ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวม SHORT FIC (SIHAN) หลายแนว

    ลำดับตอนที่ #10 : My teacher --- 6 --- END

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 52


    ผ่าน ไป  2  อาทิตย์

     

    ชีวอน นี่อาทิตย์สุดท้ายแล้ว ฮันเกิง พูดด้วยตาระห้อย

     

    อืม  ตอนนี้ ทั้งสองคนนั่งอยู่ริมแม่น้ำที่มีคนพลุกพล่านมากมาย แต่กลับรู้สึกว่ามีคนเดียวที่อยู่ในสายตาของตนเท่านั้น

     

    อาทิตย์สุดท้ายแล้ว  วิชาหลายๆวิชาที่ฉันติวให้ล่วงหน้าอย่าลืมทบทวนนะเผื่อนายจะได้สอบไปต่างประเทศ จะได้ไปอยู่  แอลเอ  ฮะๆๆ มันเป็นความคิดเหมือนเด็กๆเลยนะ  รอยยิ้มแห้งๆจากริมฝีปากบาง จนกระทั่งตอนนี้  ผ่านมา สองอาทิตย์แล้ว ระหว่างฮันคยองและชีวอนยังคลุมเครือ

     

    คิดว่าฉันอยากไปอยู่กับนายเหรอ........ ประโยคนี้ทำให้ใบหน้าหวานซีดลงทันที

     

    เออ....อย่าไปสนใจคำพูดของฉันเลย  พูดทั้งๆที่หันหน้าไปทางอื่นเพื่อที่จะไม่ให้คนข้างๆเห็นน้ำตา ที่กำลังจะไหล ยามนี้

     

    ไม่ได้หรอกพูดเหมือนพูดกับตัวเอง สักพักก็รู้สึกถึงการกระตุกน้อยๆของคนข้างๆที่เกิดจากการร้องไห้  เป็นอะไรไป ร้องไห้เหรอ  ชีวอนค่อยกุมไหล่บางๆเข้าหาตัว จ้องเข้าไปที่นัยน์ตาทั้งสอง

     

    ร้องไห้ทำไม หืม  อาการร้องไห้ ของฮันคยองไม่รู้ทำไมกลับทำให้ร่างสูงใจหายวูบ ประโยคเมื่อกี้ที่พูดไปเพราะ ต้องการจะหยอกเล่นๆแต่กลับทำให้ ร่างบางร้องไห้สะอื้น

     

    ฮึก ..นายอย่าสนใจฉันเลย ฮึก ๆที่ผ่านมาขอบใจนายมากที่ ฮึก ให้ฉันอยู่ด้วย

     

    เป็น บ้าอะไรขึ้นมา เนี้ย  ที่ผ่านมาน่ะ บอกไว้เลยว่าฉันจะไม่ยอมให้มันผ่านไป!!!!”

     

    ชะ ชีวอน นะนายฮึกๆหมายความว่าไง

     

    เห้อ~~~นี่นายเป็นครูฉันนะทำไม่ต้องให้ฉันปลอบอยู่เรื่อยเนี่ย  เลิกร้องได้แล้วคนตั้งเยอะไม่อายเขารึงัย

     

    อืม  นายอายที่มีฉันฮึก อยู่ข้างๆรึเปล่าทว่าเสียงสะอื้นก็ยังไม่หายไป

     

    โอ๊ย จะไปอายทำไมเล่าฉันมันหน้าด้านไปตั้งแต่เจอนายครั้งแล้ว ฮึๆๆ กลับบ้านกันได้แล้ว เด็กน้อยเอ้ย

     

    นี่ ฮึกๆ ฉันเป็นครูนายนะ ฮึก ฉันไม่ใช่เด็กแล้วด้วย คิ้วเรียวขมวดอย่างไม่พอใจ

     

    ไม่ใช่เด็กแล้วทำไมยังร้องไห้เหมือนเด็กๆล่ะ

           

                  ระหว่างที่เดินกลับบ้านทั้งสองก็เดินคุยหยอกล้อกันไปเส้นทางที่ไม่ใกล้ไม่ไกลแต่ในตอนนี้มันกลับใกล้เหลือเกิน

     

     

    กริ๊ง!!!!ๆๆๆๆ

    รยออุค  ลูกไปรับโทรศัพท์ให้แม่หน่อยซิ !!!”

