ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sunflower in the Summer[ฤดูร้อนของสองเรา]

    ลำดับตอนที่ #1 : ฤดูร้อน เสียงเพลง ภาพสเกต

    • อัปเดตล่าสุด 12 มี.ค. 51


                      เสียงดนตรีบรรเลงคล่อเบาไปตามสายลมในยามเย็น ตะวันทอแสงข้ามทางฟากหนึ่งของภูเขายังหน้าต่างบานเก่า ผ่านริ้วผ้าม่านสีขาว แสงตะวันอ่อนๆกระทบกับกระถังดอกไม้ที่มีแต่เพียงดินสีดำ

                     นิ้วเรียวงามกดตามแป้นคีย์เปียโนบรรเลงไล่เรียงโน๊ตดนตรี เด็กหญิงในชุดนักเรียนเคลิบเคลิ้ม กับเสียงดนตรี เพลงที่เธอกำลังเล่นอยู่นั้น คือ Hana no Youni ของ Takako Matsu ซึ่งเพลงนี่เป็นเพลงโปรดของเด็กสาว เธอคิดใจกับเพลงที่แม้จะไม่เข้าใจความหมายเนื้อเพลงนั้น เพราะว่าเป็นภาษาญี่ปุ่น และเธอก็ไม่เก่งภาษานี่ซะด้วย แต่ด้วยทำนองคำพูดของคนร้องเพลงนั้น ทำให้ตัวของเธอนั้นรู้สึกอ่อนไหวไปตามเนื้อเพลงนั้น ทำให้เธอค้นคว้าหาเพลงนี่เล่นเปียโน และฝึกฝนมันจนคล่อง



    “ตะวัน? ยังไม่กลับบ้านหรือ?” เสียงอาจารย์สาวผู้เป็นที่เคารพกล่าวขึ้นขณะเดินเข้ามาปิดหน้าต่างแต่ละบานในห้อง ยกเว้นหน้าต่างบานที่อยู่เหนือกระถังดอกไม้



    “เดี๋ยวก็จะกลับแล้วคะอาจารย์เทียน” ตะวันหยุดเล่นเปียโน แล้วกลับมาเริ่มบรรเลงเพลง Hana no Youni อีกครั้ง “แล้วอาจารย์ยังไม่กลับหรอคะ”



    “เดี๋ยวก็กลับแล้วเหมือนกันละ แล้ว เดี๋ยวให้อาจารย์ไปส่งเธอกลับไหม?” อาจารย์ถามด้วยความเป็นห่วง



    “ตะวันคงกลับเองคะ” ตะวันพูดอย่างเศร้าส้อย “หอของตะวันอยู่ใกล้ๆ อาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่ะคะ” เธอเงยหน้าพร้อมกับร้อยยิ้มที่มอบให้กับอาจารย์



                         อาจารย์ของตะวัน เข้าใจในการกระทำที่ขัดแย้งกับความรู้สึกของเธอ ตะวันเป็นเด็กสาวลูกคนเดียวของครอบครัวตระกูล รุ่งอรุณ ที่ร่ำรวย แต่เนื่องจากโศกนากรรมทางด้านอุบัติเหตุ ทำให้บิดามารดาของเธอต้องจากไป เธอต้องอาศัยอยู่กับญาติพี่น้องที่ค่อยแต่หวังส่วนแบ่งจากทรัพย์สมบัติจากตระกูลเธอ 

                        ตะวันอยู่อย่างไม่มีความสุข ทำให้อาจารย์เทียนซึ่งเป็นเพื่อนของแม่ของตะวันรับเธอมาเลี้ยงดูตั้งแต่ตะวันยังเด็ก ตะวันคือเด็กที่แข็งแกร่ง เธอจะไม่ยอมแพ้ในสิ่งที่เธอยากทำ จึงไม่แปลกหากเธอจะพยายามทำอะไรสักอย่างด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งพาใครแม้ในยามเดือดร้อน จนกระทั่งเธอโตพอที่จะช่วยเหลือตนเองได้ เธอก็ไปอาศัยอยู่หอซึ่งอยู่ใกล้กับโรงเรียนของเธอ

                        ทุกๆสิ่ง ในสิ่งที่ตะวันทำแล้วมีความสุข ตราบใดที่เธอทำอะไรแล้วมันไม่เดือดร้อนใคร เธอทำแล้วเธอมีความสุข อาจารย์ก็จะปล่อยเธอไป ให้เธอได้ใช้ความสุขได้อย่างเต็มที่ หลายสิ่งหลายอย่างอาจารย์เทียนได้สอนและแนะนำกับเธอในทุกๆด้าน แต่มีหนึ่งที่อาจารย์ยังไม่พร้อมที่จะบอกกับตะวัน สิ่งนั้นจะไม่วันได้บอกกับตะวัน นั้นคือสิ่งที่อาจารย์เทียนได้ให้คำสัญญากับตนเอง



