NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชยพัทธ์ [Kulchotthananon]

    ลำดับตอนที่ #6 : ชยพัทธ์ 6

    • อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 66


    Warning??”?

    เนื้อหาในเรื่องมีความรุนแรงและมีคำหยาบคาย มีการพูดถึงเรื่องเพศและการใช้สารเสพติด พฤติกรรมของตัวละครไม่ควรลอกเลียนแบบ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

     

     

     

     

     

    สามวันต่อมา

    12.16น.

    -โรงพยาบาลภิวัฒน์ (สาขาเชียงใหม่)-

    "ดูจากผลเเอกซเรย์แล้วไม่มีส่วนไหนหักเลยครับคุณแม่ แต่อาจจะมีกระดูกข้าเท้าที่ร้าวนิดหน่อยครับ ยังไงวันนี้หมอจะใส่เฝือกอ่อนให้น้องไปก่อนนะครับ แล้วอาทิตย์หน้าเรามาดูกันว่าเป็นยังไง"

    "ค่ะคุณหมอ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ถ้าไม่ได้คุณหมอดิฉันแย่แน่ๆเลยค่ะ"

    "ไม่ต้องขอบคุณหมอหรอกครับ มันเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว ถ้างั้นเดี๋ยวพาน้องไปอีกห้องเลยนะครับ เดี๋ยวพยาบาลจะใส่เฝือกให้"

    "ค่ะหมอ"จากนั้นสองแม่ลูกก็ออกไปจากห้อง เมื่อคนไข้คนสุดท้ายของเช้านี้ออกไปแล้ว พัตก็ลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวออกไปพักก่อนจะกลับมาตรวจคนไข้ในรอบเวลาบ่าย

    ก๊อก ก๊อก

    ในขณะนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังชึ้นก่อนประตูจะเปิดออกพร้อมกับท่านผู้อำนวยการของโรงพยาบาลจะเดินเข้ามา

    "สวัสดีครับ"พัตที่เห็นแบบนั้นก็รีบยกมือไว้อีกคนทันที

    "สวัสดีหมอพัต ว่างหรือเปล่า มีเวลาคุยกับผมสักหน่อยมั้ย"

    "ได้ครับ"จากนั้นผู้อำนวยการก็นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้าม พัตที่เห็นแบบนั้นก็นั่งลงตามทันที

    "ท่าผอ.มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ"

    "พอดีว่าเลขาบอกว่าเมื่อวันก่อนหมอไปหาผมที่ห้องมา หมอมีอะไรจะคุยกับผมหรือเปล่า"

    "ครับ พอดีว่าผมมีเรื่องสงสัยเกี่ยวกับโครงการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจของเราน่ะครับ"

    "ได้สิ มีเรื่องอะไรสงสัยก็ถามผมได้เลย"

    "คือผมได้ดูประวัติของคนไข้คนหนึ่งที่เป็นเด็กคนแรกของโครงการน่ะครับ ที่มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด แต่พอมาดูแล้วมีแต่ชื่อคนเป็นแม่แต่ทำไมถึงไม่มีชื่อของพ่อล่ะครับ"

    "เด็กคนนั้นไม่มีพ่อน่ะ มีแต่แม่"

    "แล้วแบบนี้เราจะแน่ใจได้ยังไงครับว่าเด็กคนนั้นได้รับภาวะนี้มาจากคนเป็นพ่อหรือเปล่า"

    "ความจริงแล้วเงื่อนไขของคนไข้ที่จะเข้าเป็นคนในโครงการมันก็ต้องมีทั้งพ่อและแม่นั่นแหละ แต่สำหรับเด็กคนนี้เป็นกรณีพิเศษน่ะ"

    "กรณีพิเศษยังไงเหรอครับ"

    "เรื่องนี้ผมคงบอกเราไม่ได้หรอกนะเพราะมันถือว่าเป็นความลับระหว่างผมกับครอบครัวของคนไข้"

    "แล้วแบบนี้ผมจะรักษายังไงล่ะครับ ในเมื่อข้อมูลที่ผมมีก็มีไม่เพียงพอ"

