คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #53 : ตอนที่ 52 งานหมั้น
ตอนที่ 52
งานหมั้น
สำหรับหลายคนอาจจะรู้สึกตื่นเต้นไปกับข่าวบนเว็บไซต์ของหลินกุ่ย แต่ว่าทั้งหมดนั้นคงจะไม่ใช่สำหรับคนของตระกูลชิชิโดที่ถูกเปิดเผยแผนการทั้งหมดของพวกเขาออกมาบนเว็บไซต์
ซึ่งหลินกุ่ยก็ไม่มีทางปล่อยให้คนที่มาจิ้มพุงเธอได้นอนตายตาหลับอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงจัดการใส่สีตีไข่ปาใส่ให้กับตระกูลของอันดะอย่างเต็มที่ราวกับว่าพวกเขานั้นคือตัวร้ายในบทละครนี้ของเธอ
และแล้วผลสัมฤทธิ์มันก็ค่อนข้างที่จะออกมาดี เมื่อตระกูลต่างๆเริ่มที่จะทอดทิ้งตระกูลชิชิโดเพื่อไม่ให้ตระกูลของตัวเองต้องเสื่อมเสียตามไปด้วย ทั้งๆที่ตอนแรกพวกเขาก็เห็นดีเห็นงามและเข้าร่วมวงกับอันดะในตอนแรกด้วยกันทั้งนั้น
แต่เมื่อแผนการทั้งหมดล่มสลายและโดนประชาชนกลบด่า พวกเขาก็เลือกที่จะทอดทิ้งตระกูลชิชิโดไปอย่างไม่แยแส
ในคฤหาสน์ตระกูลชิชิโด ท่ามกลางงานศพที่เงียบเหงาไร้ซึ่งแขกผู้เข้าร่วมงาน เพราะทุกตระกูลนั้นต่างก็ตัดสัมพันธ์กับตระกูลชิชิโดไปจนหมด
ส่วนคนในตระกูลนั้นส่วนใหญ่ก็แยกย้ายกันไปแล้ว เมื่อรู้ว่าอันดะและยอดฝีมือทั้งหมดของตระกูลตาย มันเป็นเหมือนกับฝูงลิงที่แยกย้ายกันไปหาต้นไม้ใหม่ หลังจากที่ต้นไม้เก่าที่มันเกาะกินตาย
จะเหลือก็แค่คนเก่าคนแก่ของตระกูลที่อยู่มานาน และคนรับใช้ไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่ร่วมงานศพของอันดะ
ทางด้านมินะลูกสาวเพียงคนเดียวของอันดะ หลังจากที่พ่อของเธอตาย โลกทั้งใบของเธอก็เหมือนกับได้พังทลายลงมา เพื่อนฝูงในสังคมชั้นสูงของเธอก็ได้ตัดสัมพันธ์กับเธอทั้งหมด มือถือของเธอนั้นไม่สามารถติดต่อกับใครได้เลยสักคน ทุกคนต่างก็ไม่ยอมรับสายของเธอ
และที่ทำให้เธอช็อกมากที่สุดก็คือจดหมายถอนหมั้นอย่างเป็นทางการจากตระกูลฮายาชิที่มีลายเซ็นชื่อของโคเฮคนรักของเธอ
งานแต่งงานแห่งความฝันของเธอถูกเปลี่ยนเป็นงานศพ ชุดสีขาวบริสุทธิ์ของเจ้าสาวถูกย้อมให้กลายเป็นสีดำแห่งความทุกข์
มินะอยู่ในงานศพของพ่อเธอพร้อมกับขอบตาดำจากการอดนอน และดวงตาสีแดงจากการร้องไห้อย่างหนักจนตอนนี้เธอไม่มีน้ำตาให้ไหลอีกแล้ว
ทุกคนต่างเดินไปหน้าโลงศพของอันดะพร้อมกับกล่าวลาผู้จากไป และเมื่อผ่านไปจนครบ ในที่สุดก็ถึงคราวของเธอ
มินะเดินเข้าไปพร้อมกับจ้องมองรูปภาพตัวแทนของพ่อ ก่อนที่จะกล่าวออกมาเสียงเบา
“ป๊ะป๋า นอนหลับให้สบายนะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงต่อจากนี้ไปหนูจะเป็นคนดูแลตระกูลชิชิโดเอง หนูจะทำให้ตระกูลชิชิโดกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง...หนูสัญญา”
มินะหลับตาลงก่อนที่เธอจะตัดสินใจหยิบมีดสั้นขึ้นมาและจัดการตัดผมของตัวเอง
“คุณหนู!!”
