอยู่ตรงหน้าก็เริ่มหนักใจ เพราะถ้าให้เธอเดินเองเธอคงจะไม่แคล้วที่จะเดินหลงทางอยู่ในสวนสนุกแห่งนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงหันไปสอบถามเรนอิจิที่น่าจะเคยมาที่นี้แล้วก่อนหน้าเธอ

    “ไม่รู้สิ ฉันเองก็เพิ่งเคยมาที่นี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน”

    เรนอิจิพูดพร้อมกับมองภาพภายในสวนสนุกแห่งนี้อย่างแปลกตา เพราะนี้ก็เป็นครั้งแรกของเขาเหมือนกันที่ได้มาเห็นของแบบนี้

    “นี้นายจะตอบให้มันมีความรับผิดชอบกว่านี้หน่อยได้ไหม? ไหนบอกว่าจะพาฉันมาเดินเที่ยวสวนสนุกไง แล้วนี้อะไรมาถึงก็จะพาฉันเดินหลงซะแล้วเหรอ”

    “ไม่หลงหรอกน่า ฉันมีแผนที่อยู่นี้แล้วไงไม่เห็นเหรอ”

    เรนอิจิตอบกลับทันทีพร้อมกับกางแผนที่ที่ได้รับมาตอนซื้อตั๋วขึ้นมาดู ภาพข้างในนั้นคือภาพของเครื่องเล่นมากมายพร้อมกับเส้นทางที่เขียนบอกเอาไว้อย่างละเอียด

    “ไหนๆ ขอฉันดูบ้างสิ”
    ฮาสึโนะรีบยื่นหน้าเข้าไปดูแผนที่ในมือของเรนอิจิทันที โดนไม่สนใจเลยว่าใบหน้าของเธอกับเขาตอนนี้นั้นจะใกล้กันมากแค่ไหน

    “เอาเธอเลือกเอาเองเลยล่ะกัน”

    สุดท้ายเรนอิจิก็จำต้องยอมปล่อยแผนที่ในมือให้กับฮาสึโนะไป เพราะมันไม่เป็นการดีแน่ถ้าเขายังคงยืนอยู่ใกล้ๆฮาสึโนะแบบนี้ เพราะกลิ่นหอมจากร่างกายของเธอนั้นก็ใช่ว่าเขาจะสามารถหักห้ามใจของตัวเองเอาไว้ได้ตลอดเวลาซะเมื่อไร

    และถ้าเกิดเขาหลุดการกระทำอะไรออกไป มันคงจะไม่เป็นการดีแน่ที่เขาจะต้องลงมือทำอะไรกับเธอตรงนี้ ตรงที่มีผู้คนเดินพลุกพล่านไปมามากมาย

    “อืม... จะไปที่ไหนก่อนดีนะ”

    ฮาสึโนะมองดูแผนที่ในมือด้วยความลังเลใจ เพราะเครื่องเล่นที่แสดงอยู่ในแผนที่นั้นมีมากมายเหลือเกิน และไม่ว่าอันไหนมันก็ดูน่าสนุกด้วยกันทั้งนั้น จนเธอเลือกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้จะเล่นเครื่องเล่นอันไหนก่อนดีเป็นอันดับแรก

    “เอาเป็นอันนี้ก่อนก็แล้วกัน”

    เมื่อตัดสินใจได้แล้วฮาสึโนะก็เอ่ยชวนเรนอิจิไปต่อทันที

    “ไปกันเถอะ วันนี้ฉันจะเล่นมันให้ครบทุกอย่างเลย”

    ว่าแล้วฮาสึโนะก็จับมือเรนอิจิออกวิ่งทันที จนแม้แต่เรนอิจิเองก็ยังต้องตกใจในการกระทำของเธอที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

    “นี้ช้าๆหน่อยก็ได้”

    “ไม่ได้หรอก เดี๋ยววันนี้จะเล่นได้ไม่ครบ”

    ฮาสึโนะไม่ฟังคำเตือนของเรนอิจิและยังคงวิ่งตรงไปยังจุดหมายที่เป็นเครื่องเล่นอันดับแรกของเธอที่ได้เลือกเอาไว้

    ******

    “เรนอิจิ นายแน่ใจนะว่ามันปลอดภัยนะ”

