ยังไม่สาย - ยังไม่สาย นิยาย ยังไม่สาย : Dek-D.com - Writer

    ยังไม่สาย

    ถ้าท่านไม่ทำลายธรรมชาติ ธรรมชาติก็จะไม่ทำลายท่าน

    ผู้เข้าชมรวม

    51

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    51

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 ส.ค. 56 / 21:07 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ยังไม่สาย

       

                เจี๊ยบ  เจ็ยบ  เจ็ยบ  เสียงลูกไก่ร้องดัง ผสมโรงกับเสียง กระต๊าก  กระต๊ากของแม่ไก่ พลอยให้ไอ้โต้งที่คอยคุมเชิงอยู่ข้างๆส่งเสียง  กระโต๊ก  กระโต๊ก  ตามไปด้วย  มิหนำซ้ำหมูในคอกก็ตกใจลุกขึ้นวิ่งกันลนลาน  ในที่สุดทั้งไก่ทั้งหมูต่างก็แตกตื่นกันชุลมุนวุ่นวาย ส่งเสียงดังระงมไปทั่วทั้งบริเวณบ้านจนฟังไม่ได้ศัพท์

                “บ้าจริง ร้องอยู่ได้กูไม่ได้เอามึงไปแกง เดี๋ยวกูก็เอากลับมาให้อยู่ในเล้าตามเดิม”

                เจี๊ยบ  เสียงร้องดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เจ้าตัวส่งเสียงจะลงไปนอนนิ่งอยู่ในชายพก จะเห็นชายพกไหวอยู่เป็นครั้งคราว ให้รู้ว่ายังไม่ตาย

                ขอบฟ้าสีทองมองเห็นอยู่ร่ำไร ดวงตะวันกำลังแผ่รัศมีปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณบอกให้รู้ว่าวันใหม่กำลังจะมาเยือน  เสียงไอ้โต้งที่ร้องเมื่อกี้ตอนนี้กลับโก่งคอขันราวจะแข่งกับแสงตะวันที่ดูสว่างชัดขึ้นทุกขณะ  นกกาต่างพากันออกหากิน ส่งเสียงร้องเรียกกัน บ้างบินกันไปเป็นฝูงๆ บ้างจับคู่เคล้าเคลียกัน  บ้างก็กำลังกกลูกน้อยเพื่อปลอบขวัญมิให้ตกใจกลัว  อีกไม่นานภาพและเสียงเหล่านี้คงจะไม่มีให้ได้เห็นได้ยิน เมื่อมีถนนสายใหม่ตัดผ่านเข้ามาในหมู่บ้าน  ความเจริญกับธรรมชาติมักจะเดินสวนทางกันเสมอ

                ชีวิตหนึ่งกำลังเดินไปตามคันนาบนบ่ามีคันเบ็ดยาวประมาณหนึ่งวามองแต่ไกลเหมือนลูกเสือแบกไม้พลอง  แกเดินมาหยุดอยู่ริมหนองน้ำที่มีน้ำเต็มเปี่ยมพร้อมจะล้นขอบหนองออกมาถ้าเพียงแต่ฝนตกลงมาสักห่าเดียว  หนองน้ำแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนองน้ำใหญ่ที่สุดและมีปลาชุกชุมที่สุดในหมู่บ้าน น้ำในหนองไม่เคยแห้งไม่ว่าฝนจะแล้งนานแค่ไหน  ไม่มีใครรู้ว่าหนองน้ำแห่งนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไรและตั้งแต่เมื่อใด คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านเล่าให้ฟังว่า พอเกิดมาก็เห็นหนองน้ำอยู่อย่างนี้แล้ว  และวันดีคืนดีจะมีคนเห็นไหสองลูกผูกติดกันด้วยโซ่มานอนผึ่งแดดอยู่แถวปากหนองซึ่งเป็นลานกว้าง ถ้าใครเดินผ่านไปใกล้ไหทั้งคู่ก็จะกลิ้งกลับลงสู่หนองน้ำ แต่ไม่มีใครกล้าลงไปดูก้นหนองว่าไหมีหรือเปล่า   กว่าห้าสิบครัวเรือนที่อาศัยหนองน้ำแห่งนี้ช่วยหล่อลี้ยงชีวิต ไม่ว่าจะดื่ม อาบ ใช้เพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์  หนองน้ำแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนเส้นโลหิตของหมู่บ้าน

                หลายวันแล้วที่ลุงอินมาด้อมๆมองๆอยู่แถวหนองน้ำ  วันแล้ววันเล่าที่แกต้องกลับบ้านมือเปล่า ลุงอินได้ชื่อว่าหาปลาเก่ง เครื่องมือแต่ละชนิดที่แกคิดขึ้นมาจับปลานั้นทำให้แกหาปลาได้มากกว่าคนอื่นเสมอ จนใครๆในหมู่บ้านให้สมญาว่า “เฒ่าเสือปลา”

                เจี๊ยบ  เจี๊ยบ  เจี๊ยบ  ลูกไก่ที่อยู่ในชายพกกำลังดิ้นขลุกขลักและส่งเสียงร้องหลังจากที่นอนพักจนหายเหนื่อย  ลุงอินหย่อนกายลงนั่งตรงเนินดินใกล้กับกอกกกอใหญ่ที่เห็นน้ำอยู่ไหวๆ  มือขวาค่อยๆล้วงลูกไก่ออกจากชายพก มือซ้ายดึงเชือกจากตลับยาเส้นมาผูกกับปีกของลูกไก่ให้ดูเหมือนกับนกที่กำลังบิน  จากนั้นแกก็นำไปผูกกับคันเบ็ดที่มีเบ็ดผูกติดกันเป็นช่อประมาณ  5 ตา  แล้วแกค่อยๆยื่นคันเบ็ดเข้าไปในกอกก  “คราวนี้แหละไอ้ช่อนเอ๋ย กูจะล่อมึงขึ้นมาเนื้อกูจะแกงส้ม หัวหูจะต้มยำ”  คิดพรางตาก็มองสายเบ็ด ในขณะที่มือหย่อนลูกไก่ขึ้นลงไปมา  ไม่ช้าแม่ปลาช่อนตัวเขื่องก็ดิ้นกระแด่วๆขึ้นมา สมกับที่แกหมายมั่นไว้

              ฝนตกลงมาเหมือนฟ้าทะลักทลายตั้งแต่บ่ายค่อยซาลง จนในที่สุดก็ขาดเม็ดฝน  ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว ท้องฟ้าหลังฝนโปร่งใสแทบจะหาเมฆมิได้เลย เห็นแต่จันทร์เสี้ยวแห่งคืนข้างแรมปรากฏอยู่  ไกลออกไปเห็นดวงดาวเรียงรายทอแสงระยิบระยับ ช่วยเสริมให้ดวงเดือนดูงามสดใสยิ่งขึ้น  ทั้งดาวเดือนเปล่งแสงสาดส่องไปทั่วบริเวณ แข่งกับแสงสะท้อนจากหยดน้ำฝนที่เกาะอยู่ตามใบไม้ใบหญ้า ประดุจเพชรมณีอันล้ำค่าที่เทพยดานำมาปรายโปรยไว้

                          ในบ้านหลังหนึ่ง ลุงอินนั่งสูบบุหรี่จนขี้เถ้ากองพะเนิน  มวนแล้วมวนเล่า

      เห็นเป็นจุดเล็กๆ สีแดงวาบขึ้นแล้วก็หายไป สักพักก็แดงวาบขึ้นมาใหม่  แม้นจะดึกแล้ว ลุงอินก็ยังนั่งมองท้องฟ้า  ปล่อยให้กระแสลมที่พัดมาเป็นระลอกๆต้องผิวกายแล้วผ่านเลยไป  ภาพเก่าๆยังแจ่มชัดอยู่ในใจ

                         “ลุงอินเอาไก่ล่อแม่ปลาช่อนยังไงนะ ถึงได้แม่ปลาทุกครั้งและไก่ก็ไม่ตาย สอนฉันมั่งซิ” เสียงไอ้แสงเด็กข้างบ้านที่มาเที่ยวบ้านลุงอินทุกวัน

                         “นี่ เฒ่าอิน ขืนเอ็งจับแม่ปลาช่อนมากินหมด นานไปรุ่นลูกรุ่นหลานมันจะกินอะไรกัน แม่ปลากำลังมีไข่ เอ็งฆ่าแม่หนึ่งตัวเท่ากับฆ่าลูกเป็นล้านๆตัว เหลือไว้ทำพันธุ์บ้างเถอะ” เสียงยายสีที่มาเก็บหมากข้างรั้วพูดกรอกหูอยู่ทุกวัน

                         “ตาอินเอาปลาแม่ท้องแก่มากินไม่สงสารมันหรือจ๊ะ คุณครูบอกว่าไม่ควรจับแม่ปลาในฤดูวางไข่ เพราะจะทำให้ปลาสูญพันธุ์ นานไปก็จะไม่มีปลาให้กิน” เสียงอีส้มลูกไอ้เทืองข้างบ้านที่มาเล่นกับไอ้แดงลูกตาอินบ่อยๆ

                         พ่อ คนเขาพูดว่าผมกับน้องๆตัวแคระแกร็นเหมือนเด็กขาดสารอาหาร เขาว่ากรรมตามทันเห็นทันตาเพราะพ่อชอบจับปลากำลังมีไข่ ลูกๆก็เลยเลี้ยงไม่โต

