เรื่องสยองขวัญ.... - เรื่องสยองขวัญ.... นิยาย เรื่องสยองขวัญ.... : Dek-D.com - Writer

    เรื่องสยองขวัญ....

    คุณคยจุดเทียนน่ากระจกหรือปล่าว

    ผู้เข้าชมรวม

    502

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    502

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  29 ต.ค. 49 / 17:43 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      เรื่องสยองขวัญ "เคยจุดเทียนหน้ากระจกแล้วผิวปาก   หรือเปล่า" 

       > > > > > เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
      > > > >
      > > > > > ราวๆ เดือน เมษายน ผม แฟนสาว (อ้อย) กับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง
      > > > > ซึ่งประกอบไปด้วย "บอย"
      > > > >
      > > > > > พนักงานบัญชีที่บริษัท "น้องบัว" เพื่อนสมัยเรียนมัธยมของอ้อย
      "น้าศา"
      > > > > น้าสาวของอ้อย และ
      > > > >

      > > > > > "ไอ้ทอม" น้องชายของผมเอง
      > > > >
      > > > > >
      > > > >
      > > > > > พวกเราได้นัดหมายกันไปเที่ยว
      ชายทะเลแห่งหนึ่งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
      > > > >
      > > > > > เราตัดสินใจเดินทางไปเกาะที่ห่างไกลผู้คน
      > > > > มันไกลมากไกลจนเกือบจะมีพวกเราเท่านั้นที่ถูกเรียกว่า "คน"
      > > > >
      > > > > > เพราะนอกจากพวกเราแล้ว ก็มีเพียง "ป้าเจิด" หญิงชรา ท่าทางน่ากลัว
      > > > > ผู้ที่เป็นเจ้าของโรงแรม
      > > > >
      > > > > > ที่มีเพียงแห่งเดียวบนเกาะนี้ ซึ่งกว่าที่เราจะมาถึงที่นี่ได้
      > > > > มันก็มืดค่ำมากแล้ว
      > > > >
      > > > > > แต่มันก็คุ้มกับ บรรยากาศที่สุดแสนจะธรรมชาติ (ผมนึกในใจ)
      > > > >
      > > > > > อีกคนเป็นบริกรหนุ่มฉกรรจ์ นามว่า "ปาเด"
      > > > > หนุ่มฉกรรจ์ผู้ที่มีรอยสักอย่างโดดเด่นอยู่ที่แขนข้างขวา
      > > > >
      > > > > > นี่ถ้าผมมาเที่ยวญี่ปุ่น ผมคงเข้าใจว่า ปาเด ต้องเป็น ยากูซา
      > อย่างแน่นอน
      > > > > แต่ผมไม่แน่ใจนักว่า
      > > > >
      > > > > > รอยสักที่ปรากฏบนแขนของปาเดนั้นเป็นรูปอะไร เพราะที่นี่มืดมาก
      > ไม่มีไฟฟ้า
      > > >
      > > > >
      > > > > > ต้องใช้คบเพลิงและอาศัยแสงจากเปลวเทียนเท่านั้นแต่มันคงไม่ใช่รูป
      > > > > "ชินจังช้างน้อย" หรอก
      > > > >
      > > > > > เพราะมันช่างไม่เข้ากับหน้าตา อันโหดอุ๋ย หยาบคาย
      > และแลดูดุดันของเขาเลย
      > > > > เห็น ปาเด
      > > > >
      > > > > > บอกกับใครสักคนในกลุ่มพวกเราว่า
      > > > > มันเป็นรอยสักที่เป็นเครื่องรางติดตัวของเขา
      > > > >
      > > > > >