“คุณหนู!!”
คนรับใช้และคนที่อยู่ในงานต่างก็ตกใจที่เห็นมินะตัดผมที่ยาวของตัวเองออก
“ทุกคนจงฟัง!! ต่อจากนี้ไปฉันคือผู้นำตระกูลชิชิโด ฉันจะทำให้ตระกูลชิชิโดกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง และจะไม่ให้ใครมาดูถูกพวกเราได้อีก”
มินะพูดพร้อมกับระเบิดคลื่นพลังของเธอออกมา มันเป็นคลื่นพลังระดับที่แม้แต่สิบยอดฝีมือของญี่ปุ่นก็เทียบไม่ติด มันน่าจะเป็นระดับที่เกินขอบข่ายของมนุษย์ไปแล้ว
“โอ้...สวรรค์”
“ไม่น่าเชื่อว่าตระกูลของเราจะหลบซ่อนผู้มีอัจฉริยะระดับนี้เอาไว้”
“คุณหนู..ไม่สิต้องเรียกว่านายหญิงแล้วสินะ”
“อ่าาาา ตระกูลชิชิโดจะต้องกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง”
ทุกคนต่างมองไปที่มินะผู้นำคนใหม่ของตระกูลชิชิโดอย่างมีความหวัง
มินะนั้นได้หลบซ่อนพลังของตัวเองเอาไว้มาโดยตลอด เพราะเธออยากจะเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาที่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่ตอนนี้เธอได้รู้แล้วว่าถ้าเธอไม่แข็งแกร่งเธอก็จะถูกกิน เสือถ้าได้ลงจากภูเขาแม้แต่สุนัขข้างถนนก็ยังรุมกัด โลกนี้ไม่ได้มีที่เอาไว้ให้สำหรับคนอ่อนแอ
มันจบแล้วสำหรับมินะคนเก่าที่อยู่กับความฝันของเด็กผู้หญิง และตอนนี้เธอจะกลายเป็นมินะคนใหม่ที่ทุกคนในญี่ปุ่นจะต้องยอมสยบให้กับเธอ
******
และแล้วในที่สุดงานหมั้นของเรนอิจิและฮาสึโนะก็มาถึง แต่ถึงจะเรียกว่างานหมั้น แต่โดยรวมแล้วสมควรเรียกว่างานเทศกาลหรืองานเลี้ยงสังสรรค์จะดีกว่า
เพราะในวันนี้นั้นเรนอิจิเปิดให้คนธรรมดาทั่วไปสามารถเข้ามาเที่ยวชมและกินเลี้ยงกันในพื้นที่ส่วนล่างได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
และมันก็ทำให้ผู้คนสนใจมาก เพราะจะได้มาเที่ยวชมสวนต้นไม้ดอกไม้ทั้งสี่ฤดูที่ขึ้นชื่อของตระกูลยูโนะซากิ และไม่ใช่เท่านั้นเรนอิจิยังให้พ่อค้าแม่ค้าสามารถตั้งร้านในพื้นที่ได้ ซึ่งในตอนแรกเรนอิจิก็นึกว่าพวกเขาคงจะเข้ามาขายของกันนิดหน่อยๆตามข้างทาง
แต่ที่ไหนได้อยู่ๆดีมันก็กลายมาเป็นงานเทศกาลไปซะงั้น จนเรนอิจิก็ได้แต่ตามน้ำและจัดมันเป็นงานเทศกาลไป
งานหมั้นของเรนอิจิและฮาสึโนะนั้นถูกจัดขึ้นในเวลากลางคืนหลังจากที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ส่วนพื้นที่จัดงานนั้นก็อยู่ด้านบนภูเขาที่ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ตั้งของคฤหาสน์
แต่สภาพโดยรวมของงานหมั้นนั้นแทบที่จะเรียกได้ว่าเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ซะมากกว่า เพราะทันทีที่เริ่มงานทุกคนก็ต่างดื่มฉลองกันอย่างเต็มที่
