ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BTS X YOU] Fallin' all in you [END!] + มีebook

    ลำดับตอนที่ #8 : ♥ Fallin' 06 ♥

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.85K
      546
      15 มิ.ย. 63




     Fallin’ 06 

    His strange symptoms!

    อาการประหลาดของเฮียวี!



                ฉันที่กำลังจะเคลิ้มหลับสะดุ้งเพราะคำถามของเฮียวี กะพริบตาปริบๆก่อนจะหันไปทางคนที่นั่งข้างๆ วันนี้โปมารับหน้าที่สารถี ตำแหน่งที่นั่งของฉันเลยต้องย้ายมาเบาะหลัง กระจกที่ติดฟิล์มสีขุ่นถูกปิดไว้เพื่อความเป็นส่วนตัว ดวงตาสีเข้มมองมาก่อนจะทวนคำถามอีกครั้งราวกับรู้ทันว่าเมื่อกี้ฉันไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด

                “งานหนักเหรอวันนี้” น้ำเสียงนุ่มทุ้มว่า เว้นวรรคครู่เดียวก่อนจะพูดต่อในสิ่งที่ทำให้รู้ว่าเฮียวีก็ช่างสังเกตรายละเอียดเรื่องเกี่ยวกับฉันเหมือนกัน “ปกติน้องไม่ง่วง”

                ฉันพยักหน้ารับหงึกหงักก่อนหลุดปากหาววอด งานวันนี้ไม่ได้ทำให้ฉันง่วงหรือรู้สึกเหนื่อย แต่เพราะเป็นงานพิเศษตอนกลางคืนของเมื่อวานต่างหาก ห่างหายจากเรื่องนั้นไปนาน คงต้องปล่อยให้ร่างกายปรับสภาพอีกสักนิดเพราะสถานการณ์ที่ทรหดกว่านั้นฉันก็ผ่านมาแล้ว

                เผลอตัวแค่วูบเดียวฉันก็ถูกรั้งให้นอนหนุนบนหน้าตักแกร่ง วินาทีแรกฉันคิดจะขยับหนี แต่พอทบทวนดูแล้วคงเปล่าประโยชน์ถ้าจะปฏิเสธเฮียวี หากไม่ยอมตามใจ เขาก็จะหาทางบังคับฉันจนได้อยู่ดี

                ขอนิยามเฮียวีเอาไว้ว่าเป็นคนขี้หวง จอมเอาแต่ใจ และเดาทางไม่ถูก

                “ตอนเด็กๆหลังเลิกเรียนม๊าก็ให้เฮียหนุนตักแบบนี้” เขาว่าตอนที่ฉันผินหน้ามองคนที่แบ่งปันหน้าตักแกร่งให้นอนหนุน พอได้ยินอย่างนั้นฉันก็อมยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบกลับไป

                “เฮียวีกับม๊าเจียมีแต่เรื่องน่ารักตลอดเลยเนอะ”

                คุณอาเจียกับเฮียวีเป็นคู่แม่ลูกที่มีแต่เรื่องน่ารักจริงๆ ความจริงก็ทั้งคุณอาชางด้วย บรรยากาศในครอบครัวน่ารักอยู่เสมอจนดูไม่เหมือนครอบครัวของผู้ทรงอิทธิพลเลยสักนิด เห็นว่าร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะย้อนถาม

                “แล้วม๊าแอนน์?”

                “อืม แอนน์ไม่ค่อยอยู่บ้านหรอกค่ะ งานเธอค่อนข้างยุ่ง” ตอบกลับเสียงค่อย ลดระดับเสียงลงตอนที่พูดถึงงานของแอนน์ ไม่ลงรายละเอียดอะไรมากมายนัก “บางทีก็หายออกจากบ้านไปหลายเดือนกว่าจะกลับมาทีหนึ่ง แต่เราก็ชินแล้วล่ะ มีพ่ออยู่ด้วยก็ไม่ได้เหงาเท่าไหร่”

                “เด็กขี้เหงา”

                ฉันมองค้อนพร้อมกับเบะปากกับคำแซวของเฮียวี ชะงักกึกพลางเลื่อนสบสายตากับเขาตอนที่นิ้วเรียวค่อยๆเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าออกให้ ความอุ่นจากปลายนิ้วแล่นผ่านตรงหน้าผาก แต่กลับทำให้ใจกระตุกวูบได้ดื้อๆ

                “เราถามได้มั้ยคะ” ฉันว่าหลังจากที่เม้มปากลงเพื่อระงับความรู้สึกแปลกๆที่เต้นตึกตักในอกข้างซ้าย อยู่ๆก็เอ่ยถามถึงเรื่องที่นึกสงสัยตั้งแต่ย้ายไปอยู่กับเฮียวีวันแรกๆ “ครอบครัวเฮียเป็นมาเฟียมานานแล้วหรือยัง”

                “ก็ตั้งแต่เหล่ากง” เฮียวีตอบกลับมา เขาเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งก่อนจะย้อนถาม “กลัวเฮียหรือเปล่า”

                “ตอนนี้ยังค่ะ” ฉันบอกหลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อวานก่อนที่ถูกลอบโจมตีระหว่างกลับคฤหาสน์ตระกูลคิม หลุบสายตาลงพลางระบายลมหายใจออกมาสั้นๆแล้วพูดออกไปตามความคิดเห็นของตัวเอง “ดูเหมือนเฮียจะร้าย แต่เฮียก็ไม่ได้ฆ่าคนพวกนั้น”

                เขายิง แต่ไม่ถูกจุดสำคัญ พวกที่เป็นต่อในตอนแรกมีสภาพสะบักสะบอมจนแทบไม่มีแรงยืน ฉันเห็นพวกเขาหลังจากที่เฮียวีพาออกมาจากพื้นที่รกร้างข้างทาง แต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจนถึงขั้นเสียชีวิตเลยสักคนแม้ว่าเสียงปืนหลายนัดที่ได้ยินจะฟ้องอีกอย่าง

