คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : CRAZY 04 #ความฝัน [เรียกเลือดเบาๆ]
CRAZY 04 #ความฝัน
ใบหน้าฉันร้อนลวกราวกับลาวายามสบเข้ากับดวงตาคมเข้มที่เวลานี้ทอประกายร้อนแรงสะท้อนกับแสงไฟยามค่ำคืน
สายลมเย็นสบายพลิ้วกระทบข้างแก้มไม่ได้ช่วยลดอุณหภูมิรอบกายให้ลดลงเลยสักนิด
“สกปรก” ฉันด่าหนึ่งคำพลางดึงมือกลับ
ปลายนิ้วยังสัมผัสถึงความกรุ่นร้อนเจือจางและความเปียกชื้นเล็กน้อย
ฉันเช็ดคราบน้ำลายหมาบ้ากับเสื้อตรงหน้าอกปืนใหญ่ ซึ่งเขาก็ยอมยืนนิ่งให้ฉันเช็ดดี
ๆ ไม่มีปัดป้อง แต่สายตานี่จ้องกันไม่เลิก ไม่รู้ว่าหน้าฉันมันมีอะไรติดนักหนา
พอเช็ดนิ้วเสร็จฉันก็หมุนตัวเดินกลับเข้ามาในห้อง
ปืนใหญ่เดินตามหลังเข้ามา
“จะกลับแล้ว?”
ฉันหยุดชะงักเท้า
หันกลับมามองเขาด้วยสายตาเนือย ๆ เล็กน้อย
“อือ ง่วงแล้ว
มึนหัวด้วย”
ปืนใหญ่ขยับมายืนใกล้กัน
เขาก้มใบหน้าหล่อ ๆ เข้ามาใกล้ ฉันจ้องตากับเขานิ่ง ไม่ได้หลบเลี่ยงหรือเบี่ยงหลบอะไร
เพราะคิดว่าเขาคงไม่ทำอะไรแปลก ๆ กับฉันหรอก
“ผีขี้เมา”
นั่นปากเรอะ?
“ไม่เมา
ถ้าเมาคงมาไม่ถึงนี่หรอก” ฉันผลักไหล่เขาออกแล้วเดินมาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา
หยิบหมอนมากอดพลางหลับตาเอนกายพิงพนักด้านหลัง
ผ่านไปไม่ถึงนาทีรู้สึกถึงแรงยวบด้านข้าง
ไม่ต้องลืมตาก็รู้ว่าเป็นปืนใหญ่ที่มานั่งข้างกัน “ดึกแล้ว
ขอนอนนี่ได้ป่ะ”
“พรุ่งนี้มีเรียนกี่โมง”
เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู ลมหายใจร้อนกรุ่นพ่นรดข้างแก้ม
แสดงว่าเขาอยู่ใกล้ฉันมาก เผลอ ๆ อาจยื่นหน้าเข้ามาจ้องกันอยู่ด้วยซ้ำ
งั้นไม่ลืมตาดีกว่า ไม่อยากสบตากับดวงตาคมกริบคู่นั้นแล้ว
“บ่ายอ่ะ” ฉันพลิกตัวหันหนีลมหายใจกรุ่นร้อนนั้นอย่างเนียน ๆ แสร้งทำเป็นหลับไปซะเลย
เขาจะได้เลิกวุ่นวายกับฉัน ตอนนี้ฉันง่วงมาก ไม่พร้อมจะสู้รบกับเขาแล้ว
“ไปนอนในห้อง
ตรงนี้หนาว เดี๋ยวป่วย” ปืนใหญ่รั้งแขนฉันให้พลิกตัวกลับไปหา
ฉันจึงลืมตาขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
ก่อนจะชะงักนิ่งเมื่อระยะห่างระหว่างใบหน้าของเราสองคนมันอยู่ใกล้กันจนเกินพอดี
….
เกิดเดดแอร์ชั่วขณะ
ต่างฝ่ายต่างเงียบงัน เพียงจ้องตากันนิ่ง ฉันได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นผิดจังหวะ
แววตาของปืนใหญ่ลึกล้ำเกินไป มันดำมืดซะจนฉันไม่กล้าคาดเดาความคิดของเขาเลย
ชั่ววินาทีนั้นราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างดึงใบหน้าหล่อแสนร้ายกาจเข้ามาใกล้จนริมฝีปากเราสองคนเกือบสัมผัสกัน
แต่ฉันเบี่ยงหน้าหนีก่อน ริมฝีปากกรุ่นร้อนจึงเฉียดผิวแก้มของฉันแทน
อันตราย… นี่มันอันตรายเกินไปแล้ว!