พ่อของฮาสึโนะเองก็เริ่มที่จะดื่นอย่างหนักทันทีที่เริ่มงานพร้อมกับบ่นพึมพำกับตัวเอง ซึ่งฮาสึโนะก็รู้ว่าพ่อของเธอนั้นกำลังบ่นถึงเรื่องของเธออยู่
และไม่รู้ว่าพ่อของเรนอิจิเขาคิดยังไงถึงได้เข้าไปร่วมวงเมาด้วย แต่ดูแล้วทั้งคู่นั้นกลับดูแตกต่างกันซะเหลือเกิน เพราะคนหนึ่งดื่มไปพร้อมกับก้มหน้าทุบโต๊ะไปด้วยความทุกข์ใจที่ไม่อาจจะบอกใครได้ ส่วนอีกคนหนึ่งก็ดื่มไปส่งเสียงหัวเราะไปด้วยความสุขใจตลอดเวลาที่ได้ดื่ม
อะไรมันจะแตกต่างกันขนาดนั้น ฮาสึโนะคิดขณะที่มองดูคนทั้งคู่ร่วมดื่มไปด้วยกัน
"ไง... ฮาสึโนะเป็นยังไงบ้าง? ว่าแต่...วันนี้เธอแต่งตัวสวยดีนะ"
มิซากิพูดขึ้นทันทีที่เดินเข้ามาหาฮาสึโนะ ซึ่งแน่นอนว่าชุดในวันนี้ของฮาสึโนะนั้นก็คือชุดกิโมโนสีสดใสที่เน้นไปทางลวดลายที่ดูสูงส่งและงดงาม ผมของฮาสึโนะเองก็ถูกจัดขึ้นมาไว้ข้างบนอย่างเรียบร้อย ส่วนใบหน้าของเธอนั้นก็ไร้กรอบแว่นเพราะโดนยึดไปแล้วและให้เธอใส่คอนแทคเลนส์แทน
"เธอเองก็ดูน่ารักดีนะมิซากิ"
ฮาสึโนะมองดูมิซากิที่แต่ตัวเหมือนกับเด็กผู้ชายพร้อมกับกล่าวชม และไม่ทันไรด้านหลังของมิซากิเองก็มีอากาเสะ ซามิยะ และโทโมเอะเดินเข้ามาทักทายด้วย
"สวัสดีฮาสึโนะ"
"สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีค่ะคุณฮาสึโนะ"
อากาเสะนั้นแต่งตัวอยู่ในชุดกิโมโนที่ดูเรียบร้อยและเข้ากับตัวเธอเอง ส่วนซามิยะนั้นอยู่ในชุดเดรสสั้นที่ดูธรรมดาๆและเห็นได้ทั่วไป
ทางด้านของโทโมเอะนั้นเธอแต่งชุดเสื้อและกระโปรง แต่ถึงแม้ว่าส่วนกระโปรงของเธอนั้นจะยาวดูเรียบร้อยและเข้ากับงาน แต่ชุดเสื้อกระดุมของเธอนั้นกลับมองดูผิดกฎหมายไปอย่างมากด้วยความแน่นตึงของมันที่เกินขีดจำกัด
"อา สวัสดี"
ฮาสึโนะกล่าวทักทายกลับพร้อมกับส่งยิ้มต้อนรับทุกคน
"แล้วคุณเรนอิจิคู่หมั้นของเธอไปไหนซะแล้วล่ะ ไม่ได้อยู่กับเธอด้วยเหรอ?" อากาเสะถามพร้อมกับหันไปมองรอบๆงานที่มีกลุ่มคนที่เป็นนักปราบผีรวมตัวกันอยู่ แต่เธอก็มองไม่เห็นเรนอิจิอยู่ในบริเวณนั้นเลย
"เออ...ก็พอดีว่าเขาติดงานอยู่นิดหน่อยนะก็เลยขอแยกตัวไปสักพัก” ฮาสึโนะตอบพร้อมกับถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
"ฮึ! คุณเรนอิจินี้ก็แย่จริงๆนะ ที่ปล่อยเธอเอาไว้คนเดียว" มิซากิเองก็กล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจเช่นเดียวกัน เมื่อรู้ว่าเรนอิจิไม่ได้อยู่ข้างๆฮาสึโนะ
"เอาน่า...บางทีงานเขาอาจจะยุ่งจริงๆก็ได้"
