ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พันธสัญญารักนักปราบผีสาว (ฟรี)

    ลำดับตอนที่ #51 : ตอนที่ 50 พบครอบครัว

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.25K
      19
      30 มิ.ย. 62

    ตอนที่ 50

    พบครอบครัว


    "แม่ค่ะ!! แม่!!"

    ฮาสึโนะพยายามตะโกนร้องเรียกแม่ของตัวเองผ่านโทรศัพท์มือถือ แต่เธอก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรตอบกลับมา จนมันผ่านไปเกือบนาทีเธอจึงได้ยินเสียงพ่อของเธอผ่านทางโทรศัพท์

    "ฮาโล...นี้พ่อเองนะ"

    "ค่ะพ่อ!! แม่เป็นยังไงบ้างค่ะ" ฮาสึโนะรีบร้อนถาม

    "ก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ แม่เขาแค่เป็นลมนิดหน่อยนะ"

    "งะ...งั้นเหรอค่ะ" ฮาสึโนะรู้สึกเบาใจขึ้นมาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

    "ว่าแต่ที่ลูกโทรมาหานี้มีเรื่องอะไรเหรอ?" 

    ผู้เป็นพ่อถามฮาสึโนะ ซึ่งเธอก็สูดหายใจเข้าไปลึกๆก่อนที่จะตอบออกไป

    "เออคือว่า...หนูอยากจะถามว่าสัปดาห์นี้พ่อว่างหรือเปล่าค่ะ?"

    "อืมก็ว่างนะ งานช่วงนี้ก็ไม่ได้ยุ่งอะไร"

    "ถ้ายังงั้นพ่อช่วยบินมาหาแก้วที่ประเทศญี่ปุ่นได้ไหมค่ะ?"

    "เอ๊ะ!! ทำไมล่ะ?" ผู้เป็นพ่อเริ่มรู้สึกสงสัยในคำพูดของลูกสาวตัวเอง

    "ก็พอดีว่าหนูกำลังจะหมั้นกับผู้ชายนะค่ะ เลยว่าจะให้พ่อ...."

    แกล๊บ!!.... ยังไม่ทันที่ฮาสึโนะจะได้พูดอะไรต่อ เธอก็รู้สึกว่ามีเสียงดังแปลกๆที่ปลายสายเหมือนกับเสียงของอะไรสักอย่างแตกออกจากกัน

    "พะ...พ่อค่ะ พ่อ?"

    ฮาสึโนะเองก็เริ่มรู้สึกใจไม่ดีเมื่อเห็นพ่อของตัวเองเงียบไป

    "อืม...ได้สิงานหมั้นของลูกเหรอ? ไปสิ... ไปแน่ พ่อต้องไปแน่นอนอยู่แล้ว"

    ฮาสึโนะรู้สึกเหมือนกับว่าน้ำเสียงของพ่อเธอนั้นดูจะแข็งๆไปกว่าตอนปกติ

    "พ่อค่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า?" ฮาสึโนะถามออกมาด้วยความเป็นห่วง

    "ไม่เป็นไร พ่อสบายดี ลูกช่วยบอกรายละเอียดพร้อมกับสถานที่ให้กับพ่อหน่อยจะได้ไหม?"

    "งะ...งั้นก็ฟังดีๆนะค่ะ เดี๋ยวหนูจะค่อยๆบอกให้ช้าๆ"

    ว่าแล้วฮาสึโนะก็เริ่มบอกรายละเอียดของงานและสถานที่จัดงานให้กับพ่อของเธอ

    และเมื่อคุยจบเธอก็วางสายลง

    "เฮ้ย... นึกว่าพ่อจะต่อต้านการหมั้นของฉันมากกว่านี้ซะอีก"

    ฮาสึโนะกล่าวออกมาพร้อมกับโยนโทรศัพท์ของเธอเข้าไปในช่องมิติแล้วก็นอนแผ่แช่น้ำเหมือนเดิม ความจริงแล้วเธอเองก็อยากจะให้พ่อของเธอทำท่าทางหวงเธอบ้าง แบบว่า...

