ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมเรื่องสั้น Feel Good~~~

    ลำดับตอนที่ #2 : How long will I love you Part 2

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 57


    รถคันสวยแล่นเรียบถนนสายหลักของโอซาก้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีเหลืองตลอดทาง  พาพราวด์นั่งเบาะหน้าข้างคนขับ พลางฮำเพลงอย่างสบายอกสบายใจ

     

    “วันนี้ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษเลยนะครับ คุณหนู” พี่ชาย ที่ยามนี้ทำหน้าที่สารถี อดไม่ได้ที่จะแซว

     

    “ก็แน่ละค่ะ  วันนี้น้องมีเพื่อนใหม่ ฮะๆ”  วงหน้าสวยลอบยิ้มในใจพลางฝันกลางวันถึงหน้าหล่อๆของเพื่อนใหม่

     

    “ว่าแต่วันนี้ อยากทานอะไรเป็นอาหารเย็นล่ะครับ คุณหนู”

     

    “ไข่เจียว ผัดกระเพราะไก่ แล้วก็ ซุปมิโซะ”

     

    “อื้ม  ถ้างั้นก็ต้องไปซื้อของที่ซูเปอร์ก่อน แต่ไม่รู้ว่าจะมีเครื่องผัดกระเพราขายรึเปล่านะ”   

     

    “พี่เจ้านายนี่นอกจากหล่อแล้วยังใจดีอีกนะเนี่ย~~~” พูดจาทะเล้นแล้วทำลอยหน้าลอยตาอีกตามเคย

     

    “ไม่ต้องเลย พี่รู้อยู่แล้วว่าต้องทำอาหารให้เรากิน  เปลี่ยนจากเด็กขี้แยมาเป็นสาวเจ้าเลห์ ตั้งแต่เมื่อไรไม่ยักรู้”

     

    “ไอ้พี่เจ้านายย!!!” หลังจากโดนเหน็บแนมหลายครั้งหลายคราคนตัวเล็กก็ทำแก้มป่องหน้าบึ้งแทน

     

    “โอ๋ งอนเหรอคะ พราวด์” พี่ชายที่ขับรถอยู่ปล่อยมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัยมาลูบหัวคนหน้าบึ้ง

     

    “ฮ่าๆๆ เห็นมั้ยย พี่นายก็ต้องยอมพราวด์อยู่ดี”เมื่อรู้ว่าโดนหลอกให้ง้อ เจ้าของมือใหญ่ก็เปลี่ยนจากรูปหัวมาเป็นยีหัวทุยจนฟูฟ่อง

    “นี่ต้องโดนแบบนี้ ฮ่าๆๆๆ แบร่!!”เจ้านายแลบลิ้นปริ้นตาใส่ผู้เป็นน้องสาวราวกับเด็กชายที่มีความสุขหลังจากแกล้งน้องสาวสำเร็จ

    “เอ่อ  จำไว้!

          กลิ่นควัน หอมฉุยเตะจมูกลอยออกมาจากห้องครัวเล็กๆ พร้อมกับภาพชายหนุ่มสวมชุดกันเปื้อน ยืนทำอาหารอย่างตั้งใจสุดฝีมือ   ร่างเล็กนั่งเท้าคางมอง กึ่งเหม่อลอย เธอนั่งมองเหงื่อ ที่ค่อยๆหยดลงมาจากปลายผมซอย  เธอหยิบกระดาษทิชชู่ และเดินดุ่มๆเข้าไปหาเขาในทันที มือเรียวเล็ก บรรจงซับเหงื่อที่หยดย้อยลงมาจากหน้าหล่อเหลาอย่างเบามือ   ก่อนที่สายตาของเธอจะสบกับสายตาที่คุ้นเคย

    แต่วินาทีนี้มันกับดูแตกต่างออกไป...... 

    เจ้านายรีบผละออก และ..........”กินข้าวซะนะ เดี๋ยวพี่มา” ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปทำอะไรในห้องนอนตัวเองตั้งนานสองนาน  จนพาพราวด์ทานข้าวจนหมด จานข้าวตรงข้ามเธอ ก็ยังไม่พร่องเลยสักนิด ก็แน่ล่ะ ยังไม่มีใครกินมันนี่!