    “ตะวัน งั้นอาจารย์ไปก่อนน่ะ นี่กุญแจ” เธอยืนกุญแจให้กับตะวัน “ถ้าจะออกจากห้องเมื่อไร ฝากล๊อกห้องด้วยนะ”

    ตะวันรับเพียงแค่พยักหน้าแล้วยิ้มให้กับอาจารย์

    “อย่าหักโหมซ้อมดนตรีมากจนเกินไปละ ช่วงปิดเทอมเนี๊ย ใช้ชีวิตให้สนุกอย่างเต็มที่เลยนะ” เธอเดินยังประตูแล้วบิดเปิดล๊อกมัน “ดอกไม้ที่เธอปลูกนั้นน่ะ อย่าลืมลดน้ำด้วยนะ” กล่าวเสร็จ อาจารย์ก็เดินจากไป บัดนี้เหลือแต่เด็กหญิงคนเดียวในห้อง เธอเก็บกุญแจเข้ากระเป๋าของตนเอง ในใจได้นึกแต่ขอบคุณอาจารย์ที่กรุณาเธอ ตะวันหันไปซ้อมดนตรีเปียโนอย่างเดิม 



                          ฝนเริ่มปรอยโปรยลงมา พื้นที่แห่งนั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ ทามกลางสายฝน เสียงดนตรีก็ยังคงบรรเลงอยู่ ตะวันนั่งนึกในใจ ‘ทั้งๆที่เข้าฤดูร้อนแล้ว ฝนก็ยังตกอยู่’ ความรู้สึกหดหู่ก่อตัวขึ้นมาในใจของเด็กสาวทีละเล็กทีละน้อย เธอนึกถึงสมัยเด็กที่ได้อยู่กับพ่อแม่ นึกถึงเรื่องราวดีๆที่เคยเกิดขึ้นมาตลอดทั้งชีวิตเธอ ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ ที่ทำให้เธอต้องจากพ่อแม่ไปตลอดกาล 

                         ชีวิตหลังการจากลา เธอก็อาศัยอยู่กับอาจารย์เทียนมาตลอด อาจารย์ก็เปรียบได้เหมือนกับแม่อีกคนของเธอ ทุกวันนี้แม้เธอจะมีความสุขที่มีอาจารย์อยู่เคียงข้างเธอ แต่ใจก็ยังห่วงหาถึงพ่อแม่ที่อยู่กันห่างไกลเหลือเกิน เธออาจจะอยู่ทามกลางมรดกที่พอจะให้เธอได้เรียนสูงหรือมีโอกาสมากกว่าใครๆก็จริง แต่ก็ไม่มีความสุข

                         ปลายนิ้วที่กำลังบรรเลงเพลงนั้น หมดเรี่ยวแรงที่จะเล่นเปียโนต่อ เพลงที่ดังทามกลางสายฝนนั้น ค่อยๆเบาลง

                         ตะวันถอนหายใจ เธอลุกขึ้นพร้อมที่เก็บข้าวของเตรียมจะกลับบ้าน แต่ทันใดนั้น!
    ปัง!

                         เสียงเปิดประตูและจังหวะที่ฟ้าผ่าฟาดลงสร้างบรรยากาศขนหัวลุกให้กับตะวัน



    “ขอโทษครับมีใครอยู่มั้ยครับ” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างเงาดำปรากฏที่ประตู



    “กรี๊ด” ตะวันร้องเสียงหลง ข้าวของทั้งหมดตกระเกะระกะ



    “อ๊ะ! ผมขอโทษ คือ ผมไม่ได้ทำให้คุณตกใจ!” เสียงของชายหนุ่มกล่าวขึ้นก่อนวิ่งเข้าไปช่วยเก็บข้าวของด้วย “อ๊าว! น้องตะวันเองหรอ?”



                              เสียงนั้นทำให้เด็กสาวเงยหน้ามองชายที่อยู่เบื้องหน้าเธอ “ร...รุ่นพี่ทอแสง” สักพักหน้าของเธอเริ่มชาและแดงโดยไม่รู้ตัว “พี่มาทำอะไรหรอคะ!”



