ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SNS Fic] .....EYE.....

    ลำดับตอนที่ #3 : P.II ……ความพยายาม.........

    • อัปเดตล่าสุด 15 ม.ค. 53



    เวลาที่ผ่านไปหลายชั่วโมง มันไม่ได้ทำให้เจสสิก้าดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
    เธอได้แต่เพียงนั่งนิ่งๆ และนึกถึงทุกสิ่งทุกอย่าง....

    เมื่อสามปีที่แล้ว เธอมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ 
    ดวงตาของเธอเสียหายจากอุบัติเหตุรถยนต์ตั้งแต่เด็ก ทำให้เจสสิก้ามองไม่เห็นตั้งแต่นั้น
    เจสสิก้าถูกรับมารักษาโดยลูกพี่ลูกน้องของพ่อมารักษาที่เกาหลี เพราะค่ารักษาที่อเมริกาแพงเกินไป
    โชคดีที่ลูกพี่ลูกน้องของนายจอง รู้จักกับผอ.โรงพยาบาล และมีบุญคุณกันอยู่
    เจสสิก้าจึงถูกรับตัวมารักษาโดยไม่คิดค่าพยาบาลแม้แต่น้อย

    ทางรพ.รับรองว่าเธอหายได้อย่างแน่นอน เพียงแต่ต้องรอผู้บริจาคแก้วตาเท่านั้น
    เจสสิก้าจึงต้องจำใจยอมอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ โดยไม่ได้รับการติดต่อจากครอบครัว
    การจะย้ายมาอยู่เกาหลีนั้นลำบากเกินไป อีกทั้งน้องสาวเธอยังต้องเรียนให้จบเสียก่อน
    และนั้นเป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอคุณหมอแสนดี คิมแทยอน.....

     .

     

     

     

    .

    .

    .

     

    ควอนยูริชั่งใจอยู่หน้าประตูอยู่นาน ร่างสูงค่อยเปิดประตูเข้ามาในห้องช้าๆ
    ยังไงซะเธอก็ต้องดูแลเจสสิก้าอยู่ดี ถ้างานแค่นี้เธอทำไม่ได้ ที่เรียนจบหมอมาก็ไร้ประโยชน์
    ถึงเจสสิก้าจะไม่ต้องการให้เธอดูแล แต่นี่คือหน้าที่ ไม่ว่าจะยังไงเธอก็ต้องทำ.....

     

    ยูริลากโต๊ะเลือนที่วางอาหารกลางวันไว้ มาที่เตียงช้าๆ

    ....คุณเจสสิก้า อาหารกลางวันค่ะ....ยูริกล่าว
    ....ฉันยังไม่หิว....
    ....ถ้าคุณไม่ทาน ร่างกายคุณจะแย่เอานะคะ....
    ยูริพูดเสียงอ่อน พยายามใช้เหตุผลเผื่อเจสสิก้าจะเข้าใจอะไรง่ายๆ

    ....แล้วจะทำไมล่ะ มันร่างกายฉัน ฉันจะทำยังไงกับมันก็ได้....
    ยูริได้แต่คิดในใจ ผู้หญิงอะไร ปากเก่งที่หนึ่ง ทั้งๆที่ตาก็มองไม่เห็น
    ทำอะไรก็ไม่ได้ ยังจะดื้ออีก ขืนเธอยอมให้มากแบบนี้มีหวัง เจสสิก้าได้ตายก่อนผ่าตัดแน่ๆ

    .....ฉันไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไรนะแต่ในเมื่อฉันเป็นหมอประจำของคุณ
    คุณก็น่าจะเชื่อฟังฉันหน่อย ขืนคุณยังดึงดันอยู่อย่างนี้ ตาคุณมันไม่มีวันได้มองเห็นหรอก......

