คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #38 : ตอนที่ 37 ต่อรอง
ตอนที่ 37
ต่อรอง
"อูย...เจ็บท้องจะตายอยู่แล้ว วันนี้ฉันจะต้องเดินไปอีกไกลแค่ไหมถึงจะเจอรถเนี้ย"
หลินกุ่ยบ่นออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อพบว่าแถวนี้ไม่มีรถจอดทิ้งเอาไว้เลยแม้แต่คันเดียว ทั้งๆที่ในความจริงก็น่าจะมีให้เห็นบ้าง แต่ในตลอดทางที่เธอเดินมานั้น เธอไม่เห็นจะเจอมันเลยสักคันเดียว
"วันนี้มันจะซวยไปถึงไหนเนี้ย!!"
ถึงหลินกุ่ยจะบ่นอยู่ตลอดทาง แต่เธอก็ยังเดินต่ออย่างไม่ยอมแพ้
"รอฉันก่อนนะอันดะ ถ้าวันนี้ฉันรอดไปได้ พรุ่งนี้นายเสร็จฉันแน่"
หลินกุ่ยพกความแค้นมาอย่างเต็มอัตรา ให้ตายยังไงวันนี้เธอก็จะต้องรอดกลับไปแก้แค้นให้จงได้
"เอาล่ะเดินต่อดีกว่า...ยังไงซะฉันก็ต้องหารถที่จะใช้ขับไปเมืองข้างๆให้ได้"
แต่แล้วพอกำลังจะเดินต่อไปนั้น หลินกุ่ยก็เหลือบไปเห็นรถเก๋งคันหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล แววตาของเธอก็ยิ้มออกมาทันทีที่ได้เห็นมันจอดทิ้งเอาไว้ข้างทาง
"ในที่สุดฟ้าก็ประทานรถมาให้ฉัน ฉันคิดอยู่แล้วว่าฟ้าจะต้องเห็นใจคนที่มีความพยายามและความแค้น"
หลินกุ่ยไม่เสียเวลาที่จะคิดอะไรอีกต่อไป เธอรีบจ้ำเดินไปหารถคันนั้นอย่างรวดเร็วด้วยความดีใจ พอมาถึงเธอก็แทบลูบไล้รถคันนั้นราวกับว่ามันเป็นลูกสาวสุดที่รักของเธอเอง
"เอาล่ะได้เวลาขับรถไปเมืองต่อไปแล้ว"
เมื่อหลินกุ่ยชื่นชมตัวรถเสร็จเธอก็เดินไปเปิดประตูรถ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เปิดมันก็มีร่างคนตกลงมาทับรถที่อยู่ตรงหน้าเธอจนแหลกเป็นชิ้นๆ
"โอ้!!...ม้ายยยยยย....รถสุดที่รักของช้าน!!!"
หลินกุ่ยร้องออกมาเสียงหลงเมื่อรถที่เธอกำลังจะขึ้นไปนั่งนั้นได้กลายเป็นเศษเหล็กไปแล้วในชั่วพริบตา และมโนภาพของเธอที่จะได้นั่งขับรถสบายๆตลอดทางนั้นก็จบสิ้นลงไปด้วยเช่นกัน
"แก!!...อย่าหวังว่าจะได้ตายดีเลย"
ถึงแม้มันจะกลายเป็นศพไปแล้วตอนนี้ตกลงมา แต่หลินกุ่ยก็คิดที่จะเอามันขึ้นมาอัดให้หายแค้น โทษฐานที่กำลังจะทำให้เธอต้องเดินลากขาไปอีกเป็นกิโลเพื่อหารถคันใหม่ที่ไม่รู้ว่าจะมีอยู่หรือเปล่า
แต่แล้วพอหลินกุ่ยเห็นใบหน้าของคนที่ตกลงมาเธอก็ถึงกับแปลกใจ
"ฮือ!? นี้มันคุณฮาสึโนะที่เราเพิ่งเขียนลงข่าวไปเมื่อไม่นานนี้นิ"
ทันทีที่หลินกุ่ยรู้ว่าคนที่ตกลงมานั้นเป็นคนรู้จักของตัวเอง เธอก็หมดอารมณ์ที่จะโกรธและเริ่มเข้าไปสำรวจร่างกายของผู้ที่ตกลงมา
"ยังมีชีวิตอยู่นี้น่า!"
