ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมเรื่องสั้น Feel Good~~~

    ลำดับตอนที่ #1 : How long will I love you Part 1

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 57







    ฮื่อๆ พี่อย่าทิ้งพาวด์ไปนะ พี่นาย ถ้าพี่ไม่อยู่เพื่อนต้องแกล้งหนูแน่ๆ อย่าไปเลยนะคะภาพของเด็กหญิงวัย ห้าขวบร้องไห้ ฟูมฟาย ใครมาปลอบก็ไม่สามารถหยุดน้ำตาใสๆที่ออกมาจากดวงตากลมโตคู่นั้นได้

    อย่าร้องไห้เลย นะคะ พอน้องพาวด์โตขึ้นน้องก็จะไปหาพี่นายที่โอซาก้าได้ไง ดูซิ ไม่สวยเลย ร้องให้มากๆเดี๋ยวไม่สบายเอานะ

    แล้วพี่ไปไกลถึงญี่ปุ่นพี่ไม่กลัวเลยเหรอ

    ไม่กลัวหรอก

    แต่น้องกลัว ฮื่อๆๆ

     เด็กชายนั่งลงเพื่อให้ความสูงอยู่ในระดับเท่ากัน มองเข้าไปในแววตาที่ใสซื่อ น้องสาวคนนี้ที่เขาต้องคอยดูแลตลอด หนึ่งปีที่เขามาอยู่กับเพื่อนของคุณพ่อ  เนื่องจากคุณพ่อของเขาจำเป็นต้องไปทำงานต่างประเทศเป็นเวลานานและไม่สะดวกเท่าไรนักหลังจากหย่าขาดจากแม่ของเขาพ่อก็ทำงานหนักมาโดยตลอด จึงฝากเขาไว้กับเพื่อนสนิทที่สุดของท่าน และพาวด์ก็คือลูกสาวคนเดียวของครอบครัวนี้ที่ถูกเลี้ยงอย่างประคบประงมเสมอมา  ยิ้มของเธอเหมือนแสงสว่างในยามที่มืดมนสำหรับเขา มีความหมายมากกว่าคำพูดเป็นล้านๆคำ แม้จะไม่สามารถทดแทนความอบอุ่นจากครอบครัวได้ แต่เธอก็ทำให้หัวใจของเขาชุ่มชื่นขึ้นมาอีกครั้ง...................แม้แต่ตอนนี้ที่กำลังจะจากน้องสาวคนนี้ไปไกล เขาจะไม่ลืมภาพต่างๆที่เกี่ยวกับเธอแม้แต่วินาทีเดียว

    -

    -

    -

    -

    -

    -

    -

    สิบห้าปีผ่านไป

    แม้ผู้คนที่เดินสวนกันไปมา จะแปลกหน้าซ้ำยังพูดภาษาที่ไม่คุ้นเคย  เขาเหมือนปลาทองที่โดนเปลี่ยนขวดโหลอย่างไรอย่างนั้น ทว่าชีวิตก็ยังจำเป็นต้องดำเนินต่อไป  “เจ้านาย” ในวัยเด็ก ในยามนี้ โตเป็นหนุ่มวัยยี่สิบห้าปี และเป็นสถาปนิก ในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งในญี่ปุ่น  เดือนมีนาคม ต้นซากุระเริ่มผลิดอกอีกครั้ง  บ้านสไตล์ ยุโรปหลังกะทัดรัด ที่ดูอบอุ่นด้วยพรม ขนสัตว์และเตาผิง ภายในทาด้วยสี ที่ให้ความรู้สึกที่อยู่สบายมากกว่าที่จะเน้นความหรูหรา

    “เจ้านายคะ!  ตื่นได้แล้วเดี๋ยวไปทำงานไม่ทันเอานะ”   เสียงแฟนสาวดังเข้ามาในโสดประสาทรับรู้  เมอิสาวลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น  หน้าตาน่ารักทว่าก็ยังมีความหวานแบบไทยๆซ่อนเอาไว้ รูปร่าง ทรวดทรง คอดกิ่ว หนำซ้ำยังมีหน้าอกหน้าใจอิ่มเอิบอย่างที่ชายหนุ่มทั่วไปใฝ่ฝัน