     เสียงโทรระศัพท์ที่ดังจากชั้นล่างทำให้ผู้เป็นแม่ต้องออกปากวานให้ลูกชายคนเล็กอย่างเรียวอุกไปรับแทน

     

    คร๊าบบบ ทันทีที่ปลายสายขอสายพี่ชายของตน ร่างเล็กไม่สนใจจะถามชื่อแซ่ เพราะกำลังนั่งคุยโทรศัพท์กับเยซองอยู่เช่นกัน

     

    พี่ฮยอกกี้ มีคนโทรมา ตะโกนขึ้นไปชั้นบนหวังที่จะให้พี่ชายที่แทบไม่ค่อยได้ลงมาได้ยิน

     

    ใคร!!!” เสียงของฮยอกแจตะโกนลงมาจากชั้นบน ทำให้รยออุค ต้องคุยกับปลายสายอีกที

    เอ่อ ขอโทษนะครับไม่ทราบว่านี้ใครครับ

     

    ฉัน เป็นครูประจำชั้นเจ้าเด็กนั้นน่ะ เมื่อได้รู้ว่าเป็นครูประจำชั้นแล้ว รยออุคก็ยิ้มทันที

     

    อาจารย์ฮีชอล

     

    อ๊ะ ใช่จ๊ะ ขอสายฮยอกแจหน่อยได้มั้ย

     

    ครับๆ รอแป๊ป นึงนะครับ เดียวไปตามมาก่อนอย่าเพิ่งวางสายนะครับ

     

    รยออุควิ่งขึ้นไปชั้นบนพรางยิ้ม ดีใจแทนพี่ชาย ก็บ่นอยู่ได้ทุกวันๆ เห้อยในที่สุดคงจะสดชื้นเหมือนเดิมซักที

     

    พี่ฮยอก มีคนโทรมา จะคุยกับพี่อ่า

     

    คัยเล่า

    ก็ไม่รู้สิ จะไม่ไปรับก็ได้นะ เขาบอกว่าเป็นครูประจำชั้นพี่ที่ชื่ออะไรนะ ฮีชอลนี่แหละจะไปรับยัง

    หันไปอีกทีก็ไม่เห็นพี่ชายแล้ว ได้ยินแต่เสียงดังจากการวิ่งลงบันได

     

    ฮาโหล

     

    (อ่า ฮาโหลสวัสดี)

     

    นี่ยังจะมาบอกว่าเป็นครูประจำชั้นฉันอีก หายไปไหนหา!!!”

     

    (ใจเย็นๆสิ ฉันไม่ได้คงไม่ได้เป็นครูแล้วแหละ )

     

    ทำไมล่ะ  !!”

     

    (เออมีเรื่องอะไรนิดหน่อยน่ะ)

     

    เห้อ ฮีชอลโทรมามีเรื่องอะไรรึเปล่า

     

    (ก็คงเป็นเพราะ........คิดถึงล่ะมั้ง) คนพูดจะรู้มั้ยน้าว่าตอนนี้ฮยอกแจหน้าแดงจะตาย

     

    วะ..ว่าไงนะ

     

    (ไม่รู้สิ)

     

    ออกมาเจอกันเถอะ

     

    (อืม คงจะได้มั้ง)

     

    หลังจากวางสายใบหน้าไก่ๆยิ้มออกมาเห็นเหงือกบานๆ ด้วยความสุขใจ ในที่สุดฉันก็ได้เจอกับนายแล้วฮีชอล ฉันคิดถึงนายจัง

     

     

     

                    เป็นยามเย็นที่เหมือนๆกับทุกๆวัน  ชีวอนต้องมานั่งให้ฮันคยองติวหนังสือที่ห้องพักครูก่อนกลับบ้าน  การเรียนของชีวอนดีขึ้นเรื่อยๆ  จากทีแรกที่บ่นจะยังไงก็ไม่ยอมติวหนังสือเพิ่ม ตอนนี้กลับตั้งใจฟังสิ่งที่ฮันคยองสอนอย่างตั้งใจ เวลาผ่านไปจนท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี

     

    ฮันคยองกลับบ้านกันเถอะ ชีวอนเอ่ยปากชวนกลับบ้าน โดยที่ไม่ทันสังเกตว่ามีผู้เข้ามาใหม่

     

    อ่าฮะ เดี๋ยวนี้ครูกับนักเรียนอยู่บ้านเดียวกันแล้วเหรอ ฮะๆๆน่าขำจริงๆ เจ้าครูกินเด็ก  

             เสียงจากอาจารย์อีกท่านที่ไม่ค่อยถูกชะตากับฮันคยองเท่าไรพูดเยอะเย้ยเข้าให้ ทำให้ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆฮันกำมือเน้น เขากำลังจะลุกไปปล่อยหมัดแต่มือนิ่มของฮันคยองจับเอาไว้ทัน

     

    ไม่เอาน่าชีวอน ชีวอนตอนนี้กำลังลุกเป็นไฟ ก็ความลับที่พยายามเก็บมาร่วม สามอาทิตย์คงจะไม่หลุดลอด แต่เพราะคนที่พูดถากถางไปเมื่อกี้ ทำให้เขาจะอดรนทนไม่ไหว

     

    โอะ! อ่าโมโหด้วยแสดงว่าเป็นความจริงสินะ!!”

     

    นี่แจจุง!! เราไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอกนะ ฮันคยองโกหกคำโต

     

    เหอะๆ ฮิๆแบร่ๆๆ!!! ฉันล้อเล่นน่า ฮันคยองฉันก็หลอกนายเล่นเท่านั้นแหละเห็นติวหนังสือกันเครียด อิๆๆจะโกรธมั้ยเนี้ย ขอโทษที ในที่สุดนางมารก็เปลี่ยนไปกรายเป็นนางฟ้าในพริบตา

     

    เออ ฉันไม่โกรธหรอก แต่ เจ้านี่สิฮันคยองพูดพรางชี้มือไปที่ชีวอนที่นั่งตาเขียวอยู่ข้างๆ

     

    ชีวอน อย่าทำหน้าน่ากลัวอย่างนั้นสิ!! โกรธหรอ นี่ฉันเป็น ซีฮันแฟนคลับนะ

             

                    คำพูดที่แจจุงพูดเมื่อกี้ไม่ได้กระทบประสาทส่วนได้ของชีวอนเลยแต่กลับทำให้ฮันคยองปลูกมะเขือเทศบนแก้มขึ้นมาเป็นไร่

     

    งั้นฉันกลับก่อนนะ พอดีเอ่อนัดกับยุนเอาไว้น่ะ แหะไปก่อนนะ ติวกันดีๆล่ะอย่ากลับบ้านดึกนะ

     

         แจจุงเดินออกไปอย่างเร่างรีบตามแบบของเขาเหมือนเดิม  อย่างน้อยก็มีอย่างหนึ่งที่ทำให้            ฮันคยองเป็นความคิดเกี่ยวกับแจจุง

     

    หยุด โมโหได้แล้วน่าชีวอนพรุ่งนี้ฉันก็ต้องไปแล้วนะ วันนี้เรารีบกลับบ้านแล้วก็ไปทำอาหารอร่อยๆทานกันถือว่า เป็นวัน...............สุดท้ายแล้วกันนะ ใบหน้าหวานมีแววเศร้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด 

     

    อืม ไม่กลับบ้านน่ะจะพาไปที่ไหนสักที่หนึ่ง!!”   อารมณ์ของชีวอนพลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้าทันทัน จนฮันคยองก็อดแปลกใจไม่ได้

     

    ไปไหนล่ะ เงินก็ไม่ค่อยจะมี

     

    ใครว่าไม่มีล่ะ อุตส่าเก็บมาเป็นเดือนๆเพื่องานนี้โดยเฉพาะเลยนะ ไม่รู้แหละถ้านายไม่ไปเห็นดีกันแน่

     

