ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BTS X YOU] Fallin' all in you [END!] + มีebook

    ลำดับตอนที่ #6 : ♥ Fallin' 05 ♥

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 63





    Fallin’ 05

    Her secret!

    ความลับของน้องเพ่ย!

     


                เพิ่งจะรู้ว่าตัวเองพูดไม่เก่งก็ตอนที่ถูกเฮียวีย้อนมาแบบนั้น ฉันไม่รู้ว่าจะโต้กลับยังไงเลยได้แต่เงียบเสียง มื้อเที่ยงที่ค่อนข้างผิดเวลาดำเนินไปช้าๆหลังจากที่อาหารร้อนๆถูกฉันยกมาเสิร์ฟ คุณแชงก์เองก็จัดการกินอาหารที่ฉันเทไว้ให้ก่อนจะเดินนวยนาดหนีไปนอนหลับปุ๋ยบนโซฟา

                “ไม่กินกระเทียมเหรอคะ” ฉันถามตอนที่เห็นเฮียวีใช้ช้อนคอยเขี่ยกระเทียมไปกองตรงข้างๆจาน ดูท่าทางแล้วเขาไม่ใช่คนเลือกกินสักหน่อย

                “ม๊าบอกกินแล้วตัวแดง”

                อดไม่ได้ที่จะหลุดเสียงหัวเราะออกมากับถ้อยคำอธิบายเรื่องแสนน่ารักของเฮียวี พอมีคุณอาเจียมาเกี่ยวแล้ว เฮียวีก็ไม่ต่างอะไรจากลูกชายตัวเล็กๆเลย ถือวิสาสะดึงจานของคนตัวสูงออกมาก่อนจะจัดการตักกระเทียมที่ปนอยู่ในจานออกให้ ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก็ดันจานคืนให้อีกคนพร้อมกับบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

                “คราวหน้ากินอะไรไม่ได้ก็บอกเรานะคะ” น้ำเสียงท้ายประโยคแผ่วเบาลงดื้อๆเพราะตอนที่เงยหน้าขึ้นมาฉันพบว่าเฮียวีเป็นฝ่ายจ้องหน้ากันอยู่ก่อนแล้ว เม้มริมฝีปากลงเล็กน้อยก่อนจะถามลองเชิง “เรานอนค้างที่บ้านคืนนี้ได้มั้ยคะ”

                “งั้นเฮียมารับพรุ่งนี้เช้า” เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะให้คำตอบเป็นประโยคบอกเล่ากลับมา มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างอดไม่อยู่ก่อนที่เสียงทุ้มจะพูดขึ้นมาเบาๆโดยที่ฉันไม่เข้าใจความหมาย “แอปเปิ้ล”

                “หืม? อะไรนะคะ”

                “น้องยิ้ม” เจ้าของเสียงนุ่มทุ้มว่าพลางใช้ปลายนิ้วแตะลงเบาๆที่โหนกแก้มข้างซ้าย “แก้มแอปเปิ้ล”

                “เฮียใจดี เดี๋ยวเราแบ่งพานาคอตต้าให้นะ!

     





                เส้นผมสีน้ำตาลเข้มถูกมัดรวบเป็นหางม้า นัยน์ตาสีอ่อนธรรมชาติกลายเป็นสีถ่านด้วยคอนแท็กเลนส์ อาศัยเทคนิคการแต่งหน้าจนกลบความเป็นตะวันตกให้หายไปจนหมด สองเท้าขยับตรงไปในตรอกที่คับคั่งไปด้วยร้านหนังสือและร้านขายของเก่าก่อนจะหยุดเท้าลงตรงหน้าร้านรับซื้อของเก่า เงยหน้าอ่านป้ายที่แขวนไว้กะเทเร่

                J. JARED

                สั่นกระดิ่งทองเหลืองที่แขวนอยู่หน้าร้านด้วยจังหวะที่มีแค่ไม่กี่คนที่รู้ความหมาย ได้ยินเสียงฝีเท้าตรงมาจากทิศทางตรงกันข้ามก่อนที่เสียงของผู้ชายคนหนึ่งจะดังขึ้นผ่านช่องกระจกที่อยู่ตรงกลางบานประตู

                “Hola

                “Cuando Una Puerta Se Cierra” ฉันตอบกลับไปด้วยภาษาเดียวกัน ถอยหลังออกมาเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายโต้ตอบกลับมาก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก

                Otra Se Abre

                ร่างฉันย้ายเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวสูง มือหนาตบเป็นจังหวะช้าๆบนแผ่นหลัง กลิ่นอ่อนๆของน้ำหอมที่เป็นกลิ่นเดียวกับอีกชื่อของเขาทำให้หลุดหัวเราะเบาๆก่อนจะดันตัวออก เจ้าของดวงตาเรียวรีภายใต้กรอบแว่นเลนส์กลมฉีกรอยยิ้มจางๆพร้อมกับบอกด้วยโทนเสียงใจดี

                “ยินดีที่ได้เจออีกครั้งนะฟล็อกซ์”

                “เราก็เหมือนกันจาเร็ด”

                ทักทายกันได้ไม่แค่กี่คำก็ต้องรีบคุยเรื่องสำคัญของคืนนี้ก่อน ทุกอย่างถูกเล่าให้ฟังอย่างละเอียดทว่ารวบรัด ปลายนิ้วเรียวลากและชี้ลงบนแผนที่ของสถานที่ปฏิบัติงานพร้อมกับเสียงทุ้มจะกำชับเป็นหนสุดท้าย

                “เราจะไม่นอกแผนกันอีกเด็ดขาด จำไว้”

                ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉันก็ย้ายมาอยู่หน้าอาณาจักรคิมทาวน์ สองเท้าขยับไปตามเส้นทางที่เพื่อนร่วมงานให้มาตั้งแต่แรก ผ้าใบสีขาวเหยียบย่ำไปตามฟุตบาท ฉันเปลี่ยนมาสวมเสื้อยืดลูกฟูกสีขาวกับกางเกงยีนเอวสูงที่เป็นยูนิฟอร์มของคลับในโซนเอ ใช้ข้อนิ้วดันแว่นที่กองตรงปลายจมูกขึ้นไปพลางเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

                ดวงตาที่เหลือบมองข้างหน้าแสร้งหลบวูบ ชะลอฝีเท้าลงเมื่อปรากฏร่างสูงโปร่งของผู้ชายคนหนึ่งในกรอบสายตา ฉันค้อมศีรษะลงต่ำให้คนที่รออยู่ เม้มปากเล็กน้อยก่อนจะแนะนำตัวด้วยโทนเสียงแผ่วเบาและติดจะตะกุกตะกัก สื่อสารความไม่มั่นใจและหวาดกลัวสิ่งใหม่ผ่านทางน้ำเสียง

                “สวัสดีค่ะ เชรีค่ะ”

                “เกือบสายนะครับคุณ” เสียงทุ้มว่าคล้ายกับตำหนิ หนำซ้ำยังกดน้ำเสียงให้ต่ำลงในประโยคที่สอง “ครั้งหน้าหวังว่าจะไม่มีอีก”

                “ได้ทีละข่มใหญ่เชียวนะ” ฉันโต้กลับทันควัน ขยับยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าน้องเล็กสุดดูโตขึ้นมากโขหลังจากที่เจอกันครั้งล่าสุด

                “ที่นี่ผมเป็นผู้จัดการครับ” เขาโต้กลับมา ร่างสูงโน้มลงมาก่อนจะกระซิบให้พอได้ยินกันสองคน แต่ความเหนือกว่าแฝงอยู่ในน้ำเสียงเต็มเปี่ยม “คุณฟล็อกซ์ใช้ความเป็นพี่กับผมไม่ได้หรอกนะ”

                ผ้ากันเปื้อนสีดำถูกยื่นมาให้ก่อนที่ Dahlia จะเดินนำเข้าไปจากทางหลังร้าน พื้นที่ทั้งหมดถูกจาเร็ดอธิบายมาคร่าวๆแล้วถึงคราวต้องเก็บรายละเอียดโดยคนที่คุ้นชินกับพื้นที่จริง คลับในโซนเอเป็นส่วนหนึ่งของคิมทาวน์ พื้นที่เกินห้าสิบไร่ถูกจัดสรรออกเป็นห้าโซน เรียกชื่อตามตัวอัลฟาเบทในภาษาอังกฤษ

                ส่วนที่ฉันทำงานอยู่คือคลับชื่อดังซึ่งตั้งอยู่ในโซนเอที่อยู่ใกล้ที่สุดจากทุกโซน รองรับลูกค้าได้จำนวนมาก ทั้งยังมีกิจกรรมเอนเตอร์เทนที่มีหลากหลายรูปแบบจนกลายเป็นคลับอันดับต้นๆของประเทศ

                ใช้เวลาเกือบยี่สิบนาที เราทั้งคู่ก็เดินมาหยุดบนชั้นสองโซนวีไอพีของคลับ จากจุดนี้สามารถมองเห็นพื้นที่ด้านล่างได้อย่างชัดเจน เวทีวงกลมถูกตั้งเอาไว้ตรงพื้นที่ส่วนกลางของชั้นล่าง บาร์เครื่องดื่มจัดเอาไว้แต่ละมุมทั้งชั้นล่างและชั้นบนเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ใช้สายตาจับจ้องไปยังบาร์เทนเดอร์คนหนึ่งที่เขากำลังบรรจงเช็ดแก้วอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ความสนใจจะถูกหันเหด้วยเสียงของดาเลีย

                “กดหนึ่งครั้งเพื่อบันทึกเสียง กดสองครั้งจะบันทึกวีดิโอ” เขาบอกหลังจากที่ยื่นปากกาด้ามหนึ่งมาให้ ฉันจัดการเหน็บมันลงกับขอบผ้ากันเปื้อนก่อนเงยหน้ามองเด็กตัวโตอีกครั้ง “เพื่อเธอนะพี่ฟล็อกซ์”

                “อืม จะไม่ทำให้ชีวิตของLilyเสียเปล่า”

     



                ช่วงเวลาสามทุ่มเป็นช่วงที่พีคที่สุดของคลับ ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาจับจองโต๊ะอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงเพลงบีสต์หนักๆที่ดังกระหึ่มไปทั่ว ฉันแทบไม่ได้หยุดพักเมื่อต้องโฉบไปโต๊ะนั้นโต๊ะนี้เพื่อรับและเสิร์ฟออเดอร์ ในส่วนที่ฉันรับผิดชอบมีพนักงานเสิร์ฟอีกสามคนที่เพิ่งทักทายกันไปก่อนเริ่มงาน ฉีกยิ้มน้อยให้ลูกค้าที่สนใจฉันบ้างไม่สนใจฉันบ้าง แต่ว่าการได้รับรอยยิ้มตอบกลับมาไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ ใครบางคนต่างหากที่เป็นเป้าหมายของฉัน

                “DAIQUIRI MOJITO อย่างละสองค่ะ” ฉันแจงออเดอร์ที่เพิ่งรับมากับบาร์เทนเดอร์ตายิ้มที่ประจำตำแหน่งที่บาร์เครื่องดื่มโซนที่ฉันรับผิดชอบ ใช้เวลาระหว่างรอนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อพักขาสักหน่อย ผ่อนลมหายใจได้ครู่เดียว คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามก็ชวนฉันคุยอย่างอัธยาศัยดี

                “เพิ่งมาทำงานใหม่เหรอ”

