ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BTS X YOU] Fallin' all in you [END!] + มีebook

    ลำดับตอนที่ #1 : ♥ Fallin' 00 ♥

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 62






    Fallin’ 00

    Will you marry me?

    แต่งงานกันมั้ย?!



     

                    ร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิทก้าวเท้าออกมาจากห้องบอลรูมของโรงแรมหรู ผินใบหน้ามองเหตุการณ์ข้างในเล็กน้อยและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของเจ้าของเคเจกรุ๊ป หมดหน้าที่ของเขาแล้ว แต่ว่ายังมีอีกเรื่องที่เขาตั้งตารอจะสะสาง

                วีหันไปตามเสียงเรียก ดวงตาคมกริบเลื่อนมองลูกน้องคนสนิทที่ไม่ต่างจากมือขวาของเขาสักเท่าไหร่ ไม่มีเสียงใดหลุดรอดมาจากริมฝีปากหยักลึก เขาเพียงแต่รอฟังสิ่งที่ไป๋จะพูด

                “รถพร้อมแล้วครับคุณวี ให้ผมจัดการเลยมั้ยครับ”

                “อือ พาลงไปว่ายน้ำกับฉลามดูสักหน่อย” น้ำเสียงนุ่มทุ้มบอกอย่างเนิบนาบ นัยน์ตาสีนิลสะท้อนกับร่างโปร่งของผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกฝาแฝดของอาไป๋กักตัวเอาไว้ วีไม่เปลี่ยนน้ำเสียงเลยสักนิด มีเพียงรอยยิ้มจางๆที่กระตุกขึ้นมาในตอนท้าย “เหมือนกับคนที่มันจ้างมาทำน้องกูนั่นแหละ”

                ไป๋หันไปพยักหน้าให้กับโป ฝาแฝดคนน้องโคลงศีรษะรับหนหนึ่งก่อนจะกระตุกแขนบางให้ลุกขึ้น อาวุธสีดำขลับกระบอกเล็กถูกกดจ่อตรงเอวบางกันไม่ให้อีกฝ่ายส่งเสียงร้อง

                ริมฝีปากที่ถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสดสั่นระลิกเมื่อรับรู้ถึงแรงกดของปืนกระบอกเล็กตรงบั้นเอว สองเท้าบนส้นสูงขยับก้าวอย่างไร้เรี่ยวแรง เธอกลัวเกินกลัวเกินจะขัดขืน เลื่อนสายตาที่พร่ามัวไปด้วยหยดน้ำมองร่างสูงที่มีใบหน้าเฉยชาหนหนึ่งก่อนจะกลั้นใจวิ่งเข้าไปหา คุกเข่าลงตรงหน้าวีพร้อมกับอ้อนวอนร้องขอความเห็นใจ

                “คคุณวี ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ ฉฉันขอโทษจริงๆ” วินาทีนี้เธอยอมละทิ้งศักดิ์ศรีทุกอย่าง สองมือจับขาแกร่งอย่างร้องขอความเห็นใจ เธอรู้ว่าพ่อของเธอที่อยู่ข้างในคงจะช่วยเธอไม่ได้ ไม่มีใครที่จะช่วยเธอได้ในเวลานี้

                “ขอโทษนะ” วีดึงขาออกอย่างไม่ไยดีพร้อมกับบอกอย่างเฉยชา ดวงตาสีดำสนิทลากลงมองคนที่กอดขาเขาอย่างหมดสภาพก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คนอย่างคุณไม่มีค่าที่ผมจะเสวนาด้วย”

                โปค้อมหัวเล็กน้อยให้กับวี มือหนารวบเรียวแขนบางก่อนจะดึงให้เธอลุกขึ้นอย่างไม่ค่อยออมแรงนัก ปลายกระปืนจ่อชิดแผ่นหลังบางอีกหนพลางอองแรงดันน้อยๆให้อีกคนเดินไปข้างหน้า ส่วนไป๋ก็หันกลับมาค้อมศีรษะให้กับเจ้านายก่อนจะเร่งฝีเท้าตามฝาแฝดไป

                นัยน์ตาสีนิลมองความเคลื่อนไหวนั้นเงียบๆก่อนที่ริมฝีปากหยักลึกจะค่อยๆเหยียดรอยยิ้มขึ้นมา สำหรับคนใกล้ตัวแล้ว วีอาจจะเป็นคนยิ้มง่ายและใจดี แต่ว่านั่นไม่ใช่เลยสักนิดกับคนอื่น

