คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ค้นพบ
25 ก.พ. ค.ศ.4035
ก๊อก ก๊อก ก๊อก.. ร่างโปร่งของชายผมยาวประบ่าเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียดยิ่งนัก
“ดาโก้ ท่านคิดดีแล้วหรือที่จะส่งนายน้อยไปที่นั่นทั้งๆที่นายน้อยเพิ่งเกิดมาไม่กี่ชั่วโมง”ชายหนุ่มผู้มาใหม่ถามบุคคลที่อยู่ในห้องด้วยอาการเคร่งเครียด
“ข้าจำเป็นต้องทำอย่างนั้น ฟาร์กี้...เพื่อความปลอดภัยของพวกเราและความปลอดภัยของลูกข้าเอง”
บุคคลทั้งสองเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่บุคคลที่ดูฐานะต่ำกว่าเอ่ยทำลายความเงียบนั้น
“แล้วท่านจะส่งนายน้อยไปเมื่อไร ?”
“เดี๋ยวนี้เลย ”
25 ก.พ. ค.ศ.4051
เช้าวันนี้ก็เป็นเช้าที่สดใสอีกวันหนึ่งที่ผู้คนออกมาจับจ่ายซื้อของคับคั่งในเมืองดราโกนแห่งนี้ เมืองนี้เป็นเมืองที่มีสถานศึกษามากที่สุดทำให้ไม่แปลกเลยที่จะมีผู้คนคับคั่งมากมาย
“ฮ้าว~ง่วงจังเลยวันนี้~~” เด็กหนุ่มหน้าหยกที่มีดวงตาสีนิลเหมือนกับเส้นผมที่ไว้ลากไซยาวลงมาเกือบบ่าตื่นมาด้วยอาการสลึมสลือ
“เอ้า...มัวแต่นอนอยู่ได้ วันนี้นายน้อยมีสอบไม่ใช่หรือครับ ?”บุคคลที่เปรียบเสมือนแม่นมเพียงคนเดียวในบ้านพยายามปลุกนายน้อยให้ลุกจากเตียง
“เออ จริงด้วย!งั้น ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
“เฮ้อ...นายน้อยฟาล์ว จะไหวมั้ยเนี่ย”
ณ โรงเรียนชื่อดังที่อยู่ใจกลางเมืองดราโกนที่ทุกๆวันจะมีแต่เสียงจ้อกแจ้กจอแจอยู่ตลอด แต่วันนี้กลับไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาเลย เพราะวันนี้มันเป็นวันสอบวันสุดท้ายของนักเรียนปี 1
“นี่ฟาล์วนายอ่านหนังสือรึปล่าว เห็นรุ่นพี่เค้าบอกว่าข้อสอบของปี 1น่ะยากสุดๆเลยนา”
“นายก็อย่าพูดให้ฉันเสียวสิวาฟ”
เมื่อเวลาสอบเริ่มขึ้น ...เหล่านักเรียนปี 1 ก็เริ่มเครียด แน่นอนหนึ่งในนั้นก็ต้องมี ...ฟาล์ว
‘โอ๊ย! ทำไมข้อสอบมันยากยังงี้นะ’ฟาล์วคิดในใจ
กริ๊งงงง! “เอ้า นักเรียนเอาข้อสอบมาส่งครูได้แล้วหมดเวลาแล้ว”
“เฮ้ยฟาล์วทำไมทำหน้ายังงั้นวะเดี๋ยวสาวๆเดินผ่านมาเห็นนายทำหน้ายังงั้นเขาจะไม่ชอบเอานา”
“ช่างสิ ฉันห่วงเรื่องสอบมากกว่า ”
“อย่าเครียดไปเลยน่าไงๆเราก็สอบเสร็จแล้ว”วาฟเอ่ยปลอบใจ
“งั้นฉันกลับบ้านก่อนนะเปิดเทอมเมื่อไรเจอกัน”แล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกลับบ้านของตนแอง
“กลับมาแล้วครับลุงฟาร์กี้วันนี้มีอะไรกินมั่งอ่ะ”ฟาล์วถามลุงฟาร์กี้ เมื่อกลับมาถึงบ้าน
“ก็มีอย่างที่เห็นนี่แหละ”ฟาร์กี้พูดพลางชี้นิ้วไปที่อาหารกองโต
“โอ้โฮ ทำไมวันนี้ลุงฟาร์ทำอาหารเยอะจังครับ”
“ก็วันนี้วันเกิดนายน้อยไม่ใช่หรือครับ”
“เออจริงด้วย”ฟาล์วตอบแบบเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดตัวเอง
“งั้นคราวนี้ก็อายุครบ 16 ปีแล้วสินะ”ฟาล์วพูดต่อแล้วทำจะเขมือบอาหารที่อยู่ตรงหน้า
“จะกินก็ได้ครับแต่ต้องอาบน้ำก่อน”กว่าจะพูดเสร็จนายน้อยของเขาก็แอบหยิบไปชิ้นหนึ่งแล้วเข้าห้องน้ำไป
“คงใกล้จะถึงเวลาแล้วสินะ ท่านดาโก้”คำพูดของฟาร์กี้แสดงความกังวลใจยิ่งนัก แต่เขาก็กลับมายิ้มแย้มเหมือนเดิมอีกเมื่อเห็นว่านายน้อยของตนออกมาจากห้องน้ำแล้ว
ทั้งคู่กินอาหารกันอย่างมีความสุขอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เงียบเชียบ แต่ฟาล์วก็พูดทำลายความเงียบนั้น
“ลุงครับตอนนี้พ่อกับแม่ของผมอยู่ไหนครับ”ฟาล์วถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ซึ่งต่างจากใบหน้าของฟาร์กี้ในขณะนี้
“เอ่อ...ตอนนี้นายท่านกำลังทำงานอยู่ที่อื่นครับ”
ฟาล์วสงสัยกับคำตอบนั้นแต่เขาก็ไม่ถามอะไรต่อ
“นี่ก็ดึกมากแล้วได้เวลานอนแล้วครับ”
“กำลังง่วงพอดีเลย งั้นเข้าไปนอนก่อนนะ” “ครับ”ฟารกี้ตอบรับ
“........ผมจะเริ่มพรุ่งนี้เลยนะครับท่านดาโก้....”