     

    “พี่นายย!!!!! ถ้าไม่ออกมากิน พราวด์จะซัดให้เรียบเลยนะ”

     

    “คร๊าบบบบไปแล้วว” แล้วก็ยิ้มหน้าแป้นแล้นออกมา  โธ่ นึกว่าจะมีเรื่องอะไรซะอีก 

     

    “พี่หายไปไหนมาอ่ะ?” สีหน้าเห็นได้ชัดว่าเธอชักจะหงุดหงิดเล็กน้อยถึงปานกลาง  สิ่งที่ได้กลับมากลับเป็นสีหน้าแววตาทะเล้นจนหน้าหมั่นไส้   “ได้ยินเสียง เมอิโทรมาน่ะ ก็เลยรีบไปรับ คุยกันยาวไปหน่อย โทษทีนะ”

     

    “ก็ดีแล้ว  พราวด์ นึกว่ามีเรื่องอะไรซะอีก”  นึกแล้วก็ชักจะน้อยใจขึ้นมาตะหงิดๆ

     

    “ไม่มีหรอกจ้า  ว่าแต่ตั้งแต่มาที่นี่ พี่ยังไม่เคยพา เรา เที่ยว เลยเนอะว่ามั้ย  เมอิพูดขึ้นมา พี่เลยคิดได้”

     

    “อื้ม”  

     

     ระหว่างทาง ไป Universal  studio japan

    “โธ่ พี่นาย  ทำไมต้องให้น้องตื่นเช้าขนาดนี้ด้วย  วันหยุดทั้งที ขอตื่นสายหน่อยก็ไม่ได้!” เด็กน้อยพูดพลางกอดอก อมกบไว้ในแก้มทั้งสองข้าง แถมด้วยรอยหมีแพนด้าที่ได้จากการนอนดึก

    “เอาน่า ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เองแหละ”   เจ้านายรู้ว่าอาการงอแงแบบนี้ยังไม่สามารถรับรู้เหตุผลได้ เขาเพียงยิ้มกับความเด็กของตุ๊กตาน้อย ที่ตอนนี้นั่งมอง ดอกไม้สองข้างทางสีเหลืองอร่ามอย่างจดจ่อ

     

            อาณาจักรของคนรักฮอลลิวู้ด แห่งเดียวในญี่ปุ่น และธีมปาร์คจำลองมาจากฉากของภาพยนตร์ชื่อดัง พาพราวด์ แทบกรี๊ดเมื่อได้เข้ามา 

    “รักพี่นายที่สุดในโลกเลย”  ร่างเล็กกระโดดขี่หลัง พี่ชาย ไม่ต่างจากเมื่อตอนเด็กเลยแม้แต่น้อย

    “แหม  ก็นะ น้องเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่นายต้องปลุกพราวด์แต่เช้า  คนเยอะแบบนี้กว่าจะได้เล่นแต่ละเครื่องคงต้องยืนเป็นครึ่งชั่วโมงแน่”

     

    “โอเค พี่รู้แล้ว แต่ตอนนี้ ลงจากหลังพี่ก่อน เห็นรึเปล่าคนเค้ามองกันเต็ม......เราไม่ได้ตัวเล็กๆเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ หนักอย่างกับหินแหนะ” เจ้านายแกล้งเย้า

     

    “พี่นายนั่นแหละผิด  พาน้องกินจนน้ำหนักขึ้นตั้งสามกิโล ชิร์!~

     

    “พี่ล้อเล่น จ๊ะ ยังเบาไปด้วยซ้ำนะ ตัวกระเปี๊ยกแบบนี้แบกทั้งวันแรงก็ไม่มีตก” เจ้านายเกร็งแขนโชว์กล้าม

     

                    เริ่มจากโซนฮอลลิวู้ดที่เต็มไปด้วยภาพยนตร์ 4 มิติ และเอฟเฟ็คต์สุดล้ำ ทั้ง เชร็ค เซซามิสตรีท พร้อม รถไฟเหอะ ฮอลลิวู้ด ดรีม  ต่อด้วยโซนนิวยอร์ก  ที่จะจำลองเมืองนิวยอร์ก ในยุค 1930

    “พราวด์ พี่อยากเข้า สไปเดอร์แมน ไปกัน!” ไปๆมาๆ กลับเป็นคนที่พามาตื่นเต้นกว่าซะงั้น  มือหนาจับเข้าที่มือของ        พาพราวด์ แล้วออกแรงดึงเพื่อจะให้ไปต่อแถว