    ผู้ชายนั้นมันเป็นใครกัน!! เดี๋ยวพ่อจะเอาปืนลูกซองไปยิงหัวมันเอง หรือไม่ก็ มันอยากตายนักใช่ไหม? ที่กล้ามาจีบลูกสาวของพ่อ แล้วทีนี้เธอก็จะได้ไปหลบอยู่ข้างหลังของพ่อพร้อมกับส่งเสียงเชียร์ให้กับเรนอิจิ

    "อา...ทำไมมันไม่เป็นแบบนั้นบ้างนะ" ฮาสึโนะกล่าวพร้อมกับค่อยๆจบตัวลงไปในน้ำ

    "เออ...คุณเฟรนดี้ค่ะ? ฮาสึโนะเป็นอะไรเหรอค่ะ?" ยามินั้นฟังภาษาไทยไม่ออกจึงหันไปถามเฟรนดี้ที่อยู่ข้างๆแทน

    "ก็ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ครอบครัวสุขสันต์กับลูกสาวจอมเพ้อฝันเท่านั้นเอง" เฟรนดี้กล่าวพร้อมกับยกจอกเหล้าขึ้นมาจิบอย่างสบายใจ และมองดูท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ต่อไป

    ******

    3วันหลังจากนั้น

    เที่ยวบินของพ่อกับแม่ของฮาสึโนะก็บินมาถึงที่ประเทศญี่ปุ่น และจอดลงที่สนามบิน

    "เรนอิจิใช่เครื่องลำนี้แน่นะ?"

    ฮาสึโนะร้องถามเรนอิจิอย่างไม่แน่ใจ เพราะเธอรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้เจอพ่อกับแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นแบบนี้

    "ถ้าเป็นตามที่พ่อกับแม่ของเธอบอกนะ ก็เครื่องนี้แหละ" เรนอิจิตอบ

    และในที่สุดฮาสึโนะก็มองเห็นพ่อกับแม่ของเธอที่เดินออกมา

    "คุณพ่อค่ะ คุณแม่ค่ะ"

    ฮาสึโนะกล่าวออกมาอย่างดีใจพร้อมกับโบกมือเรียก และพอพ่อกับแม่ของเธอเห็นก็รีบตรงเข้ามากอดลูกสาวของตัวเองทันทีด้วยความคิดถึง

    "อืม...เป็นยังไงบ้างลูก ที่นี่สบายดีไหม?"

    ผู้เป็นแม่ถามขณะที่เธอยังคงกอดตัวของลูกสาวเอาไว้แน่น

    "อืมก็สบายดีค่ะ ที่นี่เองก็ไม่ได้ร้อนอะไรด้วย"

    ฮาสึโนะตอบ ขณะนั้นเองผู้เป็นแม่ก็หันไปดูหนุ่มหล่อหน้าหวานที่ยืนอยู่ข้างๆลูกสาว พร้อมกับที่เธอดึงตัวของลูกสาวเข้ามากระซิบใกล้ๆ

    "นี้ลูก หนุ่มหล่อที่ยืนอยู่ข้างๆลูกนั้นใครนะ เพื่อนเหรอ?" ผู้เป็นแม่กระซิบถามออกมาเบาๆเพื่อให้มีแค่เธอกับลูกสาวเท่านั้นที่ได้ยิน

    "ก็ เรนอิจิคู่หมั้นของหนูเองยังไงล่ะค่ะ"

    เมื่อได้ฟังสีหน้าของผู้เป็นแม่ก็แสดงความตกใจออกมา เธอหันกลับไปมองเรนอิจิอีกครั้งก่อนจะหันกลับมาพูดกับลูกสาวของตัวเอง

    "หล่อลากขนาดนั้น... แม่ให้ผ่านค่ะ"

    ผู้เป็นแม่กล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ซึ่งแน่นอนว่าฮาสึโนะเองก็รีบตอบรับเธอกลับไปทันที

    "ก็แน่นอนค่ะ... ระดับลูกของแม่กิ่งแล้ว ไม่ได้ขนาดนี้ก็เสียชื่อแย่"

