ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พันธสัญญารักนักปราบผีสาว (ฟรี)

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 เด็กสาวผู้เริ่มต้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.65K
      61
      21 ก.ย. 62

    ตอนที่ 1

    เด็กสาวผู้เริ่มต้น


    10 ปีผ่านไป...

    หลังจากที่มีการก่อตั้งสมาพันธ์โรงเรียนสอนปราบผีนานาชาติขึ้นมาโลกนี้ก็เริ่มเปลี่ยนไป การปราบผีกลายเป็นเรื่องสนุกของคนหนุ่มสาวที่จะแสดงพลังที่เหนือกว่าของตัวเองให้กับคนอื่นได้เห็น ทั้งพลังอำนาจ เกียรติยศ ชื่อเสียง และเงินทอง พวกเขาและเธอต่างก็ได้รับมันถ้าสามารถสอบเข้าโรงเรียนปราบผีนานาชาติและจบออกมาได้พวกเขาจะได้รับมันทุกอย่าง

    ซึ่งพวกเขาและเธอนั้นไม่เคยรู้เลยว่าความน่ากลัวของภูตผีปีศาจอย่างในอดีตที่เคยฆ่านักปราบผีมานักต่อนักนั้นเป็นเช่นไร เพราะส่วนใหญ่พวกมันได้ถูกกำจัดไปแล้วเป็นจำนวนมาก จากผลกระทบของจำนวนนักปราบผีที่มีเพิ่มขึ้นทุกปีในระดับทวีคูณนั้นทำให้อาชีพนี้แทบที่จะล้นตลาด

    ก็แน่ละ...ใครจะไม่คิดอยากจะเป็นนักปราบผีที่มีทั้งพลังอำนาจ เกียรติยศชื่อเสียง การได้รับการยอมรับจากสังคม และเงินทองมากมายมหศาลจากการขายผลึกพลังปีศาจที่ใช้แทนพลังงานน้ำมันตอนนี้ล่ะ?

    พวกผู้ใหญ่ก็เริ่มลืมเลือนและเห็นพวกภูตผีเป็นเสมือนก้อนเงินก้อนทอง รีบเข้าไปเก็บโกยแล้วส่งมอบให้กับโรงงานแปลงพลังงานปีศาจให้เป็นพลังงานเวทและพลังงานผลึก ซึ่งตอนนี้มันก็ได้ถูกใช้เป็นพลังงานหลักไปทั่วทั้งโลกแล้วในปัจจุบัน ด้วยความที่มันทั้งสะอาด มีปริมาณพลังที่มาก มีขนาดที่เล็ก และยังมีความปลอดภัยที่สูง ทำให้ไม่ยากเลยที่มันจะได้กลายเป็นพลังงานหลักของโลกที่ใช้ผลิตพลังงานไฟฟ้าไปทั่วโลกแทนพลังงานอย่างอื่น


    ประเทศญี่ปุ่น...เมืองหลวงโตเกียว เขตพิเศษเกาะลอยน้ำที่17

    เด็กสาวผมรุงรังและเสื้อกันหนาวตัวหนาเตอะวิ่งฝ่าผู้คนมากมายในยามเช้าเข้าไปในตู้ขบวนรถไฟฟ้าที่แน่นเอียดไปด้วยผู้คนที่กำลังจะเดินทางไปทำงานในช่วงเวลาเร่งด่วน

    บนหลังของเธอมีกระเป๋าเป้ใบยักษ์ที่ใส่หนังสือและถุงขนมมากมายจนดูน่ารังเกียจ ในมือของเธอมีหมายเลขบัตรผู้เข้าสอบที่เธอได้ไปทำการสอบแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อน เธอมองผ่านแว่นสายตาอันหนาเตอะทรงวงกลมไปยังบัตรผู้เข้าสอบของตัวเองด้วยความหวัง

    เด็กสาวมองหาวันที่ประกาศผลสอบบนกระดาษ และลองเอามาเทียบกับเวลาในสมาร์ทโฟนของเธอที่ได้รับมาในวันเกิดเมื่อนานมาแล้ว

