ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : จริงหรือไม่ ใช่หรือมั่ว VS จริงหรือชัวร์ มั่วหรือไม่
                                  บทที่สี่
จริงหรือไม่ ใช่หรือมั่ว VS จริงหรือ ชัวร์ มั่วหรือไม่
เย็นวันนั้นทันทีที่ผมกลับถึงบ้าน ผมก็ถูกไตร่สวนทั้งเรื่อง รอยช้ำ ตรงแก้ม
แล้วก็เรื่องที่ไปทำใครเค้าท้อง
( ไม่รู้ว่าแม่ไปเชื่อได้ไง ทั้งๆที่ตอนแรกมั่นใจว่าลูกตัวเองผิดปกติทางเพศ) แต่
พอผมจะเริ่มเล่าเรื่องว่าถูกผู้หญิงชก แม่กลับบอกว่ามุขนี้ไม่ขำ( เออ! ผมเองก็ไม่ขำ) สุดท้ายแม่ก็หาว่าผมไปมีเรื่องชกต่อยอีกตามเคย
ตอนนี้ผมคิดว่าผมควรที่จะเชื่อคำแนะนำของ พัตร ที่ว่าควรเรียนศิลปะป้องกันตัวจากมันเสียก่อน คืนนั้น ผมได้แต่ตั้งคำถามมากมายว่า ผมเคยเจอหล่อนที่ไหนรึเปล่า เพราะไม่งั้นหล่อนคงไม่ตีโพยตีพาย ว่าผมทิ้งหล่อน แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้( ความจำคงไม่ดีแล้ว) อีกคำถามคือ ผมมั่นใจว่าหล่อนต้องอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับผมแน่ๆ นั้นมันยิ่งทำให้ผมระแวงมากยิ่งขึ้น
ตอนเช้า วันนี้เป็นวันที่ผมตื่นสาย(สงสัยจะเมาหมัด) ทำให้กิจวัตร ประจำวันของผมเป็นไปอย่าเร่งรีบ
ทันทีที่คว้าเป้ได้ผมก็รีบวิ่งออกจากบ้านโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ส่วนอาหารเช้าก็คือขนมปังสองแผ่นที่ผมคาบไว้ที่ปาก
แต่ไม่ทันที่จะวิ่งพ้นปากซอย หูก็ดันไปได้ยินเสียงหนึ่งเข้า
“ นี่นาย ” ผมหยุดวิ่งทันที พร้อมกับหันไปมอง โอ้ นางฟ้าหมัดหนักยืนเท้าเอว
ตรงมุมกำแพงหน้าปากซอย เธอสวมชุดน.ร. ใบหน้ายังมีสีหน้าของความแค้น( แค้นใครก็ไม่รู้) เจือปนอยู่
“ นายใช่มั้ยที่ถูกเราชกไปเมื่อวาน?” ผมไม่รู้ว่าหลอนสำนึกตัว
หรือว่าติดใจที่ได้ต่อย และอยากจะต่อยเพิ่ม
“ ชะ ใช่ ครับ”ผมตอบอย่างระแวง
“ ชื่อ อะไร” หล่อนยังคงแสดงสีหน้าเหมือนเดิม
“ แพนครับ” หล่อนก้มหน้าลง เหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นก็เดินมาใกล้ผม
ทำให้ผมสังเกต จากกระเป๋าน.ร.สีดำขัดเงา โรงเรียนนี้ อยู่ใกล้โรงเรียนผมนี่เอง
“ อืม ..” หล่อนทำท่าสำรวจผม ผมก้มหน้าทันที
ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะสัญชาติญาณ หรือ ว่าสัมผัสที่หก
เพราะผมรู้สึกเหมือนว่า ผมไม่ปลอดภัย
“ ผัวะ!!!!!!” กระเป๋าหนังขัดเงา ที่บรรจุหนังสือเรียนอย่างเต็มที่ ถูกนำมาใช้เป็นอาวุธโจมตีหัวผมอย่างรุนแรงและแม้นยำ ส่วนเจ้าตัวคนฟาด