    ยูริพูดเตือนสติ ใจจริงก็ไม่ได้อยากพูดแบบนี้หรอกนะ แต่ดื้อแบบนี้ไม่พูดคงไม่ได้

    .....ฉันต้องการให้หมอคิมกลับมา กลับมาดูแลฉัน ไม่ใช่คนอื่น....
    เจสสิก้าพูดในสิ่งที่เธอต้องการ และแน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะให้คิมแทยอนกลับมาในตอนนี้

     

    ....ฉันคงทำตามที่คุณบอกไม่ได้ สิ่งที่คุณต้องทำในตอนนี้ คือทานอาหารกลางวันซะ.....
    สายตาที่มองเจสสิก้าตอนนี้เหมือนคุณแม่ที่กำลังดุลูก เจสสิก้าไม่รับรู้ว่ายูริเคืองแค่ไหนที่ถูกปฏิเสธสิ่งที่เธอเต็มใจให้

    ....ออกไปเถอะค่ะ เอาอาหารออกไปด้วย ฉันไม่อยากทานแล้วก็ไม่อยากได้ยินเสียงคุณ....
    จุดประสงค์เดิม อย่างไม่เปลี่ยนแปลง เจสสิก้ายังคงย้ำมันให้ยูริฟังยูเหมือนเดิม

    .....ฉันจะออกไป ก็ต่อเมื่อคุณทานอาหารนี้หมดแล้ว.....ยูริก็ไม่ยอมเช่นกัน
    .....เมื่อไหร่คุณจะเลิกวุ่นวายกับฉันเสียที ฉันไม่ต้องการคุณ ฉันไม่ต้องการใครทั้งนั้น!!...

    เจสสิก้าตวาดลั่น ทำเอายูริชะงักเล็กน้อย เจสสิก้าเวลาโมโหก็น่ากลัวมากจริงๆ เธอรับประกันได้
    แต่จะให้ยอมแพ้คนไข้ขี้วีนอย่างเจสสิก้า เพียงเพาะถูกตวาด แล้วเวลาที่เรียนหมอมาสี่ปีกว่าเพื่ออะไรกัน
    ถ้าเธอยอม เจสสิก้าคงไม่มีวันยอมรับเธออย่างแน่นอน...

     

    ....ฉันไม่อยากบังคับคุณนะเจสสิก้า แต่ฉันเป็นหมอของคุณ ฉันมีหน้าที่ต้องดูแลคุณ
    ไม่ว่าคุณจะต้องการหรือไม่ ฉันปฏิเสธที่จะดูแลคุณไม่ได้...
    ยูริอธิบาย ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการบ่นไปเรื่อย เจสสิก้าที่ใกล้จะสติแตกเต็มทีก็เอาแต่ปฏิเสธไม่ยอมรับฟังท่าเดียว

     

    ....หน้าที่หรอ คุณดูแลฉันเพราะหน้าที่ คุณคิดบ้างไหมว่าคนไข้ของคุณรู้สึกยังไง เสียใจ เศร้า ท้อแท้
    คุณรู้อะไรบ้าง นั้นคือสิ่งที่คุณไม่มีหมอควอน แต่หมอแทยอนมี...

    ยูริได้แต่นิ่ง เธอเถียงไม่ออกจริงๆกับเรื่องนี้ ถูกที่เธอไม่รู้ว่าเจสสิก้ารู้สึกอะไร ถึงจะเข้าใจว่าเป็นเพราะแทยอนก็ตาม

     

    ....ฉันขอโทษที่ฉันเป็นหมอที่ดีเหมือนหมอแทไม่ได้ แต่คุณไว้ใจฉันได้ไหมคะ...
    ถึงจะไม่เท่าหมอแท แค่เชื่อใจ เชื่อว่าฉันจะทำให้คุณหายได้...
    ” ยูริทำใจเย็น ค่อยๆพูดกับสิก้า