พรึ่บ
“ฉะ
ฉันว่าฉันกลับห้องดีกว่า” ฉันลุกขึ้นพรวด
อาการงัวเงียเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้งเลย
กริ่งในหัวมันกรีดร้องแจ้งเตือนถึงอันตรายบางอย่าง
หากว่าฉันยังอยู่ที่นี่ต่ออีกสักวินาทีมันอาจจะเกิดเรื่องที่ไม่สามารถหวนคืนก็เป็นได้
ปืนใหญ่อันตรายเกินไป… หากอยู่ใกล้เขาแบบไม่ระวังอาจโดนขย้ำตายเอาได้ง่าย ๆ
“ไม่ต้อง
นอนที่นี่แหละ” มือหนากระชากข้อมือฉันให้นั่งลงที่เดิม
ฉันทำท่าจะขัดขืน แต่พอเห็นสายตาน่ากลัวนั่นก็ยอมนั่งอย่างว่าง่าย “ไปอาบน้ำแล้วก็นอนในห้องซะ เสื้อผ้าสำรองของเธอแขวนอยู่ในตู้
หยิบมาใช้ได้เลย”
พูดถึงเสื้อผ้าสำรอง
ทำให้ฉันนึกถึงเหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่มานอนค้างคอนโดปืนใหญ่ได้
ตอนนั้นฝนตกหนักมาก ปืนใหญ่ไม่ยอมให้ฉันกลับเหมือนกับวันนี้เลย
เขาบังคับให้ฉันค้างที่นี่ พอรุ่งเช้าก็มีเสื้อผ้าชุดใหม่แขวนไว้ที่หน้าประตูแล้ว
เขาเป็นคนไปซื้อมาให้ แต่ที่น่าตกใจคือไซซ์มันพอดีตัวฉันเป๊ะเลย แม้กระทั่งชุดชั้นใน
คิดแล้วก็น่าอาย…
เชื่อฉันหรือยังว่าเขามันอันตรายแค่ไหน
“อะไร? ไม่ให้กลับก็คือไม่ให้กลับไง” พอเห็นว่าฉันมองเขานานไปหน่อย
เขาก็ทำตัวเผด็จการใส่ แถมยังลากฉันมาที่ห้องนอนแล้วผลักเข้าไป
การกระทำไร้ความอ่อนโยนที่สุด ไม่เคยทะนุถนอมฉันเลยให้ตายเหอะ
“เออ ๆ รู้แล้วน่า
จะลากทำไมเนี่ย”
“รู้แล้วก็ทำ
อย่ามานิ่ง ไม่ชอบ”
“ฉันก็ไม่ชอบให้แกใช้กำลังเหมือนกันแหละปืน”
ฉันตอกกลับเข้าให้
ปืนใหญ่ชะงักเล็กน้อย
แววตาคมกริบแฝงประกายวาววับ คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างยียวน “มาเป็นเมียดิ เดี๋ยวอ่อนโยนด้วยเลย”
“พูดบ้า ๆ” ฉันกลอกตาก่อนจับบานประตูปิดใส่หน้าเขาดังปัง
ปืนใหญ่ชอบเป็นแบบนี้แหละ
มักพูดจาให้คนอื่นเข้าใจผิดเสมอ แต่ฉันไม่หลงกลหรอก คบกันมาตั้งสิบห้าปี
มันเป็นยิ่งกว่าเพื่อน ยิ่งกว่าพี่น้องกันไปแล้ว
ฉันไม่คิดจะเปลี่ยนสถานะพวกเขาหรอกนะ เพราะที่เป็นอยู่มันก็ดีอยู่แล้ว
อีกอย่างพวกเขาเองก็ไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งกับฉันหรอก
ต่างคนต่างก็มีผู้หญิงในสต๊อกมารอให้เลือกเพียบอยู่แล้ว โดยเฉพาะเกาทัณฑ์
ขนาดคมดาบที่ลุคดูผู้ใหญ่แบบนั้นยังไม่เคยขาดผู้หญิงเลยเถอะ
ปืนใหญ่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาเนี่ยตัวกินจุที่สุดในบรรดาสามแฝดเลยมั้ง
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ
ฉันปีนขึ้นบนเตียงด้วยสภาพพลังงานเป็นศูนย์ ร่างกายทั้งเหนื่อยล้า
ทั้งอ่อนเพลียจนแทบหลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน
และในชั่วขณะที่กำลังเคลิ้มหลับ