    แหม!! พ่อคุ๊ณ ~~ใครจะไปกล้าขัดพระบรรชาล่ะ ว่าแต่จะไปไหนล่ะ!”น้ำเสียงตื่นเต้นทำให้ชีวอนอดขำออกมาเล็ๆไม่ได้

     

    ไม่บอกหรอก

     

    ชิร์  อ่าจะทำเซอร์ไพร์ แน่ๆเลยช่ายปะๆ ฮันคยองขยับหน้าเขามาใกล้ๆ เกียดจริงๆคนรู้ทันเนี้ย

     

    เออ !! นี่ช่วยทำเป็นไร้เดียงสาหน่อยไม่ได้รึงัย !!”ชีวอนเริ่มอารมณ์เสียงเพราะเจ้าตัวรู้ทัน

     

    อย่าลืมสิฉันเกิดก่อนนายตั้ง 3 ปี นะ อิๆ แต่ฉันก็ยังไม่รู้นี่ว่านายจะทำเซอร์ไพร์อะไรฉัน

     

    งั้นก็.............

     

    อ๊ากกก อย่าทำอย่างนี้สิ เดี๋ยวคนมาเห็นเข้าไม่ดีนะ ร่างบางร้องท้วงหลังจากที่โดนแบกไว้บนบ่ากว้างๆของร่างสูง

     

    เขากลับกันหมดแล้วสายตาคมของชีวอนมองขึ้นไปสบตาคนที่อยู่บนบ่าอย่างได้เปรียบ

     

    ปล่อยฉันก่อน !!”

     

    ไม่ปล่อย

     

    นี่ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ

     

    “NO+!!”

     

    ไม่อาว!!!!!ไม่วิ่ง นายอย่าวิ่งสิ!!!” เมื่อชีวอนเริ่มออกวิ่งมาเรื่อยก็โดน คนบนบ่าทุบตีหลังมาเรื่อยๆเช่นกัน จนถึงหน้าโรงเรียน ชีวอนก็เอาของหนักๆทีอยุ่บนบ่าค่อยๆปล่อยให้ยืน แต่ยังไม่วายบ่นมุบมิบที่ปาก

     

    อะไรวะตัวหนัก จะตาย พรุ่งนี้ปวดหลังแน่ๆเลยเว้ย!”

     

    นี่ หนักแล้วใครใช้ให้แบกเล่า

     

    อืม ไปกันได้แล้ว  

     

                   ร่างสูงเดินำหน้า  จนถึงร้านอาหารริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง เมื่อชีวอนเดินเข้าร้านไปก็มีพนักงานออกมาตอนรับเป็นพิเศษ แถมยังเตรียมโต๊ะริมแม่น้ำให้อีก ชีวอนขยับเก้าอี้ออกมาเพื่อที่จะให้ฮันคยองนั่งแล้วจึงกลับไปนั่งที่ของตน

     

    ที่นี่มันแพงมากๆเลยนะ

     

    แล้วคิดว่าฉันไม่มีปัญญะ......เฮ้ย!! เออ กินๆไปเหอะ ชีวอนเกือบหลุดคำพูดที่ใช้เป็นประจำ ไม่ได้ๆ  วันนี้เป็นวันสุดท้าย เขาต้องพยายามอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้  อาหารถูกเข้ามาเสิร์ฟเรื่อยๆ      จนชิ้นสุดท้ายเป็นเค้กช็อกโกแลตน่าตาน่าทาน  ที่ฮันคยองเห็นแล้วตาโตเป็นไข่ห่าน

     

    ว๊าว เค้กน่ากินจัง.......กินเลยนะ

     

    อื้ม กินสิ ใบหน้าคมเข้มปรกฎรอยยิ้มน้อยที่มุมปากในขณะที่ฮันคยองตักเค้กกินไปเรื่อยๆๆ

     

    กึก!!!!!!! กัดเข้ากับของแข็งอะไรบางอย่าง

     

    โอ๊ย!!!เจ็บ  อะไรอ่า พูดพรายคายของสิ่งนั้นออกมา สิ่งที่เห็นคือแหวนทองที่สลักคำว่า

     เชวฮันคยอง บนแหวน

     

    ชะ  ชีวอน มะมัน หมายความว่า....