     

    “พี่นาย เคยมาที่นี่รึยังคะ?” คนเป็นน้องถามเมื่อดูท่าทาง เจ้านายจะออกอาการกระรื้นออกนอกหน้า

     

    “เคย แต่มันนานมาแล้ว ตั้งแต่สวนสนุกเพิ่งเปิดใหม่ๆ  ถ้าจำไม่ผิด” 

     

    “ งั้น พี่ก็คงมาปล่อยแก่สินะ ฮ่าๆๆ”  พาพราวด์ หัวเราะเสียงดัง ก่อนที่จะโดนจิ้ม เข้าที่เอว ตัวเธอก็สะดุ้ง ดุ๊กติ๊ก ราวกับหนอนแก้ว คราวนี้คนที่หัวเราะเสียงดังกลับไม่ใช่เธอ  แต่เป็นเจ้านายที่จักกะจี้เธอไม่หยุด

     

    “พะพอ แล้ว  ฮ่าๆๆๆ พราวด์ ฮะๆ ยะ ยอม”  เจ้านายจึงหยุด  ทำเอาพาพราวด์หายใจหอบด้วยความเหนื่อย

     

    “ครั้งหน้าอย่ามาว่าพี่แก่อีกนะ ไม่งั้นเจอดีแน่   ถึงแก่แต่ก็เร้าใจ นะจะบอกให้ ฮ่าๆๆ” 

     

    “เก็บคำนั้นไว้พูดกับพี่เมอิเถอะ หยะ! มือหนา ยื่นมาขยี้หัวคนตัวเล็กอย่างเคยชิน

     

    “พี่ลืมไปสินะ ว่ามีคนคอยคุมประพฤติ แทนเมอิ”

     

    “แน่นอน  ถ้าใครกล้าแหยมเข้าใกล้พี่ ต้องข้ามศพพราวด์ไปก่อน”

     

    “จ้า แม่ตัวแสบ”    แต่ด้วยอะไรก็ไม่อาจรู้ได้ เมื่อ พาพราวด์ คิดถึงเมอิ เธอกับรู้สึกแปลกๆขึ้นมา

     

     เมอิคงไปนานจนเธอชินกับการอยู่กับเจ้านายเพียงสองคนแล้วล่ะมั้ง.......  

     

    “เป็นอะไรไป พราวด์ ไม่สนุกเหรอ?”เจ้านายทักขึ้นเมื่อเห็นร่างเล็กที่เดินอยู่ข้างๆเงียบไป

     

    “เปล่า พราวด์แค่กำลังคิดว่า.......” เธอชะงัก เมื่อปากกำลังจะพูดออกไปตามที่คิดจริงๆ

     

    “ว่า.....?” เจ้านายรอฟัง

     

    “ว่า.....” ร่างเล็กสปริงตัวกระโดดขึ้นหลังเจ้านายอีกครั้ง ก่อนที่จะสวมวิญญาณตุ๊กแกเกาะแน่นติดหนึบ

     

    “โอ้ย!! เดี๋ยวก็ได้ล้มไปกันทั้งสองคนหรอก พราวด์” ร่างสูงหันไปเอ็ด พราวด์ที่ห้อยติดอยู่ข้างหลัง

     

    “ก็พี่นาย แข็งแรงจะตายไปแบกทั้งวันก็แรงไม่ตก ฮ่าๆๆ ......ใช่มั้ย?”  เมื่อถูกย้อนเกร็ดเข้า คนเป็นพี่ก็พูดไม่ออก

     

    “ก็ได้ พี่จะแบกเราไปอย่างนี้แหละ เกาะไปให้ตลอดก็แล้วกัน ถ้าปล่อยตัวลงก่อน แพ้พี่แน่ๆ”

     

    “ได้เลย ! 