ห้องนอนฟาล์ว
“เฮ้อนอนไม่สักทีเป็นอะไรเนี่ย .ไปหาอะไรกินดีกว่า” แล้วฟาล์วก็ออกไปหาน้ำกินขณะที่กำลังจะเดินเข้าห้องนั้นฟาล์วมองไปเห็นห้องที่อยู่ติดกับห้องของเขานั่นคือห้องของพ่อเขานั่นเองเขาจึงเดินเข้าไปในห้องนั้นแล้วนั่งลงที่โซฟาที่ลุงฟาร์กี้เคยบอกว่าพ่อนั่งเป็นประจำ ฟาล์วนั่งแล้วมองไปที่รูปรูปหนึ่งซึ่งถ้ามองดีๆแล้วก็จะรู้ว่ามันคือรูปแผนที่นั่นเองแต่เขาก็ยังไม่รู้มามันคือแผนที่เมืองอะไร เขาจึงเดินไปใกล้ๆแล้วลูบมันดูแต่น่าแปลก
ที่บริแผนที่มันนูนขึ้น ฟาล์วจึงลองกดดู ปรากฏว่าฝาผนังของห้องๆนั้นเลื่อนออกทำให้มีห้องอีกห้องหนึ่งที่ทั้งชีวิตนี้เขาไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ามีห้องลับอยู่ที่บ้านหลังนี้ ฟาล์วจึงตัดสินใจเดินเข้าไปดู แต่แล้วก็ต้องตกใจเห็นภาพฉายสามมิติเป็นรูปผู้คนกำลังถูกฆ่าตาย แล้วนั่นใครล่ะน่ะดูเป็นใหญ่เป็นโตอุ้มลูกมาด้วยแต่ที่น่าตกใจที่สุดคือคนที่อยู่ในนั้น..
“นั่นมัน...คุณลุงฟาร์กี้ !” นี่มันอะไรกันนี่มันเป็นเรื่องแต่งหรือเรื่องจริงกันแน่ มีคำถามมากมายที่ผุดขึ้นในหัวของฟาล์ว
“เอ ลุงฟาร์กี้รู้เรื่องนี้หรือยังนะ เดี๋ยวค่อยบอกตอนเช้าดีกว่าตอนนี้นอนก่อน”
เมื่อถึงเวลาเช้าฟาล์วจึงตัดสินใจเดินไปถามลุงฟาร์กี้
“อ้าว ทำไมวันนี้นายท่านถึงตื่นเช้าจังล่ะ.....”ฟาร์กี้ถามเพราะปกตินายท่านจะตื่นประมาณ 7.00 นาฬิกา
“คือ ผมมีอะไรจะถามหน่อย แต่ต้องตอบความจริงนะครับ”
“...แล้วจะถามว่าอะไรเหรอ...”
“ผมอยากจะถามว่าคุณลุงกับผมเป็นใครและพ่อกับแม่ผมเป็นใคร”ฟาล์วมองสีหน้าของลุงฟาร์กี้ที่ดูอึดอัดแล้วคิดในใจว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ
“เฮ้อ~แล้วนายน้อยเริ่มสงสัยตั้งแต่เมื่อไรล่ะครับ”
“เมื่อคืน”ฟาล์วตอบอย่างแข็งขันเพื่อต้องการคำตอบที่แท้จริง
“ผมก็ไม่อยากปิดบังนายน้อยหรอกนะครับ แต่ที่ผ่านๆมา....แค่มันยังไม่ถึงเวลาก็แค่นั้น”
“แล้วตอนนี้มันถึงเวลาหรือยังล่ะครับ”
ฟาร์กี้ทำท่าอึดอัดใจก่อนจะตอบว่า
“พวกเราเกิดมาในตระกูลจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดตระกูลของเราจะแบ่งเป็น 2 สาขา สาขาในและสาขานอก อย่างผมที่อยู่สาขานอกมีหน้าที่คอยคุ้มกันคนสาขาในอย่างนายน้อย สาขานอกจะใช้นามสกุล มอลเร็ต แต่ถ้าเป็นสาขาในจะใช้นามสกุล เซอร์เร็ต ซึ่งตอนนี้คนที่ใช้นามสกุลเซอร์เร็ตนั้นถือว่าหายากมาก”
“แล้วไง”ฟาล์วพยายามที่จะซักเพื่อให้ได้รู้ความจริงที่ละเอียดมากที่สุด
ในสมัยก่อนบ้านเมืองอยู่กันอย่างสงบสุขไม่เบียดเบียนใคร จนกระทั่งเมื่อ 16 ปีก่อน พี่ชายของนายน้อยที่ชื่อ ฟราโก้ เซอร์เร็ต เขาไ.......