เมื่อได้ตรวจสอบลมหายใจแล้ว หลินกุ่ยก็รู้ทันทีว่าฮาสึโนะนั้นยังมีชีวิตอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น....
"เอาล่ะ... เราไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ไม่เห็นมีใครตกลงมา ไม่เห็นมีรถสักคัน"
หลินกุ่ยพยายามหลอกหัวสมองของตัวเธอเอง เพราะถ้าต้องให้แบกภาระคนใกล้ตายเพิ่มอีกคนหนึ่ง เธอคงจะไม่แคล้วได้เป็นศพต่อไปที่นอนคู่ด้วยกันอย่างแน่นอน และในเวลาแบบนี้เธอเองก็ไม่ใช่พวกคนโลกสวยที่จะศรัทธาในความรักและมิตรภาพของเหล่าพวกพ้องซะด้วย
แต่แล้วในระหว่างที่เธอกำลังจะหันหลังเดินจากไปนั้น มือของเธอก็ถูกจับเอาไว้
"ชะ...ช่วยด้วย" เสียงที่แผ่วเบาของฮาสึโนะทำให้หลินกุ่ยถึงกับหน้าซีด
"กรี๊ดดดด!!! ปล่อยนะ!! ปล่อย!!"
หลินกุ่ยพยายามสะบัดแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะมือของเธอได้ถูกฮาสึโนะจับเอาไว้แน่นราวกับเป็นเนื้อเดียวกัน
"ถ้าเธอหนีไป ฉันจะตามไปหลอกเธอ อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นคนเอาข้อมูลของฉันไปปล่อย"
เสียงข่มขู่ของฮาสึโนะทำให้หลินกุ่ยถึงกับกลืนน้ำลาย
"ฉะ...ฉันเป็นนักปราบผีนะ!!" หลินกุ่ยตอบ
"ฉันเองก็เป็นเหมือนกัน" ฮาสึโนะตอบ
"......"
"..."
สุดท้ายหลินกุ่ยก็ได้แต่ทำใจและแบกฮาสึโนะขึ้นหลัง
"ให้ตายเถอะ!! ต่อไปฉันจะต้องไม่มีเพื่อนเป็นนักปราบผี" หลินกุ่ยให้คำมั่นกับตัวเอง
"ใช่... ต่อไปฉันเองก็จะไม่ญาติดีกับพวกนักข่าวเหมือนกัน" ฮาสึโนะตอบกลับ
แต่ถึงอย่างนั้น...ไม่รู้ทำไมพวกเธอทั้งสองถึงรู้สึกเหมือนกับว่าอีกคนหนึ่งนั้นเป็นกระจกที่สะท้อนภาพของตัวเอง แต่ด้วยนิสัยที่เหมือนกันทำให้พวกเธอไม่ถูกชะตากันด้วยเช่นกัน จะกล่าวก็คือเหมือนกับเสือสองตัวที่ไม่ชอบหน้ากันจนสามารถฆ่ากันได้แต่ก็กินเนื้อกันไม่ลง
"ฉันว่าจะต้องเอาเธอใส่รถเข็นแล้วลากไปแล้วละเล่นตัวหนักซะขนาดนี้" หลินกุ่ยพูดออกมาเมื่อเห็นรถเข็นของที่จอดอยู่ข้างทางและดูท่าทางจะลากสบายกว่าที่จะต้องแบกฮาสึโนะไปตลอดทาง
"งั้นอย่าลืมเอาผ้าปูที่อยู่ตรงนั้นปูให้ฉันนอนด้วยล่ะ"
ฮาสึโนะตอบพร้อมกับชี้ไปยังผ้าปูที่อยู่ใกล้ๆกัน
"ฉันว่าเธอน่าจะตายๆไปได้แล้วนะ ตกลงมาจากที่สูงซะจนรถพังได้ทั้งคันแบบนั้น" หลินกุ่ยตอบขณะที่เอาฮาสึโนะขึ้นรถเข็นที่มีผ้าปูให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
