คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ❧ 3 1 1 3 : 1
1
การเป็น’บยอน แบคฮยอน’มันแย่จริงๆนะ...
แบคฮยอนกำลังรู้สึกหัวเสียอย่างมากเมื่อเขาเข้าห้องเรียนมาในตอนเช้าแล้วพบว่าโต๊ะของตัวเองที่อยู่หลังห้องถูกทำให้ล้มระเนระนาดแถมยังมีเศษขยะทั้งห่อขนม กระดาษทิชชู่ที่ใช้แล้วกองรวมกันกับโต๊ะของเขาด้วย ใครกันที่ทำกับเขาแบบนี้?
“พวกโง่เง่า!” แบคฮยอนสบถออกมาเบาๆก่อนจะก้มลงไปยกโต๊ะของตัวเองให้ตั้งขึ้นมาแล้วจัดการกับเศษขยะรอบๆ
ร่างเล็กใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งของตัวเองจัดการคีบกระดาษทิชชู่เหม็นๆไปทิ้งที่ถังขยะใกล้ๆกับโต๊ะของเขาแล้วพบว่าถังขยะ..เต็ม แบคฮยอนถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายแล้วใช้เท้าย่ำไปที่กองขยะที่กำลังเอ่อล้นออกมาเพื่ออัดให้มันมีที่เหลือพอสำหรับขยะของเขาก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อเห็นว่ารองเท้าของเขาเปียกแถมยังมีกลิ่นเหม็นเน่าจากน้ำหวานที่บูดแล้วอีก
“แย่จริงๆเลยให้ตายสิ” แบคฮยอนพูดกับตัวเองอย่างเหนื่อยใจ
“มันไม่มีอะไรแย่ไปกว่าแกแล้วละเจ้าบยอนตัวซวย” เสียงหวานๆของเด็กผู้หญิงที่ขัดกับคำพูดโดยสิ้นเชิงเอ่ยแทรกแบคฮยอนขึ้นมา
“เธอไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันนะยูอี” แบคฮยอนข่มเสียงต่ำบอกกับเด็กผู้หญิงที่เอ่ยแทรกขึ้นมาเมื่อสักครู่ ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆของอีกฝ่าย
“คิก..ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์? ในเมื่อฉันกำลังว่าแกอยู่นี่ไง! แกมันเหม็นเน่ายิ่งกว่าขยะพวกนั้นอีกนะ” นิ้วเรียวของหญิงสาวชี้ไปที่กองขยะที่ยังเกลื่อนอยู่รอบๆโต๊ะของแบคฮยอน เนื่องจากเขายังเก็บไม่เสร็จดี ทำให้แบคฮยอนที่หันมองตามหันกลับมาถามอย่างเอาเรื่อง
“เธอเป็นคนเอาขยะพวกนั้นมาใส่ที่โต๊ะฉันใช่มั้ย? แล้วที่โต๊ะฉันล้มแบบนี้ก็เพราะเธอเป็นคนทำใช่มั้ย!”
“ถ้าใช่แล้วแกจะทำไมฉันเหรอ..หืม? บยอนตัวซวย!”
“ก็ทำแบบนี้ไงล้ะ” พูดจบแบคฮยอนก็ยื่นมือไปผลักที่ไหล่ของยูอีอย่างแรงทำให้ร่างบางอย่างยูอีล้มไปที่กองขยะที่กำลังส่งกลิ่นเหม็นเน่า ยูอีกรีดร้องเสียงดังก่อนจะชี้หน้าแบคฮยอนด้วยความโกรธ
“แก..แกมัน..”