                ตอนนั้นก็เป็นอีกตอนที่ฉันคิดว่าผู้ชายคนนี้เดาใจยากเหลือเกิน

                “เฮียไม่เบียดเบียนชีวิตใครง่ายๆ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ทำ” เสียงทุ้มบอกอย่างเนิบนาบ เราสบสายตากันอีกหนก่อนที่น้ำเสียงราบเรียบนั้นจะแฝงไปด้วยความดุดันจางๆที่วูบหนึ่งฉันนึกหวาดกลัว “แต่กับบางเรื่องถ้าไม่เด็ดขาดมันจะย้อนกลับมาทำร้ายเราทีหลัง”

                ฉันนึกคล้อยตามกับคำพูดที่ว่าง่ายดาย โลกนี้ไม่ได้มีแต่ด้านที่สวยงาม บางอย่างอาจจะโหดร้าย แต่ก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกัน

                “ส่วนเรื่องมาเฟียน่ะ ป๊าถอนตัวออกจากธุรกิจมืดมานานหลายปีแล้ว” เฮียวีบอกต่อหลังจากที่ผ่อนลมหายใจเบาๆ “ธุรกิจทุกอย่างทำอย่างถูกกฎหมาย ไม่อย่างนั้นพ่อของน้องคงไม่ยอมให้น้องแต่งงานกับเฮียหรอก”

                เสี้ยววินาทีหนึ่งที่ฉันเกือบจะเปลี่ยนแปลงความคิดเกี่ยวกับเฮียวีอยู่แล้วเชียว แต่ท้ายที่สุดก็ยังต้องยืนยันคำเดิมว่าเขาเป็นคนที่น่ากลัวมากจริงๆ ถ้อยคำราบเรียบพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆนั่นสวนทางกับความหมายแสนเลือดเย็นสิ้นดี

                “แต่อีกอย่างนะน้องเพ่ย บางคนก็สมควรมีชีวิตที่จมอยู่กับความทรมานมากกว่าจะตายซะอีก”





     

                เย็นวันเดียวกันหลังจากจบมื้อเย็น ฉันก็ขึ้นมาจัดการธุระส่วนตัวก่อนจะย้ายมานั่งที่โต๊ะทำงานที่หันหน้าเข้าหาหน้าต่างบานใหญ่ ก่อนหน้านั้นจัดหากระถางเล็กๆน่ารักๆที่ปลูกแคคตัสและอิงลิชไอวี่วางประดับเพื่อตกแต่งให้พื้นที่ทำงานดูมีสีสันมากขึ้น

                สมุดไดอารี่เล่มเก่าของเพื่อนสนิทถูกหยิบออกมาจากลิ้นชัก ฉันค่อยๆพลิกเปิดหน้าแรกอย่างระมัดระวัง คลี่ยิ้มน้อยๆตอนเห็นรูปโพลาลอยด์ของเธอกับฉันที่ถูกแปะเอาไว้ตรงหน้าที่สอง ลูบไล้บนรูปถ่ายช้าๆก่อนพลิกเปิดหน้าถัดไป

                I like this name ‘Lily’ and you are my Phlox’. (ฉันชอบชื่อลิลลี่นะ และเธอก็คือฟล็อกซ์ของฉัน)

                หยดน้ำที่เปื้อนลงบนหน้ากระดาษทำให้ต้องรีบปิดไดอารี่เล่มนี้ลง ใช้มือข้างซ้ายปาดเช็ดน้ำตาที่ร่วงหล่นอย่างง่ายดายเมื่อเป็นเรื่องของเธอ

                ฉันต้องพยายามให้มากกว่านี้ พยายามเพื่อเกว็น เพื่อนที่ดีที่สุดตลอดกาลของฉัน

                ใช้เวลาสักพักเพื่อสงบสติอารมณ์อ่อนไหว ฉันเก็บสมุดไดอารี่ของเพื่อนรักลงในลิ้นชักและปิดล็อกเป็นอย่างดี ไอแพดเครื่องพิเศษถูกเปิดใช้งาน ฉันลากนิ้วไปยังห้องแชทที่ถูกสำรองข้อมูลเอาไว้อย่างแน่นหนา กรอกรหัสที่ถูกตั้งไว้ก่อนจะคลิกเลือกข้อมูลที่คนในทีมหาได้เกี่ยวกับเป้าหมายและสถานที่ปฏิบัติการ รูปถ่ายจากสถานที่จริงถูกฉันเลื่อนดูจนจำได้ขึ้นใจก่อนจะหยุดลงตรงข้อมูลของคิมทาวน์ที่จาเร็ดรวบรวมมาได้

                จริงๆแล้วคิมทาวน์ก็ไม่ต่างกับเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และสงวนสิทธิ์ไว้สำหรับลูกค้าของคิมทาวน์เท่านั้น อย่างที่เคยบอกว่าอาณาจักรของคิมทาวน์ถูกแบ่งออกเป็นห้าส่วนใหญ่ๆ และอาจจะมีการขยับขยายต่อไปอีกในอนาคต

                โซนเอ คลับที่ฉันแฝงตัวเข้าไปทำงาน คลับขนาดใหญ่ที่รองรับนักเที่ยวราตรีทั้งชั้นบนและล่างดูจะไม่มีอะไรพิเศษ แต่ว่าความจริงแล้วมีทางลับใต้ดินที่กำลังอยู่ระหว่างสืบหาว่าสร้างด้วยจุดประสงค์และต้องการใช้เพื่ออะไรกันแน่

                โซนบี คาสิโนถูกกฎหมายที่ได้รับการรับรองเมื่อหลายปีก่อน เป็นคาสิโนอันดับต้นๆของประเทศ มีเงินสะพัดหลายสิบล้านต่อวันเนื่องจากนักพนันจากทั่วทุกสารทิศเข้ามาใช้บริการ ทั้งยังมีเลาจน์ขนาดใหญ่และบริการที่ดีเยี่ยมเอาไว้คอยรองรับลูกค้า

                โซนซี คอมมูนิตี้มอลล์ที่รวบรวมหลายแบรนด์ดังไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับ หรือแม้แต่รถหรูนำเข้า รวมทั้งยังมีร้านอาหารชื่อดังหลากหลายร้านให้เลือกใช้บริการ และเป็นโซนที่มีความซับซ้อนน้อยที่สุด

