ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่อง...เมื่อความรักเรียกหา

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่2

    • อัปเดตล่าสุด 10 ส.ค. 56


    ญาดาเดินสำรวจรอบๆอาคารของอำเภอ เพื่อรอคอยเจ้าหน้าที่  จนป่านนี้ยังไม่มีใครมา  หรือเขาคิดว่าอำเภอเพิ่งเปิดทำการใหม่ๆ จะมาตอนไหนก็ได้ไม่มีใครสนใจ  ไม่พร้อมจะให้บริการ  ญาดาคงจะคิดอะไรต่อมิอะไรไปอีกมากกว่านี้ ถ้าไม่มีเสียงทักทายมาก่อน จนทำให้สะดุ้ง

                       “ญาดา.....ญาดาจริงๆหรือนี่ ดีใจจังที่ได้พบกัน  วันก่อนเจอคุณลุง ฉันยังถามถึงเธอ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอ” เสียงของเพื่อนสาวดังลั่นแสดงความดีใจ

                       เบาๆหน่อย คนหันมาดูกันหมดแล้ว คงคิดว่าเราทะเลาะกันเพราะเสียงของเธอ

                       ก็ดีใจ ที่จู่ๆได้พบเธอโดยไม่คาดคิดมาก่อน  แล้วเธอไปยังไงมายังไงถึงได้มายืนอยู่ที่นี่

                       เราจะยืนคุยกันอย่างนี้หรือ ฉันยืนจนเมื่อยแล้ว   ญาดาพูดยิ้มๆ

                       ไปหาอะไรกินก่อนใกล้ๆนี้เอง  ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยรีบมา

                       นี่ ! รีบนะ มาเอาป่านนี้  ถ้าไม่รีบเธอไม่มาเที่ยงหรือ  ญาดาท้วงติงเพื่อนสาวเบาๆเพราะรู้นิสัยกันดี

                       ก็อำเภอเพิ่งเปิดทำการใหม่ๆก็อย่างนี้แหละ   ว่าแต่เธอมาทำอะไรที่นี่

                       ฉันก็จะมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน ฉันย้ายมาสอนที่นี่ แต่ไม่รู้โรงเรียนไหน

                       ย้ายมาเมื่อไหร่ ไม่เห็นคุณลุงบอกเลย

                       ก็ฉันมาเงียบๆ  พ่อก็เพิ่งรู้ตอนฉันมาถึง  ถ้าไม่เชื่อ นี่หนังสือรายงายตัวของฉัน

                       แล้วคุณลุงว่าอย่างไรบ้าง  เสียงของเพื่อนสาวยังไม่วายกังวล

                       ตอนฉันมาถึงใหม่ๆก็โวยวาย เทศฉันเสียยกใหญ่เลย 

                       รู้ไหม? ญาดา ตอนนี้ครูสมัยคุณลุง พากันลาออกหลายคน ทั้งที่บางคนอีกหลายปีกว่าจะเกษียณอายุราชการ

                       ฉันไม่เข้าใจพ่อเหมือนกัน  ว่าลาออกทำไม ทั้งที่ท่านรักอาชีพนี้เป็นชีวิตจิตใจ

                       ญาดาจำได้เมื่อจบชั้นมัธยมปีที่6 “เมื่อลูกเรียนจบแล้วลูกจะเรียนต่ออะไร” พ่อถามขึ้นขณะนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยกัน “หนูว่าจะเรียนต่อสายอาชีพ” ญาดาตอบแบบขอไปที  หนูแน่ใจหรือว่าจะเรียนไหว เห็นบ่นขี้เกียจบ่อย  

                       หนูก็ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเรียนคงไหว

              แต่พ่อว่า ลูกผู้หญิง เรียนครูน่าจะดีกว่า ไม่ใช่ว่าพ่อเป็นครูแล้วอยากให้หนูมีอาชีพเหมือนพ่อ  เพียงแต่พ่อเห็นว่ามันเหมาะกับลูกมากกว่าอาชีพอื่น

              “แต่คนชอบดูถูกอาชีพครู ว่าคนที่เรียนครู คือคนที่เรียนอย่างอื่น ไม่ได้แล้ว” หญิงสาวท้วงติงเบาๆ

              แล้วลูกไปฟังอะไรกับคนพวกนั้น พวกไม่รู้ไม่เห็นคุณค่าของครูว่าเขาได้รับความรู้มาจากไหนถ้าไม่ใช่จากครูอาชีพครูถึงแม้ไม่โก้หรูเหมือนกับอาชีพอื่น แต่เป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีลูกศิษย์เยอะลูกรู้ไหมว่า

    “ ไม่มีใครหรอกที่ไม่ผ่านมือครู”

              “หนูเรียนครูอย่างพ่อว่าก็ได้ “  ญาดาพูดอย่างขอไปที

              หนูจะเรียนอย่างพ่อว่าไม่ได้  หนู ต้องมีใจรักด้วย   อย่างพ่อพ่อรักอาชีพนี้มาก พ่อคิดว่าจะอยู่รับราชการจนเกษียณอายุ       ญาดา .. นั่งใจลอยแล้วคิดไรอยู่หรือ     เสียงของรัชนีดังขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนนั่งเหม่อลอย

              เปล่าหรอก  นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปนิดหน่อย   เออรัช.. คุณพ่อเคยพูดอะไร กับเธอบ้างเกี่ยวกับการลาออกของท่าน

              เห็นท่านบ่นว่าเบื่อ และแก่แล้ว ปล่อยให้เด็กสมัยใหม่ทำบ้าง คนรุ่นเก่าไม่ทันสมัย    มีอะไรหรือ 

              ไม่หรอก ถามไปอย่างนั้นเอง ไปกันเถอะป่านนี้หัวหน้าคงชะเง้อมองหาเลขาแล้ว

              ฉันก็จะไปรายงานตัวเหมือนกัน  ญาดาพูดพร้อมกับลุกขึ้น  ว่างๆจะไปหาที่บ้าน  รัชนีตะโกนบอกก่อนที่จะเลี้ยวเข้าห้องทำงาน                                                      

    ญาดาเดินสำรวจรอบๆอาคารของอำเภอ เพื่อรอคอยเจ้าหน้าที่  จนป่านนี้ยังไม่มีใครมา  หรือเขาคิดว่าอำเภอเพิ่งเปิดทำการใหม่ๆ จะมาตอนไหนก็ได้ไม่มีใครสนใจ  ไม่พร้อมจะให้บริการ  ญาดาคงจะคิดอะไรต่อมิอะไรไปอีกมากกว่านี้ ถ้าไม่มีเสียงทักทายมาก่อน จนทำให้สะดุ้ง