“ยูอี! ทำไมไปนั่งบนกองขยะแบบนั้นละ” เสียงเล็กๆของหญิงสาวอีกคนที่พี่งมาถึงเอ่ยถามเพื่อนรักของตัวเองอย่างตกใจ แต่เมื่อมองเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆก็รีบเดินเข้าไปหาเรื่องทันที
“แกทำเพื่อนฉันใช่มั้ยไอ้บยอนตัวซวย!” เสียงเล็กๆตะโกนใส่หน้าของแบคฮยอนโดยที่ไม่ทันได้เอ่ยถามสาเหตุที่ทำให้เพื่อนตัวเองไปนั่งกองกับถังขยะซักคำ
“ฉะ..ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ” แบคฮยอนที่ยังตกใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้ละล่ำละลักบอกกับอีกคน
“มันโกหก! นานะเธอต้องช่วยเป็นพยานให้ฉันนะ” ยูอีที่พึ่งลุกขึ้นมาได้รีบเดินไปสมทบกับเพื่อนอีกคนที่ยืนอยู่หน้าแบคฮยอน
“แกนี่มันตัวซวยจริงๆเลย ใครอยู่ใกล้ต้องซวยกันไปหมด แถมตัวซวยอย่างแกมาทำให้เพื่อนฉันเจ็บอีก แกโดนดีแน่ บยอนแบคฮยอนตัวซวย!” นานะตะโกนใส่หน้าของแบคฮยอนอย่างเหนือกว่าก่อนจะผลักไหล่ของแบคฮยอนให้ล้มลง ไปที่พื้นบ้าง ไม่มีอะไรจะทำให้มีความสุขไปกว่าเห็นแบคฮยอนทำหน้าเหมือนคนกำลังอยากร้องไห้ แบบนี้
“ฉัน..ขอโทษ” สุดท้ายแล้วแบคฮยอนก็ได้แต่เอ่ยคำเดิมๆ คำที่ทำให้ทุกอย่างมันจบลงอย่างง่ายดาย จบลงที่แบคอยอนต้องเป็นผู้แพ้เช่นเคย
“ฮึก..ฉันไม่ได้เป็นตัวซวยนะ...ฮึกฮือออ” ปากบางพึมพำออกมาเสียงเบาก่อนจะเงียบไปแล้วถูกแทนที่ด้วยเสียงสะอื้นแทน
แบคฮยอนนั่งกอดเข่าร้องไห้กับตัวเองบนชั้นดาดฟ้า มันเป็นสถานที่ที่เดียวที่แบคฮยอนชอบมาบ่อยๆหลังเลิกเรียน เพราะมันเป็นที่ๆเดียวที่ไม่ค่อยมีใครขึ้นมาในเวลานี้ซักเท่าไหร่ แบคฮยอนเกยคางบนเข่าของตัวเองก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลออกไปอย่างช้าๆไม่มี เสียงร้องไห้โฮแล้วมีแต่เสียงสะอื้นที่ดังแทรกขึ้นมาบางครั้ง ร่างเล็กหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนเมื่อนึกถึงเรื่องที่เจอมา
จากเหตุการณ์เมื่อเช้าทำให้เขาถูกอาจารย์ฝ่ายปกครอง เรียกไปพบพร้อมกับคู่กรณีอย่างยูอีและพยานที่เห็นเหตุการณ์อย่างนานะ แน่ละว่าผลตัดสินที่ออกมานั้นบยอนแบคฮยอนเป็นคนผิดอย่างไม่ต้องสงสัย เขาถูกตัดคะแนนไปกว่าครึ่งจาก สาเหตุที่ว่าเขาทำร้ายร่างกายของอีกคน และเขาที่เป็นผู้ชายก็ย่อมมีความผิดอยู่เต็มอกที่ไปลงมือก่อน และนั้นทำให้หลังจากออกจากห้องปกครองมาเขาก็ถูกทั้งสองคนหัวเราะเยาะแถมยัง พูดกับเขาอีกว่า
‘ไม่มีใครเขาจะเข้าข้างตัวซวยอย่างแกหรอกนะ แกมันมีนิสัยอะไรไม่ต่างจากกลิ่นขยะที่เน่าเหม็นโชยออกมาจากรองเท้าแกเลย ยี๋’
และแน่นอนว่าแบคฮยอนก็ไม่ยอมโดนว่าอยู่ฝ่ายเดียวหรอกนะเลยตอบกลับไปว่า
‘ว่าแต่ฉันทำไมเธอไม่ลองดมดีๆละว่ากลิ่นเหม็นเน่านั้นมาจากรองเท้าของฉันหรือตัวของเธอกันแน่!’