                โซนอี โรงแรมขนาดใหญ่ที่รองรับทั้งแขกในประเทศและต่างประเทศ กินพื้นที่เศษหนึ่งส่วนสามของคิมทาวน์ ถูกจัดสรรให้ความเป็นส่วนตัวกับลูกค้าเป็นอย่างดีรวมถึงบริการคมนาคมสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปยังโซนอื่นๆหรือนอกเหนือพื้นที่ของคิมทาวน์

                โซนดี เป็นพื้นที่ที่เพิ่งจะเปิดตัวเมื่อไม่กี่เดือนก่อน สนามแข่งรถแบบถูกกฎหมาย จัดแข่งทุกวันพุธ เสาร์และอาทิตย์ เป็นสถานที่แข่งที่ใช้จัดแมตช์แข่งขันสำคัญๆมาหลายแมตช์แล้ว

                ดวงตาหม่นแสงลงเมื่อเลื่อนมาถึงข้อมูลของคนที่ต้องการตัว ไร้รูปถ่ายหรือลักษณะของคนคนนั้น มีเพียงแต่ชื่อที่ฉันจำได้จนขึ้นใจ

                Kirisawa Clark

                ผู้ชายคนนั้นฉันเคยเจอเขาแค่หนเดียว คืนพระจันทร์เสี้ยวที่อ่าวซานฟรานซิสโก ภายใต้ฮู้ดตัวใหญ่สีดำ เขาลั่นไกปืนและพรากชีวิตของเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันไป

                ถ้าหากให้สารภาพตามความจริง ฉันไม่ได้เป็นแค่คุณครูอนุบาลที่ต้องคอยรับมือเจ้าเด็กๆจอมซนทุกวัน แต่อีกด้านหนึ่ง ฉันเป็นหน่วยข่าวกรองของ FNIA

                Codename PHLOX




                ฉันที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จกำลังสางผมสีน้ำตาลของตัวเองช้าๆอยู่หน้ากระจก สมองครุ่นคิดไปถึงเรื่องของคลาร์กที่ยังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติม ภายใต้ชื่อของฟล็อกซ์ หน้าที่ของฉันคือการสืบหาข้อมูลของบุคคลที่องค์กรต้องการตัว เครือข่ายของFNIAกระจายตัวอยู่ทั่วโลก แต่ละทีมย่อยทำหน้าที่แตกต่างกันไปและรับคำสั่งผ่านสังกัดใหญ่ที่ประจำอยู่อีกทีหนึ่ง

                สำหรับหน้าที่หลักของทีมคือการสืบข่าวและระบุพิกัดของพวกอาชญากรหรือใครก็ตามที่องค์กรต้องการ แฝงตัวให้แนบเนียนและหลีกเลี่ยงการปะทะ นั่นเป็นเรื่องที่จาเร็ดหัวหน้าทีมคอยเน้นย้ำกับสมาชิกในทีมอยู่เสมอ

                ข้อมูลที่ได้จากฝ่ายไอทีชี้ว่าคลาร์กน่าจะซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ของคิมทาวน์ แต่พวกเขาจับสัญญาณที่แน่ชัดไม่ได้จึงไม่สามารถระบุได้ว่าคลาร์กอยู่ในส่วนไหนกันแน่ เพราะแบบนั้นทีมเราจึงต้องแฝงตัวเข้าไปเพื่อตามหาอาชญากรที่หลบหนีมาตลอดสองปีอย่างเขาให้ได้

                หลุดออกจากภวังค์เมื่อเสียงเคาะประตูจากห้องที่เชื่อมติดกันดังขึ้น ผ่อนลมหายใจเล็กน้อยก่อนจะเดินไปประตูให้คนฝั่งตรงข้าม เอียงหน้ามองร่างสูงเมื่อแง้มเปิดประตูแค่ครึ่งเดียว

                “ม๊าใกล้ตั้งโต๊ะแล้ว เฮียเลยมาเตือน”

                “เราก็กำลังจะลงไปพอดีค่ะ” ฉันตอบก่อนจะลากสายตาสำรวจเครื่องแต่งกายของเฮียวี เสื้อเชิ้ตสีดำและกางเกงยีนดูจะไม่ใช่ชุดที่เหมาะกับการทานข้าวเย็น เลื่อนสายตาสบกับดวงตาคมกริบแล้วถามออกไป “แล้วเฮียจะไปไหนเหรอคะ”

                “มีนัดเลี้ยงสังสรรค์กับหุ้นส่วนใหม่” เขาตอบกลับมาโดยไม่ปิดบัง เราสบตากันครู่หนึ่งก่อนที่เฮียวีจะย้อนถาม “น้องอยากไปด้วยมั้ย”

                “อืม ไม่ดีกว่าค่ะ”

     





                สะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะเสียงกุกกักตรงประตูที่เชื่อมระหว่างห้องฉันกับเฮียวี สะบัดผ้าห่มออกไปอีกทางก่อนจะเดินลากเท้าอย่างงัวเงียไปเปิดประตู ใช้มือข้างหนึ่งลูบหน้าไล่ความง่วงแล้วออกปากถามร่างสูงที่ยึดลูกบิดฝั่งตรงข้าม

                “เฮียจะทำอะไรคะ นี่ห้องเรานะ” ฉันว่าพลางขมวดคิ้ว ใช้มือข้างหนึ่งดันแผ่นอกแกร่งเมื่ออีกคนมีท่าทีซวนเซคล้ายกับจะโน้มเข้ามาหา กลิ่นฉุนกึกของแอลกอฮอล์ลอยกระทบจมูกจนเผลอเบ้หน้า “เมาก็อย่ามากวนเราสิ”

                “อ่า นึกว่าห้องน้ำ” เสียงทุ้มพึมพำกึ่งยานคาง แต่ถึงปากจะว่าแบบนั้น แต่อุ้งมือหนากลับเคลื่อนเข้าจับมือฉันที่ดันอกกว้างอยู่ก่อนหน้า ดึงจนเลื่อนขึ้นไปอยู่ระดับเดียวกับใบหน้าคมคาย ใกล้ชิดจนแทบจะสัมผัสผิวแก้มของเฮียวีได้

