ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    More than dream……(sihan--kihae)

    ลำดับตอนที่ #2 : part 1 ความทรงจำ

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 52


            หลายปีที่ผมเติบโตมาในสถานสงเคราะห์เด็กเมืองเหยหลงเจียง   ผมจึงมีน้องชายคนสนิทที่ผมรักเหมือนน้องชายแท้ๆ คนนั้นก็คือ ตงไห่(ทงเฮ) ผู้ที่สดใสเหมือน ฤดูใบไม้ผลิ เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ ทำให้ผมยิ้มออกมาจากใจจริง แต่ผู้ที่มาอยู่ที่สถานสงเคราะห์เด็ก ก็ เพราะมีปัญหากันทั้งนั้น  ตงไห่ เป็นโรคหัวใจ ฉะนั้น จะเหนื่อยก็ไม่ได้ มีอะไรกระเทือนใจก็ไม่ได้   เขาต้องการ การผ่าตัดอีกไม่นานนี้ แต่ในเมื่อเงินของสถานที่สงเคราะห์ไม่พอเนื่องจากต้องเลี้ยงเด็กอีกมากมาย 
    ผมก็โตพอที่จะดูแลตัวเองและหางานทำได้แล้ว  หลังจากงานของผมเริ่มเข้าที่เข้าทาง ผมก็มารับตงไห่ไปอยู่กับผมทันที ตงไห่ดีใจมาก เรามาอยู่ด้วยกันสองพี่น้องผมพยายามทำงานส่งตงไห่เรียน ด้วยการทำงานร้านหนังสือ ส่งนมตอนเช้า ส่วนตงไห่ก็ช่วยผมอีกแรง เพราะถ้าตงไห่ ว่างจาก เรียนก็รีบกลับมาส่งบะหมี่ ที่ร้านใกล้ๆกับห้องเช่าที่เราพักอยู่    และในวันนี้ผมก็กลับมาบ้านแล้ววันนี้ ผมก็เห็นตงไห่นั่งอ่านหนังสือเรียนอยู่
     
    อ่าตงไห่ อ่านอะไรเนี้ย ขยันใหญ่แล้วนะน้องพี่
     
    อ่าว นี่ๆ พี่ฮันพอจะรู้คำตอบข้อนี้รึเปล่า”    นี่เป็นสาเหตุที่ผมไม่ค่อยอยากเข้าใกล้ตงไห่ตอนอ่านหนังสืออยู่ เพราะน้องชายมักจะถามผมเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังเรียนอยู่ ที่สำคัญ ผมตอบเขาไม่ได้..
     
    พี่ไม่รู้หรอก พี่ไม่เก่งเหมือนนายนี่ หืม
     
    แหม!! อย่างว่าล่ะนะคนมันเก่ง
     
    อืมตั้งใจเรียนนะ พี่ทำเพื่อเรา ชีวิตนี้ พี่ไม่มีใครแล้ว หลังจาก ม๊า...........”.
     
    เลิกพูดเรื่องนี้เหอะ ผมไม่อยากเห็นพี่ฮันร้องไห้ขี้มูกโปร่งตอนนี้ ผมตั้งใจอ่านหนังสือนะ!”
     
    อืมๆพี่ขอโทษพี่ไปเตรียมอาหารก่อนนะ พูดจบผมก็หันหลังเตรียมเข้าครัว
     
    อื้อ!! พี่ฮันวันนี้ผมโดดงานนะพอดีพรุ่งนี้มีสอบ ไม่ว่ากันใช่มั้ยผมหันไปมองเจ้าตัวยุ่งอย่างเอ็นดู
     
    พี่จะไปว่าอะไรได้เล่า ตั้งใจอ่านหนังสือไปนั่นแหละ
     
       
     