"เธอเองก็โดนแทงไส้ไหลมาท่าทางจะอายุไม่ยืนเหมือนกัน ฉันว่าเธอน่าจะรีบๆลากรถให้มันไวๆก่อนที่เธอจะตายอยู่ข้างทางดีกว่านะ"
ฮาสึโนะตอบกลับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มราวกับเธอไม่ใช่ผู้ป่วยใกล้ตาย
"เออ...ฉันรู้ แต่ดูจากสภาพแล้วเธอน่าจะตายก่อนฉันสักชั่วโมงหนึ่ง"
หลินกุ่ยที่ลากรถอยู่ข้างหน้าหันกลับมามองสภาพของฮาสึโนะก็พบว่ามันสาหัสจนเกินที่หมอคนไหนจะสามารถรักษาได้แล้ว ซึ่งเธอเองที่เป็นนักข่าวและเคยเห็นศพมามากนั้นรู้เป็นอย่างดี แต่ที่เธอแปลกใจก็คือทำไมถึงยังไม่ตายๆไปซะ มันจะอยู่ต่อให้ลำบากฉันทำไม!!
"ฮือ...ถึงฉันจะไม่ได้มองหน้าเธออยู่ แต่ฉันก็รู้นะว่าเธอกำลังแช่งฉันให้ตายอยู่ แต่ไม่ต้องห่วงเขาคนนั้นจะมาทันอย่างแน่นอน"
น้ำเสียงที่ฟังดูสบายใจของคนใกล้ตายทำให้หลินกุ่ยแปลกใจ
"เขาที่ว่านั้นใครนะ?" หลินกุ่ยถาม ซึ่งฮาสึโนะเองก็ตอบให้ทันที
"ก็คนที่ฉันรักยังไงล่ะ... นั่นไงเขามาแล้ว"
ฮาสึโนะพูดออกมาทันทีที่เห็นเรนอิจิเหยียบอากาศลงมาจากฟ้า
"ฮาสึโนะ!! เธอไม่เป็นอะไรนะ ฉันหาเธอซะแทบแย่" เรนอิจิที่มาถึงก็ล้มตัวเข้ากอดฮาสึโนะที่นอนอยู่บนรถลากทันที จนเธออายซะแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
"นะ...นายจะบ้าเหรอ!! ไม่เห็นหรือว่ามีคนกำลังมองเราอยู่นะ"
ฮาสึโนะพยายามพูดห้ามเรนอิจิ แต่ดูเหมือนหูของเขาจะไม่ได้ยินที่เธอพูดเลยแม้แต่น้อย
"ฮาสึโนะรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงเธอขนาดไหนตอนที่เธอหายไป และพอฉันรู้ตัวอีกทีก็เห็นเธอไปสู้กับเทพอสูรนั่นอยู่คนเดียวแล้ว แล้วพอตอนที่ฉันไปถึงฉันก็เห็นเธอโดนลำแสงนั่นยิงใส่ไปแล้ว ฉันนะแทบจะเป็นบ้าตายเลยรู้ไหมตอนที่เห็นเธอโดนลำแสงนั่นนะ!! ฉันนะ..ฉันน่าจะไปช่วยเธอให้เร็วกว่านี้ ฉัน...ฉันขอโทษฮาสึโนะ"
ความห่วงใยของเรนอิจิที่เขาแสดงออกมาด้วยคำพูดมากมายอย่างที่เธอไม่เคยได้ยินเขาพูดมาก่อนทำให้เธอรู้ทันทีว่าตัวเธอนั้นสำคัญสำหรับเขามากแค่ไหน และครั้งนี้ก็เป็นเธอเองที่รีบร้อนเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอันตรายจนทำให้เขาเป็นห่วงแบบนี้
"เรนอิจินายไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก เพราะตอนนี้นายเองก็มาทันแล้วนิ"
