ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พันธสัญญารักนักปราบผีสาว (ฟรี)

    ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 14 เพื่อนร่วมหอพัก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.48K
      25
      30 มิ.ย. 62

    ตอนที่ 14

    เพื่อนร่วมหอพัก


    “ประธานนักเรียนอากาเสะเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณ เพราะงั้นอย่ามายุ่ง”

    อิกะตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำและไม่อยากให้อากาเสะเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นคำพูดของเธอก็ไม่ได้ทำให้ประธานนักเรียนสาวอย่างอากาเสะหวั่นไหวได้เลยแม้แต่น้อย

    “จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวฉันก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ถ้าพวกเธอทั้งสามคนยอมถอยไปแต่โดยดีฉันจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องเมื่อสักครู่นี้”

    คำพูดของอากาเสะนั้นถ้าไม่ใช่คนโง่คงจะฟังออกว่าเธอกำลังพูดจาข่มขู่พวกอิกะอยู่ และถึงอิกะจะถือดีในตัวเองมากแค่ไหน เธอก็ไม่กล้าที่จะวัดกับอากาเสะที่เป็นถึงประธานนักเรียนตรงๆ ดังนั้นเวลานี้เธอจึงเลือกที่จะถอยออกมาก่อน

    “ครั้งนี้ฉันจะถือว่าท่านประธานขอร้อง แต่อย่าหวังว่าครั้งหน้าเธอจะรอดไปได้อีกนะยายะระวังตัวเอาไว้ให้ดี”

    อิกะพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับใบหน้าที่เกรี้ยวกราด จนเพื่อนของเธออีกสองคนแทบที่จะเดินตามอิกะไม่ทัน

    “จะไปแล้วยังจะมาทำเป็นหยิ่งอีกนะยายนั่นนะ ทั้งๆที่กลัวอากาเสะจนต้องรีบหนีไปเองแท้ๆ”

    มิซากิที่มาโรงเรียนด้วยกันพร้อมกับอากาเสะเอ่ยขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นท่าทางเฉิดๆอย่างกับนางพญาของอิกะเมื่อสักครู่นี้

    “เอาน่าจบโดยที่ไม่มีเรื่องกันฉันว่ามันก็ดีพอแล้วนะ”

    ซามิยะเอ่ยออกมาอย่างโล่งใจ เพราะเธอเองก็ไม่อยากให้มีการต่อสู้กันเกิดขึ้นและทำให้ได้รับบาดเจ็บด้วยกันทั้ง2ฝ่าย ถึงแม้ว่าในความจริงที่แล้วๆมาอากาเสะจะเป็นคนโจมตีฝ่ายตรงข้ามอยู่คนเดียวจนคู่ต่อสู้ตอบโต้กลับไม่ได้เลยสักครั้งก็ตามที แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อยากให้อากาเสะและอิกะที่เป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกันต้องมาต่อสู้กันเองอยู่ดี

    “เธอเป็นอะไรมากหรือเปล่า?”

    อากาเสะเอ่ยถามโทโมเอะอย่างเป็นห่วง ซึ่งเธอก็ส่ายหัวและบอกว่าไม่เป็นไร

    “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณประธานอากาเสะมากเลยค่ะที่เข้ามาช่วย”

    โทโมเอะเอ่ยพร้อมกับก้มหน้าหลบสายตาของเธอลง ตามจริงแล้วเธออยากที่จะวิ่งตามไปแก้ความเข้าใจผิดกับอิกะแต่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดอะไรกับอิกะดี เพราะเธอรู้ดีอยู่แล้วว่าตอนนี้อิกะนั้นคงจะไม่ยอมรับฟังเหตุผลใดๆของเธอทั้งสิ้น

    “ไม่ต้องขอบคุณหรอกคุณโทโมเอะ เพราะความจริงแล้วฉันก็กำลังตามหาตัวเธออยู่พอดี”

    “เอ๊? ทำไมเหรอค่ะ”

    “พอดีฉันได้อ่านประวัติของเธอแล้วรู้สึกสนใจขึ้นมานะ เลยอยากที่จะชวนเธอเข้ามาทำงานในสภานักเรียนด้วยกัน”

    อากาเสะเอ่ยเฉลย เพราะความจริงแล้วที่เธอยังเดินสำรวจอยู่แถวนี้ก็เป็นเพราะเธอกำลังเดินตามหาตัวโทโมเอะอยู่นั่นเอง

    “เอ่อ... แต่ว่าฉันไม่ได้มีความสามารถอะไรมากเป็นพิเศษเลยนะค่ะ ฉันคงจะช่วยอะไรคุณอากาเสะได้ไม่มากนัก แต่ว่าถ้าเป็นอิกะแล้วละก็ อิกะจะต้องช่วยคุณได้มากกว่าฉันอย่างแน่นอน เพราะว่าเธอนั้นเป็นคนเก่งมากอยู่แล้ว”