    "ไม่ต้องห่วงหรอก หมอก็ตรวจคนไข้ตามปกตินั่นแหละ ถ้ามีอะไรนอกเหนือจากนั้นผมจะเป็นคนจัดการเอง"พัตที่ได้คำตอบแบบนั้นก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ในเมื่อตนเป็นหมอในโครงการนี้ตนก็ย่อมมีสิทธิที่จะรู้ถึงของมูลต่างๆรวมไปถึงการตัดสินใจด้วย

    "เอาเถอะหมอ อย่าได้สนใจเรื่องนี้นักเลย มีเรื่องที่เราต้องคุยกันอีกเรื่องหนึ่ง"

    "เรื่องอะไรเหรอครับ"

    "เรื่องที่คุณมาอยู่ที่นี่ยังไงล่ะ มีอะไรจะบอกผมหรือเปล่า"

    "ท่านรู้?"

    "ใช่ พี่ชายของคุณโทรมาหาผมเมื่อเช้านี้เอง ถึงว่าทำไมคุณถึงมาแทนเพื่อนของคุณ"

    "ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่"

    "ไม่เป็นไรหรอก เมื่อวานพ่อของคุณมาที่โรงพยาบาลด้วยนะ"

    "พ่อของผมเหรอครับ เขามาทำไมเหรอครับ"พัตที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบเอ่ยถามทันที

    "มาบริจาคเงินให้โรงพยาบาลน่ะ ดีนะผมไม่ได้พูดเรื่องของคุณไป"

    "ขอบคุณท่านมากๆนะครับ"

    "ผมคงช่วยอะไรได้ไม่มากหรอกนะครับ ถึงยังไงแลัวคุณก็ควรย้ายมาอยู่ให้เป็นเรืาองเป็นราวซะ ก่อนที่จะมีคณะกรรมการของโรงพยาบาลสงสัย"

    "ได้ครับ เดี๋ยวผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดครับ"

    "อืม ถ้างั้นผมไม่รบกวนคุณแล้ว แล้วก็เด็กคนนั้นในโครงการของเรา วันนี้มีนัดตรวจด้วยนะ ยังไงก็ฝากคุณด้วยก็แล้วกัน"

    "ครับ"จากนั้นอีกคนก็เดินออกจากห้องไป พัตถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์เสียก่อนที่ประตูจะเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับวิภาที่เดินเข้ามา

    "หมอ ตรวจเสร็จแล้วใข่มั้ย"

    "อืม"วิภามองหน้าที่ไม่สบอารมณ์ของพัตก่อนที่จะเอ่ยถาม

    "เป็นอะไร ทำไมทำหน้าเหมือนโมโหใครมา"

    "ไม่มีอะไรหรอก แค่เครื่องคนไข้นิดหน่อย"

    "ถ้าให้เดา ต้องเป็นคนไข้ที่ชื่อน้องพาใจ ใช่มั้ย"

    "เฮ้อ อืม"

    "ทำไม เกิดอะไรขึ้น"วิภาเอ่ยถามพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้

    "เมื่อกี้ท่านผอ.มา ฉันก็เลยถามเรื่องพาใจ"

    "แล้วเป็นยังไง ได้เรื่องอะไรบ้างหรือเปล่า"

    "ได้ก็เหมือนไม่ได้ ผอ บอกให้ฉันแค่ตรวจก็พอถ้ามีอะไรนอกเหนือจากนั้น เขาจะเป็นคนรับช่วงต่อเอง"

    "จะบ้าหรือไง นายก็เป็นส่วนหนึ่งในโครงการแล้วทำไมถึงไม่ให้นายรู้ข้อมูลของคนไข้ล่ะ"

    "ฉันว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นผอ.คงไม่ออกหน้ารับแทนแบบนี้"

    "บางทีครอบครัวเขาอาจจะมีอิธิพลในพื้นที่ก็ได้นะ"

    "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆผอ.ก็ไม่ควรปิดบังฉัน"