ใบหูได้ยินเสียงประตูเปิดปิดเบา ๆ
ก่อนที่นอนข้างกายจะยวบลงพร้อมกับไออุ่นบางอย่างขยับเข้ามาแนบชิดแผ่นหลัง
ฉันสะลึมสะลือครึ่งหลับครึ่งตื่นราวกับอยู่ในภวังค์ความฝัน
“อืม…” กลีบปากถูกบางอย่างขบเม้มเบา ๆ ก่อนสิ่งนั้นจะค่อย ๆ
คืบคลานเข้ามาในโพรงปากของฉัน สัมผัสลื่นไหลร้อนรุ่มเกี่ยวตวัดปลายลิ้นฉันอย่างช้า
ๆ ฉันหอบหายใจพลางอ้าปากกว้างขึ้นเพื่อคลายความอึดอัด สัมผัสนั้นเริ่มรุกรานล้ำลึก
ฉันครางฮือด้วยความรำคาญแต่ก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
กลิ่นวิสกี้รสชาติหวานติดพันปลายลิ้นมอมเมาสตินึกคิดของฉันมากกว่าเดิม
ริมฝีปากถูกดูดดึงเกี่ยวกระหวัดอยู่นานสองนานจนหัวสมองฉันพร่าเบลอล่องลอยเคว้งคว้างภายในห้วงแห่งฝัน
สัมผัสร้อนรุ่มค่อย ๆ
เคลื่อนจากริมฝีปากไล้ไปตามพวงแก้ม ลำคอ และเนินอก แรงขบเม้มหนัก ๆ
ทำให้ร่างของฉันแอ่นรับตามสัญชาตญาณ
“อื้อ…” ความเย็นเยียบกระทบหน้าท้องแบนราบจนต้องห่อตัวหนี
เสื้อที่สวมอยู่ถูกถลกขึ้นก่อนจะแทนที่ด้วยความกรุ่นร้อนบางอย่างทาบทับลงมา ฉันขยับกายดิ้นหนีเล็กน้อย
เปลือกตายังคงหนักอึ้ง ไม่ยอมตื่นจากความฝันแสนหวาน
ปล่อยให้ร่างกายถูกดูดดึงและลูบไล้ไม่หยุด
ร่างกายเล็กสั่นสะท้านยามยอดทรวงถูกดูดกลืนพลางสลับดุนดันหนัก
ๆ ความรู้สึกแปลกใหม่แล่นพล่านไปทั่วท้องน้อย
คิ้วเรียวเริ่มขมวดมุ่นบิดงอตัวหลบหนีความวาบหวามที่โหมกระหน่ำเข้ามา
“อ่า… อ๊ะ” เสียงหวานครางสั่น
ก่อนสะดุ้งลืมตาตื่นเมื่อร่างกายส่วนล่างถูกบางสิ่งบางอย่างลูบไล้หยอกล้อและพยายามจะกดลึกแทรกเข้ามา
…..
ดวงตาสวยเฉี่ยวจ้องมองเพดานสีขาวอย่างเหม่อลอยเล็กน้อย
หัวสมองมันหมุนติ้วไปหมด ราวกับมีโรลเลอร์โคสเตอร์อยู่ในหัว
ทุกอย่างมันตีรวนสับสนและรู้สึกเหนื่อย
ร่างกายร้อนรุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายนิ้วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“แฮ่ก…” ได้ยินเสียงตัวเองหอบหายใจหนัก ๆ มันเหนื่อยราวกับวิ่งร้อยเมตรมาก็ไม่ปาน
หัวใจยังเต้นระรัวราวกับมีกลองสะบัดชัยอยู่ในนั้น
ให้ตายสิ… นั่นมันเป็นความฝันอะไรกัน…
ทว่า… ฉันครุ่นคิดได้ไม่ถึงเสี้ยววินาที
ท่ามกลางความมืดสลัวภายในห้อง ฉันเห็นดวงตาวาววับของใครคนหนึ่งกำลังจ้องมองมา
เงาร่างสูงใหญ่นั้นกำลังคร่อมทับอยู่บนตัวฉัน
และเรา… อยู่ใกล้กันมาก!
++++++++
งุ้ยยยยแม่! เรียกเลือดกันตั้งแต่ต้นเรื่องเลยยย ยัยฟ้าจะโดนลักหลับแล้วค่าาาาาา
ฝากแท๊ก #เพื่อนเล่นจะเล่นเพื่อน ทวีตกันรัวๆ ได้เลยค่าาาาา ทวีตไรท์ @Pankaow1009
อ่านกันแล้วช่วยกันคอมเม้นท์หน่อยนะคะที่รัก ขอฮีลใจจากทุกคนหน่อยค่าาา
ความคิดเห็น