คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 2 : การพบที่ไม่อยากเจอ
The Difference: ความรัก...ปริศนา...ชะตากรรม
บทที่ 2 : การพบที่ไม่อยากเจอ
“นี่น่ะเหรอทางที่เธอเลือก?” แกมมิเลียสเริ่มเปิดฉากสนทนาขึ้น หลังจากที่ทั้งไดอาและเธอรีบออกจากคฤหาสน์ มิลเล่อร์ พร้อมๆกับทางเลือกแสนง่ายดายสำหรับนักล่าคนสวยที่ดูจะไม่ค่อยเต็มใจรับงานนี้เท่าไหร่ นั่นก็คือ...
ตึ๊ง-ตึง-ตึง-ตึง-ตะลึง-ตึง-ตึง~!!!
เสียงดนตรีดังสนั่นลั่นออกจากห้องสี่เหลี่ยมชั้นเดียวขนาดใหญ่ที่ดูจะเป็นสถานบันเทิงชั้นนำ ประดับประดาด้วยไฟหลากสีเสียจนน่าเวียนหัว ยิ่งบวกกับเสียงเพลงที่ถูกเปิดอย่างไม่เกรงอกเกรงใจใครด้วยแล้วละก็ที่แห่งนี้คงเป็นที่ไม่น่าพิสมัยเอาเลย เว้นแต่พวกนักตระเวนราตรีลูกเศรษฐีกระเป๋าหนักทั้งหลาย
“...แต่ฉันว่าเธอไม่มีทางเลือกมากกว่านะไดอา...” คำพูดนี้ถึงกับทำให้คนพูดน้อยถึงกับต้องมองด้วยสายตาเย็นเฉียบ
“ก็แหม...ดูคุณมิลเล่อร์จะพอใจเธอเป็นพิเศษ มันก็เป็นทางเลือกอันดีแล้วนี่ ที่เค้าจะให้เธอรู้จักกับลูกชายคนเดียว...บางทีเธออาจจะกลายเป็นคุณนายมิลเล่อร์ก็ได้นะ ดีกว่าเป็นนักล่ากระจอกๆอยู่แบบนี้”
ไดอาไม่แม้แต่จะสนใจคนที่ชอบพูดพล่ามไม่หยุด เธอได้แต่กวาดสายตาไปยังสถานที่แห่งนี้อย่างขยาดนิดๆ เมื่อเห็นคู่หนุ่มสาวหลายคู่นัวเนียกันอยู่หน้าสถานบันเทิงจนเกือบจะเรียกว่าอุจจาดตา...
“ขอโทษนะครับH.S.วันนี้ปิดบริการ” ชายชุดดำรีบพูดขึ้นหลังจากที่เห็นสองสาวทำท่าจะเดินเข้าสถานบันเทิง เข้าพูดด้วยท่าทีสุภาพตรงกันข้ามกับท่าทางทีที่ดูจะไม่สุภาพเอาซะเลย เมื่อเขาเข้ามากระชั้นตัวสองสาว พลางกางแขนออกเป็นเชิงห้ามเข้า...
“เอ๋?” แกมมิเลียสเอียงคอ “ก็เห็นว่ามันเปิดอยู่ชัดๆ”
“วันนี้ร้านเราถูกตระกลูมิลเล่อร์ปิดแล้ว...ถ้าหากคุณไม่มีบัตรเชิญก็เข้าไม่ได้ครับ” ชายชุดดำที่คาดว่าน่าจะเป็นพนักงาน ไม่สิยาม หรือไม่ก็...ช่างเถอะรีบเอ่ยอย่างรวดเร็วราวกับว่ากลัวสองสาวตรงหน้าจะแอบหนีเข้าไป ทั้งๆที่คงจะมีทางเป็นได้หรอกนะ เมื่อพี่แกยังยืนขวางอยู่อย่างนั้น
“เพื่อนฉันมาทำธุระที่นี่...” แกมมิเลียสเอ่ยแทน พลางหันไปมองหน้าไดอาที่พยักหน้าเรียบๆแทบคำยืนยัน “เรามีธุระกับคุณมิลเล่อร์น่ะ...”
“ขอโทษจริงๆครับ หากพวกคุณไม่มีบัตรเชิญก็เข้าไม่ได้ คุณครอฟกำชับวะ...”
