NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✥AGAIN✥รัก|พัง|ทลาย

    ลำดับตอนที่ #1 : AGAIN 01 #ละเลย

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ค. 67


    AGAIN 01 #ละเลย


    08:10 pm

    [คิดดีแล้วใช่ไหมนา จะไม่บอกหมอนั่นก่อนจริง ๆ เหรอ?]

    เสียงปลายสายดังแข่งกับเสียงฝนโปรยปรายจากท้องฟ้ายามค่ำคืน ลมพายุพัดผ่านนำพาเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนพลิ้วไหวระใบหน้าสวย เรียวนิ้วยาวใช้ปลายเล็บสีม่วงอ่อนเกี่ยวเส้นผมทัดข้างหู

    ฉันเหม่อมองภาพสะท้อนของผู้หญิงคนหนึ่งผ่านกระจกประตูคาเฟ่ ใบหน้าสวยซีดเซียวเล็กน้อย ดวงตาคมเฉี่ยวฉายแววอ่อนล้า ริมฝีปากสีพีชขบเม้มก่อนจะขยับเอ่ยตอบน้ำเสียงเฉยชา “นาตัดสินใจแล้ว ครั้งนี้ นาจะเลิกกับเขาจริง ๆ”

    […] ปลายสายเงียบงันครู่หนึ่ง ก่อนจะถอดถอนใจ [เข้าใจแล้ว]

    หลังจากได้ยินคำตอบรับจากปลายสาย ภายในใจของฉันรู้สึกเจ็บหน่วงขึ้นมา แต่ความรู้สึกนั้นถูกกดลงไปอย่างรวดเร็ว

    [รู้ใช่ไหมว่าพี่อยู่ข้างนาเสมอ ครั้งนี้มันคงไม่ยอมเลิกเหมือนเดิมแน่ ๆ ถ้านาต้องการให้พี่ช่วยก็โทรมาหาได้เสมอเลยนะ]

    ฉันหยักยิ้มมุมปาก สายตาจ้องมองหยาดฝนบนท้องฟ้า “พูดอย่างกับว่าถ้านาต้องการให้พี่ช่วยแล้วพี่จะกลับมาช่วยนาได้ทันทีงั้นแหละ”

    ปลายสายหัวเราะเบา ๆ น้ำเสียงคลายความผ่อนคลายลง [ก็ไม่แน่นะ ถ้านาเอ่ยปากขอ พี่อาจจะไปอยู่ตรงหน้านาตอนนี้เลยก็ได้]

    คราวนี้ฉันหัวเราะบ้าง เสียงหัวเราะเบา ๆ กลืนหายไปกับสายลมของพายุฝน “ที่นั่นบอสตันนะคะไม่ใช่กรุงเทพที่จะไปกลับชลบุรีภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงน่ะ”

     เมื่อได้หัวเราะครั้งหนึ่ง ความรู้สึกอัดอั้นในใจคล้ายจะจางหายไปมาก พอได้สติกลับมาฉันก็อดจะยิ้มเย้ยหยันให้กับความน่าสมเพชของตัวเองไม่ได้

    กี่ครั้งแล้วนะ

    กี่ครั้งแล้วที่ฉันถูกละเลย

    กี่ครั้งแล้วที่ฉันเป็นฝ่ายเฝ้ารอ

    หนึ่งครั้ง   สองครั้ง สามครั้ง หรือว่าสิบครั้ง?

    ฮึ มันมากมายจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้วล่ะมั้ง!

    พอเถอะนะ ลานนา

    ทำให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายสักทีเถอะนะ

     

    11:55 pm

    ประตูห้องแลปเปิดออกพร้อมกับร่างสูงก้าวเข้ามาด้านใน หอบพาไอเย็นจากสายฝนด้านนอกเข้ามา เขาปัดละอองฝนออกจากไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะชะงักฝีเท้าเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามุมหนึ่งของห้องแลปยังเปิดไฟสว่างอยู่

    ใครคนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับแผงวงจรไฟฟ้า สีหน้าจริงจังจดจ่ออย่างมากจนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ไม่ได้สังเกตแม้กระทั่งว่ามีคนเข้ามาในแลปและกำลังยืนมองเขาอยู่

    “มึงยังอยู่อีกเหรอ” เสียงทักดังขึ้นจากผู้มาใหม่ ก่อนเจ้าของเสียงจะเดินเข้ามาใกล้

    ใบหน้าหล่อเหลายังคงนิ่งเฉย ไม่ได้ละสายตาไปจากแผงวงจรเลยสักนิด

    ผู้มาใหม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองนาฬิกาบนผนังก่อนหลุบตามองแผงวงจรไฟฟ้า “นี่มึงนั่งแก้มาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่คิดจะกลับบ้านกลับไปช่องไปนอนบ้างหรือไง”

    มือที่จับเครื่องเชื่อมชะงักเล็กน้อย ดวงตาเฉยเมยภายใต้กรอบแว่นตาเลื่อนมองนาฬิกาบนผนัง เป็นครั้งแรกที่เขามีปฏิกิริยาตอบสนองในรอบหลายชั่วโมงที่ผ่านมา

    คิ้วเข้มขมวดเบา ๆ สีหน้าแฝงแววยุ่งยากใจ น้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อยเอ่ยถาม “นี่วันอะไรแล้ว?”

