คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 3 : จุดจบ... นักฆ่าใบมีดมรณะ
The Difference: ความรัก...ปริศนา...ชะตากรรม
บทที่ 3 : จุดจบ... นักฆ่าใบมีดมรณะ
ฮัดเช้ย~!!
“เป็นบ้าอะไรของแกวะไอ้ครอฟ ใครแอบด่า...” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มวัยไล่เลี่ยกัน ผู้ซึ่งมีใบหน้าคมคายแต่ไม่ถึงขั้นหล่อจัดอย่างชายหนุ่มผมบรอนซ์ ที่เอาแต่จามมาสองสามทีแล้ว ชายผู้นี้มีนามว่า ‘บิทานี่ เนรอล ซัลซิออส’ บิทานี่รู้สึกหัวเสียจัดเมื่อมีคนมาทำลายสมาธิในการอ่านหนังสือของเขาเป็นที่สุด
“ไม่รู้เว้ย...” ชายหนุ่มบอกปัด ครอฟทำจมูกฟุ๊ดฟิ๊ดสองสามทีก่อนที่เจ้าตัวจะหยิบแก้วไวน์ที่วางอยู่กระดกจนหมด ก่อนที่เขาจะนึกอะไรบางอย่างได้...
“หึ ธุระ? จะเอาซองนั่นมาให้ฉันอย่างที่ผู้หญิงเค้าชอบทำกันอย่างงั้นหรอ”
...จริงสินะ จดหมายของผู้หญิงคนนั้น
“ไอ้บิทานี่...แกเอากองจดหมายไปไว้ไหนแล้ว” ครอฟเอ่ยถามขึ้น ขณะที่บิทานี่เงยหน้าขึ้นจากหนังสืออีกครั้ง เขามีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่
“ทิ้งไปแล้วมั้ง?...”
“ทิ้ง!!!”
“ไอ้บ้าแกจะมาตะโกนทำไมวะเนี่ย...แกบอกให้เอาไปทิ้งเองไม่ใช่หรือไง!”
“อ้าว!!! ไอ้ครอฟจะไปไหนอีกเนี่ย” บิทานี่ร้องลั่น เมื่อเห็นเจ้าเพื่อนตัวดีที่อยู่ๆก็รีบวิ่งพรวดพราดออกไปเสียดื้อๆ
“ป่าแบล็คเดส!!”
“ซวยแล้วไงไดอา~~”
“รีบหนีก่อนเหอะถ้าเธอยังไม่อยากถูกเสียบจนพรุน”
แจ๊ก แจ๊ก !!!
“เสียงอะไรอีกอ่ะไดอา”
นัยน์ตาสีเงินคู่สวยหันไปมองตามต้นเสียง ก่อนจะพบกับเจ้าสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายลิงสีขาว ขนยาวปุย ยามต้องแสงจะทอประกายเงินเงางาม และที่สำคัญคือ มันมีสามตา เจ้าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้เป็นที่รู้จักกันดีว่ามันคือตัว “มาด๊อง”!
หญิงสาวสังเกตถึงความผิดปกติที่มันมองมา แม้ตัวมาด๊องจะเป็นสัตว์ไม่มีพิษภัยอะไร แต่มันก็ชอบรังควานผู้อื่นเสมอ จนผู้คนขยาดที่จะพบเจอเจ้าตัวปัญหานี้ที่ชอบประจำอยู่ที่ต้นเดสลี่...