“เสียงโววายอะไรดังลั่นเข้าไปถึงข้างในเลย!”
“คะคุณ ครอฟฟอร์ด...” พนักงานสถานบันเทิงเอ่ยอย่างติดๆขัดๆเมื่อหันไปเห็นต้นเสียง
ชายหนุ่มวัยสิบแปดปีผู้มีเรือนผมสีบรอนซ์ทองทอประกายสลวยยาวละลำคอ ใบหน้าของเขานั้นช่างหล่อเหลาคมคายเสียจนต้องเหลียวหลัง นัยน์ตาสีฟ้าหม่นเปี่ยมเสน่ห์เสียจนสาวน้อยสาวใหญ่ที่ไหนเห็นเป็นต้องร้อนๆหนาวๆไปตามๆกัน จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากเรียวบางที่คงจะมอบจุมพิตร้ายกาจให้สาวน้อยใหญ่มาแล้วมากมาย ส่วนผิวของเขาช่างผิวเนียนขาวสะอาดเสียจนผู้หญิงบางคนยังต้องอาย จนแลดูชายหนุ่มผู้นี้เป็นหนุ่มเจ้าสำอาง ไดอาบอกตัวเอง
ร่างสูงใหญ่ราวร้อยแปดสิบแปดเซนติเมตรสวมเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทเปิดอกกับกางเกงหนังสีเดียวกัน ข้างกายมีหญิงสาวใส่ชุดเกาะอกสีแดงสด กับชุดหนังสีดำรัดรูปขนาบข้าง จนทำให้เรือนร่างราวเทพบุตรถูกบดบังด้วย มาดชายหนุ่มยโสร้ายกาจ จอมเจ้าชู้แทน...
“มีอะไร...” เสียงทุ้มของชายผู้นี้ ผู้มีนามว่า ‘ครอฟ หรือ ครอฟฟอร์ด โรเบิร์ต เฟลิเป้ มิลเล่อร์’ ลูกชายคนเดียวของโรเบิร์ตแห่งองค์กรนักล่าหัวอัศวินฯสาขาหนึ่ง ครอฟมักจะใช้น้ำเสียงเย้ยหยันเยี่ยงนี้ประจำจนเป็นนิสัย
นัยน์ตาสีฟ้าหม่นเลื่อนมาจับจ้องอยู่ที่ไดอา เขาเริ่มมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่จะเอียงคอน้อยๆเผยให้เห็นต่างหูสีเงินที่หูข้างซ้ายเรียงรายกันอย่างวิจิตรสี่ห่วง ใบหน้าคมคายเริ่มฉายรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น เมื่อเขาเริ่มมองไปที่เป้า ผู้ซึ่งเรียกความพอใจให้แก่เขาที่แต่วินาทีแรก...
ไวโอร่าหรือ?
ชายหนุ่ยเคยแต่ได้ยินเรื่องเล่าถึงชนเผ่าหายากที่หายไปอย่างไรร่องรอยอย่างไวโอร่า เขาไม่นึกเลยว่าชาวไวโอร่าที่ร่ำลือถึงเสน่ห์ และความงามที่ชวนให้เคลิบเคลิ้มจะมายืนอยู่ตรงหน้าเขาได้...
“พวกเธอกลับเข้าไปก่อนไป
” เข้าสั่งหญิงสาวข้างกายโดยไม่หันมามองสีหน้าของพวกหล่อน ทีแรกเจ้าหล่อนมีท่าทีไม่ยอมง่ายๆ แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจัง ก็ได้แต่มองหน้ากันก่อนจะรีบสะบัดสะโพกเข้าไปอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับเจ้าพนักงานที่หายจ้อยไปนานแล้ว...
“ไดอาๆ นี่น่ะหรอคุณครอฟ?” แกมมิเลียสหันมากระซิบไดอาอย่างใคร่รู้จนออกนอกหน้า หญิงสาวยังคงตีหน้าเรียบอยู่ตามเคย แม้นัยน์ตาสีเงินจะสบกับดวงหน้าคมคายนั่น
“คงงั้นมั้ง” ไดอาตอบเรียบๆ หญิงสาวเองก็ยังไม่เคยเจอตัวจริงของลูกชายคุณโรเบิร์ตเจ้านายสุดที่รักของเธอเข้าสักที ก่อนที่หญิงสาวจะจ้องหน้าชายหนุ่มที่ยืนมองเธออยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาเรียบๆ ต่างจากหญิงสาวทั่วไปที่มักจะเล่นหูเล่นตากับเขา...