                ทุกอย่างเกิดภายในชั่วพริบตาเดียว คนเมาฉวยจังหวะหนึ่งรั้งให้ท่อนแขนฉันโอบรอบคอเขา แผ่นหลังถูกดันจนชิดกับผนังห้อง ลมหายใจขาดห้วงในวินาทีนั้น เฮียวีในตอนนี้เหมือนเสือที่เพิ่งตื่นจากห้วงนิทราแสนยาวนาน ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความดุดัน ริมฝีปากหยักเหยียดยิ้มคล้ายใจดีมาให้ แต่กลับสัมผัสความปรานีของเขาไม่ได้สักนิด และแน่นอนว่าถ้าหากเสือตื่น ต่อมามันก็เตรียมตัวจะตะครุบเหยื่อ

                และโชคร้าย เพราะดูเหมือนว่าเหยื่อที่ว่านั่นก็คือฉันเอง

                ฉันจิกเล็บลงกับไหล่กว้างอย่างแรงในตอนที่เฮียวีโน้มตัวเข้ามาหา ขาแกร่งข้างหนึ่งแทรกกลางระหว่างขาฉัน ตัดช่องทางการหลบหนีไปโดยปริยาย ตัวสะท้านเฮือกเมื่อบางอย่างร้อนชื้นนาบลงกับซอกคอ ฝืนสูดหายใจอย่างยากลำบากก่อนจะถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

                “ฮเฮียจะทำอะไรน่ะ”

                เขาเมินคำถามของฉัน ปลายจมูกโด่งกดลงชิดใบหู ปล่อยลมหายใจร้อนจัดรินรดทั่วผิวกาย ขนอ่อนลุกชันยามลิ้นชื้นตวัดไล่เลียเนิบนาบบนผิวนุ่มนิ่ม สัมผัสชื้นแฉะนั่นลากไล้ลงไปตามซอกคอและลาดไหล่ ความรู้สึกวูบโหวงเล่นงานตอนที่เฮียวีเม้มฝีปากแรงๆ และราวกับเอาคืน มือหนาที่โอบรัดรอบเอวเพิ่มแรงมือขยุ้มลงมาหลังจากที่ฉันบีบไหล่เขาแรงขึ้น

                หัวใจฉันเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อรับรู้ว่าเฮียวีกำลังทำอะไรบางอย่างกับซอกคอของตนเอง เสียงสูดลมหายใจเข้าที่ค่อยๆทวีความรุนแรงนั่นทำเอาขนลุกเกรียวเป็นหนที่สอง

                “เฮียทำแบบนี้กับเราไม่ได้” เสียงโต้แย้งหยุดลงยามที่นิ้วหัวแม่มือของอีกคนเคลื่อนมาสัมผัส บดคลึงริมฝีปากล่างของฉันอย่างเชื่องช้าและแผ่วเบา เขาหลุบสายตามองอวัยวะที่ตัวเองกำลังสัมผัสอยู่ก่อนจะเลื่อนนัยน์ตาลุ่มลึกขึ้นมองสบกัน

                เรียวปากสั่นระริกถูกครอบครองอย่างรวดเร็ว กลีบปากทั้งบนล่างถูกบดขยี้ตั้งแต่ต้นจนชาหนึบ เพิ่มความรุนแรงขึ้นทีละนิดก่อนจะใช้ฟันคมขบลงมาอย่างกลั่นแกล้ง เฮียวีหลุดเสียงกลั้วหัวเราะเบาๆพลางใช้มือข้างหนึ่งช้อนจับท้ายทอยฉันไว้แน่นตอนที่ฉันพยายามดีดดิ้นอย่างไร้ประโยชน์ บดริมฝีปากร้อนจัดลงมาซ้ำๆและบีบบังคับให้ต้องยอมรับจุมพิตดุดันจากเขาอยู่ฝ่ายเดียว

                เนิ่นนานในความรู้สึกของฉันกว่าที่เฮียวีจะยอมผละจูบออก มือหนาประคองกรอบหน้าฉันไว้ ลูบไล้ปลายนิ้วบนผิวแก้มร้อนผ่าว เขามองฉันด้วยดวงตาที่ติดจะฉ่ำปรือเล็กน้อย ท่อนแขนแกร่งอีกข้างยังโอบรัดและฉุดรั้งฉันเอาไว้ในวงแขน ลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอหนืดเมื่อร่างสูงขยับมากระซิบถามใกล้ๆ

                “ต่อกันเลยดีมั้ย”

                ฉันไม่คิดว่าเฮียวีแข็งแรงขนาดที่จะช้อนตัวฉันขึ้นอุ้มได้ด้วยแขนข้างเดียว สองแขนรีบโอบรอบคอคนตัวสูงเพื่อทรงตัว เขาก้าวเท้าแค่ไม่กี่ทีก็ถึงเตียงควีนไซซ์ ร่างฉันถูกโยนลงไปอย่างไม่ค่อยนุ่มนวล และยังไม่ทันได้ขยับตัวหนี ร่างกำยำก็คร่อมทับ เขาใช้ท่อนแขนทั้งสองกักตัวให้ต้องยอมจำนนอยู่ใต้อาณัติ

                เฮียวีระบายรอยยิ้มจางๆ ดวงตาสีสวยที่อัดแน่นด้วยความปรารถนาบางอย่างจับจ้องฉัน วินาทีที่เขาค่อยๆโน้มลงมาจนปลายจมูกเราเสียดสีกันเป็นช่วงเวลาที่ฉันเกลียดที่สุด เฮียวีเว้นระยะที่ริมฝีปากของเราแตะกันเบาๆ เขานิ่งราวกับลองเชิงอะไรสักอย่าง และตอนที่ฉันเผลอขยับเรียวปากนั่นก็กลายเป็นสิ่งที่เขาตีความว่าฉันเพิ่งจะให้คำตอบแบบที่เขาต้องการ

                “That’s right, lil brat” (อย่างนั้นแหละเด็กดื้อ)