    ฮาสึโนะกล่าวพร้อมกับยืดจมูกของตัวเองขึ้นสูง ซึ่งแน่นอนหลังจากนั้นทั้งสองสาวแม่ลูกก็ร่วมพูดคุยหัวเราะกันตามประสาผู้หญิง

    ต่างกับผู้ชายสองคนที่ตอนนี้กำลังยืนจ้องหน้ากันตาไม่มีกระพริบ

    เรนอิจิมองไปยังชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับสำรวจ นี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นชายชาวเอเชียที่มีรูปร่างสูงใหญ่บึกบึนแบบนี้ มันสูงเกินไปแม้แต่มาตรฐานของพวกฝรั่งที่เขาเคยเห็น เพราะจากที่ดูแล้วชายตรงหน้าคงจะสูงแตะเส้นสองเมตรไปแล้ว และนั่นก็ทำให้เขาต้องเงยหน้ามองเพื่อให้ได้เห็นหน้าของเขา

    'พ่อออกจะสูงเหมือนยักษ์ แต่ทำไมลูกถึงออกมาเตี้ยได้ล่ะเนี้ย'

    เรนอิจิคิดอยู่ในใจพร้อมกับเหล่ตาไปมองทางแม่ของฮาสึโนะ

    'คงจะได้ทางแม่มาเต็มๆสินะ'

    เมื่อมองทางแม่ของฮาสึโนะ เรนอิจิก็เข้าใจทันทีเพราะเธอค่อนข้างเหมือนกับแม่มาก

    ทางพ่อของฮาสึโนะเองตอนแรกที่ได้เห็นหน้าของเรนอิจิ เขาก็ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า แต่หลังจากที่มองดูอยู่สักพักเขาก็แน่ใจว่าน่าจะเป็นคู่หมั้นของลูกสาวของเขานั่นแหละไม่ผิดตัวแน่

    'ลูกครึ่งงั้นเหรอ?'

    พ่อของฮาสึโนะมองไปที่ตาของเรนอิจิก็เห็นดวงตาสีฟ้าสดใสที่ไม่มีอยู่ในชายชาวเอเชีย

    'ท่าทางก็ดูเหมือนเป็นคนเรียบร้อยดี'

    สายตาที่จ้องเขม็งจากชายร่างโตที่สูงแตะเส้นสองเมตรนั้นทำให้เรนอิจิรู้สึกประหม่า แต่เขาก็พยายามพูดทักทายออกไปเป็นภาษาไทยที่เขาแอบฝึกมาเมื่อไม่นานมานี้หลังจากที่ได้เจอกับฮาสึโนะ

    "สะ..สวัสดีครับ ผมยูโนะซากิ เรนอิจิ ยินดีที่ได้รู้จักครับ"

    เสียงของเรนอิจิออกจะแปร่งๆไปบ้างแต่ก็ยังพอที่จะฟังรู้เรื่อง และเรนอิจิก็ทำใจกล้าแล้วยื่นมือออกไปเพื่อที่จะจับมือทักทายกับพ่อของฮาสึโนะแบบสากล

    "อืม...สวัสดี ฉันชื่อกร เป็นพ่อของแก้วนะ"

    กรเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับการทักทายแบบจับมือของฝรั่ง เขาจึงยื่นมือออกไปทักทายเรนอิจิด้วยเช่นกัน

    ฝ่ามือที่ใหญ่โตของพ่อฮาสึโนะนั้นมันทำให้เรนอิจิรู้สึกเสียวสันหลัง เขาน่าจะเลือกทักทายกันด้วยวิธีอื่น แต่มันก็คงจะไม่ทันแล้วในเมื่อเขายื่นมือออกไปแล้วก่อนหน้านี้

    "อ้าว! หนุ่มๆไปกันได้แล้ว เห็นลูกแก้วบอกว่าที่ห้องของลูกมีบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่ให้ลงแช่ได้ แม่เลยยากที่จะไปลองแช่ดูสักหน่อย"

    แม่ของฮาสึโนะพูดพร้อมกับเดินเข้าไปรวบแขนสามีพร้อมกับแขนลูกเขยเอาไว้คนเดียวทั้งสองข้าง และการกระทำนั้นก็ทำให้ฮาสึโนะถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจ

    "แม่!!"