                    วันนี้ผมตื่นเช้าขึ้นมา ก็ไม่เห็นเจ้าตงไห่แล้ววันนี้คงไปโรงเรียนแต่เช้า ก็เมื่อวานเล่นอ่านหนังสือเตรียมสอบทั้งวันทั้งคืนเลย พี่อย่างผมเรียนก็ไม่สูง ก็ทำได้แค่ คอยหาอะไรให้กินให้ดื่มตอนดึกๆ จะมีคนมาดูงานที่ร้านหนังสือที่ผมทำเพื่อลงทุนอะไรสักอย่าง ฉะนั้นวันนี้ผมก็ต้องไปเตรียมงานแต่เช้าเหมือนกัน  เห็นว่าคนคนนี้เขาเป็นจิตกร ที่มีชื่อเสียงทีเดียว    และก็จะมีงานเลี้ยงเล็กๆน้อยๆ อีกด้วย ยังไม่พอวันนี้ยังมีการโชว์ผลงานภาพวาดของศิลปินคนนี้ด้วย ผมรู้สึกดีใจมากที่จะได้เห็นภาพวาดของจิตกรชื่อดัง แต่มันก็ทำให้ผมอดคิดถึงใครบางคนที่ผมเรียกว่า ม๊าไม่ได้
    น้ำตากำลังจะเอ่อในตาของผม
     
    นี่ฮันเกิง ไปดูแลเรื่องอาหารในครัวโน่นเร็ว ท่านสื้อหมางจะมาถึงในไม่ช้านี้แล้ว”   ผู้จัดการร้าน หันมาสั่งผมด้วยท่าทางเร่งรีบ
     
    ครับผมจะไปเดี๋ยวนี้”   ผมก็ทำตามคำสั่งอย่างตั้งใจ พลางขอบคุณผู้จัดการร้านในใจที่ทำให้น้ำตาของผมมันไม่ไหลออกมาให้เสียงาน    เฮ้อ   ~~~
     
    เวลาผ่านไปพักใหญ่ๆ ท่านสื้อหมาง ก็มาพร้อมกับ ผลงานที่ลูกน้องหอบมา
    อย่างหนักอึ้ง ทั้งประวัติผลงาน แม้แต่ทุกอย่างที่ถ่ายทอดลงหนังสือพิมพ์ ลูกน้องของท่านสื้อหมาง นำผลงานมาติดตามผนังร้าน 

     
    สวัสดีครับท่าน..ผมเอ่ยทักทายอย่างระมัดระวัง เพราะท่านผู้จัดการบอกว่าเขาจะมาเป็นหุ้นส่วนของร้านเราและจะช่วยโปรโมท ร้านของเรา หากผมพูดอะไรหรือทำอะไรที่ไม่ถูกใจเขามันอาจส่งผลต่อหน้าที่การงานของผมได้ ท่านสื้อหมางหันหน้ามาทางผมแล้วกล่าวสวัสดีตอบ 
    แต่ผมว่าหน้าของท่านมันคุ้นๆแฮะ
    !!  
           ผมอยู่ช่วยเขาเอาภาพและผลงานต่างๆขึ้นติดผนังอย่างถาวร  มือของผมเอื้อมไปหยิบกรอปรูปที่ภาในกรอบมีเพียงภาพที่ปริ๊นด้วยหมึกหนังสือพิมพ์ แล้วเป็นรูปผลงานภาพวาดและมีจิตกรที่วาดภาพนี้ออกมา ยืนอยู่ข้างๆผลงานตนอย่างภาคภูมิใจ 
    ไม่....นี่มันภาพเดียวกันกับวันนั้น!   ภาพที่ผมกับม๊าของผมมองดูภาพนี้ด้วยกันอย่างมีความสุข ภาพที่เป็นจุดเริ่มต้นของความฝันผม และเป็นสัญญาณบอกจุดจบชีวิตของม๊า ......
     