                เขาปล่อยเสียงแหบพร่าระหว่างริมฝีปากของเราทั้งคู่ ริมฝีปากหยักลึกสัมผัสฉันเป็นครั้งที่สอง ใบหน้าคมคายเอียงปรับองศาก่อนกดจูบให้แนบแน่นยิ่งขึ้น ในห้องนอนเงียบๆตอนนี้กลับคลอเคล้าด้วยเสียงสัมผัสชื้นแฉะจากริมฝีปากที่เสียดสีของฉันกับเฮียวี เรียวปากร้อนขบเม้มกลีบปากของฉันแรงบ้างเบาบ้างสลับกันไป ก่อนที่วินาทีถัดมาเขาจะขบกลีบปากล่างจนฉันเผลอเปิดโอกาสให้อีกคนได้รุกรานเข้ามา

                ใบลิ้นร้อนแทรกสอดเข้าดูดซับและตักตวงความอ่อนนุ่มอย่างเอาแต่ใจ ช่วงอกที่เบียดเสียดระหว่างกัน ฉันรับรู้ถึงจังหวะหนักแน่นที่อกซ้ายของร่างสูง ใบหน้าขยับเคลื่อนตามแรงจูบรุกเร้าก่อนทุกอย่างที่ดำเนินอย่างดุดันตั้งแต่เริ่มต้นจะกลับกลายเป็นนุ่มนวลและอ่อนหวานอย่างไร้สาเหตุ

                “Damn it” ส่งเสียงสบถเบาๆตอนที่พอมีช่องว่างระหว่างริมฝีปากของฉันกับเฮียวี สัมผัสอ่อนโยนทำเอาฉันใจเต้นแรงขึ้นมาดื้อๆ ยิ่งเขากดจูบเบาๆตรงข้างแก้ม มือที่เคยดันอกกว้างให้ถอยห่างกลับไร้เรี่ยวแรงจนทำได้เพียงแค่ขยุ้มเชิ้ตสีดำของคนตัวโต

                ลมหายใจฉันแผ่วไปเล็กน้อยตอนที่ปลายลิ้นร้อนแตะมาที่ช่องว่างของเนื้อนุ่มหยุ่น คราวนี้ฉันโอนอ่อนตามร่างสูงได้อย่างง่ายดาย คล้ายกับถูกมอมเมาด้วยรสชาติขมปร่าของแอลกอฮอล์ที่คลุ้งอยู่ในโพรงปากร้อนและตัดกับรสหวานๆของลูกอมสตรอว์เบอร์รี่ที่ติดอยู่ปลายลิ้นร้อนชื้น

                ฉันจูบเฮียวีตอบในที่สุด

                เสียงครางฮือในลำคอบ่งบอกให้รู้ว่าคนตัวโตพอใจพอควรกับสัมผัสนี้ รสขมปนหวานจากปากเฮียวีถูกแบ่งปันให้ฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความร้อนจัดจากริมฝีปากถูกจุดขึ้นและลามไปทั่วทั้งกรอบหน้า เสียงหอบหายใจผะแผ่วกับเสียงจูบดังคลออยู่รอบกาย ลมหายใจที่กักเก็บไว้หายไปทีละน้อยจนต้องกระตุกเสื้อของอีกคนประท้วง

                สบกับดวงตาสีเข้มอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายยอมผละออกมา ระยะห่างคับแคบอบอ้าวจากลมหายใจร้อนผ่าวที่แทบหลอมละลายเป็นหนึ่งเดียว รีบกอบโกยสูดหายใจในช่วงเวลานั้น ส่งเสียงลอดริมฝีปากเป็นเชิงห้ามตอนที่เฮียวีทำท่าจะโน้มลงมาขโมยจูบอีกครั้ง มือข้างหนึ่งเคลื่อนขึ้นสัมผัสสันกรามสวย ไล้ปลายนิ้ววนเบาๆตรงลำคอโดยที่ไม่ละสายตาไปจากเขาสักวินาทีเดียว

                “ตอนที่เฮียเมาเนี่ย” ลากเสียงท้ายประโยคเร้าความสนใจ ฉันกระตุกยิ้มจางๆก่อนจะสบประมาทอย่างไม่กลัวเกรง “จูบห่วยกว่าที่เราคิดเยอะเลยนะ”

                ลมหายใจถูกระบายออกมาเสียงดังเฮือกตอนที่ร่างสูงล้มฟบทับบนร่าง ฉันเกือบจะเคลิ้มตามจุมพิตของเฮียวีจริงๆนั่นแหละ แต่จะยอมให้เกิดเรื่องเกินเลยไม่ได้เด็ดขาด ฉวยโอกาสเบี่ยงเบนความสนใจก่อนฟาดสันมือลงตรงท้ายทอยของเขาเพื่อที่จะทำให้ร่างสูงนอนหลับสนิทไปจนถึงเช้า

                เอียงคอมองคนตัวโตที่ถูกผลักออกไปยังพื้นที่ว่างบนเตียง ฉันพลิกตัวนอนตะแคงเพื่อจะมองหน้าเฮียวีชัดๆ เอื้อมแขนไปหาเฮียวีพลางใช้นิ้วเกลี่ยผมที่ปรกหน้าของเขาออกให้ก่อนรีบดึงมือกลับมาเมื่อนึกได้ว่าคนที่นอนหลับปุ๋ยเพิ่งจะฉวยโอกาสกับตัวเองไป

                “คนที่ดื้อก็คือเฮียนั่นแหละ”






                ฉันเดินขึ้นไปส่งคุณอาเจียนอนกลางวันที่ชั้นสามของบ้านซึ่งเป็นพื้นที่ของเธอและคุณอาชาง ตอนที่เดินลงมาก็เพิ่งจะนึกได้ว่ายังไม่เคยแวะมาที่เธียเตอร์รูมที่ปีกขวาของชั้นสองเลยสักครั้ง สองเท้าชะงักกึก ที่กำลังเพลิดเพลินกับการวางโปรแกรมภาพยนตร์ไว้ในหัวสะดุดลงเมื่อเผลอสบตากับคนที่เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องทำงาน