    ตอนนี้ฮาสึโนะกำลังนั่งอยู่บนเครื่องเล่นที่มีชื่อว่ามังกรเหิน วิธีเล่นมันก็แค่คุณขึ้นไปนั่งอยู่บนตัวเครื่องเล่นที่ออกแบบมาให้คลายกับตัวมังกรที่มีที่นั่งยาวตั้งแต่หัวไปถึงหาง ซึ่งถ้าเครื่องเริ่มเดินมันก็จะบินขึ้นแล้วพุ่งชนไปมาภายในโดมลูกแก้วขนาดใหญ่อย่างไม่มีทิศทาง

    ตอนแรกที่ฮาสึโนะขึ้นมาก็เพราะเธอเห็นว่ามันน่าสนุกดีที่ได้ลองขี่มังกรบินเล่นดู แต่ว่าหลังจากที่เธอได้หย่อนก้นลงนั่งบนเบาะแล้วเธอก็รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยของมันขึ้นมายังไงก็ไม่รู้

    “ไม่รู้สิ ฉันเองก็ไม่เคยเล่นมันเหมือนกัน”

    เรนอิจิที่นั่งอยู่ด้านข้างตอบออกมาอย่างหน้าตาย จนฮาสึโนะอยากที่จะหยิบกระบี่ออกมาตัดคอเรนอิจิทันทีให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำไม่ได้เพราะวันนี้เธอไม่ได้หยิบกระบี่ติดตัวมาด้วย ดังนั้นวันนี้จึงเป็นโชคดีของเรนอิจิไปที่ไม่ได้ถูกเธอตัดหัวทิ้งไปซะก่อน

    กึกๆๆ!!

    เสียงตัวเครื่องที่เป็นค่อยๆลอยขึ้นบนฟ้าทำให้ฮาสึโนะระทึกใจเป็นที่สุด จนเธออดคิดไม่ได้ว่าทำไมเธอต้องมานั่งเสี่ยงตายอยู่บนเครื่องเล่นบ้าๆนี้ด้วยทั้งๆที่แค่มีชีวิตอยู่บนพื้นดินเฉยๆมันก็ดีอยู่แล้ว

    “กลัวเหรอ?”

    เรนอิจิถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าฮาสึโนะมีท่าทางที่ไม่สู้ดีนักหลังจากที่ตัวเครื่องเริ่มลอยขึ้นเหนือพื้น

    “มะ..ไม่กลัวสักหน่อย ใครว่าฉันกลัว”

    ฮาสึโนะรีบตอบปฏิเสธทันที ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกกลัวแต่เธอก็ไม่อยากยอมรับหรอกว่าเธอกลัว

    “อืม..แต่ฉันกลัวนะ ช่วยจับมือฉันเอาไว้หน่อยสิ”

    เรนอิจิเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มจนน่าตบ

    ‘นี้ตกลงนายกลัวจริงๆใช่ไหมเนี้ย?’ ฮาสึโนะได้แต่คิดอยู่ในใจเมื่อได้เห็นหน้าตาที่ยิ้มระรื่นของเรนอิจิ

    “ถ้านายกลัวขนาดนั้นฉันจะให้นายจับมือเพื่อเอาบุญก็แล้วกัน”

    ฮาสึโนะยื่นมือออกไปพร้อมกับพูดออกมาอย่างถือดีจนเรนอิจิอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

    “อืม รบกวนด้วยล่ะ”

    ทันทีที่มือของเรนอิจิสัมผัสลงบนมือของฮาสึโนะความตื่นเต้นจากความกลัวของเธอก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นความรู้สึกตื่นเต้นจากการได้จับมือกับเรนอิจิไปในทันที

    ถึงแม้ว่าความรู้สึกตื่นเต้นทั้งสองนั้นจะใกล้เคียงกันมากแต่ฮาสึโนะกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่เลย มันไม่ใช่ความรู้สึกตื่นเต้นแบบก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าความรู้สึกนี้จะเกิดขึ้นมาจากความกลัวในตอนแรกก็ตามที แต่ว่าตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ซึ่งฮาสึโนะเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมความรู้สึกของเธอถึงเปลี่ยนมากลายเป็นแบบนี้ไปได้

    “นะ..นี้ เรนอิจินายจับมือฉันแน่นไปแล้วนะ”