    ฮาสึโนะรีบเข้าไปแยกคนทั้งสองออกจากกันพร้อมกับควงแขนของเรนอิจิเอาไว้แทน ถึงจะเป็นแม่แต่เรื่องแบบนี้ยอมให้ไม่ได้หรอกนะ สายตาของฮาสึโนะส่งไปให้ผู้เป็นแม่แบบนั้น แต่แม่ของเธอก็ได้แต่ยิ้มอย่างชอบใจ เพราะดูเหมือนลูกของเธอจะโตเป็นสาวไปแล้วในระหว่างที่เธอไม่ได้อยู่ด้วย

    "เออ... สวัสดีครับผมยูโนะซากิ เรนอิจิครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ"

    เรนอิจิพยายามกล่าวทักทายแม่ของฮาสึโนะตามมารยาทพร้อมกับก้มหัวของตัวเองลง

    "จ้า...สวัสดีจ๊ะ ฉันชื่อกิ่งนะ แต่เรียกฉันว่าแม่แทนก็แล้วกัน"

    "คะ...ครับคุณแม่"

    เรนอิจิพูดออกมาเบาๆพร้อมกับท่าทีที่ดูเขินอาย แต่เขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อเจอกับการหยิกของฮาสึโนะ

    ชอบสินะ!!...ชอบแบบนั้นสินะ!!

    แววตาของฮาสึโนะที่จ้องมองมานั้นมันช่างดูน่าขบขันสำหรับเขา เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่เธอแสดงท่าทางแบบนี้ออกมา เพราะโดยปกติแล้วถึงแม้ว่าเขาจะไปยืนคุยกับผู้หญิงคนไหน เธอก็ไม่เคยแสดงท่าทางที่ดูหึงหวงแบบนี้ออกมาเลยสักครั้ง 

    แต่เรนอิจิไม่รู้หรอกว่าฮาสึโนะนั้นระวังแม่ของเธอมากแค่ไหน เธอรู้ว่าระดับความสวยของแม่เธอนั้นไม่ใช่ธรรมดา และนี้ถ้าแม่ของเธอไม่ได้กอดแขนหรือยืนอยู่ข้างๆพ่อของเธอแล้วละก็ เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าจะมีผู้ชายกี่คนเดินเข้ามาจีบแม่ของเธอ

    ดูสิขนาดนี้ว่ามีพ่อของเธอยืนกอดแขนอยู่ด้วย ก็ยังมีผู้ชายหลายคนจ้องมองมาที่แม่ของเธอตาไม่กระพริบแบบไม่กลัวตายกันเลยทีเดียว

    "เออ...ผมว่าเราไปที่รถกันก่อนดีกว่านะครับ"

    เรนอิจิเมื่อเห็นว่าถึงเวลาแล้วจึงพูดขึ้น

    "อืม เราไปที่รถกันเถอะ"

    พ่อของฮาสึโนะเองก็เห็นด้วยกับเรนอิจิและพยักหน้าให้เขาเดินนำทุกคนไป

    ระหว่างที่อยู่ในรถนั้น สองแม่ลูกก็กลับมาสนิทกันอีกครั้งอย่างรวดเร็ว จนเรนอิจิที่นั่งอยู่ข้างหน้ากับโยดะยังรู้สึกแปลกใจ

    ที่เบาะหลังนั้นมีฮาสึโนะกับพ่อและแม่ของเธอนั่งอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าที่นั่งเกินกว่าครึ่งนั้นเป็นที่นั่งของพ่อเธอ เขาเป็นเหมือนยักษ์ที่กำลังนั่งขดตัวอยู่ในรถ

    รถยนต์เคลื่อนที่ด้วยความเร็วผ่านถนนเส้นทางต่างๆ จนมาถึงหน้าคฤหาสน์ตระกูลยูโนะซากิที่เป็นประตูไม้ขนาดใหญ่

