เรื่องสยองขวัญ "เคยจุดเทียนหน้ากระจกแล้วผิวปาก หรือเปล่า"
> > > > > เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
> > > >
> > > > > ราวๆ เดือน เมษายน ผม แฟนสาว (อ้อย) กับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง
> > > > ซึ่งประกอบไปด้วย "บอย"
> > > >
> > > > > พนักงานบัญชีที่บริษัท "น้องบัว" เพื่อนสมัยเรียนมัธยมของอ้อย
"น้าศา"
> > > > น้าสาวของอ้อย และ
> > > >
> > > > > "ไอ้ทอม" น้องชายของผมเอง
> > > >
> > > > >
> > > >
> > > > > พวกเราได้นัดหมายกันไปเที่ยว
ชายทะเลแห่งหนึ่งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
> > > >
> > > > > เราตัดสินใจเดินทางไปเกาะที่ห่างไกลผู้คน
> > > > มันไกลมากไกลจนเกือบจะมีพวกเราเท่านั้นที่ถูกเรียกว่า "คน"
> > > >
> > > > > เพราะนอกจากพวกเราแล้ว ก็มีเพียง "ป้าเจิด" หญิงชรา ท่าทางน่ากลัว
> > > > ผู้ที่เป็นเจ้าของโรงแรม
> > > >
> > > > > ที่มีเพียงแห่งเดียวบนเกาะนี้ ซึ่งกว่าที่เราจะมาถึงที่นี่ได้
> > > > มันก็มืดค่ำมากแล้ว
> > > >
> > > > > แต่มันก็คุ้มกับ บรรยากาศที่สุดแสนจะธรรมชาติ (ผมนึกในใจ)
> > > >
> > > > > อีกคนเป็นบริกรหนุ่มฉกรรจ์ นามว่า "ปาเด"
> > > > หนุ่มฉกรรจ์ผู้ที่มีรอยสักอย่างโดดเด่นอยู่ที่แขนข้างขวา
> > > >
> > > > > นี่ถ้าผมมาเที่ยวญี่ปุ่น ผมคงเข้าใจว่า ปาเด ต้องเป็น ยากูซา
> อย่างแน่นอน
> > > > แต่ผมไม่แน่ใจนักว่า
> > > >
> > > > > รอยสักที่ปรากฏบนแขนของปาเดนั้นเป็นรูปอะไร เพราะที่นี่มืดมาก
> ไม่มีไฟฟ้า
> > >
> > > >
> > > > > ต้องใช้คบเพลิงและอาศัยแสงจากเปลวเทียนเท่านั้นแต่มันคงไม่ใช่รูป
> > > > "ชินจังช้างน้อย" หรอก
> > > >
> > > > > เพราะมันช่างไม่เข้ากับหน้าตา อันโหดอุ๋ย หยาบคาย
> และแลดูดุดันของเขาเลย
> > > > เห็น ปาเด
> > > >
> > > > > บอกกับใครสักคนในกลุ่มพวกเราว่า
> > > > มันเป็นรอยสักที่เป็นเครื่องรางติดตัวของเขา
> > > >
> > > > >
> > > >
> > > > > คืนแรกที่พักผ่อนอยู่ที่นี่ ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ที่นี่สงบเงียบ
> > > > เป็นธรรมชาติ
> > > >
> > > > > แต่บางครั้งผมก็รู้สึก ว่า มันเงียบมาก เงียบจนผิดสังเกตุ
> > > >
> > > > > มันเหมือนมีใครสักคนคอยจับตาดูเราอยู่ (ผมอาจจะคิดไปเอง
> > > > แต่ผมก็มาทราบภายหลังว่า เพื่อนๆ
> > > >
> > > > > ก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับผม แต่ไม่มีใครกล้าปริปาก)
> > > >
> > > > > รุ่งเช้าพวกเราออกเล่นน้ำทะเล และเดินเล่นรอบๆเกาะ
> > > แต่ดูเหมือนดินฟ้าอากาศ
> > > > จะไม่เป็นใจนัก
> > > >
> > > > > ท้องฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่มันเพิ่งจะเป็นเวลาบ่ายโมงกว่าๆ
> > > เท่านั้น
> > > >
> > > >
> > > > > พายุโหมกระหน่ำพัดเข้าหาชายฝั่งอย่างบ้าคลั่ง
> > > >
> > > > >
> > > >
> > > > > เรากำลังจะกลับแต่เราก็ต้องพบกับเรื่องที่น่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง
> > > >
> > > > > พวกเราได้พบกับ หญิงวัยกลางคน
> > > > เดินอยู่ที่ชายหาดท่ามกลางพายุฝนที่ตกกระหน่ำอย่างรุนแรง
> > > >
> > > > > ทำไมมีผู้หญิงมาเดินอยู่ที่นี่เธอแต่งตัวดูไม่เหมือนกับคนที่นี่
> > > > หน้าตาเธอดูใจดี
> > > >
> > > > >
> > > >
> > >
> และมีชาติตระกูลแต่เธอดูเศร้ามากแล้วทำไมเธอต้องมาเดินอยู่ท่ามกลางพายุฝนเช่น
> > > > นี้ ? ? ?