                “ค่ะ พาร์ทไทม์น่ะค่ะ” ฉันตอบกลับไปพลางหลุบสายตามองมือหนาที่หยิบจับอุปกรณ์อย่างคล่องแคล่ว พอเห็นเขาพยักพเยิดหน้าให้ก็เลยแนะนำตัวต่อด้วยข้อมูลปลอมๆ “เราชื่อเชรีค่ะ เรียนอยู่ปีสอง มหาวิทยาลัยS

                “ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ท้ายประโยคแนะนำตัวของเขาถูกแทรกด้วยเสียงทุ้มของใครอีกคนที่ตะโกนผ่านเสียงรบกวนรอบตัวเข้ามา

                “พอมีใครว่างมั้ยวะ แค่คนเดียวก็ได้ ที่นู่นคนขาด” เขาพูดต่อทันทีที่ก้าวมาถึงตัวคุณบาร์เทนเดอร์ ก่อนที่จะเลื่อนสายตามาที่ฉัน สบตากันแค่เดี๋ยวเดียวเขาก็ตัดสินใจเอง “น้องน่ะ ไปกับพี่”

                “ตแต่ว่าเราทำแค่พาร์ทไทม์นะคะ จะไม่ถูกว่าเหรอคะ”

                “ไม่หรอก เดี๋ยวคุยให้” ผู้ชายคนนั้นปฏิเสธทันควันก่อนจะออกปากเร่งเร้าจนสุดท้ายฉันก็ต้องยอมตามเขาไปจนได้ “รีบไปเถอะ พี่ยังไม่อยากให้ระเบิดลงที่โซนบี”

     



                ตึกสูงสไตล์ยุโรปสีขาวอิฐเป็นที่ตั้งศูนย์กลางของโซนบีหรือส่วนของคาสิโนชื่อดัง พื้นที่รอบข้างถูกดูแลและจัดแต่งอย่างดี ซึ่งระหว่างทางมาฉันถูกเทรนงานอย่างคร่าวๆโดยคนที่ลากฉันออกมาจากโซนเอ อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้เหมือนกันเมื่อเดินลอดผ่านซุ้มที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ลานน้ำพุก่อนถึงตึกสูงบวกกับสปอร์ตไลท์ที่ส่งไปยังรูปปั้นหญิงสาวตรงกลางน้ำพุหินอ่อนยิ่งทำให้ที่นี่สวยงามจนดูไม่เหมือนคาสิโนเลยสักนิด

                ฉันเดินลัดเลาะไปยังสวนด้านหลังที่เป็นประตูเข้าออกสำหรับพนักงาน คนที่เดินนำหน้าบอกไว้ว่าคาสิโนแห่งนี้จะแบ่งระดับลูกค้าในแต่ละชั้น ยิ่งชั้นสูงก็จะยิ่งมีฐานะและเม็ดเงินหนา ชั้นถัดลงมาก็จะลดหลั่นตามฐานรายได้จนไปถึงลูกค้าชั้นใต้ดินที่มักจะก่อปัญหาอยู่เป็นประจำ อีกอย่างยูนิฟอร์มของพนักงานในโซนบียังดูเป็นทางการกว่าที่คลับ บ่งบอกได้อย่างหนึ่งว่าคนคุมที่นี่เฮี้ยบไม่น้อย

                ใช่ ฉันหมายถึงเฮียวีนั่นแหละ

                โชคไม่เข้าข้างนักฉันถึงได้จับพลัดจับผลูถูกดึงตัวมาช่วยงานในสถานที่ที่อยากหลีกเลี่ยง แต่ในเมื่อปฏิเสธไม่ได้ ทักษะการแสดงก็คงต้องถูกหยิบยกออกมาใช้เพื่อเอาตัวรอด

                ฉันถูกส่งตัวขึ้นมาทำงานที่ชั้นสาม บรรยากาศถือว่าสงบกว่าในคลับหลายเท่าตัว แต่ถึงอย่างนั้นงานกลับหนักยิ่งกว่า ทั้งชั้นมีพนักงานเสิร์ฟแค่สองคน เราทุกคนจึงเดินขวักไขว่ไปมาไม่หยุดหย่อน กระทั่งนาฬิกาโบราณที่ตั้งอยู่บนผนังตีบอกเวลาห้าทุ่ม ฉันถึงได้ทิ้งตัวนั่งลงหน้าบาร์พร้อมเพื่อนร่วมงานอีกสองคนที่นั่งบนเก้าอี้ตัวถัดออกไป ส่งยิ้มให้กับบาร์เทนเดอร์ที่ประจำการอยู่ แต่ยังไม่ทันกล่าวทักทายอีกฝ่าย เสียงทุ้มของคนที่กำลังเดินเข้ามาก็ดังขึ้น

                “DRY MARTINI หนึ่งที่”

                ดีเนอะ ไม่เจอเฮียวี แต่ดันเจอไป๋ไป๋!!!

                ฉันทำตัวเป็นปกติ ไม่ได้แสดงท่าทีร้อนรนอะไร ใช้มือซ้ายแสร้งดันแว่นให้กลับเข้าที่ และฉันไม่ได้คิดสักนิดว่าไป๋จะอัธยาศัยดีจนเป็นฝ่ายชวนฉันคุยก่อน

                “มาจากโซนเอเหรอ”

                “ค่ะ ผู้จัดการบอกว่าขาดพนักงานเสิร์ฟเลยให้เรามาช่วย” จำเป็นต้องหันกลับไปเผชิญหน้ากับเขาจนได้ ฉันตอบกลับไปหลังจากที่ปรับน้ำเสียงและบุคลิกภาพให้ดูเหมือนคนขี้กลัวและไม่มั่นใจ โล่งใจไปเปราะหนึ่งเมื่อไป๋ไม่ได้แสดงท่าทีคุ้นชินกับฉัน เขาล้วงหยิบธนบัตรในสูทก่อนจะยื่นให้จนต้องรีบปฏิเสธ “มันเยอะเกินไป เราไม่รับดีกว่าค่ะ”