    และทันทีที่รถเคลื่อนตัวผ่านประตูนั้นเข้าไป ภาพของธรรมชาติที่ถูกมนุษย์จัดเรียกกันเอาไว้อย่างสวยงามก็ได้ปรากฏขึ้นต่อสายตา

    แม่ของฮาสึโนะดูตื่นเต้นมากในครั้งแรกที่ได้เห็น ถนนที่สะอาดและมีต้นไม้ต่างฤดูถูกจัดเรียงกันเอาไว้ทั้งสองข้างทาง ตามทางต่างๆก็มีบ้านพักสวยงามให้เห็นอยู่เป็นช่วงๆ และทันทีที่รถข้ามสะพานหินเล็กๆ เธอก็มองเห็นลำธารขาวใสที่อยู่ข้างใต้มัน

    "ลูกแก้ว แล้วบ้านของคู่หมั้นลูกอยู่ตรงไหนล่ะ?"

    แม่ของฮาสึโนะพยายามมองหาบ้านของลูกเขยตัวเองไปทั่วอย่างตื่นเต้น แต่คำถามของเธอกลับทำให้ลูกสาวรู้สึกแปลกใจ

    "ก็ถึงแล้วนิแม่?" ฮาสึโนะตอบคำถามแม่ของตัวเองไปแบบงงๆ

    "ถึงแล้วเหรอ? แม่ไม่เห็นว่ามันจะมีบ้านอยู่แถวนี้เลยนิ" แม่ของฮาสึโนะกล่าวพร้อมกับมองไปรอบๆ ซึ่งตอนนี้รอบข้างนั้นก็มีแต่สวนต้นไม้ที่ถูกจัดเรียงเอาไว้ และไม่มีบ้านพักอยู่แถวนี้เลยสักหลังเดียว 

    และนั้นก็ทำให้ฮาสึโนะเข้าใจความคิดของผู้เป็นแม่ขึ้นมาทันที

    "ไม่ใช่หรอกค่ะแม่ บ้านของคู่หมั้นหนูนะเข้ามาถึงตั้งแต่ประตูหน้าบ้านบานใหญ่นั้นแล้ว"

    ทันทีที่ได้ฟังแม่ของฮาสึโนะก็นิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนที่เธอจะร้องออกมาอย่างตกใจ

    "กรี๊ด!! ลูกสาวของฉันสามารถจับลูกมหาเศรษฐีได้!!"

    เสียงร้องตกใจของแม่ทำให้ฮาสึโนะรีบพุ่งตัวเข้าไปเอามือปิดปากแม่ของตัวเองเอาไว้ทันที พร้อมกับส่งยิ้มแห้งๆให้กับเรนอิจิที่มองมาอย่างงุนงงและสงสัย ดูท่าเรนอิจิจะยังไม่รู้ความหมายของมัน และนี้คงจะเป็นโชคดีของเธอที่เรนอิจิพึ่งหัดพูดภาษาไทยได้ไม่นานเขาจึงจับใจความสำคัญไม่ได้

    ไม่ยังงั้นเธอคงจะอายจนไม่สามารถมองหน้าเขาได้ไปอีกหลายวันเลยทีเดียว

    ไม่นานนักรถยนต์ที่ฮาสึโนะและคนอื่นๆนั่งก็ได้ขึ้นมาถึงยอดเขา ที่มีคฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งอยู่

    "แม่ค่ะ ถึงแล้วค่ะ"

    ฮาสึโนะกล่าวขึ้นเมื่อเห็นแม่ของตัวเองนั่งนิ่งอยู่ในรถ ขณะที่เธอเองก็ลงมาจากรถแล้ว

    "อะ...อืม ถึงแล้วสินะ"