                         “ถ้าข้าไม่จับแล้วพวกเอ็งจะกินอะไร”

                         ผมไม่ได้ห้ามไม่ให้พ่อจับปลา แต่พ่อไม่ควรจับปลาที่กำลังมีไข่ ถ้าแม่ปลาไม่มีโอกาสวางไข่ก็จะไม่มีลูกปลาสืบพันธุ์ นานเข้าก็จะไม่มีปลาให้พ่อจับ พ่อคิดดูเถอะอะไรจะเกิดขึ้น

                         ข้านี่คงจะทำบาปไว้มาก ถ้าปลามันพูดได้ป่านนี้มันคงแช่งชักหักกระดูกข้าไม่เว้นแต่ละวัน  รอก่อนเถอะ รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ ข้าจะให้คำตอบกับทุกคน ลุงอินรำพึงกับตัวเองก่อนจะลุกไปนอน

                         คนในหมู่บ้านต่างวิพากวิจารณ์กันถึงการที่ลุงอินเลิกจับแม่ปลาท้องแก่ว่าเพราะคนนั้นคนนี้ห้าม  แต่ลุงอินรู้ว่าที่แกเลิกไม่ใช่เพราะเชื่อยายสี  อีส้ม หรือไอ้แดงลูกของแก แต่แกเลิกเพราะคิดว่ายังไม่สายที่คนอย่างแกจะช่วยอนุรักษ์สัตว์น้ำไว้ให้ลูกหลานมีกินต่อไปนานๆ

                                                      .................................

      ยังไม่สาย

       

                เจี๊ยบ  เจ็ยบ  เจ็ยบ  เสียงลูกไก่ร้องดัง ผสมโรงกับเสียง กระต๊าก  กระต๊ากของแม่ไก่ พลอยให้ไอ้โต้งที่คอยคุมเชิงอยู่ข้างๆส่งเสียง  กระโต๊ก  กระโต๊ก  ตามไปด้วย  มิหนำซ้ำหมูในคอกก็ตกใจลุกขึ้นวิ่งกันลนลาน  ในที่สุดทั้งไก่ทั้งหมูต่างก็แตกตื่นกันชุลมุนวุ่นวาย ส่งเสียงดังระงมไปทั่วทั้งบริเวณบ้านจนฟังไม่ได้ศัพท์

                “บ้าจริง ร้องอยู่ได้กูไม่ได้เอามึงไปแกง เดี๋ยวกูก็เอากลับมาให้อยู่ในเล้าตามเดิม”

                เจี๊ยบ  เสียงร้องดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เจ้าตัวส่งเสียงจะลงไปนอนนิ่งอยู่ในชายพก จะเห็นชายพกไหวอยู่เป็นครั้งคราว ให้รู้ว่ายังไม่ตาย

                ขอบฟ้าสีทองมองเห็นอยู่ร่ำไร ดวงตะวันกำลังแผ่รัศมีปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณบอกให้รู้ว่าวันใหม่กำลังจะมาเยือน  เสียงไอ้โต้งที่ร้องเมื่อกี้ตอนนี้กลับโก่งคอขันราวจะแข่งกับแสงตะวันที่ดูสว่างชัดขึ้นทุกขณะ  นกกาต่างพากันออกหากิน ส่งเสียงร้องเรียกกัน บ้างบินกันไปเป็นฝูงๆ บ้างจับคู่เคล้าเคลียกัน  บ้างก็กำลังกกลูกน้อยเพื่อปลอบขวัญมิให้ตกใจกลัว  อีกไม่นานภาพและเสียงเหล่านี้คงจะไม่มีให้ได้เห็นได้ยิน เมื่อมีถนนสายใหม่ตัดผ่านเข้ามาในหมู่บ้าน  ความเจริญกับธรรมชาติมักจะเดินสวนทางกันเสมอ

                ชีวิตหนึ่งกำลังเดินไปตามคันนาบนบ่ามีคันเบ็ดยาวประมาณหนึ่งวามองแต่ไกลเหมือนลูกเสือแบกไม้พลอง  แกเดินมาหยุดอยู่ริมหนองน้ำที่มีน้ำเต็มเปี่ยมพร้อมจะล้นขอบหนองออกมาถ้าเพียงแต่ฝนตกลงมาสักห่าเดียว  หนองน้ำแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนองน้ำใหญ่ที่สุดและมีปลาชุกชุมที่สุดในหมู่บ้าน น้ำในหนองไม่เคยแห้งไม่ว่าฝนจะแล้งนานแค่ไหน  ไม่มีใครรู้ว่าหนองน้ำแห่งนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไรและตั้งแต่เมื่อใด คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านเล่าให้ฟังว่า พอเกิดมาก็เห็นหนองน้ำอยู่อย่างนี้แล้ว  และวันดีคืนดีจะมีคนเห็นไหสองลูกผูกติดกันด้วยโซ่มานอนผึ่งแดดอยู่แถวปากหนองซึ่งเป็นลานกว้าง ถ้าใครเดินผ่านไปใกล้ไหทั้งคู่ก็จะกลิ้งกลับลงสู่หนองน้ำ แต่ไม่มีใครกล้าลงไปดูก้นหนองว่าไหมีหรือเปล่า   กว่าห้าสิบครัวเรือนที่อาศัยหนองน้ำแห่งนี้ช่วยหล่อลี้ยงชีวิต ไม่ว่าจะดื่ม อาบ ใช้เพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์  หนองน้ำแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนเส้นโลหิตของหมู่บ้าน

                หลายวันแล้วที่ลุงอินมาด้อมๆมองๆอยู่แถวหนองน้ำ  วันแล้ววันเล่าที่แกต้องกลับบ้านมือเปล่า ลุงอินได้ชื่อว่าหาปลาเก่ง เครื่องมือแต่ละชนิดที่แกคิดขึ้นมาจับปลานั้นทำให้แกหาปลาได้มากกว่าคนอื่นเสมอ จนใครๆในหมู่บ้านให้สมญาว่า “เฒ่าเสือปลา”

                เจี๊ยบ  เจี๊ยบ  เจี๊ยบ  ลูกไก่ที่อยู่ในชายพกกำลังดิ้นขลุกขลักและส่งเสียงร้องหลังจากที่นอนพักจนหายเหนื่อย  ลุงอินหย่อนกายลงนั่งตรงเนินดินใกล้กับกอกกกอใหญ่ที่เห็นน้ำอยู่ไหวๆ  มือขวาค่อยๆล้วงลูกไก่ออกจากชายพก มือซ้ายดึงเชือกจากตลับยาเส้นมาผูกกับปีกของลูกไก่ให้ดูเหมือนกับนกที่กำลังบิน  จากนั้นแกก็นำไปผูกกับคันเบ็ดที่มีเบ็ดผูกติดกันเป็นช่อประมาณ  5 ตา  แล้วแกค่อยๆยื่นคันเบ็ดเข้าไปในกอกก  “คราวนี้แหละไอ้ช่อนเอ๋ย กูจะล่อมึงขึ้นมาเนื้อกูจะแกงส้ม หัวหูจะต้มยำ”  คิดพรางตาก็มองสายเบ็ด ในขณะที่มือหย่อนลูกไก่ขึ้นลงไปมา  ไม่ช้าแม่ปลาช่อนตัวเขื่องก็ดิ้นกระแด่วๆขึ้นมา สมกับที่แกหมายมั่นไว้

              ฝนตกลงมาเหมือนฟ้าทะลักทลายตั้งแต่บ่ายค่อยซาลง จนในที่สุดก็ขาดเม็ดฝน  ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว ท้องฟ้าหลังฝนโปร่งใสแทบจะหาเมฆมิได้เลย เห็นแต่จันทร์เสี้ยวแห่งคืนข้างแรมปรากฏอยู่  ไกลออกไปเห็นดวงดาวเรียงรายทอแสงระยิบระยับ ช่วยเสริมให้ดวงเดือนดูงามสดใสยิ่งขึ้น  ทั้งดาวเดือนเปล่งแสงสาดส่องไปทั่วบริเวณ แข่งกับแสงสะท้อนจากหยดน้ำฝนที่เกาะอยู่ตามใบไม้ใบหญ้า ประดุจเพชรมณีอันล้ำค่าที่เทพยดานำมาปรายโปรยไว้

                          ในบ้านหลังหนึ่ง ลุงอินนั่งสูบบุหรี่จนขี้เถ้ากองพะเนิน  มวนแล้วมวนเล่า

      เห็นเป็นจุดเล็กๆ สีแดงวาบขึ้นแล้วก็หายไป สักพักก็แดงวาบขึ้นมาใหม่  แม้นจะดึกแล้ว ลุงอินก็ยังนั่งมองท้องฟ้า  ปล่อยให้กระแสลมที่พัดมาเป็นระลอกๆต้องผิวกายแล้วผ่านเลยไป  ภาพเก่าๆยังแจ่มชัดอยู่ในใจ

                         “ลุงอินเอาไก่ล่อแม่ปลาช่อนยังไงนะ ถึงได้แม่ปลาทุกครั้งและไก่ก็ไม่ตาย สอนฉันมั่งซิ” เสียงไอ้แสงเด็กข้างบ้านที่มาเที่ยวบ้านลุงอินทุกวัน