“โธ่เอ้ย... คิดว่าอะไร กำลังหน้าสิ่วหน้าขวานอยู่แท้ๆ ไอ้ลิงบ้าสามตายังมาส่งเสียงแจ๊กๆน่ารำคาญอยู่ได้” ปากที่ไม่เคยอยู่สุขเริ่มหาเรื่อง ขนาดกับสัตว์ยังไม่เว้น
เท่านั้นแหละไอ้ลิงบ้าสามตาไม่รู้โผล่มาจากไหนเป็นร้อยๆตัวบนยอดต้นเดสลี่ราวกับเห็ดราที่ผลุดขึ้นอย่างบ้าครั่งเมื่อมีที่อับชื้น ก่อนที่มันจะพร้อมใจกันเขย่าต้นไม้จนสั่นไปหมด
ซวยแล้วไง จะมีสักครั้งไหมที่มันจะไม่หาเรื่อง
“แกมมิเลียสวิ่ง!!!” ไม่ทันสิ้นเสียง ผลเดสลี่นับร้อยๆลูกก็พร้อมใจกันร่วงลงมาราวกับกระสุนปืนอัตโนมัติที่กราดยิงเป้าหมายอย่างไม่ยั้ง และไม่รู้จัดเหน็ดเหนื่อย
ปลายแหลมคมของมันรวดเร็วปานจรวดที่พุ่งโจมตีศัตรูแหวกอากาศตรงเข้าใส่เป้าหมายทันที ไดอาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เธอไม่เคยวิ่งเร็วขนาดนี้มาก่อน แกมมิเลียสเองก็เช่นกันแม้ปากเธอยังคงบ่นไม่หยุด แต่ขาเธอก็มีประสิทธิภาพดีพอกัน...
ฟุบๆๆๆ!!
ปลายแหลมพุ่งตรงแหวกอากาศเข้ากลางหลังของแกมมิเลียสด้วยความเร็วจนน่าตกใจ แต่ไดอาเร็วกว่า มือเรียวบางยกมีดสั้นประจำกายขึ้นมาปะทะกับคมหนามก่อนถึงตัวแกมมิเลียสแค่เสี้ยววินาที แต่...!!
เปรี้ยะ เคล้ง!!!
ใบมีดของไดอาที่ถือว่าแข็งแกร่งมาก แต่ทำไม
!!
ทำไม...มันจึงหักได้... ส่งผลให้หนามแหลมยาวเสียบทะลุเส้นเลือดใหญ่ที่ข้อมือเธอ ทั้งๆ ที่หนามพวกนั้นน่าจะแหลกต่างหาก...
ตอนนี้ทำให้มือบางของเธอชุ่มไปด้วยโลหิตสีแดงฉานไหลนอง แต่เจ้าตัวไม่คิดจะสนใจ
“ไดอาระวัง!!!”
สิ้นเสียงของแกมมิเลียส หนามแหลมนับสิบที่พุ่งตรงมายังเธอด้วยความเร็วสูง เจ้าตัวกระโดดเบี่ยงตัวหลบ แต่ไม่วายหนามแหลมปักเข้ากลางหลังของไดอาเป็นทางยาว เสื้อสีดำขาดวิ่นเผยให้เห็นแผลลึกเกือบสองนิ้วลากยาว เนื้อขาวเนียนแหวะออกอย่างน่าสยดสยองพอๆกับที่โลหิตสีแดงไหลย้อยจนร่างทั้งร่างเปียกชุ่ม
“ไดอา!!!” แกมมิเลียสร้องลั่นเมื่อเห็งร่างของเพื่อนสาว
นัยน์ตาสีเงินฉายแววเจ็บปวดอยู่ชั่วครู่ ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นเย็นชา เย็นชา...จนหน้ากลัว
มือเรียวกระฉากหนามแหลมยาวเกือบเมตรที่ปักเฉียงขึ้นกลางหลังออกอย่างไม่ลังเล เลือดสีแดงสดสาดกระจายไปทั่ว ไดอาหันหน้ามาประจันกับฝูงมาด๊องนับร้อยที่ส่งเสียงพอใจกับผลงานของมัน รอยยิ้มเหี้ยมปรากฏบนดวงหน้าสวย
“ถ้าชอบมันนักล่ะก็ ฉันจะสงเคราะห์ให้แกเอง
” มือทั้งสองยกสูงขึ้น
แต่ก่อนที่หญิงสาวจะได้ลงมือจู่ๆก็เหมือนมีอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นนั้นราวกับมีแรงกดดันมหาศาล ลูกเดสลี่นับร้อยที่หมายจะปลิดชีวิตสองสาวกลับเปลี่ยนทิศทางอย่างน่าตกใจ มันพุ่งแรงกว่าครั้งไหนๆ ตรงไปทางกองทัพมาด๊อง
ฟ้าววว ฉึก!!!