                       “ญาดา.....ญาดาจริงๆหรือนี่ ดีใจจังที่ได้พบกัน  วันก่อนเจอคุณลุง ฉันยังถามถึงเธอ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอ” เสียงของเพื่อนสาวดังลั่นแสดงความดีใจ

                       เบาๆหน่อย คนหันมาดูกันหมดแล้ว คงคิดว่าเราทะเลาะกันเพราะเสียงของเธอ

                       ก็ดีใจ ที่จู่ๆได้พบเธอโดยไม่คาดคิดมาก่อน  แล้วเธอไปยังไงมายังไงถึงได้มายืนอยู่ที่นี่

                       เราจะยืนคุยกันอย่างนี้หรือ ฉันยืนจนเมื่อยแล้ว   ญาดาพูดยิ้มๆ

                       ไปหาอะไรกินก่อนใกล้ๆนี้เอง  ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยรีบมา

                       นี่ ! รีบนะ มาเอาป่านนี้  ถ้าไม่รีบเธอไม่มาเที่ยงหรือ  ญาดาท้วงติงเพื่อนสาวเบาๆเพราะรู้นิสัยกันดี

                       ก็อำเภอเพิ่งเปิดทำการใหม่ๆก็อย่างนี้แหละ   ว่าแต่เธอมาทำอะไรที่นี่

                       ฉันก็จะมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน ฉันย้ายมาสอนที่นี่ แต่ไม่รู้โรงเรียนไหน

                       ย้ายมาเมื่อไหร่ ไม่เห็นคุณลุงบอกเลย

                       ก็ฉันมาเงียบๆ  พ่อก็เพิ่งรู้ตอนฉันมาถึง  ถ้าไม่เชื่อ นี่หนังสือรายงายตัวของฉัน

                       แล้วคุณลุงว่าอย่างไรบ้าง  เสียงของเพื่อนสาวยังไม่วายกังวล

                       ตอนฉันมาถึงใหม่ๆก็โวยวาย เทศฉันเสียยกใหญ่เลย 

                       รู้ไหม? ญาดา ตอนนี้ครูสมัยคุณลุง พากันลาออกหลายคน ทั้งที่บางคนอีกหลายปีกว่าจะเกษียณอายุราชการ

                       ฉันไม่เข้าใจพ่อเหมือนกัน  ว่าลาออกทำไม ทั้งที่ท่านรักอาชีพนี้เป็นชีวิตจิตใจ

                       ญาดาจำได้เมื่อจบชั้นมัธยมปีที่6 “เมื่อลูกเรียนจบแล้วลูกจะเรียนต่ออะไร” พ่อถามขึ้นขณะนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยกัน “หนูว่าจะเรียนต่อสายอาชีพ” ญาดาตอบแบบขอไปที  หนูแน่ใจหรือว่าจะเรียนไหว เห็นบ่นขี้เกียจบ่อย  

                       หนูก็ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเรียนคงไหว

              แต่พ่อว่า ลูกผู้หญิง เรียนครูน่าจะดีกว่า ไม่ใช่ว่าพ่อเป็นครูแล้วอยากให้หนูมีอาชีพเหมือนพ่อ  เพียงแต่พ่อเห็นว่ามันเหมาะกับลูกมากกว่าอาชีพอื่น

              “แต่คนชอบดูถูกอาชีพครู ว่าคนที่เรียนครู คือคนที่เรียนอย่างอื่น ไม่ได้แล้ว” หญิงสาวท้วงติงเบาๆ

              แล้วลูกไปฟังอะไรกับคนพวกนั้น พวกไม่รู้ไม่เห็นคุณค่าของครูว่าเขาได้รับความรู้มาจากไหนถ้าไม่ใช่จากครูอาชีพครูถึงแม้ไม่โก้หรูเหมือนกับอาชีพอื่น แต่เป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีลูกศิษย์เยอะลูกรู้ไหมว่า

    “ ไม่มีใครหรอกที่ไม่ผ่านมือครู”

              “หนูเรียนครูอย่างพ่อว่าก็ได้ “  ญาดาพูดอย่างขอไปที

              หนูจะเรียนอย่างพ่อว่าไม่ได้  หนู ต้องมีใจรักด้วย   อย่างพ่อพ่อรักอาชีพนี้มาก พ่อคิดว่าจะอยู่รับราชการจนเกษียณอายุ       ญาดา .. นั่งใจลอยแล้วคิดไรอยู่หรือ     เสียงของรัชนีดังขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนนั่งเหม่อลอย

              เปล่าหรอก  นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปนิดหน่อย   เออรัช.. คุณพ่อเคยพูดอะไร กับเธอบ้างเกี่ยวกับการลาออกของท่าน

              เห็นท่านบ่นว่าเบื่อ และแก่แล้ว ปล่อยให้เด็กสมัยใหม่ทำบ้าง คนรุ่นเก่าไม่ทันสมัย    มีอะไรหรือ 

              ไม่หรอก ถามไปอย่างนั้นเอง ไปกันเถอะป่านนี้หัวหน้าคงชะเง้อมองหาเลขาแล้ว

              ฉันก็จะไปรายงานตัวเหมือนกัน  ญาดาพูดพร้อมกับลุกขึ้น  ว่างๆจะไปหาที่บ้าน  รัชนีตะโกนบอกก่อนที่จะเลี้ยวเข้าห้องทำงาน                                                       

     

    ญาดาเดินสำรวจรอบๆอาคารของอำเภอ เพื่อรอคอยเจ้าหน้าที่  จนป่านนี้ยังไม่มีใครมา  หรือเขาคิดว่าอำเภอเพิ่งเปิดทำการใหม่ๆ จะมาตอนไหนก็ได้ไม่มีใครสนใจ  ไม่พร้อมจะให้บริการ  ญาดาคงจะคิดอะไรต่อมิอะไรไปอีกมากกว่านี้ ถ้าไม่มีเสียงทักทายมาก่อน จนทำให้สะดุ้ง

                       “ญาดา.....ญาดาจริงๆหรือนี่ ดีใจจังที่ได้พบกัน  วันก่อนเจอคุณลุง ฉันยังถามถึงเธอ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอ” เสียงของเพื่อนสาวดังลั่นแสดงความดีใจ

                       เบาๆหน่อย คนหันมาดูกันหมดแล้ว คงคิดว่าเราทะเลาะกันเพราะเสียงของเธอ

                       ก็ดีใจ ที่จู่ๆได้พบเธอโดยไม่คาดคิดมาก่อน  แล้วเธอไปยังไงมายังไงถึงได้มายืนอยู่ที่นี่

                       เราจะยืนคุยกันอย่างนี้หรือ ฉันยืนจนเมื่อยแล้ว   ญาดาพูดยิ้มๆ

                       ไปหาอะไรกินก่อนใกล้ๆนี้เอง  ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยรีบมา

                       นี่ ! รีบนะ มาเอาป่านนี้  ถ้าไม่รีบเธอไม่มาเที่ยงหรือ  ญาดาท้วงติงเพื่อนสาวเบาๆเพราะรู้นิสัยกันดี

                       ก็อำเภอเพิ่งเปิดทำการใหม่ๆก็อย่างนี้แหละ   ว่าแต่เธอมาทำอะไรที่นี่

                       ฉันก็จะมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน ฉันย้ายมาสอนที่นี่ แต่ไม่รู้โรงเรียนไหน

                       ย้ายมาเมื่อไหร่ ไม่เห็นคุณลุงบอกเลย

                       ก็ฉันมาเงียบๆ  พ่อก็เพิ่งรู้ตอนฉันมาถึง  ถ้าไม่เชื่อ นี่หนังสือรายงายตัวของฉัน

                       แล้วคุณลุงว่าอย่างไรบ้าง  เสียงของเพื่อนสาวยังไม่วายกังวล

                       ตอนฉันมาถึงใหม่ๆก็โวยวาย เทศฉันเสียยกใหญ่เลย 

                       รู้ไหม? ญาดา ตอนนี้ครูสมัยคุณลุง พากันลาออกหลายคน ทั้งที่บางคนอีกหลายปีกว่าจะเกษียณอายุราชการ

                       ฉันไม่เข้าใจพ่อเหมือนกัน  ว่าลาออกทำไม ทั้งที่ท่านรักอาชีพนี้เป็นชีวิตจิตใจ

                       ญาดาจำได้เมื่อจบชั้นมัธยมปีที่6 “เมื่อลูกเรียนจบแล้วลูกจะเรียนต่ออะไร” พ่อถามขึ้นขณะนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยกัน “หนูว่าจะเรียนต่อสายอาชีพ” ญาดาตอบแบบขอไปที  หนูแน่ใจหรือว่าจะเรียนไหว เห็นบ่นขี้เกียจบ่อย  

                       หนูก็ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเรียนคงไหว

              แต่พ่อว่า ลูกผู้หญิง เรียนครูน่าจะดีกว่า ไม่ใช่ว่าพ่อเป็นครูแล้วอยากให้หนูมีอาชีพเหมือนพ่อ  เพียงแต่พ่อเห็นว่ามันเหมาะกับลูกมากกว่าอาชีพอื่น

              “แต่คนชอบดูถูกอาชีพครู ว่าคนที่เรียนครู คือคนที่เรียนอย่างอื่น ไม่ได้แล้ว” หญิงสาวท้วงติงเบาๆ

              แล้วลูกไปฟังอะไรกับคนพวกนั้น พวกไม่รู้ไม่เห็นคุณค่าของครูว่าเขาได้รับความรู้มาจากไหนถ้าไม่ใช่จากครูอาชีพครูถึงแม้ไม่โก้หรูเหมือนกับอาชีพอื่น แต่เป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีลูกศิษย์เยอะลูกรู้ไหมว่า

    “ ไม่มีใครหรอกที่ไม่ผ่านมือครู”

              “หนูเรียนครูอย่างพ่อว่าก็ได้ “  ญาดาพูดอย่างขอไปที

              หนูจะเรียนอย่างพ่อว่าไม่ได้  หนู ต้องมีใจรักด้วย   อย่างพ่อพ่อรักอาชีพนี้มาก พ่อคิดว่าจะอยู่รับราชการจนเกษียณอายุ       ญาดา .. นั่งใจลอยแล้วคิดไรอยู่หรือ     เสียงของรัชนีดังขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนนั่งเหม่อลอย

              เปล่าหรอก  นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปนิดหน่อย   เออรัช.. คุณพ่อเคยพูดอะไร กับเธอบ้างเกี่ยวกับการลาออกของท่าน

              เห็นท่านบ่นว่าเบื่อ และแก่แล้ว ปล่อยให้เด็กสมัยใหม่ทำบ้าง คนรุ่นเก่าไม่ทันสมัย    มีอะไรหรือ 

              ไม่หรอก ถามไปอย่างนั้นเอง ไปกันเถอะป่านนี้หัวหน้าคงชะเง้อมองหาเลขาแล้ว

              ฉันก็จะไปรายงานตัวเหมือนกัน  ญาดาพูดพร้อมกับลุกขึ้น  ว่างๆจะไปหาที่บ้าน  รัชนีตะโกนบอกก่อนที่จะเลี้ยวเข้าห้องทำงาน                                                       

    ญาดาเดินสำรวจรอบๆอาคารของอำเภอ เพื่อรอคอยเจ้าหน้าที่  จนป่านนี้ยังไม่มีใครมา  หรือเขาคิดว่าอำเภอเพิ่งเปิดทำการใหม่ๆ จะมาตอนไหนก็ได้ไม่มีใครสนใจ  ไม่พร้อมจะให้บริการ  ญาดาคงจะคิดอะไรต่อมิอะไรไปอีกมากกว่านี้ ถ้าไม่มีเสียงทักทายมาก่อน จนทำให้สะดุ้ง

                       “ญาดา.....ญาดาจริงๆหรือนี่ ดีใจจังที่ได้พบกัน  วันก่อนเจอคุณลุง ฉันยังถามถึงเธอ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอ” เสียงของเพื่อนสาวดังลั่นแสดงความดีใจ

                       เบาๆหน่อย คนหันมาดูกันหมดแล้ว คงคิดว่าเราทะเลาะกันเพราะเสียงของเธอ

                       ก็ดีใจ ที่จู่ๆได้พบเธอโดยไม่คาดคิดมาก่อน  แล้วเธอไปยังไงมายังไงถึงได้มายืนอยู่ที่นี่

                       เราจะยืนคุยกันอย่างนี้หรือ ฉันยืนจนเมื่อยแล้ว   ญาดาพูดยิ้มๆ

                       ไปหาอะไรกินก่อนใกล้ๆนี้เอง  ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยรีบมา

                       นี่ ! รีบนะ มาเอาป่านนี้  ถ้าไม่รีบเธอไม่มาเที่ยงหรือ  ญาดาท้วงติงเพื่อนสาวเบาๆเพราะรู้นิสัยกันดี

                       ก็อำเภอเพิ่งเปิดทำการใหม่ๆก็อย่างนี้แหละ   ว่าแต่เธอมาทำอะไรที่นี่

                       ฉันก็จะมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน ฉันย้ายมาสอนที่นี่ แต่ไม่รู้โรงเรียนไหน