      > > > >
      > > > > > คืนแรกที่พักผ่อนอยู่ที่นี่ ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ที่นี่สงบเงียบ
      > > > > เป็นธรรมชาติ
      > > > >
      > > > > > แต่บางครั้งผมก็รู้สึก ว่า มันเงียบมาก เงียบจนผิดสังเกตุ
      > > > >
      > > > > > มันเหมือนมีใครสักคนคอยจับตาดูเราอยู่ (ผมอาจจะคิดไปเอง
      > > > > แต่ผมก็มาทราบภายหลังว่า เพื่อนๆ
      > > > >
      > > > > > ก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับผม แต่ไม่มีใครกล้าปริปาก)
      > > > >
      > > > > > รุ่งเช้าพวกเราออกเล่นน้ำทะเล และเดินเล่นรอบๆเกาะ
      > > > แต่ดูเหมือนดินฟ้าอากาศ
      > > > > จะไม่เป็นใจนัก
      > > > >
      > > > > > ท้องฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่มันเพิ่งจะเป็นเวลาบ่ายโมงกว่าๆ
      > > > เท่านั้น
      > > > >
      > > > >
      > > > > > พายุโหมกระหน่ำพัดเข้าหาชายฝั่งอย่างบ้าคลั่ง
      > > > >
      > > > > >
      > > > >
      > > > > > เรากำลังจะกลับแต่เราก็ต้องพบกับเรื่องที่น่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง
      > > > >
      > > > > > พวกเราได้พบกับ หญิงวัยกลางคน
      > > > > เดินอยู่ที่ชายหาดท่ามกลางพายุฝนที่ตกกระหน่ำอย่างรุนแรง
      > > > >
      > > > > > ทำไมมีผู้หญิงมาเดินอยู่ที่นี่เธอแต่งตัวดูไม่เหมือนกับคนที่นี่
      > > > > หน้าตาเธอดูใจดี
      > > > >
      > > > > >
      > > > >
      > > >
      > และมีชาติตระกูลแต่เธอดูเศร้ามากแล้วทำไมเธอต้องมาเดินอยู่ท่ามกลางพายุฝนเช่น
      > > > > นี้ ? ? ?
      > > > >
      > > > > > ท้องฟ้ามืดลงทุกทีมืดจนเราไม่สามารถที่จะมองเห็นเธอได้อีกต่อไป
      > > > >
      > > > > >
      > > > >
      > > > > > ก็ไหนป้าเจิด กับ ปาเด บอกว่าบนเกาะนี้นอกจากพวกเขา และพวกเราแล้ว
      > > > >
      > > > > >
      ก็ไม่มีใครอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้ไงแล้วผู้หญิงที่เราเห็นเมื่อสักครู่
      > > > > เธอเป็นใคร ? ? ?
      > > > >
      > > > > > พวกเราเริ่มสงสัย
      กะกันเอาไว้ว่าเดี๋ยวพอกลับถึงโรงแรมจะต้องถามป้าเจิด
      > > > >
      > > > > > กับปาเด ให้ได้ความ
      > > > >
      > > > > >
      > > > >
      > > > > >
      > > >
      เรากลับมาถึงโรงแรมอย่างทุลักทุเลเต็มทนพวกเราแยกย้ายกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
      > > > > อาบน้ำอาบท่า
      > > > >
      > > > > > นัดกันว่า อีก 1 ชั่วโมงเราจะออกมาเจอกันอีกครั้งที่ห้องโถง
      > > > >