                         “นี่ เฒ่าอิน ขืนเอ็งจับแม่ปลาช่อนมากินหมด นานไปรุ่นลูกรุ่นหลานมันจะกินอะไรกัน แม่ปลากำลังมีไข่ เอ็งฆ่าแม่หนึ่งตัวเท่ากับฆ่าลูกเป็นล้านๆตัว เหลือไว้ทำพันธุ์บ้างเถอะ” เสียงยายสีที่มาเก็บหมากข้างรั้วพูดกรอกหูอยู่ทุกวัน

                         “ตาอินเอาปลาแม่ท้องแก่มากินไม่สงสารมันหรือจ๊ะ คุณครูบอกว่าไม่ควรจับแม่ปลาในฤดูวางไข่ เพราะจะทำให้ปลาสูญพันธุ์ นานไปก็จะไม่มีปลาให้กิน” เสียงอีส้มลูกไอ้เทืองข้างบ้านที่มาเล่นกับไอ้แดงลูกตาอินบ่อยๆ

                         พ่อ คนเขาพูดว่าผมกับน้องๆตัวแคระแกร็นเหมือนเด็กขาดสารอาหาร เขาว่ากรรมตามทันเห็นทันตาเพราะพ่อชอบจับปลากำลังมีไข่ ลูกๆก็เลยเลี้ยงไม่โต

                         “ถ้าข้าไม่จับแล้วพวกเอ็งจะกินอะไร”

                         ผมไม่ได้ห้ามไม่ให้พ่อจับปลา แต่พ่อไม่ควรจับปลาที่กำลังมีไข่ ถ้าแม่ปลาไม่มีโอกาสวางไข่ก็จะไม่มีลูกปลาสืบพันธุ์ นานเข้าก็จะไม่มีปลาให้พ่อจับ พ่อคิดดูเถอะอะไรจะเกิดขึ้น

                         ข้านี่คงจะทำบาปไว้มาก ถ้าปลามันพูดได้ป่านนี้มันคงแช่งชักหักกระดูกข้าไม่เว้นแต่ละวัน  รอก่อนเถอะ รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ ข้าจะให้คำตอบกับทุกคน ลุงอินรำพึงกับตัวเองก่อนจะลุกไปนอน

                         คนในหมู่บ้านต่างวิพากวิจารณ์กันถึงการที่ลุงอินเลิกจับแม่ปลาท้องแก่ว่าเพราะคนนั้นคนนี้ห้าม  แต่ลุงอินรู้ว่าที่แกเลิกไม่ใช่เพราะเชื่อยายสี  อีส้ม หรือไอ้แดงลูกของแก แต่แกเลิกเพราะคิดว่ายังไม่สายที่คนอย่างแกจะช่วยอนุรักษ์สัตว์น้ำไว้ให้ลูกหลานมีกินต่อไปนานๆ

                                                      .................................

      ยังไม่สาย

       

                เจี๊ยบ  เจ็ยบ  เจ็ยบ  เสียงลูกไก่ร้องดัง ผสมโรงกับเสียง กระต๊าก  กระต๊ากของแม่ไก่ พลอยให้ไอ้โต้งที่คอยคุมเชิงอยู่ข้างๆส่งเสียง  กระโต๊ก  กระโต๊ก  ตามไปด้วย  มิหนำซ้ำหมูในคอกก็ตกใจลุกขึ้นวิ่งกันลนลาน  ในที่สุดทั้งไก่ทั้งหมูต่างก็แตกตื่นกันชุลมุนวุ่นวาย ส่งเสียงดังระงมไปทั่วทั้งบริเวณบ้านจนฟังไม่ได้ศัพท์

                “บ้าจริง ร้องอยู่ได้กูไม่ได้เอามึงไปแกง เดี๋ยวกูก็เอากลับมาให้อยู่ในเล้าตามเดิม”

                เจี๊ยบ  เสียงร้องดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เจ้าตัวส่งเสียงจะลงไปนอนนิ่งอยู่ในชายพก จะเห็นชายพกไหวอยู่เป็นครั้งคราว ให้รู้ว่ายังไม่ตาย

                ขอบฟ้าสีทองมองเห็นอยู่ร่ำไร ดวงตะวันกำลังแผ่รัศมีปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณบอกให้รู้ว่าวันใหม่กำลังจะมาเยือน  เสียงไอ้โต้งที่ร้องเมื่อกี้ตอนนี้กลับโก่งคอขันราวจะแข่งกับแสงตะวันที่ดูสว่างชัดขึ้นทุกขณะ  นกกาต่างพากันออกหากิน ส่งเสียงร้องเรียกกัน บ้างบินกันไปเป็นฝูงๆ บ้างจับคู่เคล้าเคลียกัน  บ้างก็กำลังกกลูกน้อยเพื่อปลอบขวัญมิให้ตกใจกลัว  อีกไม่นานภาพและเสียงเหล่านี้คงจะไม่มีให้ได้เห็นได้ยิน เมื่อมีถนนสายใหม่ตัดผ่านเข้ามาในหมู่บ้าน  ความเจริญกับธรรมชาติมักจะเดินสวนทางกันเสมอ

                ชีวิตหนึ่งกำลังเดินไปตามคันนาบนบ่ามีคันเบ็ดยาวประมาณหนึ่งวามองแต่ไกลเหมือนลูกเสือแบกไม้พลอง  แกเดินมาหยุดอยู่ริมหนองน้ำที่มีน้ำเต็มเปี่ยมพร้อมจะล้นขอบหนองออกมาถ้าเพียงแต่ฝนตกลงมาสักห่าเดียว  หนองน้ำแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนองน้ำใหญ่ที่สุดและมีปลาชุกชุมที่สุดในหมู่บ้าน น้ำในหนองไม่เคยแห้งไม่ว่าฝนจะแล้งนานแค่ไหน  ไม่มีใครรู้ว่าหนองน้ำแห่งนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไรและตั้งแต่เมื่อใด คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านเล่าให้ฟังว่า พอเกิดมาก็เห็นหนองน้ำอยู่อย่างนี้แล้ว  และวันดีคืนดีจะมีคนเห็นไหสองลูกผูกติดกันด้วยโซ่มานอนผึ่งแดดอยู่แถวปากหนองซึ่งเป็นลานกว้าง ถ้าใครเดินผ่านไปใกล้ไหทั้งคู่ก็จะกลิ้งกลับลงสู่หนองน้ำ แต่ไม่มีใครกล้าลงไปดูก้นหนองว่าไหมีหรือเปล่า   กว่าห้าสิบครัวเรือนที่อาศัยหนองน้ำแห่งนี้ช่วยหล่อลี้ยงชีวิต ไม่ว่าจะดื่ม อาบ ใช้เพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์  หนองน้ำแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนเส้นโลหิตของหมู่บ้าน

                หลายวันแล้วที่ลุงอินมาด้อมๆมองๆอยู่แถวหนองน้ำ  วันแล้ววันเล่าที่แกต้องกลับบ้านมือเปล่า ลุงอินได้ชื่อว่าหาปลาเก่ง เครื่องมือแต่ละชนิดที่แกคิดขึ้นมาจับปลานั้นทำให้แกหาปลาได้มากกว่าคนอื่นเสมอ จนใครๆในหมู่บ้านให้สมญาว่า “เฒ่าเสือปลา”

                เจี๊ยบ  เจี๊ยบ  เจี๊ยบ  ลูกไก่ที่อยู่ในชายพกกำลังดิ้นขลุกขลักและส่งเสียงร้องหลังจากที่นอนพักจนหายเหนื่อย  ลุงอินหย่อนกายลงนั่งตรงเนินดินใกล้กับกอกกกอใหญ่ที่เห็นน้ำอยู่ไหวๆ  มือขวาค่อยๆล้วงลูกไก่ออกจากชายพก มือซ้ายดึงเชือกจากตลับยาเส้นมาผูกกับปีกของลูกไก่ให้ดูเหมือนกับนกที่กำลังบิน  จากนั้นแกก็นำไปผูกกับคันเบ็ดที่มีเบ็ดผูกติดกันเป็นช่อประมาณ  5 ตา  แล้วแกค่อยๆยื่นคันเบ็ดเข้าไปในกอกก  “คราวนี้แหละไอ้ช่อนเอ๋ย กูจะล่อมึงขึ้นมาเนื้อกูจะแกงส้ม หัวหูจะต้มยำ”  คิดพรางตาก็มองสายเบ็ด ในขณะที่มือหย่อนลูกไก่ขึ้นลงไปมา  ไม่ช้าแม่ปลาช่อนตัวเขื่องก็ดิ้นกระแด่วๆขึ้นมา สมกับที่แกหมายมั่นไว้

              ฝนตกลงมาเหมือนฟ้าทะลักทลายตั้งแต่บ่ายค่อยซาลง จนในที่สุดก็ขาดเม็ดฝน  ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว ท้องฟ้าหลังฝนโปร่งใสแทบจะหาเมฆมิได้เลย เห็นแต่จันทร์เสี้ยวแห่งคืนข้างแรมปรากฏอยู่  ไกลออกไปเห็นดวงดาวเรียงรายทอแสงระยิบระยับ ช่วยเสริมให้ดวงเดือนดูงามสดใสยิ่งขึ้น  ทั้งดาวเดือนเปล่งแสงสาดส่องไปทั่วบริเวณ แข่งกับแสงสะท้อนจากหยดน้ำฝนที่เกาะอยู่ตามใบไม้ใบหญ้า ประดุจเพชรมณีอันล้ำค่าที่เทพยดานำมาปรายโปรยไว้