    “อ่าว เมอิ มาแล้วเหรอ”ทุกๆเช้าเธอจะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อรีบมาทำอาหาร เช้า และปลุกแฟนหนุ่มของเธอให้ตื่น ซึ่งเธอรู้ดีว่า เจ้านาย เป็นคนนอนขี้เซาขนาดไหน ขืนปล่อยให้ตื่นเองคงได้โดนไล่ออกจากงานตั้งแต่สามเดือนแรก

    “ถ้าไม่มา คนแถวนี้คงจะโดนไล่ออกจากงานโทษฐานไม่รักษาเวลาเพราะเข้างานไม่ทัน” เมอิ หยอกเอินอย่างอารมณ์ดี

    “ขอบคุณนะครับ ลำบากรึเปล่าที่จะต้องตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเพื่อมาปลุกผม” ชายหนุ่มออดอ้อน จับมือนุ่มมาถูกับใบหน้าราวกับลูกแมว

    “ลำบากอะไรกัน  บ้านฉันก็อยู่รั้วติดกับบ้านคุณแค่นี้อย่าทำเป็นเวอร์หน่อยเลยค่ะ  เอาล่ะเดี๋ยวจะช้ากันไปใหญ่ คุณอาบน้ำแล้วไปทานข้าวที่โต๊ะอาหารในครัวได้เลยฉันเตรียมเรียบร้อยแล้ว ฉันไปทำงานก่อนนะคะ”  อาจเป็นเพราะเมอิอายุมากกว่า เขาถึงห้าปี ซึ่งตอนนี้ก็ย่างเข้าสามสิบแล้ว เขาจึงได้รับการดูแลอย่างดีจากผู้หญิงคนนี้เสมอมา   

    หลังจากอาบน้ำเสร็จเขาก็เดินเข้าครัวเพื่อทานอาหารที่  เมอิ เตรียมไว้ให้ ก่อนที่เสียงโทรศัพท์จากวีดีโอคอลจะดัง

     

    ...............‘พาพราวด์……………..

     

    “ว่าไงล่ะเรา”  เจ้านาย เอ่ยทัก หลังจากเห็นภาพ หญิงสาวตัวเล็ก ตาโตบ่องแบ๊ว ในสายตาของเขาแม้ว่าเธอจะโตขึ้นมากมายขนาดไหนก็ตาม พาวด์ ก็ยังเป็นน้องสาวน้อยๆของเขาเสมอ

     

    “พี่นาย!! น้องคิดถึงพี่จังเลย”  เด็กหญิงตัวเล็กเมื่อสิบห้าปีที่แล้วตอนนี้เธอเข้าสู่วัยสาวอย่างเต็มตัวแล้ว

     

    “ไม่ต้องมาปากหวานเลย ว่าแต่ตอนนี้ที่ไทยยังไม่สว่างเลยไม่ใช้เหรอ” พอนึกได้ว่าประเทศที่เธออยู่มีเวลาช้ากว่าสองชั่วโมงจึงนึกสงสัยว่าทำไม ถึงได้รีบเร่งโทรมาขนาดนั้น

     

    “พาวด์จะโทรมาบอกข่าวดีล่ะ ฮ่าๆ” เด็กสาว หัวเราะร่า และนั่นก็ทำให้คนที่อยู่ไกลอดยิ้มออกมาไม่ได้

     

    “ข่าวดีอะไรล่ะ ถึงได้โทรมาแต่ไก่โห่”

     

    “ก็..................ก็...................ก็”

     

    “รีบๆบอกมาเลย เจ้าตัวแสบ”

     

    “พี่อยากรู้ จริงๆเหรอ?” ไม่วายเล่นลิ้นตามแบบฉบับ เด็กน้อย

     

    “จะบอกไม่บอก ถ้าไม่บอก พี่วางสายเดี๋ยวนี้เลย” พูดขู่ออกไปด้วยสีหน้าจริงจัง

     

    “ชิส์ แค่นี้ก็ต้องดุด้วย  เราจะโทรมาบอกว่าคุณพ่อของเราอนุญาตให้ไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นแล้วก็เท่านั้น ไม่มีอะไรมากหรอก อีกอย่างคุณพ่อ กับคุณลุงพ่อของพี่นายก็ตกลงให้เราไปอยู่กับคุณลุงที่บ้านที่โอซาก้า แค่นี้แหละ”

