คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 14 เพื่อนร่วมหอพัก
ตอนที่ 14
เพื่อนร่วมหอพัก
“ประธานนักเรียนอากาเสะเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณ เพราะงั้นอย่ามายุ่ง”
อิกะตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำและไม่อยากให้อากาเสะเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นคำพูดของเธอก็ไม่ได้ทำให้ประธานนักเรียนสาวอย่างอากาเสะหวั่นไหวได้เลยแม้แต่น้อย
“จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวฉันก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ถ้าพวกเธอทั้งสามคนยอมถอยไปแต่โดยดีฉันจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องเมื่อสักครู่นี้”
คำพูดของอากาเสะนั้นถ้าไม่ใช่คนโง่คงจะฟังออกว่าเธอกำลังพูดจาข่มขู่พวกอิกะอยู่ และถึงอิกะจะถือดีในตัวเองมากแค่ไหน เธอก็ไม่กล้าที่จะวัดกับอากาเสะที่เป็นถึงประธานนักเรียนตรงๆ ดังนั้นเวลานี้เธอจึงเลือกที่จะถอยออกมาก่อน
“ครั้งนี้ฉันจะถือว่าท่านประธานขอร้อง แต่อย่าหวังว่าครั้งหน้าเธอจะรอดไปได้อีกนะยายะระวังตัวเอาไว้ให้ดี”
อิกะพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับใบหน้าที่เกรี้ยวกราด จนเพื่อนของเธออีกสองคนแทบที่จะเดินตามอิกะไม่ทัน
“จะไปแล้วยังจะมาทำเป็นหยิ่งอีกนะยายนั่นนะ ทั้งๆที่กลัวอากาเสะจนต้องรีบหนีไปเองแท้ๆ”
มิซากิที่มาโรงเรียนด้วยกันพร้อมกับอากาเสะเอ่ยขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นท่าทางเฉิดๆอย่างกับนางพญาของอิกะเมื่อสักครู่นี้
“เอาน่าจบโดยที่ไม่มีเรื่องกันฉันว่ามันก็ดีพอแล้วนะ”
ซามิยะเอ่ยออกมาอย่างโล่งใจ เพราะเธอเองก็ไม่อยากให้มีการต่อสู้กันเกิดขึ้นและทำให้ได้รับบาดเจ็บด้วยกันทั้ง2ฝ่าย ถึงแม้ว่าในความจริงที่แล้วๆมาอากาเสะจะเป็นคนโจมตีฝ่ายตรงข้ามอยู่คนเดียวจนคู่ต่อสู้ตอบโต้กลับไม่ได้เลยสักครั้งก็ตามที แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อยากให้อากาเสะและอิกะที่เป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกันต้องมาต่อสู้กันเองอยู่ดี
“เธอเป็นอะไรมากหรือเปล่า?”
อากาเสะเอ่ยถามโทโมเอะอย่างเป็นห่วง ซึ่งเธอก็ส่ายหัวและบอกว่าไม่เป็นไร
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณประธานอากาเสะมากเลยค่ะที่เข้ามาช่วย”
โทโมเอะเอ่ยพร้อมกับก้มหน้าหลบสายตาของเธอลง ตามจริงแล้วเธออยากที่จะวิ่งตามไปแก้ความเข้าใจผิดกับอิกะแต่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดอะไรกับอิกะดี เพราะเธอรู้ดีอยู่แล้วว่าตอนนี้อิกะนั้นคงจะไม่ยอมรับฟังเหตุผลใดๆของเธอทั้งสิ้น
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกคุณโทโมเอะ เพราะความจริงแล้วฉันก็กำลังตามหาตัวเธออยู่พอดี”
“เอ๊? ทำไมเหรอค่ะ”
“พอดีฉันได้อ่านประวัติของเธอแล้วรู้สึกสนใจขึ้นมานะ เลยอยากที่จะชวนเธอเข้ามาทำงานในสภานักเรียนด้วยกัน”
