คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ♥ Fallin' 00 ♥
♥ Fallin’ 00 ♥
Will
you marry me?
แต่งงานกันมั้ย?!
ร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิทก้าวเท้าออกมาจากห้องบอลรูมของโรงแรมหรู
ผินใบหน้ามองเหตุการณ์ข้างในเล็กน้อยและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของเจ้าของเคเจกรุ๊ป
หมดหน้าที่ของเขาแล้ว แต่ว่ายังมีอีกเรื่องที่เขาตั้งตารอจะสะสาง
วีหันไปตามเสียงเรียก
ดวงตาคมกริบเลื่อนมองลูกน้องคนสนิทที่ไม่ต่างจากมือขวาของเขาสักเท่าไหร่
ไม่มีเสียงใดหลุดรอดมาจากริมฝีปากหยักลึก เขาเพียงแต่รอฟังสิ่งที่ไป๋จะพูด
“รถพร้อมแล้วครับคุณวี
ให้ผมจัดการเลยมั้ยครับ”
“อือ พาลงไปว่ายน้ำกับฉลามดูสักหน่อย”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มบอกอย่างเนิบนาบ นัยน์ตาสีนิลสะท้อนกับร่างโปร่งของผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกฝาแฝดของอาไป๋กักตัวเอาไว้
วีไม่เปลี่ยนน้ำเสียงเลยสักนิด มีเพียงรอยยิ้มจางๆที่กระตุกขึ้นมาในตอนท้าย “เหมือนกับคนที่มันจ้างมาทำน้องกูนั่นแหละ”
ไป๋หันไปพยักหน้าให้กับโป
ฝาแฝดคนน้องโคลงศีรษะรับหนหนึ่งก่อนจะกระตุกแขนบางให้ลุกขึ้น
อาวุธสีดำขลับกระบอกเล็กถูกกดจ่อตรงเอวบางกันไม่ให้อีกฝ่ายส่งเสียงร้อง
ริมฝีปากที่ถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสดสั่นระลิกเมื่อรับรู้ถึงแรงกดของปืนกระบอกเล็กตรงบั้นเอว
สองเท้าบนส้นสูงขยับก้าวอย่างไร้เรี่ยวแรง เธอกลัวเกินกลัวเกินจะขัดขืน เลื่อนสายตาที่พร่ามัวไปด้วยหยดน้ำมองร่างสูงที่มีใบหน้าเฉยชาหนหนึ่งก่อนจะกลั้นใจวิ่งเข้าไปหา
คุกเข่าลงตรงหน้าวีพร้อมกับอ้อนวอนร้องขอความเห็นใจ
“ค…คุณวี ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ ฉ…ฉันขอโทษจริงๆ”
วินาทีนี้เธอยอมละทิ้งศักดิ์ศรีทุกอย่าง สองมือจับขาแกร่งอย่างร้องขอความเห็นใจ
เธอรู้ว่าพ่อของเธอที่อยู่ข้างในคงจะช่วยเธอไม่ได้ ไม่มีใครที่จะช่วยเธอได้ในเวลานี้
“ขอโทษนะ”
วีดึงขาออกอย่างไม่ไยดีพร้อมกับบอกอย่างเฉยชา ดวงตาสีดำสนิทลากลงมองคนที่กอดขาเขาอย่างหมดสภาพก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“คนอย่างคุณไม่มีค่าที่ผมจะเสวนาด้วย”
โปค้อมหัวเล็กน้อยให้กับวี
มือหนารวบเรียวแขนบางก่อนจะดึงให้เธอลุกขึ้นอย่างไม่ค่อยออมแรงนัก ปลายกระปืนจ่อชิดแผ่นหลังบางอีกหนพลางอองแรงดันน้อยๆให้อีกคนเดินไปข้างหน้า
ส่วนไป๋ก็หันกลับมาค้อมศีรษะให้กับเจ้านายก่อนจะเร่งฝีเท้าตามฝาแฝดไป
นัยน์ตาสีนิลมองความเคลื่อนไหวนั้นเงียบๆก่อนที่ริมฝีปากหยักลึกจะค่อยๆเหยียดรอยยิ้มขึ้นมา