     

    “จริงเหรอ!!!” คราวนี้คนเป็นพี่ถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น

     

    “ดีใจทำไมล่ะ ชิส์ แล้วทำไมไม่รีบวางสายไปเล่า!” คนตัวเล็กเกิดอาการงอน

     

    “ไหนบอกพี่นายว่าโตแล้วทำไมยังงอนเป็นเด็กๆแบบนี้อยู่ล่ะ” ชายหนุ่มเอ็ด

     

    “หายงอนแล้วก็ได้ ฮ่าๆ แค่นี้ก็หลงกลเราแล้ว พาวด์จะบินเดือนหน้านี้นะคะ  พี่ว่างมารับน้องมั้ย?”

     

    “โธ่เอ้ย! อีแค่นี้ รู้มั้ยว่าพี่รอเวลานี้มาตลอด สิบห้าปี ถึงยังไงพี่ก็ต้องไปไม่มีข้อแม้”

    “พาวด์ต้องไปแล้ว เช้านี้พาวด์มีเรียนภาษา คิดถึงพี่นะคะพี่ชาย”

     

    “พี่คิดถึงพาวด์มากกว่า  ตั้งใจเรียนเข้านะน้องพี่”

                   

            เพราะฉะนั้น หลังเลิกงานชายหนุ่มก็ขับรถตรงดิ่งเข้าห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน เขาตั้งใจจะใช้ห้องของพ่อที่บัดนี้ได้ย้ายไปอยู่กับภรรยาใหม่ชาวญี่ปุ่นที่โตเกียวและได้ร่วมกันทำธุรกิจจนรุ่งเรือง    เขาต้องใช้สีชมพู  รึสีฟ้า รึว่า จะจัดแบบไหนเพื่อที่จะให้ถูกใจคนที่กำลังจะมาพำนักในไม่ช้า ถึงจะเป็นสถาปนิกเขาก็คิดไม่ตกอยู่ดีสำหรับคนคนนี้  เข้าอยากทำให้เธอประทับใจและสมกับการรอคอยมาตลอด สิบห้าปี  คิดได้อย่างนั้น ก็ยกหูโทรศัพท์ขึ้นหาแฟนสาว

     

    “สวัสดีครับ  คือ ผมมีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อยน่ะ” ชายหนุ่มมีทีท่าเกรงใจแสดงออกมาทางน้ำเสียง

    (หือ  มีอะไรเหรอค่ะ)

     “อยากให้ เมอิมาช่วยเลือก ของแต่งห้องหน่อยน่ะ”

    (คุณ อยากจะจัดห้องใหม่เหรอ  เป็นถึงสถาปนิก มาปรึกษาฉันเนี่ยนะคะ)หญิงสาวหยอกเอิน

    “ผมตั้งใจจะจัดห้องของพ่อ  เพื่อ ต้อนรับน้องสาวที่กำลังจะบินมาจากไทยน่ะ”

    (เอ๊ะ! คุณมีพี่น้องด้วยรึ  ฉันไม่ยักรู้แฮะ)

    “ลูกสาวเพื่อนพ่อผมน่ะ   จะมาเรียนมหาวิทยาลัยที่นี่ก็เลยจะมาอยู่ด้วย”

    (โอเค  เข้าใจแล้วค่ะว่าแต่คุณอยู่ที่ห้าง แถวบ้านรึเปล่า?)

    “ใช่ๆ  ห้างเดิมครับ”

     

         ไม่นาน เมอิ ก็มาถึง  ทั้งสองจัดแจงซื้อของ  เจ้านาย  สำรวจของอย่างละเอียดทุกชึ้นก่อนตัดสินใจหยิบใส่ตระกร้า ที่มี เมอิเป็นคนเข็น  และออกไอเดีย ตามทัศนะของผู้หญิงที่ชายหนุ่มคอยถามตลอด

     

    “ดูครั้งนี้คุณตั้งใจมากเป็นพิเศษเลยนะ” เมอิสังเกตกิริยาตื่นเต้นของแฟนหนุ่มของเธอ

     

    “ก็นิดหน่อยน่ะ  เราไม่ได้เจอกันมาสิบห้าปีแล้ว” ปากพูดในหัวก็นึกภาพ ในอดีตของเขาและพราวด์