อากาเสะกล่าวแก้ตัวให้กับเรนอิจิ เพราะเธอเองก็คิดว่าคนระดับเรนอิจินั้นคงจะต้องมีงานยุ่งอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว
แต่ในระหว่างที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น โทโมเอะกลับดูกระวนกระวายใจ จนในที่สุดฮาสึโนะต้องเอ่ยถามออกมาด้วยความเป็นห่วง
"โทโมเอะ? เธอเป็นอะไรหรือเปล่า"
"เออ...คือว่าฉันรู้สึกเหมือนกับกำลังถูกมองดูด้วยสายตาแปลกๆอยู่นะค่ะ ก็เลยไม่ค่อยจะสบายใจสักเท่าไร" โทโมเอะตอบออกไปพร้อมกับความรู้สึกที่เป็นกังวล
"ฮือ...ยังงั้นเหรอ"
ว่าแล้วทั้งฮาสึโนะ อากาเสะ มิซากิ และซามิยะ ก็เริ่มหันมองไปรอบๆ ซึ่งพวกเธอก็เห็นเหล่าผู้ชายที่กำลังมองมาทางหน้าอกของโทโมเอะอยู่ ถึงแม้พวกเขาบางคนจะแสร้งยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม แต่สายตาของพวกเขานั้นไม่ได้อยู่ห่างไปจากภาพของหน้าอกที่ดูเกินขอบเขตของโทโมเอะไปเลย
"ชิ!!"
"ชิ!!" "ชิ!!"
"ชิ!!"
ทั้งสี่สาวต่างเดาะลิ้นกันออกมาอย่างไม่พอใจทันทีที่รู้ว่าโทโมเอะนั้นรู้สึกไม่สบายใจเพราะเรื่องอะไร ซึ่งแน่นอนว่าสายตาที่ดูไม่พอใจของทั้งสี่คนนั้นก็ทำให้โทโมเอะรู้สึกแปลกใจด้วยเช่นกัน
"อะ...อะไรกันค่ะ"
โทโมะเอะพูดขึ้นพร้อมกับท่าทางที่ดูตื่นตระหนกเมื่อโดนเพื่อนๆของเธอจ้องมองด้วยสายตาแปลกๆที่เต็มไปด้วยความไม่ชอบใจและความอิจฉา
"เฮ้ย...พอเถอะ พวกเราไปหาอะไรกินให้หายแค้นกันดีกว่า"
ฮาสึโนะพูดพร้อมกับดึงของทั้งหลายที่ปักอยู่บนหัวของเธอออกทั้งหมด และจัดการใช้ผ้ารัดผมเป็นหางม้าเอาไว้ข้างหลังแทน
"อืม ฉันก็ว่ายังงั้นแหละ!! ไปกันเถอะ"
"อืม ไปกันเถอะ"
"ใช่แล้วไปหาอะไรกินกันเถอะ"
ว่าแล้วทั้งสี่สาวก็เดินออกไปทันที โดยที่โทโมเอะยังงงๆอยู่และตามเรื่องที่ทุกคนพูดกันอยู่ไม่ทัน
"ดะ...เดี๋ยวก่อนสิค่ะ รอกันด้วยสิค่ะ"
โทโมเอะร้องขึ้นพร้อมกับวิ่งตามพวกฮาสึโนะไปจนทำให้หน้าอกของเธอแกว่งไปมาและเด้งขึ้นลงจนทรมานหัวใจผู้ชายที่มองดูอยู่รอบข้าง
******
ศาลาที่พักชมวิว ณ จุดหนึ่งในงานเลี้ยงสังสรรค์ ที่ซึ่งตั้งอยู่ริมหน้าผาสูงเพื่อให้สามารถมองเห็นแสงสีและโคมไฟที่ส่องสว่างสวยงามอยู่ข้างล่างได้อย่างชัดเจน
ส่วนที่รอบข้างของศาลานั้นก็มีรั้วไม้กั้นป้องกันคนพลัดตกลงไปข้างล่าง ทางด้านภายในศาลานั้นก็มีโต๊ะหินยาวที่ถูกปูผ้าเอาไว้เรียบร้อยพร้อมกับม้านั่งหินทั้งสองข้างที่ถูกปูเบาะนั่งเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วด้วยเช่นกัน
และที่ใจกลางของศาลาหลังนั้นก็ได้มีเฟรนดี้ ยามิ และหลินกุ่ยกำลังนั่งคุยกันอยู่อย่างสนุกสนาน