ผมได้ยินเหมือนเสียงหล่อนผิวปากแล้วเดินจากไปอย่างร่าเริง
ทิ้งผมไว้ตามลำพังอีกแล้ว ( ถ้าไม่รวม พวกชาวบ้านที่ชอบสอดรู้สอดเห็นที่ชะโงกหน้าออกมาดู แล้วก็บ่นว่า “ไอ้พวกไม่รับผิดชอบ” อีกตามเคย)
“ ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ดๆๆ” เสียงนาฬิกาข้อมือของผม บอกว่าได้เวลาเข้าแถวแล้ว
ตอนนี้ผมไม่มีเวลาที่จะมาคิดอะไรแล้ว
เพราะการที่ผมต้องนั่งรถเมลสามป้ายมันก็เพียงพอที่จะทำให้ผมโดน ทัณฑ์บน ได้
“ จิ้บหายแล้วตู” รถเมลเที่ยวสุดท้ายออกไปแล้ว
กว่าที่อีกคันจะมาก็ร่วมๆครึ่งชั่วโมง( ไม่รู้ว่ามันแวะขับเล่นวนรอบเมืองหรือไง) ผมได้แต่มองหารถอย่างร้อนรน ถ้าเรียก
แท็กซี่ มันคงจะเปลืองงบประมาณอย่างมาก แต่แล้วจู่ๆ รถ ฮอนด้า แจส สีบรอนฟ้า
ก็มาจอดเทียบทางเท้าหน้าผมพอดี กระจกรถค่อยไขลงเรื่อยๆ
“ นี่นาย ไปด้วยกันมั้ย” หล่อนอีกแล้ว ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องมาเจออีก
จะให้ผมเจ็บตัวเพราะหล่อนอีกสักกี่ที ถึงจะพอใจ
แต่มันก็คุ้มมากกว่าถ้าเทียบกับ ทัณฑ์บนแล้ว
“ เรื่องเมื่อวาน .” เสียงของหล่อนหายเงียบไปเฉยๆ ผมเองก็มั่นใจว่า
เธอต้องการขอโทษผมอย่างแน่นอน
“ เออ ไม่เป็นไรครับ เธอ” ผมกล่าวแบบสุภาพบุรุษ พร้อมกับแทรก
คำถามเพื่อจะได้รู้ชื่อของเธอด้วย
“ ทีหลังอย่างทำอย่างนั้นอีกนะ” เฮ่ย!! อะไรกันเนี่ย ขอโทษสักคำก็ไม่มี
แถมยังมาสั่งผมอีก ยังกับว่าผมเป็นฝ่ายผิดเต็มประดา ผมเลยได้แต่อึ้ง แล้ว
ผมก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรต่อ (แผลเก่ายังไม่หายเจ็บ) และ เช่นกัน
หล่อนก็ไม่ได้พูดอะไรด้วย คือ ว่าง่ายๆ เลยก็คือ
เราไม่ได้คุยกันจนถึงหน้าร.ร.ของผม ก่อนที่ผมจะลงจากรถ แล้วบอกขอบคุณ เธอหันมาทางผม แล้วก็แสดงสีหน้า โหดๆ พร้อมกับพูดว่า
“ จำไว้ให้ดีล่ะ ไม่งั้น นายตายแน่” ผมเองก็ไม่รู้ว่าเธอพูดจริงๆหรือว่าขู่( หน้าตาเอาจริงมากๆ) แต่ผมก็ได้แต่พยักหน้าแล้วก็ยิ้มรับแหยๆ(
ยิ้มเหมือนพวกวิกลจริต)
หลังจากที่ผมลงจากรถได้ผมก็รีบตรงไปยังตึกที่ผมเรียน ( ระยะทางจากหน้าประตูถึงตึก เกือบๆ 500เมตร เล่นเอาผมเกือบตาย)
โขคดีที่วันนี้ไม่ต้องเคารพธงชาติ แต่โชคร้ายที่คาบแรก ตรงกับ อ. แสงจันทร์ ( เป็นอาจารย์ ที่เป็นที่ยำเกรง ( ปนหวาดกลัว)ของนักเรียนทั่วๆไปเพราะว่าแก เคร่งครัดกฎ อย่างมาก) ดูจากเวลาแล้ว ผมยังมาเร็วกว่านาทีเกือบๆ 5 นาที