อากาเสะเอ่ยเฉลย เพราะความจริงแล้วที่เธอยังเดินสำรวจอยู่แถวนี้ก็เป็นเพราะเธอกำลังเดินตามหาตัวโทโมเอะอยู่นั่นเอง
“เอ่อ... แต่ว่าฉันไม่ได้มีความสามารถอะไรมากเป็นพิเศษเลยนะค่ะ ฉันคงจะช่วยอะไรคุณอากาเสะได้ไม่มากนัก แต่ว่าถ้าเป็นอิกะแล้วละก็ อิกะจะต้องช่วยคุณได้มากกว่าฉันอย่างแน่นอน เพราะว่าเธอนั้นเป็นคนเก่งมากอยู่แล้ว”
โทโมเอะเอ่ยออกมาอย่างน้อยใจ เพราะเธอเองก็รู้ตัวดีอยู่แล้วว่าเธอนั้นสามารถผ่านเข้ามาอยู่ในโรงเรียนสอนปราบผีนานาชาติแห่งนี้ได้ด้วยคะแนนคาบเส้น
อากาเสะที่เห็นโทโมเอะกำลังน้อยใจอยู่ก็รีบเอ่ยต่อทันที
“ไม่หรอกโทโมเอะ! ฉันนะเห็นประวัติการใช้เลขคณิตของเธอแล้วนะ มันวิเศษมากฉันไม่เคยเห็นใครเก่งเท่าเธอมาก่อนเลย เพราะงั้นมาเป็นเหรัญญิกให้กับฉันเถอะนะ”
อากาเสะตอบออกมาอย่างดีใจเมื่อนึกถึงใบประวัติอันสุดยอดของโทโมเอะที่เอ่ยถึงความสามารถทางสูตรคณิตศาสตร์ของเธอมากเป็นพิเศษ
“ตะ...แต่ว่าฉันคงไม่ดีพอหรอกค่ะ ฉันคิดว่าน่าจะมีคนที่ทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่าฉัน”
“ไม่หรอกต้องเป็นเธอเท่านั้นที่จะเป็นเหรัญญิกให้กับฉัน”
อากาเสะส่ายหน้าพร้อมกับพูดตอบ และเธอไม่ยอมปล่อยมือจากเหรัญญิกคนใหม่ของเธอนี้อย่างแน่นอน จนเพื่อนๆทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังของเธอยังต้องส่ายหัวเพราะรู้จักนิสัยชอบบังคับคนอื่นของอากาเสะเป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้นพวกเธอทั้งสองคนก็ยังคงชอบอากาเสะที่เป็นแบบนี้อยู่ดี เพราะการบังคับของอากาเสะนั้นไม่เคยเป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับคนๆนั้นเลย
“เออ...คือว่า”
โทโมเอะพยายามจะเอ่ยปฏิเสธเพราะรู้ตัวดีว่าหน้าที่นั้นสำคัญเกินกว่าที่ตัวเธอจะรับมันเอาไว้ และมันก็มีเกียรติมากเกินไปสำหรับตัวเธอที่ไม่มีความสามารถอะไรดีเด่นเลยนอกจากการคิดเลขเร็วกว่าคนอื่นได้นิดหน่อย
แต่เมื่อโทโมเอะได้หันขึ้นมาสบสายตาของอากาเสะที่ดูหนักแน่นและมั่นคงจิตใจของเธอก็เริ่มแปรเปลี่ยน พร้อมกับภายในจิตใจที่กำลังตั้งคำถามกับตัวเธอเองว่าจะมีคนที่ยังเชื่อมั่นในตัวเธอได้ถึงขนาดนี้อยู่อีกเหรอ? กับตัวเธอที่แสนจะอ่อนแอและไม่กล้าทำอะไรด้วยตัวคนเดียวนี้นะ
แต่ระหว่างที่โทโมเอะกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นปากของเธอก็พลันเอ่ยคำพูดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ฉะ...ฉันจะเป็นเหรัญญิกให้ค่ะ ฉันจะเป็นให้... เพราะงั้นให้ฉันเป็นเถอะนะค่ะ”
โทโมเอะเอ่ยออกมาอย่างไม่หยุดเหมือนกับว่าเธอไม่สามารถหยุดมันได้ เพราะโทโมเอะคิดว่านี้อาจจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายและโอกาสเดียวที่อิกะจะหันกลับมาสนใจเธออีกครั้ง สนใจเธอที่เข้มแข็งและกล้าหาญขึ้นยิ่งกว่าเดิม
เพราะอย่างนั้นปากของเธอจึงเอ่ยออกไปก่อนที่สมองจะคิด และภายในจิตใจของเธอก็ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนใหม่ เป็นโทโมเอะยายะคนใหม่ที่สามารถยืนเคียงข้างกับอิกะเพื่อนของเธอได้อย่างเต็มภาคภูมิ