"ไม่!! ฉันน่าจะมาช่วยเธอให้เร็วกว่านี้ ก่อนที่เธอจะต้องเจ็บตัวแบบนี้" เรนอิจิตอบพร้อมกับใช้พลังรักษาฮาสึโนะทันทีจนฮาสึโนะมีอาการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"ไม่หรอก นายมาทันตอนที่ฉันต้องการนายพอดีเลยล่ะ"
ฮาสึโนะตอบด้วยใบหน้าที่ดูสดใส จนหลินกุ่ยที่ยืนดูอยู่ด้วยถึงกับรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาทันที
"ฮึ!! น้ำเน่าโคตร"
หลินกุ่ยพูดพร้อมกับหยิบปากกาและกล้องถ่ายรูปขึ้นมาทำหน้านี้นักข่าวด้วยความเคยชิน
"หยุดถ่ายรูปเลยนะเธอ!! เดี๋ยวฉันก็ไม่ให้เรนอิจิรักษาเธอหรอก เลือกเอาว่าจะเดินไส้ไหลต่อไปหรือจะลบรูปนั้นทิ้ง"
ฮาสึโนะออกเสียงขู่จนหลินกุ่ยเริ่มหน้าซีด เพราะแค่เดินมาไม่กี่นาทีเธอก็อยากจะลงไปคลานกับพื้นแล้ว และถ้าเธอไม่ได้มีความแค้นกับอันดะอยู่แล้วละก็ เธอคงจะยอมนอนตายอยู่บนพื้นสบายๆดีกว่าจะต้องเดินไปทรมานตายในอีกสองหรือสามกิโลข้างหน้า
"ก็ได้ ครั้งนี้ถือซะว่าฉันไม่ได้เห็นอะไรก็แล้วกัน"
หลินกุ่ยตอบพร้อมกับกดลบรูปให้ทันทีโดยไม่มีการโยกโย้
"เรนอิจินายช่วยรักษาเธอด้วยสิ"
"อืม ได้สิ" เรนอิจิตอบรับพร้อมกับกวักมือเรียกหลินกุ่ยให้เข้ามาหา
"เข้ามาสิฉันจะได้รักษาให้พร้อมกันไปเลยทีเดียวจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาก"
หลินกุ่ยรู้สึกลังเลนิดหน่อยที่เห็นเรนอิจิจะทำการรักษาทีเดียวถึงสองคน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เดินเข้าไปให้เรนอิจิรักษาแผลที่หน้าท้อง
พอหลินกุ่ยได้ดูการรักษาของเรนอิจิใกล้ๆเธอก็ยิ่งทึ่งกับความสามารถของเขา แผลของเธอนั้นหายทันทีที่เรนอิจิสัมผัสเพียงไม่กี่วินาที และมันไม่ใช่แค่การรักษาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยังช่วยทำให้ความเหนื่อยล้าของเธอหายไปจนหมดสิ้นด้วย
ต่อจากนั้นไม่ถึงนาทีฮาสึโนะเองก็ลุกขึ้นมาเดินได้เหมือนปกติ ราวกับว่าก่อนหน้านี้เธอไม่เคยบาดเจ็บเจียนตายมาก่อน
"อื้ม... สดชื่นจัง พร้อมที่จะลุยต่อแล้วล่ะ"
ฮาสึโนะพูดพร้อมกับยกแขนทั้งสองขึ้นมาบิดขี้เกียจตามความเคยชิน
"ฮาสึโนะ...ฉันถามจริง แฟนเธอนี้เป็นสัตว์ประหลาดหรือยังไงถึงสามารถใช้เวทรักษาที่ทรงพลังราวกับชุบชีวิตคนได้แบบนี้"
หลินกุ่ยกระซิบถาม เพราะจากที่เธอเห็นเรนอิจิทำการรักษานั้นแทบที่จะทำให้เธอต้องกลับไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับเวทรักษาใหม่เลยทีเดียว
"อ่าว!? ไม่ใช่ว่าที่ญี่ปุ่นนี้เขาใช้เวทรักษากันแบบนี้ทุกคนเหรอ?"