                          ในบ้านหลังหนึ่ง ลุงอินนั่งสูบบุหรี่จนขี้เถ้ากองพะเนิน  มวนแล้วมวนเล่า

      เห็นเป็นจุดเล็กๆ สีแดงวาบขึ้นแล้วก็หายไป สักพักก็แดงวาบขึ้นมาใหม่  แม้นจะดึกแล้ว ลุงอินก็ยังนั่งมองท้องฟ้า  ปล่อยให้กระแสลมที่พัดมาเป็นระลอกๆต้องผิวกายแล้วผ่านเลยไป  ภาพเก่าๆยังแจ่มชัดอยู่ในใจ

                         “ลุงอินเอาไก่ล่อแม่ปลาช่อนยังไงนะ ถึงได้แม่ปลาทุกครั้งและไก่ก็ไม่ตาย สอนฉันมั่งซิ” เสียงไอ้แสงเด็กข้างบ้านที่มาเที่ยวบ้านลุงอินทุกวัน

                         “นี่ เฒ่าอิน ขืนเอ็งจับแม่ปลาช่อนมากินหมด นานไปรุ่นลูกรุ่นหลานมันจะกินอะไรกัน แม่ปลากำลังมีไข่ เอ็งฆ่าแม่หนึ่งตัวเท่ากับฆ่าลูกเป็นล้านๆตัว เหลือไว้ทำพันธุ์บ้างเถอะ” เสียงยายสีที่มาเก็บหมากข้างรั้วพูดกรอกหูอยู่ทุกวัน

                         “ตาอินเอาปลาแม่ท้องแก่มากินไม่สงสารมันหรือจ๊ะ คุณครูบอกว่าไม่ควรจับแม่ปลาในฤดูวางไข่ เพราะจะทำให้ปลาสูญพันธุ์ นานไปก็จะไม่มีปลาให้กิน” เสียงอีส้มลูกไอ้เทืองข้างบ้านที่มาเล่นกับไอ้แดงลูกตาอินบ่อยๆ

                         พ่อ คนเขาพูดว่าผมกับน้องๆตัวแคระแกร็นเหมือนเด็กขาดสารอาหาร เขาว่ากรรมตามทันเห็นทันตาเพราะพ่อชอบจับปลากำลังมีไข่ ลูกๆก็เลยเลี้ยงไม่โต

                         “ถ้าข้าไม่จับแล้วพวกเอ็งจะกินอะไร”

                         ผมไม่ได้ห้ามไม่ให้พ่อจับปลา แต่พ่อไม่ควรจับปลาที่กำลังมีไข่ ถ้าแม่ปลาไม่มีโอกาสวางไข่ก็จะไม่มีลูกปลาสืบพันธุ์ นานเข้าก็จะไม่มีปลาให้พ่อจับ พ่อคิดดูเถอะอะไรจะเกิดขึ้น

                         ข้านี่คงจะทำบาปไว้มาก ถ้าปลามันพูดได้ป่านนี้มันคงแช่งชักหักกระดูกข้าไม่เว้นแต่ละวัน  รอก่อนเถอะ รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ ข้าจะให้คำตอบกับทุกคน ลุงอินรำพึงกับตัวเองก่อนจะลุกไปนอน

                         คนในหมู่บ้านต่างวิพากวิจารณ์กันถึงการที่ลุงอินเลิกจับแม่ปลาท้องแก่ว่าเพราะคนนั้นคนนี้ห้าม  แต่ลุงอินรู้ว่าที่แกเลิกไม่ใช่เพราะเชื่อยายสี  อีส้ม หรือไอ้แดงลูกของแก แต่แกเลิกเพราะคิดว่ายังไม่สายที่คนอย่างแกจะช่วยอนุรักษ์สัตว์น้ำไว้ให้ลูกหลานมีกินต่อไปนานๆ

                                                      .................................

      ยังไม่สาย

       

                เจี๊ยบ  เจ็ยบ  เจ็ยบ  เสียงลูกไก่ร้องดัง ผสมโรงกับเสียง กระต๊าก  กระต๊ากของแม่ไก่ พลอยให้ไอ้โต้งที่คอยคุมเชิงอยู่ข้างๆส่งเสียง  กระโต๊ก  กระโต๊ก  ตามไปด้วย  มิหนำซ้ำหมูในคอกก็ตกใจลุกขึ้นวิ่งกันลนลาน  ในที่สุดทั้งไก่ทั้งหมูต่างก็แตกตื่นกันชุลมุนวุ่นวาย ส่งเสียงดังระงมไปทั่วทั้งบริเวณบ้านจนฟังไม่ได้ศัพท์

                “บ้าจริง ร้องอยู่ได้กูไม่ได้เอามึงไปแกง เดี๋ยวกูก็เอากลับมาให้อยู่ในเล้าตามเดิม”

                เจี๊ยบ  เสียงร้องดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เจ้าตัวส่งเสียงจะลงไปนอนนิ่งอยู่ในชายพก จะเห็นชายพกไหวอยู่เป็นครั้งคราว ให้รู้ว่ายังไม่ตาย

                ขอบฟ้าสีทองมองเห็นอยู่ร่ำไร ดวงตะวันกำลังแผ่รัศมีปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณบอกให้รู้ว่าวันใหม่กำลังจะมาเยือน  เสียงไอ้โต้งที่ร้องเมื่อกี้ตอนนี้กลับโก่งคอขันราวจะแข่งกับแสงตะวันที่ดูสว่างชัดขึ้นทุกขณะ  นกกาต่างพากันออกหากิน ส่งเสียงร้องเรียกกัน บ้างบินกันไปเป็นฝูงๆ บ้างจับคู่เคล้าเคลียกัน  บ้างก็กำลังกกลูกน้อยเพื่อปลอบขวัญมิให้ตกใจกลัว  อีกไม่นานภาพและเสียงเหล่านี้คงจะไม่มีให้ได้เห็นได้ยิน เมื่อมีถนนสายใหม่ตัดผ่านเข้ามาในหมู่บ้าน  ความเจริญกับธรรมชาติมักจะเดินสวนทางกันเสมอ

                ชีวิตหนึ่งกำลังเดินไปตามคันนาบนบ่ามีคันเบ็ดยาวประมาณหนึ่งวามองแต่ไกลเหมือนลูกเสือแบกไม้พลอง  แกเดินมาหยุดอยู่ริมหนองน้ำที่มีน้ำเต็มเปี่ยมพร้อมจะล้นขอบหนองออกมาถ้าเพียงแต่ฝนตกลงมาสักห่าเดียว  หนองน้ำแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนองน้ำใหญ่ที่สุดและมีปลาชุกชุมที่สุดในหมู่บ้าน น้ำในหนองไม่เคยแห้งไม่ว่าฝนจะแล้งนานแค่ไหน  ไม่มีใครรู้ว่าหนองน้ำแห่งนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไรและตั้งแต่เมื่อใด คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านเล่าให้ฟังว่า พอเกิดมาก็เห็นหนองน้ำอยู่อย่างนี้แล้ว  และวันดีคืนดีจะมีคนเห็นไหสองลูกผูกติดกันด้วยโซ่มานอนผึ่งแดดอยู่แถวปากหนองซึ่งเป็นลานกว้าง ถ้าใครเดินผ่านไปใกล้ไหทั้งคู่ก็จะกลิ้งกลับลงสู่หนองน้ำ แต่ไม่มีใครกล้าลงไปดูก้นหนองว่าไหมีหรือเปล่า   กว่าห้าสิบครัวเรือนที่อาศัยหนองน้ำแห่งนี้ช่วยหล่อลี้ยงชีวิต ไม่ว่าจะดื่ม อาบ ใช้เพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์  หนองน้ำแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนเส้นโลหิตของหมู่บ้าน

                หลายวันแล้วที่ลุงอินมาด้อมๆมองๆอยู่แถวหนองน้ำ  วันแล้ววันเล่าที่แกต้องกลับบ้านมือเปล่า ลุงอินได้ชื่อว่าหาปลาเก่ง เครื่องมือแต่ละชนิดที่แกคิดขึ้นมาจับปลานั้นทำให้แกหาปลาได้มากกว่าคนอื่นเสมอ จนใครๆในหมู่บ้านให้สมญาว่า “เฒ่าเสือปลา”

