ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผมเจอเทอแล้ว^^

    ลำดับตอนที่ #1 : ผมเจอเทอแล้วตอนที่1

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 50


    ผมเจอเธอครั้งแรก.....

    ที่ถนนมุมนึงข้างป้ายรถเมล์

    เราไม่รู้จักกัน เราไม่เคยคุยกัน

    เธอหันมามองผมแล้วเริ่มร้องไห้................

    เธอร้องไห้ แล้วมองผมเหมือนจะถามว่าจะไม่ถามหน่อยเหรอว่าร้องไห้เรื่องอะไร

    ผมเมินครับ เรื่องอะไรทำไมผมต้องไปสนด้วยเธอไม่ได้น่ารักมากมายซะหน่อย

    เธอเดินเข้ามาครับ ท่ามกลางคนที่รอรถเมล์รอบเย็นเพื่อกลับบ้านอยู่

    เธอตบครับตบหน้าเลย เต็มๆ ดังเผี้ยะลั่นต่อหน้าผู้คน ทั้งๆ ที่หน้าอาบไปด้วยน้ำตา

    แล้วเธอก็หันหลังกลับครับเดินไปพิงป้านรถเมล์เหมือนเดิม

    ทิ้งไว้แต่ทุกสายตาที่จับจ้องมาที่ผมเหมือนผมเป็นตัวการที่ทำเธอร้องให้

    ไม่แน่นะครับอาจจะมีใครคิดว่าผมทำเธอท้องก็เป็นได้ เวรของชีวิตจริงๆ

    ผมทำไงได้ครับ เลยต้องเดินไปหาครับเธอยังร้องให้ครับ

    ผมยื่นผ้าเช็ดหน้าให้มองเธอพักนึง

    “ทำไมร้องให้อะเป็นไร” ผมถาม

    “ยุ่ง ไม่ธุระอะไรของนาย” อะกรรมเธอตบผมฉาดเบอเร่อแล้วบอกไม่เกี่ยวได้ไง

    “แล้วตบผมทำไมอะผมทำไรให้” เธอหันมามองครับ

    แล้วบอกผมคำเดียวเท่านั้นครับ

    “หมั่นไส้ มีไรไหม” แล้วเธอก็เดินไปครับ

    คืนนั้นผมกลับมาบ้านครับกับเหตุการณ์ที่หลอกหลอนมากๆ

    แก้มผมยังเจ็บอยู่ครับแต่ที่เจ็บแน่ๆคือในอกครับ

    แค้นใจมากกะว่ามันเป็นผู้ชายคงไม่ต้องเดินกลับบ้านแล้วละครับ

    ทั้งเจ็บทั้งอายคนมองทั้งป้ายเหมือนเป็นความผิดเรา

    ไรวะผมคิดเซงมาก

    ผมเตะฟุตบอลที่สนามหน้าบ้านกระเด็นออกไปไกลเลยครับ

    เวงอีกพรุ่งนี้ต้องไปหามันเจือกข้ามรั้ว...

    วันนี้มันวันไรวะซวยจริงๆ

    ฝันร้ายทั้งคืนครับขอบอกนางมารร้ายมันมาหลอกหลอนในฝัน

    ซวยอีกแล้วครับผมทำซีทเอกสารที่จะไปส่งอาจารย์ที่มหาลัยหาย

    มันหล่นผมคิดซวยจริงเลยเว้ย

    ต้องไปมหาลัยมือเปล่าทำก็ไม่ทันไม่ทำทันแล้วเซ็ง

    ผมขับรถไปมหาลัยด้วยความเซ็ง

    (เมื่อวานที่ไม่ขับขี้เกียจครับอยู่ที่อารมณ์)

    ไปมหาลัยครับกระโดดเตะเพื่อนที่เจอคนแรกครับบอกเล่นๆ

    ความจริงแล้วผมระบายอารมณ์ เหอๆ

    จารย์มาแล้วครับเดินเข้าประตูมาก็ทวงงานเลย เวงเอ้ยไม่เห็นใจมั่งวะT_T

    ผมปลงแล้วครับกะว่าคงไม่ได้ส่งแน่ๆ

    ทันใดครับมีคนเปิดประตูเข้ามาครับเธอเดินเข้ามาแล้วถามหาผม

    “เอ่อจารย์คะนายคนนี้เรียนที่ห้องนี้หรือเปล่าคะ”

    เธอพูดพลางยื่นชีทงานที่ผมหาทั้งคืนให้จารย์ช่วยดูจากสมุดรายชื่อ

    ผมหลบไปใต้โต๊ะไปแล้วละครับเวงจริงมารร้ายตามมาหลอกผมถึงที่

    อาจารยประกาศหาเจ้าของครับไอ้เพื่อนๆ

     เวงทั้งหลายรุมชี้ผมครับเวงผมอีกจำใจต้องลุกขึ้นมายิ้มแหะ แหะ ให้จารย์

    "ครับผมเองครับจารยมีไรหรือครับ" 

    "มีคนเอางานมาให้นะรู้จักหรือเปล่า"

     ผมสบตาเธอครับ เกิดอาการสะอึกเลยครับ

    ยายเพิ้งเมือคืนกลายเป็นสาวงามผมประบ่า ขาวและน่ารักมากเลย

    เกิดอาการตะลึงครับ

    เธอยิ้มมาให้ผมครับแค่คำพูดแรกของเธอก็ทำผมอึ้งแล้วครับ............

    คำพูดแรกที่ผมยังจำอยู่ทุกวันนี้

    “ที่รักตั้งใจเรียนนะค่ะจะรอหน้าห้องค่ะ”

    แน่นอนครับวันนั้นผมเรียนไม่รู้เรื่องแน่นอนเป็นใครก็ไม่รู้เรื่องแน่ๆ

    เลิกเรียนผมก็ออกมาเลยครับท่ามกลางเพื่อนๆและไทยมุงทั้งหลาย

    เพื่อนตบบ่าผมก่อนที่ผมจะแยกไปหาเธอครับกินใจมากเลยครับ

    “พรุ่งนี้มรึงดังไปทั่วมหาลัยแน่” เล่นเอาผมเครียดเลยครับเวงนี่T_T

    "เธอเป็นใครแล้วมานี่มีธุระอะไร?”