     

    ผ่านไปราวสิบนาที  ร่างสูงก็ไม่มีทีท่าว่าจะเหน็ดจะเหนื่อยกับการมีลิงมาห้อยต่องแต่งอยู่ที่แผ่นหลัง  เขากลับเดินแบกคนตัวเล็กไปด้วยรอยยิ้ม

     

    “เหมือนตอนพวกเราเด็กๆเลยเนาะว่ามั้ย?”  เจ้านายหันไปถามพาพราวด์ที่เกาะอยู่ด้านหลัง   เธอเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะตอบไปสั้นๆ  

    “อื้ม”  สายตาของเธอจ้องอยู่ที่บ่าของเจ้านายอยู่นานสองนาน ในหัวสมองกลับคิดจนสับสนวุ่นวายไปหมด ก่อนที่เธอจะตัดสินใจซบลงที่บ่ากว้างของร่างสูง

    “พราวด์ อยากขี่หลังพี่อย่างนี้ตลอดไปเลยด้วยซ้ำ” เธอพึมพำกับตัวเองแต่ก็ดังพอที่จะทำให้ผู้ชายที่กำลังแบกเธออยู่นั้นได้ยิน   เกิดความเงียบขึ้นระหว่างคนสองคน อย่างไม่เคยมีมาก่อน   และแล้วก็เป็นเจ้านายที่ทำลายความเงียบนั้น

     

    “หิวรึยัง ลิงจ๋อ” 

     

    “หิวแล้วแหละ หาอะไรกินกันเถอะ”    แล้วพาพราวด์ก็ชี้นิ้วไปยังร้านที่ตั้งอยู่ไม่ไกล “พราวด์อยากกินไอติม”

     

     เมื่อถึงร้านไอศกรีม พาพราวด์ก็ปล่อยตัวลงมาจากบ่าของเจ้านาย และรับไอศกรีมจากพนักงานขาย  ชายหนุ่มแอบจับหลังของตนดัดเล็กน้อยเพื่อบรรเทา ความเมื่อย

    “อันนี้ของพี่นาย รสกาแฟ” พาพราวด์ยื่นไอศกรีมให้ “ของน้องเป็นช็อกโก้”

     

    “พราวด์ เอาหน้ามาใกล้ๆสิ พี่จะบอกอะไรให้”เจ้านายกระดิกนิ้วชี้เข้าหาตัวเป็นการเรียก

     

    “หือ? ทำไมเหรอ”ปากถามออกไปแต่ก็ขยับหูเข้าไปใกล้กับปากของพี่ชาย

     

    “พราวด์น่ะ..................แพ้พี่แล้ว!” พาพราวด์ทำตาโต เธอลืมไปสนิทเลย ว่าเธอได้รับคำถ้าของเจ้านายถ้าเธอปล่อยจากหลังของเจ้านายก่อนเธอจะเป็นผู้แพ้  แต่เธอพลาดท่าเมื่อเห็นไอศกรีม

     

    “ก็ได้ๆ  จะให้ทำอะไรว่ามาได้เลย”    ดูเธอไม่ค่อยจะใส่ใจมากนัก  และยังเพียร เลีย ไอศกรีมโคนรสช็อกโกแลตต่อไป แต่ไอศกรีมเจ้ากรรมก็ยังไม่วาย ไหลหยดลงพื้นเป็นทาง

     

    “พี่ขอคิดก่อนว่าจะให้เราทำอะไรดี   แต่ทำไมถึงกินหยดแบบนี้ล่ะ เราโตแล้วนะเนี้ยยังกินไอติมเลอะอยู่อีก”เจ้านายส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนที่มือจะล้วงเข้าไปในกระเป๋า  “เอานี่ ทิชชู่ เช็ดซะ อายเด็กมั้ยเนี้ย”

     

    “ก็อากาศมันร้อนนี่นา” ยังหาข้ออ้างเพื่อเอาตัวรอดจากคำสบประมาท

     

                เผลอไม่นาน ท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสี  แสงสีส้มส่องส่งแทนที่แสงสดใส อากาศก็เริ่มเย็นลงเล็กน้อย ผู้คนส่วนใหญ่ตั้งตารอยคอยขบวนพาเหรดของสวนสนุกที่ ขึ้นชื่อ เรื่องแสงสีอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ทันไดนั้น  ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียง

     

    เผียะ!!!  เสียงนั้นทำให้พาพราวด์หันไปหาต้นตอของเสียง เช่นเดียวกับ ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆเธอยามนี้ก็เช่นกัน  ทันไดนั้น พาพราวด์ก็เห็นผู้หญิงหน้าตาคุ้นเคย วิ่งร้องไห้ออกมา  ตามด้วยชายอีกคนเขาเพียงแต่เดินช้า และกุมที่แก้มด้วยความเจ็บ