“เธอ...” ครอฟชี้ไปที่ไดอา “...รู้หรือป่าวว่าคนธรรมดาจะเข้าไปข้างในไม่ได้ถ้าไม่มีบัตรนี่...” เขาพูดพร้อมกับชูบัตรสีทองอร่ามขึ้นมา
“รู้...” ไดอาตอบเรียบๆ ส่งผลให้ครอฟเลิกคิ้วเข้มขึ้นเป็นเชิงสงสัย
ผู้หญิงคนนี้แปลก...แต่น่าสนใจพิลึก
“เอ่อ ฉันแกมมิเลียสค่ะ พวกเรามีธุระกับคุณ” แกมมิเลียสรีบสวน เมื่อเจ้าหล่อนเริ่มรู้สึกถึงรังสีอันตรายที่เริ่มแผ่ออกมาทีละน้อย จนเริ่มอึดอัดจากคนทั้งสอง...
“หึ ธุระ? จะเอาซองนั่นมาให้ฉันอย่างที่ผู้หญิงเค้าชอบทำกันอย่างงั้นหรอ” ครอฟจ้องไปที่ซองในมือไดอาด้วยสายตาเหยียดหยาม ก่อนที่เจ้าตัวจะคว้าหมับเข้าที่ข้อมือบาง
ไดอาตกใจที่จู่ๆคนตรงหน้าก็คว้าข้อมือเธอขึ้นมาหน้าตาเฉย พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทีไดอารู้สึกหมั่นไส้เป็นที่สุดตั้งแต่เห็นครั้งแรก
“ปล่อย!!!” เธอสั่งเสียงเย็น พลางมองหน้าชายหนุ่มตัวสายตาเย็นชา แต่เขากลับไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน กลับกันเขากับเริ่มรู้สึกสนุกกับหญิงสาวแสนสวยตรงหน้าแทนต่างหาก ความคิดบางอย่างเริ่มเข้าสู้สมองโดยฉับพลัน...
ไดอาสะบัดแขนอย่างแรงจนในที่สุดก็หลุดจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม เธอดันซองสีขาวใส่ตัวเขาก่อนจะรีบถอยห่างออกจากเขาเสียจนดูราวกับรังเกียจก็ไม่ปาน
“มีเรื่องกับลูกเจ้านายก็เป็นการเริ่มต้นที่ไม่สวยนะ...” แกมมิเลียสเริ่มเตือนสติ แต่กระนั้นที่ก็มิอาจบดบังแววกระหายใคร่รู้ถึงความร้ายกาจของพลังมิลเล่อร์ผู้นี้หมด “
แต่ถ้าเขาทำกับเธออย่างนี้มันน่าจะสั่งสอนเสียบ้างนะ คุณนักล่า!”
ไดอาไม่สนใจเสียงยั่วยุของเพื่อนสาวที่รบเร้าเธอ หญิงสาวตัดสินใจนิ่งเสีย อย่างไรซะเธอก็แค่นักล่ากระจอกๆ ไม่อาจจะไปเทียบนักฆ่าระดับสองที่เป็นถึงลูกชายหัวหน้าองค์กรฯได้หรอก หญิงสาวจึงตัดสินใจหันหลังกลับ แล้วลืมไอ้กิริยาลามปามนี้เสีย แต่..!
หมับ!!
ชายหนุ่มกลับดึงร่างบางเข้ามากอดจากทางด้านหลังด้วยความรวดเร็วเสียจนตั้งตัวไม่ติด
“..เล่นตัวจริงนะ” ครอฟก้มกระซิบริมหูซ้ายเสียจนหญิงสาวขนลุกซู่ “...ฉันรู้ว่าเธอคิดอะไร...ไปนั่งกับฉัน แล้วหัดทำตัวให้น่ารักหน่อย เธอจะได้อะไรดีๆอีกเยอะ...”
กึก!!