    ผมถามเธอไม่พูดอะไรครับได้แต่แตะแก้มผม

    สายตาเธอดูเป็นห่วงมากเลยครับเธอพูดแค่ว่า

    “เจ็บมากไหมเราขอโทษนะ” ผมอึ้งครับ

    วันที่ 3 มันวุ่นวายสับสนมากครับเกิดอะไรขึ้นกันแน่เธอเป็นใคร

    ผมรู้แค่ว่าเธอชื่อมินอยู่มหาลัยเดียวกับผมแล้วก็เรียนคณะคนละคณะกัน

    วันนั้นเธอทะเลาะกะแฟนแล้วผมเผอิญเหลือเกินที่หน้าไปคล้ายแฟนเธอเธอเลย

    หมั่นไส้ตบผมเอาฉาดเบ่อเร่อ

    (ไม่ไปตบแฟนตัวจริงไปเลยวะ-_-|||)

    เธอขอโทษแล้วเผอิญเก็บชีทงานของผมได้ที่ป้ายรถเมล์

    เธอเลยเอามาคืนให้

    แล้วที่เรียกที่รักก็แค่ล้อเล่น แล้วเธอก็แสนดี แสนดีเหลือเกิน..........

    ที่เกาะผมยังกะอะไรดีครับ ไม่ว่าไปห้องสมุด เล่นเกม เดินห้าง

    ขนาดผมอยู่กะผู้ชายทั้งหมดเธอยังเกาะเลยครับ

    จนทุกคนเริ่มเรียกเธอว่า แฟนเจมส์ แล้วละครับ

    (ผมชื่อเจมส์ครับลืมแนะนำตัวไปหน่อย แหะ แหะ)

     กรรม ให้ผมทำไงครับผมขอบอกตรงๆ

    ผมไม่ได้ชอบยายนี้เล้ยผมชอบผู้หญิงหวาน ขาว ใสเรียบร้อยกว่านี้

    แต่เธอก็เข้าได้ดีกับเพื่อนผมครับผมเลยปล่อยเลยตามเลย

    เดี๋ยวเธอคงจะหาแฟนจากกลุ่มผมสักคนเองแหละ

    ผมคิด.............ผมคิดแค่นั้นแหละครับเธอก็มาควงแขนผมอีกแล้วครับ-_-||||||

    “มินเราไม่ชอบให้เธอมาเกาะกลุ่มเราอย่างนี้อะ” ผมพูดกะเธอเมื่อได้อยู่ 2 ต่อ 2
     
    เพราะผมต้องพาเธอไปส่งบ้าน-_-

    (เพื่อนๆ มันยัดมาให้ผมอีกเปลืองน้ำมันโคตรๆ)

    “ทำไมอะเจมมินทำไรผิด” เธอถามพร้อมจับมือผม ผมสะบัดมือทิ้ง

    “ก็เราไม่ชอบมินเป็นผู้หญิงนะไปเกาะคนนู้นคนนี้ได้ไง
    มินเป็นผู้หญิงง่ายๆใช่ไหมถึงทำงี้ แล้วมินเข้า
    กลุ่มที่มีแต่ผู้ชายเงี้ยคนอื่นจะคิดไงมันไม่ดีรู้ไหม”

    “ขอโทษ.......แต่มินไม่มีที่ไปมินไม่มีเพื่อนเลยนะเจม2 ปีที่อยู่มหาลัยนี้
    มินก็มีแต่เขา เขาคนที่ทิ้งมินไปเราอยู่ด้วยกันตลอด มินรักเขามาก
    แล้วมินก็เชื่อนะว่าเขาก็รักมินมินเหงาเจมจะไล่มินเหรอ
    ที่เราเข้ากลุ่มมาเราก็คิดว่าเจมเป็นคนดีที่เราชอบเกาะเจม
    เพราะเจมเหมือนแฟนเก่าเรามิน ....มิน...ก็แค่อยากอ้อนบ้าง
    มินเหงานะเจม เหงามาก..”

    เธอร้องให้ครับทิ้งให้ผมได้แต่เงียบแล้วขับรถไปส่งเธอครับที่บ้าน

    ทุกอย่างยังเหมือนเดิมเกือบอาทิตย์แล้วที่มินยังอยู่กะกลุ่มพวกเรา

    แต่ก็มีบางอย่างที่เปลี่ยนไปในความรู้สึกของผม มิน และเพื่อนในกลุ่มอีกคน

    เพื่อนผมเอาใจมินผิดปรกติ คอยยกข้าว เสริฟน้ำ แยกไป 2 คนบ่อยๆ
     
    แย่งกระทั่งหน้าที่รับส่งของผม ใช่ครับ ดูยังไงไอ้เพื่อนผมมันก็จีบมินแน่นอน

    ผมน่าจะดีใจแต่ความรู้สึกของผมกลับไม่ใช่เลยครับ ผมหวงครับ

    เป็นห่วงมินเวลาที่อยู่ใกล้เพื่อนคนนี้ ผมกลัวมินจะเสร็จมันผมไม่อยากเสียมินไป

    ผมเพิ่งรู้ครับว่าการไม่มีมิน ไม่มีคนมาวุ่นวาย
     
    สัมผัสที่เคยจับผ่านมืออุ่นๆและเล็กของมินนั้น

    ทำให้ผมยอมไม่ได้เลยที่จะเสียเธอไป แต่ผมจะทำไรได้ละครับ

    ในเมื่อเพื่อนผมมันเล็งไว้แล้ว จะไปแย่งมันก็ไม่ได้................

    จะมีคนด่าผมไหมครับท่าผมทำงั้น

    ผมได้แต่ตัดใจครับลาเพื่อนๆแล้วขับรถกลับบ้าน

    แล้วก็นั่งพิงเตียงปิดไฟในห้องเปิดเพลงจากวิทยุฟัง

    แล้วก็นึกถึงวันแรกวันที่ผมเจอมิน

    วันแรกที่มินมาหาผมที่ห้อง

    และที่สำคัญวันแรกที่มินยิ้มให้และก็คอยยิ้มให้ผมเสมอ

    แต่ผมไม่เคยยิ้มตอบเลย เสียงดังของแตรรถดังขึ้นที่หน้าบ้านครับ

    ผมฉุนขาด ไอ้บ้าที่ไหนมาบีบแตรหน้าบ้านคนอื่น(วะ)