     

    แต่งงานกันเถอะไม่ต้องมีคนรับรู้มากมาย ฉันไม่ได้จัดงานใหญ่โตนายคงไม่ว่าอะไรกันนะ

     

    คะ คือ ฉะฉัน  นายชีวอน น้ำตาเริ่มเอ่อ รอบดวงตาหวานคม

     

    นี่แหวนชั้นก็มีนะ ชีวอนพูดพรางเอาแหวนของตัวเองขึ้นมามัน สลักคำว่า  เชว ชีวอน เมื่อฮันคยองเห็นคำสลักก็หน้ามุ้ยทันที

     

    มันไม่ยุติธรรมเลยง่ะ  ดูสิของฉันนายเปลี่ยนนามสกุลให้สร็จ ดูของนายสิ !!!เขียนแค่ชื่อของตัวเอง  ฮันคยองเบ้ปากพองลมนิดๆทำให้แก้มป่องๆน่ารักอย่างยิ่ง

     

    งั้นก็  แลกแหวนกันก็แล้วกัน ตกลงมั้ย

     

    ตกลงอย่างงี้ค่อยยุติธรรมหน่อย

     

    โอเคแล้วนะ  เอองั้นก็ ของแต่งงานใหม่แล้วกัน เมื้อกี้ติดขัดนิดหน่อย ด้วยความพยายามของ       ชีวอนที่จะให้การแต่งครั้งนี้ดูสมบูรณ์แบบ ทำให้ร่างบางที่นั่งตรงข้ามยิ้มจนแก้มปริ

     

    ไม่ต้องแล้วล่ะ ถึงขนาดนี้ไม่ยอมก็ติ๊งต๊องแล้ว  มือเรียวยกขึ้น ชูแหวนที่สวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย สลัก คำว่า เชวชีวอน  ขึ้นมาให้เจ้าตัวดู

     

    แล้วของนายใส่รึยัง ชีวอน

     

    นี่งัย ใส่แล้ว มือหนาถูกยกขึ้นมาพร้อมกับแหวนที่สลักคำว่า  เชวฮันคยอง

     

                     ทั้งสองคนนั่งคุยกันไปหัวเราะกันไปตามภาษาคนรัก

     

     

    ....ชีวอน…….

    ไม่ต้องมีใครเป็นพยาน มีเพียงแค่เราที่รับรู้เท่านั้นฉันก็พอใจแล้วถึงมันจะดูเร็วไปสำหรับเด็ก มัธยมอย่างฉันแต่ฉันก็เต็ม ใจที่จะเก็บชีวิตนี้ไว้เพื่อปกป้องนายคนเดียว

     

    ......ฮันคยอง .........

    ถึงมันจะเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยคาดหวังจะได้จากนาย แต่ฉันก็กลับตกลงโดยที่ไม่ต้องถามหัวใจของตัวเองอีกแล้ว เพราะว่าตอนนี้หัวใจของฉัน มันไม่ได้เขียนชื่อนาย แต่มันสลักชื่อนายเอาไว้เต็มหัวใจ

    ..
    .
    .

     

    หลังจากที่เดินทางกลับถึงบ้าน ฮันคยองและชีวอนก็ยืนคุยกันที่ระเบียงหน้าบ้าน ทั้งสองกลับไม่รู้สึกง่วง เพราะกลัวเหลือเกินว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้า

     

    ชีวอน ฉันกลัวที่จะถึงพรุ่งนี้เช้าจัง ชีวอนที่ยืนอยู่ข้าง พลันกอดจากทางด้านหลังโดนที่ร่างบางข้างหน้าไม่มีอาการขัดขืนใดๆทั้งสิ้น

     

    อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ยังไงซะที่ฉันทำทั้งหมด ไม่ว่าจะตั้งใจเรียน ไม่ก่อเรื่องก็เพียงเพื่อนาย

     

    ขอบใจ ขอบใจสำหรับทุกสิ่ง

     