    ....หาย! หายจากอะไร ตาบอดน่ะหรอ เหอะ! นี่คุณอย่ามาตลกได้ไหม ตาฉันมันบอดแต่ไหนแต่ไรแล้ว คุณคิดว่าแค่คุณมามันจะรักษาได้หรอ ฉันอยู่รพ.นี้มาสามปีฉันก็ยังเป็นคนตาบอดเหมือนเดิม!!...
    ในที่สุดเจสสิก้าก็ปล่อยโฮ ยูริได้แต่ถอนหายใจ ทั้งหนักใจและเสียใจไปพร้อมกัน
    ยูรินิ่งเงียบไปสักพักเพื่อให้อารมณ์กรุ่นๆของคนบนเตียงลดลง ก่อนที่เธอจะยืนมือไปจับมือเจสสิก้ามากุมไว้

     

    ....ตอนนี้รายชื่อบริจาคดวงตา มีเข้ามาแล้วนะคะ เราแค่ต้องรอ คุณรอได้ไหม...
    ....รอหรอ ฮึก...แล้วฉันจะต้องรออีกนานเท่าไหร่ล่ะ จะต้องอยู่รพ.นี้อีกนานแค่ไหน ห้า หรือ สิบปีกัน...
    ร่างบางยังคงสะอื้น ดวงตาเลื่อนลอยบัดนี้เต็มไปด้วยน้ำตา ยูริยกมืออีกข้างเกลี่ยอย่างเบามือ

     

    ....อีกไม่นานหรอกค่ะ ไม่นานคุณจะเป็นคนใหม่ เชื่อฉันนะคะ...
    สายตาอบอุ่นและน้ำเสียงปลอบโยนจากควอนยูริ ถูกส่งไปให้เจสสิก้า
    ที่ขณะนี้มีแต่ความท้อแท้สิ้นหวังในหัวใจ ถึงแม้ว่าเจสสิก้าจะไม่เห็นก็ตาม

    ....ระหว่างนี้ ฉันจะเป็นคนอยู่ข้างๆคุณเอง ได้โปรดเชื่อใจฉันนะคะ เจสสิก้า...
    สิ้นคำเจสสิก้าก็บีบมือยูริแน่น เธอเลือกที่จะเชื่อดีกว่าปิดกันความเชื่อนั่นแล้วตัวเองต้องมานั่งทุกข์ทรมานเสียเอง...

     

    .

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

    กรุงโซล เกาหลีใต้

     

    แทยอนย้ายมาอยู่ที่โซลอย่างเร่งด่วน เธอรู้สึกแย่ไม่น้อยที่ไม่ได้ล่ำลาเจสสิก้า
    ในระหว่างที่นั่งรถมา ซันนี่โทรบอกเธอว่ายูริถูกเล่นงาน ซึ่งเธอก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่กับเหตุการณ์นี้
    คนไข้สำคัญที่ทำให้เธอต้องย้ายมาเป็นลูกสาวคนเล็กของนายฮวัง
    นักธุรกิจชื่อดังที่ร่ำรวยจากการทำกิจการกับต่างประเทศ  คนไข้ของเธอมีปัญหาเกี่ยวกับสภาพจิตใจ 
    ทำให้นายฮวังผู้เป็นพ่อ หมดหนทางที่จะรักษา แพทย์ในโซลแนะนำแทยอนกับนายฮวัง 
    ดังนั้นเธอจึงถูกเรียกตัวมาที่โซลด่วนมาก…..

     

    เมื่อมาถึงแทยอนถูกเรียกไปที่บ้านตระกูลฮวังทันที และได้รับมอบหมายให้พักอยู่ที่นั้นถาวร
    จนกว่าลูกสาวของนายฮวังจะหาย ทุกอย่างรวดเร็วจนแทยอนตั้งตัวไม่ทัน

     

    ณ ห้องทำงานนายฮวัง

     

    ...ผมไม่รู้จะทำยังไงครับหมอ แกเป็นแบบนี้ตั้งแต่แม่แกเสีย นี่ก็ปาเข้าไปสองปีแล้ว แกก็ยังเป็นแบบเดิม...
    นายฮวังถอนหายใจพร้อมใบหน้าที่ดูอ่อนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น