สำหรับคนใกล้ตัวแล้ว วีอาจจะเป็นคนยิ้มง่ายและใจดี แต่ว่านั่นไม่ใช่เลยสักนิดกับคนอื่น…
“รับผลกรรมที่ทำเอาไว้นะคุณซงJ”
เขาโหดร้ายกว่านั้นเยอะ
เรือนผมสีบลอนด์ทองถูกย้อมกลับเป็นสีดำหลังจากที่เรื่องราววุ่นวายของเคเจกรุ๊ปจบลงไปแล้วหลายเดือน
ร่างสูงถอดเสื้อโคทสีเข้มออกเมื่อก้าวเท้าเข้ามาในคฤหาสน์หลังโต
แม้ว่าจะเป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว
ไฟในบ้านก็ยังคงเปิดให้ความสว่างราวกับกำลังรอเขาอยู่
วีรีบสะสางงานที่คิมทาวน์เมื่อโทรศัพท์สายสำคัญเรียกเขากลับมาที่บ้าน
งานล้นมือถูกโยนไปให้มือซ้ายและมือขวาจัดการต่อ ส่วนตัวเขาก็รีบเร่งกลับมาที่บ้านที่นานๆครั้งจะได้กลับมา
สองเท้าเดินตรงเข้าไปยังห้องนั่งเล่นกว้างขว้าง มองเห็นแผ่นหลังของพ่อและแม่ที่กำลังหยอกเล่นกันเหมือนกับหนุ่มสาวจึงอดส่งเสียงกระแอมขัดจังหวะไม่ได้
ไม่ว่าข้างนอกเขาจะเย็นชาหรือโหดร้ายมากแค่ไหน
แต่ว่าในบ้าน เขาก็ยังเป็นลูกชายตัวเล็กๆที่พ่อกับแม่รักและเอ็นดูเสมอ
ร่างบางผุดลุกขึ้นจากโซฟาเป็นคนแรกก่อนจะเดินตรงเข้ามาหา
วงแขนบางสวมกอดลูกชายเหมือนอย่างทุกครั้ง ซึ่งวีเองก็กอดตอบพร้อมกับเอียงแก้มให้แม่จูบเบาๆ
รอยยิ้มสี่เหลี่ยมปรากฏขึ้นหลังจากที่คนแก่กว่าผละออกไป
“กินข้าวมาแล้วหรือยังครับ”
แม่ของเขาพูดจาไพเราะอ่อนหวานเสมอ มือบางลูบเรือนผมของลูกชายอย่างรักใคร่ก่อนจะถามด้วยความเป็นห่วง
“ซูบลงหรือเปล่า ม๊าบอกให้กินข้าวให้ครบทุกมื้อยังไงล่ะครับ”
“ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูก ผมจะหึงคุณแล้วนะเจีย”
“โธ่
ชางคะ นี่ลูกเรานะ” ว่าแล้วก็ส่ายหน้าน้อยๆให้กับสามี เจียหันไปจูงมือลูกชายให้นั่งลงที่โซฟา
ส่วนตัวเองก็นั่งลงข้างๆสามีอย่างกลัวอีกฝ่ายจะน้อยใจ
“งานเป็นยังไงบ้างล่ะ”
ชางเอ่ยถามอีกหนหลังจากที่ปล่อยให้แม่ลูกถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันอยู่พักหนึ่ง “กลับมาทำงานกับพัคเอซมีปัญหาบ้างหรือเปล่า”
คิมทาวน์และพัคเอซเคยเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันมาตลอดจนกระทั่งจะมีปัญหาจนถึงขั้นติดแบล็คลิสต์ของกันและกัน
แต่ว่าหลังจากที่แบ่งปกครองกันใหม่ทั้งคู่ก็ได้กลับมาร่วมงานกัน วีเองก็เคยเป็นเพื่อนสนิทกับบอสคนปัจจุบันของพัคเอซอย่างพัคจีมิน
“ไม่ครับ
ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
ชางทำเป็นพยักพเยิดหน้ารับก่อนจะแอบส่งสายตาไปหาคู่ชีวิตเป็นเชิงให้เธอพูดต่อ
เถียงกันไปมาผ่านทางสายตากันอยู่นาที คนเป็นสามีก็พ่ายแพ้จึงต้องเป็นคนเอ่ยถามเอง
“แล้วหมิงหมิงกับนักธุรกิจนั่นยังคบกันอยู่หรือเปล่า”