    ผมชะเง้อหน้ากะด่าออกไปเต็มที่

    เวงกรรมกลับเป็นเพื่อนผมแถวบ้านที่ไม่ได้เจอกันนาน

    ถึงบ้านเราจะอยู่ใกล้กันมากก็ตามมันชวนผมไปลูทกับมันครับ

    ซึ่งผมก็ไปกะมันแน่ๆอยู่แล้วคว้าอะไรได้ใส่ไปก่อนเดินห้องน้ำไปล้างหน้า

    เอาวะลืมก็ลืม หญิงคนเดียว....................................คนที่ผมรักที่สุด

    ตี 2 ผับเลิก....ไม่สนุกเลยดนตรีสาวๆ เพื่อนๆ น่าเบื่อหมด

    ผมไปผมก็ดื่มแค่เหล้า เบียร์ ดื่มๆให้มันลืมลืมมินไปเลย

    โถ่ ทำไมนะตอนที่จีบเธอได้ง่ายๆ ผมไม่จีบให้มันรู้แล้วรู้รอด

    จะได้ไม่ต้องมากลุ้มเป็นตูดอยู่อย่างงี้

    "เป็นห่าไรวะไม่ร่าเริงเลย"เพื่อนตัวดีอมยิ้มแก้มตุ่ย

    เออก็เอ็งเปรมกะสาวๆ ซะขนาดนั้น มันยื่นเบียร์มาให้อีกกระป๋อง

    พลางเดินไปสั่งขวดใหม่ที่เย็นกว่า (เวงของเหลือให้กูนี่หว่า)

     พลางพากันขึ้นรถกลับบ้านไม่สนว่าตำรวจจะบอกเมาไม่ขับยังไง

    เพราะมันบอกว่าเมาไม่ขับก็กลับบ้านไม่ได้เด้

    ผมเบื่อครับขึ้นรถเงียบๆ ช่างมันผมจะขับมันก็ไม่ยอม.........

    มันบอกถึงบ้านแน่ไม่งั้นก็เจอกันศาลา2 เวง-_-|||||

    ผมเงียบครับปล่อยมันขับต้องคอยดูถนนให้มัน

    ผมกลัวจะได้ไปนอนศาลาจริงๆ

    "เห้ยเจมมึงเป็นไรวะไม่ร่าเริงเลยสาดมาเที่ยวทั้งทีทำหน้าเหมือนจะตายให้ได้
    เป็นโรคแพ้สถานบันเทิงหรือไงวะ "มันถาม

    “ไม่รู้วะ กูเครียด  เห้ย ถ้าเป็นแกถ้าของที่รักมากๆโดนแย่งไปจะทำไงวะ”

    ผมเปรยๆขึ้นมา

    " คำถามปัญญาอ่อนวะ ถ้ามึงรักจะสนไรวะก็แย่งคืนมาดิ
    จะปล่อยให้มันหลุดมือหายไปหรือไงวะ"

     "แต่ถ้าเขาอยู่ตรงนั้นเขาอาจจะมีความสุขนะโว้ย
    เพราะคนที่อยู่กะเขามันอาจดูแลได้ดีกว่า"

     “อ้อเรื่องหญิงแล้วจะเป็นไรวะ ถ้าเอ็งรักเขาจริง
    ก็เอาเขามาทำให้เขามีความสุขกว่า รักเขามากๆ
    รักเขามากกว่าคนไหนๆ ไม่ผิดหรอกวะ
    ดีกว่าจะมานั่งเสียใจไปตลอด”

    "เอ้า" มันยื่นเบียร์มาให้

    "ดื่มซะดื่มให้กะเอ็งที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นรู้จักรสแห่งรักและอกหักวะ"
     
    ผมรับเบียร์จากมันดื่มลงคอรวดเดียวหมด

    เออถ้าโดนแย่งไปก็แย่งคืนสิวะผมบอกกะตัวเอง

    โยนกระป๋องลงถนนได้ยินเสียงดังของกระปิ๋งที่กระทบพื้น

    ยื่นหน้าออกไปรับลมอากาศยามค่ำ

    พรุ่งนี้แล้วสินะ วันที่จะได้เจอมินที่มหาลัยอีกครั้ง................

    “เห้ย!!ไมพูดหมาๆงี้วะทำงี้ได้ไงเอ็งไม่เคยสนใจ
    ไหงวันนี้มาบอกว่าจะจีบมินมรึงไม่รู้เหรอวะว่ากรูจะจีบ
    แล้วก็กำลังเป็นไปด้วยดีด้วย.......” ไอ้บอยโวยลั่น

    “เห้ยใจเย้นมีไรค่อยๆพูดกันสิวะ” ทุกคนห้ามพลางขวางไม่ให้ใกล้กันได้

    “แล้วไงอะกูรู้นะโว้ยไอ้บอยเอ็งไม่ได้รักมิน
    เอ็งก็แค่อยากจะฟันยัยมินเท่านั้นแหละ เหมือนที่ผ่านๆมา”

    “เออแล้วไงวะหรือมรึงไม่ใช่คบมานานกูรู้สันดานมึง
    พอๆกะที่มรึงรู้สันดานกรูละวะ"

    "เอองั้นเอ็งก็น่าจะเข้าใจสิวะว่ากูรักผู้หญิงคนนี้จริงๆรักโคตรๆ
    รักแบบไม่ทิ้งแน่ๆ ถ้าเอ็งจะทำเขาเจ็บเอ็งอย่าจีบเลยวะ
    กูขอสักคนได้ไหมวะในฐานะเพื่อนให้กรูสักคน สรัด”

    พลางต่อยหน้ามันหนึ่งที(เอากำไร^^”)

    มันจ้องหน้าผมไม่พูดอะไรเหมือนคิดอะไรสักอย่าง ผมเตะมันต่อ(เอากำไรอีก)

    “สรุปว่าไงวะแค่นี้ให้กรูได้หรือเปล่า” ผมถาม

    “ได้แต่กรูขอไรก่อนอย่างได้ป่าววะ”

    “ไรวะห่าถ้าหาได้กรูจะหามาให้เดี๋ยวนี้เลย”

    “ไม่ยากวะ” มันยิ้มมีเลศนัย

    “ขอเตะมรึงคืน 2 ทีเหอะวะเอากำไรกรูไป” มันพูดพลางเตะตูดผมไป2ที

    แล้วมาโอบไหล่ผม

    “ไอ้ห่า ดูแลมินให้ดีนะเว้ย ให้ดีมากกว่ากูดูแล ละ”

    “เออ กรูสัญญา”

    “เห้ยไปล้างคราบเลือดก่อนไปพวกเอ็งอะ นางฟ้าพวกมรึงเดินมานู่นแล้ว”

    เพื่อนผมบอกเห็นมินหอบหนังสือเดินมา

    ผมกะเพื่อนหันหลังกลับจะรีบหนีไปห้องน้ำ แต่ไม่ทันคุณเธอหรอกครับ

    สายเข้าทันที จำใจรับครับชื่อแม่คุณเธอโชว์หลา

    “จะไปไหนค่ะเห็นมินมารีบเดินหนีเลยนะ
    เคืองรู้ไหมเนี่ยอยู่คุยกันก่อนนะห้ามหนีเด็ดขาด”

    ผมไปไหนไม่ได้ส่วนไอ้บอยหันมาขยิบตาก่อนจะเดินไปห้องน้ำต่อ.........