    เด็กสาวถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้งอย่างโล่งอก เพราะวันและเวลาไม่ได้คาดเคลื่อนไปจากวันที่ปรากฏอยู่บนบัตรของผู้เข้าสอบเลย

    เธอตื่นเต้นมากกับการสอบเข้าสอบสมาพันธ์โรงเรียนสอนปราบผีนานาชาติประจำสาขาญี่ปุ่น เธอไม่ได้เก่งเวทปราบผีสายตะวันออกของสาขาญี่ปุ่นนี้เลย แต่ด้วยความที่เธอไม่สามารถไปสอบเข้าที่สาขาในประเทศจีนได้เพราะเธอดันตื่นสายและไปขึ้นเครื่องไม่ทัน แล้วพอเธอจะหาตั๋วขึ้นเครื่องลำดับถัดไปก็ไม่มีซะแล้วเพราะตั๋วเครื่องบินได้ถูกสั่งจองเอาไว้หมดแล้ว ทำให้เธอพลาดการเข้าสอบที่สาขาในประเทศจีนไปอย่างไม่น่าให้อภัย

    แต่ยังดีที่สมาพันธ์โรงเรียนสอนปราบผีนานาชาติประจำสาขาญี่ปุ่นยังไม่ได้ปิดรับสมัครที ดังนั้นเธอจึงรีบตีตั๋วเครื่องบิน บินจากประเทศไทยมายังประเทศญี่ปุ่นอย่างเร่งด่วน แต่ด้วยภาษาญี่ปุ่นที่กระท่อนกระแท่นและความรู้ทางคณิตศาสตร์ที่เทียบเท่ากับลิงบวกเลขของเธอแล้ว จึงทำให้เธอรู้สึกวูบวาบกับคำตอบในกระดาษข้อสอบครั้งที่แล้วไม่ได้ว่าเธอจะได้คะแนนเกินครึ่งหรือเปล่า

    และการสอบปฏิบัติที่เกี่ยวกับการใช้เวทตะวันออกของญี่ปุ่นก็ไม่ทำให้เธอผิดหวังแต่อย่างใด เพราะความรู้ด้านเวทสายนี้ของเธอก็ไม่มีอยู่แล้ว แถมยังไม่รู้จักวิธีใช้พลังของสัตว์เทพจัตุรทิศและหลักเบญจธาตุซึ่งเป็นหัวใจหลักของเวทสายนี้อีก จึงทำให้คะแนนของเธอดำดิ่งลงเหวติดศูนย์แซงทั้งทางตรงและทางโค้งของคะแนนสอบข้อเขียนเข้าเส้นชัยไปได้อย่างไม่อยากเย็นนัก

    แต่ยังดีที่เธอทำคะแนนด้านการใช้อาวุธได้ดี ถึงเธอจะคิดว่าเขาคงจะไม่ค่อยให้คะแนนด้านนี้สักเท่าไรเพราะถ้าคุณมีอาวุธวิเศษที่คุณภาพสูง คุณก็สามารถที่จะตีหัวผีให้แบะได้อย่างไม่ยากลำบากนัก เขาเลยไม่ค่อยได้ให้คะแนนด้านนี้มากสักเท่าไรเพราะใช้วัดความสามารถส่วนตัวของบุคคลไม่ค่อยได้นั่นเอง

    “ต่อไปเป็นสถานีรถไฟฟ้าประจำสมาพันธ์โรงเรียนสอนปราบผีนานาชาติสาขาญี่ปุ่น ขอให้ผู้โดยสารทุกคนที่จะลงสถานีต่อไปตรวจเช็คกระเป๋าสัมภาระของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่จะลงจากรถไฟด้วยค่ะ”

    เสียงประชาสัมพันธ์ของเจ้าหน้าที่สาวที่ประกาศบอกชื่อสถานีดังขึ้นทั่วทั้งตัวรถไฟ ทำให้เด็กสาวที่กำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเธอจำเป็นต้องลงสถานีต่อไปนี้แล้ว

    เด็กสาวเดินเบียดเสียดผู้คนออกจากสถานีรถไฟฟ้า ระหว่างที่เธอกำลังเดินออกจากสถานีที่มีพื้นเป็นบันไดลาดลงอยู่นั้น เธอก็มองไปยังเด็กชายเด็กสาวรุ่นเดียวกันกับเธอที่มีอยู่มากมายและกำลังเดินเข้าสถานีรถไฟเพื่อเดินทางกลับบ้านอย่างหน้าชื่นตาบาน