‘อิกะคราวนี้ฉันจะเป็นคนปกป้องเธอเอง’
โทโมเอะให้คำมั่นกับตัวเองพร้อมกับรับข้อเสนอของอากาเสะ ซึ่งการตอบรับของโทโมเอะนั้นก็ทำให้อากาเสะยิ้มดีใจไปได้อีกพักใหญ่ เพราะตอนนี้เธอกำลังจะได้ผู้ช่วยมือดีมาอยู่ข้างตัวแล้ว
หลังจากที่โทโมเอะตอบตกลง เธอก็เดินไปที่หอพักนักเรียนเพื่อที่จะเก็บข้าวของของตัวเองที่ถูกส่งมาจากทางบ้านเอาไปไว้ที่ห้องพักของสภานักเรียนแทนตามคำชวนของอากาเสะที่อยากให้เธอได้ไปอยู่ด้วยกัน โดยอากาเสะก็ให้เหตุผลกับเธอว่าที่นั่นมันมีห้องเยอะมากเกินไปที่จะใช้อยู่กันเพียงแค่สามคน เธอก็เลยอยากที่จะชวนให้โทโมเอะย้ายมาอยู่ด้วยกัน
แต่เมื่อโทโมเอะเดินขึ้นมาจนถึงเลขห้องของตัวเองเธอก็ต้องตกใจ เมื่อพบกับคนท่าทางแปลกๆกำลังยืนด้อมๆมองๆอยู่บริเวณหน้าห้องของเธอ
เธอคนนั้นใส่ชุดนักเรียนหญิงสีเทาที่เป็นของชั้นปีที่1เหมือนกับเธอ แต่ว่าด้วยการที่เธอมีผมเผ้าที่รกรุงรัง และสวมใส่กระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่ไม่สมกับตัวแถมยังดูสกปรกนั้นก็ยิ่งทำให้โทโมเอะรู้สึกกังวลใจและสงสัยในตัวเธอมากขึ้นไปอีกว่าทำไมถึงยังมีคนที่พกกระเป๋าเป้แบบโบราณนี้ไปไหนมาไหนอยู่ด้วยอีก
‘แย่แล้วคนร้ายชัวร์!! ต้องรีบโทรแจ้งตำรวจ’
โทโมเอะที่พบเห็นท่าทางมีพิรุธของคนตรงหน้า เธอก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและโทรติดต่อไปยังนายตำรวจที่เคยให้เบอร์โทรศัพท์กับเธอเอาไว้ทันที
ปิ้ดๆ
เสียงต่อสายของโทโมเอะทำให้คนที่ดูน่าสงสัยนั้นหันหลังกลับมามอง และทันทีที่โทโมเอะเห็นรูปหน้าของคนนั้นอย่างชัดเจนเธอก็ตกใจจนเผลอทำมือถือของตัวเองหล่นลงกับพื้น
ภาพที่เธอเห็นนั้นก็คือภาพของสาวแว่นคนเดียวกันกับเมื่อคืนนี้นั้นเอง และด้วยกรอบแว่นตาทรงกลมอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอก็ยิ่งทำให้โทโมเอะจำได้เป็นอย่างดี
“สวัสดีครับนั่นใครครับ”
เสียงของโทรศัพท์ที่ตกอยู่กับพื้นดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบระหว่างคนทั้งสอง
“สวัสดีครับ….”
และพอนายตำรวจพูดขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สอง โทโมเอะก็ได้สติและรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมากดวางสายทันที
“เธอเป็นใครนะ?”
น้ำเสียงของฮาสึโนะดังขึ้นมาทำลายความเงียบอีกครั้งพร้อมกับตั้งข้อสงสัยกับผู้มาใหม่อย่างโทโมเอะ
“นี่เธอจำฉันไม่ได้เหรอ?”
โทโมเอะถามกลับอย่างสงสัยเพราะขนาดตัวเธอเองยังจำหน้าของฮาสึโนะในคืนนั้นได้เลย ถึงแม้ว่ามันจะมืดไปบ้างก็ตามที แต่ด้วยแว่นตาที่เป็นเอกลักษณ์ของฮาสึโนะนั้นทำให้เธอสามารถจำฮาสึโนะได้ทันทีที่เห็นหน้า
“หึ! ฉันจะไปจำเธอได้ยังไง? หน้าเธอไม่ได้เหมือนกับญาติพี่น้องของฉันสักหน่อย”
คำพูดของฮาสึโนะทำให้โทโมเอะถึงกับผงะถอยหลังไปสองก้าวใหญ่ด้วยความที่เธอไม่ได้ตั้งตัวเมื่อเจอกับคำพูดที่ออกไปในทางที่รุนแรงของฮาสึโนะ
