คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : CRAZY 11 #ไม่อาจหวนคืน
CRAZY 11 #ไม่อาจหวนคืน
ความเงียบคืบคลานเข้ามา
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เราต่างฝ่ายต่างจ้องตากัน
สุดท้ายการแกล้งโง่ของฉันก็ใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปเมื่อถูกปืนใหญ่เปิดโปง
รู้ตัวเลยว่านับจากวินาทีฉันกับเขาไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้อีกต่อไปแล้ว
สิ่งที่ฉันหวาดกลัวมากที่สุดมันได้เกิดขึ้นแล้ว
ในที่สุดความสัมพันธ์ของพวกเราก็เดินมาถึงจุดที่ไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีก
มิตรภาพที่แตกสลายไม่อาจหวนคืนได้อีกแล้ว
ฉันหลับตาลง
กล้ำกลืนความรู้สึกใจหาย กดเก็บความเสียใจ สะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมา
ก่อนลืมตาขึ้นอีกครั้งแล้วมองสบตากับปืนใหญ่ด้วยแววตาว่างเปล่า
“เป็นเพื่อนกันมันก็ดีอยู่แล้วป่ะวะ
ฉันไม่อยากเสียเพื่อนอย่างแกไปนะปืน”
“เราไม่ใช่เพื่อนกันตั้งแต่วันที่ฉันเอาเธอแล้วฟ้า”
ฉันถึงกับพูดไม่ออก มองตาคนตัวสูงเบื้องหน้านิ่งงัน
“ฉันไม่เคยคิดว่าเธอเป็นเพื่อน เลิกเพ้อฝันสักที”
มิตรภาพสิบห้าปีสำหรับปืนใหญ่… แม่งไม่มีความหมายเลยเหรอวะ
สีหน้าปืนใหญ่ชะงักไป แววตาดุดันอ่อนลง
ปลายนิ้วที่บีบแน่นตรงปลายคางค่อย ๆ
คลายออกก่อนเลื่อนปลายนิ้วโป้งปาดเช็ดข้างแก้มให้ฉัน
เวลานี้เองที่ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองกำลังร้องไห้ เมื่อกะพริบตาจึงสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนของน้ำตา
นี่มันบ้ามาก… ฉันไม่ได้ร้องไห้ต่อหน้าปืนใหญ่มานานแค่ไหนแล้วนะ
ตั้งแต่ตอนมัธยมปลายหรือเปล่านะ …คืนนั้นที่ฉันเสียจูบแรกให้เขา
ตอนนั้นพวกเราเรียนอยู่มอหก
จำได้ว่าหลังจากสอบปลายภาคมหาโหดจบ ฉัน วันวาน พวกสามแฝด และเพื่อนร่วมห้องอีกห้าหกคนพากันไปจัดปาร์ตี้ฉลองสอบเสร็จกันที่บ้านของพวกแฝด
พ่อกับแม่ของพวกเขาใจดีมาก นอกจากยกบ้านให้จัดปาร์ตี้แล้ว ยังเป็นเจ้ามือเลี้ยงพวกเราด้วย
วันนั้นทุกคนดื่มกันไปเยอะมาก ต่างคนต่างเมา สนุกสนานกันสุดเหวี่ยงมาก
ตกดึกฉันได้รับสายจากพ่อ
หลังจากคุยสายอยู่นานจนทะเลาะกันอย่างหนัก ฉันก็แอบมานั่งร้องไห้เงียบ ๆ คนเดียว
ปืนใหญ่ตามหาฉันจนเจอ เขานั่งลงด้านข้างฉันโดยไม่พูดอะไร ฉันพิงไหล่เขาร้องไห้สักพักจนเริ่มรู้สึกสบายใจขึ้น
ทว่าในช่วงเวลานั้นจู่ ๆ ปืนใหญ่ก็ขยับหน้าเข้ามาจูบฉัน มันเป็นแค่การแตะปากเบา ๆ
แต่เนิ่นนานเกือบนาทีก่อนจะผละออกไป ตอนนั้นฉันตกใจจนลืมเรื่องเสียใจไปจนหมด
ปืนใหญ่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่วางมือบนผมฉันแล้วขยี้เบา ๆ ก่อนยกยิ้มจาง ๆ
มุมปากเท่านั้น
ตอนนั้นฉันคิดว่าปืนใหญ่คงเมาหรือไม่ก็คงอยากปลอบใจฉัน
เช้ามาฉันจึงไม่เอ่ยถึงเรื่องนั้นอีก ปืนใหญ่เองก็ไม่พูดถึงเช่นกัน
มันยิ่งตอกย้ำความคิดฉันที่ว่าเขาคงเมาจริง ๆ และคงลืมไปแล้ว ฉันจึงไม่ถือสา ไม่ได้เก็บมาใส่ใจอีก
หลังจากวันนั้นฉันก็ไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าปืนใหญ่อีกเลย
กระทั่งตอนนี้…
พรึ่บ
ฉันเบี่ยงหน้าหลุดจากฝ่ามือหนาพลางลุกขึ้นยืน
ยกมือปาดน้ำตาสองข้างแก้มลวก ๆ ก่อนก้าวเท้าเข้าห้องนอนแล้วปิดประตูล็อกทันที
ปืนใหญ่ตามมาเคาะประตู น้ำเสียงเคร่งเครียดดังลอดผ่านบานประตูเข้ามา
“เปิดประตูนะฟ้า
ออกมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนดิวะ คิดว่าหลบหน้ากันแบบนี้แล้วเรื่องมันจะจบง่าย ๆ
เหรอวะ”
ฉันทิ้งตัวลงนั่งยอง
ๆ กับพื้นหน้าประตู พยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นเครือเพื่อตะโกนตอบกลับไป
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยแล้ว กลับไปก่อนเหอะปืน ฉันขอร้อง”
เสียงทุบเงียบลงแล้ว
ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากด้านหลังประตู ก่อนตามมาด้วยเสียงของปินใหญ่ที่ดังอยู่ใกล้กันมาก
ราวกับว่าเขาก็กำลังนั่งคุกเข่าอยู่หน้าประตูเช่นกัน
“ฉันไม่ยอมเสียเธอไปหรอกนะฟ้า”
“…”
“เธอเป็นของฉัน… เป็นของฉันตั้งแต่วันที่เธอเป็นฝ่ายยื่นมือมาจับมือฉันเมื่อสิบห้าปีก่อนแล้ว”
เขา… หมายความว่ายังไง
สิบห้าปีก่อน
ณ
สนามเด็กเล่นของสวนสาธารณะภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เด็กหญิงวัยหกขวบกำลังนั่งแกว่งชิงช้าอยู่เพียงลำพัง
ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มเหม่อมองไปทางถนนครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับกำลังรอคอยบางคนอยู่
ผมเปียสองข้างพลิ้วไหวเบา ๆ ไปตามแรงแกว่งของชิงช้า
พลั่ก
“เอามานี่นะ!”