                “รับผลกรรมที่ทำเอาไว้นะคุณซงJ

                เขาโหดร้ายกว่านั้นเยอะ

     





                เรือนผมสีบลอนด์ทองถูกย้อมกลับเป็นสีดำหลังจากที่เรื่องราววุ่นวายของเคเจกรุ๊ปจบลงไปแล้วหลายเดือน ร่างสูงถอดเสื้อโคทสีเข้มออกเมื่อก้าวเท้าเข้ามาในคฤหาสน์หลังโต แม้ว่าจะเป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว ไฟในบ้านก็ยังคงเปิดให้ความสว่างราวกับกำลังรอเขาอยู่

                วีรีบสะสางงานที่คิมทาวน์เมื่อโทรศัพท์สายสำคัญเรียกเขากลับมาที่บ้าน งานล้นมือถูกโยนไปให้มือซ้ายและมือขวาจัดการต่อ ส่วนตัวเขาก็รีบเร่งกลับมาที่บ้านที่นานๆครั้งจะได้กลับมา สองเท้าเดินตรงเข้าไปยังห้องนั่งเล่นกว้างขว้าง มองเห็นแผ่นหลังของพ่อและแม่ที่กำลังหยอกเล่นกันเหมือนกับหนุ่มสาวจึงอดส่งเสียงกระแอมขัดจังหวะไม่ได้

                ไม่ว่าข้างนอกเขาจะเย็นชาหรือโหดร้ายมากแค่ไหน แต่ว่าในบ้าน เขาก็ยังเป็นลูกชายตัวเล็กๆที่พ่อกับแม่รักและเอ็นดูเสมอ

                ร่างบางผุดลุกขึ้นจากโซฟาเป็นคนแรกก่อนจะเดินตรงเข้ามาหา วงแขนบางสวมกอดลูกชายเหมือนอย่างทุกครั้ง ซึ่งวีเองก็กอดตอบพร้อมกับเอียงแก้มให้แม่จูบเบาๆ รอยยิ้มสี่เหลี่ยมปรากฏขึ้นหลังจากที่คนแก่กว่าผละออกไป

                “กินข้าวมาแล้วหรือยังครับ” แม่ของเขาพูดจาไพเราะอ่อนหวานเสมอ มือบางลูบเรือนผมของลูกชายอย่างรักใคร่ก่อนจะถามด้วยความเป็นห่วง “ซูบลงหรือเปล่า ม๊าบอกให้กินข้าวให้ครบทุกมื้อยังไงล่ะครับ”

                “ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูก ผมจะหึงคุณแล้วนะเจีย

                “โธ่ ชางคะ นี่ลูกเรานะ” ว่าแล้วก็ส่ายหน้าน้อยๆให้กับสามี เจียหันไปจูงมือลูกชายให้นั่งลงที่โซฟา ส่วนตัวเองก็นั่งลงข้างๆสามีอย่างกลัวอีกฝ่ายจะน้อยใจ

                “งานเป็นยังไงบ้างล่ะ” ชางเอ่ยถามอีกหนหลังจากที่ปล่อยให้แม่ลูกถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันอยู่พักหนึ่ง “กลับมาทำงานกับพัคเอซมีปัญหาบ้างหรือเปล่า”

                คิมทาวน์และพัคเอซเคยเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันมาตลอดจนกระทั่งจะมีปัญหาจนถึงขั้นติดแบล็คลิสต์ของกันและกัน แต่ว่าหลังจากที่แบ่งปกครองกันใหม่ทั้งคู่ก็ได้กลับมาร่วมงานกัน วีเองก็เคยเป็นเพื่อนสนิทกับบอสคนปัจจุบันของพัคเอซอย่างพัคจีมิน

                “ไม่ครับ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”

                ชางทำเป็นพยักพเยิดหน้ารับก่อนจะแอบส่งสายตาไปหาคู่ชีวิตเป็นเชิงให้เธอพูดต่อ เถียงกันไปมาผ่านทางสายตากันอยู่นาที คนเป็นสามีก็พ่ายแพ้จึงต้องเป็นคนเอ่ยถามเอง

                “แล้วหมิงหมิงกับนักธุรกิจนั่นยังคบกันอยู่หรือเปล่า”

                “ผมไม่เป็นมือที่สามน้องหรอกนะป๊า”

                “เปล่าสักหน่อย เห็นป๊าเป็นคนยังไงฮะไอ้เสือ” คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามรีบปฏิเสธเสียงดัง “ป๊าก็แค่อยากรู้เฉยๆเถอะ”