    “พี่แค่มาส่งงานที่ค้างไว้น่ะ แล้วนี่เป็นไรหรือเปล่า? ดูเหมือนเธอไม่สบายน่ะ” รุ่นพี่ทอแสงเงยหน้าได้ถูกจังหวะพอดี ตะวันเบนหน้าหนีไปเก็บของที่ตกอยู่ด้านหลังของเธอแทน



    “ก็นิดหน่อยคะ” ตะวันพูด เธอเก็บความเขินอายไว้ แม้มันจะแสดงออกมาทางใบหน้าแล้วก็ตาม



    “พักผ่อนซะบางนะ ซ้อมหนักเกินไปก็ไม่ดี” รุ่นพี่พูดด้วยความห่วงใย เขาจัดเรียงข้าวของทั้งหมดให้เป็นระเบียบก่อนยืนให้รุ่นน้อง “อ่ะ นิพี่จัดให้ละ” ตะวันหันกลับมารับข้าวของ ก่อนจะรวมกับกองหนังสือที่ตัวเองจัดเรียงไว้เหมือนกัน



    “จะว่าไปน่ะ เธออยู่ที่นี่ตอนเย็นทุกเย็นเลยนิ” รุ่นพี่ทอแสงพูด ก่อนเดินไปยังกองสมุดส่งงานที่วางเป็นกระตั้ง เขาไล่เรียงดูห้องต่างๆที่จะส่งงาน “ฉันเห็นเธอเล่นเปียโนที่นี่ทุกวันเลย ไม่คิดจะออกไปเทียวที่ไหนกับเพื่อนๆบ้างหรอ?”



    ตุบ!



                              ข้าวของกองหนังสือที่อยู่ในอ้อมแขมของตะวันร่วงล่นอีกครั้ง



    “ขอโทษคะ- - “



                              รุ่นพี่ทอแสงกับตะวันช่วยกันเก็บข้าวของที่ทำล่น อีกครั้ง และเมื่อการเก็บข้าวของของตะวัน และการส่งงานของพี่ทอแสงเสร็จ ทั้งคู่เดินออกมาจากห้องแล้วล๊อกประตูข้างนอก

                              ฝนยังตกพร่ำๆ ไม่ยอมหยุด ทั้งคู่ยืนหลบยืนใต้ทางออกของห้องเรียน ซึ่งมีเพียงหลังคาเล็กกั้นฝนไว้อยู่



    “ฝนยังตกอยู่เลย” พี่ทอแสงพูดแล้วเอามือรองกับน้ำฝน“ทั้งๆที่เข้าฤดูร้อนแท้ๆ ฝนยังตก เฮ้อ เศร้าเน่อ” เขาหันไปถามตะวัน



    “อ่า คะ” ตะวันตอบอย่างเขินอาย ก่อนที่รวบรวมความกล้าเริ่มบทสนทนากับรุ่นพี่ต่อไป “แต่ว่า รุ่นพี่มาทำอะไรที่นี่ทุกๆตอนเย็นหรอคะ”



    “หา?” รุ่นพี่หันไปด้วยความสงสัย



    “คือ ตะวัน...หมายถึง พี่มาทำอะไรแถวๆนี่ ถึงได้รู้ว่า ตะวันกำลังเล่นเปียโนอยู่คะ” ตะวันถาม



    “พี่หรอ พี่ก็แค่มานั่งวาดรูปเล่นเฉยๆละ” พี่ทอแสงตอบ แล้ววิ่งไปหยิบกระเป๋าที่อยู่ใต้ต้นไม้ เขาเปิดกระเป๋า หยิบสมุดวาดรูปขึ้นมาให้ตะวันดู เธอเปิดดูทีละหน้า และประณีต ณ บัดนั้นเองเธอถึงได้รู้ว่า พี่ทอแสงเป็นคนที่รักการวาดรูปมาก ภาพวาดส่วนใหญ่เป็นรูปต้นไม้ เครื่องปั้นดินเผา และ บริเวณต่างๆของโรงเรียน



    “พี่อ่า ชอบที่เงียบๆ สงบๆ เวลาวาดรูปมันจะมีสติมาก พี่นะ กะจะเข้าสถาปัตย์ละ” พี่ทอแสงพูดขึ้น “พี่ก็เลยรีบฝึกวาดรูปลงเส้นลงสีให้เป็น” จังหวะที่เขากำลังพุดอยู่นั้น ตะวันก็เปิดไปเจอรูปหน้าหนึ่ง เป็นของทุ่งดอกทานตะวันลงสีเหลืองทองอย่างสวยงาม แต่เสียดาย มันขาดไปครึ่งหนึ่ง



    “..เออ....พี่ทอแสง ทำไมรูปหน้านี้มันขาดหายไปหรอคะ” ตะวันหันมาถาม ทันใดนั้นเธอก็เห็นสีหน้าของรุ่นพี่เศร้าสร้อย แววตาดูหมองลงเล็กน้อย “ข..ขอโทษคะ พี่ คือตะวันไม่ได้ตั้ง...”