                หลังจากจัดการให้เฮียวีฟุบหลับไป ฉันก็ยกห้องให้เขาเป็นเจ้าของหนึ่งคืน ส่วนตัวเองก็ย้ายไปนอนที่ห้องของคนตัวโต เหมือนกับแลกห้องกันนอนนั่นแหละ และพอตื่นเช้าขึ้นมา ฉันก็หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับสามีจอมปลอม ไม่รู้ว่าเขาจดจำเรื่องราวเมื่อคืนได้มากน้อยแค่ไหน ที่สำคัญที่สุดฉันไม่อยากรื้อฟื้นถึงมัน แม้ว่าบนริมฝีปากจะยังถูกเคลือบด้วยจุมพิตของเมื่อคืน และดูท่าจะไม่ยอมจางหายไปง่ายๆ

                รู้ตัวว่าเผลอแสดงท่าทีแปลกประหลาดออกมา สูดหายใจเข้าเฮือกสั้นๆก่อนยกยิ้มให้เฮียวีคล้ายกับทุกอย่างเป็นปกติดี ฉันมองเขาต่อแค่ครู่เดียวพลางค้อมหัวให้นิดหน่อย สองเท้าขยับถอยหลังเล็กน้อยก่อนจะเบี่ยงฝีเท้าเดินลงบันไดอย่างเร่งรีบ

                แต่ทุกอย่างเร็วกว่าจะวางใจ ฉันได้ยินเสียงก้าวเท้าจากทางด้านหลัง จังหวะถี่รัวคล้ายกับจะวิ่งตามซะจนต้องเร่งฝีเท้าเข้าแข่งบ้าง เฮียวีเข้าใกล้และไล่ต้อนฉันจนถึงสระว่ายน้ำ พอหมดทางหนีก็ต้องจำใจเผชิญหน้ากับร่างสูงที่เพิ่งจะขยับมาถึงตัว ระยะห่างแค่หนึ่งช่วงศอกทำฉันหายใจไม่ทั่วท้องมากเท่าไหร่

                “น้องหลบหน้าเฮีย” เขาเปิดประเด็นอย่างไม่รีรอ ใบหน้าคมคายบึ้งตึงแสดงความไม่ชอบใจเต็มเปี่ยม

                “ไม่นะคะ เราว่าเฮียคิดไปเองแล้วล่ะ” ปฏิเสธหน้าตายกลับไป ไหวไหล่ในประโยคที่สองก่อนขยับตัวหนีไปอีกทาง แต่ก็ช้ากว่าเฮียวีที่ถือวิสาสะคว้าแขนฉันไว้พลางดึงให้เซถลาเข้าไปหา รีบใช้มือดันกับแผ่นอกกว้างป้องกันไม่ให้เราใกล้ชิดกันไปมากกว่านี้

                “โกหก” เสียงทุ้มตอกกลับหลังจากเว้นช่วงทิ้งลมหายใจ ดวงตาคมกริบมองสบสายตาก่อนจะปรามาสด้วยถ้อยคำสั้นๆ “เด็กดื้อ”

                แย่ที่สุดเมื่อภาพเหตุการณ์เมื่อคืนย้อนกลับมาในหัวเพราะสรรพนามที่เฮียวีใช้เรียกแทนนั่น ฉันลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ฝืนทำหน้านิ่งทั้งที่แก้มร้อนวูบ จังหวะตรงอกซ้ายก็ดูจะแปลกไป แต่ทุกอย่างที่ว่ามานั่นไม่สำคัญเท่าว่าฉันจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้อย่างไร

                “แล้วทำไมเราถึงต้องโกหกล่ะ” ลองเสี่ยงตั้งคำถามกับเขา แม้ว่าจะรู้ดีว่าถ้าหากเฮียจดจำเรื่องเมื่อคืนได้ คำถามของฉันจะกลายเป็นช่องให้เขาโต้กลับมาได้มากก็ตาม

                “ถ้าน้องว่าแบบนั้น เฮียก็คง

                เฮียวีจงใจทิ้งท้ายน้ำเสียงให้ฉันจดจ่อกับสิ่งที่เขาจะพูด แต่กลับฉวยโอกาสประกบริมฝีปากลงมาแนบชิด ฟันคมขบลงตรงกลีบปากล่างจนต้องยอมปล่อยเรียวปากให้ลิ้นร้อนแทรกเข้ามา เขาเกี่ยวกระหวัดหยอกเย้าความอ่อนนุ่มในโพรงปากอย่างร้อนแรงและตักตวงเอาจากฉันไม่หยุดหย่อน

                มือหนาข้างหนึ่งกดท้ายทอยไว้ไม่ให้ฉันขยับหนี ท่อนแขนอีกข้างรับหน้าที่โอบรัดฉันไว้แน่นจนขยับตัวแทบไม่ได้ ส่งเสียงร้องอื้ออึงในลำคอตอนที่เฮียวีแกล้งกัดริมฝีปากจนรับรู้ถึงรสชาติเค็มปร่าจางๆของเลือด

                ฉันเกลียดที่สุดตอนที่เผลอรู้สึกดีกับสัมผัสของเฮียวี เขาช่ำชองและชวนให้เคลิบเคลิ้ม แกล้งขบเม้มด้วยแรงหนักและเบาสลับกันคล้ายต้องการหยอกล้อฉันด้วยจุมพิต ปลายลิ้นชื้นไล่เลียบนริมฝีปากเบาๆราวกับปลอบประโลมและไถ่โทษกับบาดแผลที่เขาทิ้งเอาไว้

                วินาทีที่เฮียวียอมผละออกไป ฉันก็รีบสูดหายใจกอบโกยเอาออกซิเจนเข้าปอด เม้มริมฝีปากที่เพิ่งถูกครอบครองแน่น ตวัดสายตาไม่พอใจมองคนตัวสูงที่เหยียดรอยยิ้มมุมปาก ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้ามาใกล้จนปลายจมูกของเราแทบชนกัน น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ถามอย่างเนิบนาบทำเอาฉันไม่รู้ว่าควรรู้สึกตกใจหรือเจ็บใจดี

                “เฮียยังจูบห่วยอยู่มั้ย” เฮียวีกระตุกยิ้มอีกหนกับปฏิกิริยาเข่นเขี้ยวของฉัน ดวงตาคมกริบที่ฉายแววเหนือกว่ามองจ้องเข้ามา เขายักคิ้วขึ้นทีหนึ่งพร้อมกับบอกด้วยโทนเสียงน่าหมั่นไส้ “สบประมาทเฮียทีหนึ่ง เฮียก็จะเอาคืนให้ใจเสีย”