เสียงตวาดของเด็กผู้ชายคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังต้นไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากชิงช้า
เรียกดวงตากลมโตหันมองด้วยความสนใจ
ตรงนั้นมีเด็กผู้ชายอายุประมาณสิบขวบยืนอยู่สองคน
และมีเด็กผู้ชายตัวเล็กอายุหกขวบกำลังล้มอยู่บนพื้น
“ได้ข่าวว่าบ้านรวยนักไม่ใช่เหรอ
แบ่งกันเล่นแค่นี้จะเป็นไรไปไอ้เปี๊ยก” ในมือของเด็กผู้ชายตัวโตที่ยืน คนหนึ่งถือรีโมต
คนหนึ่งถือรถบังคับ
ดูก็รู้ว่าเด็กที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นเป็นเจ้าของรถบังคับคันนั้นแน่
และเด็กตัวโตสองคนนั้นก็กำลังแย่งเขาเล่นอยู่
เด็กหญิงตัวน้อยพองลมข้างแก้มอย่างไม่ชอบใจ
ลุกขึ้นยืนจากชิงช้าแล้วก้าวเดินอาด ๆ ไปทางด้านหลังเด็กผู้ชายตัวโตทั้งสอง
ก่อนจะยื่นมือเล็ก ๆ ออกไปผลักสุดแรง
เพราะเด็กชายทั้งสองไม่ทันระวังจึงถูกแรงน้อยนิดของเด็กหญิงที่พุ่งเข้ามากะทันหันทำให้เสียหลักสะดุดขาตัวเองล้มไปกองกับพื้นกันทั้งคู่
“โอ๊ย!”
เฮือก!
เด็กหญิงทำท่าตกใจเพราะคาดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะผลักเด็กผู้ชายตัวโตถึงสองคนล้มพร้อมกันแบบนี้ได้
ด้วยความตื่นตระหนกกลัวจะถูกเอาคืน มือหนึ่งรีบหยิบรถบังคับขึ้นมากอด แล้วถือรีโมตเอาไว้
ส่วนอีกมือคว้าจับมือเด็กผู้ชายตัวน้อยแล้วฉุดให้ลุกขึ้นก่อนพาวิ่งหนีไปด้วยกัน
“รีบหนีเร็ว
ๆ วิ่งเข้า” เสียงหวานใสเจื้อยแจ้วดังคลอตามสายลม
แสงแดดยามเย็นสาดส่องกระทบผมเปียทั้งสองข้าง ใบหน้าจิ้มลิ้มหันกลับมาแก้มใสแดงระเรื่อประดับรอยยิ้มซุกซน
เด็กชายตัวน้อยวิ่งตามขณะสองตาเหม่อมองสองมือที่จับกันแน่นสลับกับรอยยิ้มเต็มแก้มของเด็กหญิงตรงหน้า
กระทั่งเด็กทั้งสองวิ่งเข้ามาหลบในอุโมงค์แล้ว
เสียงหัวเราะสดใสจึงดังขึ้น
“สนุกจังเลย
สองคนนั้นตลกมากเลยเนอะ คิก ๆ”
เด็กชายไม่ได้หัวเราะไปกับเด็กหญิงด้วย
เขาเพียงแค่ยืนนิ่งจ้องมองรอยยิ้มสดใสนั้นตาไม่กะพริบ
โดยที่มือของทั้งคู่ยังคงจับกันแนบแน่นไม่ยอมปล่อย
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ไม่ว่าเวลาจะผันผ่านไปสักกี่ปี
ภาพรอยยิ้มสดใสนั่นก็ยังคงเด่นชัดในความทรงจำของเด็กชายไม่เคยจางหาย
มันสลักลึกอยู่ในหัวใจของเขาจนไม่อาจลบเลือนออกไปได้อีกเลย
++++++
งุ้ยยยย เฮียมันร้ายตั้งแต่เด็กเลยน้าาาา แค่เขาจับมือกับยิ้มให้นิดหน่อยถึงกับยึดติดขนาดนี้เลยเหรอ คลั่งรักไม่ไหวววว
ฝากแท๊ก #เพื่อนเล่นจะเล่นเพื่อน ทวีตกันรัวๆ ได้เลยค่าาาาา ทวีต @Pankaow1009 หรือเพจ พันเก้า
อ่านกันแล้วช่วยกันคอมเม้นท์หน่อยนะคะที่รัก ขอฮีลใจจากทุกคนหน่อยค่าาา
ความคิดเห็น