ตอนนี้ฮาสึโนะอยู่ในช่วงอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะว่าเธอนั้นโดนเรนอิจิเทศนาสั่งสอนว่าการกลับบ้านดึกนั้นไม่ดียังไงมาตลอดทั้งคืนจนเธอเกือบที่จะไม่ได้นอน ดีที่ท่านเจ้าบ้านชินอิจิมาช่วยเธอเอาไว้จึงได้เข้านอน
ความจริงแล้วฮาสึโนะก็จำเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้านี้ได้นั่นแหละ แต่ว่าด้วยความที่เธอนั้นเป็นต้นเหตุทำให้ฮาสึโนะต้องโดนเทศนามาทั้งคืนจนขาแข็ง จึงทำให้ฮาสึโนะไม่ค่อยอยากจะทำความรู้จักกับเธอคนนี้สักเท่าไร
และยิ่งฮาสึโนะมีคดีทำร้ายร่างกายติดตัวมาจากเมื่อคืนนี้แบบสดๆร้อนๆอีก ก็เลยทำให้เธอในตอนนี้ต้องตีเนียนทำเป็นไม่รู้จักกับโทโมเอะที่น่าจะเป็นพยานให้กับพวกนักเลงทั้งสี่คนในการฟ้องร้องคดีความกับเธอ
“ไม่จริงน่า!! เธอต้องจำฉันได้แน่ๆ ก็เมื่อคืนนั้นนะเธอยังทำท่าจะโบกมือให้กับฉันอยู่เลย”
โทโมเอะเน้นย้ำในคำพูดของตัวเองพร้อมกับก้าวเดินเข้ามาประชิดตัวฮาสึโนะ
ฮาสึโนะนั้นถึงกับร่ำร้องตะโกนขึ้นมาในใจเมื่อโทโมเอะเดินเข้ามาใกล้ในระยะที่เกินจะสามารถหลบเลี่ยงสายตาซึ่งกันและกันได้
นัยน์ตาสีชมพูก่ำหวานแหววของโทโมเอะจ้องมองฮาสึโนะด้วยความตั้งใจจับผิด จนฮาสึโนะรู้สึกว่าถ้าไม่รีบคิดทำอะไรสักอย่างแล้วละก็ เธอคงจะต้องแสดงท่าทางมีพิรุธออกมาแน่ๆ จนเป็นเหตุให้เด็กผู้หญิงตรงหน้านี้จับผิดเธอได้
และต่อจากนั้นไม่นานเธอก็คงจะโดนพวกนักเลงนั่นฟ้องกลับ จนเธอต้องไปนอนเล่นตบยุงอยู่ในคุกไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันไปอีก20ปีข้อหาใช้วิชาปราบผีในการทำร้ายผู้คนอย่างผิดกฎหมาย
“เธอพูดอะไรนะฉันไม่เห็นจะรู้เรื่อง และเมื่อคืนฉันเองก็นั่งอ่านหนังสืออยู่กับบ้านตลอดทั้งคืน ไม่เชื่อเธอก็ลองดูขอบตาของฉันสิ! คล้ำไปหมดแล้วเห็นไหม?”
ฮาสึโนะพยายามจะแก้ต่างเรื่องเวลากับสถานที่ แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อโทโมเอะยังคงยืนยันคำเดิมอย่างหนักแน่น
“ฉันไม่เชื่อเธอหรอกก็ฉันนะเห็นมากับตาว่าเธออยู่ที่นั่นเมื่อคืนนี้ และเป็นคนช่วยฉันที่โดนเวทไม้หนามจับเอาไว้ด้วยการไปจัดการกับพวกนักเลงทั้งสี่คนให้สลบ เพื่อเป็นการคลายเวทมนตร์ออก”
โทโมเอะพยายามเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนนี้อีกครั้ง แต่เธอกลับถูกฮาสึโนะขัดขึ้นมาอย่างเสียงแข็ง
“ถ้างั้นเธอก็ลองเอาหลักฐานออกมาแสดงให้ฉันดูหน่อยสิ และช่วยบอกฉันด้วยว่าเมื่อคืนนี้เด็กแว่นติดเรียนและแสนจะอ่อนแออย่างฉันนี้เอาอะไรไปจัดการกับพวกนักเลงหัวไม้ทั้งสี่คนที่เธอว่ามา”
คำพูดของฮาสึโนะทำให้โทโมเอะถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะนิ่งเงียบไป เพราะความจริงแล้วเธอเองก็ไม่ได้มีหลักฐานอะไรที่จะมายืนยันได้ตามที่ฮาสึโนะพูดจริงๆ
และอีกอย่างเธอเองก็ไม่รู้ด้วยว่าฮาสึโนะนั้นใช้วิธีการอะไรในการจัดการกับกลุ่มนักเลงทั้งสี่คนที่มีพลังฝีมือมากมายขนาดนั้นได้ด้วยตัวคนเดียว และไม่เพียงแค่นั้นเธอยังสามารถจัดการกับกลุ่มนักเลงทั้งสี่คนได้ด้วยระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีหลังจากที่โทโมเอะละสายตาไปจากเธอ