    ฮาสึโนะเอ่ยขัดขึ้นมาอย่างประหม่าเมื่อรู้สึกว่าเรนอิจิจับมือของเธอแน่นเกินไป

     “ก็ฉันกลัวนิน่า เลยต้องจับมือของเธอเอาไว้แน่นๆ”

    เรนอิจิตีลูกเซ่อและแกล้งทำเนียนจับมือของฮาสึโนะต่อไป เพราะรู้ว่าฮาสึโนะต้องรู้สึกกลัวมากแน่ๆถ้าเครื่องเล่นนี้เริ่มออกตัว

    ไม่ทันจบคำเครื่องเล่นนี้ก็พุ่งเข้าชนกับกำแพงโดมลูกแก้วทันที

    แก๊งๆๆๆ!!!

    เสียงตัวเครื่องวิ่งชนไปมาอยู่ภายในโดมลูกแก้วด้วยความเร็วสูงอย่างน่าหวาดเสียว

    “กรี๊ดๆๆๆ”

    เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆทั้งหลายดังขึ้นตลอดเวลาที่เครื่องเล่นชิ่งไปมาภายในโดนลูกแก้ว แรงสั่นสะเทือนของมันแทบจะทำให้หัวใจของฮาสึโนะหยุดเต้น แต่สักพักไม่นานเธอก็เริ่มที่จะชินกับมันและร้องตะโกนออกมาอย่างสนุกสนานตลอดเวลาที่นั่งอยู่บนเครื่องเล่นมังกรเหิน

    “ฮ่าๆๆ สนุกจังเลย”

    ถึงแม้ฮาสึโนะจะลงมาจากเครื่องเล่นนั้นแล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกสนุกกับมันอยู่เลย ซึ่งต่างจากเรนอิจิที่ตอนนี้มีใบหน้าที่ดูหมองคล้ำเพราะอาการเมาเครื่อง

    “อะไรกันแค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอ? อ่อนแอชะมัด”

    ฮาสึโนะพูดจาถากถางเรนอิจิทันทีที่เห็นสีหน้าที่ดูไม่ค่อยดีของเขา

    “ก็ช่วยไม่ได้นิ ฉันเองก็เพิ่งจะรู้ตัวนี้แหละ ว่าฉันแพ้เครื่องเล่นแบบนี้”

    เรนอิจิพูดออกมาอย่างพะอืดพะอม แต่ก็ไม่ถึงกับอยากที่จะอ้วกออกมา เพราะมันเป็นอาการที่คล้ายๆกับอาการมึนหัวซะมากกว่า ซึ่งแค่ให้โอกาสเขาได้นั่งพักสักครู่ก็หายแล้ว

    แต่มีหรือที่ฮาสึโนะจะให้เรนอิจิได้นั่งพัก เธอนะไม่เคยมีความเห็นอกเห็นใจต่อเรนอิจิอยู่แล้ว

    “ไปได้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่ทันเล่นเครื่องเล่นต่อไปหรอก”

    ฮาสึโนะที่ได้วางตารางการเดินทางเอาไว้เรียบร้อยแล้วเอ่ยต่อเรนอิจิโดยไม่สนใจว่าเขาจะยังมีอาการเมาเครื่องอยู่หรือไม่

    “นี้! ขอฉันพักหน่อยได้ไหม สัก5นาทีก็ยังดี”

    เรนอิจิพยายามเอ่ยขอต่อฮาสึโนะ แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อเธอตีหน้ายักษ์ใส่และตอบปฏิเสธเสียงแข็ง

    “ไม่ได้ๆ เดี๋ยวตารางของฉันก็เลื่อนไปหมดนะสิ เอารีบไปได้แล้วเวลายิ่งน้อยๆอยู่”

    พูดเสร็จฮาสึโนะก็ลากคอเรนอิจิไปที่อื่นต่อทันที แต่ในใจของเธอก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ เมื่อได้เห็นท่าทางที่อิดออดของชายหนุ่มคู่พันธสัญญาของเธอ

    และวันนี้เธอจะทำให้เรนอิจิต้องคลานไปกับพื้นให้ได้ เพื่อที่จะได้สาสมกับการที่ได้มาบังคับเธอทำพันธสัญญาเชื่อมวิญญาณอย่างไม่ขออนุญาต ถึงแม้ว่ามันจะมีเหตุจำเป็นแต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้สึกโกรธที่เขามาชิงจูบแรกของเธอไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวแบบนี้