    "เอาเถอะ เอาไว้ค่อยหาข้อมูลกัน ตอนนี้เราควรไปกินข้าวกันได้แล้วก่อนที่จะมีเคสเข้ามา"

    "อืม"

     

     

     

     

     

    พาเพลิน คาเฟ่

    ช่วงเวลากลางวันของวันศุกร์นั้น เป็นช่วงเวลาที่แสนจะวุ่นวายที่สุดในบรรดาวันต่างๆที่ผ่านมา เพราะในทุกๆวันศุกร์ทางร้านจะจัดโปรโมชั่นให้กับลูกค้าทำให้มีตน้ป็นจำนวนมากเข้ามาซื้อเป็นจำนวนมาก

    "เฮ้อ เหนื่อยชะมัดเลย"ธีร์นั่งลงที่เก้าอี้หลังจากที่รับออเดอร์ให้กับลูกค้าคนสุดท้ายของร้านในช่วงเข้าเสร็จ

    "วันนี้คนเยอะกว่าทุกครั้งเลยนะ ธีร์ว่างั้นมั้ย"

    "ธีร์ก็คิดว่างั้นเหมือนกัน เค้กทุกอย่างตอนนี้หมดตู้หมดแล้ว"

    "คงเป็นเพราะกำลังจะเข้าหน้าหนาวแล้วด้วยแหละก็เลยขายดีแต่ก็เหนื่อยเหมือนกัน"

    "อืม ดีแล้วล่ะ ว่าแต่พี่วีจะทำขนมเพิ่มหรือเปล่า"

    "ไม่ทำแล้ว พรุ่งนี้มีออเดอร์เข้าน่ะก็เลยจะเก็บแรงเอาไว้ทำพรุ่งนี้"

    "อือ"

    "จริงสิ วันนี้เด็กๆจะไปนอนกับคุณแด๊ดใช่มั้ย"

    "ใช่ครับ วันพรุ่งนี้คุณแด๊ดจะพาน้องพาใจไปฟาหมอด้วยเลย"

    "ดีแล้วล่ะ เขาจะได้รู้ว่าเราก็ดูแลพาใจดีเหมือนกัน"

    "อืม แต่กับพายุนี่สิ ดื้อมาก ไม่ค่อยอยากไปไหนมาไหนกับคุณแด๊ด"

    "ก็เป็นปกติของพายุเขา รายนั้นนิ่งเงียบจะตายไปไม่แปลกที่จะไม่ชอบออกไปไหน แล้วอีกอย่างคุณแด๊ดก็ตามใจพาใจมากกว่าด้วย"

    "ก็คุณแด๊ดบอกว่าเวลาจะพาทั้งสองคนไปเที่ยวกัน พายุก็จะเป็นคนให้พาใจเลือกสถานที่ตลอด ใครกันแน่ที่ตามใจพาใจ"วีที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดไม่ออกเลยทันทีเพราะมันคือเรื่องจริง ไม่ว่าพาใจอยากได้อะไรหรืออยากไปที่ไหนพายุจะตามใจตลอด

    "ก็ดีแล้วที่เด็กสองคนรักกัน แล้วธีร์มีความคิดที่จะบอกเรื่องทั้งหมดนี้ให้พายุฟังหรือเปล่า"ธีร์ที่กำลังหั่นผลไม้ก็หยุดชะงักทันที

    "พี่คิดว่าตอนนี้พายุก็โตแล้วนะ พายุน่าจะเข้าใจ"

    "ธีร์ยังไม่พร้อมตอนนี้พี่วี ธีร์ไม่อยากให้พายุมองพาใจเป็นแบบอื่น"

    "พี่เข้าใจ แต่ยังไงเรื่องนี้เด็กๆก็ควรจะรู้นะ"

    "อือ เอาไว้ธีร์พร้อมและเด็กๆโตกว่านี้ ธีร์จะเป็นคนบอกลูกเอง

     

     

     

     

     

    14.16น.