    "ตายแล้วเจม ไปโดนอะไรมา"มินวิ่งมาหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดที่ปากให้ผม

    “อ้อ ตะกี้มีสาวแปลกหน้าอยู่ๆ มากระโดดจูบ เนี่ยงงเลยวิ่งไปนู่นแหละ”

    ผมแซวครับ ทันทีเลยเจอหยิกครับยายมินหยิกซะเนื้อเกือบเขียว

    “อยากตายเหรอ เจ็บๆ เงี้ยยังเจ้าชู้ เดี๋ยวก็ไม่รอดหรอก” มินลูบหัวผม

    “เราเป็นห่วงนะ อย่าไปมีเรื่องกะใครอีกละค่ะ” มินพูดพลางสบตาผม

    พอครับพอไม่ไปไหนแล้ว น่าร้ากกกกกกกกกกกสาดๆ เงี้ย

    อืมถ้าไม่เกี่ยวกะมินรับรองไม่มีหรอกครับ"เห้ยเหมือนวะ" เพื่อนๆ ผมแซว 

    "เหมือนแฟนกันใช่ไหมวะ" ผมถาม
    “ป่าววะ เหมือนหมากะเจ้าของ   อ๊ะ!!... -_-|||||……..”

    คืนนั้นผมพามินไปกินข้าวครับที่ร้านแถวเวิร์ลเทรด

    ผมรู้สึกว่ามินดีใจมากเลยครับร่าเริงเดินดูนู่นดูนี่ไปทั่ว

    “มินจายเย็นๆ โหเดินยังกะเป็นลูกสาวเจ้าของห้าง”

    “ก็มินดีใจอะเจม.....”

    “เรื่องไรเหรอบอกเราได้หรือเปล่า”

    มินมายืนข้างๆ ครับเอามือมาคล้องแขนผมแล้วเอาหัวซบ
     
    “ก็เรื่องที่เจมพามินมาเดินเที่ยวไง
    เจมไม่เคยทำหยั่งงี้มาก่อนเลยเจมเป็นอะไรไปเหรอ”

    มินหันมามองด้วยสายตาซุกซนเป็นเด็ก

    หน้าขาวๆ กะหน้าอกนุ่มๆข้างแขนยิ่งทำให้ผมรักมินมากขึ้น

    (แบบคำที่ว่าหน้าอกสยบโลกได้)

    ผมได้แต่มองมินไม่พูดไรมากแล้วก็เดินต่อไปเงียบๆ

    “เจม เจม รอมินด้วยมินขอโทษ
    มินพูดไม่ดีออกไป เจมพามินมากินข้าวแค่นี้ก็พอแล้วละ”

    มินเดินมากุมมือแล้วก็ยิ้มให้ผมอีกครั้ง.............

    ผมยืนหน้าร้านอาหารญี่ปุ่นใกล้ๆโรงหนังแห่งหนึ่ง

    คนเดินไปมาพลุกพล่าน ผมมองพื้นไม่กล้าสบตามิน

    มีมินยืนมองผมด้วยสายตาแบบจะหาคำตอบว่ามายืนทำอะไรตรงนี้

    “มิน เรามีอะไรจะบอก เราคิดมานานแล้ว
    เกี่ยวกะเรากะมินเราอยากให้มินรู้จริงนะว่าเรา...........”

    “ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ ไม่ มินไม่ฟัง” มินพูดพลางเอามืออุดหูมินวิ่งหนีผม

    ไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น มินวิ่งลงบันไดเลื่อนไป

    ท่ามกลางสายตาของคนที่มอง

    ผมกลับบ้านโทรหามินทั้งคืน มินปิดเครื่อง โทรศัพท์บ้านเธอก็ถอดสายออก

    ผมติดต่อมินไม่ได้เลยผมร้อนใจมาก ผมตัดสินใจจะไปบ้านเธอ
     
    แต่ภาพพ่อเธอทำความสะอาดปืนตอนผมไปส่งบ้านครั้งแรกยังติดตาอยู่เลย
     
    ถ้าผมไปหาเธอดึกๆ แถมพ่อมินยังรู้ว่ามินร้องไห้ละก็

    ผมคงได้ไปนอนเล่นในป่าช้าแถวบ้านแน่

    ผมจะทำไงได้ครับ ผมได้แต่นอนกลิ้งไปมาทั้งคืน พร้อมกับคำถามว่า

    “ทำไม และเพราะอะไร อะไรที่ผิดพลาด”

    ตี 5:11 นาทีผมตื่นเช้าแบบไม่เคยมีมาก่อนทั้งๆ ที่ผมแทบไม่ได้นอนทั้งคืน
     
    ข้าวเย็นผมยังไม่ได้กินด้วยซ้ำ ตอนนี้ในหัวมีแต่ มิน มิน มินแล้วก็มินเต็มไปหมด

    อาจมีภาพ ไก่ทอดแทรกมาบ้าง แต่ยังไงผมก็ยังคิดถึงมินอยู่

    ผมอาบน้ำ แต่งตัว เดินออกจากบ้านตรงไปที่รถแล้วขับออกไป..............

    มือถือดังขึ้นเบาๆ 1 ครั้งแล้วก็เงียบหายทันที

    สาดไอ้บ้าที่ไหนไม่ลงทุนวะโทรมาให้โทรกลับเงี้ย

    ผมดูชื่อครับ ถ้าเป็นไอ้เพื่อนบ้าผมก็จะโทรไปด่าบุพการีมันซะหน่อย

    พอดูชื่อผมขับรถผิดเลนไป2วิเลยตกใจมากเกือบจะเป็นข่าวหน้า1ซะแล้วT_T

    มินครับใช่แล้วเบอร์ของมินปรากฎบนหน้าจอมือถือ

    และแน่นอนครับผมต้องโทรกลับทันที

    ผมกดโทรไป แต่ละตื้ด....ตื้ด.....ช่างเชื่องช้าเหลือเกิน

    รับซิมินรับทีเจมจะอกแตกตายแล้ว

    “ฮัลโหล” เสียงใสๆของมินในวันนี้ดูเศร้าสร้อยเหลือเกิน

    แม้ผมไม่ใช่ยอดมนุษย์ก็พอจะมองออกว่ามินเพิ่งผ่านการร้องให้มา

    อาจจะทั้งคืนด้วย

    “มิน นี่เจมนะเมื่อวานเป็นอะไรไปครับ จู่ๆ ก็วิ่งหนีเจมเลยมินเป็นอะไร”