                “แล้วตกลงป๊ากับม๊าจะคุยอะไรกับผม เรียกมาถึงบ้านคงจะไม่ได้อยากเจอหน้าเฉยๆหรอกใช่มั้ย” วีถามอย่างไม่อ้อมค้อม เขาเลื่อนสายตามองที่ผู้มีอำนาจสูงสุดในบ้านก่อนจะหยุดลงตรงที่คนเป็นแม่ แอบเห็นว่าชางสะกิดแขนบางของภรรยาเบาๆ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรจนกระทั่งเจียเอ่ยถามขึ้นมา

                “ช่วงนี้วีมีคนคุยๆอยู่ด้วยหรือเปล่าครับ”

                “ไม่ครับ” แม้จะแปลกใจในคำถามและเริ่มรับรู้ถึงบางอย่าง แต่วีก็บอกออกไปตามความจริงและเฝ้ารอฟังสิ่งที่แม่ของตัวเองจะพูดต่อ

                “ถ้าอย่างนั้นแต่งงานมั้ยครับ”

                “ลูกสาวเพื่อนป๊าเอง น่ารัก เรียบร้อย เด็กกว่าแกปีเดียว” คนเป็นพ่อรีบรับช่วงต่อตามที่นัดแนะกันมา “ไหนๆแกก็ไม่ได้ดูใจใครอยู่ รีบแต่งตอนนี้จะได้ทันมีหลานให้ป๊ากับม๊าอุ้มไวๆ”

                วีรู้สึกไม่ต่างอะไรจากการถูกจับคลุมถุงชนเลยสักนิด สมองเขาหยุดค้างไปครู่หนึ่ง ไม่คิดมาก่อนว่าครั้งนี้พ่อกับแม่ของเขาจะพูดตรงๆไม่เหมือนคราวของหมิงฮวา ตอนนั้นพวกเขาแค่อยากให้ทั้งคู่ทำความรู้จักกันไว้ หากรู้สึกมากกว่าพี่น้องก็ค่อยสานต่อ แต่ว่าสุดท้ายแล้วสำหรับวี หมิงฮวาก็เป็นน้องสาวที่เขารักและเอ็นดูเท่านั้น ไม่ได้มีความรู้สึกมากไปกว่านั้น

                “น้องน่ารักนะวี ม๊าเห็นแล้ว” เมื่อเห็นว่าลูกชายยังไม่ตอบโต้ก็รีบบอก เธออยากให้วียอมตกลงแต่โดยดี อย่างน้อยเขาก็จะได้เปิดใจให้คนใหม่ๆบ้าง ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเรื่องในอดีตยังตามหลอกหลอนลูกชายเธออยู่ เธอเกือบจะเสียลูกชายจากอาการที่ว่านั่นไปแล้วครั้งหนึ่ง

                “อย่างน้อยก็คิดว่าทำเพื่อป๊าหน่อยนะ ถ้าแต่งกับน้อง งานที่เกาะกลางน้ำก็จะง่ายขึ้นอีกหน่อย”

                คีย์เวิร์ดที่ว่าเรียกความสนใจของวีได้ดี เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับผู้เป็นพ่อ แววตาเคลือบแคลงสงสัยฉายขึ้นอย่างไม่ปิดบัง แต่ชางกลับแค่ไหวไหล่เป็นเชิงบอกให้วีคิดหาคำตอบเอาเอง

                ในห้องโถงโล่งกว้างเงียบกริบเมื่อเสียงสนทนาหยุดชะงักไปเกือบสองนาที นัยน์ตาสีดำสนิดที่ถอดแบบมาจากชางเหลือบมองทั้งพ่อและแม่ ก่อนที่เสียงทุ้มจะพูดขึ้นมา

                “ครับ ผมจะแต่ง”

     





                เปลือกตาสีน้ำนมกะพริบปริบๆก่อนจะปรือตาขึ้นอย่างงัวเงีย นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนแบบชาวตะวันตกขัดกับโครงหน้าหวานแบบสาวเอเชียนั่นทำเธอโดดเด่นกว่าใครคนอื่น ดวงตากลมโตมองรอบตัวก่อนจะหยุดกายลุกขึ้นนั่ง มือข้างหนึ่งขยี้กลุ่มผมฟูฟ่องก่อนจะเอื้อมมือไปปิดนาฬิกาปลุกที่ส่งเสียงดังตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น