      > > > > > พอได้เวลาผมกับแฟน ก็ออกมาที่ห้องโถงตามนัดหมาย"มีใครเห็นป้าเจิด กับ
      > > > ปาเด
      > > > > บ้างรึเปล่า"
      > > > >
      > > > > > ผมรีบถาม เพราะอยากจะถามถึงผู้หญิงที่เจอที่ชายหาด
      > > > >
      > > > > >
      > > > >
      > > > > > "ไม่เห็นมีใครเลย ผมเดินดูหลายรอบแล้ว" บอย บอกกับพวกเราอย่างนั้น
      > > > >
      > > > > > > "ใช่ครับ ผมก็ไม่เห็น ปาเด อยู่ข้างนอกเหมือนเคย"
      > ทอมพูดเสริมขึ้นมา
      > > > >
      > > > > > สิ้นเสียงพูดคุยของพวกเรา ไฟก็ดับลง
      > > > >
      > > > > > พวกเราตะโกนด้วยความหวาดกลัว ประตูไม้บานใหญ่ ค่อยๆ เปิดขึ้น
      > > > >
      > > > > > แอ๊ะ แอ๊ะ แอ๊ด ด ด ด ด ด ด เสียงประตู
      > > > > ที่เราไม่ค่อยจะคุ้นหูนักในเมืองหลวง ดังขึ้น
      > > > >
      > > > > >
      > > > >
      > > > > > ร่างของหญิงผมยาว โผล่ขึ้นต่อหน้าพวกเรา เธอค่อยๆ เดินก้าวเข้ามา
      > > > ทีละน้อย
      > > > >
      > > > > > พายุยังโหมกระหน่ำอยู่อย่างต่อเนื่อง แสงจากสายฟ้า
      > > > >
      > > > > > สว่างและมืด เป็นจังหวะ เงาของหญิงที่กำลังเดินเข้ามา
      > > > >
      > > > > > ช่างดูน่ากลัวเสียนี่กระไร เธอเดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าพวกเรา
      > > > >
      > > > > > เปลวเทียนสว่างขึ้นอีกครั้งและเราก็ได้เห็นเธออย่างเต็มตา
      > > > >
      > > > > >
      > > > >
      > > > > > ป้าเจิด ! ! ! พวกเราเรียกพร้อมกัน เรารู้สึกสบายใจขึ้นอย่างมาก
      > > > > เมื่อได้เห็นป้าเจิด
      > > > >
      > > > > > และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมรีบถามป้าเจิด
      > > > > ถึงผู้หญิงที่ได้พบที่ชายหาดเมื่อบ่าย
      > > > >
      > > > > > ป้าเจิด หน้าตาตกใจทันทีที่ได้ยินคำถาม
      > > > > ดูเหมือนเธอจะไม่อยากที่จะให้คำตอบนี้กับพวกเรานัก
      > > > >
      > > > > > "อย่าไปสนใจมันเลยพ่อหนุ่ม เรื่องมันนานมาแล้ว เชื่อป้าสิ"
      > > > > ดูเธอหวาดกลัวที่จะค้องตอบคำถามนี้เหลือเกิน
      > > > >
      > > > > > "นะครับ ป้าครับ ผมอยากรู้จริงๆ ก็ไหนป้า บอกว่าที่นี่
      ไม่มีคนอื่นไง"
      > > > >
      > > > > > "ก็ใครบอกล่ะ ว่าผู้หญิงที่เธอเห็นเป็นคน
      > > > > ว่าแต่พวกเธอยังอยากฟังเรื่องต่อไปอีกไหมล่ะ"
      > > > >
      > > > > > > "เอาสิครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ผมอยากรู้ว่าเธอเป็นใคร"
      > > > >
      > > > > > จากวันนั้นจนถึงวันนี้ มันก็ครบรอบ สามสิบปี พอดิบพอดี
      > > > > นี่ถ้าพวกคุณไม่ถามถึง
      > > > >
      > > > > > ป้าก็คงลืมมันไปแล้วเหมือนกัน มันนานมาก ป้าอยากลืม