    ทุกคนดูมีความสุขจนเธออดที่จะรู้สึกอิจฉาเด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้นไม่ได้ เพราะการที่ได้เข้าเรียนโรงเรียนสอนปราบผีนั้นเป็นความฝันของเธอมาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ว่าตอนนี้การปราบภูตผีปีศาจมันจะกลายเป็นอะไรที่มีไว้เพื่อใช้อวดโอ้พลังฝีมือที่เหนือกว่าให้คนอื่นเห็นและเป็นเครื่องมือในการใช้หาเงินในยุคสมัยนี้ไปแล้วก็ตาม

    แก๊ป…แก๊ก

    ระหว่างทางที่เธอเดินไปนั้นเต็มไปด้วยเศษหิมะและแก้วน้ำแข็งของฤดูหนาว เสียงแผ่นน้ำแข็งแตกบนพื้น ทำให้เด็กสาวต้องก้มหน้าลงไปมองอย่างระมัดระวัง

    ภาพสะท้อนที่แสดงอยู่บนเศษน้ำแข็งที่แตกหักนี้ มันช่างทรมานหัวใจของเธอซะเหลือเกิน

    “เฮ่ย... ดูไม่ได้เลยนะเรา”

    เด็กสาวบ่นกับตัวเอง เธอในวัยเด็กที่เคยสวยใสดั่งตุ๊กตาผลึกแก้ว บัดนี้กลับกลายเป็นเด็กสาวที่เนื้อตัวสกปรกมอมแมมสวมใส่แว่นตาหนาเตอะทรงกลมอันใหญ่ที่ยิ่งมองก็ยิ่งเหมือนกับคนบ้าผสมกับคนเมา แล้วไหนจะผมเผ้ารกรุงรังที่รวบมัดเอาไว้ด้วยหนังยางเส้นเดียวนี้อีก สภาพตรงหน้าไม่ต้องบอกเธอก็รู้ดีว่าตัวเองนั้นดูย่ำแย่มากแค่ไหน

    ทั้งชีวิตที่ผ่านมาวันๆเธอก็เอาแต่ฝึก ฝึก แล้วก็ฝึก ขนาดเวลานอนก็ยังต้องอ่านหนังสือ เวลากินก็ยังต้องอ่านหนังสือ เวลาอาบน้ำหรือทำธุระส่วนตัวก็ต้องท่องจำสูตรเวทไปพร้อมกันด้วย

    เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอเคยมีช่วงเวลามาดูแลตัวเองหรือทำอย่างอื่นเหมือนกับเด็กคนอื่นเขาไหม เพราะขนาดผมบนหัวเธอ เธอยังไม่รู้เลยว่าได้สระครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนไหน แต่เธอคิดว่ามันคงจะไม่เกิน3เดือนที่แล้วน่าจะได้ หรือมันอาจจะมากกว่านั้นสักเดือนเศษซึ่งเธอเองก็จำไม่ค่อยได้แล้ว

    “ถ้ามีเวลาว่างคงต้องหันมาดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้ซะบ้างแล้ว ถ้ามีเวลานะ...”

    ไม่รู้ว่าเธอเคยกล่าวคำๆนี้ให้กับตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วทุกครั้งที่ดูภาพสะท้อนของตัวเองบนกระจก แต่ก็นะดูเหมือนเธอจะไม่ได้สนใจมันซะด้วยซ้ำ

    ******

    หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เดินมาถึงข้างหน้าบอร์ดประกาศผลสอบของสมาพันธ์โรงเรียนสอนปราบผีนานาชาติประจำสาขาญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้กำลังมีผู้คนมากมายเบียดเสียดกันเพื่อเข้าไปดูผลสอบที่ถูกติดไว้บนบอร์ดประกาศผลขนาดใหญ่ตรงหน้า

    เด็กสาวผู้มืดมนยืนขยี้หัวตัวเองอย่างสับสน เพราะใจหนึ่งเธอก็อยากที่จะเข้าไปดู แต่อีกใจหนึ่งกลับปฏิเสธที่จะเข้าไปดู