มีดสั้นประจำกายของไดอาถูกเรียกหาในยามคับขัน หญิงสาวไม่มีพลังวิเศษอย่างคนอื่น แต่กระนั้นเรื่องฝีมือการใช่อาวุธของเธอไม่อาจประมาทได้ โลหะแหลมๆสีเงินวาวจ่ออยู่ที่ร่างของชายหนุ่ม เธอรู้ดีว่าคนตรงหน้าเป็นใคร หากแต่การกระทำลุ่มล่ามนั้นมันเหลือจะทานทน
“ถ้าไม่ปล่อยฉันฆ่านายแน่!” ไดอาสั่งเสียงเย็นด้วยความเดือดดาน ส่วนแกมมิเลียสที่ยืนดูเหตุการณ์ได้แต่ยิ้มเหยียดอย่างสะใจ
“ทำได้ก็ลองดู...” เขากระซิบตอบ จมูกโด่งกดลงที่แก้มนวลหนักๆราวกับจะแหย่เธอเล่น
หญิงสาวหลับตาแน่น ได้แต่ร้องกรี๊ดอยู่ในใจ เธอไม่รู้สึกสนุกด้วยกับการแหย่เล่นของคนตรงหน้าเลยสักนิด...!
จังหวะเดียวกันนั้น
โอ๊ย!!! ไดอาร้องลั่น ข้อมือบางถูกบิดอย่างแรงจนมีดสั้นกระเด็นผ่านหน้าแกมมิเลียสไปอย่างเฉียดฉิว ทีแรกแกมมิเลียสกะว่าจะวิ่งไปเก็บมันขึ้นมา แต่เมื่อเห็นสีหน้าของครอฟแล้ว เจ้าหล่อนรู้สึกเหมือนตะคริวจะเริ่มกินขาเสียจนกระดุกกระดิกแทบไม่ได้...
“...หึ ชอบความรุนแรงก็ไม่บอกแต่แรก ฉันมีอะไรให้เธอสนุกอีกเยอะเลย...”
“ ฉันคงยังไม่ได้บอกเธอสินะว่า...ผู้หญิงกับของมีคม...” เขาเว้นจังหวะ มือซ้ายที่แข็งแรงดุจคีมล็อคร่างเพรียวบางนั้นไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างเริ่มหยิบมีดสั้นอีกอันที่เจ้าตัวล้วงออกมาจากตัวนักล่าสาว เขาลูบไล้ใบมีดคมกริบก่อนจะเริ่มไล่มันไปตั้งแต่ใบหน้าสวยหวาน ลำคอ และเริ่มต่ำลงมาเรื่อยๆ ...
ชายหนุ่มหลับตาลง ใบหน้าคมคายกล้มลงคลอเคลียลำคอของหญิงสาว ก่อนจะกระซิบข้างหูแผ่วเบา...
“...ฉันชอบเป็นที่สุด”
ท้องของหญิงสาวเริ่มปั่นป่วนอย่างร้ายกาจ เธอร้อนวูบวาบ ขนในกายพลันลุกชันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไดอาแทบอยากจะร้องไห้ เธอช่างขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ...
กรี๊ด!!!
เสียงสวรรค์ทรงโปรด จังหวะนี้แหละที่ไดอาสามารถหลุดออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่มได้ เธอแทบจะตะโกนขอบคุณสตรีผมดำเลื่อมผู้มีนัยน์ตาสีเพลิงสด หล่อนสวมใส่เดรสผ้าเบาบางสีน้ำเงินเข้มตรงหน้า เจ้าหล่อนวิ่งกรี๊ดเข้ากระชากตัวเธอออก ก่อนจะตรงเข้าเกาะแขน ครอฟที่ยืนทำหน้าเสียอารมณ์ เขาหมุนมีดสั้นในมือเล่นพลางพ่นรมออกจากจมูกราวกับกำลังระบาย
“แก~นังบ้า กล้ามากนะที่มายุ่งกับแฟนฉัน!!”
ไดอาเฉยชากับคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า เธอดูไม่ทุกข์ร้อนอะไร นอกเสียจากนัยน์ตาสีเงินนั้นอัดแน่นไปด้วยความรังเกียจ แม้ใบหน้าจะยังราบเรียบอยู่ก็ตาม
“อ้าย!!นังบ้า รู้หรือป่าวว่าฉันเป็นใคร ยังมีหน้ามามองหน้าอีก รีบไปให้ไกลก่อนที่ฉันจะสั่งคนมาลากแกออกไป ไป๊!!!” เจ้าหล่อนยังคงยื่นตะโกนด่าป่าวๆราวกับคนเสียสติ
“จบแล้วใช่ไหม?” ไดอาเอ่ยเรียบเสียจนแกมมิเลียสแทบจะปล่อยก๊ากออกมา “แฟนเธอเหรอ? เหมาะสมกันดีนะ โรคจิตทั้งคู่...” ไดอาตั้งท่าจะหันหน้ากลับ ก่อนที่เธอจะนึกอะไรได้บางอย่าง
“อ่อ แล้วเธอก็อย่าลืมตามไปกรี๊ดนะ มีอีกสองคนใส่ชุดสีดำกับแดง...” ไดอาพูดหน้าตาเฉยก่อนจะเดินกลับไปอย่างไม่สนใจในเสียงกรี๊ดลั่นของเจ้าหล่อนที่ตะโกนค่าไล่หลังป่าวๆ
เฮ้อ...หญิงสาวถอนหายใจยาว มือเรียวยกขึ้นถูแก้มแรงๆจนเป็นรอยแดง เธอได้แต่สบถสาปแช่งเจ้าคนลามปาม และโลมเลียนี้อยู่ในใจ
...เหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก ความคิดนี้เข้าสู่สมองของหญิงสาวเมื่อภาพของชายหนุ่มผมบรอนซ์ลอยเข้ามาในหัวอีกครั้ง หญิงสาวสะบัดหน้าแรงๆให้ภาพไอ้คนโรคจิตนี้หายออกไปซักที
เธอจะรู้ไหมนะว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้นของคนทั้งคู่เท่านั้น
หนึ่งลูกครึ่งไวโอร่าสาวกำพร้า ผู้มีปมอดีตในใจ กับหนึ่งลูกนักฆ่าคนใหญ่ที่ถูกเลี้ยงมาด้วยความรุนแรง อำนาจ เงิน และการเอาชนะไร้ซึ่งความละเอียดอ่อน!
“ก็ถือว่าเริ่มได้สวยนะไดอา...” แกมมิเลียสพูดขึ้น “...เหมือนในนิยายไง ที่พระเอกกับนางเอกชอบทะเลาะกันน่ะ”
...ถ้าต้องเป็นนางเอกคู่กับนายนั่น สู้ให้ใส่ส้นสูงลากชายกระโปรงยาวๆกับท่าเต้นยานๆเสียยังดีกว่า หญิงสาวนึกอยากจะเถียงออกไปเสียให้ได้
นัยน์ตาสีฟ้าหม่นยังคงจับจ้องไปที่แผ่นหลังของหญิงสาวผู้มีเรือนผมสีม่วงสะดุดตา ที่เจ้าหล่อนแลดูงดงามกว่าสตรีคนไหนที่เขาเคยพบ ทั้งใบหน้าหวานละมุด และเรือนร่างอ้อนแอ้น จนเขาปรารถนาที่จะสัมผัสเรือนร่างนั่น แต่ที่เห็นจะทำให้เขาไม่ลืมก็คงจะเป็น นัยน์ตาสีเงินคู่สวยทีจ้องมองเขาด้วยความเย็นชา หรือว่าเขาจะหลงเสน่ห์สาวไวโอร่าเข้าให้เสียแล้วนะ...
“...น่าสนุก” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเบาๆ เขาหรี่ตาลง
“ อะไรน่าสนุกหรอคะครอฟ ...” สตรีผมดำถามอย่างสงสัย หล่อนพยายามจะโน้มกายเข้าหาเขาให้มากที่สุด และโอบร่างสูงตรงหน้าเอาไว้
“จริงสิ...” เข้าก้มมองหญิงสาวตรงหน้าที่หันมายิ้มหวานให้ “...เราคงต้องเลิกกันแล้วล่ะ เซรี”
“อะ อะ อะไรนะ!!” หญิงสาวนามเซรี หรือ เลดี้อาเซรี วาเรนซี่ โคบาเรนส์ สตรีผู้สูงศักดิ์ แห่งอิลเดียร่า ร้องอย่างตกใจ “ล้อเล่นใช่ไหมคะครอฟ คุณล้อฉันเล่นใช่ไหม”
“ฉันเคยล้อเล่นกับคุณหรอ” เขาจ้องหน้าเธอ “อีกอย่าง..อย่ามาทำตัวเป็นเจ้าของฉัน...”