    “ช่างมันเถอะ” รุ่นพี่กล่าวขึ้นก่อนที่ตะวันจะพูดต่อ “มันก็แค่อุบัติเหตุนะ ก็เลยขาดหายไป”



    “อ่าคะ” ตะวันกล่าว ก่อนจะพลิกกระดาษไปหน้าอื่นแทน ถัดจากรูปทุ่งตะวันที่ขาดหายไปครึ่งหนึ่ง ก็เป็นรูปน้ำตกที่ลงสีไปโทนเทาน้ำเงิน และรูปสเกตวัตถุทรงต่างๆ ก่อนค่อยเปิดสมุดไปทีละหน้าอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งถึงหน้าหนึ่ง ภาพสเกตของปลายเส้นผมที่ดำเงายาวสวยที่ถูกรวบขึ้นสูง โบว์ขาว แต่เธอไม่ทันจะเปิดดูรูปนั้นว่าเป็นใคร รุ่นพี่ทอแสงก็หยิบมันออกไปจากมือของเธอเสียก่อน



    “ จุ๊ๆ หน้านี่ขอเป็นความลับนะ” แล้วรุ่นพี่ก็ยิ้มให้เธอแล้วทำปากจุ๊



    ใจของตะวันดำดิ่งลงทันที เธอรู้สึกใจหายวาบเมื่อได้ยินรุ่นพี่พูดเช่นนั้น รุ่นพี่ชอบคนอื่นอยู่หรือ หรือมีใครในใจแล้วหรือเปล่า?



    “แล้วนี่ตะวัน” พี่ทอแสงเรียกตะวันให้ตื่นจากภวังค์ เธอสะดุ้งหันไปทางรุ่นพี่



    “คะ”



    “ปิดเทอมเนี่ย จะไปเที่ยวที่ไหนมั้ยละ” รุ่นพี่ถาม



    “คงไม่ได้ไปไหนหรอกคะ” เธอตอบอย่างสุภาพ “ตะวันคิดว่าคงต้องซ้อมเปียโนที่โรงเรียนทุกวันมากกว่า สิ้นฤดูร้อนนี้ ตะวันต้องใจจะไปแข่งเปียโนคะ”



    “แข่งเปียโน?” รุ่นพี่ทวนคำ



    “คะ คือ ไปแข่ง หากได้รางวัลที่ 1 ก็มีโอกาสไปเรียนต่างประเทศคะ.....” จากนั้นตะวันอธิบายอีกยาวเหยียด เรื่องกติกาของการแข่งขัน และ คุณสมบัติของผู้เข้าแข่งขัน จนรวมไปถึงการไปอยู่อาศัยที่ต่างประเทศกับครอบครัวชาวต่างชาติ จนรุ่นพี่ทอแสงฟังแทบจะไม่ทัน



    “ตะวัน...” พี่ทอแสงพูดแทรกระหว่างที่เธอกำลังอธิบายเรื่องแข่งขันอย่างยาวเหยียด คำพูดของเขาทำให้เธอหยุดชะงักบทพูดของเธอ “ขอโทษนะที่พี่พูดแทรก แต่ ตะวันอยากไปเรียนที่ต่างประเทศจริงหรอ” ตะวันชะงักในคำถามของรุ่นพี่ เธอเงียบไปจนเหลือเพียงแค่เสียงของฝนที่โปรยปลาย กับเสียงฟ้าร้องที่ดังครื้นๆเบาๆ ตะวันใช้เวลาคิดทบทวนความรู้สึกของตนเองสักพัก ก่อนเอ่ยปากออกไปตามความจริง



    “ความจริงแล้ว ตะวันก็ไม่อยากไปต่างประเทศหรอกคะ แต่ เพราะคิดว่าอยู่ต่างประเทศแล้ว ตะวันอาจจะมีความสุขมากกว่าอยู่ประเทศไทย ก็เลยคิดว่า ต่างประเทศอาจจะเหมาะกับตัวเองก็เลยคะ และก็...”