                เจี๊ยบ  เจี๊ยบ  เจี๊ยบ  ลูกไก่ที่อยู่ในชายพกกำลังดิ้นขลุกขลักและส่งเสียงร้องหลังจากที่นอนพักจนหายเหนื่อย  ลุงอินหย่อนกายลงนั่งตรงเนินดินใกล้กับกอกกกอใหญ่ที่เห็นน้ำอยู่ไหวๆ  มือขวาค่อยๆล้วงลูกไก่ออกจากชายพก มือซ้ายดึงเชือกจากตลับยาเส้นมาผูกกับปีกของลูกไก่ให้ดูเหมือนกับนกที่กำลังบิน  จากนั้นแกก็นำไปผูกกับคันเบ็ดที่มีเบ็ดผูกติดกันเป็นช่อประมาณ  5 ตา  แล้วแกค่อยๆยื่นคันเบ็ดเข้าไปในกอกก  “คราวนี้แหละไอ้ช่อนเอ๋ย กูจะล่อมึงขึ้นมาเนื้อกูจะแกงส้ม หัวหูจะต้มยำ”  คิดพรางตาก็มองสายเบ็ด ในขณะที่มือหย่อนลูกไก่ขึ้นลงไปมา  ไม่ช้าแม่ปลาช่อนตัวเขื่องก็ดิ้นกระแด่วๆขึ้นมา สมกับที่แกหมายมั่นไว้

              ฝนตกลงมาเหมือนฟ้าทะลักทลายตั้งแต่บ่ายค่อยซาลง จนในที่สุดก็ขาดเม็ดฝน  ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว ท้องฟ้าหลังฝนโปร่งใสแทบจะหาเมฆมิได้เลย เห็นแต่จันทร์เสี้ยวแห่งคืนข้างแรมปรากฏอยู่  ไกลออกไปเห็นดวงดาวเรียงรายทอแสงระยิบระยับ ช่วยเสริมให้ดวงเดือนดูงามสดใสยิ่งขึ้น  ทั้งดาวเดือนเปล่งแสงสาดส่องไปทั่วบริเวณ แข่งกับแสงสะท้อนจากหยดน้ำฝนที่เกาะอยู่ตามใบไม้ใบหญ้า ประดุจเพชรมณีอันล้ำค่าที่เทพยดานำมาปรายโปรยไว้

                          ในบ้านหลังหนึ่ง ลุงอินนั่งสูบบุหรี่จนขี้เถ้ากองพะเนิน  มวนแล้วมวนเล่า

      เห็นเป็นจุดเล็กๆ สีแดงวาบขึ้นแล้วก็หายไป สักพักก็แดงวาบขึ้นมาใหม่  แม้นจะดึกแล้ว ลุงอินก็ยังนั่งมองท้องฟ้า  ปล่อยให้กระแสลมที่พัดมาเป็นระลอกๆต้องผิวกายแล้วผ่านเลยไป  ภาพเก่าๆยังแจ่มชัดอยู่ในใจ

                         “ลุงอินเอาไก่ล่อแม่ปลาช่อนยังไงนะ ถึงได้แม่ปลาทุกครั้งและไก่ก็ไม่ตาย สอนฉันมั่งซิ” เสียงไอ้แสงเด็กข้างบ้านที่มาเที่ยวบ้านลุงอินทุกวัน

                         “นี่ เฒ่าอิน ขืนเอ็งจับแม่ปลาช่อนมากินหมด นานไปรุ่นลูกรุ่นหลานมันจะกินอะไรกัน แม่ปลากำลังมีไข่ เอ็งฆ่าแม่หนึ่งตัวเท่ากับฆ่าลูกเป็นล้านๆตัว เหลือไว้ทำพันธุ์บ้างเถอะ” เสียงยายสีที่มาเก็บหมากข้างรั้วพูดกรอกหูอยู่ทุกวัน

                         “ตาอินเอาปลาแม่ท้องแก่มากินไม่สงสารมันหรือจ๊ะ คุณครูบอกว่าไม่ควรจับแม่ปลาในฤดูวางไข่ เพราะจะทำให้ปลาสูญพันธุ์ นานไปก็จะไม่มีปลาให้กิน” เสียงอีส้มลูกไอ้เทืองข้างบ้านที่มาเล่นกับไอ้แดงลูกตาอินบ่อยๆ

                         พ่อ คนเขาพูดว่าผมกับน้องๆตัวแคระแกร็นเหมือนเด็กขาดสารอาหาร เขาว่ากรรมตามทันเห็นทันตาเพราะพ่อชอบจับปลากำลังมีไข่ ลูกๆก็เลยเลี้ยงไม่โต

                         “ถ้าข้าไม่จับแล้วพวกเอ็งจะกินอะไร”

                         ผมไม่ได้ห้ามไม่ให้พ่อจับปลา แต่พ่อไม่ควรจับปลาที่กำลังมีไข่ ถ้าแม่ปลาไม่มีโอกาสวางไข่ก็จะไม่มีลูกปลาสืบพันธุ์ นานเข้าก็จะไม่มีปลาให้พ่อจับ พ่อคิดดูเถอะอะไรจะเกิดขึ้น

                         ข้านี่คงจะทำบาปไว้มาก ถ้าปลามันพูดได้ป่านนี้มันคงแช่งชักหักกระดูกข้าไม่เว้นแต่ละวัน  รอก่อนเถอะ รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ ข้าจะให้คำตอบกับทุกคน ลุงอินรำพึงกับตัวเองก่อนจะลุกไปนอน

                         คนในหมู่บ้านต่างวิพากวิจารณ์กันถึงการที่ลุงอินเลิกจับแม่ปลาท้องแก่ว่าเพราะคนนั้นคนนี้ห้าม  แต่ลุงอินรู้ว่าที่แกเลิกไม่ใช่เพราะเชื่อยายสี  อีส้ม หรือไอ้แดงลูกของแก แต่แกเลิกเพราะคิดว่ายังไม่สายที่คนอย่างแกจะช่วยอนุรักษ์สัตว์น้ำไว้ให้ลูกหลานมีกินต่อไปนานๆ

                                                      .................................

      ยังไม่สาย

       

                เจี๊ยบ  เจ็ยบ  เจ็ยบ  เสียงลูกไก่ร้องดัง ผสมโรงกับเสียง กระต๊าก  กระต๊ากของแม่ไก่ พลอยให้ไอ้โต้งที่คอยคุมเชิงอยู่ข้างๆส่งเสียง  กระโต๊ก  กระโต๊ก  ตามไปด้วย  มิหนำซ้ำหมูในคอกก็ตกใจลุกขึ้นวิ่งกันลนลาน  ในที่สุดทั้งไก่ทั้งหมูต่างก็แตกตื่นกันชุลมุนวุ่นวาย ส่งเสียงดังระงมไปทั่วทั้งบริเวณบ้านจนฟังไม่ได้ศัพท์

                “บ้าจริง ร้องอยู่ได้กูไม่ได้เอามึงไปแกง เดี๋ยวกูก็เอากลับมาให้อยู่ในเล้าตามเดิม”

                เจี๊ยบ  เสียงร้องดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เจ้าตัวส่งเสียงจะลงไปนอนนิ่งอยู่ในชายพก จะเห็นชายพกไหวอยู่เป็นครั้งคราว ให้รู้ว่ายังไม่ตาย

                ขอบฟ้าสีทองมองเห็นอยู่ร่ำไร ดวงตะวันกำลังแผ่รัศมีปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณบอกให้รู้ว่าวันใหม่กำลังจะมาเยือน  เสียงไอ้โต้งที่ร้องเมื่อกี้ตอนนี้กลับโก่งคอขันราวจะแข่งกับแสงตะวันที่ดูสว่างชัดขึ้นทุกขณะ  นกกาต่างพากันออกหากิน ส่งเสียงร้องเรียกกัน บ้างบินกันไปเป็นฝูงๆ บ้างจับคู่เคล้าเคลียกัน  บ้างก็กำลังกกลูกน้อยเพื่อปลอบขวัญมิให้ตกใจกลัว  อีกไม่นานภาพและเสียงเหล่านี้คงจะไม่มีให้ได้เห็นได้ยิน เมื่อมีถนนสายใหม่ตัดผ่านเข้ามาในหมู่บ้าน  ความเจริญกับธรรมชาติมักจะเดินสวนทางกันเสมอ

                ชีวิตหนึ่งกำลังเดินไปตามคันนาบนบ่ามีคันเบ็ดยาวประมาณหนึ่งวามองแต่ไกลเหมือนลูกเสือแบกไม้พลอง  แกเดินมาหยุดอยู่ริมหนองน้ำที่มีน้ำเต็มเปี่ยมพร้อมจะล้นขอบหนองออกมาถ้าเพียงแต่ฝนตกลงมาสักห่าเดียว  หนองน้ำแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนองน้ำใหญ่ที่สุดและมีปลาชุกชุมที่สุดในหมู่บ้าน น้ำในหนองไม่เคยแห้งไม่ว่าฝนจะแล้งนานแค่ไหน  ไม่มีใครรู้ว่าหนองน้ำแห่งนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไรและตั้งแต่เมื่อใด คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านเล่าให้ฟังว่า พอเกิดมาก็เห็นหนองน้ำอยู่อย่างนี้แล้ว  และวันดีคืนดีจะมีคนเห็นไหสองลูกผูกติดกันด้วยโซ่มานอนผึ่งแดดอยู่แถวปากหนองซึ่งเป็นลานกว้าง ถ้าใครเดินผ่านไปใกล้ไหทั้งคู่ก็จะกลิ้งกลับลงสู่หนองน้ำ แต่ไม่มีใครกล้าลงไปดูก้นหนองว่าไหมีหรือเปล่า   กว่าห้าสิบครัวเรือนที่อาศัยหนองน้ำแห่งนี้ช่วยหล่อลี้ยงชีวิต ไม่ว่าจะดื่ม อาบ ใช้เพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์  หนองน้ำแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนเส้นโลหิตของหมู่บ้าน