    “นาโอยะ.........”เมื่อแสงไฟลอดผ่าน เธอก็เห็นหน้าเขาได้อย่างชัดเจน  พาพราวด์เรียกชื่อออกมาอย่างตกใจระคนสงสัย ว่าเกิดอะไรขึ้น  คนคนนี้หล่ะ ที่เธอปลื้มมาตั้งแต่วันแรกที่เปิดเรียน แต่เธอไม่คิดว่าจะมาเจอเขาในสถานการณ์เช่นนี้ นาโอยะ หรือ อากากิ  นาโอยะ   เป็นชายหนุ่มอารมณ์ดี ภาพแรกที่เธอเห็นและทำให้เธอปลื้มมาถึงทุกวันนี้คงเป็น เพราะ รอยยิ้มที่ทำให้โลกทั้งใบสดใสขึ้นมาทันตาและตาทั้งสองข้างของเขาจะกลายเป็นสระอิทันที จมูกโด่ง ริมฝีปากบางเป็นสีชมพู   แถมยังมีรูปร่างสูงโปร่งผิวขาวจัด แต่งตัวสะอาดสะอ้าน  และมักจะคุยเล่นได้กับทุกคนในคณะ    แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งเพ้อ!

    “นาโอยะ  นะ นายเป็นอะไรมากรึเปล่า”   มือเล็กยื่นออกไปจับแขนของนาโอยะอย่างเป็นห่วง

     

    “พราวด์ซัง.........” เขาเรียกชื่อเธออย่างอึ้งๆ เขาเอามือที่กุมแก้มนั้นออกทันที  “ทำไม ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”แล้วเขาก็ปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้มได้ในพริบตา

     

    “นาย เป็นอะไรมั้ย” หญิงสาวถามย้ำอีกรอบ แต่อีกคนกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    “ฉันคิดว่าการโดนผู้หญิงประเคนฝ่ามือมันไม่ค่อยน่าพูดถึงเท่าไรอะนะ เธอว่ามั้ย ฮ่าๆๆ”  แต่การพูดภาษาญี่ปุ่นรัวๆและสำเนียงแบบคันไซนั้น ทำให้พาพราวด์มีอุปสรรค์ในการฟังเล็กน้อย แต่ก็พอจะจับใจความได้ว่าเขาคงไม่อยากให้พูดถึงมันเท่าไรนัก  เสียงกระแอ่มมาจากด้านหลัง เจ้านายที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่นั้น เริ่มรู้สึกว่าตนถูกลืม

     

    “อ้อ นี่พี่ชายของฉัน พี่เจ้านาย”พาพราวด์ผายมือเป็นการแนะนำ ก่อนที่นาโอยะจะทักทายและฝากเนื้อฝากตัวอย่างนอบน้อม

    “คงไม่รังเกียจ ถ้าผมจะขอชมพาเหรดด้วยคนนะครับ” เสียงขบวนพาเหรดแว่วมา ผู้คนต่างก็ตื่นเต้น หยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมากันคนละเครื่องสองเครื่อง

     

                    แสงไฟที่สวยงาม และเหล่าดอกไม้และสัตว์สุดอลังการ พร้อมใจกันเดินและโบกมือให้กับผู้ชมที่ยืนห้อมล้อม เสียงเพลงดังกระหึ่ม  ราวกับว่าได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง  ทั้งพาพราวด์และเจ้านายต่างก็ตื่นเต้น ยิ่งคนตัวเล็กถึงขั้นกระโดดโหยงเหยงลิงโลด   แต่จู่ๆเจ้านายก็ดูเงียบไป เขาเพียงยืนนิ่งราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ในหัวแล้วหันมามองหญิงสาวด้วยสายตาที่ยากจะบรรยาย เขาเพียงแค่ยิ้มจางๆ ในขณะที่ผู้คนรอบข้างต่างมุ่งสนใจขบวนพาเหรดตระการตา

     