    “มินขอโทษเจม มินขอโทษ
    แต่เจมมินรับไม่ได้แล้วมินไม่อยากฟังมินรู้เจมไม่เคยชอบมินเลย
    แต่มินขอนะเจมขอได้ไหมแค่...ให้มินใกล้ๆ เจมอยู่อย่างนี้
    มินจะไม่ว่าไม่พูดอะไรเจมจะมีใครก็ได้ขอแค่ให้เราอยู่ใกล้เจมนะ”

    มินร้องให้หนักขึ้น

    “มินรู้มินไม่ควรโทรไปหาเช้าๆ มันจะกวนเจมจะทำให้เจมโกรธมินมากขึ้น
    แต่มินแค่อยากโทรหาเจมเท่านั้น มินอยากคุยกะเจมนะ
    แต่มินก็กล้าแค่โทรไปให้เจมเห็นชื่อเท่านั้นแหละ”

    “มิน...เดี๋ยวเจมจะไปรับนะ เจมมีอะไรจะบอกต่อจากเมื่อวาน
    เราแค่อยากให้มินได้ฟังมินอย่าคิดมากสิมันอาจไม่เป็นอย่างที่มินคิดก็ได้
    ได้ไหมมินฟังเราพูดซักครั้งหยุดร้องนะคนดีเดี๋ยวเราไปรับนะครับ"

    “ค่ะ จะรอนะค่ะ”

    ผมขับรถปานพ่อเป็นนายกผมรีบไปให้เร็วที่สุด

    ผมอยากเจออยากพบและอยาก “กอดมิน”

    มากที่สุดในตอนนี้

    มินยืนรออยู่หน้าบ้านครับทั้งๆ ที่กว่าผมจะมาถึงก็กินเวลามากกว่า 30 นาทีแท้ๆ

    “มินรอนานหรือยัง มารอด้านนอกทำไมเดี๋ยวพี่ก็กดกริ่งเรียกเหมือนทุกทีแหละ”

    ผมจอดรถแล้วบอกมิน มินเดินเงียบๆ มาขึ้นรถ

    “เจมส์มีอะไรจะบอกมิน”

    มินถามขึ้นมาเรียบๆ เล่นเอาผมพูดไรไม่ถูก

    “แล้วมินทายว่าเรื่องอะไรล่ะ”

    ผมถามเท้าก็เหยีบคันเร่งพารถออกถนนใหญ่

    "มินไม่รู้แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วยมินว่ามินอยู่อย่างงี้ดีแล้วละ
    มินไม่อยากให้เจมลำบากใจ"

    มินจะไม่พูดอะไรแล้วขอโทษนะ เธอหันมายิ้มให้ผม (น่าร้ากกสาดอ่า)

    “เจม” มินพูดมือประสานที่ตักก้มหน้า

    “ถ้ามีคนมาจีบมินเจมจะว่าอะไรไหมมินไม่ได้สนเขานะ
    แต่ถ้ามินคิดว่ามินจะลืมเจมมินก็ต้องหาใครสักคนแหละที่จะดูแลมิน”

    ผมขับรถเข้าข้างทางมองไปที่มิน

    ผมเอื้อมมือไปปลดเข็มขัดนิรภัยออกอีกมือเอื้อมไปที่ไหล่ของมิน

    ผมคว้ามินมากอด..มินตกใจมากเธอเอามือดันผม

    “เจม เจม จะทำอะไรมินไม่ชอบนะเจมมินไม่ได้หมายความอย่างนี้ เจมอย่า.....”

    มินพยายามดิ้นครับแน่นอนแรงสู้ผมไม่ได้

    ผมเอาหน้าก้มไประหว่างซอกคอขาวๆของมิน

    มินดิ้นครับดิ้นอยู่ได้ไม่นานแล้วก็หมดแรงในอ้อมแขนผม

    “มินนี่อาจจะฟังเหมือนโกหก มินอาจจะไม่เชื่อ เราก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
    เราก็ไม่และไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นแต่............”

    ทั้งรถเงียบมีเพียงลมหายใจมินดันผมออกมาแล้วมองตาผม

    “เจมอย่าบอกนะว่า.....” มินร้องไห้ออกมาเธอเอามือปิดปาก

    ใช่ครับเธอร้องให้ทั้งยิ้ม

    “เจมจะบอกว่าเจมชอบมินเหรอ?”

    "ป่าว.....เราไม่ได้ชอบมินหรอก"

    พอพูดจบคราวนี้มินร้องไห้หนักเลยครับแบบยิ้มหุบหายไปเลย

    ผมจับมือมินมาครับ

    “แต่เรารักมินนะ” ผมจับมินมากอดต่อ

    มินกอดตอบครับน้ำตามินชุ่มเลยครับชุ่มไหล่ผม

    แล้วผมก็มองตามินครับแล้วก็แน่นอนครับมินก็หลับตา

    ผมรวบรวมความกล้าครับ 

    ผมกำลังจะมีลูกครับ เอ้ยมีความรัก

    มีเสียงเคาะกระจกครับ สาดครายวะกวนคนกำลังจะมีความสุขเดี้ยวเดียวมีเรื่อง

    ผมไม่สนครับพยายามสร้างบรรยากาศต่อผมมองตามิน มินมองตาผมโอ้วเยี่ยม

    มันเคาะอีกแล้วครับไอ้บ้าที่ไหนวะผมคิดอยากดูหนังสดก็ดูไปเงียบๆเด้

    ผมหันไปครับกะด่าพ่อมันแล้วผมก็อึ้งครับ

    ด่าพ่อมันไม่ออกครับก็พ่อผมอะดิครับมายืนเคาะกระจกอยู่

    ผมยิ้มแหะ แหะ แล้วเลื่อนกระจกลงยกมือสวัสดีพ่อ

     ดีครับพ่อมาไงไปไงอะครับเนี่ย พ่อผมขมวดคิ้วครับผมยิ้มแบบน่ารักที่สุดในโลก

    ในใจนึกแค่ตายแน่กรูวันนี้T_Tไม่ตายก็ม้ามแตก

    มินเงียบครับได้แต่ยกมือไหว้พ่อผม

    ผมมองก็รู้แล้วครับพ่อผมโกรธแหงๆ

    “ทำไมมาทำไรกลางถนนอย่างงี้
    ตะกี้พ่อขับรถมาเห็นจอดข้างทางก็นึกว่ามีอุบัติเหตุอะไรมันไม่สมควรรู้ไหม
    ฉันสั่งฉันสอนให้แกเป็นเด็กหยั่งงี้ตังแต่เมื่อไหร่”
    พ่อผมโวยลั่นสายตาแบบพยายมก็ไม่ปาน

    ความรู้สึกผมก็แบบ กรูตายแน่กรูตายแน่>_<อะไรแบบงี้

    "เดี๋ยวค่ะคุณพ่อ"มินตะโกนออกมาแล้วเรื่องก็ใหญ่ก็เกิดขึ้น

    พ่อผมสบตากะมินพ่อไม่ยิ้มเลยครับผมไม่รู้มินทนได้ยังไง

    พ่อผมเฮี้ยบแบบมากๆลูกหลานกลัวกันหมดตอนยิ้มก็ดีอะครับ

    แต่พอโกรธก็แบบตัวใครตัวมัน เธอเป็นใคร...........