ทันทีที่ผมถึงห้องเรียน ผมก็เลื่อนเปิดประตูทันที ภาพที่เห็นคือ
อาจารย์ผู้หญิงตัวเล็กๆ ใส่แว่นหนาๆ อายุมากแล้ว ยืนอยู่หน้าห้อง ที่บนกระดาน
เต็มไปด้วยสูตร เคมี
“ ขออณุญาติ เข้าห้องครับ” คนทั้งห้องหันมามองผมเป็นสายตาเดียวกัน
ราวกับว่าผมคือ ผู้กล้าที่กล้าต่อกรกับอาจารย์ท่านนี้ ( โดยปกติไม่เคยมีใครมาช้าเกินกว่าที่อาจารย์ จะเขียนอักษรตัวแรกบนกระดาน)
แกหันมามองผมอย่างยิ้มๆ ผมค่อยๆก้มตัวผ่านไปยังโต๊ะ
ที่อยู่ถัดไปจากที่ที่แกยืน แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ก้าวผ่านเขตชายแดน
“ กึก!!”จู่ๆ แกก็ยื่นขามาขวางทางผม ผมหยุดทันที
พร้อมกับมองอาจารย์อย่างยิ้มๆ
“ ผมตกรถครับ ” ผมพยายามแสร้งสีหน้าให้ดู ใสซื่อมากที่สุด
“อืม อย่างนั้นหรอ” แกพยักหน้าช้าๆ เหมือนว่าจะเชื่อที่ผมพูด( แต่คงไม่)
“ แฮะ แฮะ ครับ มันเป็นอย่างนั้นครับ “ ผมกล่าวอย่างนิ่มนวลที่สุด
“งั้น พักกลางวันนี้ช่วยไปอธิบายให้ครูฝังด้วยนะ” อาจารย์ กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน ผมก็ได้แต่รับปากเท่านั้น
ทันทีที่หมดคาบ นักเรียนทั้งห้อง ต่างโห่ร้องยินดี พร้อมกับ
เข้ามาจับมือกับผม ราวกับว่าผมเป็นฮีโร่ โอลิมปิก
“ นายแน่มากแพน นายแน่มากๆๆ” เพื่อนผมต่างบอกเป็นเสียงเดียวกัน
“เออ ชั้นมันแน่ ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อนนั้น ” ผมได้แต่ยอมรับอย่างแค้นใจ
พร้อมกับเล่าเรื่อง ที่ผมไปเจอให้พวกมันฟัง เชื่อมั้ยครับ
มันขำกลิ้งกันแทบตาย( อยากชกมันเสียจริงๆ)
บางทีความทุกข์ของใครสักคนอาจจะเป็นความสุขของใครหลายๆคน(หรือทั้งห้อง)
กลางวันนั้นหลังจากที่ ผมไปหาอาจารย์
เพื่อรับฝังการสวดเสร็จผมก็กลับมาหาเพื่อนๆที่ยืนรอผมี่หน้าห้องพักครู ( มันยิ้มต้อนรับ + ยิ้มเย้ย)
“ เราไม่เข้าใจว่ะ เราเข้าก่อนอาจารย์แท้ แต่ทำไมถึง ”
นี่ยังเป็นข้อสงใสที่ผมเองก็ยังงงไม่หาย
“ อาจเป็นเพราะว่า นาฬิกาของนายไม่ตรงมั้ง?” ดร หันมาเสริม
“ตอนนี้ 12.55 น. แล้ว ของนายกี่โมง” พัตร หันมาถามผม
“ เฮ่ย! ของชั้นยัง12.25 น.อยู่เลย นาฬิกาของชั้นต้องเจ๋งแน่ๆ” ผมบอกอย่างอารมณ์เสีย
“ เปล่าหรอก เมื่อวานนายจำไม่ได้หรอว่าเราเล่นอะไรกัน” เมฆ บอกผม แต่ผมก็ยังคิดไม่ออก
“ TIME STOP!” ทุกคนพูดพร้อมกัน ผมจึงจำได้ว่า เมื่อวานนี้ เราเล่นเป็น
ขบวนการ TIME RANGER เล่นในฉากที่ สัตว์ประหลาดโดนรุมตื้บ
(อันที่จริงพวกเราก็ยังคงดูการ์ตูนกันอยู่ทุกคน แล้วก็ยังเล่นเป็นเด็กๆด้วย)