ถึงจะรู้สึกดีหน่อยๆที่ได้ตอกกลับให้พวกนั้นเจ็บใจไป บ้างแต่สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องมานั่งร้องไห้ตัวคนเดียวแบบนี้แหละ อย่างน้อยยูอียังมีนานะเป็นเพื่อน ต่างจากเขา..ที่ไม่มีใครเลย
นับตั้งแต่วันที่เขาบังเอิญไปสะดุดเข้ากับขาของใคร บางคนทำให้เขาเซไปชนกับยูอีที่อยู่แถวนั้นพอดี ผลสรุปออกมาคืออีกคนแขนหักเพราะเขาล้มไปทับที่แขนของเธอเข้า แต่มันเป็นความซวยยิ่งกว่าของแบคฮยอนที่ยูอีเป็นตัวแทนแข่งร้องเพลงของห้อง แต่ดันมาบาดเจ็บซะก่อน ก็เพราะเหตุนี้ละมั้งที่ทำให้ยูอีหาเรื่องเขามาจนถึงตอนนี้ แถมยังทำให้ทุกคนตราหน้าเขานับแต่นั้นว่าเป็น ‘ตัวซวย’
แต่เรื่องไม่จบแค่นั้นเมื่อเขาบังเอิญไปอยู่ใกล้ๆกับ คนที่บาดเจ็บเนื่องจากอุบัติเหตุต่างๆ มันก็แค่อุบัติเหตุที่ใครๆก็เจอได้แค่เขาบังเอิญอยู่แถวนั้นเท่านั้นเอง แบคฮยอนกำลังคิดว่านี่เป็นความคิดที่งี่เง่าที่สุดเลย ในห้องเขาที่มีแต่พวกงี่เง่าที่เอาแต่หาเรื่องเขา มันไม่ยุติธรรมกับเขาเลยซักนิด
ยิ่งแบคฮยอนนึกถึงเรื่องต่างๆที่ตัวเองต้องเจอในแต่ ละวันน้ำตาของเขาก็ยิ่งไหลออกมา บางครั้งแบคฮยอนก็แอบคิดว่าถ้าเขาหายตัวไปจากโลกนี้เฉยๆก็ดีสินะ ไม่สิ! มันดีมากเลยต่างหากละ
แกร๊ง!
เสียงของโลหะที่กระทบกันของกลอนประตูทำให้แบคฮยอนรู้ ว่ามีคนกำลังเข้ามาบนนี้ แบคฮยอนรีบปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆก่อนจะเห็นว่ามีผู้ชายร่างสูงกำลังเดินเข้ามา
“เอ่อ..คือฉันไม่คิดว่ามีคนอยู่บนนี้น่ะ ขอโทษที่นะ” เสียงทุ้มเอ่ยกับเขาก่อนที่จะรีบหันหลังกลับไป
“ไม่เป็นไรหรอก ฉะ..ฉันออกไปเองดีกว่า” แบคฮยอนรีบบอกกับอีกฝ่ายไปเสียงดังแล้วตัดสินใจเดินไปที่ประตูซะเองเพราะไม่ อยากจะโดนว่าเป็นตัวซวยอีก แต่กลับถูกมือหนาของอีกคนคว้าเข้าที่ข้อมือ แบคอยอนรีบสะบัดออกทันทีเหมือนเป็นปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ เพราะเขาไม่อยากให้คนที่มาแตะต้องเขาต้อง ’ซวย’ อย่างที่โดนกล่าวหามา
“เจ็บเหรอขอโทษนะ” คนแปลกหน้าบอกกับแบคฮยอนเสียงเบา
“ไม่ใช่นะ! คือ..คือฉันกลัวนายจะซวยน่ะ” แบคฮยอนรีบส่ายหัวปฏิเสธไปมา
“ซวย? แล้วทำไมฉันต้องซวยด้วย”
“นายไม่รู้เหรอฉันคือบยอนตัวซวยนะ! ย๊า! นายกำลังให้ฉันว่าตัวเอง” แบคฮยอนพูดกับคนตรงหน้าอย่างหงุดหงิด
“ฮ่าๆๆๆ นายนี่ตลกจัง”
แบคฮยอนถึงกับนิ่งไปเมื่อเห็นอีกคนกำลังหัวเราะเขา เขาไม่ได้กำลังโกรธหรือเสียใจแต่เขากำลังอึ้งต่างหาก เสียงหัวเราะของคนตรงหน้าไม่ได้เป็นเสียงหัวเราะเยาะหรือเสียงหัวเราะดูถูก แต่อย่างไร แต่เป็นเพียงเสียงหัวเราะธรรมดาๆเหมือนคนกำลังสนุกกับอะไรซักอย่าง แบคฮยอนถึงกับรู้สึกเห่อร้อนบริเวณแก้มเมื่อคนตัวสูงกว่ายื่นหน้ามามองใกล้ๆ
“นายร้องไห้มาเหรอ? ดูสิตาบวมเชียว” ถามไม่พอยังเอานิ้วยาวๆมาจิ้มที่ขอบตาช้ำๆของเขาอีก
“อยะ..อย่ามาแตะตัวฉันนะ” แบคฮยอนรีบปัดมือของอีกคนออกก่อนจะถอยหลังไปอีกหลายก้าว
กิริยาที่ดูตื่นๆของคนตรงหน้าทำให้ชานยอลขมวดคิ้ว ด้วยความแปลกใจ เมื่อกี้ที่คนตัวเล็กปัดมือเขาออกมันไม่ได้รู้สึกว่าอีกคนถือตัวหรือเย่อ หยิ่งอะไร แต่เขารู้สึกว่าอีกคนกำลังกลัวต่างหาก และมันทำให้เขาสงสัยว่าคนตัวเล็กกำลังกลัวอะไร? เขาดูน่ากลัวไม่น่าไว้วางใจอย่างนั้นเหรอ?