     

    “คุณคงคิดถึงเธอมาก  ฉันอยากเจอหน้าเธอเร็วๆแล้วสิ   จริงๆฉันฝันอยากจะมีน้องสาวมานานแล้ว”

     

    “งั้นถ้าเธอมา  ผมก็ขอฝากคุณช่วยดูแลอีกทางหน่อยได้มั้ย  เพราะผมเองเป็นผู้ชาย คงจะช่วยเธอไม่ได้ทุกเรื่อง”

     

    “ด้วยความยินดีค่ะ   จะได้มีเพื่อนไป ช็อปปิ้ง และ เข้าครัว เข้าร้านเสริมสวย น่าสนุกจะตายไป”

     

    “ขอบคุณนะครับ  เมอิ  สำหรับทุกอย่างที่ทำเพื่อผม” ชายหนุ่ม หยิบมือเรียวสวยมากุม

     

    “จริงๆแล้วฉันทำเพื่อตัวฉันเองนะ  เพราะฉันได้ทำอะไรเพื่อคุณฉันก็มีความสุข มันเป็นความเต็มใจของฉันเอง คุณไม่ต้องเกรงใจ หรอกค่ะ เจ้านาย”

     

     

      ผู้คนมากมายในสนามบิน ทำเอาร่างเล็ก เวียนหัวแทบอาเจียน แถมยังหาพี่ชายไม่เจอ แค่นั่งเครื่องบินนานๆก็มึนพอตัวอยู่แล้วนี่ ลงมายังเจอ  คนพลุกพล่านราวกับมดสวนสนาม  

    “พี่นายนะพี่นาย  ก็ตกลงกันให้รออยู่ตรงนี้แล้วทำไม่เห็นแม้แต่เงา ชิส์!” เด็กสาวเริ่มมีอาการงอนตุ๊บป่อง ทั้งกลัวและก็รู้สึกว่าจะไข้จับ

    “พราวด์!!

     

    “พี่นะ......” แรงสวมกอดอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำเอาเด็กสาวเซ จวนจะล้ม “พี่นาย เบาๆหน่อยสิ พราวด์จะล้ม!

     

    “ฮะๆ  พี่คิดถึงพราวด์มากๆๆๆ เป็นไงบ้าง เดินทางราบลื่นดีใช่มั้ย” ชายหนุ่ม ถามอย่างใคร่รู้

     

    “ก็ไม่เลว  แล้วพี่หายไปไหนมา ทำไมมาเอาป่านนี้ น้องใจเสียจะแย่”   เด็กสาวทำหน้าบูด

    “พอดี เมอิ ชวนซื้อขนม เอาไว้ให้พราวด์น่ะ  เธอกลัวว่าพราวด์เดินทางไกลแล้วจะหิวน่ะ”  เมอิที่ยืนอยู่ด้านหลังชายหนุ่มเดินออกมาเป็นการแสดงตัวให้ผู้มาใหม่รู้จัก

    ohayogozaimasu(good morning)”   พาพราวด์ยืน ออกไป เพื่อการจับมือตามธรรมเนียมสากล แต่หญิงสาวตรงหน้ากลับดึงเธอเข้าไปกอด

     

    “พี่พูดไทยได้นะ   คุณแม่พี่เป็นคนไทย  ยินดีที่ได้พบนะจ๊ะ พราวด์จัง  เจ้านายเล่าเรื่องพราวด์จังให้พี่ฟังเยอะแยะเลย”

     

    “อ๋อ ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่เมอิ” เธอพอมองออกว่า เจ้านายกับเมอิกำลังคบกันอยู่อย่างแน่นอน

     

    “ต่อไปนี้คิดซะว่า พี่เป็นพี่สาวคนหนึ่งก็แล้วกันนะ ไม่ต้องเกร็ง พี่เองก็อยากมีน้องสาวมานานแล้ว” พราวด์พยักหน้าแทนคำตอบ  หันไปก็เห็นพี่ชายยืนยิ้มจนแก้มปริ

     