“เดี๋ยวก่อนๆเมื่อกี้ลุงฟาร์บอกว่าพี่ชายของผมชื่อ ฟราโก้ เซอร์เร็ตเหรอ งั้น นามสกุลของผมก็คือฟาร์เร็ตน่ะสิ”ฟาล์วพูดตัดบทถามแต่ฟาร์กี้ก็ยังคงเล่าต่อ
“ฟราโก้ บ้าในอำนาจของตนที่เกิดมาในตระกูลที่ยิ่งใหญ่ จึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งพลังถึงกับจะฆ่าล้างตระกูลเพื่อให้ได้พลังนั้นมา ฟราโก้ได้รวมกำลังพลเข้ามาตีคนทั้งตระกูล จึงทำให้เกิดศึกสงครามขึ้นในตระกูล ถึงเราจะมีกำลังมากกว่าแต่เพราะฟราโก้เป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดและพลังกล้าแข็ง ทำให้การต่อสู้ยืดเยื้อ และในขณะเดียวกันคุณ มีลฟา เซอร์เร็ต ก็ได้ให้กำเนิดนายน้อย แต่ทว่า นายน้อยกลับมีพลังมากเกินไปทำให้ฟราโก้อยากจะได้พลังในตัวนายน้าอยขึ้นมาแต่นายท่ารู้ทันจึงส่งนายน้อยมาที่นี่และส่งผมมาดูแล ฟาล์วอึ้งไปกับคำตอบของฟาร์กี้ แต่ก็มีหลายคำถามที่ต้องการถามจึงถามฟาร์กี้ต่อ
“แล้วเดิมที พวกเราอยู่ประเทศอะไร ?”
“บอกไปนายน้อยก็คงไม่รู้ เพราะ.......อยู่คนละมิติ!!!
ฟาล์วอึ้งไปกับคำตอบของฟาร์กี้อีกครั้ง
“นายน้อยคงมีข้อสงสัยหลายเรื่องสินะครับ......งั้นตามผมมาสิครับ” ฟาร์กี้พูดพลางเดินนำทางฟาล์วไปยังห้องส่วนตัวของคุณลุงฟาร์กี้
“พาผมมาที่นี่ทำไมครับ”ฟาล์วถามอย่างสงสัย
“กลับบ้านเกิด ไงล่ะครับ !” ฟาล์วยังอึ้งกับที่ลุงฟาร์พูดอยู่แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ลุงฟานำมือไปแตะที่ลูกแก้วใสบนโต๊ะแล้วพูดว่า “จักษุ จักพาสู่ ดราโกเนีย” เมื่อพูดจบเส้นไหมสีแดงเพลิงก็พุ่งออกมาจากลูกแก้วแล้วคลุมพวกเขาทั้งสองเอาไว้ไม่นานสภาพห้องก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
“เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นครับ”ฟาล์วถามด้วยความสงสัยกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่
“นายน้อยก็ลองเปิดหน้าต่างดูสิครับ” ฟาล์วจึงเดินไปเปิดหน้าต่างตามที่ลุงฟาร์กี้บอก แต่ก็ต้องชงักเมื่อเห็นบรรยากาศภายนอก
“นี่มัน ไม่ใช่เมืองดราโกนนี่ !” ฟาล์วอุทานอย่างตกใจ
“ใช่ครับที่นี่คือเมืองดราโกเนียบ้านเกิดของนายน้อยไงล่ะครับ เมืองนี้เป็นโลกอีกโลกหนึ่งที่อยู่คนละมิติกับเมืองดราโกน คฤหาสน์หลังนี้ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างดราโกเนียและดราโกน”
“แล้วทำไมถึงเพิ่งมาบอกเอาตอนนี้ล่ะครับ...”
“ก็ผมบอกแล้วไงครับว่ามันยังไม่ถึงเวลา”ฟาร์กี้อธิบายให้ฟาล์วฟัง
“แล้วเราจะกลับไปดราโกนเมื่อไรล่ะครับ?”
“จะกลับทำไมในเมื่อที่นี่คือบ้านเกิดของนายน้อย”คำตอบนั้นทำให้ฟาล์วเครียด เพราะไหนจะเรื่องเรียนอีก เพื่อนอีก เขาจะทิ้งไปได้ยังไง แต่เหมือนฟาร์กี้จะอ่านใจฟาล์วออก
“นายน้อยไม่ต้องห้วงเรื่องเรียนหรอกครับนายท่านจัดเตรียมโรงเรียนให้นายน้อยไว้แล้ว แต่ต้องสอบเข้าเองนะครับ ส่วนเรื่องเพื่อน เดี๋ยวนายน้อยก็หาได้เองแหละครับ”
“แล้วไอ้โรงเรียนที่ว่าน่ะมันชื่อโรงเรียนอะไรล่ะครับ”ฟาล์วถามเพื่อต้องการจะไปสมัครเรียน
“โรงเรียนจอมเวทดราโกเนีย”