    นายไม่สังเกตบ้างเหรอว่าอะไรหลายๆอย่างในตัวของฉันแม้กระทั่งในใจของฉันมันเปลี่ยนไป จากผู้ชาย เกเรเสเพล ก่อเรื่องไปวันๆ นายคือแสงสว่างดวงเล็กๆของฉัน แม้ว่าต่อจากนี้ มันจะจากฉันไปแสนไกลแต่ฉันก็ยังมองเห็นมันอยู่ ...............เพราะมันมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแต่ฉันใช้ใจมองมันจึงมองได้อย่างชัดเจนไงล่ะ

     

    ฉันรักนายมากนะชีวอน

     

    อืม ชีวอนพลิกร่างบางมาสบตา แล้วบรรจงมอบจูบที่แสนอ่อนโยนอ่อนหวานให้ ฮันคยองไม่ปฏิเสธ สักนิด กลับเปิดช่องทางให้เข้ามาโดยง่าย เกลียวลิ้นทั้งสองตวัดเข้าหากันอย่างต้องการ

    จนฮันคยองเป็นคนที่ถอนจูบ ออกมาเอง ร่างบางเขย่ง เท้าขึ้นกระซิบอะไรบางอย่างต่อชีวอน

     

    ทำให้ฉันเป็นของนายได้มั้ยถึงจะเป็นเสียงกระซิบแต่ก็ทำให้ชีวอนอึ้งไปชั่วขณะ จนกระทั่งเป็นฮันคยองเสียงที่ประกบปากเข้าหากลีบปากหนาอีกรอบ ชีวอนเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่ปล่อยให้ฮันคยองเป็นฝ่ายรุกนานหนัก ชีวอนจู่โจม อย่างร้อนแรงจนฮันคยองต้องทุบที่อกเบาๆเพื่อขออากาศหายใจ   ชีวอนอุ้มคนตรงหน้า ไปที่เตียงเล็กๆและวางร่างบางอย่างเบามือ จากนั้นทั้งสองก็มอบความรักและ ป่าวประกาศ แก่คนทั้งโลก ว่า  ฮันคยองและชีวอนเป็นคนๆเดียวกันอย่างสมบูรณ์

     

     

    แสงอาทิตย์ส่งลงมายังดวงตาคู่หวาน ทำให้ฮันคยองต้องลืมตาขึ้นมาช้าๆ รู้สึกถึงอ้อมกอดจากด้านหลังของร่างสูงที่มอบให้มันช่างอบอุ่น ตรงกันข้ามกับการกระทำในช่วงแรกๆ อีกด้านที่แสนจะอ่อนโยนเผยออกมาให้แกฮันคยองได้รับรู้และรู้สึก  การขยับตัวน้อยๆของร่างที่อยู่ในอ้อมกอดทำให้ชีวอนลืมตาขึ้นมามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า คือดวงตา  ใบหน้า ริมฝีปาก คิ้ว ที่เป็นของเขา

     

    จ้องทำไม ชีวอนเผลอถามออกไปด้วยน้ำเสียงห้วนๆที่เคยชิน

     

    จ้อง ของๆฉัน ดูสิ จมูก โด่งๆ ริมฝีปาก คิ้ว ตา ผมนี่ก็เป็นของฉันฮันคยองจับใบหน้าของคมเข้มอย่างเบามือถนุถนอม

     

    อืม  วันนี้ขึ้นเครื่องกี่โมงต้องไปเตรียมของที่บ้านก่อนมั้ยประโยคที่ไม่อยากได้ยินแต่มันกลับหลีกเลี่ยงไม่ได้หลุดออกมาจากปากของชีวอน

     

    ไม่ต้องกลับไปบ้านแล้วแหละ  ทุกอย่างฮีชอลเตรียมไว้ให้หมดแล้ว

     

    อืมงั้นก็ไปที่สนามบินได้เลยสิ  ดวงตาทั้งสองคู่ไม่อาจสบตาฉันเพราะกลัวคนที่รักจะเห็นแววความเศร้าโศรก

     