    “เอาล่ะ  สาวๆ ผมว่าเรากลับบ้านกันดีกว่านะ”    ระหว่างทางกลับบ้านเมอิ และเจ้านาย คุยจ้อ เล่าเรื่องราวต่างๆให้ น้องสาวที่นั้งอยู่ด้านหลังฟังอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย   เด็กสาวฟังบ้างและก็ไม่ได้ฟังบ้างเพราะเธออ่อนเพลียกับการเดินทางเหลือเกิน แถมยังรู้สึกหูอื้อจากการนั่งเครื่องบิน แล้วเธอก็หลับไปในที่สุด  เมื่อรถจอดที่หน้าบ้านหลังสวย เธอลืมตาขึ้น แต่กลับโดนอาการมึนหัวเล่นงานอย่างหนัก

    “พราวด์  เป็นอะไรไปไม่สบายรึเปล่า?” เจ้านายถามน้องสาวที่เอาแต่นั่งนิ่งไม่ยอมลงจากรถ

     

    “อยู่ดีๆก็รู้สึกมึนหัวขึ้นมาน่ะพี่นาย”

     

    “เดินไหวมั้ย” พูดพลางใช้มือหนาแตะที่หน้าผากมน 

     

    “พราวด์จัง   เป็นอะไรไปคะ เจ้านาย” เมอิที่กำลังช่วยยกของลงจากรถเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง

     

    “ดูเหมือนเจ้าตัวแสบจะจับไข้น่ะ คุณช่วยพาเธอไปที่ห้องที่เตรียมไว้ที แล้วของทางนี้ผมจะจัดการเอง”

    “โอเค ค่ะ  พราวด์จังค่อยๆเดินนะ มึนหัวมากมั้ย” เมอิ พยุงเธอลุกขึ้นจากเบาะนั่ง

     

    “รู้สึกว่าบ้านหมุน แปลกๆ น่ะค่ะ”   เมื่อเมอิ พยุงเธอจนถึงเตียง พาพราวด์ก็ล้มตัวลงนอนทันที หญิงสาวที่อายุมากกว่าคอยเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้เธอเป็นระยะๆ และปลุกเธอขึ้นมาทานยาตรงเวลา จนเวลาล่วงไปจวนจะค่ำ  เธอก็โดนปลุกอีกครั้งเพื่อทานอาหารและทานยา และนอนต่อจนถึงรุ่งเช้า   

             แสงแดดอ่อนๆยามเช้าปลุกให้เธอตื่นขึ้นมา และกลิ่นขนมปังหอมฉุย เสียงก๊อกแก๊กจากห้องครัวด้านล่าง  ขาเรียวเล็กก้าวลงจากเตียง สำรวจจนทั่วห้อง นี่คงเป็นฝีมือของพี่นายแน่ๆ เขารู้ว่าเธอชอบสีส้ม เป็นชีวิตจิตใจ ทำให้ห้องดูอบอุ่นทว่าสดชื่นน่าอยู่อย่างลงตัว  เมื่อวานเพราะพิษไข้จึงทำให้เธอหลับไม่รู้เรื่อง ไม่ทันได้สำรวจห้องของเธอ ความพึงพอใจปรากฏ ในแววตาและรอยยิ้ม ก่อนที่จะวิ่งลงบันไดรวดเร็วราวกับเด็กน้อย

    “พี่นาย!! พี่แต่งห้องของพราวด์เองเหรอ”  ชายหนุ่มเมื่อเห็นท่าทางสดชื่นมีชีวิตชีวาผิดจากเมื่อวานก็พรอยโล่งใจ

     

    “ใช่ครับ  แต่ว่าเมอิก็ช่วยเลือกของแต่งห้องด้วยนะ ก็ช่วยๆกันน่ะ”

     

    “ว่าแต่ พี่เมอิ ล่ะกลับไปแล้วเหรอ เมื่อวาน พี่เขาดูแลพราวด์อย่างดี ยังไม่ทันได้ขอบคุณเลย”

     

    “ฮะๆ ไม่ต้องรีบหรอก อีกเดี๋ยวเธอก็มาแล้ว บ้านเมอิ อยู่ข้างบ้านเรานี่แหละ เอาเป็นว่าถ้ามาแล้วค่อยบอกก็ได้ไม่ต้องกังวลหรอก” สีหน้าพาพราวด์ประหลาดใจเล็กน้อย และแปรเปลื่ยนเป็นรอยยิ้มในที่สุด