                “เก็บไว้เถอะ เป็นเรื่องปกติถ้าคนโซนอื่นเข้ามาช่วยงาน” ไป๋ว่าพลางยัดธนบัตรหลายใบนั้นลงในมือฉัน เขามองฉันพร้อมกับสำทับอีกหน “นายน้อยกำชับไว้แล้ว”

                ฉันหมดข้อโต้แย้งและเงียบเสียงลง ไป๋เองก็หันไปให้ความสนใจกับเครื่องดื่มที่เพิ่งได้รับ เขาเขย่าแก้วเล็กน้อยก่อนจะยกเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ขึ้นดื่ม แต่ยังไม่ทันจะได้จิบ เสียงร้องโวยวายจากทางด้านหลังก็เรียกร้องความสนใจของพวกเราทุกคนไป

                “โกง!!! พวกมึงโกงกู”

                “ทางเราไม่ได้ทำอย่างนั้นนะครับคุณลูกค้า” พนักงานประจำเทเบิ้ลเกมส์พยายามอธิบายอย่างใจเย็น เขายังยกยิ้มได้พร้อมทั้งใช้ถ้อยคำสุภาพคุยกับอีกคน “เชิญคุณลูกค้าพักผ่อนในส่วนเลาจน์ของทางเราก่อนดีกว่านะครับ”

                “ไม่ กูจะเอาเงินกูคืน!!!

                เหตุการณ์ที่ว่าทำให้ผู้คนรอบข้างชะงักทันที ชายร่างอวบคนนั้นเริ่มฟาดงวงฟาดงาไปทั่ว มือหนาทำท่าจะคว่ำโต๊ะคาบาร่าที่อยู่ใกล้ๆลงก่อนจะกลายเป็นเสียงร้องโอดครวญ แค่พริบตาเดียวแก้วเครื่องดื่มในมือไป๋ก็ถูกขว้างเข้าตรงท้ายทอยของลูกค้าที่มีปัญหาคนนั้นเข้าอย่างจัง เศษแก้วที่แตกออกบาดลำคอหนาจนเห็นเลือดซึม

                ระหว่างโปและไป๋ พวกเขาเป็นฝาแฝดที่เหมือนกันแค่รูปร่างหน้าตา ไป๋ร่าเริงและยิ้มง่าย ในขณะที่โปจะเงียบขรึมกว่า แต่ว่าตอนนี้ดูไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิดเลย จากที่ไป๋ขว้างแก้วค็อกเทลใส่ลูกค้าจอมโวยวายคนนั้น ฉันว่าเขาไม่ได้ใจดีนักหรอก

                “คุณลูกค้าไม่มีสิทธิ์ทำลายข้าวของในคาสิโนนะครับ รวมถึงพนักงานของเราด้วย” ไป๋พูดด้วยโทนเสียงอ่อนนุ่ม ซ้ำยังส่งยิ้มให้ชายคนนั้นทั้งที่เพิ่งจะปาแก้วใส่เขาไปหยกๆ

                “คุณตกใจเหรอ”

                “คค่ะ” ฉันแกล้งสะดุ้งนิดหน่อยแล้วหันกลับไปหาบาร์เทนเดอร์ที่เท้าศอกลงกับบาร์พลางเกยคางลงบนมือ เขามองภาพตรงหน้าแบบไม่ยินดียินร้ายราวกับเป็นเรื่องธรรมดาที่เห็นอยู่ทุกวันจนชินตา

                “ที่นี่มีอะไรแบบนี้ทุกวัน ยิ่งชั้นใต้ดินน่ะ” เขาตอบมาคล้ายอ่านใจฉันออก ไหวไหล่เล็กน้อยหลังจากทิ้งท้ายคำพูดถึงชั้นใต้ดินเหมือนให้ฉันปะติดปะต่อเอง “เรียกฉันว่าควินน์ก็แล้วกัน”

     





                คืนแรกผ่านไปอย่างหนักหน่วง งานเด็กเสิร์ฟดูดพลังของฉันอย่างถึงที่สุด พอกลับมาถึงบ้านฉันก็รีบจัดการทำธุระส่วนตัวก่อนจะล้มตัวลงบนเตียงและใช้เวลาไม่ถึงนาทีจมลงสู่ห้วงนิทรา อาจจะยังโชคดีที่ภายใต้ชื่อเชรีเด็กมหาลัยปีสองทำงานพาร์ทไทม์ที่คลับแค่วันอังคาร พฤหัสและศุกร์เท่านั้น

                “อื้อ~” ส่งเสียงฮึมฮัมเมื่อรับรู้ถึงแสงจ้าจากหลอดไฟ ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้ ฉันดึงผ้าห่มมาคลุมจนมิดหัวก่อนจะต่อรองด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “น้องขออีกห้านาทีนะ”

                ไม่ได้ออกปากว่าอะไรเมื่อฟูกข้างตัวยวบลงไปตามน้ำหนักของคนที่เพิ่งจะทิ้งตัวนั่งลงมา ฉันผ่อนลมหายใจช้าๆในขณะที่ปลายนิ้วอุ่นแตะลงมาก่อนลูบเบาๆบนพลาสเตอร์ที่ปิดแผลบนนิ้วเรียว ฉันได้แผลจากตอนเก็บกวาดเศษแก้วที่ไป๋ขว้างใส่ผู้ชายคนนั้นนั่นแหละ

                สัมผัสจากปลายนิ้วมือทำให้แอบขยับยิ้มเล็กน้อย พ่อไม่ได้ใจร้ายเหมือนแอนน์ที่คอยจ้องจะปลุกฉันให้ตื่นทั้งที่นาฬิกาปลุกยังไม่ทันดังด้วยซ้ำ

                “ครบห้านาทีแล้ว”