                ยังไม่ทันจะล้มตัวลงนอนตามที่ใจคิด ประตูห้องนอนก็ถูกเคาะก่อนที่คนที่อยู่ข้างนอกจะส่งเสียงบอกอย่างรู้ทัน

                “ไม่นอนต่อแล้วนะคะน้อง แอนน์จะรออยู่ข้างล่างนะ”

                “ค่ะแอนน์”

                เพ่ยอิงจำใจต้องลุกจากเตียงนุ่มๆก่อนจะคว้าเสื้อผ้าและหายเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำตามคำสั่งของคนเป็นแม่

                เสื้อยืดตัวโคร่งสีม่วงที่ถูกใช้งานจนยานถูกถอดออกและโยนใส่ตะกร้าตรงมุมห้องอย่างแม่นยำ เรือนผมสีน้ำตาลเข้มถูกสางและมัดรวบขึ้นเป็นเกล้าอย่างลวกๆ กระจกห้องน้ำสะท้อนภาพหญิงสาวที่กำลังบีบยาสีฟันก่อนจะถูแปรงไปมา นัยน์ตาสีอ่อนพยายามจะฝืนความง่วงงันด้วยการลืมตา มือข้างที่ว่างวักน้ำเย็นๆขึ้นลูบหน้าอยู่สองสามครั้งจนเธอรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นบ้าง

                เพราะว่าแม่ของเธอเป็นลูกครึ่งอังกฤษกับจีน เช่นเดียวกับพ่อที่เป็นลูกเสี้ยวจีนจึงทำให้เธอเป็นลูกเสี้ยวหลายหลากเชื้อชาติไปโดยปริยาย ดวงตากลมโตสุกใส ทว่ากลับมีนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน คิ้วโก่งสวย และจมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากจิ้มลิ้มสีแดงอมชมพู แก้มนุ่นนิ่มพองขึ้นเมื่อเธอกลั้วปากไปมา ใบหน้าหวานผินมองรอยแผลเป็นที่ได้ติดตัวมาหลายปีก่อนอย่างเคยชินก่อนจะหันกลับมาจัดการตัวเองต่อ

                ใช้เวลาเกือบสิบนาทีก่อนที่สองเท้าบางจะเร่งรีบลงมาที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่าง กระโดดเข้าสวมกอดอันนาหรือที่เธอเรียกจนติดปากว่าแอนน์ ซุกใบหน้าลงกับหน้าท้องนิ่มๆของแม่แล้วอ้อนเสียงอ่อน

                “น้องง่วง ทำไมเราต้องไปตั้งแต่เช้าด้วยล่ะคะแอนน์”

                “ก็งานสำคัญนี่คะ” คนเป็นแม่ว่าอย่างใจดี มือลูบศีรษะทุยของเพ่ยอิงไปด้วยเบาๆก่อนจะชะเง้อมองหาสามีที่เดินหายไปทางห้องครัว “พ่อมาพอดี เราไปกันได้แล้ว ถ้าน้องง่วงก็น้องต่อในรถนะคะ”

                “อื้อ” ลากเสียงยาวตอบก่อนจะผุดลุกขึ้น จูบแก้มของอันนาหนหนึ่งก่อนจะรีบกระโจนเข้าหาคนที่เพิ่งเดินเข้ามา

                “ซนเป็นลิงตั้งแต่เช้าเชียว”

                “น้องไม่เหมือนลิงสักหน่อย พ่อก็พูดเกินไป” ลูกสาวว่าอย่างกระเง้ากระงอดพลางกอดเอวสอบของกียุลให้แน่นขึ้น “น้องน่ารักเหมือนคุณแชงก์จะตายไป”

                เอ่ยพาดพิงถึงแมวพันธุ์เปอร์เซียสีส้มตัวโปรดแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะคิกคัก เพราะวันนี้ต้องเดินทางไปร่วมงานสำคัญตั้งแต่เช้า เจ้าแชงก์เลยต้องไปอยู่กับร้านรับเลี้ยงสัตว์ชั่วคราว จะว่าไปแล้วเพ่ยอิงก็คิดถึงเสียงร้องเหมียวๆของมันไม่น้อยเลย ถ้าเสร็จงานเมื่อไหร่จะรีบกลับมาฟัดเจ้าแชงก์เลยคอยดู

                “ไอ้แชงก์ดื้อ น้องก็ดื้อเหมือนกัน”