    ...แล้วลูกสาวของท่านประธาน มีอาการยังไงหรอคะ...แทยอนเอ่ยปากถาม

    ...เอาแต่นั่งซึม ข้าวปลาก็ทานน้อยลง บางทีก็ไม่ทานเลย ไม่ชอบออกไปไหนเหมือนอย่างเคย...
    แกเอาแต่อยู่ในห้อง เวลาผมเข้าไปหา แกก็มักจะมองไปที่หน้าต่างอยู่ตลอด...ผมเคยปรึกษาหมอแล้ว
    เขาบอกว่าอาจจะเป็นโรคซึมเศร้า แล้วก็แนะนำให้ผมล็อกหน้าต่างหรือให้ดีก็อย่าให้เปิดได้เลย
    เพราะกลัวแกจะคิดสั้นน่ะครับ...

    นายฮวังกล่าวด้วยสีหน้าตึงเครียด แทยอนวิเคราะห์อาการแล้ว เธอก็คิดเช่นเดียวกับหมอคนนั้น
    ลูกสาวนายฮวังคงเป็นโรคซึมเศร้าจริงๆ แต่ฟังอย่างเดียวอาจจะได้ข้อมูลไม่ครบดีนัก
    แทยอนจึงขอพบเธอ ซึ่งนายฮวังก็ยินดี

     

    ....ทิฟฟานี่ พ่อเข้าไปนะลูก....
    นายฮวังเคาะประตู แต่ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา เขาพาแทยอนเข้าไปในห้อง
    แทยอนเดินตามเข้าไปเงียบๆ ภาพที่เห็นคือสาวผมสีดำยาวประบ่าไว้หน้าม้า นั่งซึมอยู่ที่เตียง

     

    ...ทิฟ พ่อพาคนคนนึงมาหาลูกน่ะ...
    ทิฟฟานี่เงยหน้าขึ้นมองนิ่งๆ สายตาเลื่อนมามองแทยอนที่ยืนอยู่ด้านหลังก่อนจะก้มหน้าลงอีกครั้ง

    ...คุณหมอแทยอน จะมาอยู่กับทิฟตั้งแต่วันนี้นะลูก หมอครับผมฝากแกด้วยนะครับ...
    แทยอนโค้งรับโดยไม่พูดอะไร หลังจากนั้นเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของเขาก็ดัง
    นายฮวังจึงออกไปปล่อยให้แทยอนอยู่กับทิฟฟานี่ตามลำพัง

     

    ...สวัสดีค่ะ ฉันคิมแทยอน...แทยอนแนะนำตัว

    ...ทิฟฟานี่ค่ะ...เธอตอบกลับมาทั้งๆที่ก้มหน้าอยู่

    ...ไม่เบื่อหรอคะ อยู่แต่ในห้อง...

    ...ข้างนอกมีแต่เรื่องน่ากลัว ฉันไม่อยากออกไป...ทิฟฟานี่เหม่อมองไปที่หน้าต่าง

    ....ทิฟฟานี่ เอ่อ ฉันขอเรียกคุณแบบนี้ได้ไหมคะ...

    ....ก็แล้วแต่ค่ะ...ทิฟฟานี่พูดขณะที่ก้มมองมืดตัวเองอยู่ตลอด

    ...คุณทิฟฟานี่ชอบสีชมพูหรอคะ...เธอพยักหน้าตอบ

    ....ห้องคุณสวยจัง...แทยอนส่งยิ้มให้

    ...คุณคิดงั้นหรอ ฉันว่ามันไม่เห็นจะสวยอะไร ก็แค่สีเรียบๆ...เธอพูดพร้อมสายตาที่เหม่อลอย

     

    แทยอนคิดว่าความผิดปกตินี้ ก็คือโรคซึมเศร้าอย่างที่หมอบอกนายฮวังมา
    ตามหลักแล้วคนไข้จะได้รับยาที่เรียกว่า ยาแก้เศร้าซึ่งแทยอนคิดว่าทิฟฟานี่ควรจะรับยานี้ได้แล้ว
    เพียงแต่ในความคิดของเธอนั้น โรคซึมเศร้ามีสาเหตุมาจากสภาวะจิตใจร่วมด้วย
    ดังนั้น การทำให้คนไข้สบายใจและมีความสุขกับการใช้ชีวิต คงจะดีกว่าการใช้ยาเพียงอย่างเดียว...