> > > >
> > > > > ท้องฟ้ามืดลงทุกทีมืดจนเราไม่สามารถที่จะมองเห็นเธอได้อีกต่อไป
> > > >
> > > > >
> > > >
> > > > > ก็ไหนป้าเจิด กับ ปาเด บอกว่าบนเกาะนี้นอกจากพวกเขา และพวกเราแล้ว
> > > >
> > > > >
ก็ไม่มีใครอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้ไงแล้วผู้หญิงที่เราเห็นเมื่อสักครู่
> > > > เธอเป็นใคร ? ? ?
> > > >
> > > > > พวกเราเริ่มสงสัย
กะกันเอาไว้ว่าเดี๋ยวพอกลับถึงโรงแรมจะต้องถามป้าเจิด
> > > >
> > > > > กับปาเด ให้ได้ความ
> > > >
> > > > >
> > > >
> > > > >
> > >
เรากลับมาถึงโรงแรมอย่างทุลักทุเลเต็มทนพวกเราแยกย้ายกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
> > > > อาบน้ำอาบท่า
> > > >
> > > > > นัดกันว่า อีก 1 ชั่วโมงเราจะออกมาเจอกันอีกครั้งที่ห้องโถง
> > > >
> > > > > พอได้เวลาผมกับแฟน ก็ออกมาที่ห้องโถงตามนัดหมาย"มีใครเห็นป้าเจิด กับ
> > > ปาเด
> > > > บ้างรึเปล่า"
> > > >
> > > > > ผมรีบถาม เพราะอยากจะถามถึงผู้หญิงที่เจอที่ชายหาด
> > > >
> > > > >
> > > >
> > > > > "ไม่เห็นมีใครเลย ผมเดินดูหลายรอบแล้ว" บอย บอกกับพวกเราอย่างนั้น
> > > >
> > > > > > "ใช่ครับ ผมก็ไม่เห็น ปาเด อยู่ข้างนอกเหมือนเคย"
> ทอมพูดเสริมขึ้นมา
> > > >
> > > > > สิ้นเสียงพูดคุยของพวกเรา ไฟก็ดับลง
> > > >
> > > > > พวกเราตะโกนด้วยความหวาดกลัว ประตูไม้บานใหญ่ ค่อยๆ เปิดขึ้น
> > > >
> > > > > แอ๊ะ แอ๊ะ แอ๊ด ด ด ด ด ด ด เสียงประตู
> > > > ที่เราไม่ค่อยจะคุ้นหูนักในเมืองหลวง ดังขึ้น
> > > >
> > > > >
> > > >
> > > > > ร่างของหญิงผมยาว โผล่ขึ้นต่อหน้าพวกเรา เธอค่อยๆ เดินก้าวเข้ามา
> > > ทีละน้อย
> > > >
> > > > > พายุยังโหมกระหน่ำอยู่อย่างต่อเนื่อง แสงจากสายฟ้า
> > > >
> > > > > สว่างและมืด เป็นจังหวะ เงาของหญิงที่กำลังเดินเข้ามา
> > > >
> > > > > ช่างดูน่ากลัวเสียนี่กระไร เธอเดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าพวกเรา
> > > >
> > > > > เปลวเทียนสว่างขึ้นอีกครั้งและเราก็ได้เห็นเธออย่างเต็มตา
> > > >
> > > > >
> > > >
> > > > > ป้าเจิด ! ! ! พวกเราเรียกพร้อมกัน เรารู้สึกสบายใจขึ้นอย่างมาก
> > > > เมื่อได้เห็นป้าเจิด
> > > >
> > > > > และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมรีบถามป้าเจิด
> > > > ถึงผู้หญิงที่ได้พบที่ชายหาดเมื่อบ่าย
> > > >
> > > > > ป้าเจิด หน้าตาตกใจทันทีที่ได้ยินคำถาม
> > > > ดูเหมือนเธอจะไม่อยากที่จะให้คำตอบนี้กับพวกเรานัก
> > > >
> > > > > "อย่าไปสนใจมันเลยพ่อหนุ่ม เรื่องมันนานมาแล้ว เชื่อป้าสิ"
