คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4
วันนี้ ญาดาตื่นแต่เช้า หล่อนแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ แต่งหน้าบางๆ ใส่ชุดที่เพิ่งซื้อมา เป็นชุดลายดอกเล็กๆ แบบเรียบๆ แต่เก๋ตรงที่มีลูกไม้ระบายบริเวณหน้าอก ทั้งเสื้อและกระโปรงเข้าชุดกัน มองดูแล้วสวยไปอีกแบบ หล่อนมาทำงานได้ห้าเดือนกว่าแล้ว ไม่เคยมาสาย หล่อนมาถึงที่ทำงาน ภารโรงกำลังเปิดประตูพอดี ญาดาเข้าไปในห้องทำงาน หล่อนนั่งทำงานไปคิดไป นึกถึงเรื่องที่ย้ายกลับมา มาเพื่อจะดูหน้าคนที่หล่อนคิดว่าบังคับให้พ่อลาออก หล่อนเกลียดเขาผู้นั้นตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า แต่จริงๆแล้วทำไม่ได้อย่างที่คิด หล่อนฝืนใจตัวเองที่จะไม่พูดกับเขา ฝืนใจไม่ให้เกิดความสนิทสนมเพื่อจะได้ไม่ให้รักเขา พ่อพูดถูก
“พ่อลาออก เพราะพ่อทำงานมาหลายปี พ่อเหนื่อยอยากพักผ่อน “
แต่พ่อเคยบอกว่าอยู่จนเกษียณอายุราชการ จำได้ว่าหล่อนย้อยถามไป
“ความคิดของคนเรา ย่อมเปลี่ยนแปลงได้เสมอเมื่อพบเหตุผลที่ดีกว่า”
แต่หนูทราบมาว่า พ่อถูกบังคับให้ลาออก และหัวหน้าคนนี่แหละ ที่บังคับพ่อ
ทำไมลูกคิดว่า หัวหน้าคนนี้บังคับพ่อ ท่านทำงานตามหน้าที่ของท่าน ตามนโยบายที่ได้รับมา สมัยก่อนพ่อสอนเด็กรุ่งขึ้นก็ไปสอน ตอนเย็นก็กลับบ้าน ไม่ต้องทำอะไร แต่สมัยนี้สิ่งต่างๆเปลี่ยนไป ครูต้องทำบันทึกการสอน ต้องสอนซ่อมเสริม ต้องทำวิจัยชั้นเรียน ต้องซื้ออาหารไปทำให้เด็กรับประทาน พ่อแก่เกินไปที่จะรับภาระนี้ และควรเปิดโอกาสให้เด็กสมัยใหม่ได้แสดงความสามารถบ้าง ถ้าคนรุ่นพ่อไม่เปิดโอกาสให้พวกเขา แล้วเมื่อไหร่เขาจะได้แสดงความสามารถ อย่างน้อยความสามารถของพวกเขาจะได้แสดงก่อน ถ้ามีผู้เปิดโอกาสให้ พ่อก็เลยตัดสินใจลาออก ไม่มีใครบังคับพ่อ ความเปลี่ยนแปลง ความทันสมัยในด้านต่างๆ ต่างหากที่บังคับพ่อ ลูกควรเข้าใจให้ถูก “คนเราเมื่อทำงานร่วมกัน อย่าปล่อยให้ความไม่เข้าใจ ความไม่ไว้วางใจกัน มาทำลายมิตรภาพระหว่างกัน เพราะคนเราทุกวันนี้มีเรื่องที่จะทำให้ไม่สบายใจมากมายหลายเรื่องในแต่ละวัน สิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ไม่ควรเก็บมาคิด สิ่งไหน อันไหนเมื่อทำแล้ว ไม่ทำให้ตนเองและคนอื่นเดือดร้อน ทำแล้วเกิดความสบายใจ ก็ควรรีบทำ รีบไขว้คว้าไว้เถอะ เพราะชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน”