      > และไม่อยากนึกถึงมัน
      > > > >
      > > > > > อีก แต่ในเมื่อมันเป็นเช่นนี้
      ป้าก็จะเล่าเรื่องทุกอย่างให้พวกเราฟัง
      > > > >
      > > > > > ในค่ำคืนใดก็ตาม ณ โรงแรมแห่งนี้ หากใครได้จุดเทียนอยู่ที่หน้ากระจก
      > > > > และผิวปากไปพร้อมๆ กัน
      > > > >
      > > > > > แล้วล่ะก็ .
      > > > > > ป้าเจิดเงียบไป ดูเหมือนเธอกำลังคิดอะไรบางอย่าง
      > > > > แววตาเธอดูช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร
      > > > >
      > > > > > "จุดเทียน ผิวปาก แล้วมันจะเป็นอะไรครับป้า" ทอมทนอดใจไม่ไหว
      > > > จึงเอ่ยปากถาม
      > > > >
      > > > > > ป้าเจิดหันมายิ้มพร้อมกับคำตอบ "เทียนก็จะดับสิว่ะ"
      > > > >
      > > > > > ผมสะกิดป้าเจิดเบาๆ ด้วยปลายเท้า โทษฐานเป็น หญิงชรา
      > > > > ที่มีมุขเยอะที่สุดในปฐพี ฝ่ายป้าเจิดก็รับมุข
      > > > >
      > > > > > ด้วยการกระเด็นไปติดข้างฝาอีกด้านของห้อง อย่างได้อารมณ์ "เอาล่ะ ๆ
      > > > > เมื่อกี้ป้าล้อเล่น
      > > > >
      > > > > > และจากนี้ไปเป็นเรื่องที่ป้าจะเล่าเรื่องจริง ให้พวกเราได้ฟังเสียที"
      > > > > ทุกคนเริ่มตั้งใจฟังอีกครั้ง
      > > > > > คืนนั้นเป็นคืนเดือนมืด พายุเข้า
      > > > > และฝนก็โหมกระหน่ำเหมือนในค่ำคืนนี้ไม่มีผิด
      > > > > > ชายหญิงคู่หนึ่งเดินทางมาที่นี่ ทั้งคู่เพิ่งแต่งงานกัน
      > > > > รู้สึกว่าจะยังไม่ถึงสองเดือนดีนัก
      > > > >
      > > > > > ทั้งคู่มาพักอยู่ที่นี่ 5 คืน และคืนที่เกิดเหตุการณ์อันน่าสยดสยอง
      > > > >
      > > > > > ก็ได้เกิดขึ้นในคืนวันสุดท้ายของทั้งสองที่จะพักอยู่บนเกาะแห่งนี้
      > > > >
      > > > > > พวกเขาไม่ได้มาเที่ยว
      > > > > แต่มาเพื่อหาสิ่งของบางอย่างที่ไม่มีใครรู้ได้ว่ามันคืออะไร
      > > > >
      > > > > > (ตราบจนทุกวันนี้) คืนสุดท้าย ฝ่ายชายหนุ่ม
      > > > > ก็ออกไปข้างนอกเพื่อหาของบางอย่างเหมือนเช่นเคย
      > > > >
      > > > > > เขารู้ดีว่า เขาอาจจะไม่มีโอกาส ได้กลับมาที่นี่อีก
      > > > > หากเขาไม่สามารถหามันพบเขาเดินหาอยู่นาน
      > > > > > ฝนยังตกหนักเช่นเดิม . . .
      > > > > > เวลาผ่านไปจนถึงรุ่งเช้าของอีกวัน ชายหนุ่มก็ไม่ได้กลับมาที่โรงแรม
      > > > > > ฝ่ายหญิงสาวก็ไม่คิดที่จะกลับบ้านหากไม่ได้พบกับสามีของเธออีกครั้ง
      > > > > > เธอเฝ้ารอสามีอันเป็นที่รักอยู่ที่นี่ รอนานมาก
      > > > > รอจนถึงวันที่พายุโหมกระหน่ำมาอีกครั้ง มันเป็นวันครบรอบ
      > > > > > 1 ปีของการจากไปของสามี เธอตัดสินใจออกมาตามหาเขา
      > > > > เหมือนที่เขาได้ออกตามหาบางสิ่งบางอย่าง