    "ไร้มารยาทฉันไม่รู้นะว่าแกคิดยังไงแต่ฉันไม่ให้แกคบกะลูกชายของฉันแน่ๆ
    เป็นผู้หญิงไม่รักนวลสงวนตัว อ้อหรืออยากได้สามีรวยๆ
    ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกะลูกชายฉันอีก "

    เผี้ยะ......................................................

    มินตบหน้าพ่อผมฉาดเบ่อเร่อเป็นเหตุการณ์วิกฤติที่สุดที่ผมเคยประสบมา

    ผมจะทำยังไงแล้วจะเกิดอะไรขึ้นผมตอบไม่ได้เลย

    ผมกลัวครับผมยอมรับแค่ขนาดตัวพ่อผม

    มินก็ปลิวไปกองกะพื้นได้แล้ว มินเงียบก้มหน้าแล้วร้องไห้ครับ

    “มินไม่ยอมค่ะ คุณพ่อจะด่าว่าจะว่าหรือจะเห็นมินเลวยังไงมินยอมได้ค่ะ
    มินยอมรับและมินก็ไม่มีสิทธิจะพูดอะไรใรสิ่งที่คุณพ่อเห็น
    แต่มินไม่ยอมหรอกค่ะที่คุณพ่อจะว่าลูกชายของคุณพ่อเองเสียๆหายๆ
     มินอยู่กะเจมมาตลอดถึงมินจะยังไม่รู้จักเจมดีเท่าคุณพ่อ
    แต่มินรักเจมไม่น้อยกว่าที่คุณพ่อรักแน่ๆค่ะมินรู้มินอาจเป็นผู้หญิง
    ที่ไม่มีค่าในสายตาพ่อ แต่มินก็ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง
    ที่มินยอมให้เจมกอดก็เพราะมินรักเจม มินแค่อยากให้พ่อเข้าใจ
    อย่างน้อยก็อยากให้พ่อเชื่อใจในตัวลูกชายของตัวเอง ขอร้องละค่ะ” มินพูด

    แล้วจู่ๆมินก็ทรุดลงไปนอนกองกะพื้นถนนต่อหน้าต่อตาผม

    ผมวิ่งเข้าไปปะคองมินมินเป็นลมไปแล้ว

    ผมก็เข้าใจว่าเธอเจออะไรมามากในช่วง2วันนี้

    ทั้งไม่ได้นอนร้องให้เสียใจตลอด

    ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างมินคงรับภาระอะไรมากๆอย่างนี้ไม่ได้แน่

    ผมอุ้มมินขึ้นมายืนประจันหน้ากับพ่อผม

    พ่อผมยืนเงียบท่านมองหน้าแล้วจ้องเข้ามาในสายตาผม

    ยังกับจะมองทะลุทั้งตัวผมไป

    ท่านเอื้อมมือมา ผมคิดว่าผมคงโดนตบหน้าหรือถ้าหนักกว่านั้น

    ผมอาจโดนพ่อไล่ไม่ให้เข้าบ้านอีก........................

    ผมหันหน้าหนี

    พ่อเอื้อมมือมาแตะบ่าผม

    “การจะหาผู้หญิงสวยๆสักคนมาข้างกาย 
    แค่มีเงินไม่ยากเลยแต่การหาผู้หญิงที่รักเราจริงๆหายากกว่า
    ดูแลเธอดีๆละอย่าทำให้ลูกสะใภ้ของพ่อต้องเจ็บ”พ่อผมพูดเงียบๆ

    แล้วเดินกลับไปที่รถซึ่งมีคนขับรถเปิดประตูรออยู่

    ผมอุ้มมินไว้ในอ้อมแขนมองหน้ามินที่กำลังหลับตาอยู่ผมรู้สึกโล่งใจ

    มันมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจของผมตอนนี้และวินาทีนั้น

    ผมบอกกับตัวเองว่า.........ผมรักผู้หญิงคนนี้มากที่สุดในโลก

    ผมพามินมาเข้าโรงพยาบาลแถวๆรามคำแหงมินยังหลับอยู่

    มินไม่ลืมตามากว่า6ชั่วโมงแล้วทั้งพ่อและแม่ของมินมาเยี่ยมมินอยู่หลายครั้ง

    ผมรู้สึกแย่และสับสนมากที่แม่ของมินคอยสะกิดผมถามแต่

    “เมื่อไหร่มินจะตื่น มินจะเป็นอะไรไหม”แล้วก็จะต่อด้วยท่านร้องไห้เสมอ

    ผมยังนั่งอยู่ในห้องคอยจับมือมินให้กำลังใจ

    มินกุมมือตอบผมเบาๆบ้างแต่มินก็ยังไม่ยอมลืมตาซักที

    หมอบอกมินแค่เหนื่อยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ไม่น่าเป็นห่วงเหรอ?

    สำหรับผมแล้วคนเป็นลมที่นอนเงียบไม่พูดอะไรมากว่า6ชั่วโมง

    ผมถือว่าเรื่องใหญ่มากแล้ว

    ผมออกมายืนที่ระเบียงคลำหาบุหรี่มาดูดสักตัว

    มองไปที่ตลาดข้างโรงพยาบาลแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่เสียงมือถือดังขึ้น

    “ฮัลโหลใครวะ มีไรกำลังเครียดนะเว้ย” พ่อเอง เสียงตามสายตอบกลับ

    “เอ้ยสวัสดีครับพ่อมีไรครับโทรมาแต่เช้า”

    ผมตกใจทันทีแทบทำโทรศัพท์ตกจากชั้น4

    "ป่าวก็พ่อเป็นห่วงแกไม่ได้กลับมาบ้านทั้งคืนนี้ก็เช้าแล้วนะ
    ลูกก็น่าจะโทรมาบอกบ้าง แม่แกก็นั่งรอแกด้านล่างทั้งคืน
    มือถือแกก็ไม่มีสัญญาณติดต่ออะไรไม่ได้” พ่อผมบ่นให้ผมฟัง