“ลูกชายของลุงก็อายุเท่านายน้อย เขาชื่อทีโอลองไปหาดูนะเขาคงดีใจที่พวกเรากลับมา”
“งั้นผมออกไปข้างนอกหน่อยนะครับ” ฟาล์วพูดพร้อมเดินออกไปข้างนอกแบบที่ไม่คุ้นเคย ฟาล์วเดินไปเพื่อหาใบสมัครสอบเข้าเรียนจอมเวท แต่หาเท่าไรก็หาไม่เจอ
“เฮ้อ~ชักจะเหนื่อยแล้วสิ เอ๊ะแล้วนั่นทำไทคนถึงมุงอย่างนั้นล่ะ ลองเข้าไปดูดีกว่า” ว่าแล้วหนุ่มฟาล์วเราก็เข้าไปดูทันที
“เอ่อ ขอโทษนะครับ นี่เขามุงดูอะไรกันหรือครับ”ฟาล์วถามหนุ่มหล่อผมสีเขียวมรกตประบ่าที่ดูอายุไล่เลี่ยกับเขา อย่างสงสัย
“อ่อ เขามาสมัครสอบโรงเรียนจอมเวทยังไงล่ะ”หนุ่มหน้าตาดีเหมือนฟาล์วตอบเหมือนสงสัยว่า คนนี้ไม่รู้เลยเหรอว่าที่นี่คือท่สมัครสอบ
“ขอบใจมากนะ นายชื่ออะไรล่ะ เผื่อจะได้เจอกันอีก”ฟาล์วเริ่มปฏิบัติการหาเพื่อน
“ฉันชื่อ ฟารอน มอลเร็ต”
“เอ๊ะ หรือว่านายเป็นลูกของลุงฟาร์กี้”คำถามนั้นทำให้ฟารอนงง คนนั้นรู้จักพ่อของเขาด้วยหรือ
“อื้อ ใช่ฉันเป็นลูกเขา แล้วนายรูจักพ่อฉันได้ไง “
“ฉันชื่อ ฟาล์ว เซอร์เร็ต” คำตอบนั้นทำให้ฟีเร่ตกตะลึงอย่างมาก เขากลับมาแล้วหรือ
“งั้นท่านก็คือคุณฟาล์วล่ะสิ” ฟารอนพูดพร้อมทำท่าจะเคารพแต่ฟาล์วห้ามไว้ก่อน
“เรียกว่าฟาล์วเฉยๆก็ได้ไม่ต้องมีคุณมีท่านหรอก”
“ครับ งั้นพ่อของฉันก็มาแล้วสิ”
“อื้อ พ่อนายอยู่ที่บ้านชั้นแน่ะ”ฟาล์วพูดอย่างดีใจที่ได้เพื่อนแล้ว
“แล้วนายสมัครสอบหรือยังล่ะ”ฟารอนถามฟาล์ว
“ยังเลยก็กำลังจะสมัครนี่แหละ”
“งั้นเข้าไปกันเหอะ เดี๋ยวเขาก็จะหมดเขตการสมัครแล้ว”ฟารอนเอ่ยชวนฟาล์วให้เดินเข้าไปสมัครสอบด้วยกัน
“เฮ้อในที่สุดก็สมัครสอบได้ซะที คนเยอะจังเนาะฟารอน”
“อื้อ ก็มันเป็นโรงเรียนใหญ่นี่นา นี่ พ่อฉันอยู่ที่บ้านนายใช่ป่ะ”ฟารอนถามอย่างคิดถึงพ่อตัวเอง
“อืมนายมาค้างบ้านฉันก็ได้นี่พ่อนายก็อยู่ที่บ้านชั้นไม่ต้องเกรงใจหรอก”
“เดี๋ยวค่อยคิดทีหลังแล้วกัน แต่ที่ต้องคิดก่อนก็คือนายจะเอาอะไรไปแข่งตอนสอบ”ฟารอนถามฟาล์วด้วยความเป็นห่วง
ฟาล์วจะถามฟารอนต่อ ถ้าไม่มีใครมาเดินชนเขาแทบล้ม ฟาล์วพยามทรงตัวแต่ยังไงก็ล้ม
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ” เสียงจากคนที่ชนเมื่อสักครู่กล่าวคำขอโทษ แต่ดูจะไม่เป็นผลกับชายหนุ่มคนนี้
“นี่คุณเดินยังไงของคุณเนี่ย ”ฟาล์วพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิด ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามองคนที่เดินชนเขา
“เอ๊ะ เมื่อกี้ฉันก็ขอโทษคุณแล้วนะ คุณน่ะแหละที่มาเดินชนฉันแล้วล้มเอง ”เสียงหญิงสาวผมสีดำที่ยาวลงมาถึงเอว เถียงฟาล์วอย่างขาดใจดิ้น แต่หญิงสาวอีกคนท่าทางเป็นมิตรห้ามไว้ ก่อนที่เพื่อนสาวจะเถียงไปมากกว่านี้
“นี่วีร่าราต้องรีบไปสมัครสอบนะ อย่ามัวเถียงอยู่เลย”เพื่อนสาวที่มีผมสีฟ้ายาวมาถึงกลางหลังห้ามไว้
“ฉันเห็นแก่เพื่อนฉันหรอกนะ”หญิงสาวเถียงต่อแล้วเดินจากไปปล่อยให้สองหนุ่มยืนดูสองคนนั้นเดินจากไป
“นายว่ามั้ยฟาล์วสองคนนั่นน่ารักไม่เบา”
“
.แต่ปากจัดไปหน่อย”
“กลับกันเหอะ...”ฟาล์วเอ่ยชวนแล้วเดินนำไป
เมื่อกลับถึงบ้านฟารอนจึงรีบตรงเข้าไปหาพ่อที่จากกันมานาน