     

    แทยอนออกมาจากห้องทิฟฟานี่และตรงไปหานายฮวังทันที

     

     

    ก๊อก ก๊อก

     

    แทยอนเคาะประตูห้องทำงานของนายฮวัง แต่ก็ไร้เสียงตอบ เธอจึงออกเสียงเรียกแทน

    ...ท่านประธานคะ ...ท่านคะ...
    แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับมาอยู่ดี ทันใดนั้นเสียงชายชราผู้หนึ่งก็ดังมาจากด้านหลังเธอ

     

    ....คุณท่านไม่อยู่หรอกครับ คุณหมอ...
    ชายชราในชุดสูทสีดำกล่าว แทยอนเดาได้ไม่ยากว่าชายคนนี้คงเป็นผู้ดูแลบ้านหลังนี้แน่นอน

    ....เอ่อ ไม่ทราบว่าท่านไปไหนหรอคะ…”

    ....ท่านมีประชุมน่ะครับ พึ่งออกไปเมื่อสักครู่เอง...ชายชราบอกแทยอน

    ....แล้วท่านบอกหรือเปล่าคะ ว่าจะกลับเมื่อไหร่...

    ....ก็คงอีกอาทิตย์นึงล่ะครับ เพราะท่านต้องไปที่อังกฤษต่อ...เขาบอก
    แทยอนจึงพอรู้แล้วว่าโรคซึมเศร้านี่อาจมีสาเหตุเพราะอะไร

     

    ...คุณหมออยากดื่มอะไรหน่อยไหมครับ ตอนนี้อากาศข้างนอกเริ่มหนาวแล้วด้วย...

    ....ก็ดีเหมือนกันค่ะ...แทยอนตอบตกลง เธอเองก็รู้สึกหนาวๆขึ้นมาบ้างแล้ว

    ....งั้นเชิญทางนี่ครับ...
    ชายชราเดินนำไปยังห้องโถงใหญ่ ทะยอนถึงกับตะลึงงันเมื่อก้าวเข้าไปในห้อง
    ด้วยความหรูหราราวกับพระราชวังยุโรป ทั้งโครงสร้างและการตกแต่ง
    เป็นครั้งแรกที่แทยอนได้เห็นอะไรเช่นนี้

     

    ...เชิญนั่งตรงนี้ก่อนครับ เดี๋ยวผมจะจัดเครื่องดื่มให้...
    เขายิ้มให้แทยอนก่อนจะเดินออกไปและกลับมาพร้อมถาดเครื่องดื่มในเวลาไม่นาน
    จากนั้นเขาก็เสริฟโกโก้ให้แทยอนตามที่เธอขอ

    ...หอมจังเลยค่ะ...แทยอนออกปากชม

    ....เชิญตามสบายนะครับ ต้องการอะไร เรียกผมได้ทุกเมื่อ...
    ชายชราโค้งศีรษะให้ เขาหันหลังเดินกลับไปไม่กี่ก้าวก็ถูกแทยอนเรียกไว้ก่อน

    ...เอ่อ คุณลุงคะ หมอขอถามอะไรสักหน่อยได้ไหมคะ...ชายชราหันกลับมาด้วยรอยยิ้ม

    ....ครับ คุณหมอ...

    ....คือ คุณทิฟฟานี่เป็นแบบนี้มานานแล้วหรอคะ...

    ....อ๋อ คุณหนูน่ะหรอครับ สักสองปีได้แล้วครับตั้งแต่คุณนายเสียคุณหนูก็เอาแต่ซึมแบบที่คุณเห็นนั้นล่ะครับ...
    เขาพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวลไม่ต่างจากนายฮวังนัก

    ....งั้นคุณทิฟฟานี่ก็คงรักคุณแม่เธอมากๆเลยสินะคะ...