“ผมไม่เป็นมือที่สามน้องหรอกนะป๊า”
“เปล่าสักหน่อย
เห็นป๊าเป็นคนยังไงฮะไอ้เสือ” คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามรีบปฏิเสธเสียงดัง “ป๊าก็แค่อยากรู้เฉยๆเถอะ”
“แล้วตกลงป๊ากับม๊าจะคุยอะไรกับผม
เรียกมาถึงบ้านคงจะไม่ได้อยากเจอหน้าเฉยๆหรอกใช่มั้ย” วีถามอย่างไม่อ้อมค้อม
เขาเลื่อนสายตามองที่ผู้มีอำนาจสูงสุดในบ้านก่อนจะหยุดลงตรงที่คนเป็นแม่ แอบเห็นว่าชางสะกิดแขนบางของภรรยาเบาๆ
แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรจนกระทั่งเจียเอ่ยถามขึ้นมา
“ช่วงนี้วีมีคนคุยๆอยู่ด้วยหรือเปล่าครับ”
“ไม่ครับ”
แม้จะแปลกใจในคำถามและเริ่มรับรู้ถึงบางอย่าง แต่วีก็บอกออกไปตามความจริงและเฝ้ารอฟังสิ่งที่แม่ของตัวเองจะพูดต่อ
“ถ้าอย่างนั้นแต่งงานมั้ยครับ”
“ลูกสาวเพื่อนป๊าเอง
น่ารัก เรียบร้อย เด็กกว่าแกปีเดียว” คนเป็นพ่อรีบรับช่วงต่อตามที่นัดแนะกันมา “ไหนๆแกก็ไม่ได้ดูใจใครอยู่
รีบแต่งตอนนี้จะได้ทันมีหลานให้ป๊ากับม๊าอุ้มไวๆ”
วีรู้สึกไม่ต่างอะไรจากการถูกจับคลุมถุงชนเลยสักนิด
สมองเขาหยุดค้างไปครู่หนึ่ง ไม่คิดมาก่อนว่าครั้งนี้พ่อกับแม่ของเขาจะพูดตรงๆไม่เหมือนคราวของหมิงฮวา
ตอนนั้นพวกเขาแค่อยากให้ทั้งคู่ทำความรู้จักกันไว้ หากรู้สึกมากกว่าพี่น้องก็ค่อยสานต่อ
แต่ว่าสุดท้ายแล้วสำหรับวี หมิงฮวาก็เป็นน้องสาวที่เขารักและเอ็นดูเท่านั้น
ไม่ได้มีความรู้สึกมากไปกว่านั้น
“น้องน่ารักนะวี
ม๊าเห็นแล้ว” เมื่อเห็นว่าลูกชายยังไม่ตอบโต้ก็รีบบอก เธออยากให้วียอมตกลงแต่โดยดี
อย่างน้อยเขาก็จะได้เปิดใจให้คนใหม่ๆบ้าง ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเรื่องในอดีตยังตามหลอกหลอนลูกชายเธออยู่
เธอเกือบจะเสียลูกชายจากอาการที่ว่านั่นไปแล้วครั้งหนึ่ง…
“อย่างน้อยก็คิดว่าทำเพื่อป๊าหน่อยนะ
ถ้าแต่งกับน้อง งานที่เกาะกลางน้ำก็จะง่ายขึ้นอีกหน่อย”
คีย์เวิร์ดที่ว่าเรียกความสนใจของวีได้ดี
เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับผู้เป็นพ่อ แววตาเคลือบแคลงสงสัยฉายขึ้นอย่างไม่ปิดบัง
แต่ชางกลับแค่ไหวไหล่เป็นเชิงบอกให้วีคิดหาคำตอบเอาเอง
ในห้องโถงโล่งกว้างเงียบกริบเมื่อเสียงสนทนาหยุดชะงักไปเกือบสองนาที
นัยน์ตาสีดำสนิดที่ถอดแบบมาจากชางเหลือบมองทั้งพ่อและแม่
ก่อนที่เสียงทุ้มจะพูดขึ้นมา
“ครับ
ผมจะแต่ง”
เปลือกตาสีน้ำนมกะพริบปริบๆก่อนจะปรือตาขึ้นอย่างงัวเงีย
นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนแบบชาวตะวันตกขัดกับโครงหน้าหวานแบบสาวเอเชียนั่นทำเธอโดดเด่นกว่าใครคนอื่น
ดวงตากลมโตมองรอบตัวก่อนจะหยุดกายลุกขึ้นนั่ง