    ‘จะเข้าไปดูดีไหมนะ หรือว่าจะไม่เข้าไปดูดี อ้าย...ไม่อยากจะเข้าไปดูมันเลย ทำไงดีๆ แต่ถ้าไม่เข้าไปดูแล้วจะรู้ได้ยังไงละว่าเราสอบผ่านหรือสอบตก อา...ไม่นะฉันจะต้องสอบตกแน่ๆเลย ทำไงดี ทำไงดีๆ’

    เด็กสาวเดินไปเดินมาหน้าบอร์ดประกาศผลสอบอย่างร้อนรน ในหัวสมองของเธอนั้นมีแต่ความคิดวุ่นวายที่พันกันเต็มไปหมด เพราะไม่ว่าเธอจะใช้ความคิดที่เข้าข้างตัวเองมากสักแค่ไหน สุดท้ายแล้วเธอก็รู้อยู่แล้วว่าเธอมีสิทธิ์สอบตกมากกว่าครึ่ง

    ‘ไม่ ไม่ ไม่ เราต้องคิดไปในทางที่ดี บ้างทีเราอาจจะสอบผ่านก็ได้ใครจะไปรู้ ยังไงเราก็ต้องเข้าไปดูก่อน แล้วถ้าพลาดขึ้นมาก็ค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง’

    เด็กสาวใช้สองมือตบใบหน้าของตัวเองแรงๆเพื่อเรียกกำลังใจก่อนที่จะก้าวไปหาบอร์ดประกาศผลที่อยู่ข้างหน้าด้วยหัวใจที่เต้นระรัวราวกับกำลังจะไปออกรบ

    สองตาของเธอสอดส่องหาหมายเลขและชื่อของตัวเธอเองที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า

    Patoomma (ปทุมมา)  Krawmanee (แก้วมณี) ID: H00348 ด้วยความรวดเร็ว

    เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เธอไม่สามารถใช้นามสกุลของคุณย่าหรือไม่ก็คุณยายของเธอได้ ไม่อย่างนั้นตอนนี้เธอคงจะมีชื่อเสียงโด่งดังและมีสิทธิ์ใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่มากมายของวงศ์ตระกูลได้

    ดีไม่ดีเธออาจจะไม่ต้องมาสอบเข้าเองแบบนี้ก็ได้ เพราะพวกเขาต้องให้สิทธิ์พิเศษไม่ต้องสอบเข้ากับตระกูลนักปราบผีมือหนึ่งอย่างตระกูลเฉิน และตระกูลวิสหรือดยุคออฟวิซาร์ดอยู่แล้ว

    บอร์ดประกาศผลใช้วิธีเรียงลำดับตามรหัสIDจากA00001และต่อไปเรื่อยๆ

    ปทุมมาเดินเข้าไปอ่านหมายเลขในบอร์ดรายชื่ออักษรH ก่อนที่จะไล่สายตาไปตามบอร์ดเพื่อหาหมายเลขของตัวเองที่ตามด้วย00348

    และก็เป็นไปอย่างที่คิดจริงๆ หมายเลขของเธอไม่ได้อยู่ในรายชื่อเหล่านั้นเลย....

    มันน่าผิดหวังมากจนเธอไม่รู้ที่จะทำหน้ายังไง

    แต่สุดท้ายเธอถอนหายใจออกมาก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาเดินกลับออกมาด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว ทั้งๆที่รู้ดีอยู่แล้วว่ายังไงก็คงจะสอบไม่ผ่าน แต่ถึงยังงั้นในใจลึกๆของเธอก็หวังว่าชื่อของเธอจะติดอยู่ในกลุ่มคนที่สามารถเข้าไปเรียนในโรงเรียนสอนปราบผีนานาชาติได้อย่างเต็มภาคภูมิ

    “แล้วทีนี้จะเอายังไงต่อละเนี้ย”

    เด็กสาวกล่าวพร้อมกับเงยหน้ามองขึ้นฟ้า ทั้งๆที่เธอก็ฝึกฝนมาอย่างหนักและเอาเป็นเอาตาย แต่ดันไปฝึกสายที่ผิดจากที่เข้าสอบซะงั้น แล้วเธอจะกลับไปบอกแม่ของเธอยังไงล่ะทีนี้