ฮาสึโนะรู้สึกแปลกใจในสิ่งที่หลินกุ่ยถาม เพราะตั้งแต่ที่เธอมาถึงญี่ปุ่นเธอก็ไม่เห็นว่าเรนอิจิจะใช้เวทรักษาตามหลัก5ธาตุของเขาได้ยากลำบากเลยสักครั้ง
"ยายบ้า!! ในโลกนี้ใครมันจะไปใช้เวทรักษาที่ทรงพลังราวกับว่าสามารถชุบชีวิตคนตายได้แบบนี้กัน อย่างมากก็แค่ช่วยรักษาแผลให้นิดหน่อยแล้วส่งต่อให้หมอกันทั้งนั้น"
หลินกุ่ยตะโกนด่าฮาสึโนะอย่างกับคนบ้า พร้อมกับชี้นิ้วไปทางเรนอิจิที่ยืนนิ่งอยู่
ฮาสึโนะทำหน้าสงสัยในคำพูดของหลินกุ่ย เพราะเธอคิดว่าเฟรนดี้เองก็ทำได้ง่ายๆและเรนอิจิเองก็น่าจะทำได้ด้วยเช่นกัน มันไม่น่าแปลกอะไรสำหรับคนที่สามารถใช้เวทรักษาได้ในความคิดของเธอ แต่เพื่อความแน่ใจเธอจึงหันไปถามเรนอิจิต่อ
"เรนอิจินายใช้เวทรักษาชุบชีวิตคนตายได้หรือเปล่า?"
คำถามของฮาสึโนะทำให้เรนอิจิแปลกใจ เขายืนนิ่งคิดอยู่สักพักก่อนที่จะตอบคำถามออกไป
"อืม...ถ้าตายไปไม่ถึงสามนาทีและยังเหลือหัวสมองอยู่ฉันว่าน่าจะรักษาให้ได้ แต่นั่นหมายถึงตอนที่มีเธออยู่ด้วยนะ ไม่ยังงั้นอย่าว่าแต่จะชุบชีวิตคนเลย แค่รักษาแผลขนาดใหญ่มากๆฉันก็แทบแย่แล้ว"
เรนอิจิพูดพร้อมกับทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย
"เห็นไหมล่ะ!! ใครที่ใช้เวทรักษาได้ก็ชุบชีวิตคนได้ทั้งนั้นแหละ เธอนะกลับไปเรียนมาใหม่ซะ"
ฮาสึโนะพูดพร้อมกับเชิดจมูกขึ้นสูงทั้งๆที่ความรู้ด้านเวทการรักษาของเธอนั้นมีเท่าหางอึ่ง
"ธะ...ธะ...เธอ!!"
หลินกุ่ยพยายามจะเถียงกลับไป แต่เธอไม่รู้จะเถียงยังไง ในที่สุดเธอก็ได้แต่ปล่อยมันไปอย่างนั้น และคิดว่าอีกไม่นานฮาสึโนะน่าจะรู้เอง
"เอ๊ะ!! นั้นมันฮาสึโนะไม่ใช่เหรอ? เฮ้!! ฮาสึโนะ"
มิซากิที่เห็นฮาสึโนะอยู่ไกลๆร้องตะโกนเรียกพร้อมกับวิ่งเข้ามาหา ซึ่งคนอื่นๆที่อยู่ในกลุ่มก็เร่งฝีเท้าตามมิซากิกันมาติดๆ
"อ้าว!? พวกเธอมาอยู่ที่นี้กันได้ยังไงเนี้ย"
ฮาสึโนะรู้สึกแปลกใจมากที่เพื่อนๆของเธอยังอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ทั้งๆที่พวกเธอน่าจะตามกลุ่มผู้อพยพออกจากเมืองไปแล้ว
"ก็มาตามเธอนะสิยายบ้า! เล่นหายไปซะตั้งนานคนอื่นเขาเป็นห่วงนะรู้ไหม ทำไมถึงไม่ยอมไปหาพวกเราที่จุดอพยพห๋า!! &$*#(...."