“พ่อครับ...คิดถึงพ่อจังเลย”
“ลุงฟาร์กี้ครับถ้าผมจะให้ฟารอนเข้ามาอยู่กับเราด้วยลุงจะว่ามั้ยครับ”ฟาล์วถามลุงฟาร์กี้ทั้งๆที่น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว
“ได้สิ ดีออกอยู่กันเยอะๆ”ฟาร์กี้ตอบฟาล์วอย่างดีใจที่ให้ลูกเขามาอยู่ด้วย
“งั้นเดี๋ยวพวกผมขึ้นไปจัดห้องก่อนนะครับ”ฟาล์วบอกลุงฟาร์ก่อนจะเดินขึ้นห้องไปกับฟารอน
“นายนอนห้องนี้แล้วกันนะ”ฟาล์วบอกกับฟารอนเพระมันเป็นห้องที่ใกล้ห้องเขามาดที่สุด
ในขณะที่ฟาล์วช่วยฟารอนจัดห้องอยู่นั้นฟาล์วจึงถามฟารอนเกี่ยวกับเรื่องสอบเข้า
“เออตอนนั้นที่นายบอกว่าแข่งตอนสอบหมายความว่ายังไง มันไม่ใช่สอบข้อเขียนเหรอ”
“ใช่ โรงเรียนนี้น่ะตอนสอบเข้า เขาจะจัดการประลองใครชนะก็สอบผ่านใครแพ้ก็สอบตก”
“โห แล้วงี้ ฉันก็ไม่ผ่านแน่เลย”ฟาล์วเริ่มถอดใจกับโรงเรียนนี้
“ไม่ตองห่วง เดี๋ยวพ่อฉันก็ส่งคนในตระกูลเรามาช่วยสอนให้”ฟารอนพูดให้ฟาล์วมีกำลังใจ
“ถึงงั้นก็เหอะ นายยังใช้เวทเป็นแต่ฉันไม่เป็นเลยนี่”
“...พ่อฉันบอกว่านายมีพลังเยอะมากถึงต้องส่งนายไปดราโกนใช่มั้ย...ไม่ต้องห่วงถ้านายเป็นคนที่นี่ เวลาฝึกเดี๋ยวมันก็ชินไปเอง”
“ได้เวลากินข้าวแล้วครับ”เสียงเรียกของฟาร์กี้ทำให้ทั้งสองคนรีบลงไปกินข้าว
“ลุงฟาร์ ครับพวกผมจะต้องฝึกสำหรับไปสอบเมื่อไรครับ”ฟาล์วถามฟาร์กี้อย่างสงสัย
“พรุ่งนี้เลย ต้องใช้เวลานานหน่อยเพราะว่าคุณหนูยังใช้เวทย์เบื้องต้นไม่เป็นเลย”
“พ่อครับเดี๋ยวคืนนี้ผมสอนเวทย์เบื้องต้นให้กับฟาล์วเองก็ได้ครับ มันไม่ยากด้วย สำหรับฟาล์วแค่คืนเดียวคงจะทำได้”ฟารอนบอกกับพ่อขณะกินข้าวกันอยู่ และเมื่อทั้งหมดกินข้าวเสร็จฟารอนก็ทำการสอนฟาล์วใช้เวทย์เบื้องต้น
“เอาละ ฟาล์วนายลอง เอามาวางตั้งฉากกับตัวเองแล้วเพ่งไปที่มือทั้งสองข้างสิ ....สังเกตการเปลี่ยนแปลงของมือด้วย...........รู้สึกยังไงบ้าง”
“มือของฉันเปียกน้ำจากไหนก็ไม่รู้ แล้วมือชั้นมันก็เจ็บแปล๊บๆด้วย”
“โอเค นายมีคุณสมบัติธาตุถึง 2 อย่างเชียวนะ คือธาตุน้ำและสายฟ้า หายากมากเลยนะพวกที่มี 2 ธาตุน่ะ” ฟารอนอธิบายห้ฟาล์วฟัง
“ การใช้เวทย์นี่จำกัดเรื่องธาตุด้วยเหรอ? ” ฟาล์วถามฟารอนอย่างข้องใจ
“เปล่าหรอก แต่ว่าถ้าเราอยู่ธาตุไหนเราก็จะทำธาตุนั้นได้ดี เช่นชั้นอยู่ธาตุไฟชั้นก็จะใช้ธาตุไฟได้ดีกว่าธาตุอื่น”
“เอาละ ต่อมาเราจะมาฝึกการใช้พลังธาตุมาเปลี่ยนเป็นพลังเวทย์...” ฟาล์วทำท่าทางสนใจทันที จากนั้นฟารอนก็ยื่นไม้คทามาให้ฟาล์วแล้วบอกให้ทำตามที่บอก
“ฟาล์วนายถือคทานี้ไว้แล้วลองนึกว่ามีสายน้ำไหลผ่านจากร่างกายนาย ผ่านมือนายแล้วเพ่งให้มันไหลผ่านคทานายนะ” เมื่อฟาล์วลองทำตามก็ปรากฏว่ามีน้ำไหลออกมาจากคทาเต่สายน้ำนั้นไม่แรงมาก
“ดีมากฟาล์ว แค่นี้นายก็ใช้เวทย์เบื้องต้นได้แล้ว”
“นี่แล้วเวลาที่เราต้องใช้เวทย์น่ะเราต้องถือคทาตลอดรึเปล่า” ฟาล์วถามอย่างสงสัย
“ไม่จำเป็น เราจะถือคทาก็ต่อเมื่อใช้คาถาแรงๆหรือเวลาที่พลังเราจะหมด” ฟารอนตอบ
“ วันนี้นอนก่อนเหอะพรุ่งนี้เราก็ต้องฝึกจริงกันแล้ว” เมื่อฝึกเสร็จฟารอนก็ขอตัวไปนอนที่ห้องของตน