    คนถูกถามชักสีหน้าเอือมระอา “วันเสาร์ที่ 7 มิถุนา”

    คนฟังเม้มปากเล็กน้อย หลุบตามองแผงวงจรตรงหน้าอย่างครุ่นคิด ก่อนวางเครื่องเชื่อมลงแล้วควานหาโทรศัพท์จากซากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนโต๊ะที่แสนรกจนเจอ

    แบตหมด ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ

    “ยืมโทรศัพท์หน่อย” เขายื่นมือขอโดยไม่เงยหน้ามองสักนิด

    สิบทิศ แค่นยิ้มจาง ๆ นอกจากไม่คิดจะให้ยืมโทรศัพท์ เขายังหมุนตัวเดินไปอีกทางอย่างไม่สนใจอีกด้วย

    ภาคีปรายตามองแผ่นหลังของร่างสูงที่เดินไปอีกฟากของห้องแลป เขาชักสีหน้าเล็กน้อย หยิบโทรศัพท์ตนเองใส่กระเป๋ากางเกง ถอดเสื้อกาวน์ออกแล้วลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะเดินออกจากห้อง ทว่าเสียงทุ้มของสิบทิศดังลอยตามหลังมา

    “ด้านนอกฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ ถ้ากูเป็นยัยนั่นคงไม่โง่นั่งรอมึงแน่”

    ดวงตาเฉยชาวูบไหว ริมฝีปากเม้มแน่น สีหน้าเย็นชาแฝงแววหงุดหงิดจาง ๆ “รู้มาก”

    “ฮึ” เสียงหัวเราะเยาะหยันดังตามหลัง แต่เขาไม่ใส่ใจรีบก้าวออกจากแลป กดลิฟต์ลงมาชั้นล่าง ฝนด้านนอกตกหนักอย่างที่สิบทิศบอกจริง ๆ และดูเหมือนจะตกมานานแล้วด้วย

    “เวรเอ๊ย” เขาสบถเบา ๆ วิ่งฝ่าสายฝนมาถึงลานจอดรถ สะบัดน้ำฝนบนเสื้อกับเส้นผมออกอย่างลวก ๆ ก่อนเปิดประตูรถเข้ามานั่งด้านใน ถอดแว่นออกมาเช็ดเลนส์จนใสแล้วสวมกลับเข้าไปใหม่ จากนั้นสตาร์ทรถและขับออกจากคณะด้วยความเร็ว

     

    00.25 am

    ออด ออด

    เสียงออดดังขึ้นหน้าประตู ฉันละสายตาจากแลปทอปเล็กน้อย มองเวลาเที่ยงคืนกว่าบนนาฬิกาตั้งโต๊ะก่อนมองไปทางประตูห้อง

    ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าหลังประตูนั่นใคร

    เสียงออดรอบสองดังขึ้นอีกครั้ง ฉันครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงหยิบหูฟังมาเสียบกับแลปทอป กดเปิดเพลงดัง ๆ แล้วสวมครอบหู ตัดขาดจากเสียงรบกวนจิตใจหน้าประตูห้องโดยสิ้นเชิง

    อยากกดก็กดไป ฉันไม่สนใจซะอย่าง

    เขารอได้ก็รอ รอไม่ได้ก็ไสหัวไปซะ

    เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาที ฉันทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา หลับตาฟังเพลงจบไปหลายเพลงแล้วจึงถอดหูฟังออก เสียงหน้าประตูห้องเงียบลงแล้ว

    เขากลับไปแล้วสินะ

    แววตาหม่นหมองจ้องมองบานประตูอย่างเหม่อลอย ความรู้สึกปวดหน่วงหัวใจแล่นพล่านจนเจ็บหน้าอกไปหมด ฉันกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อเรียกสติ พยายามก้าวข้ามความเจ็บปวดนี้ไปให้ได้ด้วยตัวเอง

    ครั้งนี้ ฉันจะเลิกกับภาคีให้ได้

    พวกเราคงต้องจบกันจริง ๆ สักที

    ++++++++++++++++++++++++++++++

    เปิดบทแรกด้วยความหน่วงๆ หน่อย การมีแฟนแต่ถูกละเลยเนี่ย เจ็บกว่าการไม่มีแฟนอีกนะ มีแฟนไม่ใส่ใจแบบนี้สู้ไม่มีซะดีกว่า ยัยลานนาก็คิดแบบนี้เหมือนกัน มาลุ้นกันว่าครั้งนี้นางจะเลิกกับภาคีได้สำเร็จไหมนะ

    ฝากกดติดตาม กดไลค์ คอมเม้น เปย์ของขวัญให้กันหน่อยน้าา ปาความคิดถึงใส่ไรท์ได้รัวๆ เล้ยย

    กดติดตามเพจนิยายด้วยจ้า พันเก้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×