มือข้างหนึ่งขยี้กลุ่มผมฟูฟ่องก่อนจะเอื้อมมือไปปิดนาฬิกาปลุกที่ส่งเสียงดังตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น
ยังไม่ทันจะล้มตัวลงนอนตามที่ใจคิด
ประตูห้องนอนก็ถูกเคาะก่อนที่คนที่อยู่ข้างนอกจะส่งเสียงบอกอย่างรู้ทัน
“ไม่นอนต่อแล้วนะคะน้อง
แอนน์จะรออยู่ข้างล่างนะ”
“ค่ะแอนน์”
เพ่ยอิงจำใจต้องลุกจากเตียงนุ่มๆก่อนจะคว้าเสื้อผ้าและหายเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำตามคำสั่งของคนเป็นแม่
เสื้อยืดตัวโคร่งสีม่วงที่ถูกใช้งานจนยานถูกถอดออกและโยนใส่ตะกร้าตรงมุมห้องอย่างแม่นยำ
เรือนผมสีน้ำตาลเข้มถูกสางและมัดรวบขึ้นเป็นเกล้าอย่างลวกๆ กระจกห้องน้ำสะท้อนภาพหญิงสาวที่กำลังบีบยาสีฟันก่อนจะถูแปรงไปมา
นัยน์ตาสีอ่อนพยายามจะฝืนความง่วงงันด้วยการลืมตา มือข้างที่ว่างวักน้ำเย็นๆขึ้นลูบหน้าอยู่สองสามครั้งจนเธอรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นบ้าง
เพราะว่าแม่ของเธอเป็นลูกครึ่งอังกฤษกับจีน
เช่นเดียวกับพ่อที่เป็นลูกเสี้ยวจีนจึงทำให้เธอเป็นลูกเสี้ยวหลายหลากเชื้อชาติไปโดยปริยาย
ดวงตากลมโตสุกใส ทว่ากลับมีนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน คิ้วโก่งสวย และจมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากจิ้มลิ้มสีแดงอมชมพู
แก้มนุ่นนิ่มพองขึ้นเมื่อเธอกลั้วปากไปมา
ใบหน้าหวานผินมองรอยแผลเป็นที่ได้ติดตัวมาหลายปีก่อนอย่างเคยชินก่อนจะหันกลับมาจัดการตัวเองต่อ
ใช้เวลาเกือบสิบนาทีก่อนที่สองเท้าบางจะเร่งรีบลงมาที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่าง กระโดดเข้าสวมกอดอันนาหรือที่เธอเรียกจนติดปากว่าแอนน์ ซุกใบหน้าลงกับหน้าท้องนิ่มๆของแม่แล้วอ้อนเสียงอ่อน
“น้องง่วง
ทำไมเราต้องไปตั้งแต่เช้าด้วยล่ะคะแอนน์”
“ก็งานสำคัญนี่คะ”
คนเป็นแม่ว่าอย่างใจดี มือลูบศีรษะทุยของเพ่ยอิงไปด้วยเบาๆก่อนจะชะเง้อมองหาสามีที่เดินหายไปทางห้องครัว
“พ่อมาพอดี เราไปกันได้แล้ว ถ้าน้องง่วงก็น้องต่อในรถนะคะ”
“อื้อ”
ลากเสียงยาวตอบก่อนจะผุดลุกขึ้น
จูบแก้มของอันนาหนหนึ่งก่อนจะรีบกระโจนเข้าหาคนที่เพิ่งเดินเข้ามา
“ซนเป็นลิงตั้งแต่เช้าเชียว”
“น้องไม่เหมือนลิงสักหน่อย
พ่อก็พูดเกินไป” ลูกสาวว่าอย่างกระเง้ากระงอดพลางกอดเอวสอบของกียุลให้แน่นขึ้น
“น้องน่ารักเหมือนคุณแชงก์จะตายไป”
เอ่ยพาดพิงถึงแมวพันธุ์เปอร์เซียสีส้มตัวโปรดแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะคิกคัก
เพราะวันนี้ต้องเดินทางไปร่วมงานสำคัญตั้งแต่เช้า
เจ้าแชงก์เลยต้องไปอยู่กับร้านรับเลี้ยงสัตว์ชั่วคราว