แสงสว่างยามเช้าของอีกวันส่องตาคู่หนึ่ง ทำให้ตาคู่นั้นต้องเบิกขึ้น
“เฮ้อ~เช้าแล้วเหรอเนี่ย เออวันนี้เราต้องฝึกเวทย์นี่นา” ว่าแล้วฟาล์วก็ลุกเข้าห้องน้ำไป
“นายน้อยครับได้เวลาฝึกแล้วครับ”เมื่อสิ้นเสียงทั้งสองคนก็ลงมาหาคนสอน
“สวัสดีครับ หนุ่มทั้งสอง ผมเป็นคนสอนเวทย์ประจำตระกูลนี้ ชื่อว่าฟีโร มอลเร็ตครับ เรียกว่าคุณฟีโร่เฉยๆก็ได้
“สวัสดีครับคุณฟีโร่”ทั้งสองคนทักทายครูสอนคนใหม่
“เอาละเราจะเริ่มฝึกกันเลยนะคับขอบอกว่าฝึกของผมไม่โหด”
2 อาทิตย์ผ่านไป
“เฮ้อ เหนื่อยชะมัด แต่เหลือเชื่อเลยนะว่าเวลาแค่ 2 อาทิตย์นายจะทำได้ขนาดนี้ นายรู้มั้ยตอนนี้นายเก่งกว่าฉันมาก อย่างที่พ่อฉันบอกเลยว่าอย่าดูถูกคนสาขาใน”ฟารอนพูดไปหอบไป หลังจากที่ฝึกวันสุท้ายเสร็จ
“นั่นดิเหนื่อยชะมัด แต่ถ้าแลกกับที่ได้มามันก็คุ้ม นี่เหลืออีกวันเดียวใช่มั้ยวันสอบน่ะ”
“อื้อ งานนี้ต้องเต็มที่หน่อยล่ะ”
เมื่อวันสอบมาถึง ฟาล์วและฟารอนได้เดินทางมาโรงเรียนก่อนเวลานัดหมาย 10 นาที
“โอ้โห ทำไมคนมันเยอะอย่างนี้เนี่ย นี่ขนาดมาก่อนเวลานะเนี่ย ”ฟารอนอุทาน
“ก็มันเป็นโรงเรียนดังนี่นา”
“ประกาศๆขอให้นักเรียนที่มาสอบทุกคนเข้าแถวหน้าลานประลองได้”
“ไปเหอะได้เวลาแล้ว”ฟารอนพูดก่อนเดินนำฟาล์วไป
“ยินดีต้อนรับผู้เข้าสอบทุกคน วันนี้เป็นวันสอบเข้าโรงเรียนจอมเวทย์ดราโกเนีย ตอนนี้ผู้เข้าสอบได้รับหมายเลขประจำตัว กันครบหมดทุกคนแล้ว เราจะเริ่มทำการทดสอบกันสักที การที่เราต้องทดสอบอย่างนี้ก็เพื่อต้องการที่จะวัดพลัง พื้นฐานของพวกเธอเท่านั้นแล้วทางโรงเรียนเราก็ไม่สามารถรับนักเรียนทุกคนได้ วิธีการสอบก็คือให้ผู้เข้าสอบทุกคนขึ้นไปประลองบนเวทีนี้ กฏิกาง่ายๆใครชนะสอบผ่านแต่ถ้าใครแพ้ก็สอบไม่ผ่านแล้วไม่ต้องกลัวว่าจะมีการต่อสู้จนถึงแก่ชีวิต เพราะทางเราลงมนตราเอาไว้แล้ว หากสอบผ่านให้เดินเข้าหอประชุมด้านข้างเอาล่ะครับเริ่มกันเลย เริ่มกันที่...”
“หมายเลข 1 คิฟ โรมเมอร์ และหมายเลข 2 โดโรที ฮอตวูต ขึ้นลานประลองได้”
ทันทีที่การประลองเริ่มขึ้น โดโรทีก็ไม่ชักช้าเริ่มร่ายเวทออกมาทันทีที่เขาร่ายเวทก็มีไฟลูกยักษ์พุ่งออกมาจากคทาของเขา แล้วพุ่งใส่ไปยังหนุ่มผมสีเทายาวประบ่าทันที! แต่ทว่าคิฟก็สร้างบาเรียที่เกิดจากสายลมควบแน่นกันเป็นเกราะป้องกันตัวเขาไว้ ทันทีที่ไฟเริ่มสงบลงก็มีสายลมที่สร้างให้เป็นอาวุธแหลมคมพุ่งมา จากข้างหลังโดโรทีทำให้โดโรทีพลาดท่าไปอย่างง่ายได้ เสียงเฮของคนที่เชียร์คิฟดังขึ้นหลังจากที่การต่อสู้ครั้งนี้รู้ผล
“ ต่อไปหมายเลข 5 ฟารอน มอลเร็ต และหมายเลข 6 มอเนีย เซนเทล เริ่มได้ ”
เมื่อเริ่มการประลองฟารอนก็เริ่มร่ายเวทย์ไฟใส่มอเนียทันที แต่มอเนียก็หลบได้อย่างหวุดหวิดพร้อมทั้งร่ายเวทย์น้ำโจมตีใส่ไฟที่ฟารอนสร้างขึ้น แต่แล้วฟารอนก็อ้อมมาทางด้านหลังแล้วใช้มีดที่ทำจากเปลวเพลิงนับ 100 เล่มโจมตีใส่ แบบไม่ทันตั้งตัว แต่มอเนียหลบมีดเพลิงพวกนั้นได้หมดโดยไม่รู้ว่ามีลูกไฟขนาดยักษ์โผล่มาจากด้านล่างแล้ว...