“ถ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วเธอก็ช่วยหลีกทางให้ฉันหน่อย เพราะฉันกำลังจะไปขอกุญแจห้องดอกใหม่กับผู้ดูแลหอ”
ฮาสึโนะพูดเสร็จก็เดินผ่านตัวโทโมเอะไปที่บันได
“เดี๋ยวก่อนสิฉันยังไม่ได้พูดเรื่องสำคัญกับเธอเลย”
น้ำเสียงที่ฟังดูเศร้าสร้อยของโทโมเอะทำให้ฮาสึโนะหยุดเดินอีกครั้งพร้อมกับหันหลังกลับมามองโทโมเอะด้วยอาการเซ็งๆ
“คือว่าฉันอยากที่จะขอขอบคุณเธอที่ช่วยฉันไว้เมื่อคืนนี้”
น้ำเสียงน้อยๆของโทโมเอะเริ่มทำให้ฮาสึโนะรู้สึกรำคาญและรีบบอกปัดๆไปเพื่อที่จะได้หลีกหนีจากพยานปากเอกที่อาจจะล่วงรู้ความจริงของเธอ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกเพราะฉันไม่ใช่คนที่เธอเห็นเมื่อคืนนี้อย่างแน่นนอน”
หลังจากที่ฮาสึโนะพูดปฏิเสธคำขอบคุณของโทโมเอะจบ โทโมเอะก็มีสีหน้าเศร้าสร้อยลงทันตาเห็น เพราะเธอไม่นึกเลยว่าฮาสึโนะจะตอบปฏิเสธคำขอบคุณของเธอตรงๆแบบนี้
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนแล้วกัน เพราะฉันยังไม่อยากจะเสียเวลาไปกับการยืนคุยเล่นเรื่องไร้สาระกับเธอ”
ฮาสึโนะพูดจบเธอก็รีบชิ่งลงบันไดไปทันที แต่ระหว่างที่ฮาสึโนะกำลังจะชิ่งหนีไปอยู่นั้นเธอก็เหลือบไปเห็นรอยยิ้มหวานๆบนใบหน้าของโทโมเอะ ซึ่งสำหรับเธอแล้วมันช่างเป็นลางสังหรณ์อันเลวร้ายซะเหลือเกิน เมื่อหญิงสาวตรงหน้าล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของเธอและหยิบพวงกุญแจชุดหนึ่งออกมา
ตัวเลขห้องบนพวงกุญแจที่มีอยู่ประมาณสองสามดอกในมือของโทโมเอะนั้นทำให้ฮาสึโนะถึงกับหน้าซีด เมื่อพบเจอกับเบอร์กุญแจห้อง314ที่เป็นเลขห้องเดียวกันกับเธอ
“ถ้าวันนี้คุณไม่ว่างก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะเราคงจะได้คุยกันต่ออีกหลายครั้งในคืนนี้”
โทโมเอะถอดกุญแจสำรองดอกหนึ่งออกมาและยื่นให้กับฮาสึโนะ ซึ่งฮาสึโนะก็รับมันไว้ด้วยสีหน้าที่ยังคงตกตะลึงอยู่
“นี้เธอ!!”
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำไมคุณถึงพยายามที่จะปฏิเสธคำขอบคุณจากฉัน แต่ฉันคิดว่าคุณคงน่าจะเล่าเหตุผลของคุณให้ฉันฟังได้ในคืนนี้ ซึ่งมันจะดีมากถ้าพวกเราได้ปรับความเข้าใจและเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”
โทโมเอะยิ้มหวานพร้อมกับก้มศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการแนะนำตัว
“ฉันโทโมเอะ ยายะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
ซึ่งฮาสึโนะก็เผลอตัวก้มศีรษะลงและทำไปตามมายาทอย่างลืมตัวเช่นกัน
“ฉันปทุมมา แก้วมณี ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”
หลังจากเรื่องที่ได้พบกับโทโมเอะเมื่อตอนเช้าฮาสึโนะก็มานั่งเครียดอยู่ในห้องเรียนชั้นปี1ห้อง6ตลอดคาบเช้า และเธอเองก็ไม่ได้เรียนรู้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยตลอดคาบเช้าที่ผ่านมา จนตอนนี้ก็ถึงเวลาพักเที่ยงแล้วฮาสึโนะจึงคิดว่าจะเดินไปหาอะไรกินที่โรงอาหารหน่อยเพื่อหาสารอาหารใส่หัวเผื่อว่ามันจะได้ผลิตความคิดดีๆอะไรออกมาบ้าง