                หลายวันแล้วที่ลุงอินมาด้อมๆมองๆอยู่แถวหนองน้ำ  วันแล้ววันเล่าที่แกต้องกลับบ้านมือเปล่า ลุงอินได้ชื่อว่าหาปลาเก่ง เครื่องมือแต่ละชนิดที่แกคิดขึ้นมาจับปลานั้นทำให้แกหาปลาได้มากกว่าคนอื่นเสมอ จนใครๆในหมู่บ้านให้สมญาว่า “เฒ่าเสือปลา”

                เจี๊ยบ  เจี๊ยบ  เจี๊ยบ  ลูกไก่ที่อยู่ในชายพกกำลังดิ้นขลุกขลักและส่งเสียงร้องหลังจากที่นอนพักจนหายเหนื่อย  ลุงอินหย่อนกายลงนั่งตรงเนินดินใกล้กับกอกกกอใหญ่ที่เห็นน้ำอยู่ไหวๆ  มือขวาค่อยๆล้วงลูกไก่ออกจากชายพก มือซ้ายดึงเชือกจากตลับยาเส้นมาผูกกับปีกของลูกไก่ให้ดูเหมือนกับนกที่กำลังบิน  จากนั้นแกก็นำไปผูกกับคันเบ็ดที่มีเบ็ดผูกติดกันเป็นช่อประมาณ  5 ตา  แล้วแกค่อยๆยื่นคันเบ็ดเข้าไปในกอกก  “คราวนี้แหละไอ้ช่อนเอ๋ย กูจะล่อมึงขึ้นมาเนื้อกูจะแกงส้ม หัวหูจะต้มยำ”  คิดพรางตาก็มองสายเบ็ด ในขณะที่มือหย่อนลูกไก่ขึ้นลงไปมา  ไม่ช้าแม่ปลาช่อนตัวเขื่องก็ดิ้นกระแด่วๆขึ้นมา สมกับที่แกหมายมั่นไว้

              ฝนตกลงมาเหมือนฟ้าทะลักทลายตั้งแต่บ่ายค่อยซาลง จนในที่สุดก็ขาดเม็ดฝน  ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว ท้องฟ้าหลังฝนโปร่งใสแทบจะหาเมฆมิได้เลย เห็นแต่จันทร์เสี้ยวแห่งคืนข้างแรมปรากฏอยู่  ไกลออกไปเห็นดวงดาวเรียงรายทอแสงระยิบระยับ ช่วยเสริมให้ดวงเดือนดูงามสดใสยิ่งขึ้น  ทั้งดาวเดือนเปล่งแสงสาดส่องไปทั่วบริเวณ แข่งกับแสงสะท้อนจากหยดน้ำฝนที่เกาะอยู่ตามใบไม้ใบหญ้า ประดุจเพชรมณีอันล้ำค่าที่เทพยดานำมาปรายโปรยไว้

                          ในบ้านหลังหนึ่ง ลุงอินนั่งสูบบุหรี่จนขี้เถ้ากองพะเนิน  มวนแล้วมวนเล่า

      เห็นเป็นจุดเล็กๆ สีแดงวาบขึ้นแล้วก็หายไป สักพักก็แดงวาบขึ้นมาใหม่  แม้นจะดึกแล้ว ลุงอินก็ยังนั่งมองท้องฟ้า  ปล่อยให้กระแสลมที่พัดมาเป็นระลอกๆต้องผิวกายแล้วผ่านเลยไป  ภาพเก่าๆยังแจ่มชัดอยู่ในใจ

                         “ลุงอินเอาไก่ล่อแม่ปลาช่อนยังไงนะ ถึงได้แม่ปลาทุกครั้งและไก่ก็ไม่ตาย สอนฉันมั่งซิ” เสียงไอ้แสงเด็กข้างบ้านที่มาเที่ยวบ้านลุงอินทุกวัน

                         “นี่ เฒ่าอิน ขืนเอ็งจับแม่ปลาช่อนมากินหมด นานไปรุ่นลูกรุ่นหลานมันจะกินอะไรกัน แม่ปลากำลังมีไข่ เอ็งฆ่าแม่หนึ่งตัวเท่ากับฆ่าลูกเป็นล้านๆตัว เหลือไว้ทำพันธุ์บ้างเถอะ” เสียงยายสีที่มาเก็บหมากข้างรั้วพูดกรอกหูอยู่ทุกวัน

                         “ตาอินเอาปลาแม่ท้องแก่มากินไม่สงสารมันหรือจ๊ะ คุณครูบอกว่าไม่ควรจับแม่ปลาในฤดูวางไข่ เพราะจะทำให้ปลาสูญพันธุ์ นานไปก็จะไม่มีปลาให้กิน” เสียงอีส้มลูกไอ้เทืองข้างบ้านที่มาเล่นกับไอ้แดงลูกตาอินบ่อยๆ

                         พ่อ คนเขาพูดว่าผมกับน้องๆตัวแคระแกร็นเหมือนเด็กขาดสารอาหาร เขาว่ากรรมตามทันเห็นทันตาเพราะพ่อชอบจับปลากำลังมีไข่ ลูกๆก็เลยเลี้ยงไม่โต

                         “ถ้าข้าไม่จับแล้วพวกเอ็งจะกินอะไร”

                         ผมไม่ได้ห้ามไม่ให้พ่อจับปลา แต่พ่อไม่ควรจับปลาที่กำลังมีไข่ ถ้าแม่ปลาไม่มีโอกาสวางไข่ก็จะไม่มีลูกปลาสืบพันธุ์ นานเข้าก็จะไม่มีปลาให้พ่อจับ พ่อคิดดูเถอะอะไรจะเกิดขึ้น

                         ข้านี่คงจะทำบาปไว้มาก ถ้าปลามันพูดได้ป่านนี้มันคงแช่งชักหักกระดูกข้าไม่เว้นแต่ละวัน  รอก่อนเถอะ รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ ข้าจะให้คำตอบกับทุกคน ลุงอินรำพึงกับตัวเองก่อนจะลุกไปนอน

                         คนในหมู่บ้านต่างวิพากวิจารณ์กันถึงการที่ลุงอินเลิกจับแม่ปลาท้องแก่ว่าเพราะคนนั้นคนนี้ห้าม  แต่ลุงอินรู้ว่าที่แกเลิกไม่ใช่เพราะเชื่อยายสี  อีส้ม หรือไอ้แดงลูกของแก แต่แกเลิกเพราะคิดว่ายังไม่สายที่คนอย่างแกจะช่วยอนุรักษ์สัตว์น้ำไว้ให้ลูกหลานมีกินต่อไปนานๆ

                                                      .................................

      ยังไม่สาย

       

                เจี๊ยบ  เจ็ยบ  เจ็ยบ  เสียงลูกไก่ร้องดัง ผสมโรงกับเสียง กระต๊าก  กระต๊ากของแม่ไก่ พลอยให้ไอ้โต้งที่คอยคุมเชิงอยู่ข้างๆส่งเสียง  กระโต๊ก  กระโต๊ก  ตามไปด้วย  มิหนำซ้ำหมูในคอกก็ตกใจลุกขึ้นวิ่งกันลนลาน  ในที่สุดทั้งไก่ทั้งหมูต่างก็แตกตื่นกันชุลมุนวุ่นวาย ส่งเสียงดังระงมไปทั่วทั้งบริเวณบ้านจนฟังไม่ได้ศัพท์

                “บ้าจริง ร้องอยู่ได้กูไม่ได้เอามึงไปแกง เดี๋ยวกูก็เอากลับมาให้อยู่ในเล้าตามเดิม”

                เจี๊ยบ  เสียงร้องดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เจ้าตัวส่งเสียงจะลงไปนอนนิ่งอยู่ในชายพก จะเห็นชายพกไหวอยู่เป็นครั้งคราว ให้รู้ว่ายังไม่ตาย

                ขอบฟ้าสีทองมองเห็นอยู่ร่ำไร ดวงตะวันกำลังแผ่รัศมีปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณบอกให้รู้ว่าวันใหม่กำลังจะมาเยือน  เสียงไอ้โต้งที่ร้องเมื่อกี้ตอนนี้กลับโก่งคอขันราวจะแข่งกับแสงตะวันที่ดูสว่างชัดขึ้นทุกขณะ  นกกาต่างพากันออกหากิน ส่งเสียงร้องเรียกกัน บ้างบินกันไปเป็นฝูงๆ บ้างจับคู่เคล้าเคลียกัน  บ้างก็กำลังกกลูกน้อยเพื่อปลอบขวัญมิให้ตกใจกลัว  อีกไม่นานภาพและเสียงเหล่านี้คงจะไม่มีให้ได้เห็นได้ยิน เมื่อมีถนนสายใหม่ตัดผ่านเข้ามาในหมู่บ้าน  ความเจริญกับธรรมชาติมักจะเดินสวนทางกันเสมอ