      > > > > > เวลาผ่านไปจนถึงรุ่งเช้าของอีกวัน
      > หญิงสาวก็ไม่ได้กลับมาที่โรงแรมอีกเลย
      > > > > > และทุกวันที่มีพายุฝนกระหน่ำ ใครสักคนบนเกาะแห่งนี้
      > > > > > ก็จะได้เห็น หญิงสาวหน้าตาดี ออกเดินตามหาอะไรบางอย่าง
      ท่ามกลางพายุฝน
      > > > > และมันก็เป็นอย่างนี้ตลอดมา
      > > > > > แต่ก่อนที่เธอจะออกไปตามหาสามี
      เธอได้เขียนจดหมายเลือดเอาไว้หนึ่งฉบับ
      > > > > เธอคงรู้ดีว่า
      > > > > > เธออาจจะไม่ได้กลับมาที่โรงแรมนี้อีก เธอใช้มีดกรีดที่ข้อมือ
      > > > > > เลือดสีแดงสดไหลยาวเป็นทาง
      > > > > เธอเอานิ้วมือที่เปื้อนเลือดขีดเขียนบางสิ่งบางอย่างลงบนกระดาษ
      > > > > > และป้าก็เก็บมันมาจนถึงทุกวันนี้
      > > > > ว่าแล้วป้าเจิดก็เดินไปหยิบกระดาษแผ่นหนึ่ง
      > > > > > ที่ดูเก่าเหลือเกิน มันมีคราบเลือดอยู่จริงๆ ด้วย
      > > > > ไม่มีใครกล้าที่จะหยิบอ่าน
      > > > > > ทุกคนในขณะนี้เริ่มรู้สึกหวาดกลัวกับเรื่องราวที่ได้รับฟัง ทันใดนั้น
      > > > > ไฟจากเปลวเทียนก็ดับลงอีกครั้ง
      > > > > > หลายคนหวีดร้องด้วยความสะพรึงกลัว
      > > > ยังไม่ทันที่เสียงหวีดร้องจะเงียบสนิทดี
      > > > > > เปลวเทียนถูกจุดขึ้นอีกครั้ง แต่มันกลับถูกจุดขึ้นมา
      > > > > > พร้อมกับกระจกบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าในกระจกบานใหญ่นั้น
      > > > > > มีใบหน้าของ หญิงชราผู้หนึ่ง ผู้ที่พวกเรารู้จักกันดี เธอคือ
      > > > > "ป้าเจิด"เจ้าของโรงแรมแห่งนี้
      > > > > > "ปะ ปะ ป ป้า า . . ." ยังไม่ทันที่เราจะเรียกสติกลับคืนมา
      > ในเงากระจก
      > > > > > ภาพของป้าเจิดก็ค่อยๆ หันหลังให้พวกเรา เธอค่อยๆ
      > > > > > เดินจากไป และก่อนที่จะลับตา เธอหันกลับมาหาเราอีกครั้ง
      > > > > > แต่ครั้งนี้ ภาพที่เราได้เห็น ไม่ใช่ป้าเจิด
      มันเป็นภาพของผู้หญิงอีกคน
      > > > > ผู้หญิงคนที่ผมจำได้ว่า
      > > > > > เธอคือคนคนเดียวกับที่เราได้พบเมื่อกลางวัน เธอยิ้มให้กับพวกเรา
      > > > > ก่อนที่ภาพของเธอ
      > > > > > จะจางหายไปในกระจกเงาบานใหญ่ที่อยู่ต่อหน้า
      > > > > ผมแข็งใจหยิบกระดาษที่มีคราบเลือดเปิดอ่าน
      > > > > > หวังว่าเธออาจจะต้องการบอกอะไร กับเราบางอย่าง เธออาจจะบอกถึง
      > > > > สาเหตุของการตายของเธอ
      > > > > > กับแฟนหนุ่ม หรือ ไม่ก็อาจจจะต้องการให้เราทำอะไรบางอย่างให้เธอ .
      .
      > .
      > > > > > ขณะนี้ กระดาษเปื้อนคราบเลือด อยู่ในมือของผม เปลวไฟของแสงเทียน
      > > > > สลับกับแสงจากฟากฟ้า

      ที่มา : www.thaimtb.com

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×