ชื่อของลูก “ญาดา “ หมายถึงผู้รู้ หรือนักปราชญ์ ลูกโตแล้ว ลูกคิดได้ด้วยตนเอง
วันนี้ ญาดาตื่นแต่เช้า หล่อนแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ แต่งหน้าบางๆ ใส่ชุดที่เพิ่งซื้อมา เป็นชุดลายดอกเล็กๆ แบบเรียบๆ แต่เก๋ตรงที่มีลูกไม้ระบายบริเวณหน้าอก ทั้งเสื้อและกระโปรงเข้าชุดกัน มองดูแล้วสวยไปอีกแบบ หล่อนมาทำงานได้ห้าเดือนกว่าแล้ว ไม่เคยมาสาย หล่อนมาถึงที่ทำงาน ภารโรงกำลังเปิดประตูพอดี ญาดาเข้าไปในห้องทำงาน หล่อนนั่งทำงานไปคิดไป นึกถึงเรื่องที่ย้ายกลับมา มาเพื่อจะดูหน้าคนที่หล่อนคิดว่าบังคับให้พ่อลาออก หล่อนเกลียดเขาผู้นั้นตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า แต่จริงๆแล้วทำไม่ได้อย่างที่คิด หล่อนฝืนใจตัวเองที่จะไม่พูดกับเขา ฝืนใจไม่ให้เกิดความสนิทสนมเพื่อจะได้ไม่ให้รักเขา พ่อพูดถูก
“พ่อลาออก เพราะพ่อทำงานมาหลายปี พ่อเหนื่อยอยากพักผ่อน “
แต่พ่อเคยบอกว่าอยู่จนเกษียณอายุราชการ จำได้ว่าหล่อนย้อยถามไป
“ความคิดของคนเรา ย่อมเปลี่ยนแปลงได้เสมอเมื่อพบเหตุผลที่ดีกว่า”
แต่หนูทราบมาว่า พ่อถูกบังคับให้ลาออก และหัวหน้าคนนี่แหละ ที่บังคับพ่อ
ทำไมลูกคิดว่า หัวหน้าคนนี้บังคับพ่อ ท่านทำงานตามหน้าที่ของท่าน ตามนโยบายที่ได้รับมา สมัยก่อนพ่อสอนเด็กรุ่งขึ้นก็ไปสอน ตอนเย็นก็กลับบ้าน ไม่ต้องทำอะไร แต่สมัยนี้สิ่งต่างๆเปลี่ยนไป ครูต้องทำบันทึกการสอน ต้องสอนซ่อมเสริม ต้องทำวิจัยชั้นเรียน ต้องซื้ออาหารไปทำให้เด็กรับประทาน พ่อแก่เกินไปที่จะรับภาระนี้ และควรเปิดโอกาสให้เด็กสมัยใหม่ได้แสดงความสามารถบ้าง ถ้าคนรุ่นพ่อไม่เปิดโอกาสให้พวกเขา แล้วเมื่อไหร่เขาจะได้แสดงความสามารถ อย่างน้อยความสามารถของพวกเขาจะได้แสดงก่อน ถ้ามีผู้เปิดโอกาสให้ พ่อก็เลยตัดสินใจลาออก ไม่มีใครบังคับพ่อ ความเปลี่ยนแปลง ความทันสมัยในด้านต่างๆ ต่างหากที่บังคับพ่อ ลูกควรเข้าใจให้ถูก “คนเราเมื่อทำงานร่วมกัน อย่าปล่อยให้ความไม่เข้าใจ ความไม่ไว้วางใจกัน มาทำลายมิตรภาพระหว่างกัน เพราะคนเราทุกวันนี้มีเรื่องที่จะทำให้ไม่สบายใจมากมายหลายเรื่องในแต่ละวัน สิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ไม่ควรเก็บมาคิด สิ่งไหน อันไหนเมื่อทำแล้ว ไม่ทำให้ตนเองและคนอื่นเดือดร้อน ทำแล้วเกิดความสบายใจ ก็ควรรีบทำ รีบไขว้คว้าไว้เถอะ เพราะชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน”
ชื่อของลูก “ญาดา “ หมายถึงผู้รู้ หรือนักปราชญ์ ลูกโตแล้ว ลูกคิดได้ด้วยตนเอง