                ไม่บ่อยหรอกที่ฉันอยากจะระบายความรู้สึกผ่านเสียงกรี๊ด แต่ว่าหนนี้เฮียวีทำเอาฉันอยากจะตะโกนเสียงแหลมสูงออกมาดังๆให้สาสมกับความรู้สึกที่มันจุกอยู่ตรงอก และโชคร้ายที่ฉันถอยหลังอีกก้าวโดยที่ลืมไปซะสนิทว่าด้านหลังเป็นสระว่ายน้ำ

                เสียงตู้มดังขึ้นในวินาทีถัดมา ฉันตกลงไปในสระน้ำเย็นเฉียบ พอก็ตะเกียกตะกายขึ้นมาได้ก็ไอโขลกใหญ่ รู้สึกแสบคอ แสบหูไปหมดเพราะตกลงมาแบบไม่ทันตั้งตัว ผมสีน้ำตาลเข้มแนบลู่ไปกับหัวไม่ต่างกับเสื้อยืดตัวใหญ่สีขาว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้ฉันหัวเสียยิ่งกว่าเดิม

                เฮียวีย่อตัวลงนั่งริมสระ ดึงมุมปากเป็นรูปโค้ง เขาเอียงหน้าแนบลงกับมือก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยียวน

                “โดนเฮียเอาคืนทีเดียว น้องถึงขั้นขาอ่อนเลยเหรอ”

                “เอาเราขี้นไปเลยนะ” ฉันบอกด้วยน้ำเสียงฉุนจัด ยากที่จะเก็บความฮึดฮัดใต้อารมณ์หงุดหงิดแบบนี้ ตีหน้างอเข้าไปอีกเมื่อเฮียวีหัวเราะร่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมยื่นมือช่วย และชั่ววูบนั่นความคิดร้ายๆก็ผุดขึ้นมาในหัว

                เอื้อมมือจับแขนเฮียวีทั้งสองข้าง ดึงให้เขาโน้มลงมาให้ปลายจมูกเราชนกัน ยกยิ้มหวานให้คนที่มองสบตาด้วย เขาดูจะอึ้งที่ฉันทำแบบนี้ แต่ก็วินาทีเดียวเท่านั้นแหละก่อนที่เฮียวีจะรู้ตัวว่าพลาดไปก้าวหนึ่ง

                ฉันหัวเราะเสียงดังตอนที่ดึงเฮียวีลงมาในสระได้ เสียงทุ้มตะโกนลั่นอย่างเหลืออด ตอนนี้เฮียวีมีสภาพเปียกปอนเหมือนลูกหมาไม่ต่างจากฉันสักนิด

                “เพ่ยอิง!

                ฉันไม่รอให้เฮียวีพูดอะไรต่อ สองมือวักน้ำขึ้นสาดคนตัวโตรัวๆไปหลายทีก่อนจะรีบดันตัวเองขึ้นไปด้านบน ยังไม่ได้สนใจตัวที่เปียกโชกแต่รีบหันกลับไปแลบลิ้นให้คนตัวโตที่ยังอยู่ในสระ ท้าทายเฮียวีอีกหนราวกับหลงลืมเรื่องร้ายกาจที่เพิ่งเกิดไป

                “คราวหน้าเราขอใจเสียมากกว่านี้อีกนะคะ”

     





                มื้อเย็นผ่านไปอย่างเรียบร้อย ฉันเป็นคนออกปากอาสาขอคุณอาเจียช่วยล้างจานทั้งหมด เหตุผลก็เพราะอยากจะหลบเลี่ยงลูกชายของเธออย่างเฮียวี ค่อยโล่งใจหน่อยตอนที่คู่แม่ลูกย้ายไปห้องนั่งเล่น ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีระหว่างรับหน้าที่แม่บ้าน ใช้เวลาเกือบสิบนาทีกว่าจะจัดการทุกอย่างเสร็จ แต่วินาทีที่หันหลังกลับก็พบว่าร่างสูงยืนอยู่ตรงข้าม

                “เฮียมีเรื่องจะคุยกับน้อง”

                “แต่เราไม่คุย” ฉันแย้งคนที่เข้ามาอย่างไร้สุ้มเสียงเสียงแข็งพร้อมกับหมุนตัวกะจะเดินหนีไปอีกทาง

                เขาคว้าแขนฉันเอาไว้รวดเร็ว เฮียวีไม่ได้ดึงให้หันกลับไปเผชิญหน้า แต่กลับขยับเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง บังคับทั้งสองแขนให้ไขว้กันอยู่ตรงหน้าท้องจนฉันหาทางต่อต้านไม่ได้ เฮียวีเกยคางลงบนไหล่โดยไม่สนใจเสียงร้องท้วงของฉัน ปลายจมูกโด่งซุกลงตรงซอกคอ แข้งขาอ่อนเมื่อได้ยินเสียงฟึดฟัดคล้ายสูดกลิ่น การกระทำที่ว่าพาลทำเอาขนอ่อนลุกเกรียวไปหมด

                “ปล่อยเราเดี๋ยวนี้ อย่าดมด้วย”

                “อ่อนไหวจัง” เสียงทุ้มพึมพำแผ่วเบาชิดใบหู ยอมผละออกแค่เล็กน้อยพร้อมกับบอกอย่างเอาแต่ใจ “คืนนี้เฮียจะนอนกับน้อง”

                “ไม่ได้นะ” ฉันโต้กลับทันควัน ลดเสียงลงในประโยคที่สองเพราะกลัวเรื่องที่เคยตกลงกันไว้จะเล็ดลอดออกไปถึงหูคนอื่น “เฮียออกปากว่าจะนอนแยกห้องกับเราตั้งแต่คืนแรก”

                ไม่ยอมให้เฮียวีกลับคำง่ายๆหรอก ประเด็นความเป็นส่วนตัวถูกปัดไปเป็นเหตุผลรอง แต่เป็นเพราะว่าภารกิจสุดท้ายในฐานะของฟล็อกซ์ทำให้ฉันไม่สามารถแชร์ห้องนอนกับเขาได้ ขืนถูกเฮียวีจับได้ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