                “อย่าเพิ่งเถียงกัน ออกจากบ้านกันได้แล้วค่ะ เดี๋ยวไปถึงที่นู่นสายนะ” เป็นอันนาที่เอ่ยปากห้ามสงครามน้ำลายระหว่างพ่อลูก เธอพยักพเยิดหน้าให้สามีก่อนจะจูงแขนลูกสาวให้เดินตามมา หันกลับไปขยิบตาให้คนที่อยู่รั้งท้ายเป็นเชิงบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยตามแผน

     





                เพ่ยอิงหลับตลอดทางตั้งแต่ออกจากบ้าน เธอไม่รับรู้สักนิดว่ารถกำลังแล่นผ่านข้างทางที่เต็มไปด้วยไม้เลื้อยที่ตัดแต่งอย่างดี เส้นทางที่น้อยคนนักจะได้รับอนุญาตให้เข้ามา คฤหาสน์หลังโตปรากฏให้เห็นอยู่ลิบๆจนกระทั่งชัดเจนขึ้นเมื่อรถยนต์สีดำจอดสนิท

                คนที่ถูกปลุกลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย เพ่ยอิงบิดแขนไปมาเพื่อไล่ความปวดเมื่อยก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถทั้งที่ยังสะลึมสะลือไม่หาย เสียงดนตรีบรรเลงที่เปิดคลออยู่เบาๆดึงความสนใจของเธอได้เล็กน้อย ดวงตากลมโตเริ่มกวาดมองสถานที่ทั้งที่ควรจะเริ่มตั้งแต่นาทีแรกที่มาถึง ผ้าแพรสีแดงประดับด้วยขลิบทองตกแต่งตัวบ้านเอาไว้ ผ้าปักดิ้นทองลายมังกรถูกผูกและมัดโยงลงมาอย่างสวยงามรวมไปถึงช่อกุหลาบสีแดสดที่วางตกแต่งทั่วบริเวณ แต่ว่านั่นยังไม่น่าตกใจเท่ากับป้ายที่ปักด้วยด้ายสีทองที่แขวนไว้เหนือประตูบ้านบานใหญ่

                “ทำไมไม่มีใครบอกน้อง” เจ้าของนัยน์ตาสีอ่อนหันไปทางพ่อกับแม่ ตวัดมองป้ายที่โชว์เด่นหราอีกหนแล้วตะโกนเสียงดัง “นี่มันไม่ใช่งานแซยิด นี่มันงานแต่งชัดๆ!

                งานแต่งของเธออีกต่างหาก!!!





    ปล.นี่ย์คืออินเนอร์หลัวมาเฟีย



    Let's talk with me 

                ถึงจะเปิดทิ้งเอาไว้นาน แต่วันนี้เรามาแล้ว มาช้าเพราะติดสอบค่ะ ส่วนใครอ่านน้อนกุกมาก่อนก็โปรดลืมความใจดีของเฮียดื้อในเรื่องนั้นไปซะนะคะ นั่นน่ะตัวปลอม อิอิ อ่านตอนนี้ดีๆแล้วจะพบหลายอย่างค่ะ พอเห็นเค้าลางความวุ่นวายแล้วหรือยังเอ่ย น้องเพ่ยถูกหลอกมางานแต่งตัวเอง เซอร์ไพรส์หน้างานเลยของจริง55555 น้องดูจะออดอ้อนเก่ง แต่ว่ากับเฮียวีจะเป็นยังไงกันเนอะๆ หยั่กรู้ววววว (โปรดติดแท็ก #ดื้อกับเฮียวี มาส่งเสริมหลัวมาเฟียด้วยกันนะคะ แอบรอกดหัวใจอยู่ อิอิ)

    ปล.คุณแชงก์ของน้องเหมือนครุกแชงก์ของเฮอร์ไมโอนี่นะคะ ได้เรฟมาจากคุณเค้า

    ปล.อีกที เผื่อคนจะสับสนกับเรื่องชื่อและเชื้อชาติในเรื่อง เราจะอธิบายเองงงง

    ฝั่งบ้านเฮียวีคือคนจีนจ๋าเลย จะมีแต่ชื่อจีนๆเนอะ ส่วนบ้านน้องเพ่ย แม่น้องเป็นลูกครึ่งอังกฤษกับจีนชื่อก็เลยฝรั่ง ส่วนพ่อน้องเป็นลูกเสี้ยวจีน แต่ชื่อไม่ใช่ชื่อจีนนะคะ


    11/05/2019

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×