วันนี้ ญาดาตื่นแต่เช้า หล่อนแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ แต่งหน้าบางๆ ใส่ชุดที่เพิ่งซื้อมา เป็นชุดลายดอกเล็กๆ แบบเรียบๆ แต่เก๋ตรงที่มีลูกไม้ระบายบริเวณหน้าอก ทั้งเสื้อและกระโปรงเข้าชุดกัน มองดูแล้วสวยไปอีกแบบ หล่อนมาทำงานได้ห้าเดือนกว่าแล้ว ไม่เคยมาสาย หล่อนมาถึงที่ทำงาน ภารโรงกำลังเปิดประตูพอดี ญาดาเข้าไปในห้องทำงาน หล่อนนั่งทำงานไปคิดไป นึกถึงเรื่องที่ย้ายกลับมา มาเพื่อจะดูหน้าคนที่หล่อนคิดว่าบังคับให้พ่อลาออก หล่อนเกลียดเขาผู้นั้นตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า แต่จริงๆแล้วทำไม่ได้อย่างที่คิด หล่อนฝืนใจตัวเองที่จะไม่พูดกับเขา ฝืนใจไม่ให้เกิดความสนิทสนมเพื่อจะได้ไม่ให้รักเขา พ่อพูดถูก
“พ่อลาออก เพราะพ่อทำงานมาหลายปี พ่อเหนื่อยอยากพักผ่อน “
แต่พ่อเคยบอกว่าอยู่จนเกษียณอายุราชการ จำได้ว่าหล่อนย้อยถามไป
“ความคิดของคนเรา ย่อมเปลี่ยนแปลงได้เสมอเมื่อพบเหตุผลที่ดีกว่า”
แต่หนูทราบมาว่า พ่อถูกบังคับให้ลาออก และหัวหน้าคนนี่แหละ ที่บังคับพ่อ
ทำไมลูกคิดว่า หัวหน้าคนนี้บังคับพ่อ ท่านทำงานตามหน้าที่ของท่าน ตามนโยบายที่ได้รับมา สมัยก่อนพ่อสอนเด็กรุ่งขึ้นก็ไปสอน ตอนเย็นก็กลับบ้าน ไม่ต้องทำอะไร แต่สมัยนี้สิ่งต่างๆเปลี่ยนไป ครูต้องทำบันทึกการสอน ต้องสอนซ่อมเสริม ต้องทำวิจัยชั้นเรียน ต้องซื้ออาหารไปทำให้เด็กรับประทาน พ่อแก่เกินไปที่จะรับภาระนี้ และควรเปิดโอกาสให้เด็กสมัยใหม่ได้แสดงความสามารถบ้าง ถ้าคนรุ่นพ่อไม่เปิดโอกาสให้พวกเขา แล้วเมื่อไหร่เขาจะได้แสดงความสามารถ อย่างน้อยความสามารถของพวกเขาจะได้แสดงก่อน ถ้ามีผู้เปิดโอกาสให้ พ่อก็เลยตัดสินใจลาออก ไม่มีใครบังคับพ่อ ความเปลี่ยนแปลง ความทันสมัยในด้านต่างๆ ต่างหากที่บังคับพ่อ ลูกควรเข้าใจให้ถูก “คนเราเมื่อทำงานร่วมกัน อย่าปล่อยให้ความไม่เข้าใจ ความไม่ไว้วางใจกัน มาทำลายมิตรภาพระหว่างกัน เพราะคนเราทุกวันนี้มีเรื่องที่จะทำให้ไม่สบายใจมากมายหลายเรื่องในแต่ละวัน สิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ไม่ควรเก็บมาคิด สิ่งไหน อันไหนเมื่อทำแล้ว ไม่ทำให้ตนเองและคนอื่นเดือดร้อน ทำแล้วเกิดความสบายใจ ก็ควรรีบทำ รีบไขว้คว้าไว้เถอะ เพราะชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน”
ชื่อของลูก “ญาดา “ หมายถึงผู้รู้ หรือนักปราชญ์ ลูกโตแล้ว ลูกคิดได้ด้วยตนเอง