    ร่างบางที่ทำท่าจะลุกขึ้นจากเตียงแต่เมื่อจะลุกขึ้นนั่งอาการปวดที่ช่วงล่างกลับทำให้ลุกไปไหนไม่ได้

     

    มานี่มา!!ฉันช่วยพยุง ชีวอนลุกขึ้นจากเตรียงโดยมีผ้าขนหนูผืนเดียวพันกายเอาไว้แล้วค่อยๆพยุงฮันคยองไปอาบน้ำ ทุกอย่างในตอนเช้าเสร็จเรียบร้อย เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงจะต้องไปถึงสนามบิน   ทันทีที่เดินทางมาถึงสนามบิน ก็เห็นทุกๆคนคอยฮันคยองอยู่ ร่างบางอีกร่างที่เป็นเพื่อนยามนี้โผเข้ากอดฮันคยองที่ยังไม่ทันตั้งตัว

     

    ฮื่อๆๆ ฮึกๆ ฮันอีกไม่กี่นาทีนายก็ต้องไปแล้ว ฮึก ดูแลตัวเองให้ดีนะฉันอยากตามไปดูแลนายที่โน้นจัง

    ฮีชอล ฮึกๆ ไม่ต้องเป็นห่วงอยู่ที่โน้นฉันจะรักษาสุขภาพ จะดูแลตัวเองดีๆ

     

    ฮันคยอง  ผู้เป็นพ่อที่ยืนอยู่ข้างหลังเรียกลูกชายให้มาหา

     

    ป๋า อีก สิบนาทีฮันก็ต้องไปแล้วอึกๆ พูดพร้อมกับปาดน้ำตา ที่ไหลราวกับท่อแตก

     

    อ่าฮันคยอง ลูกป๋า ป๋าเชื่อว่าลูกต้องอยู่ได้

     

    เสียงประกาศจากทางท่าอากาศยาน ประกาศให้ผู้โดยสารสายการบิน เอลเอ เตรียมพร้อมที่จะขึ้นเครื่อง  ทันทีที่ได้ยิน ร่างทั้งร่างของฮันคยองก็โดนฉุดเข้าไปกอด โดยชีวอน

     

    ฮันคยอง

     

    อึกๆๆชีวอน

     

    รอฉันหน่อย รับรองฉันจะต้องไปอยู่กับนายให้ได้

     

    ฉัน จะรอ ฮึกรอๆ ๆๆไม่ว่าจะนานกี่ปี นายต้องเรียนเก่งๆ แล้วก็มาเรียนต่อที่แอลเอนะ

     

    ฉันสัญญา ฉันจะตามไปปกป้องนาย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน

     

    ชีวอน ฉันจะคิดถึงนาย  จะฝันถึงนาย ฉันจะโทรไปหานายทุกคืนเลยนะ

     

    อื้ม   ฉันรักนายมากนะฮัน  ฮันคยองคุณครูที่รักของฉัน…………..”

     

     

    ..............หนึ่งปีผ่านไป................

     

    ดูเหมือนเวลาจะผ่านไปอย่างเชื่องช้านักสำหรับชีวอนและฮันคยอง  ชีวอนหลังจากจบมัธยมด้วยคะแนนสูงสุดจนทุกคนต้องทึ่ง เขาก็ได้เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยชื่อดังของเกาหลี  น่าแปลกที่เขาเรียนได้ดี จนได้ทุนไปเรียนต่างประเทศ แต่เขายังไม่บอกฮันหรอกนะ

     

    ฮาโหล

     

    (ฮาโหล ชีวอน ฉันคิดถึงนายจัง)

     

    ไม่ต้องมาพูดเลยไม่เห็นโทรมาเลยสองวันนี้น่ะ โทรไปก็ไม่รับ

     

    (อืม  พอดีเรียนหนักมาเลยน่ะ หลับคากองหนังสือเลย)

     

    อืม ทำไมปล่อยให้เป็นอย่างนั้นเล่า เดี๋ยวก็ไม่สบายป่วยไปจะทำไงหา!!”