ใบมีดตรงเข้าตัดหัวเจ้าตัวมาด๊องนับร้อยขาดกระเด็น เลือดสดๆ พุ่งกระฉุด พร้อมกับร่างไร้วิญญาณของมันร่วงลงสู่พื้นเสียบกับหนามเดสลี่ฝีมือของพวกมันอย่างน่าสยดสยอง ส่งผลให้เลือดเหม็นๆสีแดงน่าสะอิดสะเอียนนองไปทั่วบริเวณ
“ใบมีมรณะ!!”
*พลังของชาวผู้วิเศษแบ่งออกเป็นสามระดับคือระดับพื้นฐาน นั่นคือพลังทั่วๆไปที่ผู้วิเศษทุกคนมีมาตั้งแต่กำเนิดหรือสายธรมมดา ระดับสองคือสายสังหารซึ่เกิดจาการพัฒนาของสายธรรมดา และระดับสุดท้ายคือสายต้องห้าม
ใบมีมรณะ พลังชนิดหนึ่งของสายสังหาร เป็นพลังที่สามารถเรียกใช้ใบมีดได้ตามต้องการ และจะออกมาจากมือ แขน ขาของผู้ใช้พลัง ปัจจุบันเหลือสายพลังนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น...
หรือว่าจะเป็น....
“ไดอาเป็นไงบ้าง
” ร่างของสตรีผมสีเงินยาวกระโดดลงมาจากต้นเดรสลี่ต้นหนึ่ง ใบหน้าของสตรีผู้นั้นครึ่งหนึ่งอยู่ภายใต้หน้ากากสีแดงสด....
“เรน...” หญิงสาวเอ่ยนามของสตรีตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ
“ไม่เป็นไรใช่ไหม...?”
“ฉันไม่เป็น ระ....” พูดยังไม่ทันจบประโยค ไดอาก็รู้สึกถึงแรงกระแทกที่ต้นคอ มันทำให้สติสัมปชัญญะของเธอกำลังจะหลุดลอยไป หญิงสาวพยายามอย่างยิ่งที่จะเกาะยึดความรู้สึกที่เริ่มเลือนรางเต็มที แต่ก็ไม่มีทางเอาชนะมันได้เลย เธอได้แต่ปล่อยให้ความมืดมิดเข้าคืบคลาน และพาเธอไปสู่ห้วงนิทราอย่างไม่มีจุดหมาย ไร้ซึ่งฝันใดๆทั้งสิ้น
“ดีใจจังที่ได้พบเธอ เรน นักฆ่าคนเก่งแห่งองค์กรนักล่าหัวอัศวิน...” เสียงกึ่งประชดดังขึ้นเบื้องหลังสตรีนามว่า เรน
“หึ ฉันก็ดีใจที่ได้พบเธอ แกมมิเลียส” สตรีตรงหน้ายิ้มเหยียด “ชื่อเพราะดีนะ...”
“รู้แล้วซินะ แต่เอาเถอะฉันไม่ถือ ...” หล่อนพูดพลางยักไหล่ ก่อนจะโยนท่อนไม้ในมือทิ้ง
“ข้าแต่นักเวทผู้ยืนยง จงบันดาน อำนาจมืด สถิตอยู่ในศาตรา ข้าแต่นักเวทผู้ลาล่วง ตัวข้าขอถวายโลหิตศัตรูร้าย เอ๊กครูซเซ่น!!”
ฟุบ!! ธนูเวทย์ที่ถูกบริกรรมคาถาส่องออร่าสีดำทมิฬดั่งอำนาจร้ายพวงพุ่งอย่างรวดเร็วจนแทบมองไม่เห็น หมายจะปลิดชีพเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายในคราเดียว...
“เพราะ...ยังไงซะแกก็ต้องตายอยู่ดี”
ไอเวทสีดำกระจายไปทั่วจนทำให้รู้สึกว่าตามืดบอดไปชั่วขณะ ชั่วอึดใจ สภาพภูมิอากาศก็เริ่มกลับมาเป็นดังเคยอีกครั้ง...
รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏแด่เจ้าของผลงาน เมื่อเห็นร่างๆหนึ่งนอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอย่างหมดท่า...
“...หึ นี่น่ะหรอจุดจบของนักฆ่าใบมีดมรณะ...”
“ ได-อา!!”
“อื้ม”
“ไดอา ตื่นๆๆๆๆๆๆๆ!!”
ดวงหน้าสวยของสาวผมม่วงที่นอนคุดคู้อยู่ในเตียงเล็กๆฉายแววรำคาญ แม้ตาทั้งสองข้างจะยังปิดอยู่ก็ตามที หล่อนไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นแต่อย่างใด ส่งผลให้เพื่อนสาวผมน้ำตาลแดงต้องเดือดร้อนเข้ามาปลุกอย่างถึงเนื้อถึงตัว
“ไดอา ลุกได้แล้ว” แกมมิเลียสเขย่าอย่างแรง หลังจากที่ตะโกนปลุกเพื่อนสาวจอมขี้เซามาแล้วหลายครั้ง ซึ่งก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมลุกขึ้นแต่อย่างมใด
“อื้ม...”น้ำเสียงยังคงดูงัวเงียเต็มที แต่เจ้าตัวก็ยอมลุกขึ้นมาจนได้ “โอ้ย!”
“เจ็บแผลอยู่หรือ?” แกมมิเลียสเอ่ยถามเพื่อนสาวอย่างเป็นห่วง “เอายาระงับปวดไปนะ แต่เธอต้องกินวันละห้าเม็ดทุกวันล่ะอย่าลืม เอ่อ ร้านขายยาที่ท่าเรือสั่งมาน่ะ...” ไม่ว่าเปล่า เจ้าตัวยัดกระปุกยาสีดำที่ด้านในบรรจุเม็ดยาสีแดงเล็กเท่าเม็ดแตงโมราวร้อยเม็ดเห็นจะได้ใส่มือไดอา ซึ่งก็รับมาด้วยสีหน้าเรียบๆอีกตามเคย แม้จะยังระบมแผลอยู่บ้างก็ตาม
“แล้ว เรนล่ะ เรนอนยู่ไหน?” ไดอารีบถามขึ้น เมื่อเธอเริ่มทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา
“เอ่อ...” แกมมิเลียสยิ้มเจื่อนๆ เก็บซ่อนสีหน้าบางอย่างไว้อย่างแนบเนียน “ตอนนั้นเธอสลบไปน่ะ เรนกับฉันช่วยกันแบกเธอมาที่ท่าเรือ ก่อนที่เรนจะแยกจากพวกเราที่ท่าเรือ เค้ายังฝากหั้นดูแลเธอเลยนะ”
หญิงสาวพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ สมองกำลังขบคิดว่าเช่นไรกันนะเรนถึงตามมาช่วยพวกเธอ จากตัวมาด๊องในป่าแบล็กเดสนี้ได้!
สงสัยคงแค่ผ่านมา เรนมักได้รับมอบหมายงานที่เกี่ยวกับการสืบเสาะไปตามที่ต่างๆเสมอ และอย่างน้อย เรนคงต้องรู้ว่าเธอกำลังจะไปอิลเลียนอล เลยมาดักพบเธอที่ป่านี้ แต่ดันเกิดเรื่องซะก่อนก็อาจจะเป็นได้
“เฮ้อ!!!” แกมมิเลียสถอนหายใจยาว “รู้หรือเปล่า...ฉันคิดว่าเธอจะไม่ตื่นซะแล้ว เล่นหลับไปสามวันเต็ม...” แม่สาวผมน้ำตาลแดงยังคงพล่ามถึงความยากลำบากของตัวเองอย่างนู้น อย่างนี้ที่ต้องคอยดูแลเธอสามวันเต็มๆ อย่างไม่หยุดไม่หย่อน เชื่อได้คนอย่างไดอา ไม่มีวันมานั่งฟังเจ้าหล่อนพล่ามน้ำลายแตกฟองอยู่แน่ เพราะเธอได้ช้อคไปตั้งแต่ที่รู้ว่าหลับไปถึงสามวันเต็มๆเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อะไรนะ ฉันหลับไปตั้งสามวันเชียวเหรอ!” น้ำเสียงฟังดูอึ้งสุดๆ
เอ้อ..ก็บอกอยู่ว่าสามวันยังจะมาถามอีก
“ก็ใช่น่ะสิ หัดดูซะบ้างว่าตอนนี้เราอยู่ไหนกันแล้ว...”