    โทโมเอะเอ่ยออกมาอย่างน้อยใจ เพราะเธอเองก็รู้ตัวดีอยู่แล้วว่าเธอนั้นสามารถผ่านเข้ามาอยู่ในโรงเรียนสอนปราบผีนานาชาติแห่งนี้ได้ด้วยคะแนนคาบเส้น

    อากาเสะที่เห็นโทโมเอะกำลังน้อยใจอยู่ก็รีบเอ่ยต่อทันที

    “ไม่หรอกโทโมเอะ! ฉันนะเห็นประวัติการใช้เลขคณิตของเธอแล้วนะ มันวิเศษมากฉันไม่เคยเห็นใครเก่งเท่าเธอมาก่อนเลย เพราะงั้นมาเป็นเหรัญญิกให้กับฉันเถอะนะ”

    อากาเสะตอบออกมาอย่างดีใจเมื่อนึกถึงใบประวัติอันสุดยอดของโทโมเอะที่เอ่ยถึงความสามารถทางสูตรคณิตศาสตร์ของเธอมากเป็นพิเศษ

    “ตะ...แต่ว่าฉันคงไม่ดีพอหรอกค่ะ ฉันคิดว่าน่าจะมีคนที่ทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่าฉัน”

    “ไม่หรอกต้องเป็นเธอเท่านั้นที่จะเป็นเหรัญญิกให้กับฉัน”

    อากาเสะส่ายหน้าพร้อมกับพูดตอบ และเธอไม่ยอมปล่อยมือจากเหรัญญิกคนใหม่ของเธอนี้อย่างแน่นอน จนเพื่อนๆทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังของเธอยังต้องส่ายหัวเพราะรู้จักนิสัยชอบบังคับคนอื่นของอากาเสะเป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้นพวกเธอทั้งสองคนก็ยังคงชอบอากาเสะที่เป็นแบบนี้อยู่ดี เพราะการบังคับของอากาเสะนั้นไม่เคยเป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับคนๆนั้นเลย

    “เออ...คือว่า”

    โทโมเอะพยายามจะเอ่ยปฏิเสธเพราะรู้ตัวดีว่าหน้าที่นั้นสำคัญเกินกว่าที่ตัวเธอจะรับมันเอาไว้ และมันก็มีเกียรติมากเกินไปสำหรับตัวเธอที่ไม่มีความสามารถอะไรดีเด่นเลยนอกจากการคิดเลขเร็วกว่าคนอื่นได้นิดหน่อย

    แต่เมื่อโทโมเอะได้หันขึ้นมาสบสายตาของอากาเสะที่ดูหนักแน่นและมั่นคงจิตใจของเธอก็เริ่มแปรเปลี่ยน พร้อมกับภายในจิตใจที่กำลังตั้งคำถามกับตัวเธอเองว่าจะมีคนที่ยังเชื่อมั่นในตัวเธอได้ถึงขนาดนี้อยู่อีกเหรอ? กับตัวเธอที่แสนจะอ่อนแอและไม่กล้าทำอะไรด้วยตัวคนเดียวนี้นะ

    แต่ระหว่างที่โทโมเอะกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นปากของเธอก็พลันเอ่ยคำพูดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

    “ฉะ...ฉันจะเป็นเหรัญญิกให้ค่ะ ฉันจะเป็นให้... เพราะงั้นให้ฉันเป็นเถอะนะค่ะ”

    โทโมเอะเอ่ยออกมาอย่างไม่หยุดเหมือนกับว่าเธอไม่สามารถหยุดมันได้ เพราะโทโมเอะคิดว่านี้อาจจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายและโอกาสเดียวที่อิกะจะหันกลับมาสนใจเธออีกครั้ง สนใจเธอที่เข้มแข็งและกล้าหาญขึ้นยิ่งกว่าเดิม

    เพราะอย่างนั้นปากของเธอจึงเอ่ยออกไปก่อนที่สมองจะคิด และภายในจิตใจของเธอก็ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนใหม่ เป็นโทโมเอะยายะคนใหม่ที่สามารถยืนเคียงข้างกับอิกะเพื่อนของเธอได้อย่างเต็มภาคภูมิ

    ‘อิกะคราวนี้ฉันจะเป็นคนปกป้องเธอเอง’

    โทโมเอะให้คำมั่นกับตัวเองพร้อมกับรับข้อเสนอของอากาเสะ ซึ่งการตอบรับของโทโมเอะนั้นก็ทำให้อากาเสะยิ้มดีใจไปได้อีกพักใหญ่ เพราะตอนนี้เธอกำลังจะได้ผู้ช่วยมือดีมาอยู่ข้างตัวแล้ว