    หลังจากที่ฮาสึโนะลากตัวเรนอิจิไปทรมาทรกรรมตามเครื่องเล่นหวาดเสียวต่างๆอยู่นาน ในที่สุดเธอเองก็เริ่มที่จะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เพราะถึงจะสนุกมากแค่ไหนแต่ถ้าไม่ได้หยุดพักซะบ้างก็จะรู้สึกเหนื่อยได้เหมือนกัน ดังนั้นฮาสึโนะจึงเลือกที่จะนั่งพักกินข้าวเที่ยงที่ศูนย์อาหารภายในสวนสนุกแห่งนี้ก่อนที่เธอจะออกไปเล่นเครื่องเล่นภายในสวนสนุกนี้ต่อตามโปรแกรมที่เธอได้วางเอาไว้

    “ฮ้าาา สดชื่นขึ้นเยอะเลย”

    หลังจากที่ได้ดูดน้ำปั่นแสนหวานรสผลไม้รวมเข้าไปฮาสึโนะก็รู้สึกสดชื่นแบบสุดๆ ช่วงเช้าที่ผ่านมาฮาสึโนะรู้สึกสนุกมากที่ได้ลองเล่นเครื่องเล่นตามจุดต่างๆของสวนสนุก

    ต่างกับเรนอิจิที่ตอนนี้รู้สึกคลื่นไส้อย่างรุนแรง และเขาอยากให้การทรมานนี้สิ้นสุดลงสักที เพราะถ้าปล่อยให้มันนานไปกว่านี้เขาคงจะอ้วกแตกอ้วกแตนเป็นแน่

    “เฮ่ย...ในที่สุดก็ได้พักสักที นึกว่าจะได้ตายจริงๆซะแล้ว”

    เรนอิจิเอ่ยออกมาด้วยอาการป้อแป้ยังกับคนหมดแรง เขาทรุดหน้าลงกับโต๊ะทันทีที่มาถึงสวนอาหารแห่งนี้ เขาอยากจะรู้จริงๆว่าฮาสึโนะเอาแรงมาจากไหนถึงได้เล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวมากมายสิบกว่าเครื่องได้โดยที่ไม่เป็นอะไรเลย

    ต่างกับเขาที่ต้องทำหน้าพะอืดพะอมอยู่ตลอดเวลาที่ขึ้นไปนั่งเครื่องเล่นชนิดใหม่ ซึ่งแต่ละอย่างที่ฮาสึโนะเลือกมันก็เป็นอะไรที่เขาแพ้ทางด้วยกันทั้งสิ้น จนเขาอดรู้สึกไม่ได้ว่าความสนุกของฮาสึโนะนั้นไม่ได้มาจากเครื่องเล่นต่างๆที่เธอขึ้นไปเล่น แต่มาจากการที่เขาต้องนั่งทุกข์ทรมานอยู่กับเครื่องเล่นพวกนี้ต่างหาก

    “เอาดื่มสิ อร่อยนะ”

    ฮาสึโนะยื่นแก้วน้ำปั่นผลไม้รวมให้กับเรนอิจิอย่างอารมณ์ดี เพราะในใจเธอก็นึกสงสารเขาอยู่เหมือนกันที่ต้องมาเดินตามเธอต้อยๆเหมือนกับศพเดินได้แบบนี้ แต่ยังไงซะวันนี้เธอก็จะลากเขาไปแบบนี้ทั้งวันนั้นแหละ ก็นะเธอยังไม่ได้หายโกรธเขาเลยนิน่า

    เรนอิจิที่เห็นฮาสึโนะยื่นแก้วน้ำปั่นให้ก็อดที่จะมองดูเธอด้วยสายตาที่แปลกไปจากเดิมไม่ได้ เขารู้สึกแปลกใจมากที่อยู่ดีๆฮาสึโนะก็เกิดใจดีขึ้นมาแบบนี้ แล้วนี้ก็ไม่ใช่การใจดีแบบธรรมดาๆซะด้วย ก็แน่ล่ะเธอเล่นให้เขาดื่มน้ำจากแก้วเดียวกันกับเธอเลยนี้น่า

    ‘หรือว่านี้จะเป็นกับดัก’ เรนอิจิคิดอยู่ในใจ ก่อนที่จะเอ่ยถามฮาสึโนะด้วยความหวาดระแวงแบบสุดๆ

    “ฮาสึโนะ เธอจะให้ฉันดื่มจริงๆเหรอ?”