    ว่าเธอสอบไม่ผ่าน…

    “ระหว่างเดินกลับก็ค่อยๆคิดเอาแล้วกัน”

    ในหัวของเด็กสาวว่างเปล่าและไร้ซึ่งความคิดใดๆ ทั้งๆที่เธอพยายามมาโดยตลอด10ปี แต่สิ่งที่เธอได้รับกลับกลายเป็นสิ่งที่ว่างเปล่าและไร้ค่า ราวกับว่า10ปีที่ผ่านมาของเธอนั้นไม่มีความหมายอะไรเลย ทุกอย่างมันจบสิ้นแล้ว

    เด็กสาวเดินกลับไปทางสถานีด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ถึงเธอจะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องสอบไม่ผ่านแต่เธอก็ทำใจยอมรับมันไม่ได้อยู่ดี น้ำตาที่ไม่เคยไหลออกมาเป็นเวลากว่า10ปีที่ยากลำบาก กลับไหลออกมานองใบหน้าจนดูเศร้าหมองและมองดูอะไรไม่เห็น

    “ฮื่อๆ ไม่นะ ไม่ ฉันจะไม่ร้องไห้ เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้ฉันเจ็บปวดได้หรอกน่า”

    เธอพยายามกั้นหายใจเพื่อไม่ให้มีเสียงสะอื้นออกมา แต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนักเพราะหัวใจของเธอยังคงเจ็บปวดและยังคงร้องไห้ออกมา

    สุดท้ายเธอก็ต้องทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าตัวเองแล้วร้องไห้ออกมาดังๆ ทั้งที่มันเป็นความฝันของเธอ ทั้งที่เธอพยายามจนมั่นใจเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าเธอจะต้องทำได้ ทั้งที่เธออดทนฝึกฝนมนตราทั้งหลายจนแทบจะไปถึงขั้นจอมขมังเวทย์ ทั้งที่เธอฝึกกระบี่จนมือแทบจะแตกหักออกเป็นเสี่ยงๆ

    แต่นี้มันคืออะไร มันคือความฝันใช่ไหม และถ้าลืมตาตื่นขึ้นมาทุกอย่างมันจะสลายหายไปใช่หรือไม่ เธอเองก็ไม่สามารถที่จะตอบคำถามนั้นของตัวเองได้เหมือนกัน


    หลังจากที่เด็กสาวนั่งร้องไห้อยู่เป็นชั่วโมง เธอก็ต้องเดินทางกลับไปยังห้องพักของตัวเองด้วยรถไฟฟ้า เพื่อกลับไปเก็บข้าวของของตัวเองแล้วเตรียมตัวเดินทางกลับประเทศไทย พร้อมกับทิ้งความฝันที่จะเป็นนักปราบผีนี้เอาไว้ข้างหลังเพื่อไปหาอย่างอื่นทำแทน

    เพราะการที่จะเป็นนักปราบผีที่ถูกต้องในปัจจุบันนั้นมีทางเดียวคือต้องได้รับใบอนุญาตจากสมาพันธ์โรงเรียนสอนปราบผีนานาชาติเท่านั้น หรือก็คือจะต้องเข้าเรียนและจบออกมานั้นเอง ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนจับได้ข้อหาเป็นนักปราบผีเถื่อนที่เดี๋ยวนี้ชอบก่อความวุ่นวายไปทั่วอย่างไม่เลือกหน้าอยู่ในปัจจุบัน
    และอีกสาเหตุหนึ่งที่เธอต้องถอดใจนั้นก็เป็นเพราะการสอบในแต่ละปีจะมีให้เฉพาะเด็กที่อายุ16ปีเท่านั้นที่สามารถสอบเข้าได้ ซึ่งมันเป็นกฎของความเท่าเทียมในอายุ และเป็นมาตาฐานเพื่อไม่ให้คนหนึ่งสอบได้หลายครั้งหรือการที่ให้คนอายุมากกว่ามาสอบแข่งด้วย ซึ่งมันจะเป็นการทำให้วุ่นวายมากขึ้นเพราะแค่ปีๆหนึ่งก็มีเด็กอายุ16ปีมาขอสอบเข้ามากมายมหาศาลแล้ว