                ชีวิตหนึ่งกำลังเดินไปตามคันนาบนบ่ามีคันเบ็ดยาวประมาณหนึ่งวามองแต่ไกลเหมือนลูกเสือแบกไม้พลอง  แกเดินมาหยุดอยู่ริมหนองน้ำที่มีน้ำเต็มเปี่ยมพร้อมจะล้นขอบหนองออกมาถ้าเพียงแต่ฝนตกลงมาสักห่าเดียว  หนองน้ำแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนองน้ำใหญ่ที่สุดและมีปลาชุกชุมที่สุดในหมู่บ้าน น้ำในหนองไม่เคยแห้งไม่ว่าฝนจะแล้งนานแค่ไหน  ไม่มีใครรู้ว่าหนองน้ำแห่งนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไรและตั้งแต่เมื่อใด คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านเล่าให้ฟังว่า พอเกิดมาก็เห็นหนองน้ำอยู่อย่างนี้แล้ว  และวันดีคืนดีจะมีคนเห็นไหสองลูกผูกติดกันด้วยโซ่มานอนผึ่งแดดอยู่แถวปากหนองซึ่งเป็นลานกว้าง ถ้าใครเดินผ่านไปใกล้ไหทั้งคู่ก็จะกลิ้งกลับลงสู่หนองน้ำ แต่ไม่มีใครกล้าลงไปดูก้นหนองว่าไหมีหรือเปล่า   กว่าห้าสิบครัวเรือนที่อาศัยหนองน้ำแห่งนี้ช่วยหล่อลี้ยงชีวิต ไม่ว่าจะดื่ม อาบ ใช้เพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์  หนองน้ำแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนเส้นโลหิตของหมู่บ้าน

                หลายวันแล้วที่ลุงอินมาด้อมๆมองๆอยู่แถวหนองน้ำ  วันแล้ววันเล่าที่แกต้องกลับบ้านมือเปล่า ลุงอินได้ชื่อว่าหาปลาเก่ง เครื่องมือแต่ละชนิดที่แกคิดขึ้นมาจับปลานั้นทำให้แกหาปลาได้มากกว่าคนอื่นเสมอ จนใครๆในหมู่บ้านให้สมญาว่า “เฒ่าเสือปลา”

                เจี๊ยบ  เจี๊ยบ  เจี๊ยบ  ลูกไก่ที่อยู่ในชายพกกำลังดิ้นขลุกขลักและส่งเสียงร้องหลังจากที่นอนพักจนหายเหนื่อย  ลุงอินหย่อนกายลงนั่งตรงเนินดินใกล้กับกอกกกอใหญ่ที่เห็นน้ำอยู่ไหวๆ  มือขวาค่อยๆล้วงลูกไก่ออกจากชายพก มือซ้ายดึงเชือกจากตลับยาเส้นมาผูกกับปีกของลูกไก่ให้ดูเหมือนกับนกที่กำลังบิน  จากนั้นแกก็นำไปผูกกับคันเบ็ดที่มีเบ็ดผูกติดกันเป็นช่อประมาณ  5 ตา  แล้วแกค่อยๆยื่นคันเบ็ดเข้าไปในกอกก  “คราวนี้แหละไอ้ช่อนเอ๋ย กูจะล่อมึงขึ้นมาเนื้อกูจะแกงส้ม หัวหูจะต้มยำ”  คิดพรางตาก็มองสายเบ็ด ในขณะที่มือหย่อนลูกไก่ขึ้นลงไปมา  ไม่ช้าแม่ปลาช่อนตัวเขื่องก็ดิ้นกระแด่วๆขึ้นมา สมกับที่แกหมายมั่นไว้

              ฝนตกลงมาเหมือนฟ้าทะลักทลายตั้งแต่บ่ายค่อยซาลง จนในที่สุดก็ขาดเม็ดฝน  ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว ท้องฟ้าหลังฝนโปร่งใสแทบจะหาเมฆมิได้เลย เห็นแต่จันทร์เสี้ยวแห่งคืนข้างแรมปรากฏอยู่  ไกลออกไปเห็นดวงดาวเรียงรายทอแสงระยิบระยับ ช่วยเสริมให้ดวงเดือนดูงามสดใสยิ่งขึ้น  ทั้งดาวเดือนเปล่งแสงสาดส่องไปทั่วบริเวณ แข่งกับแสงสะท้อนจากหยดน้ำฝนที่เกาะอยู่ตามใบไม้ใบหญ้า ประดุจเพชรมณีอันล้ำค่าที่เทพยดานำมาปรายโปรยไว้

                          ในบ้านหลังหนึ่ง ลุงอินนั่งสูบบุหรี่จนขี้เถ้ากองพะเนิน  มวนแล้วมวนเล่า

      เห็นเป็นจุดเล็กๆ สีแดงวาบขึ้นแล้วก็หายไป สักพักก็แดงวาบขึ้นมาใหม่  แม้นจะดึกแล้ว ลุงอินก็ยังนั่งมองท้องฟ้า  ปล่อยให้กระแสลมที่พัดมาเป็นระลอกๆต้องผิวกายแล้วผ่านเลยไป  ภาพเก่าๆยังแจ่มชัดอยู่ในใจ

                         “ลุงอินเอาไก่ล่อแม่ปลาช่อนยังไงนะ ถึงได้แม่ปลาทุกครั้งและไก่ก็ไม่ตาย สอนฉันมั่งซิ” เสียงไอ้แสงเด็กข้างบ้านที่มาเที่ยวบ้านลุงอินทุกวัน

                         “นี่ เฒ่าอิน ขืนเอ็งจับแม่ปลาช่อนมากินหมด นานไปรุ่นลูกรุ่นหลานมันจะกินอะไรกัน แม่ปลากำลังมีไข่ เอ็งฆ่าแม่หนึ่งตัวเท่ากับฆ่าลูกเป็นล้านๆตัว เหลือไว้ทำพันธุ์บ้างเถอะ” เสียงยายสีที่มาเก็บหมากข้างรั้วพูดกรอกหูอยู่ทุกวัน

                         “ตาอินเอาปลาแม่ท้องแก่มากินไม่สงสารมันหรือจ๊ะ คุณครูบอกว่าไม่ควรจับแม่ปลาในฤดูวางไข่ เพราะจะทำให้ปลาสูญพันธุ์ นานไปก็จะไม่มีปลาให้กิน” เสียงอีส้มลูกไอ้เทืองข้างบ้านที่มาเล่นกับไอ้แดงลูกตาอินบ่อยๆ

                         พ่อ คนเขาพูดว่าผมกับน้องๆตัวแคระแกร็นเหมือนเด็กขาดสารอาหาร เขาว่ากรรมตามทันเห็นทันตาเพราะพ่อชอบจับปลากำลังมีไข่ ลูกๆก็เลยเลี้ยงไม่โต

                         “ถ้าข้าไม่จับแล้วพวกเอ็งจะกินอะไร”

                         ผมไม่ได้ห้ามไม่ให้พ่อจับปลา แต่พ่อไม่ควรจับปลาที่กำลังมีไข่ ถ้าแม่ปลาไม่มีโอกาสวางไข่ก็จะไม่มีลูกปลาสืบพันธุ์ นานเข้าก็จะไม่มีปลาให้พ่อจับ พ่อคิดดูเถอะอะไรจะเกิดขึ้น

                         ข้านี่คงจะทำบาปไว้มาก ถ้าปลามันพูดได้ป่านนี้มันคงแช่งชักหักกระดูกข้าไม่เว้นแต่ละวัน  รอก่อนเถอะ รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ ข้าจะให้คำตอบกับทุกคน ลุงอินรำพึงกับตัวเองก่อนจะลุกไปนอน

                         คนในหมู่บ้านต่างวิพากวิจารณ์กันถึงการที่ลุงอินเลิกจับแม่ปลาท้องแก่ว่าเพราะคนนั้นคนนี้ห้าม  แต่ลุงอินรู้ว่าที่แกเลิกไม่ใช่เพราะเชื่อยายสี  อีส้ม หรือไอ้แดงลูกของแก แต่แกเลิกเพราะคิดว่ายังไม่สายที่คนอย่างแกจะช่วยอนุรักษ์สัตว์น้ำไว้ให้ลูกหลานมีกินต่อไปนานๆ

                                                      .................................