                       ย้ายมาเมื่อไหร่ ไม่เห็นคุณลุงบอกเลย

                       ก็ฉันมาเงียบๆ  พ่อก็เพิ่งรู้ตอนฉันมาถึง  ถ้าไม่เชื่อ นี่หนังสือรายงายตัวของฉัน

                       แล้วคุณลุงว่าอย่างไรบ้าง  เสียงของเพื่อนสาวยังไม่วายกังวล

                       ตอนฉันมาถึงใหม่ๆก็โวยวาย เทศฉันเสียยกใหญ่เลย 

                       รู้ไหม? ญาดา ตอนนี้ครูสมัยคุณลุง พากันลาออกหลายคน ทั้งที่บางคนอีกหลายปีกว่าจะเกษียณอายุราชการ

                       ฉันไม่เข้าใจพ่อเหมือนกัน  ว่าลาออกทำไม ทั้งที่ท่านรักอาชีพนี้เป็นชีวิตจิตใจ

                       ญาดาจำได้เมื่อจบชั้นมัธยมปีที่6 “เมื่อลูกเรียนจบแล้วลูกจะเรียนต่ออะไร” พ่อถามขึ้นขณะนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยกัน “หนูว่าจะเรียนต่อสายอาชีพ” ญาดาตอบแบบขอไปที  หนูแน่ใจหรือว่าจะเรียนไหว เห็นบ่นขี้เกียจบ่อย  

                       หนูก็ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเรียนคงไหว

              แต่พ่อว่า ลูกผู้หญิง เรียนครูน่าจะดีกว่า ไม่ใช่ว่าพ่อเป็นครูแล้วอยากให้หนูมีอาชีพเหมือนพ่อ  เพียงแต่พ่อเห็นว่ามันเหมาะกับลูกมากกว่าอาชีพอื่น

              “แต่คนชอบดูถูกอาชีพครู ว่าคนที่เรียนครู คือคนที่เรียนอย่างอื่น ไม่ได้แล้ว” หญิงสาวท้วงติงเบาๆ

              แล้วลูกไปฟังอะไรกับคนพวกนั้น พวกไม่รู้ไม่เห็นคุณค่าของครูว่าเขาได้รับความรู้มาจากไหนถ้าไม่ใช่จากครูอาชีพครูถึงแม้ไม่โก้หรูเหมือนกับอาชีพอื่น แต่เป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีลูกศิษย์เยอะลูกรู้ไหมว่า

    “ ไม่มีใครหรอกที่ไม่ผ่านมือครู”

              “หนูเรียนครูอย่างพ่อว่าก็ได้ “  ญาดาพูดอย่างขอไปที

              หนูจะเรียนอย่างพ่อว่าไม่ได้  หนู ต้องมีใจรักด้วย   อย่างพ่อพ่อรักอาชีพนี้มาก พ่อคิดว่าจะอยู่รับราชการจนเกษียณอายุ       ญาดา .. นั่งใจลอยแล้วคิดไรอยู่หรือ     เสียงของรัชนีดังขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนนั่งเหม่อลอย

              เปล่าหรอก  นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปนิดหน่อย   เออรัช.. คุณพ่อเคยพูดอะไร กับเธอบ้างเกี่ยวกับการลาออกของท่าน

              เห็นท่านบ่นว่าเบื่อ และแก่แล้ว ปล่อยให้เด็กสมัยใหม่ทำบ้าง คนรุ่นเก่าไม่ทันสมัย    มีอะไรหรือ 

              ไม่หรอก ถามไปอย่างนั้นเอง ไปกันเถอะป่านนี้หัวหน้าคงชะเง้อมองหาเลขาแล้ว

              ฉันก็จะไปรายงานตัวเหมือนกัน  ญาดาพูดพร้อมกับลุกขึ้น  ว่างๆจะไปหาที่บ้าน  รัชนีตะโกนบอกก่อนที่จะเลี้ยวเข้าห้องทำงาน                                                       

    ญาดาเดินสำรวจรอบๆอาคารของอำเภอ เพื่อรอคอยเจ้าหน้าที่  จนป่านนี้ยังไม่มีใครมา  หรือเขาคิดว่าอำเภอเพิ่งเปิดทำการใหม่ๆ จะมาตอนไหนก็ได้ไม่มีใครสนใจ  ไม่พร้อมจะให้บริการ  ญาดาคงจะคิดอะไรต่อมิอะไรไปอีกมากกว่านี้ ถ้าไม่มีเสียงทักทายมาก่อน จนทำให้สะดุ้ง

                       “ญาดา.....ญาดาจริงๆหรือนี่ ดีใจจังที่ได้พบกัน  วันก่อนเจอคุณลุง ฉันยังถามถึงเธอ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอ” เสียงของเพื่อนสาวดังลั่นแสดงความดีใจ

                       เบาๆหน่อย คนหันมาดูกันหมดแล้ว คงคิดว่าเราทะเลาะกันเพราะเสียงของเธอ

                       ก็ดีใจ ที่จู่ๆได้พบเธอโดยไม่คาดคิดมาก่อน  แล้วเธอไปยังไงมายังไงถึงได้มายืนอยู่ที่นี่

                       เราจะยืนคุยกันอย่างนี้หรือ ฉันยืนจนเมื่อยแล้ว   ญาดาพูดยิ้มๆ

                       ไปหาอะไรกินก่อนใกล้ๆนี้เอง  ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยรีบมา

                       นี่ ! รีบนะ มาเอาป่านนี้  ถ้าไม่รีบเธอไม่มาเที่ยงหรือ  ญาดาท้วงติงเพื่อนสาวเบาๆเพราะรู้นิสัยกันดี

                       ก็อำเภอเพิ่งเปิดทำการใหม่ๆก็อย่างนี้แหละ   ว่าแต่เธอมาทำอะไรที่นี่

                       ฉันก็จะมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน ฉันย้ายมาสอนที่นี่ แต่ไม่รู้โรงเรียนไหน

                       ย้ายมาเมื่อไหร่ ไม่เห็นคุณลุงบอกเลย

                       ก็ฉันมาเงียบๆ  พ่อก็เพิ่งรู้ตอนฉันมาถึง  ถ้าไม่เชื่อ นี่หนังสือรายงายตัวของฉัน

                       แล้วคุณลุงว่าอย่างไรบ้าง  เสียงของเพื่อนสาวยังไม่วายกังวล

                       ตอนฉันมาถึงใหม่ๆก็โวยวาย เทศฉันเสียยกใหญ่เลย 

                       รู้ไหม? ญาดา ตอนนี้ครูสมัยคุณลุง พากันลาออกหลายคน ทั้งที่บางคนอีกหลายปีกว่าจะเกษียณอายุราชการ