    แม่ของฮาสึโนะรู้สึกประหม่าเล็กน้อยที่ต้องเผชิญหน้ากับญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามเป็นครั้งแรก และดูท่าอีกฝ่ายคงจะไม่ได้มีฐานะทางสังคมธรรมดาอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าต้นตระกูลของเธอเองก็มีฐานะทางสังคมสูงแต่เธอก็แยกออกมาจากต้นตระกูลวิสมาแล้วในรุ่นของเธอ และนั่นก็ทำให้ลูกสาวของเธอไม่ได้รับการช่วยเหลือจากต้นตระกูลวิสไปด้วย

    ซึ่งนั่นก็ทำให้ลูกสาวของเธอกลายเป็นสามัญชนที่แท้จริงไป ทั้งๆที่ลูกสาวของเธอนั้นได้รับสืบทอดสายเลือดจากนักปราบผีชั้นสูงทั้งตระกูลวิสและตระกูลเฉิน

    แต่ว่าเรื่องทั้งหมดนั้นมันจะกลับตาลปัตรทันที ถ้าลูกสาวของเธอไม่ได้แต่งงานกับตระกูลคนธรรมดา แต่เป็นตระกูลของนักปราบผีที่มีลำดับชนชั้นสูง เธอคิดว่าเรื่องนี้ทางตระกูลหลักคงจะไม่ยอมอยู่เฉยๆแน่

    และพอเธอมองไปทางสามีของตัวเอง เขาก็เข้าใจเหมือนกันว่าเรื่องนี้คงจะไม่จบง่ายๆ ดูท่าทางลูกสาวของพวกเขาคงจะพาเรื่องยุ่งยากมาให้ซะแล้ว

    และทันทีที่ทุกคนลงมาจากรถเรนอิจิก็กล่าวเชิญชวนทุกคนให้เข้าไปในบ้านของตัวเองต่อทันที

    "เชิญทุกคนตามผมมาเลยครับ ตอนนี้ท่านพ่อผมคงจะรออยู่นานแล้ว"

    เรนอิจิกล่าวเสร็จก็เดินนำหน้าทุกคนเข้าไปในคฤหาสน์ ฮาสึโนะเองก็เดินตามหลังเรนอิจิไปพร้อมกับพ่อแม่ของเธอที่เดินตามมาข้างหลังอีกที

    ในระหว่างที่เดินอยู่ในคฤหาสน์นั้น แม่ของฮาสึโนะก็จับตัวลูกสาวของตัวเองเข้ามาใกล้ แล้วก็จัดการใช้มือของเธอบิดเอวของลูกสาวทันที

    "อะๆโอ๊ย!! แม่ทำอะไรนะ แก้วเจ็บนะ"

    ฮาสึโนะที่โดนบิดเอวก็ร้องออกมาทันที แต่เมื่อเจอกับสีหน้าของแม่เธอก็ต้องเงียบไป

    "เจ้าลูกสาวตัวดี!! สร้างเรื่องยุ่งยากให้พ่อกับแม่จนได้สินะ"

    แม่ของฮาสึโนะนั้นได้ฟังเรื่องครอบครัวของเรนอิจิคร่าวๆแล้วขณะที่รถขึ้นมาบนเขา และนั่นก็เป็นสาเหตุให้เธอนิ่งเงียบไปในระหว่างที่นั่งรถขึ้นมายังคฤหาสน์

    "อะไรของแม่เนี้ย?"

    ฮาสึโนะไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ก็แน่ล่ะเธอไม่รู้หรอกว่าตัวตนของเธอนั้นกำลังจะสร้างเรื่องยุ่งยากให้กับพวกตระกูลหลักขนาดไหน และมันคงจะเป็นอะไรที่ยุ่งยากกว่ารุ่นของพ่อกับแม่ของเธออย่างแน่นอน

    เพราะต่อจากนี้ไปมันจะไม่ใช่แค่สอง แต่มันเป็นสามตระกูลหลักที่มีสายเลือดอยู่ในรุ่นเดียวกัน และรุ่นลูกของลูกสาวเธอนั้นมันคงจะเป็นอะไรที่น่าปวดหัวอย่างแน่นอน

    "ไม่ต้องไปเป็นห่วงหรอกที่รัก ยังไงซะมันก็เป็นเรื่องของพวกตระกูลหลักไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเราอยู่แล้ว"