    ....ครับ ...คุณหนูอยู่กับคุณนายตลอด ถ้าเทียบกับคุณท่านผมเห็นคุณท่านอยู่บ้านหลังนี้
    อาทิตย์นึงก็แค่วันเดียว เพราะท่านต้องไปทำงานตลอด บางอาทิตย์ก็ไม่กลับเลยล่ะครับ
    คุณหนูก็เลยรักคุณนายมาก บ้านหลังนี้ไม่มีใครนอกจากคุณนายกับคุณหนูแล้วก็คนใช้แค่ไม่กี่คน...
    ชายชราเล่าต่อไป

     

    ....ผมเห็นคุณหนูมาตั้งแต่เกิด แต่ก่อนคุณหนูเป็นเด็กน่ารักมากๆ ใจดีกับทุกคน เด็กแถวนี้ก็สนิทกับคุณหนูทั้งนั้น
    บางวันก็ชวนมานั่งกินขนมด้วยกันที่บ้านหรือไม่คุณหนูก็จะอ่านหนังสือให้พวกเขาฟัง ... แต่พอคุณนายท่านเสีย
    คุณหนูก็กลายเป็นคนล่ะคน จากที่เคยร่าเริงสดใสก็ดูเศร้าซึม เด็กๆก็เคยมาหานะครับ แต่ก็ต้องกลับไปเพราะคุณหนูไม่ยอมพบด้วย อีกอย่างคุณหนูไม่คุยกับใครเกินสองสามประโยคหรอกครับ...

    เขาเล่าก่อนจะถอนหายใจออกมา ใบหน้าที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาของเขาบ่งบอกความทุกข์ที่มีในใจของเขาอย่างชัดเจน

     

    ....คุณนายท่านเสียยังไงหรอคะ...แทยอนลองถาม

    ....เอ่อ ...ถูกยิงครับ ...จากลูกน้องของบริษัทคู่แข่งของนายท่าน...ต่อหน้าต่อตาคุณหนูเลย...
    ชายชรานิ่งเงียบก่อนจะตัดสินใจตอบ สีหน้าแสดงความเจ็บปวดไม่น้อย
    แทยอนจึงเลือกที่จะไม่ถามต่อ ยังไงเธอก็พอเข้าใจสาเหตุของโรคนี้พอสมควรอยู่แล้ว

     

    ...ว่าแต่ คุณหมออยากพบนายท่านทำไมหรอครับ...เขาถาม

    ...คือ หมออยากขออนุญาตท่านพาคุณหนูไปพักผ่อนข้างนอกสักระยะน่ะค่ะ
    หมอคิดว่าถ้าได้พาคุณหนูออกไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี อาจจะทำให้คุณหนูดีขึ้นก็ได้...

    แทยอนตอบคำถาม ซึ่งเขาก็เห็นด้วยกับความคิดของแทยอน ชายชราอาสาโทรบอกนายฮวังให้
    ซึ่งก็ได้รับการตกลงจากนายฮวังอย่างยินดี

     

    สองวันหลังจากนั้นแทยอนตัดสินใจพาทิฟฟานี่ไปที่เซจู 
    สภาพแวดล้อมที่สวยงามและเงียบสงบ คงจะทำให้ ทิฟฟานี่ฮวัง หายจากโรคอันน่าสงสารนี่ได้....

     










    ~ To be con ~






    """""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
    ตอนใหม่จ่า มาแบบไม่คาดคิดเพราะจู่ๆไรเตอร์ก็ขยันขึ้นมาซะอย่างนั้น
    ยูลสิคยังน้อยนิดอยู่ แททิฟก็เช่นเดียวกัน ถ้าใครยังไม่เบื่อก็รอกันอีกนิดนะคะ
    ขอโทษจริงๆค่ะที่ให้รอ ไรเตอร์อยากอัพแต่ตันอะ T^T
    ยังไงก็จะพยายามเนาะ เพื่อรีดเดอร์ ^ ^   ขอบคุณทุกคอมเมนท์ค่ะ
     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×