    หลังจากที่โทโมเอะตอบตกลง เธอก็เดินไปที่หอพักนักเรียนเพื่อที่จะเก็บข้าวของของตัวเองที่ถูกส่งมาจากทางบ้านเอาไปไว้ที่ห้องพักของสภานักเรียนแทนตามคำชวนของอากาเสะที่อยากให้เธอได้ไปอยู่ด้วยกัน โดยอากาเสะก็ให้เหตุผลกับเธอว่าที่นั่นมันมีห้องเยอะมากเกินไปที่จะใช้อยู่กันเพียงแค่สามคน เธอก็เลยอยากที่จะชวนให้โทโมเอะย้ายมาอยู่ด้วยกัน

    แต่เมื่อโทโมเอะเดินขึ้นมาจนถึงเลขห้องของตัวเองเธอก็ต้องตกใจ เมื่อพบกับคนท่าทางแปลกๆกำลังยืนด้อมๆมองๆอยู่บริเวณหน้าห้องของเธอ

    เธอคนนั้นใส่ชุดนักเรียนหญิงสีเทาที่เป็นของชั้นปีที่1เหมือนกับเธอ แต่ว่าด้วยการที่เธอมีผมเผ้าที่รกรุงรัง และสวมใส่กระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่ไม่สมกับตัวแถมยังดูสกปรกนั้นก็ยิ่งทำให้โทโมเอะรู้สึกกังวลใจและสงสัยในตัวเธอมากขึ้นไปอีกว่าทำไมถึงยังมีคนที่พกกระเป๋าเป้แบบโบราณนี้ไปไหนมาไหนอยู่ด้วยอีก

    ‘แย่แล้วคนร้ายชัวร์!! ต้องรีบโทรแจ้งตำรวจ’

    โทโมเอะที่พบเห็นท่าทางมีพิรุธของคนตรงหน้า เธอก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและโทรติดต่อไปยังนายตำรวจที่เคยให้เบอร์โทรศัพท์กับเธอเอาไว้ทันที

    ปิ้ดๆ

    เสียงต่อสายของโทโมเอะทำให้คนที่ดูน่าสงสัยนั้นหันหลังกลับมามอง และทันทีที่โทโมเอะเห็นรูปหน้าของคนนั้นอย่างชัดเจนเธอก็ตกใจจนเผลอทำมือถือของตัวเองหล่นลงกับพื้น

    ภาพที่เธอเห็นนั้นก็คือภาพของสาวแว่นคนเดียวกันกับเมื่อคืนนี้นั้นเอง และด้วยกรอบแว่นตาทรงกลมอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอก็ยิ่งทำให้โทโมเอะจำได้เป็นอย่างดี

    “สวัสดีครับนั่นใครครับ”

    เสียงของโทรศัพท์ที่ตกอยู่กับพื้นดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบระหว่างคนทั้งสอง

    “สวัสดีครับ….”

    และพอนายตำรวจพูดขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สอง โทโมเอะก็ได้สติและรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมากดวางสายทันที

    “เธอเป็นใครนะ?”

    น้ำเสียงของฮาสึโนะดังขึ้นมาทำลายความเงียบอีกครั้งพร้อมกับตั้งข้อสงสัยกับผู้มาใหม่อย่างโทโมเอะ

    “นี่เธอจำฉันไม่ได้เหรอ?”

    โทโมเอะถามกลับอย่างสงสัยเพราะขนาดตัวเธอเองยังจำหน้าของฮาสึโนะในคืนนั้นได้เลย ถึงแม้ว่ามันจะมืดไปบ้างก็ตามที แต่ด้วยแว่นตาที่เป็นเอกลักษณ์ของฮาสึโนะนั้นทำให้เธอสามารถจำฮาสึโนะได้ทันทีที่เห็นหน้า

    “หึ! ฉันจะไปจำเธอได้ยังไง? หน้าเธอไม่ได้เหมือนกับญาติพี่น้องของฉันสักหน่อย”

    คำพูดของฮาสึโนะทำให้โทโมเอะถึงกับผงะถอยหลังไปสองก้าวใหญ่ด้วยความที่เธอไม่ได้ตั้งตัวเมื่อเจอกับคำพูดที่ออกไปในทางที่รุนแรงของฮาสึโนะ

    ตอนนี้ฮาสึโนะอยู่ในช่วงอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะว่าเธอนั้นโดนเรนอิจิเทศนาสั่งสอนว่าการกลับบ้านดึกนั้นไม่ดียังไงมาตลอดทั้งคืนจนเธอเกือบที่จะไม่ได้นอน ดีที่ท่านเจ้าบ้านชินอิจิมาช่วยเธอเอาไว้จึงได้เข้านอน