“ประทุมะ ทางนี้ๆ”
น้ำเสียงหวานดังเรียกฮาสึโนะที่ถือชามบะหมี่อยู่ให้หันไปมอง
“ประทุมะ มานั่งนี้สิตรงนี้ว่างอยู่นะ”
โทโมเอะพยายามเรียกฮาสึโนะให้ไปนั่งร่วมโต๊ะทานอาหารด้วยกัน แต่มีหรือที่ฮาสึโนะจะไปหาเรื่องใส่ตัวง่ายๆแบบนั้น
ดังนั้นเธอจึงหันไปดูโต๊ะรอบๆโรงอาหารแทน แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามมองหาเท่าไรมันก็ไม่มีที่ว่างดีๆสำหรับเธอเลยสักที่เดียว
สุดท้ายฮาสึโนะก็จำใจต้องไปนั่งร่วมโต๊ะกับโทโมเอะ เพราะที่นี่เขามีกฎว่าไม่ให้นักเรียนนำอาหารของโรงอาหารออกไปกินข้างนอก
แต่เมื่อฮาสึโนะเดินมาถึงโต๊ะ เธอก็พบว่าโทโมเอะนั้นไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว แต่กลับมีเพื่อนของเธอนั่งอยู่ด้วยกันอีกสามคน และหนึ่งในนั้นเธอก็จำได้เป็นอย่างดี เพราะเธอคนนั้นเคยขึ้นไปกล่าวบนเวทีในวันเปิดเรียนวันแรกมาแล้ว
“เชิญนั่งสิค่ะ”
อากาเสะกล่าวเชิญเมื่อเห็นว่าฮาสึโนะยืนนิ่งและไม่ยอมนั่งลงสักที
“อะ..อืม ขอบคุณ”
ฮาสึโนะกล่าวขอบคุณเสร็จก็เลื่อนเก้าอี้ลงนั่งตามคำเชิญของอากาเสะ ทั้งหมดนั่งนิ่งอยู่ได้สักพักหนึ่งจนเกิดบรรยากาศที่ไม่ค่อยดีนักเพราะไม่มีใครคิดที่จะเริ่มต้นพูดอะไรกันเลย
จนสุดท้ายโทโมเอะต้องรีบกล่าวแนะนำตัวให้กับฮาสึโนะแทนเจ้าตัวที่ไม่คิดจะพูดอะไรและกำลังจะเริ่มคีบบะหมี่เข้าปากโดยไม่สนใจเพื่อนร่วมโต๊ะ
“นี้ประทุมะเป็นเพื่อนร่วมห้องพักเดียวกันกับฉันค่ะ”
เมื่อโทโมเอะกล่าวแนะนำตัวให้ฮาสึโนะเสร็จ ฮาสึโนะก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับไปแบบขอไปทีเท่านั้น และการกระทำของเธอนั้นก็ทำให้เพื่อนร่วมโต๊ะที่เหลือ เกิดอาการที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรขึ้นมากับฮาสึโนะทันที
แต่จะว่าเธอก็ไม่ได้เพราะวัฒนธรรมของพวกเธอนั้นต่างกันพอสมควร และฮาสึโนะตามจริงแล้วก็เป็นพวกชอบเก็บตัวและมุ่งมั่นฝึกวิชาอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องที่จะคบใครเป็นเพื่อนหรือเข้าหาคนอื่นนั้นลืมไปได้เลย เพราะเธอไม่มีเวลาให้กับสิ่งเหล่านั้นอยู่แล้ว
“นี้เธอ!!”
มิซากิเริ่มทนไม่ไหวเมื่อเห็นการตอบรับที่ไม่มีมารยาทของฮาสึโนะ แต่เธอก็โดนอากาเสะขัดเอาไว้ซะก่อนที่จะได้มีปากเสียงกัน
“อย่าเลยมิซากิ” อากาเสะกล่าวห้ามปราม
“ต้องขอโทษแทนเพื่อนของฉันด้วยนะที่เสียมารยาทกับเธอไป ฉันอากาเสะ มิยูกิ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“อากาเสะเธอจะไปแนะนำตัวกับยายนั่นก่อนทำไม!! เธอก็เห็นว่ายายนั่นเสียมารยาทกับเราก่อน”
มิซากิไม่พอใจทันทีที่อากาเสะไปกล่าวแนะนำตัวกับคนไม่มีมารยาทอย่างฮาสึโนะก่อน
“ฉันปทุมมา แก้วมณี ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน แล้วก็จะเป็นการดีมากถ้าจะเรียกฉันว่าฮาสึโนะ แทนการเรียกชื่อจริงของฉันแบบผิดๆและไม่น่าฟังอย่างที่คุณโทโมเอะกำลังทำอยู่”
โทโมเอะรู้สึกหน้าเสียเล็กน้อยที่ถูกฮาสึโนะกล่าวพาดพิง
“นี้เธอ!!”