    อ้อ นี่เธอชอบภาพนี้รึเปล่า นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลงหนังสือพิมพ์เลยนะ ชั้นวาดภาพนี้ตอนเป็นหนุ่มๆ เกิดจากแรงบันดาลใจอันแรงกล้า จากลูกชายทั้งสองของฉัน ฉันวาดภาพนี้ในช่วงที่ลูกชายคนโตของฉันอายุได้ 4 ปี คิดย้อนไปแล้วช่างเป็นความทรงจำอันแสนงดงาม เพราะอย่างนี้แหละภาพนี้จึงมีความหมายต่อฉันมาก” 
    ท่าน สื้อหมาง พูดถึงผลงานตัวเองอย่างภาคภูมิใจและความทรงจำต่อลูกชายที่แสนงดงาม
     
    จริงๆแล้วภาพนี้ก็มีความหมายต่อผมมากเหมือนกัน...    ในขณะที่ท่านพูดว่าภาพนี้มันแสนงดงามแต่ผมกลับมองภาพนี้ว่ามันช่างโหดร้ายต่อผมเหลือเกิน น้ำตาเจ้ากรรมไหลออกมาอย่างไม่สามารถจะยั้งได้  

     
    นี่เธอเป็นอะไรไปท่านสื้อหมางพูดเมื่อเห็นน้ำตาของผม
     
    เปล่า ครับขอโทษครับ ผมต้องขอตัวก่อน

    ผมรีบชิ่งเดินออกมาอย่างเร็วที่สุดเดินมาเรื่อยๆ จนถึงริมแม่น้ำที่มีผู้คนพลุกพล่านบรรยากาศคึกคักแต่เมื่อเรามองออกไปที่ท้องน้ำ กลับมีให้ความรู้สึกตรงกันข้าม ช่างเงียบสงบและช่างเงียบเหงาเหมือนฉันในตอนนี้เหลือเกิน ลมที่พัดมาค่อยๆหอบเอาน้ำตาของผมไปจนมันเหือดแห้ง   
    แก๊ก!” เสียงวางกระป๋องเบียร์เบาๆข้างๆผมทำให้ผมหันไม่มองจุดเริ่มต้นของเสียงนั้น 
     
    อกหักเหรอ”    ชายหนุ่ม รูปร่างสูงขาว ใบหน้าคมลักษณะเป็นผู้ดีมีชาติตระกูลใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนส์พูดพร้อมนั่งลงข้างๆผม
     
    เปล่า
     
    อืม....
     
    แล้วนายล่ะ
     
    แค่มาหาอะไรทำแก้เซ็ง
     
    อืม..
     
    ชื่ออะไร”   นายนี่ทำไมพูดสั้นๆแปลกๆแล้วผมจะรู้มั้ยว่าเขาถามใคร
     
    ฉันถามนายนั่นแหละ
     
    เออฉัน ฮันเกิงยินดีที่ได้รู้จัก
     
    ฉันสือหยวนยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน
     
     ผมและสือหยวนนั่งด้วยกัน คุยกันบ้าง นั่งเงียบๆบ้าง มีลมเย็นๆพัดเข้ามา ผมนั่งที่นี่ จนกระทั่งแสงอาทิตย์เปลี่ยนเป็นสี แสดแดง ขริบกับลายเมฆที่สวยงาม  เหมือนปกติทุกวันครั้งที่ผมมาที่นี่
    แต่ต่างกันตรงที่ว่า วันนี้มีคนมานั่งข้างๆผม........

    ..............................................................................


    ไม่รู้ว่ามันนานเกินไปรึเปล่า ช่วงนี้การบ้านเยอะ 

    ขอโทษที่ทิ้งช่วงนานไปหน่อย

    แต่ยังไงก็ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้น

    แล้วยังมีฟิคสั้นที่ ไรท์เตอร์แต่งเอาไว้ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ


    พาสนี้ วอนออกมาแป๊ปเดียว  แต่ไรท์เตอร์คิดว่าเป็นแป๊ปเดียวที่มีความหมาย  55555

    อย่าลืมนะ สือหยวน คือชีวอน

    ตงไห่คือ ทงเฮ 

    บายค่า เจอกันพาสหน้า......
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×