“เฮ้ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้นายกลัวนะ ฉันหวังดีกับนาย เอ่อ..ฉันชื่อชานยอล ปาร์คชานยอล เกรด12ห้องบี” ชานยอลยิ้มกว้างแนะนำตัวเองก่อนจะยื่นมือไปหาอีกคนเพื่อทำความรู้จัก
“ฉัน..ฉันชื่อแบคฮยอน บยอนแบคฮยอน เกรด12 ห้องเอ” แบคฮยอนมองไปที่มือหนาของอีกฝ่าย ลังเลอยู่ซักพักก่อนจะตัดสินใจยื่นมือไปจับกับมือของคนตัวสูง
“ว้าว~ เราอายุเท่ากันเหรอเนี้ย ทำไมนายดู...ตัวเล็กจัง” ชานยอลที่จับมือของแบคฮยอนเขย่าไปมาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงล้อเลียน
“ฉันสูงตั้งร้อยเจ็ดสิบสี่เลยนะ”
“เหรอ..สูงเน้อะ ฉันสูงแค่ร้อยแปดสิบหกเอง” ชานยอลแกล้งทำน้ำเสียงเสียดายแกล้งอีกฝ่าย
“นายมันเปรตต่างหากละชานยอล...คิก” แบคฮยอนรีบพูดว่าอีกฝ่ายก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
ชานยอลมองรอยยิ้มของแบคฮยอนแล้วอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ดูเหมือนแบคฮยอนจะเริ่มไว้ใจเขาแล้วถึงได้ยิ้มออกมาแบบนั้นได้
“ว่าฉันเหรอห้ะแบคฮยอน” ชานยอลแกล้งพูดงอนๆใส่อีกฝ่าย
“เห? นาย..โกรธเหรอ” แบคฮยอนที่กำลังหัวเราะอยู่รีบหุบยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่าย
“ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นน่าอย่าทำหน้าเหมือนหมาหงอยแบบนั้นสิตัวเล็ก” ชานยอลพูดพลางจิ้มแก้มขาวๆของอีกฝ่าย
แบคฮยอนที่กำลังมองหน้าอีกฝ่ายชะงักไปเพราะสัมผัสที่ แก้มของตัวเองทำให้ใจของเขาเต้นแรงแปลกๆ เขากำลังใจเต้นให้กับคนแปลกหน้าเหรอเนี้ย? ไม่ได้นะแบคฮยอน ชานยอลเป็นเพื่อนคนแรกของนายเลยนะ ใช่สิ..เพื่อนคนแรก
“เป็นอะไรทำไมทำหน้าเศร้าแบบนั้นละ” ชานยอลที่เห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปนานเอ่ยถาม
“ฉันกำลังคิดว่านายเป็นเพื่อนคนแรกของฉันเลยละชานยอล” แบคฮยอนตอบออกไปเสียงเศร้าก่อนจะก้มหน้ามองที่พื้นเมื่อเห็นสายตาแปลกๆของชานยอล
“ฉันเนี่ยนะเพื่อนคนแรกของนาย...ว้าว~ ดูสำคัญเน้อะว่ามั้ย? ^^” ชานยอลเลือกที่จะไม่ถามถึงสาเหตุว่าทำไมคนน่ารักอย่างแบคฮยอนถึงไม่มีเพื่อน แต่เลือกที่จะพูดอย่างอื่นไปแทน เมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีแล้วก็นึกขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะอยู่ คุยกันแล้วจึงชวนอีกฝ่ายกลับบ้าน