    “พ่อครับ.......ขอสายแม่หน่อยได้ไหมครับผมอยากจะคุยกับแม่”

    พ่อผมไม่พูดอะไรได้ยินแต่เสียงเดินได้ยินพ่อพูดว่า

    เอ้าจากลูกชายแกแหนะสักพักแม่ผมก็มารับโทรศัพท์

    เสียงท่านยังอ่อนโยนแสดงความเป็นห่วงเชื่อไหมครับ

    แม่ผมไม่เคยตีผมเลยสักทีเดียวท่านพูดค่อยๆช้าๆแต่ฟังเข้าใจง่าย

    “ว่าไงลูกมีอะไรจะบอกแม่หรือ” ผมว่าแล้วคุยกะแม่ง่ายกว่าพ่อเยอะ

     “แม่ครับ...........แม่เคยรักใครสักคนแบบมากๆไหมครับแบบเขาสำคัญที่สุด
    แบบไม่มีอะไรทดแทนได้ รักแบบอยากอยู่ด้วยกัน อยากกุมมือกันไปจนตาย”

    ผมเว้นระยะแป็บนึงรอให้แม่ตอบแต่ก็นานพอสมควรเลยกว่าจะมีเสียงตอบกลับมา

    “แล้วลูกเข้าใจคำว่ารักแค่ไหนลูกยังเด็กนักสำหรับแม่
    แม่อยากรู้จริงๆว่าเด็กที่เคยเล่นซนวิ่งไปวิ่งมาอย่างลูกจะเติบโต
    จนเข้าใจคำว่ารักได้ดีหรือยังคำว่ารักมันอธิบายยาก
    แต่ถ้าลูกอยากได้ตัวอย่างแม่ก็จะเล่าให้ลูกฟัง”
     
    "ตอนลูกเด็กๆเราไปหัวหินด้วยกันลูกเล่นอยู่แถวน้ำตกแล้วแม่ก็นั่งดูอยู่จำได้ไหม"

    ผมเริ่มลำลึกความหลังมันช่างผ่านมานานเหลือเกินจบแทบจำไม่ได้

    จำได้เพียงลางๆเท่านั้น

     “ครับแม่ผมจำได้”

    "ตอนนั้นลูกรู้ไหมว่าลูกซนจนตกลงไปในร่องของหิน
    เท้าลูกติดอยู่พ่อกับแม่กระโดดลงไปช่วยน้ำเชี่ยวมากเลยลูกตอนนั้น
    แม่ก็เพิ่งมารู้ที่หลังว่าน้ำป่ามันไหล่บ่าลงมาแบบไม่บอกไม่กล่าว
    ตอนนั้นมีพ่อที่พยายามแกะเท้าลูกออกจากหิน
    มีแม่ที่คอยอมอากาศจากด้านบนไปป้อนให้ลูกที่ใต้น้ำ
    แม่รู้ลูกแม่รู้ดีตอนนั้นถ้าพ่อเอาเท้าลูกออกไม่ทันเวลา
    เราอาจสูญเสียลูกไปและถ้าร้ายกว่านั้น
    ชีวิตของพ่อและแม่ก็คงดับไปด้วย”

    ผมปิดตานึกภาพความทรงจำนั้นก่อนจะหันมาฟังต่อ

    "ตอนนั้นแม่ได้ยินเสียงน้ำไหลมาเรื่อยๆ
    ฝนก็ตกหนักลงมาคนอื่นได้แต่ยืนมองบนฝั่ง
    ไม่มีใครอยากเอาชีวิตมาเสี่ยงกะเราหรอกลูก"

    “เห้ยน้ำป่า”

    "มีคนตะโกนขึ้นแม่ตกใจมากหันไปเห็นสายเป็นขาวๆลอยลงมา
    จากตัวน้ำตกแม่หันไปมองพ่อพ่อไม่สนใจด้วยซ้ำนะลูก
    ว่าน้ำมันไหลลงมาเขายังพยายามสุดชิวิตที่จะเอาลูกขึ้นมาจากน้ำ"

     ตูมเสียงน้ำกระแทก

    "วินาทีนั้นแม่ลูกสึกแค่สายน้ำมันกระทบตัวพัดพาแม่ไป
    แม่คิดว่าคราวนี้ต้องตายแน่ๆมันเกิดขึ้นเร็วมากจริงๆ
    แม่หายใจไม่ออกเลยลูกสายน้ำมันม้วนตัวแม่อยู่
    แม่ก็คิดแค่ว่าคงจบแค่นี้แล้วแต่ก็มีมือนึงมาฉุดแม่ขึ้นจากน้ำ
    พ่อของลูกฉุดแม่ขึ้นมาจากน้ำแม่เห็นพ่อมือนึงเกี่ยวกับกิ่งต้นไม้อยู่
    และที่แม่เห็นชัดเจนที่สุดก็คือลูกลูกที่นอนนิ่งสนิท
    อยู่ในอ้อมแขนอีกข้างนึงของพ่อลูกไม่รู้สึกตัวแล้วละมั้ง
    แต่แม่ยังจำสีหน้าของพ่อได้อยู่เลยท่านมองที่ลูกแน่ๆ
    สายตาที่แสดงว่าลูกเป็นคนที่สำคัญที่สุดและวินาทีนั้น
    แม่ก็แน่ใจมากๆเลยว่าพ่อรักลูกมากกว่าจะมีคนมาช่วยเราทั้ง3คน
    ก็กว่า20นาทีแหนะลูกพ่อของลูกเกาะฝืนกระแสน้ำที่เชี่ยวมากๆ
    โดยต้องอุ้มลูกแล้วฉุดแม่อยู่แม่คิดนะลูกแม่คิดว่ามันคงทรมานมากแน่ๆ
    แม่จะปล่อยมือออกเพื่อลดน้ำหนักให้พ่อ อย่างน้อยเรา3คนก็จะไม่ตายหมู่
    แต่พ่อก็ยังกุมมือแม่ใว้แน่นราวกับจะรู้ความตั้งใจ
    และความหมายของสิ่งที่แม่กำลังจะกระทำ
    น้ำยังพัดลูกพัดแรงขึ้นเรื่อยๆสายน้ำกระทบหน้าแม่จนด้านชา
    ทั้งหนาวทั้งเจ็บแต่พ่อก็ยังไม่ยอมแพ้
    แม่รู้ว่าถ้ายังเกาะอยู่แบบนี้ไม่นานพ่อต้องหมดแรง
    และต้องยอมแพ้กับธรรมชาติแห่งนี้”

    แม่นิ่งไปนานมากก่อนจะเล่าต่อราวกับแม่นึกภาพแห่งอดีตเป็นฉากๆ

    และกำลังซับน้ำตาตัวเองอยู่...