มิซากิกอดอกพร้อมกับร่ายยาวเป็นชุดๆไม่หยุดใส่ฮาสึโนะจนเธอมีสีหน้าลำบากใจเอามากๆ
"เอาน่า...มิซากิ ถ้าฮาสึโนะปลอดภัยก็ดีแล้วนิ" อากาเสะพูดพร้อมกับเอามือปิดปากมิซากิแล้วก็ลากเธอออกไป
"อืม...ใช่แล้วล่ะ พวกเราดีใจมากเลยนะที่คุณฮาสึโนะปลอดภัย" โทโมเอะกล่าวพร้อมกับกระโดดเข้ากอดฮาสึโนะอย่างดีใจ แต่เพราะหน้าอกที่ใหญ่โตของเธอทำให้อาสึโนะอึดอัดจนหายใจไม่ออก
"แฮ่กๆๆ.... ปะ...ปล่อยนะ!!! เธอตั้งใจจะฆ่าฉันให้ตายคาอกเธอเลยหรือยังไงยายโทโมเอะ"
"ขะ..ขอโทษค่ะ"
โทโมเอะกล่าวขอโทษพร้อมกับผละออกจากตัวฮาสึโนะ
"แฮ่กๆๆ แล้วเฟรนดี้ล่ะ? หรือว่ายายนั้นจะไม่ได้มาด้วย"
ฮาสึโนะพยายามมองหาเฟรนดี้แต่ก็ไม่เห็นเธออยู่แถวนี้เลย
"คุณเฟรนดี้ก็มาก่อนแล้วไม่ใช่เหรอค่ะ?" ซามิยะพูดพร้อมกับมองไปรอบๆ แต่เธอก็หาเฟรนดี้ไม่เจอ "เอ๊ะ!? คุณเฟรนดี้หายไปไหนแล้ว?"
เมื่อได้ฟังซามิยะพูด ทุกคนก็เริ่มมองหาเฟรนดี้กันทันที
"ไม่ต้องหาหรอก... ฉันอยู่ที่นี้แล้ว"
เสียงของเฟรนดี้ดังขึ้นข้างๆตัวฮาสึโนะ พร้อมๆกับร่างของเธอที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาราวกับว่าเธอยืนอยู่ที่นี้มานานแล้ว
"เอ๋? หวัดดีเฟรนนนน..."
ฮาสึโนะที่กำลังจะกล่าวทักทายเฟรนดี้ก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองลอยห่างออกไปจากกลุ่มเพื่อนๆของเธออย่างรวดเร็ว
ตูม!!!
ร่างของฮาสึโนะปลิวทะลุกำแพงเข้าไปนอนอยู่ภายในตัวตึกทันทีที่โดนปลายเท้าของเฟรนดี้ถีบเข้าใส่เบาๆ
"ยายบ้า!! เพราะเธอเอาของของฉันไปให้คนอื่นยืมแท้ๆ ดูสิ...ตอนนี้ฉันก็เลยมีความเสี่ยงที่จะถูกฟ้องเลยเห็นไหม?!!"
ปักๆๆ!! ปัก!!
เฟรนดี้ระดมปลายเท้าเล็กๆของเธอใส่ทั่วร่างของฮาสึโนะจนคนอื่นถึงกับยืนมองเธอตาค้าง
"คะ...คุณเฟรนดี้ค่ะ พอก่อนเถอะค่ะ" โทโมเอะกล่าวออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ เพื่อห้ามเฟรนดี้
"ใช่แล้วครับ การทำร้ายร่างกายกันแบบนี้มันเกินไปแล้วนะ ถึงแม้ว่าคุณกับฮาสึโนะจะเป็นคนรู้จักกัน แต่ถ้าคุณยังจะลงมือมากไปกว่านี้ผมจะไม่ยอมอยู่เฉยๆแน่!!"