วันนี้ ญาดาตื่นแต่เช้า หล่อนแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ แต่งหน้าบางๆ ใส่ชุดที่เพิ่งซื้อมา เป็นชุดลายดอกเล็กๆ แบบเรียบๆ แต่เก๋ตรงที่มีลูกไม้ระบายบริเวณหน้าอก ทั้งเสื้อและกระโปรงเข้าชุดกัน มองดูแล้วสวยไปอีกแบบ หล่อนมาทำงานได้ห้าเดือนกว่าแล้ว ไม่เคยมาสาย หล่อนมาถึงที่ทำงาน ภารโรงกำลังเปิดประตูพอดี ญาดาเข้าไปในห้องทำงาน หล่อนนั่งทำงานไปคิดไป นึกถึงเรื่องที่ย้ายกลับมา มาเพื่อจะดูหน้าคนที่หล่อนคิดว่าบังคับให้พ่อลาออก หล่อนเกลียดเขาผู้นั้นตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า แต่จริงๆแล้วทำไม่ได้อย่างที่คิด หล่อนฝืนใจตัวเองที่จะไม่พูดกับเขา ฝืนใจไม่ให้เกิดความสนิทสนมเพื่อจะได้ไม่ให้รักเขา พ่อพูดถูก
“พ่อลาออก เพราะพ่อทำงานมาหลายปี พ่อเหนื่อยอยากพักผ่อน “
แต่พ่อเคยบอกว่าอยู่จนเกษียณอายุราชการ จำได้ว่าหล่อนย้อยถามไป
“ความคิดของคนเรา ย่อมเปลี่ยนแปลงได้เสมอเมื่อพบเหตุผลที่ดีกว่า”
แต่หนูทราบมาว่า พ่อถูกบังคับให้ลาออก และหัวหน้าคนนี่แหละ ที่บังคับพ่อ
ทำไมลูกคิดว่า หัวหน้าคนนี้บังคับพ่อ ท่านทำงานตามหน้าที่ของท่าน ตามนโยบายที่ได้รับมา สมัยก่อนพ่อสอนเด็กรุ่งขึ้นก็ไปสอน ตอนเย็นก็กลับบ้าน ไม่ต้องทำอะไร แต่สมัยนี้สิ่งต่างๆเปลี่ยนไป ครูต้องทำบันทึกการสอน ต้องสอนซ่อมเสริม ต้องทำวิจัยชั้นเรียน ต้องซื้ออาหารไปทำให้เด็กรับประทาน พ่อแก่เกินไปที่จะรับภาระนี้ และควรเปิดโอกาสให้เด็กสมัยใหม่ได้แสดงความสามารถบ้าง ถ้าคนรุ่นพ่อไม่เปิดโอกาสให้พวกเขา แล้วเมื่อไหร่เขาจะได้แสดงความสามารถ อย่างน้อยความสามารถของพวกเขาจะได้แสดงก่อน ถ้ามีผู้เปิดโอกาสให้ พ่อก็เลยตัดสินใจลาออก ไม่มีใครบังคับพ่อ ความเปลี่ยนแปลง ความทันสมัยในด้านต่างๆ ต่างหากที่บังคับพ่อ ลูกควรเข้าใจให้ถูก “คนเราเมื่อทำงานร่วมกัน อย่าปล่อยให้ความไม่เข้าใจ ความไม่ไว้วางใจกัน มาทำลายมิตรภาพระหว่างกัน เพราะคนเราทุกวันนี้มีเรื่องที่จะทำให้ไม่สบายใจมากมายหลายเรื่องในแต่ละวัน สิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ไม่ควรเก็บมาคิด สิ่งไหน อันไหนเมื่อทำแล้ว ไม่ทำให้ตนเองและคนอื่นเดือดร้อน ทำแล้วเกิดความสบายใจ ก็ควรรีบทำ รีบไขว้คว้าไว้เถอะ เพราะชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน”
ชื่อของลูก “ญาดา “ หมายถึงผู้รู้ หรือนักปราชญ์ ลูกโตแล้ว ลูกคิดได้ด้วยตนเอง
ความคิดเห็น