      ยังไม่สาย

       

                เจี๊ยบ  เจ็ยบ  เจ็ยบ  เสียงลูกไก่ร้องดัง ผสมโรงกับเสียง กระต๊าก  กระต๊ากของแม่ไก่ พลอยให้ไอ้โต้งที่คอยคุมเชิงอยู่ข้างๆส่งเสียง  กระโต๊ก  กระโต๊ก  ตามไปด้วย  มิหนำซ้ำหมูในคอกก็ตกใจลุกขึ้นวิ่งกันลนลาน  ในที่สุดทั้งไก่ทั้งหมูต่างก็แตกตื่นกันชุลมุนวุ่นวาย ส่งเสียงดังระงมไปทั่วทั้งบริเวณบ้านจนฟังไม่ได้ศัพท์

                “บ้าจริง ร้องอยู่ได้กูไม่ได้เอามึงไปแกง เดี๋ยวกูก็เอากลับมาให้อยู่ในเล้าตามเดิม”

                เจี๊ยบ  เสียงร้องดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เจ้าตัวส่งเสียงจะลงไปนอนนิ่งอยู่ในชายพก จะเห็นชายพกไหวอยู่เป็นครั้งคราว ให้รู้ว่ายังไม่ตาย

                ขอบฟ้าสีทองมองเห็นอยู่ร่ำไร ดวงตะวันกำลังแผ่รัศมีปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณบอกให้รู้ว่าวันใหม่กำลังจะมาเยือน  เสียงไอ้โต้งที่ร้องเมื่อกี้ตอนนี้กลับโก่งคอขันราวจะแข่งกับแสงตะวันที่ดูสว่างชัดขึ้นทุกขณะ  นกกาต่างพากันออกหากิน ส่งเสียงร้องเรียกกัน บ้างบินกันไปเป็นฝูงๆ บ้างจับคู่เคล้าเคลียกัน  บ้างก็กำลังกกลูกน้อยเพื่อปลอบขวัญมิให้ตกใจกลัว  อีกไม่นานภาพและเสียงเหล่านี้คงจะไม่มีให้ได้เห็นได้ยิน เมื่อมีถนนสายใหม่ตัดผ่านเข้ามาในหมู่บ้าน  ความเจริญกับธรรมชาติมักจะเดินสวนทางกันเสมอ

                ชีวิตหนึ่งกำลังเดินไปตามคันนาบนบ่ามีคันเบ็ดยาวประมาณหนึ่งวามองแต่ไกลเหมือนลูกเสือแบกไม้พลอง  แกเดินมาหยุดอยู่ริมหนองน้ำที่มีน้ำเต็มเปี่ยมพร้อมจะล้นขอบหนองออกมาถ้าเพียงแต่ฝนตกลงมาสักห่าเดียว  หนองน้ำแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนองน้ำใหญ่ที่สุดและมีปลาชุกชุมที่สุดในหมู่บ้าน น้ำในหนองไม่เคยแห้งไม่ว่าฝนจะแล้งนานแค่ไหน  ไม่มีใครรู้ว่าหนองน้ำแห่งนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไรและตั้งแต่เมื่อใด คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านเล่าให้ฟังว่า พอเกิดมาก็เห็นหนองน้ำอยู่อย่างนี้แล้ว  และวันดีคืนดีจะมีคนเห็นไหสองลูกผูกติดกันด้วยโซ่มานอนผึ่งแดดอยู่แถวปากหนองซึ่งเป็นลานกว้าง ถ้าใครเดินผ่านไปใกล้ไหทั้งคู่ก็จะกลิ้งกลับลงสู่หนองน้ำ แต่ไม่มีใครกล้าลงไปดูก้นหนองว่าไหมีหรือเปล่า   กว่าห้าสิบครัวเรือนที่อาศัยหนองน้ำแห่งนี้ช่วยหล่อลี้ยงชีวิต ไม่ว่าจะดื่ม อาบ ใช้เพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์  หนองน้ำแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนเส้นโลหิตของหมู่บ้าน

                หลายวันแล้วที่ลุงอินมาด้อมๆมองๆอยู่แถวหนองน้ำ  วันแล้ววันเล่าที่แกต้องกลับบ้านมือเปล่า ลุงอินได้ชื่อว่าหาปลาเก่ง เครื่องมือแต่ละชนิดที่แกคิดขึ้นมาจับปลานั้นทำให้แกหาปลาได้มากกว่าคนอื่นเสมอ จนใครๆในหมู่บ้านให้สมญาว่า “เฒ่าเสือปลา”

                เจี๊ยบ  เจี๊ยบ  เจี๊ยบ  ลูกไก่ที่อยู่ในชายพกกำลังดิ้นขลุกขลักและส่งเสียงร้องหลังจากที่นอนพักจนหายเหนื่อย  ลุงอินหย่อนกายลงนั่งตรงเนินดินใกล้กับกอกกกอใหญ่ที่เห็นน้ำอยู่ไหวๆ  มือขวาค่อยๆล้วงลูกไก่ออกจากชายพก มือซ้ายดึงเชือกจากตลับยาเส้นมาผูกกับปีกของลูกไก่ให้ดูเหมือนกับนกที่กำลังบิน  จากนั้นแกก็นำไปผูกกับคันเบ็ดที่มีเบ็ดผูกติดกันเป็นช่อประมาณ  5 ตา  แล้วแกค่อยๆยื่นคันเบ็ดเข้าไปในกอกก  “คราวนี้แหละไอ้ช่อนเอ๋ย กูจะล่อมึงขึ้นมาเนื้อกูจะแกงส้ม หัวหูจะต้มยำ”  คิดพรางตาก็มองสายเบ็ด ในขณะที่มือหย่อนลูกไก่ขึ้นลงไปมา  ไม่ช้าแม่ปลาช่อนตัวเขื่องก็ดิ้นกระแด่วๆขึ้นมา สมกับที่แกหมายมั่นไว้

              ฝนตกลงมาเหมือนฟ้าทะลักทลายตั้งแต่บ่ายค่อยซาลง จนในที่สุดก็ขาดเม็ดฝน  ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว ท้องฟ้าหลังฝนโปร่งใสแทบจะหาเมฆมิได้เลย เห็นแต่จันทร์เสี้ยวแห่งคืนข้างแรมปรากฏอยู่  ไกลออกไปเห็นดวงดาวเรียงรายทอแสงระยิบระยับ ช่วยเสริมให้ดวงเดือนดูงามสดใสยิ่งขึ้น  ทั้งดาวเดือนเปล่งแสงสาดส่องไปทั่วบริเวณ แข่งกับแสงสะท้อนจากหยดน้ำฝนที่เกาะอยู่ตามใบไม้ใบหญ้า ประดุจเพชรมณีอันล้ำค่าที่เทพยดานำมาปรายโปรยไว้

                          ในบ้านหลังหนึ่ง ลุงอินนั่งสูบบุหรี่จนขี้เถ้ากองพะเนิน  มวนแล้วมวนเล่า

      เห็นเป็นจุดเล็กๆ สีแดงวาบขึ้นแล้วก็หายไป สักพักก็แดงวาบขึ้นมาใหม่  แม้นจะดึกแล้ว ลุงอินก็ยังนั่งมองท้องฟ้า  ปล่อยให้กระแสลมที่พัดมาเป็นระลอกๆต้องผิวกายแล้วผ่านเลยไป  ภาพเก่าๆยังแจ่มชัดอยู่ในใจ

                         “ลุงอินเอาไก่ล่อแม่ปลาช่อนยังไงนะ ถึงได้แม่ปลาทุกครั้งและไก่ก็ไม่ตาย สอนฉันมั่งซิ” เสียงไอ้แสงเด็กข้างบ้านที่มาเที่ยวบ้านลุงอินทุกวัน

                         “นี่ เฒ่าอิน ขืนเอ็งจับแม่ปลาช่อนมากินหมด นานไปรุ่นลูกรุ่นหลานมันจะกินอะไรกัน แม่ปลากำลังมีไข่ เอ็งฆ่าแม่หนึ่งตัวเท่ากับฆ่าลูกเป็นล้านๆตัว เหลือไว้ทำพันธุ์บ้างเถอะ” เสียงยายสีที่มาเก็บหมากข้างรั้วพูดกรอกหูอยู่ทุกวัน

                         “ตาอินเอาปลาแม่ท้องแก่มากินไม่สงสารมันหรือจ๊ะ คุณครูบอกว่าไม่ควรจับแม่ปลาในฤดูวางไข่ เพราะจะทำให้ปลาสูญพันธุ์ นานไปก็จะไม่มีปลาให้กิน” เสียงอีส้มลูกไอ้เทืองข้างบ้านที่มาเล่นกับไอ้แดงลูกตาอินบ่อยๆ

                         พ่อ คนเขาพูดว่าผมกับน้องๆตัวแคระแกร็นเหมือนเด็กขาดสารอาหาร เขาว่ากรรมตามทันเห็นทันตาเพราะพ่อชอบจับปลากำลังมีไข่ ลูกๆก็เลยเลี้ยงไม่โต

                         “ถ้าข้าไม่จับแล้วพวกเอ็งจะกินอะไร”

                         ผมไม่ได้ห้ามไม่ให้พ่อจับปลา แต่พ่อไม่ควรจับปลาที่กำลังมีไข่ ถ้าแม่ปลาไม่มีโอกาสวางไข่ก็จะไม่มีลูกปลาสืบพันธุ์ นานเข้าก็จะไม่มีปลาให้พ่อจับ พ่อคิดดูเถอะอะไรจะเกิดขึ้น

                         ข้านี่คงจะทำบาปไว้มาก ถ้าปลามันพูดได้ป่านนี้มันคงแช่งชักหักกระดูกข้าไม่เว้นแต่ละวัน  รอก่อนเถอะ รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ ข้าจะให้คำตอบกับทุกคน ลุงอินรำพึงกับตัวเองก่อนจะลุกไปนอน

                         คนในหมู่บ้านต่างวิพากวิจารณ์กันถึงการที่ลุงอินเลิกจับแม่ปลาท้องแก่ว่าเพราะคนนั้นคนนี้ห้าม  แต่ลุงอินรู้ว่าที่แกเลิกไม่ใช่เพราะเชื่อยายสี  อีส้ม หรือไอ้แดงลูกของแก แต่แกเลิกเพราะคิดว่ายังไม่สายที่คนอย่างแกจะช่วยอนุรักษ์สัตว์น้ำไว้ให้ลูกหลานมีกินต่อไปนานๆ

                                                      .................................

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×