                       ฉันไม่เข้าใจพ่อเหมือนกัน  ว่าลาออกทำไม ทั้งที่ท่านรักอาชีพนี้เป็นชีวิตจิตใจ

                       ญาดาจำได้เมื่อจบชั้นมัธยมปีที่6 “เมื่อลูกเรียนจบแล้วลูกจะเรียนต่ออะไร” พ่อถามขึ้นขณะนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยกัน “หนูว่าจะเรียนต่อสายอาชีพ” ญาดาตอบแบบขอไปที  หนูแน่ใจหรือว่าจะเรียนไหว เห็นบ่นขี้เกียจบ่อย  

                       หนูก็ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเรียนคงไหว

              แต่พ่อว่า ลูกผู้หญิง เรียนครูน่าจะดีกว่า ไม่ใช่ว่าพ่อเป็นครูแล้วอยากให้หนูมีอาชีพเหมือนพ่อ  เพียงแต่พ่อเห็นว่ามันเหมาะกับลูกมากกว่าอาชีพอื่น

              “แต่คนชอบดูถูกอาชีพครู ว่าคนที่เรียนครู คือคนที่เรียนอย่างอื่น ไม่ได้แล้ว” หญิงสาวท้วงติงเบาๆ

              แล้วลูกไปฟังอะไรกับคนพวกนั้น พวกไม่รู้ไม่เห็นคุณค่าของครูว่าเขาได้รับความรู้มาจากไหนถ้าไม่ใช่จากครูอาชีพครูถึงแม้ไม่โก้หรูเหมือนกับอาชีพอื่น แต่เป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีลูกศิษย์เยอะลูกรู้ไหมว่า

    “ ไม่มีใครหรอกที่ไม่ผ่านมือครู”

              “หนูเรียนครูอย่างพ่อว่าก็ได้ “  ญาดาพูดอย่างขอไปที

              หนูจะเรียนอย่างพ่อว่าไม่ได้  หนู ต้องมีใจรักด้วย   อย่างพ่อพ่อรักอาชีพนี้มาก พ่อคิดว่าจะอยู่รับราชการจนเกษียณอายุ       ญาดา .. นั่งใจลอยแล้วคิดไรอยู่หรือ     เสียงของรัชนีดังขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนนั่งเหม่อลอย

              เปล่าหรอก  นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปนิดหน่อย   เออรัช.. คุณพ่อเคยพูดอะไร กับเธอบ้างเกี่ยวกับการลาออกของท่าน

              เห็นท่านบ่นว่าเบื่อ และแก่แล้ว ปล่อยให้เด็กสมัยใหม่ทำบ้าง คนรุ่นเก่าไม่ทันสมัย    มีอะไรหรือ 

              ไม่หรอก ถามไปอย่างนั้นเอง ไปกันเถอะป่านนี้หัวหน้าคงชะเง้อมองหาเลขาแล้ว

              ฉันก็จะไปรายงานตัวเหมือนกัน  ญาดาพูดพร้อมกับลุกขึ้น  ว่างๆจะไปหาที่บ้าน  รัชนีตะโกนบอกก่อนที่จะเลี้ยวเข้าห้องทำงาน                                                       

    ญาดาเดินสำรวจรอบๆอาคารของอำเภอ เพื่อรอคอยเจ้าหน้าที่  จนป่านนี้ยังไม่มีใครมา  หรือเขาคิดว่าอำเภอเพิ่งเปิดทำการใหม่ๆ จะมาตอนไหนก็ได้ไม่มีใครสนใจ  ไม่พร้อมจะให้บริการ  ญาดาคงจะคิดอะไรต่อมิอะไรไปอีกมากกว่านี้ ถ้าไม่มีเสียงทักทายมาก่อน จนทำให้สะดุ้ง

                       “ญาดา.....ญาดาจริงๆหรือนี่ ดีใจจังที่ได้พบกัน  วันก่อนเจอคุณลุง ฉันยังถามถึงเธอ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอ” เสียงของเพื่อนสาวดังลั่นแสดงความดีใจ

                       เบาๆหน่อย คนหันมาดูกันหมดแล้ว คงคิดว่าเราทะเลาะกันเพราะเสียงของเธอ

                       ก็ดีใจ ที่จู่ๆได้พบเธอโดยไม่คาดคิดมาก่อน  แล้วเธอไปยังไงมายังไงถึงได้มายืนอยู่ที่นี่

                       เราจะยืนคุยกันอย่างนี้หรือ ฉันยืนจนเมื่อยแล้ว   ญาดาพูดยิ้มๆ

                       ไปหาอะไรกินก่อนใกล้ๆนี้เอง  ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยรีบมา

                       นี่ ! รีบนะ มาเอาป่านนี้  ถ้าไม่รีบเธอไม่มาเที่ยงหรือ  ญาดาท้วงติงเพื่อนสาวเบาๆเพราะรู้นิสัยกันดี

                       ก็อำเภอเพิ่งเปิดทำการใหม่ๆก็อย่างนี้แหละ   ว่าแต่เธอมาทำอะไรที่นี่

                       ฉันก็จะมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน ฉันย้ายมาสอนที่นี่ แต่ไม่รู้โรงเรียนไหน

                       ย้ายมาเมื่อไหร่ ไม่เห็นคุณลุงบอกเลย

                       ก็ฉันมาเงียบๆ  พ่อก็เพิ่งรู้ตอนฉันมาถึง  ถ้าไม่เชื่อ นี่หนังสือรายงายตัวของฉัน

                       แล้วคุณลุงว่าอย่างไรบ้าง  เสียงของเพื่อนสาวยังไม่วายกังวล

                       ตอนฉันมาถึงใหม่ๆก็โวยวาย เทศฉันเสียยกใหญ่เลย 

                       รู้ไหม? ญาดา ตอนนี้ครูสมัยคุณลุง พากันลาออกหลายคน ทั้งที่บางคนอีกหลายปีกว่าจะเกษียณอายุราชการ

                       ฉันไม่เข้าใจพ่อเหมือนกัน  ว่าลาออกทำไม ทั้งที่ท่านรักอาชีพนี้เป็นชีวิตจิตใจ

                       ญาดาจำได้เมื่อจบชั้นมัธยมปีที่6 “เมื่อลูกเรียนจบแล้วลูกจะเรียนต่ออะไร” พ่อถามขึ้นขณะนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยกัน “หนูว่าจะเรียนต่อสายอาชีพ” ญาดาตอบแบบขอไปที  หนูแน่ใจหรือว่าจะเรียนไหว เห็นบ่นขี้เกียจบ่อย  

                       หนูก็ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเรียนคงไหว

              แต่พ่อว่า ลูกผู้หญิง เรียนครูน่าจะดีกว่า ไม่ใช่ว่าพ่อเป็นครูแล้วอยากให้หนูมีอาชีพเหมือนพ่อ  เพียงแต่พ่อเห็นว่ามันเหมาะกับลูกมากกว่าอาชีพอื่น