    ความจริงแล้วฮาสึโนะก็จำเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้านี้ได้นั่นแหละ แต่ว่าด้วยความที่เธอนั้นเป็นต้นเหตุทำให้ฮาสึโนะต้องโดนเทศนามาทั้งคืนจนขาแข็ง จึงทำให้ฮาสึโนะไม่ค่อยอยากจะทำความรู้จักกับเธอคนนี้สักเท่าไร

    และยิ่งฮาสึโนะมีคดีทำร้ายร่างกายติดตัวมาจากเมื่อคืนนี้แบบสดๆร้อนๆอีก ก็เลยทำให้เธอในตอนนี้ต้องตีเนียนทำเป็นไม่รู้จักกับโทโมเอะที่น่าจะเป็นพยานให้กับพวกนักเลงทั้งสี่คนในการฟ้องร้องคดีความกับเธอ

    “ไม่จริงน่า!! เธอต้องจำฉันได้แน่ๆ ก็เมื่อคืนนั้นนะเธอยังทำท่าจะโบกมือให้กับฉันอยู่เลย”

    โทโมเอะเน้นย้ำในคำพูดของตัวเองพร้อมกับก้าวเดินเข้ามาประชิดตัวฮาสึโนะ 

    ฮาสึโนะนั้นถึงกับร่ำร้องตะโกนขึ้นมาในใจเมื่อโทโมเอะเดินเข้ามาใกล้ในระยะที่เกินจะสามารถหลบเลี่ยงสายตาซึ่งกันและกันได้

    นัยน์ตาสีชมพูก่ำหวานแหววของโทโมเอะจ้องมองฮาสึโนะด้วยความตั้งใจจับผิด จนฮาสึโนะรู้สึกว่าถ้าไม่รีบคิดทำอะไรสักอย่างแล้วละก็ เธอคงจะต้องแสดงท่าทางมีพิรุธออกมาแน่ๆ จนเป็นเหตุให้เด็กผู้หญิงตรงหน้านี้จับผิดเธอได้

    และต่อจากนั้นไม่นานเธอก็คงจะโดนพวกนักเลงนั่นฟ้องกลับ จนเธอต้องไปนอนเล่นตบยุงอยู่ในคุกไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันไปอีก20ปีข้อหาใช้วิชาปราบผีในการทำร้ายผู้คนอย่างผิดกฎหมาย

    “เธอพูดอะไรนะฉันไม่เห็นจะรู้เรื่อง และเมื่อคืนฉันเองก็นั่งอ่านหนังสืออยู่กับบ้านตลอดทั้งคืน ไม่เชื่อเธอก็ลองดูขอบตาของฉันสิ! คล้ำไปหมดแล้วเห็นไหม?”

    ฮาสึโนะพยายามจะแก้ต่างเรื่องเวลากับสถานที่ แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อโทโมเอะยังคงยืนยันคำเดิมอย่างหนักแน่น

    “ฉันไม่เชื่อเธอหรอกก็ฉันนะเห็นมากับตาว่าเธออยู่ที่นั่นเมื่อคืนนี้ และเป็นคนช่วยฉันที่โดนเวทไม้หนามจับเอาไว้ด้วยการไปจัดการกับพวกนักเลงทั้งสี่คนให้สลบ เพื่อเป็นการคลายเวทมนตร์ออก”

    โทโมเอะพยายามเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนนี้อีกครั้ง แต่เธอกลับถูกฮาสึโนะขัดขึ้นมาอย่างเสียงแข็ง

    “ถ้างั้นเธอก็ลองเอาหลักฐานออกมาแสดงให้ฉันดูหน่อยสิ และช่วยบอกฉันด้วยว่าเมื่อคืนนี้เด็กแว่นติดเรียนและแสนจะอ่อนแออย่างฉันนี้เอาอะไรไปจัดการกับพวกนักเลงหัวไม้ทั้งสี่คนที่เธอว่ามา”

    คำพูดของฮาสึโนะทำให้โทโมเอะถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะนิ่งเงียบไป เพราะความจริงแล้วเธอเองก็ไม่ได้มีหลักฐานอะไรที่จะมายืนยันได้ตามที่ฮาสึโนะพูดจริงๆ

    และอีกอย่างเธอเองก็ไม่รู้ด้วยว่าฮาสึโนะนั้นใช้วิธีการอะไรในการจัดการกับกลุ่มนักเลงทั้งสี่คนที่มีพลังฝีมือมากมายขนาดนั้นได้ด้วยตัวคนเดียว และไม่เพียงแค่นั้นเธอยังสามารถจัดการกับกลุ่มนักเลงทั้งสี่คนได้ด้วยระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีหลังจากที่โทโมเอะละสายตาไปจากเธอ

    “ถ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วเธอก็ช่วยหลีกทางให้ฉันหน่อย เพราะฉันกำลังจะไปขอกุญแจห้องดอกใหม่กับผู้ดูแลหอ”