เรนอิจิกล่าวพร้อมกับมือขวาที่กำลังกำหมัดแน่น
"อะไรกัน? พวกเธอเองก็อยากโดนด้วยเหรอ?" เฟรนดี้หันกลับไปถามด้วยสายตาที่เย็นชาจนดูน่ากลัว แต่แล้วพอเธอหันไปเจอกับสายตาอ้อนวอนของซามิยะ เฟรนดี้ก็จำใจต้องเลื่อนการลงโทษฮาสึโนะออกไปก่อน
"เชอะ!! ช่างเถอะ... แก้วตามฉันมาข้างในสิ ฉันมีเรื่องที่อยากจะคุยด้วยนิดหน่อย"
"อะ...อืม... ได้สิ"
ว่าแล้วฮาสึโนะก็ลุกขึ้นเดินตามเฟรนดี้เข้าไปในตัวตึก และปล่อยให้คนอื่นๆรออยู่ข้างนอก
"จ...จะไม่เป็นไรแน่เหรอค่ะที่ให้เข้าไปกันแค่สองคนแบบนั้น" โทโมเอะยังสั่นไม่หายตั้งแต่ตอนที่เธอโดยสายตาที่เย็นชาของเฟรนดี้มองกลับมา
"ฉันว่าไม่เป็นไรหรอก... เมื่อกี้ก็แค่เป็นการทักทายเบาๆกันเท่านั้นเอง" ยามิกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ จนทุกคนกลุ่มมองกลับไปหายามิเป็นสายตาเดียวกันว่า แบบนั้นน่ะ!!...เขาไม่ได้เรียกกันว่าการทักทายเบาๆหรอกนะ!!
ภายในตัวตึก เฟรนดี้หันกลับมาคุยกับฮาสึโนะด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง...
"เอาล่ะ!! มาถึงขั้นนี้แล้วฉันก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก เอาเป็นว่าครั้งนี้ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยก็แล้วกัน ไม่รู้ไม่เห็นแล้วก็ไม่เคยได้ยินว่าเธอเอาใบไม้แห่งรากของฉันไปทำอะไรทั้งนั้น แก้วเธอพอที่จะเข้าใจความหมายที่ฉันว่ามาหรือเปล่า?"
เฟรนดี้กล่าวจบก็หันกลับไปถามฮาสึโนะที่ยืนอยู่ข้างหลัง
"เธอคงจะหมายถึง...ให้ฉันตามของกลับมาเองใช่ไหม?" ฮาสึโนะตอบ
"อืม....เข้าใจก็ดีแล้ว อย่าให้พลาดละไม่งั้นฉันอาจจะโดนหางเลขไปพร้อมกับเธอด้วย และคงจะรู้นะว่าพอฉันโดนแล้วเธอก็ต้องโดนด้วย แล้วก็แน่นอนว่าฉันต้องเล่นงานเธอให้หนักกว่าที่ฉันโดนเป็นสิบเท่า"
เฟรนดี้พูดเสร็จก็เดินผ่านตัวฮาสึโนะไป แต่แล้วจังหวะที่เธอกำลังจะเดินผ่านตัวฮาสึโนะ เธอก็หันกลับมาพูดต่อเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้
"อ้อ!! แล้วก็อย่าลืมว่าฉันคิดดอกเบี้ยจากการให้คนอื่นยืมต่อสองทอดเป็น3เท่านะ หรือก็คือร้อยละ8.1นะ เห็นไหม?... ฉันใจดีกับเธอแค่ไหนแล้วแก้ว อ้อ!!...แล้วก็อย่างลืมเช็คยอดค้างชำระบ่อยๆด้วยล่ะเพราะฉันกลัวว่าเธอจะใช้เครดิตที่ฉันให้ไปซะเกินตัว"
เฟรนดี้กล่าวจบก็ปล่อยให้ฮาสึโนะยืนอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น
"ดะ...ดอกเบี้ย3เท่า!! ยายนั้นมันต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆเลย"
ฮาสึโนะเมื่อเจอกับดอกเบี้ยที่โหดร้ายยิ่งกว่าค่าภาษี7% เธอก็รีบเปิดยอดค้างชำระขึ้นมาดูทันที
"สะ...สามล้านล้าน กรี๊ด!!! นี้มันตัวเลขบ้าอะไรกันเนี้ย!!"
ฮาสึโนะมองดูภาพบนหน้าจอโฮโลแกรมก็ถึงกับหน้าซีดอยากที่จะเป็นลมไปทั้งๆแบบนั้น
ความคิดเห็น