              “แต่คนชอบดูถูกอาชีพครู ว่าคนที่เรียนครู คือคนที่เรียนอย่างอื่น ไม่ได้แล้ว” หญิงสาวท้วงติงเบาๆ

              แล้วลูกไปฟังอะไรกับคนพวกนั้น พวกไม่รู้ไม่เห็นคุณค่าของครูว่าเขาได้รับความรู้มาจากไหนถ้าไม่ใช่จากครูอาชีพครูถึงแม้ไม่โก้หรูเหมือนกับอาชีพอื่น แต่เป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีลูกศิษย์เยอะลูกรู้ไหมว่า

    “ ไม่มีใครหรอกที่ไม่ผ่านมือครู”

              “หนูเรียนครูอย่างพ่อว่าก็ได้ “  ญาดาพูดอย่างขอไปที

              หนูจะเรียนอย่างพ่อว่าไม่ได้  หนู ต้องมีใจรักด้วย   อย่างพ่อพ่อรักอาชีพนี้มาก พ่อคิดว่าจะอยู่รับราชการจนเกษียณอายุ       ญาดา .. นั่งใจลอยแล้วคิดไรอยู่หรือ     เสียงของรัชนีดังขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนนั่งเหม่อลอย

              เปล่าหรอก  นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปนิดหน่อย   เออรัช.. คุณพ่อเคยพูดอะไร กับเธอบ้างเกี่ยวกับการลาออกของท่าน

              เห็นท่านบ่นว่าเบื่อ และแก่แล้ว ปล่อยให้เด็กสมัยใหม่ทำบ้าง คนรุ่นเก่าไม่ทันสมัย    มีอะไรหรือ 

              ไม่หรอก ถามไปอย่างนั้นเอง ไปกันเถอะป่านนี้หัวหน้าคงชะเง้อมองหาเลขาแล้ว

              ฉันก็จะไปรายงานตัวเหมือนกัน  ญาดาพูดพร้อมกับลุกขึ้น  ว่างๆจะไปหาที่บ้าน  รัชนีตะโกนบอกก่อนที่จะเลี้ยวเข้าห้องทำงาน                                                       

    ญาดาเดินสำรวจรอบๆอาคารของอำเภอ เพื่อรอคอยเจ้าหน้าที่  จนป่านนี้ยังไม่มีใครมา  หรือเขาคิดว่าอำเภอเพิ่งเปิดทำการใหม่ๆ จะมาตอนไหนก็ได้ไม่มีใครสนใจ  ไม่พร้อมจะให้บริการ  ญาดาคงจะคิดอะไรต่อมิอะไรไปอีกมากกว่านี้ ถ้าไม่มีเสียงทักทายมาก่อน จนทำให้สะดุ้ง

                       “ญาดา.....ญาดาจริงๆหรือนี่ ดีใจจังที่ได้พบกัน  วันก่อนเจอคุณลุง ฉันยังถามถึงเธอ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอ” เสียงของเพื่อนสาวดังลั่นแสดงความดีใจ

                       เบาๆหน่อย คนหันมาดูกันหมดแล้ว คงคิดว่าเราทะเลาะกันเพราะเสียงของเธอ

                       ก็ดีใจ ที่จู่ๆได้พบเธอโดยไม่คาดคิดมาก่อน  แล้วเธอไปยังไงมายังไงถึงได้มายืนอยู่ที่นี่

                       เราจะยืนคุยกันอย่างนี้หรือ ฉันยืนจนเมื่อยแล้ว   ญาดาพูดยิ้มๆ

                       ไปหาอะไรกินก่อนใกล้ๆนี้เอง  ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยรีบมา

                       นี่ ! รีบนะ มาเอาป่านนี้  ถ้าไม่รีบเธอไม่มาเที่ยงหรือ  ญาดาท้วงติงเพื่อนสาวเบาๆเพราะรู้นิสัยกันดี

                       ก็อำเภอเพิ่งเปิดทำการใหม่ๆก็อย่างนี้แหละ   ว่าแต่เธอมาทำอะไรที่นี่

                       ฉันก็จะมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน ฉันย้ายมาสอนที่นี่ แต่ไม่รู้โรงเรียนไหน

                       ย้ายมาเมื่อไหร่ ไม่เห็นคุณลุงบอกเลย

                       ก็ฉันมาเงียบๆ  พ่อก็เพิ่งรู้ตอนฉันมาถึง  ถ้าไม่เชื่อ นี่หนังสือรายงายตัวของฉัน

                       แล้วคุณลุงว่าอย่างไรบ้าง  เสียงของเพื่อนสาวยังไม่วายกังวล

                       ตอนฉันมาถึงใหม่ๆก็โวยวาย เทศฉันเสียยกใหญ่เลย 

                       รู้ไหม? ญาดา ตอนนี้ครูสมัยคุณลุง พากันลาออกหลายคน ทั้งที่บางคนอีกหลายปีกว่าจะเกษียณอายุราชการ

                       ฉันไม่เข้าใจพ่อเหมือนกัน  ว่าลาออกทำไม ทั้งที่ท่านรักอาชีพนี้เป็นชีวิตจิตใจ

                       ญาดาจำได้เมื่อจบชั้นมัธยมปีที่6 “เมื่อลูกเรียนจบแล้วลูกจะเรียนต่ออะไร” พ่อถามขึ้นขณะนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยกัน “หนูว่าจะเรียนต่อสายอาชีพ” ญาดาตอบแบบขอไปที  หนูแน่ใจหรือว่าจะเรียนไหว เห็นบ่นขี้เกียจบ่อย  

                       หนูก็ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเรียนคงไหว

              แต่พ่อว่า ลูกผู้หญิง เรียนครูน่าจะดีกว่า ไม่ใช่ว่าพ่อเป็นครูแล้วอยากให้หนูมีอาชีพเหมือนพ่อ  เพียงแต่พ่อเห็นว่ามันเหมาะกับลูกมากกว่าอาชีพอื่น

              “แต่คนชอบดูถูกอาชีพครู ว่าคนที่เรียนครู คือคนที่เรียนอย่างอื่น ไม่ได้แล้ว” หญิงสาวท้วงติงเบาๆ

              แล้วลูกไปฟังอะไรกับคนพวกนั้น พวกไม่รู้ไม่เห็นคุณค่าของครูว่าเขาได้รับความรู้มาจากไหนถ้าไม่ใช่จากครูอาชีพครูถึงแม้ไม่โก้หรูเหมือนกับอาชีพอื่น แต่เป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีลูกศิษย์เยอะลูกรู้ไหมว่า