“ เออ มิน่าล่ะ มาตอนเช้าเราเลยโดนเล่นงานเต็มที่” ผมพูดอย่างเซ็งเต็มประดา
“ ตอนแรกชั้นคิดว่า ตอนที่ อาจารย์ว่านาย นายจะใช่ท่าไม้ตาย TIME STOP
จัดการเสียอีก ” เมฆพูดด้วยท่าทีจริงจัง พร้อมกับทำท่าไม้ตายประกอบ ( ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้อาจารย์ มาได้ยินตอนที่มันพูดเสียเหลือเกิน)
“ เออ เอาไว้เที่ยวหน้า” ผมได้แต่เอื่อมระอากับเพื่อนๆของผมเสียเหลือเกิน
แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ยังต้องพึ่งพวกมันอีกตามเคย( ก็เรื่องเดิมๆนั้นแหละ)
วันนี้ผมวานให้เพื่อนช่วยกลับบ้านเป็นเพื่อนหน่อย
เพราะว่าผมกลัวว่าจะต้องเจอหล่อนอีก (ผมโดนไปสองทีก็ปานตายแล้ว ขืนมีครั้งต่อไป ผมได้เป็นโรคปนะสาทแน่ๆ)แต่ เพื่อน
(กัลยามิตรที่แสนประเสริฐ) ทั้งหลายก็ยังปลีกตัวจาก
ผมไปหาเด็กๆของมันกันได้อย่างลงคอ
สุดท้ายผมก็เลยต้องเดินกลับบ้านคนเดียวเหมือนเดิม
แต่ผมก็ปรับเปลี่ยนกลวิธีการเดินทางของผมเล็กน้อย
(อันที่จริงผมยอมเดินไปรอล่วงหน้าหนึ่งป้าย) พอรถผ่านผมก็ขึ้นอย่างสบายใจ                                                                            (ได้ไม่นาน) ก็ดันไปเจอไอ้บึ้ก คุณเอ๊ย!! โชคดีที่มันจำผมไม่ได้
(สงสัยความจำเสื่อม) แต่ก็ดีครับ ผมชอบ ก่อนที่ผมจะเดินเข้าซอยก็มองซ้าย และ
ขวาก่อน แต่ก็ไม่เห็นวี่แวว ของเพชรฆาตน่ารักเลยแม้แต่เงา
ผมจึงเริ่มไม่มั่นใจว่า ผมควรจะดีใจหรือไม่(ความจริงไม่น่าคิดนาน)
ผมเดินไปอย่างระมัดระวังมากที่สุด (ราวกับว่าตัวเองเป็นสายลับ)
ทุกฝีก้าวของผมมีความหมาย ( ต่อชีวิตของผมอย่างยิ่ง)
ไม่ถึงชั่วอึดใจผมก็ผ่านเข้ามาทางหัวมุมปากซอย ( ที่ที่เจอหล่อนเมื่อเช้า)ได้อย่างปลอดภัยเสียที แต่! เนื่องจากมันเป็นที่โล่ง
ผมจึงต้องรีบวิ่งพร้อมกับระวังหลังไปด้วย ( อันที่จริง ขาวิ่งไปข้างหน้า แต่ตามองข้างหลัง)
“ ไม่มี ไม่มีหล่อน โอ ดีใจเสียจริง” ผมยิ้มแก้มปริก่อนที่จะหันไปมองข้างหน้า
“ ผัวะ!!” เสียงนั้น เสียงที่ผมคุ้นเคยเสียเหลือเกิน มันคือ อะไรกันแน่ที่ผมชน
( หรือ ว่ามันพุ่งเข้ามาชนหว่า?) ผมล้มลงทันที ได้แต่เอามือประคบเบ้า ตา
สายตาก็มองขึ้นไปเรื่อยๆ ว่าเป็นเสา หรือว่า
“ ไง!” หล่อน หล่อนอีกแล้ว เที่ยวนี้มาดักรอผม หน้ารั่วบ้าน มาทำไม
คำถามมากมาย ลอยวนเวียนเต็มหัวของผม
“ เออ เรื่องเมื่อเช้า กับ เออ เรื่องเมื่อวานนี้เรา ขอโทษนะ” อะไรว่ะ?