“...มันน่ารำคาญ” เขาเอ่ยอย่างเย็นชา ไม่สนใจมือที่เกาะกุมนั่นเลย
“ครอฟๆ หยุดนะครอฟ คุณจะหันหลังให้ฉันไม่ได้นะ ไม่มีใครเคยทำกับฉันแบบนี้ ฉันบอกให้หยุดไง ฮือ!!!”
“ฉันบอกว่าให้หยุด อย่ามาหันหลังให้ฉันนะ ครอฟ ครอฟ กรี๊ดดด!”
ชายหนุ่มไม่ฟังแม้แต่เสียงร้องครวญครางใดๆของบุตรสาวแห่งอิลเดียร่าผู้สูงส่งคนนี้เลย เธอกำลังร่ำให้ราวกับคนเสียสติ หญิงสาวผู้สูงส่งอย่างเธอไม่น่าจะ ถูกปฏิเสธแสนเจ็บปวดแบบนี้
“ครอฟคะอย่าไปฮือ คุณก็รู้ว่าฉันขาดคุณไม่ได้ ได้โปรดฉันรักคุณ...”
ชายหนุ่มชะงัก เขาเพียงหันมามองด้วยสายตาเฉยชา “แต่ฉันไม่ได้รักคุณ...และไม่เคยรักใคร...” กลีบกุหลาบแห้งร่วงโรยใส่สตรีผู้เป็นที่หมายปองของชายทั้งหลายด้วยน้ำมือของผู้เป็นที่รัก เหตุใดเขาจึงทำกับสตรีที่สูงส่ง และเพียบพร้อม อย่างเธอได้ถึงเพียงนี้ แล้วปล่อยให้เธอเต้นเร้าๆราวกับคนเสียสติ
ครอฟเดินจากไปอย่างไม่ใยดี คนแล้วคนเล่า ที่เขาทิ้งไปอย่างไม่สนใจ หญิงใดที่คิดจะเข้ามาสานความสัมพันธ์กับเขา ย่อมต้องรู้ดีว่าตนสามารถถูกทิ้งไปได้อย่างง่ายดายเพียงชายหนุ่มเกิดสนใจคนใหม่...
และตอนนี้เขากำลังสนใจหญิงคนใหม่อีกแล้ว...!
ร่างบางถึงกับทรุดฮวบลงกับพื้น หล่อนร้องไห้จนน่าสงสารจับใจ เซรีไม่เข้าใจว่าเธอทำผิดอะไร ทั้งๆที่เธอทุ่มเทกับชายหนุ่มผู้นี้ทั้งความรักที่มอบให้ มาวันนี้เขากลับบอกเลิกเธออย่างไม่มีสาเหตุ...
หลายคนเคยปรามเธอถึงเรื่องการคบหากับมิลเล่อร์ผู้นี้ว่าอาจจะต้องลงเอยอย่างไม่สวยหรูอย่างที่คิด แต่เธอเองก็ไม่เคยแม้แต่จะฟัง ทำไมเธอจะไม่รู้เรื่องการใช้ผู้หญิงที่แสนเปลือง หรือแม้กระทั้งการรักษาสายเลือดของตระกูลนี้กันเล่า...
ภาพความทรงจำแสนสวยหรูระหว่างชายหนุ่มผมบรอนซ์ทอง กับหญิงสาวผมสีดำดุจหมึกย้อนมาราวกับเทปที่กำลังถูกกรอกลับ ความทรงจำระหว่างเขากับเธอ วันที่ทั้งคู่มีความสุขด้วยกัน บัดนี้มันกลับเป็นดั่งอาวุธร้ายที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงเสียจนบอดช้ำทั้งเรือนร่าง และจิตใจ
“ฮือทำไมคะครอฟฮือ ทำไม..” ดวงตาสีเพลิงแดงกล่ำไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลอย่างอยากจะหยุด ร่างอันบอบบางของเธอเริ่มทรุดลงพื้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน...
จู่ๆดวงตาที่เคยเศร้า และหม่นหมอง แปรเปลี่ยนอย่างน่าตกใจ เปลวเพลิงสีแดงสดลุกโฉดช่วงอยู่ในดวงตาทั้งสองข้าง...
“...หรือว่าเป็นเพราะแกนังตัวดี!”