    “ ไม่มีใครหรอกที่ไม่ผ่านมือครู”

              “หนูเรียนครูอย่างพ่อว่าก็ได้ “  ญาดาพูดอย่างขอไปที

              หนูจะเรียนอย่างพ่อว่าไม่ได้  หนู ต้องมีใจรักด้วย   อย่างพ่อพ่อรักอาชีพนี้มาก พ่อคิดว่าจะอยู่รับราชการจนเกษียณอายุ       ญาดา .. นั่งใจลอยแล้วคิดไรอยู่หรือ     เสียงของรัชนีดังขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนนั่งเหม่อลอย

              เปล่าหรอก  นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปนิดหน่อย   เออรัช.. คุณพ่อเคยพูดอะไร กับเธอบ้างเกี่ยวกับการลาออกของท่าน

              เห็นท่านบ่นว่าเบื่อ และแก่แล้ว ปล่อยให้เด็กสมัยใหม่ทำบ้าง คนรุ่นเก่าไม่ทันสมัย    มีอะไรหรือ 

              ไม่หรอก ถามไปอย่างนั้นเอง ไปกันเถอะป่านนี้หัวหน้าคงชะเง้อมองหาเลขาแล้ว

              ฉันก็จะไปรายงานตัวเหมือนกัน  ญาดาพูดพร้อมกับลุกขึ้น  ว่างๆจะไปหาที่บ้าน  รัชนีตะโกนบอกก่อนที่จะเลี้ยวเข้าห้องทำงาน                                                       

    ญาดาเดินสำรวจรอบๆอาคารของอำเภอ เพื่อรอคอยเจ้าหน้าที่  จนป่านนี้ยังไม่มีใครมา  หรือเขาคิดว่าอำเภอเพิ่งเปิดทำการใหม่ๆ จะมาตอนไหนก็ได้ไม่มีใครสนใจ  ไม่พร้อมจะให้บริการ  ญาดาคงจะคิดอะไรต่อมิอะไรไปอีกมากกว่านี้ ถ้าไม่มีเสียงทักทายมาก่อน จนทำให้สะดุ้ง

                       “ญาดา.....ญาดาจริงๆหรือนี่ ดีใจจังที่ได้พบกัน  วันก่อนเจอคุณลุง ฉันยังถามถึงเธอ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอ” เสียงของเพื่อนสาวดังลั่นแสดงความดีใจ

                       เบาๆหน่อย คนหันมาดูกันหมดแล้ว คงคิดว่าเราทะเลาะกันเพราะเสียงของเธอ

                       ก็ดีใจ ที่จู่ๆได้พบเธอโดยไม่คาดคิดมาก่อน  แล้วเธอไปยังไงมายังไงถึงได้มายืนอยู่ที่นี่

                       เราจะยืนคุยกันอย่างนี้หรือ ฉันยืนจนเมื่อยแล้ว   ญาดาพูดยิ้มๆ

                       ไปหาอะไรกินก่อนใกล้ๆนี้เอง  ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยรีบมา

                       นี่ ! รีบนะ มาเอาป่านนี้  ถ้าไม่รีบเธอไม่มาเที่ยงหรือ  ญาดาท้วงติงเพื่อนสาวเบาๆเพราะรู้นิสัยกันดี

                       ก็อำเภอเพิ่งเปิดทำการใหม่ๆก็อย่างนี้แหละ   ว่าแต่เธอมาทำอะไรที่นี่

                       ฉันก็จะมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน ฉันย้ายมาสอนที่นี่ แต่ไม่รู้โรงเรียนไหน

                       ย้ายมาเมื่อไหร่ ไม่เห็นคุณลุงบอกเลย

                       ก็ฉันมาเงียบๆ  พ่อก็เพิ่งรู้ตอนฉันมาถึง  ถ้าไม่เชื่อ นี่หนังสือรายงายตัวของฉัน

                       แล้วคุณลุงว่าอย่างไรบ้าง  เสียงของเพื่อนสาวยังไม่วายกังวล

                       ตอนฉันมาถึงใหม่ๆก็โวยวาย เทศฉันเสียยกใหญ่เลย 

                       รู้ไหม? ญาดา ตอนนี้ครูสมัยคุณลุง พากันลาออกหลายคน ทั้งที่บางคนอีกหลายปีกว่าจะเกษียณอายุราชการ

                       ฉันไม่เข้าใจพ่อเหมือนกัน  ว่าลาออกทำไม ทั้งที่ท่านรักอาชีพนี้เป็นชีวิตจิตใจ

                       ญาดาจำได้เมื่อจบชั้นมัธยมปีที่6 “เมื่อลูกเรียนจบแล้วลูกจะเรียนต่ออะไร” พ่อถามขึ้นขณะนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยกัน “หนูว่าจะเรียนต่อสายอาชีพ” ญาดาตอบแบบขอไปที  หนูแน่ใจหรือว่าจะเรียนไหว เห็นบ่นขี้เกียจบ่อย  

                       หนูก็ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเรียนคงไหว

              แต่พ่อว่า ลูกผู้หญิง เรียนครูน่าจะดีกว่า ไม่ใช่ว่าพ่อเป็นครูแล้วอยากให้หนูมีอาชีพเหมือนพ่อ  เพียงแต่พ่อเห็นว่ามันเหมาะกับลูกมากกว่าอาชีพอื่น

              “แต่คนชอบดูถูกอาชีพครู ว่าคนที่เรียนครู คือคนที่เรียนอย่างอื่น ไม่ได้แล้ว” หญิงสาวท้วงติงเบาๆ

              แล้วลูกไปฟังอะไรกับคนพวกนั้น พวกไม่รู้ไม่เห็นคุณค่าของครูว่าเขาได้รับความรู้มาจากไหนถ้าไม่ใช่จากครูอาชีพครูถึงแม้ไม่โก้หรูเหมือนกับอาชีพอื่น แต่เป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีลูกศิษย์เยอะลูกรู้ไหมว่า

    “ ไม่มีใครหรอกที่ไม่ผ่านมือครู”

              “หนูเรียนครูอย่างพ่อว่าก็ได้ “  ญาดาพูดอย่างขอไปที

              หนูจะเรียนอย่างพ่อว่าไม่ได้  หนู ต้องมีใจรักด้วย   อย่างพ่อพ่อรักอาชีพนี้มาก พ่อคิดว่าจะอยู่รับราชการจนเกษียณอายุ       ญาดา .. นั่งใจลอยแล้วคิดไรอยู่หรือ     เสียงของรัชนีดังขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนนั่งเหม่อลอย

              เปล่าหรอก  นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปนิดหน่อย   เออรัช.. คุณพ่อเคยพูดอะไร กับเธอบ้างเกี่ยวกับการลาออกของท่าน