ตูม!!! มอเนียหลบไฟนั่นไม่พ้นทำให้ฟารอรชนะไป
“สุดยอดเลยฟารอน” ฟาล์วเอ่ยกับฟารอนอย่างดีใจ เมื่อฟารอนลงจากเวที
“นายก็พยายามเข้าล่ะ”ฟารอนเอ่ยตอบ เฮ! เฮ ! เสียงเฮยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
“คนเมื่อกี้เก่งเนอะ เอ๊ะใช่คนที่เดินมากับคนที่ชนเธอวันนั้นหรือเปล่า วีร่า”เสียงเอ่ยถามของหญิงสาวสองคนที่นั่งดูด้วยกัน
“อืม ใช่ ดูซิว่าคนที่เดินชนฉันวันนั้นจะเก่งรึเปล่าเนอะ เนวี่” เสียงพูดคุยเงียบลง
“ คู่ต่อไป หมายเลข 7 ฟาล์วเลอร์ เซอร์เร็ต และ หมายเลข 8 โทโม่ เดอวิด เริ่มได้ ”
เสียงฮือฮาดังขึ้น ผู้เข้าสอบบ้างหันกระซิบกระซาบกัน บ้างก็อ้าปากค้าง
“นี่ เนวี่ คนที่ชื่อโทโม่เขาดังขนาดนั้นเลยเหรอ?” วีร่าถามเน่วี่ด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่คนที่ชื่อโทโม่หรอก วีร่า แต่เป็นคนที่ชื่อฟาล์วเลอร์ต่างหาก”เนวี่ตอบวีร่าเพื่อนของเธอ
“ทำไมเขาถึงดังขนาดนั้นล่ะ” วีร่ายังถามต่อ
“เธอก็ดูที่นามสกุลเขาสิ คนนั้นน่ะใช้นามสกุลเซอร์เร็ต เซอร์เร็ตถูกเรียกว่าเป็นตระกูลจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุด และในปัจจุบันคนที่ใช้นามสกุลนั้นหายากมาก ไม่แปลกเลยที่ทุกคนต่างอ้าปากค้างกันขนาดนั้น....ดูซิหน้าตาจะหล่อเหลารึเปล่า “ เนวี่อธิบายให้วีร่าฟังอย่างตื่นเต้น
“เนวี่ เนวี่เธอดูสิ หมอนั่น คนที่มาเดินชนชั้นวันนั้นนี่ “วี่ร่าพูดออย่างตกใจเมื่อเห็นฟาล์วขึ้นลานประลอง
“จริงด้วย แหมหล่อไม่เบา วันนั้นรีบเลยไม่ทันได้สังเกต...ดูท่าเธอจะมีคู่กัดที่น่ากลัวแล้วสิวีร่า”
“.....ฉันไม่สนหรอกว่าเป็นคนตระกูลอะไร แต่หมอนั่นมาหาเรื่องฉันก่อน”
“มาหาเรื่องหรือว่ามาโปรยเสน่ห์กันแน่ฮะ”
เมื่อเริ่มการประลอง ฟาล์วไม่รอช้าเขายกมือขึ้นแล้วดีดนิ้วดังเปาะ บริเวณลานประลองทั้งหมดก็สว่างจ้าจนทุกคนต้องหลับตา
“นี่มันคาถาอะไรกันน่ะมองไม่เห็นสองคนนั่นเลย” ผู้เข้าสอบคนหนึ่งเอยด้วยความสงสัย
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก สิ่งที่ผู้เข้าสอบเห็นคือ...โทโม่ถูกแช่แข็งอยู่กลางลานประลอง!!! ทุกคนตะลึงกับภาพที่เขาเห็น
“วีร่า วีร่า เธอเห็นอย่างที่ฉันเห็นมั้ย” เนวี่พูดอย่างตื่นเต้น
“เห็นสิ คนที่ชื่อฟาล์วเลอร์นั่นน่ะยังไม่ถูกโจมตีซักแผลเลย แต่กลับชนะแล้วเหรอ” วีร่าเองก็พูดอย่างตื่นเต้น
“นั่นน่ะเวทย์ชั้นสูงเชียวนะคนที่ใช้เวทย์นี้ได้ต้องมีพลังที่มหาศาลมากเลยล่ะ” วีร่าตะลึงกับที่เนวี่อธิบายให้เขาฟัง แล้วฟาล์วก็เดินเข้าห้องไปอย่างไม่สนใจ
“ฟาล์วนายสุดยอดเลย เล่นใส่พลังซะเต็มที่เชียวนะ ” ฟารอนเอ่ยอย่างดีใจเมื่อเพื่อนของเขาก็สอบผ่าน
“แหะ แหะ แค่อยากจะสอบผ่านเร็วๆน่ะ”ฟาล์วพูดปนหัวเราะ
และอีกไม่นานก็มีคนทยอยเข้าจนเกือบเต็มห้อง แต่แล้วฟาล์วก็เหลือบไปเห็นคนที่ยืนข้างๆเขา
“นี่เธอก็สอบผ่านกับเขาด้วยเหรอ” ฟาล์วพูดอย่างกวนๆกับสาวที่ยืนข้างๆเขา
“เอ๊ะนายนี่...ครั้งนั้นฉันเห็นว่าต้องรีบหรอกนะถึงได้เดินหนีไปก่อน คราวนี้นายไม่รอดแน่”วีร่าพูดอย่างหงุดหงิดที่นายคนนี้ไม่ยอมเลิกรา วีร่าเตรียมจะต่อว่า แต่เพื่อนเขาก็ดันมาขัดซะได้
“นี่นายชื่อฟาล์วใช่มั้ย ฉันชื่อ เนวี่ ส่วนเพื่อนชั้นคนนี้ชื่อวีร่า ยินดีที่ได้รูจักนะ” เนวี่พยายามที่จะเป็นมิตรกับเขา 1.เพื่อให้วีร่าหยุดเถียงเขาซะที และ 2. เขาหล่อไม่เบา