และแน่นอนว่าเรื่องที่พวกเธอกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นก็คือเรื่องราวและข่าวสารเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่หลินกุ่ยสร้างขึ้นมา ซึ่งหลินกุ่ยก็ได้นำคอมพิวเตอร์แบบพกพาของตัวเองมาเปิดเว็บไซต์ให้กับเฟรนดี้และยามิได้ดู เพราะเธอรู้ว่าทั้งสองคนนี้เป็นพวกไม่ค่อยชอบใช้เทคโนโลยี ดังนั้นจึงไม่มีทางรู้ข่าวพวกนี้ได้อย่างรวดเร็วแน่นอน
แต่ในระหว่างที่พวกเธอทั้งสามคนกำลังนั่งดูภาพของเว็บไซต์บนโต๊ะกว้างที่ถูกฉายออกมาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของหลินกุ่ยอยู่นั้น
ฮาสึโนะและพวกอากาเสะก็เดินมาถึง ในมือของพวกเธอทั้งห้าคนนั้นเต็มไปด้วยอาหารและเครื่องดื่มที่ถูกจัดเรียงเอาไว้ในถาดของแต่ละคนที่ถือมากันคนละ2-3ถาด
"สวัสดีค่ะทุกคน"
อากาเสะเริ่มกล่าวทักทายพร้อมกับรอยยิ้ม และเมื่ออากาเสะเริ่มกล่าวทักทายคนอื่นๆที่เดินตามมาข้างหลังก็เริ่มกล่าวทักทายคนที่อยู่ในศาลาด้วยเช่นกัน
"สวัสดีค่ะ"
"อืม...สวัสดี เข้ามานั่งกันก่อนสิ"
เฟรนดี้กล่าวต้อนรับพร้อมกับเชิญให้ทุกคนเข้ามานั่ง ซึ่งทุกคนก็กล่าวขอบคุณกันอย่างมีมารยาท ต่างกับฮาสึโนะที่เดินมาถึงก็ไม่พูดไม่จาเลือกที่นั่งของตัวเองแล้วนั่งลงทันทีโดยไม่มีความเกรงใจต่อเจ้าของโต๊ะที่นั่งอยู่ก่อนแล้วเลย
"นี่มัน? อะไรนะ"
ฮาสึโนะกล่าวขึ้นมาในขณะที่มองดูภาพที่ฉายอยู่บนโต๊ะหิน ซึ่งในระหว่างนั้นหลินกุ่ยกับยามิก็ขยับตัวและเชิญให้ทุกคนเข้ามานั่งที่เก้าอี้ยาวในแต่ละข้าง
"อืม...ก็เว็บไซต์ข่าวที่ฉันทำขึ้นมานะ แต่ถึงยังงั้นมันก็มีแต่ข่าวของพวกเธอเท่านั้นแหละที่ฉันเอามาลงนะ"
"ฮือ? และมันคือข่าวอะไรล่ะ"
ฮาสึโนะถามต่ออย่างสงสัย เพราะถึงข่าวจะออกไปแล้วแต่ว่าในช่วงเวลาสามสี่วันมานี้ฮาสึโนะก็กำลังวุ่นๆอยู่กับพ่อแม่ของเธอจึงไม่ได้ติดต่อข่าวสารตลอดจนมาถึงวันงาน
"อ่อ!.. เว็บไซต์นี้เองสินะ ก็นึกอยู่แล้วละว่าต้องเป็นคุณหลินกุ่ยแน่ๆที่เอาข่าวพวกนี้มาลง"
อากาเสะตอบออกมาอย่างยิ้มๆ ซึ่งนั่นก็สร้างความสงสัยให้กับฮาสึโนะเข้าไปอีกขั้น จนเธอต้องรีบถามซ้ำอีกครั้ง
"แล้วในเว็บไซต์นี้มันมีอะไรบ้างล่ะ"
"อืม...ก็มีภาพเท่ๆของพวกเราที่ถูกหลินกุ่ยถ่ายเก็บเอาไว้ยังไงล่ะ"
มิซากิตอบออกมาอย่างยิ้มแย้มพร้อมกับยืนเก๊กท่าเหมือนกับพวกซุปเปอร์ฮีโร่ให้เพื่อนๆของเธอได้ดู
"เออ...ฉันว่าเราให้ฮาสึโนะดูไปเลยไม่ดีว่าเหรอ? จะได้เข้าใจไปเลยทีเดียว" อากาเสะแสดงความเห็นออกมา ซึ่งหลินกุ่ยก็พยักหน้าเห็นด้วย
"ฉันก็ว่ายังงั้นแหละ เปิดดูไปพร้อมๆกันเลยจะได้ระลึกถึงความหลังไปด้วย แต่ว่าเราจะเริ่มจากอะไรกันก่อนดีล่ะ?"