    ฮาสึโนะพูดเสร็จก็เดินผ่านตัวโทโมเอะไปที่บันได

    “เดี๋ยวก่อนสิฉันยังไม่ได้พูดเรื่องสำคัญกับเธอเลย”

    น้ำเสียงที่ฟังดูเศร้าสร้อยของโทโมเอะทำให้ฮาสึโนะหยุดเดินอีกครั้งพร้อมกับหันหลังกลับมามองโทโมเอะด้วยอาการเซ็งๆ

    “คือว่าฉันอยากที่จะขอขอบคุณเธอที่ช่วยฉันไว้เมื่อคืนนี้”

    น้ำเสียงน้อยๆของโทโมเอะเริ่มทำให้ฮาสึโนะรู้สึกรำคาญและรีบบอกปัดๆไปเพื่อที่จะได้หลีกหนีจากพยานปากเอกที่อาจจะล่วงรู้ความจริงของเธอ

    “ไม่ต้องขอบคุณหรอกเพราะฉันไม่ใช่คนที่เธอเห็นเมื่อคืนนี้อย่างแน่นนอน”

    หลังจากที่ฮาสึโนะพูดปฏิเสธคำขอบคุณของโทโมเอะจบ โทโมเอะก็มีสีหน้าเศร้าสร้อยลงทันตาเห็น เพราะเธอไม่นึกเลยว่าฮาสึโนะจะตอบปฏิเสธคำขอบคุณของเธอตรงๆแบบนี้

    “ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนแล้วกัน เพราะฉันยังไม่อยากจะเสียเวลาไปกับการยืนคุยเล่นเรื่องไร้สาระกับเธอ”

    ฮาสึโนะพูดจบเธอก็รีบชิ่งลงบันไดไปทันที แต่ระหว่างที่ฮาสึโนะกำลังจะชิ่งหนีไปอยู่นั้นเธอก็เหลือบไปเห็นรอยยิ้มหวานๆบนใบหน้าของโทโมเอะ ซึ่งสำหรับเธอแล้วมันช่างเป็นลางสังหรณ์อันเลวร้ายซะเหลือเกิน เมื่อหญิงสาวตรงหน้าล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของเธอและหยิบพวงกุญแจชุดหนึ่งออกมา

    ตัวเลขห้องบนพวงกุญแจที่มีอยู่ประมาณสองสามดอกในมือของโทโมเอะนั้นทำให้ฮาสึโนะถึงกับหน้าซีด เมื่อพบเจอกับเบอร์กุญแจห้อง314ที่เป็นเลขห้องเดียวกันกับเธอ

    “ถ้าวันนี้คุณไม่ว่างก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะเราคงจะได้คุยกันต่ออีกหลายครั้งในคืนนี้”

    โทโมเอะถอดกุญแจสำรองดอกหนึ่งออกมาและยื่นให้กับฮาสึโนะ ซึ่งฮาสึโนะก็รับมันไว้ด้วยสีหน้าที่ยังคงตกตะลึงอยู่

    “นี้เธอ!!”

    “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำไมคุณถึงพยายามที่จะปฏิเสธคำขอบคุณจากฉัน แต่ฉันคิดว่าคุณคงน่าจะเล่าเหตุผลของคุณให้ฉันฟังได้ในคืนนี้ ซึ่งมันจะดีมากถ้าพวกเราได้ปรับความเข้าใจและเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”

    โทโมเอะยิ้มหวานพร้อมกับก้มศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการแนะนำตัว

    “ฉันโทโมเอะ ยายะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

    ซึ่งฮาสึโนะก็เผลอตัวก้มศีรษะลงและทำไปตามมายาทอย่างลืมตัวเช่นกัน

    “ฉันปทุมมา แก้วมณี ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”

    หลังจากเรื่องที่ได้พบกับโทโมเอะเมื่อตอนเช้าฮาสึโนะก็มานั่งเครียดอยู่ในห้องเรียนชั้นปี1ห้อง6ตลอดคาบเช้า และเธอเองก็ไม่ได้เรียนรู้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยตลอดคาบเช้าที่ผ่านมา จนตอนนี้ก็ถึงเวลาพักเที่ยงแล้วฮาสึโนะจึงคิดว่าจะเดินไปหาอะไรกินที่โรงอาหารหน่อยเพื่อหาสารอาหารใส่หัวเผื่อว่ามันจะได้ผลิตความคิดดีๆอะไรออกมาบ้าง

    “ประทุมะ ทางนี้ๆ”

    น้ำเสียงหวานดังเรียกฮาสึโนะที่ถือชามบะหมี่อยู่ให้หันไปมอง

    “ประทุมะ มานั่งนี้สิตรงนี้ว่างอยู่นะ”