     

    (แหะๆ อย่าดุสิ ฉันไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ สอบทุนเป็นไงบ้าง)

     

    อืมสอบไม่ได้น่ะรอปีหน้าใหม่แล้วกันนะโกหกคำโตไป  เสียงของฮันคยองเงียบไป

     

    เฮ้!!เป็นอะไรรึเปล่า

     

    (ปะ เปล่า ถึงปีหน้าฉันก็จะรอ)

     

    ไม่คิดจะกลับบ้านบ้างเลยเหรอ

     

    (เรียนหนักจะตายแถมป๋าก็ไม่ให้เงินแล้วก็ต้องทำงานพิเศษ    หาว~~~)

     

    ง่วงแล้วสิท่า ไปนอนซะ ฝันดี

     

    (ฉันจะฝันถึงนายนะชีวอน)

     

     

    ล่วงเข้าฤดูหนาวแล้วสำหรับทางซีกโลกตะวันตก  ชายร่างสูงในเสื้อคลุมหนังกันหนาวกำลังยืนรอใครบางคนหน้าบ้านริมถนนที่ ต้นไม้ที่ถูกปลูกไว้แม้ใบจะร่วงก็ยังไม่วายทิ้งรูปร่างสวยงามท้าลมหนาว  ตอนนี้ชีวอนมาถึงแอลเลแล้วแต่ก็ยังไม่บอกฮันคยอง เพื่อที่จะทำให้ประหลาดใจจึงต้องยืนตากหิมะหนาวๆต่อไปเมื่อประตูหน้าบ้านไม่มีทีท่าว่าจะเปิดออก

     

    หนาวโว้ย ทำไมจะเซอร์ไพร์นายมันต้องลำบากทุกทีเลย           

    ชีวอนสบถออกมา เพราะขาทั้งสองเริ่มชา

     

    แอ๊ด~~~~+++++!!!!!!!!!

     

    ประตูบ้านเปิดออกพร้อมกับร่างบางของฮันคยองที่ใส่เสื้อกันหนาวขนสัตว์คลุมจนถึงหัวเข่าพร้อมทีจะเริ่มต้านเช้าวันใหม่ แต่ใครจะรู้เช้าวันใหม่จากนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ฮันคอยเงยหน้าขึ้นมาชายร่างสูงที่ยืนหันหลังให้

     

    “ hey !! you” ทักออกไปเพื่อที่จะให้ชายคนนั้นหันหลังกลับมา ชีวอนหันหลังกลับมา รอบยิ้มปรกฏขึ้นที่ใบหน้าของทั้งสองคน

     

    ชีวอน!!!!”เสียงฮันคยองดังจนแทบจะตะโกนออกมาด้วยความดีใจ

     

    ไง รอฉันนานรึเปล่า

     

    ไหนบอกว่าสอบไม่ได้งัย ทำเอาฉันแทบจะเอาแกลอนมาลองน้ำตาซะแล้ว

     

    ถ้าบอกมันก็ไม่พิเศษน่ะสิ ร่างบางโผเข้ากอดชีวอนโดยไม่แคร์สายตาใครๆที่เดินตามถนนหรือที่อยูในรถติดไฟแดงยามนี้  รู้แต่เพียงว่า ชื่อของเขาที่อยู่สลักบนแหวนของชีวอนและฮันคยองมันกลับมาอยู่คู่กันอีกครั้งหนึ่งแล้ว...........................................

     

     

    ..............................จบ...............................................



    ===========================================================

    อ่า คงไม่ได้รอนานเกินไปใช่มะ!!!

    ต่อไปไรท์เตอร์อาจจะแต่งฟิคสั้นตอนเดียวจบ ไปก่อน
    เพราะตอนนี้ไรท์เตอร์นอนดึกมาก
    จนเริ่มปวดหัวแล้ว  อิๆ แต่มะเป็นไรมีแรงอัพฟิค

    ต่อไปจะเป็นฟิคสั้นตอนเดียวจบแต่มีสอง  ver  นะคะ ยังไงก็จะพยายามอัพเร็ว รวมทั้งฟิคยาวด้วย อย่าลืมติดตามน้า~~~~บาย  

    คัมซาๆๆ ที่ติดตามเรื่องนนี้จนจบ..............

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×