                “เฮียวี!” ฉันตะโกนเสียงดัง จากที่สะลึมสะลืออยู่ก็ตื่นเต็มตาเมื่อเสียงของเฮียวีดังอยู่ใกล้ๆ มือข้างที่เป็นอิสระดึงผ้าห่มลงให้คลุมครึ่งล่างใบหน้าเอาไว้ กะพริบตาถี่รัวยังไงร่างสูงก็ไม่ได้หายไป ตอกย้ำให้รู้ว่าเขานั่งอยู่ใกล้ฉันจริงๆ กลืนความตกใจลงไปก่อนจะถามอย่างไม่เข้าใจ “เฮียมาได้ไงคะ”

                “ตกใจทำไม ก็เฮียบอกแล้วว่าจะมารับ”

                “ก็เราไม่คิดว่าจะเฮียจะมาอยู่ในห้องเราไง” เถียงคนตัวโตกลับไปด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม ถึงจะไม่ได้คิดอะไรกับเฮียวี แต่สภาพตอนตื่นกับทรงผมยุ่งเหยิง ฉันก็ไม่อยากให้ใครได้เห็นอยู่ดี

                “ก็ม๊าแอนน์บอกให้ขึ้นมาปลุกน้อง”

                แอบเบะปากใต้ผ้าห่มเล็กน้อยก่อนที่จะค่อยๆพยักหน้ารับ มองสบกับนัยน์ตาสีเข้มอยู่วูบหนึ่งพร้อมรู้สึกถึงไออุ่นจากฝ่ามือหนาที่กอบกุมมือข้างขวาของตัวเองเอาไว้ เผลอกลั้นลมหายใจดื้อๆก่อนจะทำทีเป็นพูดทั้งที่ความจริงแล้วฉันพยายามจะบิดมือออกจากมือเฮียวี

                “เราตื่นแล้วค่ะ ขอเราทำธุระก่อนเดี๋ยวจะตามลงไปข้างล่างนะคะ”

                “อืม ว่าแต่” เฮียวีตอบรับก่อนลากเสียงยาวที่คำสุดท้าย ฝ่ามือหนายังยึดมือฉันไว้ที่เดิม ฝ่ามือฉันถูกพลิกอย่างแผ่วเบาก่อนที่เสียงนุ่มทุ้มจะถามขึ้นเป็นหนที่สอง “น้องไปโดนอะไรมา”

                “เราซุ่มซ่ามเองค่ะ โดนมีดบาดตอนทำมื้อเย็นน่ะ” ฉันโป้ปดออกไปหน้าตาย หนำซ้ำยังฉีกยิ้มแหยๆคล้ายกับนึกสงสารตัวเอง “แย่จังเลยเนอะ”

     





                ดูเหมือนการขาดงานเมื่อวานจะทำให้เหล่าเด็กน้อยคิดถึงฉันไม่น้อยเลย ฉันถึงถูกรุมล้อมด้วยพวกเด็กๆตั้งแต่เช้า แต่ถึงอย่างนั้นก็สนุกดีเหมือนกัน ในช่วงวิชาภาษาอังกฤษวันนี้ฉันแจกการ์ดคำศัพท์เกี่ยวกับอาชีพให้กับเด็กๆแต่ละคน ผลัดกันให้เจ้าตัวแสบอ่านการ์ดให้มือเพื่อจดจำคำศัพท์ก่อนจะลงเอยด้วยการวาดรูปอาชีพในฝันของแต่ละคน

                ฉันเดินไล่ดูความเรียบร้อยของแต่ละโต๊ะ ออกปากชมเชยให้เด็กน้อยมีกำลังใจก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะตัวสุดท้าย มีจีมินและแทฮยองนั่งอยู่ด้วยกันกับเพื่อนผู้ชายอีกสองคน

                “จมิงวาดสวยมั้ยครูเพ่ย” มือป้อมรีบยื่นกระดาษที่เต็มไปด้วยลายเส้นระบายสีมาให้ฉันดู เขายกยิ้มจนเห็นแก้มกลมเป็นก้อนๆที่นึกเอ็นดูจนอยากหยิกให้หายมันเขี้ยว

                “สวยครับ” ฉันบอกหลังจากที่ก้มมองรูปวาดบนกระดาษ ขยับมือลูบหัวกลมพลางออกปากชมอีกครั้ง “จีมินเป็นจิตรกร ต้องเท่มากแน่ๆเลย”

                “ดูของแทบ้างสิเพ่ย”

                ไม่พูดเปล่า แทฮยองยังเบียดตัวขึ้นมานั่งบนตักของฉันอย่างเอาแต่ใจ ตลกดีเหมือนกันที่เขาอ้อนฉัน ทั้งที่วันแรกเจ้าเด็กแฝดทำเมินฉันอย่างไม่ไยดีอยู่เลย พอฉันไม่ดูรูปของเขาแทฮยองก็ใช้หัวกลมๆดุนคางเรียกร้องความสนใจ มือป้อมชูกระดาษขึ้นๆลงๆราวกับบอกให้ฉันชมเชยเขาบ้าง

                “อืม สวยเหมือนกันครับ ต้องเท่ไม่แพ้จีมินแน่ๆ”

                “เพ่ยไปไหน ทำไมเมื่อวานไม่มา” พอได้รับคำชมแทฮยองก็ยิ้มแก้มปริ เขาซบลงบนไหล่ฉันของพลางออกปากถามเรื่องใหม่ หนำซ้ำฝาแฝดคนพี่ก็ปีนขึ้นมาเบียดบนตักของฉันอีกจนต้องใช้แขนทั้งสองข้างโอบเจ้าแฝดทั้งสองคนเอาไว้