     

    “งั้น พราวด์ไปหาพี่ เมอินะๆๆ น้าๆๆ”  หญิงสาววัยยี่สิบเอาหน้าไปถูกับแขนของชายหนุ่มราวกับเด็กห้าขวบ

     

    “ได้อยู่แล้ว เมอิ อยู่คนเดียว เดินไปดีๆล่ะ” 

     

    “คร๊าบบผม” ทำมือตะเบ๊ะ ด้วยความดีใจ  เจ้านายส่ายหน้าให้กับความขี้อ้อนไม่รู้จักโตของเธอ แต่ก็เรียกรอยยิ้มให้ริมฝีปากหยักได้ไม่น้อย

     

    เวลาผ่านล่วงเลยมาหนึ่งอาทิตย์ อย่างเข้าสู้ช่วงเวลาที่ต้องเตรียมตัวเข้ารั้วมหาวิทยาลัยของนางสาวพาพราวด์ค่อนข้างจะยุ่งเหยิงเล็กน้อย เมื่อเธอลืมส่งเอกสารให้ทางมหาวิทยาลัย และตอนนี้เธอก็ยังไม่คุ้นเคยกับการเดินทางด้วยตัวเองในต่างบ้านต่างเมือง    จึงต้องอาศัยเมอิที่อยู่ในช่วงวันหยุดพอดิบพอดีขับรถไปให้เพราะ  เจ้านายติดงานและไม่สามารถพาไปได้จริงๆ

    “พราวด์ต้องขอโทษพี่เมอิด้วยนะคะที่ทำให้ต้องลำบาก ถ้าพราวด์ไม่ลืม......

     

    “โอ้ย อย่าคิดมากสิ พี่ก็ว่างไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”

     

    “อิๆ ขอบคุณน้าค้า~

     

     

    วันนี้เป็นวันที่พาพราวด์เข้าเรียนมหาวิทยาลัยวันแรก  เมอิ และเจ้านายจึงมาส่งพร้อมหน้าพร้อมตา

     

    “โอ๊ยย ! พราวด์ตื่นเต้นอ่ะ พี่เมอิ” ยามนี้เธอกับเมอิสนิทสนมกันมากกว่าก่อน แถมยังเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

     

    “ครั้งแรกก็งี้แหละ  วันนี้พี่มาส่งพราวด์ แล้วพี่ก็คงไม่อยู่บ้านสักสามสี่เดือน พอดีพี่ต้องไปจัดระบบงานให้บริษัทลูกที่ไทยน่ะ”

     

    “สมน้ำหน้า คราวนี้ไอ้ตัวแสบก็ไม่มีใครคอยให้ท้ายแล้ว ว! ฮ่าๆ”เจ้านายล้อเลียน

     

    “ชิส์!”พาพราวด์ให้ค้อนเจ้านายวงใหญ่ก่อนที่จะหันไปกอด เมอิ  “เดินทางปลอดภัยนะคะ ส่วนทางนี้พราวด์จะคอยดูแลให้ ขืนสาวคนไหนกล้าแหยม ตายย!” หญิงสาวทั้งสองพร้อมใจหันไปส่งคลื่นอัมหิตให้กับชายหนุ่มให้ขนลุกเกลียวเล่นๆ

    “หึๆ” เจ้านายได้แต่หัวเราะในลำคอ


    Dear reader


    เรียกได้ว่า เป็น เรื่องสั้นปกติ เรื่องเเรก ของไรเตอร์ เลยนะเคอะ (ปกติแต่ง เเบบไม่ปกติ? 555 yyyy อะไรทำนองน้านน)


    แต่สาบานได้ !!!!  ไรเตอร์จะทำเต็มที่ ติชมได้สะดวก รับทุกข้อคิดเห็น (แอบกลัว....)


    คือเรื่องนี้ได้ แรงบัลดาลใจมาจากหลายๆ อย่าง เริ่มแต่งมานานมากแล้วแต่ไม่ได้ฤกษ์ ลงสักที 



    ขอบคุณ รีดเดอร์ทุกคน ทุกคอมเม้น ที่เป็นกำลังใจ(สุดเเสนจะสำคัญ)กับไรเตอร์ 




                                                                                                                              WRITER


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×