> > > > ดูเธอหวาดกลัวที่จะค้องตอบคำถามนี้เหลือเกิน
> > > >
> > > > > "นะครับ ป้าครับ ผมอยากรู้จริงๆ ก็ไหนป้า บอกว่าที่นี่
ไม่มีคนอื่นไง"
> > > >
> > > > > "ก็ใครบอกล่ะ ว่าผู้หญิงที่เธอเห็นเป็นคน
> > > > ว่าแต่พวกเธอยังอยากฟังเรื่องต่อไปอีกไหมล่ะ"
> > > >
> > > > > > "เอาสิครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ผมอยากรู้ว่าเธอเป็นใคร"
> > > >
> > > > > จากวันนั้นจนถึงวันนี้ มันก็ครบรอบ สามสิบปี พอดิบพอดี
> > > > นี่ถ้าพวกคุณไม่ถามถึง
> > > >
> > > > > ป้าก็คงลืมมันไปแล้วเหมือนกัน มันนานมาก ป้าอยากลืม
> และไม่อยากนึกถึงมัน
> > > >
> > > > > อีก แต่ในเมื่อมันเป็นเช่นนี้
ป้าก็จะเล่าเรื่องทุกอย่างให้พวกเราฟัง
> > > >
> > > > > ในค่ำคืนใดก็ตาม ณ โรงแรมแห่งนี้ หากใครได้จุดเทียนอยู่ที่หน้ากระจก
> > > > และผิวปากไปพร้อมๆ กัน
> > > >
> > > > > แล้วล่ะก็ .
> > > > > ป้าเจิดเงียบไป ดูเหมือนเธอกำลังคิดอะไรบางอย่าง
> > > > แววตาเธอดูช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร
> > > >
> > > > > "จุดเทียน ผิวปาก แล้วมันจะเป็นอะไรครับป้า" ทอมทนอดใจไม่ไหว
> > > จึงเอ่ยปากถาม
> > > >
> > > > > ป้าเจิดหันมายิ้มพร้อมกับคำตอบ "เทียนก็จะดับสิว่ะ"
> > > >
> > > > > ผมสะกิดป้าเจิดเบาๆ ด้วยปลายเท้า โทษฐานเป็น หญิงชรา
> > > > ที่มีมุขเยอะที่สุดในปฐพี ฝ่ายป้าเจิดก็รับมุข
> > > >
> > > > > ด้วยการกระเด็นไปติดข้างฝาอีกด้านของห้อง อย่างได้อารมณ์ "เอาล่ะ ๆ
> > > > เมื่อกี้ป้าล้อเล่น
> > > >
> > > > > และจากนี้ไปเป็นเรื่องที่ป้าจะเล่าเรื่องจริง ให้พวกเราได้ฟังเสียที"
> > > > ทุกคนเริ่มตั้งใจฟังอีกครั้ง
> > > > > คืนนั้นเป็นคืนเดือนมืด พายุเข้า
> > > > และฝนก็โหมกระหน่ำเหมือนในค่ำคืนนี้ไม่มีผิด
> > > > > ชายหญิงคู่หนึ่งเดินทางมาที่นี่ ทั้งคู่เพิ่งแต่งงานกัน
> > > > รู้สึกว่าจะยังไม่ถึงสองเดือนดีนัก
> > > >
> > > > > ทั้งคู่มาพักอยู่ที่นี่ 5 คืน และคืนที่เกิดเหตุการณ์อันน่าสยดสยอง
> > > >
> > > > > ก็ได้เกิดขึ้นในคืนวันสุดท้ายของทั้งสองที่จะพักอยู่บนเกาะแห่งนี้
> > > >
> > > > > พวกเขาไม่ได้มาเที่ยว
> > > > แต่มาเพื่อหาสิ่งของบางอย่างที่ไม่มีใครรู้ได้ว่ามันคืออะไร
> > > >
> > > > > (ตราบจนทุกวันนี้) คืนสุดท้าย ฝ่ายชายหนุ่ม
> > > > ก็ออกไปข้างนอกเพื่อหาของบางอย่างเหมือนเช่นเคย
> > > >
> > > > > เขารู้ดีว่า เขาอาจจะไม่มีโอกาส ได้กลับมาที่นี่อีก
> > > > หากเขาไม่สามารถหามันพบเขาเดินหาอยู่นาน
> > > > > ฝนยังตกหนักเช่นเดิม . . .