                “เฮียเป็นChronic insomnia” เขาเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมา นั่นทำให้ฉันนึกย้อนไปถึงตอนที่เจอLorazepamในเพนท์เฮ้าส์ซึ่งเฮียวีน่าจะใช้รักษาอาการนอนไม่หลับเรื้อรังของตัวเอง เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบาๆก่อนที่เสียงทุ้มจะพูดต่อ “สามปีแล้วที่เฮียนอนไม่หลับ และทุกคืนก็ต้องกินยาเพื่อให้ข่มตานอนได้”

                “เฮียเกือบตายเพราะยานอนหลับ” เฮียวีพูดถึงเรื่องความเป็นความตายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งราวกับไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้น ในขณะที่ฟังคนอย่างฉันกลับตกใจมากกว่า เพราะถ้าเป็นอย่างที่เขาบอก อาการเฮียวีก็ดูน่าห่วงพอควร

                “แต่ว่าทุกครั้งที่เรานอนบนเตียงเดียวกัน” โทนเสียงนุ่มทุ้มบอกเนิบนาบ เว้นจังหวะไปครู่เดียวก่อนที่จะพูดต่อด้วยประโยคที่ทำให้ฉันใจเต้นแรง “กลิ่นวนิลลาบนตัวน้องทำให้เฮียนอนหลับ”

                “รเราไม่เชื่อเฮียหรอก” หลุดเสียงตะกุกตะกักตอบกลับไป ลมหายใจกระตุกไปเมื่อวงแขนแกร่งกระชับโอบรัดให้แนบแน่นขึ้น เรียวปากร้อนจัดเสียดสีกับใบหูก่อนที่เสียงทุ้มจะต่อรองด้วยโทนเสียงแหบพร่า

                “งั้นน้องก็ให้เฮียพิสูจน์สิ”





    ใครไม่กรี้ด gif เฬาว์โกดดดดดดด


    *เหล่ากง = คุณทวดผู้ชาย
    **FNIA = Federal international intelligence agency เป็นองค์กรที่เฬาว์ตั้งขึ้นมาเองนะคะ แปลแร้วก็จะประมาณว่า สำนักข่าวกรองระหว่างประเทศของรัดบาลกลาง แต่เดี๋ยวจะไปขยายอีกทีในเรื่องแร้วกันเนอะ
    *** Phlox = โค้ดเนมของน้องเพ่ย เป็นดอกไม้ชนิดหนึ่ง
    **** Jared, Dahlia, Lily = โค้ดเนมของคนในทีมของน้องเพ่ยค่ะ เป็นชื่อดอกไม้ทั้งหมดเรย ดอกกุหลาบ ดอกรักเร่ ดอกลิลลี่ เรียงตามนี้นะคะ ส่วนLilyกับเกว็นคือคนเดียวกันนะคะ เผื่อมีใครงง
    *****จากเนื้อหาตอนที่ 2 และ 4 ที่มีตัวอักษรไม่กี่คำ มันคือการคุยผ่านอักษรย่อนะคะ เป็นประโยคบ้างไม่เป็นประโยคบ้าง แต่เข้าใจด้วยคอมม่อนเซ้นค่ะ
    ตอนที่2     FM W C. PHLOX = Final mission will come. PHLOX (ภารกิจสุดท้ายใกล้มาถึงแล้วฟล็อกซ์)
                NED. = Noted (รับทราบ)
    ตอนที่ 4     FM TN! CN. JARED = Final mission tonight connect JARED (ภารกิจสุดท้ายคืนนี้ติดต่อจาเร็ด)
    ถ้ามีประโยคแบบนี้อีก เฬาว์จะมาแปลให้ข้างล่างนะคะ อ่านให้สนุก หวังว่าจะไม่ปวดหัวไปซะก่อง คิกค้ากกกก
    ******Chronic insomnia = โรคนอนไม่หลับเรื้อรัง
    หมายเหตุเยอะแยะ แต่อ่านเถอะ เฬาว์น่ะกัวทุกทั่นไม่เข้าจัย



    Let's talk with me

                เฬาว์ยังไม่ได้ตุยค่ะ แม้จะหายไปหลายวันมั่กๆ แค่อยู่ในช่วงพักเสยๆนะคะ เผื่อใครที่ยังไม่รู้ สามารถไปอ่านเพิ่มเติมที่ทวิตได้ค่ะ แต่ที่แอบกลับมาอัพวันนี้เนื่องในโอกาสพิเศษบังทันเดบิ้วครบ7ปีค่ะ คนอย่างเฮียวีไม่เคยจะหยุดรว้ายหรอกค่ะ เก่งนักนะเรื่องไล่ต้อนอ่ะ แต่น้องเพ่ยก็ยั่งเก่งนะ ยั่วโมโหค่ะ เฮียเขาไม่โกดหรอกที่เมียสับคอ แต่โกดที่เมียหยามว่าจูบห่วย ยอมไม่ได้เรยค่ะ ต้องเอาคืน!!! เมื่อคืนกะตอนบ่ายเฮียเขาได้จูจุ๊บๆ ส่วนคืนนี้เฮียก็จะนอนกับน้องค่ะ เอาเส่ เฬาว์จะรอดูว่าเฮียวีจะทยายไปหยุดความรว้ายที่เลเวลไหน!!! อาจจะดูซับซ้อนนะคะ แต่จีงๆแร้วแค่ปมเยอะ แต่บางเรื่องไม่ได้ซับซ้อนหรอกค่ะ ปมชั้นเดียวอะไรงี้อ่ะ อย่างเรื่องนอนไม่หลับนี่เฬาว์แอบใบ้สองรอบแร้วนะ แร้วก็ๆป่ดมอบความรักให้เฬาว์ผ่านการคอมเมนต์ด้วยนะคะ เลิ้ปๆ (โปรดติดแท็ก #ดื้อกับเฮียวี มาร่วมส่งเสริมหลัวมาเฟียด้วยกันนะคะ แอบรอกดหัวใจอยู่นะ อิสอิส)


    13/06/2020

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×