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน ฉันชื่อฟาล์วส่วนเพื่อนฉันชื่อฟาเรน”ฟาล์วพูดพลางชี้ไปที่ฟาเรน
“ฉันขอโทษแทนเพื่อนฉันด้วยนะที่วันนั้นเดินไปชนนาย” เนวี่เอ่ยขอโทษแทนวีร่า เพราะถ้าให้เธอขอโทษเองเรื่องคงไม่จบแน่
“ไม่เป็นไรหรอก วันนั้นฉันก็ไมได้เป็นอะไรนี่”ฟาล์วตอบเนวี่อย่างเป็นมิตร
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องไปขอโทษเขาหรอก เขาก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่” วีร่าพูดกับเนวี่ที่ไปขอโทษแทนเขา
“แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ยอมขอโทษผมนะ....แต่ไม่เป็นไรหรอกผมก็ไม่ได้ว่าอะไร”ฟาล์วยังคงพูดกับเนวี่อยู่
เมื่อทั้งสี่คุยกันได้สักพักก็มีชายวัยกลางคนเดินเข้ามา ชายคนนั้นปิดประตูแล้วเอ่ยว่า
“สวัสดีเด็กๆทั้งหลาย ขอต้อนรับสู่โรงเรียนจอมเวทย์แห่งดราโกเนีย วันนี้ก็สอบเข้าก็ได้บลงแค่นี้ขอให้ทุกคนเริ่มเรียนกันในอีก 2 วันข้างหน้าแล้ววันนั้นผมจะมาประกาศห้องเรียนแต่ละคนให้เอง
“เราก็กลับบ้านกันเหอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปซื้อหนังสือแล้วก็คทาใหม่กัน” ฟาล์วบอกกับฟารอน แล้วเดินเคียงคู่ออกไปด้วยกันเพื่อกลับบ้าน
“ฉันว่ายัยเนวี่นั่นจะชอบนายซะแล้วล่ะ “ฟารอนบอกกับฟาล์วในขณะที่เดินกันอยู่
“นายน่ะคิดไปเอง อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ชอบเขาด้วย” ฟาล์วตอบฟารอนกับคำพูดนั้น
“เพราะ........ว่า หัวใจของนายกองไปอยู่ที่พื้นตอนโดนเจ้าหญิงแสนสวยวิ่งชนใช่มั้ยล่ะ” ฟารอนพูดหยอกล้อกับฟาล์วอย่างสนุก แต่เมื่อฟาล์วได้ยินเช่นนั้นจึงวิ่งไล่เตะฟารอน เหมือนกับอาการแก้เขิน
เช้าวันรุ่งก็มาถึง ฟาล์วและฟารอนได้เดินออกไปซื้อหนังสือ แล้วกำลังจะเดินไปดูไม้คทาต่อ
“นี่ แถวนี้จะมีร้านขายคทาแน่เหรอ” ฟาล์วพูดในขณะที่เดินหาร้านมานานแล้ว
“มันน่าจะมีสักร้านสิน่า อ๊ะนั่นไงเจอแล้ว” ฟารอนชี้ร้านให้ฟาล์วดูแล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าร้านไป
“เออฟารอน เวลาเราจะเลือกคทา เราจะเลือกยังไงเหรอ” ฟาล์วถามฟารอน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาซื้อคทา
“ก็ต้องลองถือดูว่าหนักไปหรือเปล่า แล้วก็ลองร่ายเวทย์เบาๆดูว่า คทานั่นเหมาะกับคนที่ใช้หรือเปล่า” ฟารอนบอกกับฟาล์วขณะที่เขาก็กำลังเลือกคทาอยู่
ตุ้บ ฟาล์วเดินชนชายคนหนึ่งเข้าอย่างจัง
“ขอโทษครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”ฟาล์วถามชายคนนั้นพร้อมขอโทษที่เดินชน
“ไม่เป็นไรครับ...เอ๊ะคุณฟาล์วนี่นายินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันชื่อคิฟ”หนุ่มคนที่โดนชน ทักฟาล์วทำให้ฟาล์วงงที่คนนั้นรู้จักเขาได้อย่างไน
“คุณรู้จักผมด้วยเหรอครับ”
“รู้จักสิ นายน่ะออกจะดัง นี่นายก็มาซื้อคทาด้วยเหรอ”
“อื้อ มากับฟารอนน่ะ เพื่อนฉันเอง” ฟาล์วพูดพลางชี้ไปที่ฟารอน
“ยินดีที่ได้รู้จักฟารอน ฉันชื่อคิฟ” คิฟทักทายฟารอน
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” ฟารอนตอบ
“ฟาล์วนายเลือกคทาเสร็จหรือยังล่ะ “ฟารอนถามฟาล์วที่ตอนนี้กำลังคุยกับคิฟอยู่
“อือ เลือกเสร็จแล้ว งั้น ฉันกลับก่อนนะคิฟ หวังว่าเราคงอยู่ห้องเดียวกันแล้วค่อยเจอกัน ” แล้วทั้งคู่ก็จ่ายเงินพร้อมกลับบ้านไป
ความคิดเห็น