    โทโมเอะพยายามเรียกฮาสึโนะให้ไปนั่งร่วมโต๊ะทานอาหารด้วยกัน แต่มีหรือที่ฮาสึโนะจะไปหาเรื่องใส่ตัวง่ายๆแบบนั้น

    ดังนั้นเธอจึงหันไปดูโต๊ะรอบๆโรงอาหารแทน แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามมองหาเท่าไรมันก็ไม่มีที่ว่างดีๆสำหรับเธอเลยสักที่เดียว

    สุดท้ายฮาสึโนะก็จำใจต้องไปนั่งร่วมโต๊ะกับโทโมเอะ เพราะที่นี่เขามีกฎว่าไม่ให้นักเรียนนำอาหารของโรงอาหารออกไปกินข้างนอก

    แต่เมื่อฮาสึโนะเดินมาถึงโต๊ะ เธอก็พบว่าโทโมเอะนั้นไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว แต่กลับมีเพื่อนของเธอนั่งอยู่ด้วยกันอีกสามคน และหนึ่งในนั้นเธอก็จำได้เป็นอย่างดี เพราะเธอคนนั้นเคยขึ้นไปกล่าวบนเวทีในวันเปิดเรียนวันแรกมาแล้ว

    “เชิญนั่งสิค่ะ”
    อากาเสะกล่าวเชิญเมื่อเห็นว่าฮาสึโนะยืนนิ่งและไม่ยอมนั่งลงสักที

    “อะ..อืม ขอบคุณ”

    ฮาสึโนะกล่าวขอบคุณเสร็จก็เลื่อนเก้าอี้ลงนั่งตามคำเชิญของอากาเสะ ทั้งหมดนั่งนิ่งอยู่ได้สักพักหนึ่งจนเกิดบรรยากาศที่ไม่ค่อยดีนักเพราะไม่มีใครคิดที่จะเริ่มต้นพูดอะไรกันเลย

    จนสุดท้ายโทโมเอะต้องรีบกล่าวแนะนำตัวให้กับฮาสึโนะแทนเจ้าตัวที่ไม่คิดจะพูดอะไรและกำลังจะเริ่มคีบบะหมี่เข้าปากโดยไม่สนใจเพื่อนร่วมโต๊ะ

    “นี้ประทุมะเป็นเพื่อนร่วมห้องพักเดียวกันกับฉันค่ะ”

    เมื่อโทโมเอะกล่าวแนะนำตัวให้ฮาสึโนะเสร็จ ฮาสึโนะก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับไปแบบขอไปทีเท่านั้น และการกระทำของเธอนั้นก็ทำให้เพื่อนร่วมโต๊ะที่เหลือ เกิดอาการที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรขึ้นมากับฮาสึโนะทันที

    แต่จะว่าเธอก็ไม่ได้เพราะวัฒนธรรมของพวกเธอนั้นต่างกันพอสมควร และฮาสึโนะตามจริงแล้วก็เป็นพวกชอบเก็บตัวและมุ่งมั่นฝึกวิชาอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องที่จะคบใครเป็นเพื่อนหรือเข้าหาคนอื่นนั้นลืมไปได้เลย เพราะเธอไม่มีเวลาให้กับสิ่งเหล่านั้นอยู่แล้ว

    “นี้เธอ!!”

    มิซากิเริ่มทนไม่ไหวเมื่อเห็นการตอบรับที่ไม่มีมารยาทของฮาสึโนะ แต่เธอก็โดนอากาเสะขัดเอาไว้ซะก่อนที่จะได้มีปากเสียงกัน

    “อย่าเลยมิซากิ” อากาเสะกล่าวห้ามปราม

    “ต้องขอโทษแทนเพื่อนของฉันด้วยนะที่เสียมารยาทกับเธอไป ฉันอากาเสะ มิยูกิ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

    “อากาเสะเธอจะไปแนะนำตัวกับยายนั่นก่อนทำไม!! เธอก็เห็นว่ายายนั่นเสียมารยาทกับเราก่อน”

    มิซากิไม่พอใจทันทีที่อากาเสะไปกล่าวแนะนำตัวกับคนไม่มีมารยาทอย่างฮาสึโนะก่อน

    “ฉันปทุมมา แก้วมณี ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน แล้วก็จะเป็นการดีมากถ้าจะเรียกฉันว่าฮาสึโนะ แทนการเรียกชื่อจริงของฉันแบบผิดๆและไม่น่าฟังอย่างที่คุณโทโมเอะกำลังทำอยู่”

    โทโมเอะรู้สึกหน้าเสียเล็กน้อยที่ถูกฮาสึโนะกล่าวพาดพิง

    “นี้เธอ!!”