ไม่รีรอนัยน์ตาสีเงินตวัดออกไปมองทางหน้าต่างไม้สีขาว สิ่งที่พบคือแสงแดดสาดส่องกระทบดวงหน้าสวย และ คลื่น คลื่น คลื่น แล้วก็คลื่น งั้นแปลว่าเธออยู่ทะเลงั้นเหรอ
“กลางทะเล..” เสียงที่เอ่ยออกมาฟังดูจะเป็นคำถามซะมากกว่า
“ใครบอก นี่ท่าเรืออิลเลียนอลต่างหาก...”
ท่าเรืองั้นเหรอ? งั้นก็แปลว่าที่หลับไปสามวันเต็มๆ เธอก็อยู่กลางทะเลที่เต็มไปด้วยคลื่นงั้นสิ ... แค่คิด ตอนนี้ท้องไส้เธอก็เริ่มจะปั่นป่วนเต็มที
“ไดอา ไดอาเป็นไรอีกเนี่ย อย่าเงียบดิ ฉันยิ่งไม่ชอบความเงียบอยู่ด้วย
” แกมมิเลียสต่อว่าเมื่อเห็นเพื่อนสาวเอาแต่นั่งเงียบทำหน้าพะอืดพะอมจนเกินงาม
“แล้วดูดิ ทำหน้าพะอืดพะอมอย่างกับดมตดช้างงั้นแหละ ทำอย่างกับว่าเธอจะอ้วก ไปเก็บของได้แล้วป่านนี้คนไปสมัครเรียนเป็นพันแล้วมั้ง...”
ไม่ทันขาดคำแม่คนทำหน้าเหมือนดมตดช้างรีบลุกพรวดออกไปทันที อาหารที่แทบไม่ได้แตะเลยสามวันเต็มๆ ไหง ตอนนี้มันมาจากไหนนักหนา? แทบจะทะลักออกมานอกปากอยู่แล้ว ต้องรีบไปหาที่เหมาะๆปล่อยออกก่อน ขืนอยู่ต่อไปมีหวังเรือลำน้อยน่ารักนี้คงจะเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่หน้าพิสมัยเป็นแน่
“ไดอา ไปไหนอีกเนี่ย กลับมาช่วยขนของก่อน!!!” เสียงตะโกนเย้วๆ เรียกเพื่อนตัวดีที่วิ่งพรวดทิ้งกันไปเสียเฉยๆ แต่กระนั้นก็ไม่มีวี่แววจะกลับมา
“ครอฟ แกลงไปท่าเรือก่อนเดี๋ยวฉันจะไปตามเด็กมายกของเอง”
“แน่ใจนะว่าไม่ให้รอ” หนุ่มผมบรอนซ์ หรือครอฟหันมาถามบิทานี่ซึ่งกำลังทุลักทุเลกับการเก็บหนังสือที่ดูจะไม่ค่อยมีสาระเท่าไหร่ใส่กระเป๋า
“เออ! ฉันดูออกว่าแกอยากลงไปท่าเรือจะแย่อยู่แล้ว ดูท่าแกคงเซ็งบนเรือมาหลายวัน...” ไม่วายคนชอบแหย่อย่างบิทานี่ อดไม่ได้อีกตามเคย “...เมืองนี้หญิงเยอะซะด้วย”
ถึงครอฟจะไ ม่ว่าอะไร แต่ชายหนุ่มก็เอานิ้วปาดคอ ประมาณว่า ขืนพูดต่อแกตายแน่ ก่อนจะตั้งท่าเดินออกไป..