“ฟ้าเริ่มมืดแล้วนายจะกลับบ้านเลยมั้ยแบคฮยอน? เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“มะ..ไม่เป็นไร ฉันกลับเองได้ นายกลับก่อนเถ้อะ” แบคฮยอนรีบปฏิเสธ เขาคิดว่าชานยอลเป็นคนที่ดีคนนึงเลย เขากำลังคิดว่าไม่ให้ชานยอลต้องมาซวยเพราะตัวซวยอย่างเขาจะดีกว่า
“ไม่เอาน่า มันอันตรายนะ นายยิ่งตัวเล็กอยู่จะไปสู้กับโจรที่ไหนได้ ฉันว่าฉันไปส่งดีกว่านะ” ชานยอลยังดื้อดึงจะไปส่งอีกฝ่ายให้ได้ ก่อนจะถือวิสาสะยื่นมือไปจับที่ข้อมือของอีกคนแล้วออกแรงดึงเบาๆเพื่อให้อีก ฝ่ายเดินตาม
แบคฮยอนมองข้อมือของตัวเองที่กำลังถูกอีกฝ่ายจับไว้ อยู่แล้วอมยิ้มออกมากับตัวเอง อย่างน้อยก็มีคนอยากคุยกับเขาแล้ว อย่างน้อยก็มีคนกล้าแตะตัวของเขาแบบนี้แล้ว
แบคฮยอนกำลังมีความสุขมากๆเลยละ...
“ส่งแค่นี้ก็ได้นะชานยอล”แบคฮยอนบอกกับคนที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้าเมื่อมาถึงที่ป้ายรอรถแล้ว
“กลับเองได้นะแบคฮยอน?” ชานยอลเผลอถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ติดจะเป็นห่วงอยู่หน่อยๆแต่นั้นก็ทำให้ใจ ที่กำลังห่อเหี่ยวของแบคฮยอนกลับมาชุ่มช่ำด้วยความห่วงใยของอีกคน
“นายคิดว่าทุกวันนี้ฉันกลับบ้านกับใครล้ะ? ฉันกลับเองได้อยู่แล้วน่า” แบคฮยอนตอบอีกฝ่ายไปด้วยรอยยิ้มกว้าง
“โอเคๆ” ชานยอลตอบกลับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มเช่นกัน ก่อนจะถามกลับไปใหม่เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังยืนอยู่กับที่
“ไม่กลับเหรอแบคฮยอน?”
“กลับสิ นายก็..ปล่อยแขนฉันก่อนสิ” แบคฮยอนตอบพลางก้มหน้างุดด้วยความรู้สึกเขิน จะให้เขากลับได้ยังไงในเมื่ออีกฝ่ายยังจับที่ข้อมือเขาแน่นแบบนี้
“อ้าว เอ่อ..ขอโทษทีนะ” ชานยอลรีบปล่อยมือก่อนจะเกาท้ายทอยแก้เขิน
“มะ..ไม่เป็นไร” แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมารีบบอกกับชานยอลเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาโกรธหรืออะไร
“งั้นฉันกลับก่อนนะแล้วเจอกันวันหลัง..ตัวเล็ก” ชานยอลยิ้มกว้าง โบกมือให้กับอีกฝ่ายก่อนจะหัน
หลังเดินออกไป
แบคฮยอนยืนมองแผ่นหลังที่กำลังห่างออกไปเรื่อยๆด้วยรอยยิ้ม บางที...การเป็นบยอนแบคฮยอนก็ไม่ได้แย่เสมอไปหรอกมั้ง
- TALK
ลงไปแบบยาวๆ~ ตอนแรกๆดูใสๆเนอะ?
เปิดเรื่องมาแลดูไม่เข้ากับอินโทรเลยอ้ะ5555555555555
เอาเถ้อะทุกอย่างมันต้องมีที่มาที่ไปอ้ะเน้อะ
เตือนเบาๆ ฟิคนี้เป็นฟิคจิต! ย้ำว่าจิต!
จึงแม้ตอนแรกมันจะใสก็เห้อะนะ55555555
จิตขนาดไหนมาลุ้นกัน *ขยิบตาเกร๋ๆ*
ความคิดเห็น