    เรนอิจิถามเพื่อความแน่ใจ เพราะการที่จะให้ไปดื่มน้ำแก้วเดียวกันกับฮาสึโนะนั้นมันก็ทำให้เขาอดที่จะคิดว่ามันเป็นจูบทางอ้อมไม่ได้ ถึงแม้เขาจะเคยจูบจริงมาแล้ว แต่ว่าจูบทางอ้อมนั้นมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ

    “ก็ใช่นะสิทำไมเหรอ?”

    “นี้เธอไม่คิดว่ามันเป็นจูบทางอ้อมบ้างเลยหรือไง”

    ฮาสึโนะที่เพิ่งจะรู้สึกตัวก็อายขึ้นมาทันที เธอรีบลุกขึ้นยืนและยื่นมือออกไปคว้าจับแก้วน้ำปั่นนั้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ทันเรนอิจิที่รู้ตัวก่อนและจัดการคว้าแก้วน้ำนั้นมาก่อนที่มือของฮาสึโนะจะได้สัมผัสถูกมัน

    พอเรนอิจิคว้าแก้วน้ำปั่นนั้นไปได้ ฮาสึโนะก็ได้แต่ยืนมองแก้วน้ำปั่นในมือของเรนอิจิอย่างเจ็บใจ เธอไม่นึกเลยว่าการแค่การดื่มน้ำแก้วเดียวกันมันจะกลายเป็นจูบทางอ้อมไปได้ และถ้าเธอรู้ความหมายของมันก่อนหน้านี้แล้วละก็ เธอคงจะไม่ใจดียื่นแก้วน้ำปั่นให้กับเรนอิจิเป็นแน่

    “เอาคืนมานะ!”

    ฮาสึโนะยื่นมือออกไปทวงแก้วน้ำปั่นจากเรนอิจิ แต่เขาก็ส่ายหน้าปฏิเสธและดูดแก้วน้ำปั่นรสผลไม้รวมนั้นทันที เขาดูดแล้วก็ดูดอีกและดูดมันจนหมดแก้วไม่เหลือทิ้งไว้สักหยด

    ฮาสึโนะได้แต่นั่งมองตาค้าง เรนอิจิดื่มน้ำปั่นแก้วนั้นผ่านหลอดที่ฮาสึโนะเคยใช้ไปแล้วจนหมดแก้วไม่มีเหลือ

    “อร่อยดีนะ หวานสุดๆไปเลยล่ะ”

    เรนอิจิเอ่ยเสียงหวานพร้อมกับเช็ดรอยน้ำที่เลอะอยู่ตรงริมฝีปาก ความหวานของน้ำปั่นที่ผ่านรอยจูบของฮาสึโนะทำให้เรนอิจิรู้สึกสดชื่นขึ้นมากจนหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

    “เรนอิจิ!! นายตาย!!”

    ฮาสึโนะที่ทั้งอายทั้งโกรธก็พุ่งเข้าใส่เรนอิจิทันที แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้จับตัวเรนอิจิ เรนอิจิก็ลื่นเป็นปลาไหลหลบหลีกมือของฮาสึโนะไปซะแล้ว

    “ฮึ!? อะไรๆ อยากได้หรือ ไม่ให้หรอก”

    เรนอิจิพูดพร้อมกับสะบัดแก้วน้ำโชว์ให้ฮาสึโนะดู แต่ยังไม่ทันที่เรนอิจิจะได้ทันตั้งตัว ฮาสึโนะที่เคยอยู่ข้างหน้าเขาก็ได้หายไปแล้วพร้อมกับภาพข้างหน้าของเขาที่เปลี่ยนไปเป็นภาพของท้องฟ้า ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นภาพของพื้นอิฐข้างล่าง

    “อัก!!”

    เรนอิจิโดนจับทุ่มและกดลงกับพื้นอย่างรุนแรงโดยฮาสึโนะ และแก้วน้ำที่ลอยอยู่กลางอากาศก็กลับมาสู่มือของฮาสึโนะพร้อมๆกับที่เธอจับกดเรนอิจิเอาไว้




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×