    “ช่างมันเถอะ” รุ่นพี่พุดแทรกอีกครั้ง ตะวันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวน่ารำคาญขึ้นมาทันที เธอรู้สึกว่า เธอพูดอะไรออกไปแล้ว ทำให้รุ่นพี่เบื่อที่จะฟังเธอพูด จนต้องเปลี่ยนเรื่องพูด ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกอ่อนแอ และอยากร้องไห้มากๆ



    “ช่างเรื่องอยากหรือไม่อยากไปต่างประเทศเถอะ เธออยากไปเที่ยวที่ไหนมั้ย?” เด็กสาวตกใจแล้วเงยหน้ามองชายหนุ่ม เขายิ้มให้เธออย่างไมตรี “บางที เธออาจจะคิด จริงจัง กับเรื่องเรียน เรื่องแข่งขัน มากเกินไป ลองไปเที่ยวที่ไหนดีมั้ยละ มันอาจจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นก็ได้” เขาก้มลงมองที่แววตาของเด็กสาว “บางที เธอยากไปเที่ยวน้ำตก” เขายิ้มให้เธอ “อยากไปมั้ยละ”



    “คือ...อยากไปคะ” เด็กสาวช่างใจสักพักแล้วตอบไปอย่างมั่นใจ



    “ดีแล้วละ พักสักบ้าง!” รุ่นพี่ทอแสงพูด ก่อนสังเกตว่าฝนเริ่มหยุดตก แสงแดดยามเย็นสีส้มแผ่ออกมาตามริ้วของก้อนเมฆที่แยกตัวเหล่านั้น “แล้วเจอกันน่ะพรุ่งนี้ ตอน 10โมงเช้า” ว่าเสร็จรุ่นพี่ก็เดินออกจากตรงที่หลบฝนนั้น

    “แล้วเจอกันที่ไหนหรอคะ” ตะวันถามต่อ



    “ที่นี่แหละ” พี่ทอแสงตอบกลับมาแล้วโบกมือลาเธอ “กลับบ้านดีๆละ”



                          ตะวันมองภาพด้านหลังของรุ่นพี่ทอแสง เธอเก็บความรู้สึกดีๆไว้ข้างในลึก แม้เธอจะไม่สามารถอธิบายความรู้สึกนี่ได้ แต่มันหมายถึงความรักของเธอ

                          เด็กสาวคนหนึ่งแอบชอบชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งอายุห่างกันเพียงแค่ 2 ปี เธอรู้อยู่แล้วว่ารุ่นพี่ชอบมานั่งวาดรูปแถวนี้ แต่เธอก็ยังแกล้งทำเป็นถามไปว่าทำไมต้องมานั่งแถวนี้ เธอรู้อยู่แล้วว่า รุ่นพี่มาที่ห้องที่เธอซ้อมเปียโนทุกเย็น แต่ทุกอย่างที่ทำลงไป เพียงแค่อยากจะใกล้ชิดกับใครสักคนที่อยากให้ความหวังด้วย ตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมานั้น เธอเริ่มได้รู้จักกับพี่เขา ตอนที่เธออยู่มัธยมศึกษาปีที่ 1 และ พี่ทอแสงอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 2 

                         อยู่ใกล้กันมาก แต่ไม่เคยพูดคุยกันไม่เคยทักทายกัน 

                        ตอนนี้ขอเป็นช่วงเวลาที่ขอให้ได้อยู่กับพี่เขานานๆเหลือแค่ 3 เดือน ที่จะมอบความรู้สึกดีๆให้ไป เหลือเวลาอีก 3 เดือน ที่จะไม่เห็นหน้าพี่เขาอีก ไม่ว่า 3 เดือน นี่จะเกิดอะไรขึ้น ต้องมัดใจพี่เขาได้ก่อนสิ้นฤดูร้อนนี่ ก่อนที่เธอจะไปอยู่ต่างประเทศทั้งที่ไม่อยากไป

                       เด็กสาวสูดอากาศที่สดชื่นหลังฝนหยุดตกนั้น ก่อนรีบเร่งฝีเท้ากลับหอของตัวเอง

                       เธอภาวนาในใจ ขอให้ฤดูร้อนนี้เป็นฤดูร้อนที่แสนสุขและแสนยาวนานสำหรับเธอ



                       เวลานั้น ใบกล้าใบแรกของจุดกำเนิดเริ่มต้นของชีวิตได้งอกขึ้นหลังฝน แสงตะวันยังทอแสงอ่อนๆกระทบใบสีเขียวนั้นต่อเติมพลังให้กับชีวิตที่ถือกำเนิดใหม่ ให้คงอยู่ได้นานยาวนาน 

    ..................................................................................................................................................................................................................

    สวัสดีคะ ขอบคุณ สำหรับอ่านเรื่องใหม่นะคะ 

    ต่อไปนี่ จะพยายามอัพเรื่อยๆน่ะ คะ 

    ขอบคุณที่ช่วยกันอ่าน ช่วยกันอุดหนุนนะคะ 

    ขอบคุณคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×