    แล้วถ้าเปิดให้เด็กอายุ17ปีมาสอบรอบ2ด้วย จำนวนเด็กก็จะกลายเป็น2-3เท่า ทำให้ทางสมาพันธ์ลำบากในการจัดพื้นที่เข้าสอบ และเด็กอายุ17ปีนั้นส่วนใหญ่ก็คือพวกที่มีพลังน้อยอยู่แล้วในการสอบครั้งแรก หรือก็คือเป็นพวกที่ไร้ค่าและไร้พลังที่เหลืออยู่นั้นเอง เพราะอย่างนั้นจึงไม่มีการจัดสอบรอบ2ให้กับเด็กที่อายุเกิน16ปีไปแล้วนั่นเอง


    ระหว่างที่ปทุมมากำลังเดินเข้าไปในซอยทางเข้าหอพักที่เป็นที่ห้องพักชั่วคราวของเธออยู่นั้น เธอก็มองเห็นควันไฟลอยขึ้นสูง และผู้คนกำลังวิ่งวุ่นวายกันไปมาราวกับว่าที่นี้กำลังเกิดเรื่องราวใหญ่โตอยู่ยังไงยังงั้น

    ปทุมมาจับเสียงพูดคุยรางๆจากผู้คนที่วิ่งวุ่นไปมาและได้ใจความว่าภายในซอยหอพักนี้กำลังเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้น

    และนั้นก็ไม่ใช่ข่าวที่เธอจะรู้สึกดีได้เลย เพราะหอพักของเธอก็อยู่ใกล้ๆแถวนี้ และนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยที่จะเกิดขึ้นกับเธอในวันนี้ ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอรีบวิ่งกลับไปยังหอพักของเธอด้วยความรีบร้อน

    และภาพที่เธอเห็นก็คือเปลวไฟที่โหมไหม้ห้องพักของเธอจนสูงท่วมหลังคา และพอดูจากสีเขียวม่วงของเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้แล้ว มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติได้อย่างแน่นอน มันจะต้องมีภูตผีปีศาจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน

    ปทุมมาถึงกับนิ่งไปเมื่อพบกับความจริงที่ว่าห้องพักชั่วคราวของเธอนั้นถูกไฟไหม้จนไม่สามารถที่จะทำอะไรได้อีกแล้ว และพวกทรัพย์สินของเธอที่อยู่ในนั้นก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะมันคงจะไหม้ไฟไปจนหมดแล้วด้วย

    ปทุมมารู้สึกเหมือนว่าแขนขาของตัวเองกำลังด้านชาจนไม่สามารถขยับร่างกายได้

    ไฟร้ายยังคงโหมกระหน่ำเหมือนกับมันจะไม่ยอมหยุดจนกว่าห้องพักของเด็กสาวจะสลายกลายเป็นเถ้าถ่านสีขาว และด้วยสัมผัสพิเศษของเธอทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าไฟร้ายนั้นไม่สามารถดับได้ด้วยน้ำธรรมดาที่ชาวบ้านแถวนั้นช่วยกันฉีดและราดน้ำเพื่อดับมัน

    ตอนนี้เธอรู้สึกสั่นเทาไปทั้งตัวด้วยความโกรธ เพราะแค่เธอสอบไม่ผ่านมันก็เจ็บปวดมากพออยู่แล้ว

    แต่นี้... แต่นี้... ไฟยังจะมาไหม้ของที่อยู่ในห้องพักของเธออีกถึงแม้ว่าของสำคัญต่างๆของเธอจะไม่ได้อยู่ในนั้นมากมายนัก แต่มันก็พอจะทำให้เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้

    “หึๆๆ อยากลองดีนักใช่ไหมเจ้าวิญญาณไฟหน้าโง่ ได้!!...เพราะตอนนี้ฉันเองก็กำลังอยากที่จะหาที่ลงเหมาะอยู่พอดี และนายเองก็มาได้จังหวะพอดีเลยล่ะ”