                “ครูตื่นสายครับ ซึ่งไม่ดีเลยนะ ห้ามทำตาม” ฉันว่าพลางทำหน้าตาจริงจังไปด้วยก่อนที่จีมินจะจิ้มแขนฉันเบาๆแล้วตั้งคำถามอย่างน่ารัก

                “แล้วครูเพ่ยล่ะ โตขึ้นอยากเป็นอะไร”

                “ครูเหรอครับ” ทวนคำถามเสียงเบาพลางมองจีมินทีแทฮยองที ดวงตาสองคู่ที่จ้องมองฉันเป็นประกายด้วยความอยากรู้จนสุดท้ายก็ต้องตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ “อยากเป็นสายลับครับ”




                เพราะว่ามีประชุมระดับชั้นตอนบ่ายโมงครึ่ง จึงให้ครูผู้ช่วยรับหน้าที่ดูแลเด็กๆในช่วงนอนกลางวันแทน แวะหยิบของบนโต๊ะในห้องพักครูที่นานๆจะเข้ามาทีหนึ่งก่อนจะย้ายเข้าไปในห้องประชุมใหญ่ของอาคารเรียนอนุบาล

                ฉีกยิ้มน้อยๆตามมารยาทให้คนที่อยู่ในห้องก่อนหน้า ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเกือบสุดท้ายของโต๊ะประชุม ตามจริงแล้วนอกจากครูผู้ช่วยแล้วฉันก็ไม่มีเพื่อนสนิทในที่ทำงานเลย นั่นก็เพราะรุ่นพี่สาวที่จ้องเขม็งอยู่ตรงหัวโต๊ะนั่นแหละ

                อย่างที่บอกว่ารุ่นพี่ซังอาไม่ชอบฉัน เพื่อนฝูงที่มีเยอะแยะของเธอก็พาลไม่ชอบหน้าฉันไปด้วย แต่ใช่ว่าฉันจำเป็นต้องแคร์เรื่องนั้น ก็แค่เรื่องกลั่นแกล้งทางสังคมการทำงานที่ฉันไม่ได้ให้ความสนใจเลยสักนิด

                ไม่กี่นาทีต่อจากนั้นครูคนอื่นๆก็ทยอยเข้ามาก่อนที่การประชุมจะเริ่มขึ้น เนื้อหาคร่าวๆเป็นกฎระเบียบใหม่ที่โรงเรียนแจ้งเพิ่มเติม กำหนดการต่างๆตลอดปีการศึกษาและรายละเอียดกับการทัศนศึกษาประจำเดือน ใช้เวลาไม่นานการประชุมก็จบลง ฉันเก็บเอกสารที่ได้รับมาลงในแฟ้มงาน เตรียมจะเดินออกไปอยู่แล้วเชียว ถ้าหากเสียงของคู่ปรับอันดับหนึ่งไม่ดังขัดจังหวะซะก่อน

                “รีบจังเลยนะคะน้องเพ่ย” เสียงหวานแสบหูทักทายก่อนจะแดกดันเหมือนอย่างประจำ “แหม ขยันชดเชยที่เมื่อวานขาดงานเหรอคะ”

                “คงจะอย่างนั้นแหละค่ะ”

                “เดี๋ยวก่อนสิคะ พี่ขอวานน้องเพ่ยหน่อยได้หรือเปล่า” อุตส่าห์ตัดบทแล้วเธอก็ยังรั้งฉันไว้อยู่ดี ร่างบางขยับเข้ามาหาพร้อมกับเพื่อนๆของเธออีกสามคน ริมฝีปากเคลือบลิปสติกเหยียดยิ้มหวานก่อนจะจีบปากจีบคอพูด “พอดีเพื่อนๆกับพี่เห็นร้านกาแฟเปิดใหม่ตรงหน้าโรงเรียนน่ะค่ะ น้องเพ่ยช่วยออกไปซื้อให้พวกพี่หน่อยได้หรือเปล่า”

                “คือว่า

                “ถือว่าช่วยกันนะคะ หรือจะคิดว่ารุ่นพี่สั่งก็ได้ค่ะ”

                จะปฏิเสธก็ไม่ได้ในเมื่อเธอใช้สถานะทางสังคมการทำงานกดดัน ทั้งยังยัดบัตรเครดิตและกระดาษที่เขียนเมนูเครื่องดื่มกับขนมหวานใส่มือฉันคล้ายกับตัดบททางอ้อม ทางที่สุดฉันก็ทำแค่ยิ้มรับก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป

                โชคดีเหมือนกันนะรุ่นพี่ซังอาน่ะ เพราะถ้าเป็นฉันเมื่อก่อน แม้แต่จะพูดให้จบประโยค เธอก็คงจะไม่มีสิทธิ์

                อาศัยความร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ที่ทางโรงเรียนปลูกตลอดทางไปตามทางเดินที่ทอดยาวไปจนถึงหน้าประตูโรงเรียน ร้านกาแฟที่ว่าเหมือนเพิ่งเปิดทำการได้ไม่ถึงสัปดาห์ เห็นร้านสไตล์ทิวดอร์กึ่งกรีนเฮ้าส์ที่มีสนามหญ้าและต้นไม้ในส่วนที่นั่งเอ้าท์ดอร์แบบผ่านๆตาระหว่างตอนเช้าที่มาทำงาน แต่ยังไม่ไม่มีโอกาสแวะเวียนเข้าไปอุดหนุนสักที

                เสียงกระดิ่งดังขึ้นเบาๆตอนที่ผลักประตูกระจกกรอบไม้เข้าไป ในร้านไร้ทั้งลูกค้าและพนักงาน มีเพียงแต่เสียงเพลงสากลเปิดคลอสร้างบรรยากาศเบาๆ ฉันชะเง้อคอมองหาคนในร้านก่อนจะลองส่งเสียงเรียกตอนที่ได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากทางหลังเคาน์เตอร์

                “ขอโทษนะคะ มีใครอยู่มั้ยคะ”

                “ครับ!” เสียงทุ้มดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะลุกพรวดขึ้น เขาค้อมศีรษะให้พร้อมกับกล่าวต้อนรับ แต่กลับชะงักไปดื้อๆเมื่อเห็นหน้าฉันชัดเจนก่อนสรรพนามที่เขาใช้เรียกฉันมาตลอดจะถูกตะโกนออกมาเสียงดังลั่น “ยินดีต้อนรับลูกพี่!!!