    หลังจากพักกลางวันเสร็จแล้ว พัตก็รีบกลับเข้ามาที่ห้องตรวจของตนเองทันทีเพื่อรอตรวจให้กับพาใจ เด็กในโครงการพิเศษของโรงพยาบาลเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม

    "หมอคะ คนไข้ของโครงการมาแล้วค่ะ"

    "ครับ เชิญเข้ามาได้เลยครับ"จากนั้นพยาบาลก็เดินออกไปพร้อมกับเด็กสาวที่เดินเข้ามากับชายวัยกลางคน

    "คุณอาหมอ~"เด็กสาวที่เห็นพัตก็รีบวิ่งเข้าไปกอดทันทีพร้อมกับยิ้มออกมา

    "สวัสดีค่ะหนูพาใจ"

    "สวัสดี้ะอาหมอ วันนี้อาหมอจะมาตรวจพาใจเหรอคะ"เด็กสาวเอ่ยถาม

    "ใช่ค่ะ ต่อจากนี้ไปอาหมอจะเป็นคนตรวจหนูเองนะคะ"

    "เย้ ดีใจที่สุดเลย"เด็กสาวร้องออกมาอย่างดีใจก่อนที่จะกระโดดไปมา

    "พาใจ อย่ากระโดดแบบนั้นค่ะ"เสียงเข้มจากคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแด๊ดดี้ของพาใจดังขึ้น ก่อนที่เด็กสาวจะหยุดกระโดดโดยทันที

    "พาใจขอโทษค่ะ พาใจลืม"เด็กสาวเอ่ยตอบก่อนที่จะรีบเดินไปนั่งที่ตักของชายตรงหน้า

    "สวัสดีครับ คุณคงเป็นหมอคนใหม่ที่จะมาดูแลพาใจใช่มั้ยครับ"

    "ใช่ครับ ผมชื่อชยพัทธ์นะครับ เรียกผมว่าหมอพัตเฉยๆได้ครับ"

    "ครับ ผมวิวัฒน์ เป็นผู้ปกครองของพาใจหรือที่เด็กๆเรียกว่าแด๊ดดี้นั่นแหละครับ"ชายตรงหน้าพูดออกมาทำให้พัตที่กำลังสงสัยนั้นเข้าใจทันที

    "ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ"

    "ยินดีเหมือนกันครับหมอพัต"วิวัฒน์พูดพร้อมกับจ้องไปที่พัตและยกยิ้มออกมา

    "ถ้างั้นเรามาเริ่มตรวจร่างกายกันเลยดีกว่าครับ พาใจคะ อาขอฟังเสียงหัวใจหน่อยนะคะ"

    "ได้ค่ะ"จากนั้นำตก็เริ่มทำการตรวจร่างกายให้กับพาใจรวมไปถึงพยายามถามข้อมูลกับวิวัฒน์เพิ่มเติม

    "เออคุณวัฒน์ครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้หรือเปล่าครับ"

    "ถ้าไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวมากเกินไปผมก็พอจะตอบได้ครับ"

    "ไม่ก้าวก่ายแน่นอนครับ ผมแค่อยากถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพาใจน่ะครับ"

    "ได้ครับ ถามมาได้เลยครับ"

    "ครับ คุณวัฒน์รู้เรื่องที่พาใจเป็นคนไข้ในโครงการพิเศษของโรงพยาบาลหรือเปล่าครับ"

    "ก็พอรู้มาบ้างครับ ทำไมเหรอครับ"

    "คือตอนนี้ผมกำลังหาสาเหตุที่ทำให้พาใจเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดน่ะครับเลยได้ไปดูประวัติการรักษาและประวัติส่วนตัว ผมเลยอยากจะถามว่าคุณวัฒน์รู้จักกับพ่อของพาใจหรือเปล่าครับ"วัฒน์ที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มทันทีก่อนที่จะเอ่ยตอบกลับไป

    "รู้จักสิครับ รู้จักดีเลย"

    "ถ้างั้นคุณวัฒน์พอจะรู้มั้ยครับว่าพ่ของพอใจเขาเป็นโรคภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือเปล่าครับ"