มิซากิของขึ้นอีกครั้งเมื่อพบกับคำพูดที่ไม่มีหางเสียงและไม่ค่อยเคารพคนอื่นของฮาสึโนะ
“อย่าน้า...มิซากิ”
ซามิยะพยายามห้ามมิซากิเอาไว้ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นมาจากเก้าอี้เพื่อไปมีเรื่องกับคนตรงหน้า และหันกลับมาเริ่มแนะนำตัวให้กับเพื่อนใจร้อนของเธอและตัวเธอเองเพื่อทำความรู้จักกัน
“คนนี้ชื่อมิซากิ ส่วนฉันชื่อซามิยะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณฮาสึโนะ”
มิซากิถึงกับหน้าเหวอไปทันที เพราะว่าไม่มีใครเข้าข้างเธอเลยสักคน จนสุดท้ายเธอก็ต้องยอมนั่งลงเงียบๆอย่างสุดงอน
“แล้วเธอชำนาญเรื่องอะไรเหรอ?”
อากาเสะถามขึ้นอย่างสงสัย เพราะในรายงานก็ไม่ได้บอกความสามารถอะไรของฮาสึโนะเอาไว้เลย อย่างกับว่าอยู่ดีๆเธอก็โผล่ขึ้นมาเป็นนักเรียนของโรงเรียนสอนปราบผีนานาชาติซะงั้น จนเธออดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่าโรงเรียนนี้รับเธอเข้ามาได้ยังไง โดยที่ไม่มีทั้งคะแนนสอบภาคปฏิบัติและข้อเขียน
“ก็ไม่ได้ชำนาญอะไรเป็นพิเศษนะ จะมีก็เป็นวิชาคณิตศาสตร์ที่แย่เป็นพิเศษ อ้อ!!..แล้วก็เรื่องภาษาเรื่องประวัติศาสตร์ แล้วก็ภูมิศาสตร์ เออ...ร่วมๆแล้วก็คงจะแย่หมดนั้นแหละ”
ฮาสึโนะพูดสรุปยอดพร้อมกับหันไปกินบะหมี่ของตัวเองต่อด้วยอาการไม่ทุกข์ร้อนอะไร เพราะยังไงเธอก็สามารถเข้ามาเรียนในโรงเรียนสอนปราบผีนานาชาติแห่งนี้ได้แล้ว ถึงแม้จะใช้เส้นสายช่วยไปบ้างก็ตามที
คนทั้งหมดบนโต๊ะอาหารที่ได้ฟังฮาสึโนะพูดดูจะอึ้งไปเล็กน้อยที่อยู่ๆคนไร้ความสามารถอย่างหญิงสาวตรงหน้านี้จะสามารถสอบเข้าโรงเรียนสอนปราบผีนานาชาติแห่งนี้ที่ขึ้นชื่อเรื่องการสอบเข้ายากสุดๆได้ด้วยความสามารถด้านวิชาการและวิชาเวทที่เจ้าตัวบอกว่าไม่ได้เรื่องและไม่มีอะไรดีเป็นชิ้นเป็นอันให้อวดใคร
“เธอพูดจริงๆเหรอ” อากาเสะถามเพื่อความแน่ใจ
“ก็จริงนะสิ ที่เข้ามาเรียนที่นี้ได้ก็เพราะโชคช่วยล้วนๆ”
ฮาสึโนะกล่าวตามความจริงแต่ก็ไม่ได้บอกทั้งหมด เพราะเดี๋ยวถ้าบอกความจริงไปหมดผอ.ของโรงเรียนอย่างเรนอิจิจะลำบากเอาได้ และเธอเองก็ไม่อยากที่จะโดนเด้งให้ออกไปในตอนนี้ซะด้วยสิ
ทั้งหมดดูเบาใจลงหน่อยที่ฮาสึโนะบอกว่าเป็นเพราะโชคช่วย ถึงแม้ว่าจะมีอยู่คนหนึ่งที่ไม่เชื่อว่าฮาสึโนะสอบเข้าที่นี้ได้เพราะโชค เพราะเธอเคยเห็นฮาสึโนะจัดการกับพวกนักเลงทั้งสี่คนที่แม้แต่อิกะเพื่อนสาวที่เก่งกาจของเธอก็ไม่สามารถสู้ได้มาแล้ว
เนื้อเรื่องในการพูดคุยก็ยังเป็นเรื่องทั่วๆไปจนพวกเธอรับประทานอาหารกันจนเสร็จ
“คุณฮาสึโนะ ตอนบ่ายพวกเราจะไปรับตราสัญลักษณ์กัน คุณจะไปด้วยกันไหมค่ะ?”
อากาเสะเอ่ยชวน เพราะวันนี้เป็นวันรับตราสัญลักษณ์สำหรับพวกที่ทำการทดสอบความสามารถในวันแรกเสร็จสิ้นไปแล้ว
“ตราสัญลักษณ์? ตราสัญลักษณ์อะไรเหรอ?”