              เห็นท่านบ่นว่าเบื่อ และแก่แล้ว ปล่อยให้เด็กสมัยใหม่ทำบ้าง คนรุ่นเก่าไม่ทันสมัย    มีอะไรหรือ 

              ไม่หรอก ถามไปอย่างนั้นเอง ไปกันเถอะป่านนี้หัวหน้าคงชะเง้อมองหาเลขาแล้ว

              ฉันก็จะไปรายงานตัวเหมือนกัน  ญาดาพูดพร้อมกับลุกขึ้น  ว่างๆจะไปหาที่บ้าน  รัชนีตะโกนบอกก่อนที่จะเลี้ยวเข้าห้องทำงาน                                                       

    ญาดาเดินสำรวจรอบๆอาคารของอำเภอ เพื่อรอคอยเจ้าหน้าที่  จนป่านนี้ยังไม่มีใครมา  หรือเขาคิดว่าอำเภอเพิ่งเปิดทำการใหม่ๆ จะมาตอนไหนก็ได้ไม่มีใครสนใจ  ไม่พร้อมจะให้บริการ  ญาดาคงจะคิดอะไรต่อมิอะไรไปอีกมากกว่านี้ ถ้าไม่มีเสียงทักทายมาก่อน จนทำให้สะดุ้ง

                       “ญาดา.....ญาดาจริงๆหรือนี่ ดีใจจังที่ได้พบกัน  วันก่อนเจอคุณลุง ฉันยังถามถึงเธอ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอ” เสียงของเพื่อนสาวดังลั่นแสดงความดีใจ

                       เบาๆหน่อย คนหันมาดูกันหมดแล้ว คงคิดว่าเราทะเลาะกันเพราะเสียงของเธอ

                       ก็ดีใจ ที่จู่ๆได้พบเธอโดยไม่คาดคิดมาก่อน  แล้วเธอไปยังไงมายังไงถึงได้มายืนอยู่ที่นี่

                       เราจะยืนคุยกันอย่างนี้หรือ ฉันยืนจนเมื่อยแล้ว   ญาดาพูดยิ้มๆ

                       ไปหาอะไรกินก่อนใกล้ๆนี้เอง  ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยรีบมา

                       นี่ ! รีบนะ มาเอาป่านนี้  ถ้าไม่รีบเธอไม่มาเที่ยงหรือ  ญาดาท้วงติงเพื่อนสาวเบาๆเพราะรู้นิสัยกันดี

                       ก็อำเภอเพิ่งเปิดทำการใหม่ๆก็อย่างนี้แหละ   ว่าแต่เธอมาทำอะไรที่นี่

                       ฉันก็จะมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน ฉันย้ายมาสอนที่นี่ แต่ไม่รู้โรงเรียนไหน

                       ย้ายมาเมื่อไหร่ ไม่เห็นคุณลุงบอกเลย

                       ก็ฉันมาเงียบๆ  พ่อก็เพิ่งรู้ตอนฉันมาถึง  ถ้าไม่เชื่อ นี่หนังสือรายงายตัวของฉัน

                       แล้วคุณลุงว่าอย่างไรบ้าง  เสียงของเพื่อนสาวยังไม่วายกังวล

                       ตอนฉันมาถึงใหม่ๆก็โวยวาย เทศฉันเสียยกใหญ่เลย 

                       รู้ไหม? ญาดา ตอนนี้ครูสมัยคุณลุง พากันลาออกหลายคน ทั้งที่บางคนอีกหลายปีกว่าจะเกษียณอายุราชการ

                       ฉันไม่เข้าใจพ่อเหมือนกัน  ว่าลาออกทำไม ทั้งที่ท่านรักอาชีพนี้เป็นชีวิตจิตใจ

                       ญาดาจำได้เมื่อจบชั้นมัธยมปีที่6 “เมื่อลูกเรียนจบแล้วลูกจะเรียนต่ออะไร” พ่อถามขึ้นขณะนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยกัน “หนูว่าจะเรียนต่อสายอาชีพ” ญาดาตอบแบบขอไปที  หนูแน่ใจหรือว่าจะเรียนไหว เห็นบ่นขี้เกียจบ่อย  

                       หนูก็ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเรียนคงไหว

              แต่พ่อว่า ลูกผู้หญิง เรียนครูน่าจะดีกว่า ไม่ใช่ว่าพ่อเป็นครูแล้วอยากให้หนูมีอาชีพเหมือนพ่อ  เพียงแต่พ่อเห็นว่ามันเหมาะกับลูกมากกว่าอาชีพอื่น

              “แต่คนชอบดูถูกอาชีพครู ว่าคนที่เรียนครู คือคนที่เรียนอย่างอื่น ไม่ได้แล้ว” หญิงสาวท้วงติงเบาๆ

              แล้วลูกไปฟังอะไรกับคนพวกนั้น พวกไม่รู้ไม่เห็นคุณค่าของครูว่าเขาได้รับความรู้มาจากไหนถ้าไม่ใช่จากครูอาชีพครูถึงแม้ไม่โก้หรูเหมือนกับอาชีพอื่น แต่เป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีลูกศิษย์เยอะลูกรู้ไหมว่า

    “ ไม่มีใครหรอกที่ไม่ผ่านมือครู”

              “หนูเรียนครูอย่างพ่อว่าก็ได้ “  ญาดาพูดอย่างขอไปที

              หนูจะเรียนอย่างพ่อว่าไม่ได้  หนู ต้องมีใจรักด้วย   อย่างพ่อพ่อรักอาชีพนี้มาก พ่อคิดว่าจะอยู่รับราชการจนเกษียณอายุ       ญาดา .. นั่งใจลอยแล้วคิดไรอยู่หรือ     เสียงของรัชนีดังขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนนั่งเหม่อลอย

              เปล่าหรอก  นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปนิดหน่อย   เออรัช.. คุณพ่อเคยพูดอะไร กับเธอบ้างเกี่ยวกับการลาออกของท่าน

              เห็นท่านบ่นว่าเบื่อ และแก่แล้ว ปล่อยให้เด็กสมัยใหม่ทำบ้าง คนรุ่นเก่าไม่ทันสมัย    มีอะไรหรือ 

              ไม่หรอก ถามไปอย่างนั้นเอง ไปกันเถอะป่านนี้หัวหน้าคงชะเง้อมองหาเลขาแล้ว

              ฉันก็จะไปรายงานตัวเหมือนกัน  ญาดาพูดพร้อมกับลุกขึ้น  ว่างๆจะไปหาที่บ้าน  รัชนีตะโกนบอกก่อนที่จะเลี้ยวเข้าห้องทำงาน                                                      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×