    "เรื่องนั้นผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ พอดีว่าผมไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวของเขาน่ะครับ"

    "ออครับ"

    "แล้วหมอล่ะครับเป็นโรคนี้หรือเปล่า"

    "คุณวัฒน์ถามทำไมเหรอครับ"

    "ผมก็แค่ถามดูเฉยๆน่ะครับ"

    "ผมไม่เป็นครับ ผมแข็งแรงดี"

    "ดีแล้วล่ะครับที่คุณหมอร่างกายแข็งแรง"

    "ครับ เอ่อ เสียงหัวใจของพาใจก็ปกติดีนะครับ ส่วนอื่นๆก็ไม่น่ามีปัญหา เดี๋ยวหมอจัดยาตัวเดิมให้นะครับ แล้วอีกสองอาทิตย์เรามาประเมินผลกันนะครับว่าพาใจพร้อมที่จะเปลี่ยนหัวใจดวงใหม่หรือเปล่า"

    "ครับ เสร็จแล้วใช่มั้ยครับ"

    "ครับผม"

    "ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวพาใจรอนาน"

    "เชิญครับ"จากนั้นวิวัฒน์ก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตู่ก่อนที่จะหันกลับมามองหน้าพัตแล้วเดินออกจากห้องไป

     

     

     

     

     

    -บ้านนิติพัฒนกุล-

    หลังจากที่พาหลานสาวตัวเล็กของตนไปโรงพยาบาลเสร็จเรียบร้อยแล้ว วิวัฒน์ก็พาเด็กทั้งสองคนกลับมาที่บ้านเพื่อมาคุยกับธีร์

    "อาวัฒน์สวัสดีครับ ไหนอาบอกว่าจะพาสองแสบไปนอนด้วยไงครับ"

    "อืม พอดีฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอสักหน่อยน่ะ"

    "เรื่องอะไรเหรอครับ"วิวัฒน์มองไปที่วีเพื่อส่งสัญญาณ ก่อนที่วีจะพาเด็กทั้งสองคนออกไปเล่นที่สวนหลังบ้าน

    "มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับอา"

    "วันนี้อาไปเจอตานั่นมา"

    "ครับ?"

    "พ่อของพายุกับพาใจ"ธีร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไปทันที

    "มะ หมายความว่ายังไงครับที่ว่าเจอเขา"

    "นายนั่นเป็นหมอประจำตัวคนใหม่ของพาใจ"ธีร์ค้างไปอีกครั้งที่ได้ยินพร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัวและแสดงสีหน้ากังวลออกมาให้วัฒน์ได้เห็น

    "ไม่อยากเชื่อเลยนะว่านายนั่นจะมาอยู่ที่นี่"

    "อาวัฒน์ได้บอกเรื่องของเด็กสองคนให้เขารู้มั้ยครับ"

    "ไม่ อาไม่ได้บอกอะไรทั้งนั้นเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของธีร์กับนายนั่น"

    "....."

    "ดูเหมือนพาใจจะรู้จักกับนายนั่นด้วยนะ ได้ยินพาใจเรียกว่าอาหมอ"

    "พาใจเนี้ยนะครับรู้จักเขา เป็นไปไม่ได้หรอกครับ"

    "อะไรมันก็เป็นไปได้ทั้งนั้นธีร์ บางทีนายนั้นอาจจะรู้เรื่องเธิแล้วแต่เขาไม่ได้บอกเธอ"คำพูดของวิวัฒน์ทำให้ธีร์เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา ถ้าเขารู้เรื่องของตนขึ้นมา เขาจะเอาลูกๆไปจากตนหรือเปล่า

    "เอาเป็นว่าเรื่องนี้เธอเอาเก็บไปคิดเองก็แล้วกัน เด็กๆก็โตแล้ว ฉันไม่อยากให้เรื่องมันแย่ลงไปกว่านี้"

    "....."

    "ฉันว่ามันถึงเวลาแล้วที่เด็กๆจะได้เจอพ่อของตัวเองสักที"

     

     

     

     

     

    .

    .

    .

    TBC

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×