    พ่อของฮาสึโนะตอบพร้อมกับยิ้มขึ้นมา และความหวานของทั้งสองคนนั้นก็ยังคงทำให้ฮาสึโนะที่เป็นลูกสาวรู้สึกคลื่นไส้ได้อย่างเช่นเคย

    "ก็จริงนะ คิกๆ ปล่อยให้พวกนั้นปวดหัวกันบ้างก็ดีเหมือนกัน"

    แม่ของฮาสึโนะพูดเสร็จก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข เพราะกว่าที่เธอจะได้แต่งงานกับคนที่เธอรัก พวกนั้นก็สร้างความยุ่งยากให้กับพวกเธอซะเหลือเกิน ดังนั้นให้พวกตระกูลหลักปวดหัวขึ้นไปอีกขั้นก็คงจะดีเหมือนกัน

    "ลูกสาวแม่ทำได้ดีมากเลยจ๊ะ สมกับที่เกิดเป็นลูกแม่"

    อยู่ดีๆผู้เป็นแม่ก็หันเข้ามาหอมแก้มฮาสึโนะ จนทำให้คนที่ถูกหอมแก้มนั้นตั้งตัวไม่ติดเลยทีเดียวกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของผู้เป็นแม่

    "อะ...อะไรของแม่อีกล่ะเนี้ย?" 

    ฮาสึโนะไม่เข้าใจเลยสักนิดกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของแม่ตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ได้แต่ปล่อยให้มันผ่านไป

    ในที่สุดเรนอิจิก็พาคนทั้งหมดมายังห้องขนาดกลางที่ไม่ได้ใช้เป็นห้องประชุม แต่ใช้เป็นห้องจัดงานเลี้ยงสังสรรค์แบบครอบครัว ซึ่งมันก็ไม่ได้ใช้มาสักพักแล้วหลังจากที่แม่ของเรนอิจิเสียไป

    แต่ในโอกาสนี้พ่อของเรนอิจิกลับใช้มันในการต้อนรับแขกคนสำคัญที่กำลังจะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของพวกเขา

    "ขออนุญาตครับ"

    เรนอิจิกล่าวขณะที่เปิดประตูห้องจัดเลี้ยงนั้นเข้าไป และทันทีที่ประตูถูกเปิดออก ภาพของอาหารที่ถูกจัดเรียงอยู่บนโต๊ะยาวขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนพื้นก็ปรากฏ มันเป็นชุดของอาหารในแบบญี่ปุ่นและดูเหมือนว่ามันจะมีอาหารจำพวกที่ใช้ในโอกาสสำคัญด้วย

    "อ่าว! มาแล้วเหรอ? เชิญเข้ามานั่งก่อนสิ"

    ชินอิจิพ่อของเรนอิจิกล่าวเชิญครอบครัวของฮาสึโนะให้นั่งลงตรงเบาะนั่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของเขา และทันทีที่ครอบครัวของฮาสึโนะนั่งลง ชินอิจิก็กล่าวแนะนำตัวเองทันที

    "ผมยูโนะซากิ ชินอิจิ เป็นพ่อของเรนอิจิครับ ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบกับพวกคุณทั้งสองคน"

    เขากล่าวแนะนำตัวเป็นภาษาไทยอย่างคล่องแคล่ว จนทำให้ทุกคนในห้องรู้สึกแปลกใจ แต่คนที่แปลกใจที่สุดก็คงเป็นลูกชายของเขากับฮาสึโนะที่อยู่ด้วยกันมานาน แต่ก็ยังไม่รู้เลยว่าชินอิจินั้นสามารถพูดภาษาไทยได้

    "เอ๋! พ่อพูดภาษาไทยได้ด้วยเหรอ?" เรนอิจิกระซิบถามผู้เป็นพ่อ

    "ก็ได้ตั้งแต่สมัยหนุ่มๆแล้วล่ะ"

    พ่อของเรนอิจิกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขที่ได้เห็นลูกชายของเขาทำหน้าตกใจหลุดออกมาให้เห็น




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×