ฮาสึโนะดูงงงวยเล็กน้อยเมื่อพบเจอกับคำถามของอากาเสะ
“เอ๊ะ!? เธอไม่รู้เรื่องตราสัญลักษณ์หรอกเหรอ?”
ไม่ใช่แค่อากาเสะที่แปลกใจ เพราะคนทั้งหมดในที่นี้ก็แปลกใจด้วยเช่นกันที่ฮาสึโนะไม่รู้เรื่องที่สำคัญแบบนี้
อากาเสะถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าฮาสึโนะไม่รู้จักอะไรกับตราสัญลักษณ์ที่สำคัญมากนี้เลยแม้แต่น้อย
“ตราสัญลักษณ์นะเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะมันจะช่วยบอกคนอื่นให้รู้ว่าเรานั้นอยู่สายไหนทำหน้าที่อะไรและมีความสามารถอยู่ในระดับใด ซึ่งมันเป็นเรื่องสำคัญมากในการจะจัดตั้งกลุ่มออกปฏิบัติหน้าที่หรือทำการทดสอบ เพราะอย่างที่รู้กันว่านักปราบผีอย่างพวกเรานั้นทำงานร่วมกันเป็นทีมไม่ใช่ออกไปต่อสู้กับภูตผีปีศาจด้วยตัวคนเดียวเหมือนกับคนบ้าสิ้นคิดที่กระทำการฆ่าตัวตาย”
สิ้นคำพูดของอากาเสะ ฮาสึโนะก็ถึงกับสะอึก เพราะคำพูดของอากาเสะนั้นแทงเข้าไปโดนฮาสึโนะเข้าเต็มๆ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ตั้งใจได้ก็ตามที
“ยะ...อย่างนั้นหรอกเหรอ”
“ก็ใช่นะสิเพราะงั้นเธอก็รีบไปทำการทดสอบเพื่อเอาตราสัญลักษณ์ซะ ไม่ยังงั้นเดี๋ยวจะไม่มีใครชวนเธอเข้ากลุ่มกันพอดี”
อากาเสะพูดออกมาด้วยความหวังดี ซึ่งฮาสึโนะก็พยักหน้ารับและตั้งใจที่จะไปเอาตราสัญลักษณ์มาให้ได้
“อืม เอาไว้ตอนบ่ายฉันจะไปลองหาที่ทดสอบดูแล้วกัน” ฮาสึโนะตอบ
“งั้นก็ดีแล้วล่ะ แต่รีบๆหน่อยนะเดี๋ยวบางสายมันจะเต็มไปซะก่อน”
อากาเสะพูดเสร็จก็หันไปมองดูเวลาในโทรศัพท์มือถือ ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน
“ถึงเวลาล่ะ พวกเราต้องขอตัวไปรับตราสัญลักษณ์ก่อนนะ โทโมเอะเธอก็มาด้วยพร้อมกันเลยสิจะได้เดินไปห้องสภานักเรียนพร้อมกันหลังจากรับตราสัญลักษณ์เสร็จ”
อากาเสะพูดบอกลาฮาสึโนะเสร็จแล้วก็หันหน้าไปชักชวนโทโมเอะให้ไปรับตราสัญลักษณ์พร้อมกันกับพวกเธอ ซึ่งโทโมเอะก็ลุกขึ้นยืนตามคำชวน เพราะยังไงแล้วหลังจากที่ไปรับตราสัญลักษณ์เสร็จเธอก็ต้องมุ่งหน้าไปทำงานที่ห้องสภานักเรียนอยู่ดี
“ถ้างั้นค่อยเจอกันคืนนี้นะคุณประทุมะ”
“อะ...ค่อยเจอกัน”
ฮาสึโนะตอบกลับอย่างฝืนๆ เพราะเธอนั้นไม่ดีใจเลยที่โทโมเอะจะมาอยู่ด้วยห้องเดียวกับเธอ เพราะหลังจากที่ได้พูดคุยกับอากาเสะที่เป็นประธานนักเรียนแล้ว ทำให้ฮาสึโนะรู้ว่าความจริงโทโมเอะกำลังจะย้ายไปอยู่ที่ห้องพักของสภานักเรียนถ้าเกิดโทโมเอะนั้นไม่ได้มาพอเจอกับเธอเข้าซะก่อน ซึ่งรวมๆแล้วก็ถือว่าเป็นความซวยของเธอเองที่ไปยืนอยู่ไม่ถูกที่ถูกเวลาในตอนนั้น
“เอาล่ะ เราคงต้องไปหาที่ทดสอบเอาตราสัญลักษณ์บ้างแล้ว”
พูดเสร็จฮาสึโนะก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับมุ่งหน้าออกจากโรงอาหารเพื่อไปหาที่ทดสอบเอาตราสัญลักษณ์
ความคิดเห็น