    "พ่อหันมาบอกแม่ที่กำลังจะหมดแรงตอนนั้น แม่ยังจำอยู่ทุกวันนี้เลย
    'หากจะตายเราก็ตายด้วยกันครอบครับสำคัญมากสำหรับผม
    เราจะขาดใครไปไม่ได้คุณเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและลูกก็ด้วยแข็งใจใว้นะ'
    ตอนนั้นแม่ไม่มีแรงแล้วนะลูกความเหนื่อยกะสายน้ำมันทำเอาแม่จะสลบอยู่แล้วแต่แม่ก็ยังยิ้มให้พ่อแม่พูดได้แค่คำว่า 'ค่ะ'เท่านั้น"

    "สรุปเราสามคนรอดไหมแม่" ผมถาม

    "ถ้าไม่รอดแล้วที่ยืนคุยอยู่นี่ผีหรือไง"

    แม่ผมยิงมุขตลกกลับมาผมก็เพิ่งรู้ว่าแม่ก็มีอารมขัน

    ผมแกล้งหยอกแม่เพราะกลัวแม่จะร้องให้แล้วผมต้องมานั่งปลอบอีก

    ผมแพ้น้ำตาผู้หญิงมากแบบไม่อยากเห็นเลย

    “ต่อจากนั้นไม่นานก็มีคนมาช่วย
    เขาพาเรา3คนพ่อแม่ลูกขึ้นจากฝั่งแล้วพาไปโรงพยาบาล
    ตอนเช้าแม่ต้องวุ่นวายหน้าดูต้องวิ่งวน2ห้อง
    ทั้งห้องพ่อและลูกถึงมันจะอยู่ติดกันก็เถอะ
    ลูกก็ยังซนไม่รู้เรื่องไรมากหรอก
    หมอบอกลูกแค่ขาดอากาศจนช็อคไปเท่านั้น
    แต่พ่อนี่สิแม่พึ่งรู้จากหมอเมื่อเช้าว่ากระดูกไหล่หักและร้าว
    คงเจอน้ำม้วนตัวไปกระแทกหินตอนที่เจอน้ำป่า
    หมอยังบอกเลยคนอาการหยั่งงี้
    แค่ลำพังจะพยุงตัวเองกลางสายน้ำเชี่ยวก็เจ็บจนทนไม่ได้อยู่แล้ว
    นี่ยังต้องมาอุ้มทั้งลูกแล้วยังต้องฉุดแม่อีก ต้องใช้กำลังใจมหาศาลจริงๆ
    นี่แหละลูกความรักที่พ่อและแม่มี ลูกมั่นใจไหมละว่าจะรักใครสักคนได้เท่านี้"

    ผมถอนหายใจ......................มองไปที่เตียงมิน

    ครับแม่ผมคิดว่าผมรู้แล้ว..................

    มินยังคงนอนหลับตาอยู่ผมนั่งมองมินอยู่ข้างเตียงเห็นมินหายใจเบาๆสม่ำเสมอ
     
    ผมเริ่มคิดถึงวันแรกที่ผมเจอมินวันแรกที่มินตบผม

    วันแรกที่เราทะเลาะกัน และวันแรกที่เรากอดกัน....

    มินวันนี้สวยเหลือเกิน หน้าขาวๆยังนอนหลับตาไม่รู้เรื่องอะไร

    ซอกคอที่เรียวยาว...ตัดกับชุดคนไข้นิ่งทำให้มินยิ่งสวยขึ้นไปอีก

    ผมลองเรียกมินเบาๆหลายครั้งมินก็ยังไม่ยอมลืมตาตื่น

    จนผมคิดว่ามินแกล้งหลับหรือเปล่า

    ผมเอื้อมมือไปหยิบรีโมททีวีปิดทีวิทิ้งแล้วก็หันมามองมิน

    ซึ่งหลับตาไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง............

    อิอิ เสร็จกรู ผมคิด...... เอ้ยม่ายช่าย ม่ายช่าย

    ผมก้มลงไปกระซิบข้างๆหูมินครับพูดกับเขาเบาๆ

    "ตื่นได้แล้วมินหากไม่ตื่นเราคงห้ามใจที่จะจูบมินไม่ได้"

    ผมก้มหน้าไปใกล้มินครับ ใกล้มากจนลมหายใจของเรากระทบกัน
     
    วินาทีนั้นที่ปากผมประกบกับมินเพียงเบาๆ

    ผมหวังแค่เพียงมินจะตื่นขึ้นลืมตาแล้วยิ้มให้ผมเหมือนกับสโนไวท์
     
    แต่เปล่าเลยมีแต่ความเงียบมินยังนอนเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ผมถอนหายใจความรู้สึกยังติดปากไม่รู้จะมีคนว่าผมลักหลับหรือเปล่า

    ผมเดินไปหยิบมือถือบนตู้เย็นหยิบกุญแจรถใส่กระเป๋ากำลังจะเดินออกจากห้อง

    ก็ได้ยินคำพูดหนึ่งขึ้นมา

    “การทำอนาจาร หรือลักหลับผู้อื่นขนาดนอนหลับโดยไม่ยินยอม
    มีโทษต้องจำคุก3ปีหรือปรับไม่ต่ำกว่า30,000บาทหรืออาจต้องทั้งจำทั้งปรับนะค่ะ”
     
    ผมหันไปเห็นมินนั่งลุกขึ้นหันมายิ้มหวานให้ผม ผมยิ้มตอบเดินไปหามิน

    แสงแดดส่องเข้ามาทำผมมินเป็นประกายน่ารักเหลือเกิน

    “แล้วผมต้องเจอลงโทษยังไงบ้างละครับ” ผมถามแล้วยืนอยู่ข้างๆเตียง

    แล้วเราก็จูบกันอีกครั้งนานกว่านาทีเลยทีเดียวกว่าการจูบจะเสร็จ..........

    “สรุปมินเป็นแฟนเจมหรือยังเนี่ย” มินถามผม

    “ยิ่งกว่าเป็นอีกเรารักมินมากรู้ไหม” ผมตอบมินยังเอามือคล้องคอผมอยู่

    “มินรักเจมนะ” มินพูดช้าๆเบาๆแต่ได้ใจความ
    .............................
    ...................
    “เจมก็รักมินครับ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×