                “คุณเป็นบาริสต้าเหรอ” ฉันถามยิ้มๆพร้อมขยับเท้าไปยืนตรงข้ามเขา ส่วนคนตัวสูงก็ส่ายหน้าเบาๆก่อนจะให้คำตอบที่ฉันคาดไม่ถึง

                “เปล่าครับ เป็นเจ้าของร้านต่างหาก”

                “เราดีใจนะที่เห็นคุณเป็นแบบนี้” บอกออกไปหลังจากที่เงียบไปสักพัก ลมหายใจถูกผ่อนออกมาเบาๆก่อนจะบอกต่อเสียงค่อย “เมื่อก่อนเราไม่ได้เรื่องเลย”

                “ลูกพี่ดีที่สุดแล้ว ถ้าไม่มีลูกพี่ ผมคงเป็นอันธพาลขู่รูดเงินเด็กมัธยมอยู่ที่ไหนสักที่แน่ๆ” เขาตอบมาอย่างติดตลก ฉีกยิ้มให้นิดหน่อยแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “ว่าแต่คุณลูกค้าจะรับดีอะไรครับ”

                ฉันให้คำตอบด้วยการยื่นกระดาษให้คนตรงข้าม ดวงตาคมกริบกวาดมองมันครู่เดียวก่อนพยักหน้ารับ เขาบอกให้ฉันนั่งรอเพราะต้องใช้เวลาสักพัก แต่เป็นฉันที่ดึงดันจะยืนคุยกับเขาให้ได้ เลื่อนสายตามองตามมือที่หนาที่กำลังตวงวัดนมสดก่อนจะเทลงในแก้ว เว้นช่วงสูดหายใจเข้าแล้วเอ่ยถาม

                “แล้วคุณได้ติดต่อกับคนอื่นๆอยู่หรือเปล่า พวกเขาเป็นไงบ้าง เพราะตั้งแต่เราไป เราก็ติดต่อใครไม่ได้อีกเลย”

                “ก็มีทั้งดีไม่ดีนั่นแหละลูกพี่ แต่ทำไงได้เพราะมันเลือกเอง” เขาตอบคล้ายไม่อยากใส่ใจ เพราะงั้นฉันเองก็จะไม่เซ้าซี้ต่อ “แล้วตอนเห็นผมในร้านทำไมตกใจล่ะ ให้นามบัตรไปแล้ว แต่ลูกพี่ไม่สนใจเหรอ”

                “เรายังไม่ได้อ่านน่ะ ขอโทษนะ” ฉันบอกไปตามความจริง เพราะนามบัตรใบนั้นถูกเก็บลงในกระเป๋าตังค์และฉันยังไม่มีโอกาสหยิบออกมาอ่าน

                ร่างสูงเบ้ปากให้อย่างแกล้งๆนิดหน่อยจะก้มหน้าก้มตาทำเมนูต่อ เราผลัดกันถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเพราะครั้งแรกที่พบกันเวลาไม่เอื้ออำนวย ใช้เวลาไม่นานนักก็ได้เครื่องดื่มครบทุกแก้วพร้อมกับขนมอีกสามชิ้น

                “เยอะขนาดนี้จะถือไปไงไหว เดี๋ยวผมเดินเข้าไปส่ง”

                “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวไม่มีคนเฝ้าร้าน” ฉันปฏิเสธพลางส่ายหน้า แต่ว่าอีกคนก็ไม่ฟัง เขาถอดผ้ากันเปื้อนออกก่อนจะผลักออกมา มือหนาฉวยแก้วกาแฟไปถือไว้เองหมดก่อนจะพยักพเยิดหน้าให้ฉันเดินออกไป

                ได้แต่ถอนหายใจกับความดื้อดึงที่ดูจะไม่เปลี่ยนแปลงของเขา ฉันเป็นฝ่ายหมุนป้ายปิดทำการและล็อกร้านให้เขาชั่วคราวก่อนจะเร่งฝีเท้าให้ทันคนตัวสูง ริมฝีปากหยักลึกขยับไม่หยุดอย่างชวนฉันคุยนั่นนี่ ทั้งยังตอกย้ำไม่เลิกว่าอาชีพครูอนุบาลไม่ได้ดูเข้ากับฉันสักนิด

                “จะว่าไปแล้วไม่แปลกใจดีกว่า เมื่อก่อนลูกพี่ก็มีลูกน้องตั้งหลายคนนี่ ดื้อกว่าเด็กอนุบาลด้วยซ้ำมั้ง”

                “แต่คุณน่ะดื้อเบอร์หนึ่งเลย” ฉันตอกกลับไปจนได้เสียงหัวเราะของคนตัวโตตอบกลับมา เขายิ้มจนตาหยีก่อนที่ทุกอย่างจะสะดุดลงด้วยเจ้าของน้ำเสียงที่ฉันนึกรำคาญมาเสมอ

                “แค่วานไปซื้อกาแฟให้ถึงกลับต้องหว่านเสน่ห์ให้พนักงานเดินมาด้วยเลยเหรอคะน้องเพ่ย” รุ่นพี่ซังอาว่าพลางมองเหยียดทั้งฉันและคนข้างๆ แสร้งยกมือขึ้นปิดปากพร้อมถามไถ่อย่างคล้ายเป็นห่วง “ถ้าสามีน้องเพ่ยรู้ขึ้นมาจะว่าไงบ้างคะเนี่ย”

                “ได้ของแล้วก็ไปสิครับ จะยืนกระแนะกระแหนคนอื่นอีกนานมั้ย” เสียงนุ่มทุ้มแทรกทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ ดวงตาที่บางครั้งจะฉายความน่ารักเหลือแต่ความดุดัน เขามองจ้องคนตัวเล็กกว่าก่อนจะเหยียดรอยยิ้มที่ดูคล้ายแสยะก่อนจะดึงริมฝีปากฉับพลันพร้อมทั้งตอกกลับไปเสียงเข้ม “หน้าตาก็ดี แต่ไม่น่ามารยาททรามเลยนะครับ”

                “นี่คุณ!