หลินกุ่ยสอบถามความเห็นจากทุกๆคน ซึ่งมิซากิก็เป็นคนแรกที่ยกมือและกล่าวขึ้นมาอย่างเสียงดังฟังชัด
"ฉันว่าเริ่มจากรูปเท่ๆของฉันก่อนเลยดีกว่า!!"
"หึหึ.... จะเอายังงั้นก็ได้ จัดให้ตามคำขอ"
ว่าแล้วหลินกุ่ยก็เปิดภาพการตายแบบอเนจอนาถที่สุดของมิซากิที่กำลังถูกพวกร่างเงานั้นแยกร่างและตัดหัวพร้อมกับกระชากพุงให้กับทุกคนได้ดู ซึ่งแน่นอนว่าภาพนี้เป็นภาพลับเฉพาะที่หลินกุ่ยไม่ได้เอาไปลงในเว็บไซต์
"กะ...กะ... กรี๊ด!!"
มิซากิถึงกับกรีดร้องออกมาลั่นพร้อมกับเอามือกุมลำคอและหน้าท้องของตัวเองเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าคนอื่นๆก็หัวเราะไม่ออกเมื่อได้เห็นภาพของมิซากิที่ตายอเนจอนาถที่สุดในกลุ่มของพวกเธอ
"หึหึ เป็นยังไงล่ะภาพสุดเท่ของเธอเลยนะเนี้ย"
ในที่นี้มีแต่หลินกุ่ยและเฟรนดี้เท่านั้นที่ยังสามารถหัวเราะอยู่ได้ ส่วนยามิที่ดูอยู่นั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าพวกเลือดและการกระชากพุงนั้นจะไม่ค่อยทำให้สามสาวพวกนี้รู้สึกอะไรแล้ว
"เอาล่ะ ต่อไปก็ภาพเท่ๆของใครต่อดีล่ะ?"
หลินกุ่ยกล่าวออกมาพร้อมกับยิ้มอย่างชอบใจ ในขณะที่เธอมองไปรอบๆโต๊ะหิน และแน่นอนว่าทุกสายตานั้นต่างก็หันหลบสายตาของหลินกุ่ยกันไปจนหมด
"อะ.. เอาเป็นซามิยะต่อเลยก็แล้วกัน"
อากาเสะจัดการขายเพื่อนสาวออกไปก่อนเป็นคนแรก ซึ่งแน่นอนว่าซามิยะเองก็รีบเร่งขายโทโมเอะต่อไปโดยทันทีอย่างไม่รอช้า
"ภะ... ภาพของฉันไม่ค่อยมีอะไรหรอก เพราะงั้นฉะ...ฉันว่าเปิดภาพของโทโมเอะดูก่อนน่าจะดีกว่านะ"
โทโมเอะที่โดนส่งไม้ต่อก็รีบร้อนโบกมือไปมาเพื่อปฏิเสธอย่างรวดเร็วพร้อมกับรีบพูดขึ้น
"ฉันว่า... ฉันว่า..."
โทโมเอะพยายามที่จะหาคนส่งไม้ต่อ แต่เมื่อเธอมองเห็นสายตาข่มขู่และคุกคามจากคนรอบข้างเธอก็รู้สึกกลัวจนหัวหด
"ฉะ...ฉันว่า ฉันว่า...ต่อไปเป็นฉันก็ดีนะค่ะ"
สุดท้ายโทโมเอะก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมและขึ้นเขียงรอเป็นคนต่อไป
ความคิดเห็น