    “พราวด์.............. เจ้านายเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่ต่างออกไป เสียงเพลงยังดังกระหึ่ม  วงแขนหนักๆโอบเข้าที่ไหล่ของเธอ และลูบหัวของเธอเบาๆ  ..................ก่อนที่จะก้มลงไปจุมพิตริมฝีปากอิ่ม คนตัวเล็กเบิกตากว้างด้วยความตกใจแต่มือของเจ้านายก็ยังคงประคองศีรษะเธอเอาไว้ แม้จะเป็นจุมพิตที่แผ่วเบา แต่กลับทำให้พาพราวด์รู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจ  ไม่รู้ว่า ด้วยกอดของร่างสูงหรือเพราะริมฝีปากอุ่นนั่นกันแน่ แต่เวลานี้ ทุกสิ่งอย่างหยุดนิ่งราวกับถูกสะกด   รวมถึงชายอีกคนที่ตอนนี้เขาไม่อาจละสายตากลับไปดูขบวนพาเหรดได้ดังเดิมแล้ว   พอดีกับสายตาของเจ้านายที่เหลือบไปมองเห็น คนที่ยืนตะลึงงึงงันด้านหลังพาพราวด์ เขาจึงถอนริมฝีปากออก  นาโอยะรู้สึกตัวจึงรีบหันหน้าหนีแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

                หลังจากการจูบ พาพราวด์ก็แข็งทื่อราวกับหินในสโตนเฮนจ์  และไม่สามารถพูดกับใครได้รู้เรื่อง เมื่อขบวนพาเหรดจบลง พวกเขาทั้งสามก็ตัดสินใจกลับ  หลายครั้งที่เจ้านายสังเกตเห็นว่าเธอหยิบตุ๊กตาที่ห้อยโทรศัพท์ออกมาคุยด้วย และเดินชนเสาไฟประมานสองรอบ ยังไม่รวมเดินไปชนใครต่อใครสะเปะสะปะไปหมด   

    “พราวด์..” เจ้านายพยายามเรียกสติของเธอให้กลับมา แต่เธอก็ไม่หือไม่อือเหมือนไม่ได้ยิน

     

     “พราวด์!!!มีสติหน่อยสิ เดินชนใครเค้าไปทั่วเลยเห็นมั้ย!!” เมือเจ้านายเสียงดัง พาพราวด์ถึงกับสะดุ้งโหยง

     

     “หะ หา!! อะไรค่ะ” แต่เมื่อตากลมโตมองมายังใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มข้างๆเธอก็ก้มหน้างุดลงทันที ก่อนที่ตัวจะสะดุ้งเป็นระยะจากอาการร้องไห้สะอึกสะอื้น  เขารับรู้ถึงอารมณ์ฟุ้งกระจายของเด็กผู้หญิงคนนี้ดี  เขาจึงนั่งยองกับพื้น เงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังร้องไห้จนตัวโยน

    “ขึ้นหลังพี่สิ” เขาออกปากสั่ง

    “ไม่เป็นไร พราวด์เดินได้”  เธอพูดโดยที่ไม่สบตาเขาเลยด้วยซ้ำ

    “พราวด์.....”เขากดเสียงลงต่ำ “พี่บอกให้ขึ้นหลังพี่ อย่าดื้อสิ”   สิ้นเสียง พาพราวด์จึงค่อยๆใช้แขนเรียวเกาะที่ไหล่ของเจ้านาย  เขายืนขึ้นเต็มความสูง และเดินไปที่รถเรื่อย และ ไร้คำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากของทั้งสอง 

    ส่วนนาโอยะนั้นเขาเดินแยกตัวออกไปเมื่อไรก็ไม่มีใครเห็น

     
    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    Dear reader


             วันนี้ไรเตอร์มาอัพด้วยความสลดกับยอดวิว เล็กน้อย ถึงปานกลาง ถึงมากที่สุด  ใครที่เข้ามาอ่านนิยายของไรเตอร์ ก็ขอขอบคุณมากเลยค่ะ

    และขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับคนที่คอมเมนท์เป็นกำลังใจให้ ในเมื่อการเขียนเป็นสิ่งที่ไรเตอร์รัก  ก็จะพยายามพัฒนาฝีมือให้มากยิ่งขึ้นให้สมกับที่

    ทุกคนไว้วางใจเข้ามาอ่าน  เช่นเดิมค่ะ ขอน้อมรับคำติเตียน ด้วยความยินดียิ่ง  รักรีดเดอร์ทุกคนนะคะ



    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ และ ถ้าชอบก็แนะนำเพื่อนๆเข้ามาอ่าน หรือ แชร์ ก็จะขอบพระคุณอย่างสูงสุดค่ะ จุ๊ฟ 

                 
     
                                                                                                                                              Writer  T-T

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×