จะว่าไปแล้วเพ่ยอิงก็คิดถึงเสียงร้องเหมียวๆของมันไม่น้อยเลย ถ้าเสร็จงานเมื่อไหร่จะรีบกลับมาฟัดเจ้าแชงก์เลยคอยดู
“ไอ้แชงก์ดื้อ
น้องก็ดื้อเหมือนกัน”
“อย่าเพิ่งเถียงกัน
ออกจากบ้านกันได้แล้วค่ะ เดี๋ยวไปถึงที่นู่นสายนะ” เป็นอันนาที่เอ่ยปากห้ามสงครามน้ำลายระหว่างพ่อลูก
เธอพยักพเยิดหน้าให้สามีก่อนจะจูงแขนลูกสาวให้เดินตามมา
หันกลับไปขยิบตาให้คนที่อยู่รั้งท้ายเป็นเชิงบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยตามแผน
เพ่ยอิงหลับตลอดทางตั้งแต่ออกจากบ้าน
เธอไม่รับรู้สักนิดว่ารถกำลังแล่นผ่านข้างทางที่เต็มไปด้วยไม้เลื้อยที่ตัดแต่งอย่างดี
เส้นทางที่น้อยคนนักจะได้รับอนุญาตให้เข้ามา คฤหาสน์หลังโตปรากฏให้เห็นอยู่ลิบๆจนกระทั่งชัดเจนขึ้นเมื่อรถยนต์สีดำจอดสนิท
คนที่ถูกปลุกลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย เพ่ยอิงบิดแขนไปมาเพื่อไล่ความปวดเมื่อยก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถทั้งที่ยังสะลึมสะลือไม่หาย เสียงดนตรีบรรเลงที่เปิดคลออยู่เบาๆดึงความสนใจของเธอได้เล็กน้อย ดวงตากลมโตเริ่มกวาดมองสถานที่ทั้งที่ควรจะเริ่มตั้งแต่นาทีแรกที่มาถึง ผ้าแพรสีแดงประดับด้วยขลิบทองตกแต่งตัวบ้านเอาไว้ ผ้าปักดิ้นทองลายมังกรถูกผูกและมัดโยงลงมาอย่างสวยงามรวมไปถึงช่อกุหลาบสีแดงสดที่วางตกแต่งทั่วบริเวณ แต่ว่านั่นยังไม่น่าตกใจเท่ากับป้ายที่ปักด้วยด้ายสีทองที่แขวนไว้เหนือประตูบ้านบานใหญ่
“ทำไมไม่มีใครบอกน้อง”
เจ้าของนัยน์ตาสีอ่อนหันไปทางพ่อกับแม่ ตวัดมองป้ายที่โชว์เด่นหราอีกหนแล้วตะโกนเสียงดัง
“นี่มันไม่ใช่งานแซยิด นี่มันงานแต่งชัดๆ!”
งานแต่งของเธออีกต่างหาก!!!
ปล.นี่ย์คืออินเนอร์หลัวมาเฟีย
Let's talk with me
ถึงจะเปิดทิ้งเอาไว้นาน แต่วันนี้เรามาแล้ว มาช้าเพราะติดสอบค่ะ ส่วนใครอ่านน้อนกุกมาก่อนก็โปรดลืมความใจดีของเฮียดื้อในเรื่องนั้นไปซะนะคะ นั่นน่ะตัวปลอม อิอิ อ่านตอนนี้ดีๆแล้วจะพบหลายอย่างค่ะ พอเห็นเค้าลางความวุ่นวายแล้วหรือยังเอ่ย น้องเพ่ยถูกหลอกมางานแต่งตัวเอง เซอร์ไพรส์หน้างานเลยของจริง55555 น้องดูจะออดอ้อนเก่ง แต่ว่ากับเฮียวีจะเป็นยังไงกันเนอะๆ หยั่กรู้ววววว (โปรดติดแท็ก #ดื้อกับเฮียวี มาส่งเสริมหลัวมาเฟียด้วยกันนะคะ แอบรอกดหัวใจอยู่ อิอิ)
ปล.คุณแชงก์ของน้องเหมือนครุกแชงก์ของเฮอร์ไมโอนี่นะคะ ได้เรฟมาจากคุณเค้า
ปล.อีกที เผื่อคนจะสับสนกับเรื่องชื่อและเชื้อชาติในเรื่อง เราจะอธิบายเองงงง
ฝั่งบ้านเฮียวีคือคนจีนจ๋าเลย จะมีแต่ชื่อจีนๆเนอะ ส่วนบ้านน้องเพ่ย แม่น้องเป็นลูกครึ่งอังกฤษกับจีนชื่อก็เลยฝรั่ง ส่วนพ่อน้องเป็นลูกเสี้ยวจีน แต่ชื่อไม่ใช่ชื่อจีนนะคะ
11/05/2019
ความคิดเห็น