    มิซากิของขึ้นอีกครั้งเมื่อพบกับคำพูดที่ไม่มีหางเสียงและไม่ค่อยเคารพคนอื่นของฮาสึโนะ

    “อย่าน้า...มิซากิ”

    ซามิยะพยายามห้ามมิซากิเอาไว้ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นมาจากเก้าอี้เพื่อไปมีเรื่องกับคนตรงหน้า และหันกลับมาเริ่มแนะนำตัวให้กับเพื่อนใจร้อนของเธอและตัวเธอเองเพื่อทำความรู้จักกัน

    “คนนี้ชื่อมิซากิ ส่วนฉันชื่อซามิยะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณฮาสึโนะ”

    มิซากิถึงกับหน้าเหวอไปทันที เพราะว่าไม่มีใครเข้าข้างเธอเลยสักคน จนสุดท้ายเธอก็ต้องยอมนั่งลงเงียบๆอย่างสุดงอน

    “แล้วเธอชำนาญเรื่องอะไรเหรอ?”

    อากาเสะถามขึ้นอย่างสงสัย เพราะในรายงานก็ไม่ได้บอกความสามารถอะไรของฮาสึโนะเอาไว้เลย อย่างกับว่าอยู่ดีๆเธอก็โผล่ขึ้นมาเป็นนักเรียนของโรงเรียนสอนปราบผีนานาชาติซะงั้น จนเธออดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่าโรงเรียนนี้รับเธอเข้ามาได้ยังไง โดยที่ไม่มีทั้งคะแนนสอบภาคปฏิบัติและข้อเขียน

    “ก็ไม่ได้ชำนาญอะไรเป็นพิเศษนะ จะมีก็เป็นวิชาคณิตศาสตร์ที่แย่เป็นพิเศษ อ้อ!!..แล้วก็เรื่องภาษาเรื่องประวัติศาสตร์ แล้วก็ภูมิศาสตร์ เออ...ร่วมๆแล้วก็คงจะแย่หมดนั้นแหละ”

    ฮาสึโนะพูดสรุปยอดพร้อมกับหันไปกินบะหมี่ของตัวเองต่อด้วยอาการไม่ทุกข์ร้อนอะไร เพราะยังไงเธอก็สามารถเข้ามาเรียนในโรงเรียนสอนปราบผีนานาชาติแห่งนี้ได้แล้ว ถึงแม้จะใช้เส้นสายช่วยไปบ้างก็ตามที

    คนทั้งหมดบนโต๊ะอาหารที่ได้ฟังฮาสึโนะพูดดูจะอึ้งไปเล็กน้อยที่อยู่ๆคนไร้ความสามารถอย่างหญิงสาวตรงหน้านี้จะสามารถสอบเข้าโรงเรียนสอนปราบผีนานาชาติแห่งนี้ที่ขึ้นชื่อเรื่องการสอบเข้ายากสุดๆได้ด้วยความสามารถด้านวิชาการและวิชาเวทที่เจ้าตัวบอกว่าไม่ได้เรื่องและไม่มีอะไรดีเป็นชิ้นเป็นอันให้อวดใคร

    “เธอพูดจริงๆเหรอ” อากาเสะถามเพื่อความแน่ใจ

    “ก็จริงนะสิ ที่เข้ามาเรียนที่นี้ได้ก็เพราะโชคช่วยล้วนๆ”

    ฮาสึโนะกล่าวตามความจริงแต่ก็ไม่ได้บอกทั้งหมด เพราะเดี๋ยวถ้าบอกความจริงไปหมดผอ.ของโรงเรียนอย่างเรนอิจิจะลำบากเอาได้ และเธอเองก็ไม่อยากที่จะโดนเด้งให้ออกไปในตอนนี้ซะด้วยสิ

    ทั้งหมดดูเบาใจลงหน่อยที่ฮาสึโนะบอกว่าเป็นเพราะโชคช่วย ถึงแม้ว่าจะมีอยู่คนหนึ่งที่ไม่เชื่อว่าฮาสึโนะสอบเข้าที่นี้ได้เพราะโชค เพราะเธอเคยเห็นฮาสึโนะจัดการกับพวกนักเลงทั้งสี่คนที่แม้แต่อิกะเพื่อนสาวที่เก่งกาจของเธอก็ไม่สามารถสู้ได้มาแล้ว

    เนื้อเรื่องในการพูดคุยก็ยังเป็นเรื่องทั่วๆไปจนพวกเธอรับประทานอาหารกันจนเสร็จ

    “คุณฮาสึโนะ ตอนบ่ายพวกเราจะไปรับตราสัญลักษณ์กัน คุณจะไปด้วยกันไหมค่ะ?”

    อากาเสะเอ่ยชวน เพราะวันนี้เป็นวันรับตราสัญลักษณ์สำหรับพวกที่ทำการทดสอบความสามารถในวันแรกเสร็จสิ้นไปแล้ว

    “ตราสัญลักษณ์? ตราสัญลักษณ์อะไรเหรอ?”