“ไดอา เธอว่าคุณครอฟเป็นยังไง”
น้ำเสียงเพ้อฝันของแกมมิเลียสที่เอาแต่พูดถึงคุณครอฟ อย่างนู้นอย่างนี้จนเพื่อนสาวอดที่จะเอือมระอาไม่ได้
“โรคจิต” คำตอบเรียบๆถูกส่งออกไปจากคนที่นิยมคิดมากกว่าพูด อันที่จริงคิดก่อนพูดน่ะมันเป็นสิ่งที่ดี ดีกว่าใครบางคนที่สักแต่ว่าพูดไม่คิด แต่ไอ้ประเภทที่คิดอย่างเดียวแล้วไม่ค่อยพูดนี่สิ เฮ้อ...
“โถ่ ไดอาคุณครอฟน่ะเค้าออกจะครบเครื่องสุดๆ...” ไม่วายเจ้าตัวยังทำหน้าแบบว่าเพ้อฝันสุดๆ “...ไม่รู้หรือไงผู้หญิงสมัยนี้เค้าชอบแบบร.ล. ทั้งหล่อ รวย เลว แถมโรคจิตต๊ายน่ารักจะตาย ยิ่งถ้าเป็นซาดิสม์นะ...”
หญิงสาวอยากจะหาอะไรก็ตามที่ทำให้แม่เพื่อนตัวดีหยุดพูดได้ เธอไม่อยากจะโต้ตอบอะไรทั้งนั้น แม้แต่ชื่อของเจ้าคนน่ารังเกียจก็ตาม...
“นี่ ไดอา...เธอคิดว่าไง”
หญิงสาวดูเหมือนจะรำคาญเจ้าเพื่อนจอมพูดมากคนนี้เสียจริง ไดอาไม่ตอบเธอได้แต่เร่งฝีเท้าไวๆ เสียอย่างเดียวจนเริ่มทิ้งระยะห่างจากแกมมิเลียส
“เฮ้ย...รอกันบ้างสิ เธอก็....” กว่าจะรู้สึกตัวว่าถูกทิ้งสาวเจ้าก็รีบเผ่นแนบหนีสุดชีวิต พอๆกับที่เจ้าจอมพูดมากวิ่งตามมาด้วยความรวดเร็วจนน่าตกใจ
“แฮ๊ก! คราวหลังนะถ้าเธอไม่รอนะฉันจะแช่งให้จู๊ดๆเลยคอยดูชิ” เจ้าตัวดีเริ่มบ่น ก่อนจะได้รับสายตาเอือมระอาแถมรำคาญส่งไปให้จากแม่สาวเกือบจู๊ดๆ
“เธอคิดว่าไงที่ได้เจอคุณครอฟครั้งแรกน่ะ..”
“ก็....”
ตู้ม!!
“ซวย!”
“แว๊ก นั่นอะไรอ่ะ!” แกมมิเลียสร้องเสียงหลงเมื่อพื้นดินด้านหลังที่เดินผ่านมา บัดนี้กลายเป็นหลุมใหญ่ที่ให้เธอสองคนลงไปนอนได้สบายๆ
“หลบ!!!” ไดอาตะโกนลั่นก่อนจะลากเพื่อนสาวออกจากบริเวณนั้น
ลูกกลมๆสีดำขนาดเท่าลูกบิลเลียส ที่อยู่บนไม้จำพวกยืนต้นขนาดใหญ่ ที่มีใบลักษณะเป็นหนาม และทันทีที่ไอ้ลูกดำนี้มาสัมผัสกับอะไรก็ตาม หนามสีดำแหลมยาวเกือบๆเมตรโผล่พรวดออกจากทุกทิศทุกทางของลูก ส่งผลให้ดินบริเวณนั้นแตกกระจุย ไม่ต้องคิดเลยถ้าไอ้ลูกนี้เกิดโดนตัวคนขึ้นมา คงไม่ต่างอะไรจากลูกชิ้นปิ้งดีๆนี่เอง
“แว๊กกก!!! มันคืออะไรไดอา~” เธอทำหน้าสยอง
“ลูกเดสลี่แน่” แม้น้ำเสียงจะฟังดูราบเรียบแต่เธอก็ดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“งั้นก็หมายความว่าตอนนี้เราก็อยู่ที่...”
“ป่าแบล็คเดส!!”
ความคิดเห็น