> > > > > เวลาผ่านไปจนถึงรุ่งเช้าของอีกวัน ชายหนุ่มก็ไม่ได้กลับมาที่โรงแรม
> > > > > ฝ่ายหญิงสาวก็ไม่คิดที่จะกลับบ้านหากไม่ได้พบกับสามีของเธออีกครั้ง
> > > > > เธอเฝ้ารอสามีอันเป็นที่รักอยู่ที่นี่ รอนานมาก
> > > > รอจนถึงวันที่พายุโหมกระหน่ำมาอีกครั้ง มันเป็นวันครบรอบ
> > > > > 1 ปีของการจากไปของสามี เธอตัดสินใจออกมาตามหาเขา
> > > > เหมือนที่เขาได้ออกตามหาบางสิ่งบางอย่าง
> > > > > เวลาผ่านไปจนถึงรุ่งเช้าของอีกวัน
> หญิงสาวก็ไม่ได้กลับมาที่โรงแรมอีกเลย
> > > > > และทุกวันที่มีพายุฝนกระหน่ำ ใครสักคนบนเกาะแห่งนี้
> > > > > ก็จะได้เห็น หญิงสาวหน้าตาดี ออกเดินตามหาอะไรบางอย่าง
ท่ามกลางพายุฝน
> > > > และมันก็เป็นอย่างนี้ตลอดมา
> > > > > แต่ก่อนที่เธอจะออกไปตามหาสามี
เธอได้เขียนจดหมายเลือดเอาไว้หนึ่งฉบับ
> > > > เธอคงรู้ดีว่า
> > > > > เธออาจจะไม่ได้กลับมาที่โรงแรมนี้อีก เธอใช้มีดกรีดที่ข้อมือ
> > > > > เลือดสีแดงสดไหลยาวเป็นทาง
> > > > เธอเอานิ้วมือที่เปื้อนเลือดขีดเขียนบางสิ่งบางอย่างลงบนกระดาษ
> > > > > และป้าก็เก็บมันมาจนถึงทุกวันนี้
> > > > ว่าแล้วป้าเจิดก็เดินไปหยิบกระดาษแผ่นหนึ่ง
> > > > > ที่ดูเก่าเหลือเกิน มันมีคราบเลือดอยู่จริงๆ ด้วย
> > > > ไม่มีใครกล้าที่จะหยิบอ่าน
> > > > > ทุกคนในขณะนี้เริ่มรู้สึกหวาดกลัวกับเรื่องราวที่ได้รับฟัง ทันใดนั้น
> > > > ไฟจากเปลวเทียนก็ดับลงอีกครั้ง
> > > > > หลายคนหวีดร้องด้วยความสะพรึงกลัว
> > > ยังไม่ทันที่เสียงหวีดร้องจะเงียบสนิทดี
> > > > > เปลวเทียนถูกจุดขึ้นอีกครั้ง แต่มันกลับถูกจุดขึ้นมา
> > > > > พร้อมกับกระจกบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าในกระจกบานใหญ่นั้น
> > > > > มีใบหน้าของ หญิงชราผู้หนึ่ง ผู้ที่พวกเรารู้จักกันดี เธอคือ
> > > > "ป้าเจิด"เจ้าของโรงแรมแห่งนี้
> > > > > "ปะ ปะ ป ป้า า . . ." ยังไม่ทันที่เราจะเรียกสติกลับคืนมา
> ในเงากระจก
> > > > > ภาพของป้าเจิดก็ค่อยๆ หันหลังให้พวกเรา เธอค่อยๆ
> > > > > เดินจากไป และก่อนที่จะลับตา เธอหันกลับมาหาเราอีกครั้ง
> > > > > แต่ครั้งนี้ ภาพที่เราได้เห็น ไม่ใช่ป้าเจิด
มันเป็นภาพของผู้หญิงอีกคน
> > > > ผู้หญิงคนที่ผมจำได้ว่า
> > > > > เธอคือคนคนเดียวกับที่เราได้พบเมื่อกลางวัน เธอยิ้มให้กับพวกเรา
> > > > ก่อนที่ภาพของเธอ
> > > > > จะจางหายไปในกระจกเงาบานใหญ่ที่อยู่ต่อหน้า
> > > > ผมแข็งใจหยิบกระดาษที่มีคราบเลือดเปิดอ่าน
> > > > > หวังว่าเธออาจจะต้องการบอกอะไร กับเราบางอย่าง เธออาจจะบอกถึง
> > > > สาเหตุของการตายของเธอ
> > > > > กับแฟนหนุ่ม หรือ ไม่ก็อาจจจะต้องการให้เราทำอะไรบางอย่างให้เธอ .
.
> .
> > > > > ขณะนี้ กระดาษเปื้อนคราบเลือด อยู่ในมือของผม เปลวไฟของแสงเทียน
> > > > สลับกับแสงจากฟากฟ้าที่มา : www.thaimtb.com
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น