    ฮาสึโนะดูงงงวยเล็กน้อยเมื่อพบเจอกับคำถามของอากาเสะ

    “เอ๊ะ!? เธอไม่รู้เรื่องตราสัญลักษณ์หรอกเหรอ?”

    ไม่ใช่แค่อากาเสะที่แปลกใจ เพราะคนทั้งหมดในที่นี้ก็แปลกใจด้วยเช่นกันที่ฮาสึโนะไม่รู้เรื่องที่สำคัญแบบนี้

    อากาเสะถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าฮาสึโนะไม่รู้จักอะไรกับตราสัญลักษณ์ที่สำคัญมากนี้เลยแม้แต่น้อย

    “ตราสัญลักษณ์นะเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะมันจะช่วยบอกคนอื่นให้รู้ว่าเรานั้นอยู่สายไหนทำหน้าที่อะไรและมีความสามารถอยู่ในระดับใด ซึ่งมันเป็นเรื่องสำคัญมากในการจะจัดตั้งกลุ่มออกปฏิบัติหน้าที่หรือทำการทดสอบ เพราะอย่างที่รู้กันว่านักปราบผีอย่างพวกเรานั้นทำงานร่วมกันเป็นทีมไม่ใช่ออกไปต่อสู้กับภูตผีปีศาจด้วยตัวคนเดียวเหมือนกับคนบ้าสิ้นคิดที่กระทำการฆ่าตัวตาย”

    สิ้นคำพูดของอากาเสะ ฮาสึโนะก็ถึงกับสะอึก เพราะคำพูดของอากาเสะนั้นแทงเข้าไปโดนฮาสึโนะเข้าเต็มๆ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ตั้งใจได้ก็ตามที

    “ยะ...อย่างนั้นหรอกเหรอ”

    “ก็ใช่นะสิเพราะงั้นเธอก็รีบไปทำการทดสอบเพื่อเอาตราสัญลักษณ์ซะ ไม่ยังงั้นเดี๋ยวจะไม่มีใครชวนเธอเข้ากลุ่มกันพอดี”

    อากาเสะพูดออกมาด้วยความหวังดี ซึ่งฮาสึโนะก็พยักหน้ารับและตั้งใจที่จะไปเอาตราสัญลักษณ์มาให้ได้

    “อืม เอาไว้ตอนบ่ายฉันจะไปลองหาที่ทดสอบดูแล้วกัน” ฮาสึโนะตอบ

    “งั้นก็ดีแล้วล่ะ แต่รีบๆหน่อยนะเดี๋ยวบางสายมันจะเต็มไปซะก่อน”

    อากาเสะพูดเสร็จก็หันไปมองดูเวลาในโทรศัพท์มือถือ ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน

    “ถึงเวลาล่ะ พวกเราต้องขอตัวไปรับตราสัญลักษณ์ก่อนนะ โทโมเอะเธอก็มาด้วยพร้อมกันเลยสิจะได้เดินไปห้องสภานักเรียนพร้อมกันหลังจากรับตราสัญลักษณ์เสร็จ”

    อากาเสะพูดบอกลาฮาสึโนะเสร็จแล้วก็หันหน้าไปชักชวนโทโมเอะให้ไปรับตราสัญลักษณ์พร้อมกันกับพวกเธอ ซึ่งโทโมเอะก็ลุกขึ้นยืนตามคำชวน เพราะยังไงแล้วหลังจากที่ไปรับตราสัญลักษณ์เสร็จเธอก็ต้องมุ่งหน้าไปทำงานที่ห้องสภานักเรียนอยู่ดี

    “ถ้างั้นค่อยเจอกันคืนนี้นะคุณประทุมะ”

    “อะ...ค่อยเจอกัน”

    ฮาสึโนะตอบกลับอย่างฝืนๆ เพราะเธอนั้นไม่ดีใจเลยที่โทโมเอะจะมาอยู่ด้วยห้องเดียวกับเธอ เพราะหลังจากที่ได้พูดคุยกับอากาเสะที่เป็นประธานนักเรียนแล้ว ทำให้ฮาสึโนะรู้ว่าความจริงโทโมเอะกำลังจะย้ายไปอยู่ที่ห้องพักของสภานักเรียนถ้าเกิดโทโมเอะนั้นไม่ได้มาพอเจอกับเธอเข้าซะก่อน ซึ่งรวมๆแล้วก็ถือว่าเป็นความซวยของเธอเองที่ไปยืนอยู่ไม่ถูกที่ถูกเวลาในตอนนั้น

    “เอาล่ะ เราคงต้องไปหาที่ทดสอบเอาตราสัญลักษณ์บ้างแล้ว”

    พูดเสร็จฮาสึโนะก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับมุ่งหน้าออกจากโรงอาหารเพื่อไปหาที่ทดสอบเอาตราสัญลักษณ์



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×