    รอยยิ้มประหลาดผลุดขึ้นมาบนใบหน้าของเด็กสาวที่ยิ่งมองก็ยิ่งดูเหมือนคนโรคจิตที่กำลังจะสติแตกยังไงยังงั้น

    ชาวบ้านที่ยืนอยู่แถวนั้นก็ถึงกับสะดุ้งตัวโหย่งถอยห่างออกจากเธออย่างไม่รู้ตัว เพราะด้วยไอวิญญาณของปทุมมาที่ปล่อยออกมานั้นมันไม่ธรรมดาเลย

    “ฉันเองก็ไม่อยากจะมาแหกกฎการใช้พลังแถวนี้หรอกนะ เพราะแค่วันนี้วันเดียวฉันก็เครียดมากพออยู่แล้ว แต่นายยังอุตส่าห์มาทำให้ฉันเครียดเข้าไปอีก!!”

    ว่าแล้วปทุมมาก็หยิบกระบี่คู่กายของเธอออกมาจากกระเป๋าหลังอย่างเชื่องช้า

    ฝักกระบี่ถูกตกแต่งด้วยรวดลายสลักมังกรผงาดสีขาวอย่างสาวงามและน่าเกรงขาม จนสามารถบอกได้เลยว่ากระบี่เล่มนี้ต้องเป็นกระบี่โบราณที่ทรงคุณค่าอย่างแน่นอน

    “ได้เวลาปล่อยของแล้วกระบี่หยกมังกรขาว ท่ากระบี่ที่หนึ่งมังกรขาวคืนสู่สวรรค์”

    ว่าแล้วเธอก็ชักกระบี่วาดขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็วจนแทบมองไม่เห็น

    ซู่ม…

    คลื่นพลังสีขาวขนาดใหญ่พวยพุ่งออกมาจากพื้นดินขึ้นสู่ท้องฟ้าดั่งมังกรทะยาน มันสามารถกลืนกินทั้งหอพักและวิญญาณไฟให้หายไปได้ในชั่วพริบตา

    และด้วยความรวดเร็วดั่งแสงวาบนั้นก็ทำให้วิญญาณร้ายหายไปทั้งๆที่ยังไม่ได้มีโอกาสกรีดร้องหรือส่งเสียงอะไรออกมาเลย

    ดูไปแล้วมันก็จากไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและชอกช้ำใจไม่น้อยที่ต้องหายไปทั้งๆที่ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรกับเด็กสาวที่ตรงหน้านี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

    ไฟได้มอดดับลงอย่างกะทันหันพร้อมๆกับหอพักที่หายไปด้วยพร้อมกันกับแสงสว่างสีขาว

    ทำให้ชาวบ้านที่มุงดูอยู่โดยรอบต่างก็งุนงงสับสน ผู้คนเหล่านั้นต่างหันมามองเด็กสาวที่เนื้อตัวสกปรกมอมแมมอย่างไม่อยากเชื่อสายตา แต่ก็ไม่อาจจะไม่เชื่อไม่ได้เพราะแสงสว่างสีขาวจากกระบี่หยกที่ยังส่องแสงอยู่นั้นก็เป็นหลักฐานได้เป็นอย่างดีว่าเป็นเธอคนนี้แหละที่ปล่อยคลื่นมังกรสีขาวออกมา

    ปทุมมาเก็บกระบี่เข้าฝักอย่างไม่ใส่ใจกับสายตารอบข้างที่มองอยู่ เพราะหลังจากที่เธอได้ปล่อยพลังออกไปแล้ว เธอก็รู้สึกเหมือนกับได้ระบายความไม่สบายใจทั้งหมดนั้นออกไปด้วย

    แต่นี้คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เธอจะใช้พลังที่เธออุตส่าห์ฝึกฝนมาตลอด10ปี และครั้งหน้าคงจะไม่มีอีกแล้วในเมื่อเธอเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้มันได้อีกต่อไป

    “ลาก่อนความฝันของฉัน”

    เธอมองดูร่องรอยที่เหลืออยู่ของท่ากระบี่มังกรขาวอย่างอ้างว้าง พร้อมกับบอกลาความฝันของตัวเองไปด้วยพร้อมๆกัน



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×