                “ครั้งหน้าร้านผมขออนุญาตไม่ต้อนรับนะครับ” เขาตัดบทเรียบง่าย ดันของทุกอย่างให้รุ่นพี่ซังอาเป็นคนรับเอาไว้ก่อนจะทิ้งท้ายไว้อย่างเจ็บแสบ “พอดีไม่อยากให้ไอ้ตัวที่อยู่ในปากคุณมาเพ่นพ่านรบกวานลูกค้าของผมน่ะ”

                สารภาพตามตรงว่าฉันอยากจะหัวเราะออกมาให้เสียงดังพอๆกับความสะใจตอนที่รุ่นพี่ซังอาหันหลังวิ่งออกไป แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ผ่อนลมหายใจเฮือกยาวก่อนหันหน้าไปคุยกับร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ

                “คุณไม่น่าไปว่าเธอแบบนั้นเลยนะ เธอพรรคพวกเยอะ เดี๋ยวจะขายของไม่ออกเอา”

                “ไม่ต้องห่วง ผมแค่ทำร้านกาแฟเล่นๆครับลูกพี่” เขาบอกปัดพร้อมรอยยิ้มจางๆ เราสบตากันพร้อมกับที่เขาบอกเป็นหนที่สอง “แต่ผมจะไม่ยอมให้เธอมาว่าลูกพี่ฉอดๆแบบนั้นหรอก”

                “ขอบใจนะ จริงๆเราก็ไม่ชอบที่เธอทำหรอก” ฉันบอกเสียงค่อย ระบายรอยยิ้มตอบก่อนจะบอกอย่างติดตลก “แต่เราไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากถูกส่งไปอังกฤษอีกแล้ว”

                “คราวนี้ผมมีปัญหาไปรับลูกพี่กลับมาแน่ๆ” เขาว่าพลางยกยิ้มทะเล้น มือหนาตีอกตัวเองดังปุๆก่อนจะบอกอย่างภาคภูมิใจ “เพราะผมเป็นลูกน้องที่แสนซื่อสัตย์ไงล่ะ”

                “ไม่ใช่สักหน่อย” ฉันปฏิเสธ เห็นความผิดหวังในดวงตากลมจนเผลอยกยิ้มขึ้นดื้อๆ ผ่อนลมหายใจครู่สั้นๆ ขยับรอยยิ้มให้กว้างขึ้นพร้อมกับบอกออกไปอย่างจริงใจ “คุณไม่ใช่ลูกน้อง แต่คุณเป็นเพื่อนที่ดีของเราต่างหาก”

                “ลลูกพี่ ฮือ~!!!

                “อย่าร้องสิเจเค!!!




    รูปไม่ชัดต้องขออภัย เฬาว์ใช้photoscape ทัมย์

    จัมวรั้ยนะว่าจองกุกกับเจเคเป็นคนละคนกัน จองกุกแฟนน้องหมิง ส่วนเจเคลูกน้องของน้องเพ่ย!!!





    *Cuando Una Puerta Se Cierra, Otra Se Abre = เมื่อประตูบานนึงถูกปิดลง ประตูอีกบานก็จะเปิดขึ้น
    ประโยคข้างบนเป็นภาษาสเปนนะคะ ส่วนสำหรับตอนก่อนที่น้องเพ่ยบอกเฮียวีก่อนจะนอนเป็นภาษาเยอรมัน หยั่กรู้ก็ไปเสิร์ชความหมายได้เรย
    ** DAIUIRI / MOJITO/ DRY MARTINI  = ชื่อค็อกเทล


    Let's talk with me

                ได้เวลาเปิดตัวลูกน้องกิตติมศักดิ์ค่ะ คิดอยู่นานเรยว่าจะให้ใครเป็นลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ของน้องเพ่ย สุดท้ายหวยออกที่นายคนนี้เอง อย่าสับสนนะคะเจเคกะจองกุกคนละคนกัน ป่ดจัมย์เอารวั่ย น้องเพ่ยไม่ใช่เหยื่อของแกอีกต่อไป๊!!! ขอท่ดด้วยที่เปอร์เซ็นต์นี้ไม่มีเฮียวีย์ ค่าตัวแพงมากจนเฬาว์จ่ายไม่ไหว แต่ตอนมาแน่ มาแบบจุกๆเรย รอดูว์ดั่ยยยย และใครหยั่กได้รูปจองกุกแอนด์เจเคบอกได้นะคะ อิอิ (โปรดติดแท็ก #ดื้อกับเฮียวี มาร่วมส่งเสริมหลัวมาเฟียด้วยกันนะคะ แอบรอกดหัวใจอยู่นะ อิสอิส) ปล.หวังว่าทุกคนจะมีวันที่ดีย์นะคะ แต่ถ้าไม่ ป่ดจำไว้ว่าแทฮยองของเฬาว์หน้าตาดีย์ค่ะ!!!

                อ่อๆ ฝากOSฉลองเฮียวีหนึ่งขวบตอนถัดไปด้วยค่ะ หยั่กให้ดั่ยอ่าน เผื่อใครคิดถึงแนวแฟนตาซีย์ฝีมือเฬาว์ เลิ้ปๆ


    08/05/2020

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×