“อ้อ แกยังมีคดีกับฉันอยู่นะ ถ้าแกหาจดหมายมาให้ฉันไม่ได้ หรือสืบว่าไวโอร่านั่นเป็นใครไม่ได้แกตายแน่ไอ้เพื่อนรัก...”
อิเลียนอลนั้นถึงแม้จะไม่ใช่เมืองที่ใหญ่โตอะไร แต่ก็ใช่ว่าเล็กซะทีเดียว และด้วยท่าเรือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดจึงทำให้มีผู้คนมากมายถึงขั้นเรียกว่าจอแจได้เลย โดยเฉพาะยิ่งตอนนี้สถาบันผู้วิเศษอิเลียนอลเปิดรับสมัครเป็นวันสุดท้ายแล้วด้วย ที่นี่จึงคราคล่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ทั้งผู้ที่เดินทางจากต่างถิ่น และเหล่าพ่อค้าแม่ขายที่ต่างตะโกนแข่งกันขายสินค้าของตนเย้วๆ ไม่ต่างอะไรจากตลาดสดดีๆนี่เอง
ส่วนท่าเรืออิเลียนอล ตอนนี้เต็มไปด้วยเรือลำน้อยใหญ่จอดเรียงรายเป็นแถวๆ จนดูน่าตื่นตาสำหรับชาวผู้วิเศษต่างเมือง หรือพวกนักท่องเที่ยว ในจำนวนผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมานั้นคงไม่มีใครที่จะดูสะดุดตาไปกว่าชายหนุ่มผมบรอนซ์อีกแล้ว ทั้งด้วยความสูงที่ราวๆร้อยแปดสิบแปดเซนติเมตรและด้วยหน้าที่หล่อเหลาเอามากๆ จึงทำให้ความสนใจตกไปอยู่ที่เขาได้ไม่ยาก โดยเฉพาะเหล่าสาวน้อย สาวใหญ่ทั้งหลายต่างพากันเล่นหูเล่นตากับเขา ทำท่าว่าอยากจะเข้ามาตีสนิทใจจะขาด ซึ่งชายหนุ่มเองก็ดูจะพอใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
การมาเยือนเมืองนี้ลำหรับเขาดูท่าว่าน่าคึกคักไม่ใช่น้อย เขาเพียงแค่วางท่าเล็กๆน้อยๆ แค่นี้ปลาก็ติดแหมาเป็นพรวนแล้ว...
ร่างสูงเดินออกจากท่าเรือมาพอสมควร เขารู้สึกเหมือนว่าได้ยินเสียงฝีเท้าเร็วๆ ของใครบางคนวิ่งตามหลังมา คงจะเป็น บิทานี่ละมั้ง เขาคิดในใจ พลางหันไปมอง...
พลันนัยน์ตาสีฟ้าหม่นสบเข้ากับร่างบางของสตรีคนหนึ่งที่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งมาแต่ไกล เธอช่างแลดูงดงามกว่าใครทั้งหมด และที่ดูจะสะดุดตาคงจะเป็นสีผมสีม่วงเป็นเงาสวยยามต้องแสงแดดที่พลิ้วไสวตามแรงวิ่งของเธอ...!!
นั่น ยัยตัวดี!!
.................................
ตั้งแต่ออกจากเรือได้ไดอาก็วิ่งอย่างไม่คิดชีวิตหาที่เหมาะๆ จนเธอแทบจะไม่มองคนรอบข้างเลย ว่าคนพวกนั้นมองเธออย่างไร เพราะตอนนี้เธอจะไม่ไหวอยู่แล้ว ...
ไดอา ยังคงวิ่ง วิ่ง และก็วิ่งต่อไปจนกระทั่ง...
...........!!!
____________________________________
________________________________
เม้นๆโหวตๆกันสักนิดนะจ๊ะ ไรเตอร์จะได้มีกำลังใจ
เดี๋ยวมาอัพต่อค่ะ ... ขอเม้นหน่อยน้า
ความคิดเห็น