เมื่อเช้า ยังมาโทษผมอยู่เลย ทำไมจู่ๆ เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เธอไม่กล้าที่จะหันมามองหน้าของผม (หรือไม่อยากดูผลงานของตัวเองก็ไม่รู้)
ผมสังเกตทันที โดยละเอียด วันนี้ ที่ตาของเธอไม่มีรอยน้ำตา
แต่ก็ยังไม่มีรอยยิ้ม เธอก้มหน้ามองดูพื้นดิน ผมสังเกตชัดเจนเลยว่า
เธอออกจะดูเหมือนลูกครึ่ง ไทย-จีน ( หรือไม่ก็ครึ่งนางฟ้า-เทพธิดา)
ผิวเธอขาวมาก ( ขาวจั๊วะ)
“ กร๊อบบ!!! “ เธอหักข้อมือและนิ้ว เสียงดัง จนผมเสียวสันหลังวาบ
“ นี่! นายไม่เป็นไรใช่มั้ย “ เธอยื่นมือมาเหมือนว่า จะฉุดผมลุกขึ้นมาจากพื้น
ผมกำลังจะคว้ามือเธอ ( ฮึ..ฮึ..กำไร)
“ ผัวะ!!” เธอชกผมอีกหนึ่งหมัด “ นี่นายคิดจะแต๊ะอั๋ง ชั้นหรอ” งงซิครับ ผม ส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“ นาย ชื่อ แพนใช่มั้ย “ เธอหันมาถามหลังจากเห็นว่าผมลึกขึ้นมาแล้ว
“ ใช่ครับ แล้วเธอล่ะ?” เธอแสดงสีหน้าโมโหอีกแล้ว “ อยากรู้ไปทำไม?” เธอหันมาตะคอกผม
“ ไม่ ไม่รู้ก็ได้ครับ เออ ว่าแต่เมื่อวานชกผมเรื่องอะไร?( ยังไม่ได้รวมวันนี้ 2 แล้วก็เมื่อ เช้า 1) น่าแปลกที่ผมถามแค่นี้เธอกลับ
หน้าแดง ( โมโห ) อย่างเห็นได้ชัด
“ เพราะ เพราะ ว่านายหน้าตาเหมือน ” ผมเองก็ไม่รู้สึกว่าอยากคาดคั้น
อะไรจากหล่อนมาก (หรือว่าเพราะกลัวก็ไม่รู้) จู่ๆ
เธอก็เดินจากไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ทิ้งผม ( แล้วก็ชาวบ้านเจ้าเดิม)ให้นั่งถกปัญหาเพียงลำพัง
จนผมเองก็เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่า ที่ผมเจอนั้น “ คือนางฟ้า หรือว่า
นางมาร(น่ารัก)กันแน่”
จริงหรือไม่ ใช่หรือมั่ว VS จริงหรือ ชัวร์ มั่วหรือไม่
เย็นวันนั้นทันทีที่ผมกลับถึงบ้าน ผมก็ถูกไตร่สวนทั้งเรื่อง รอยช้ำ ตรงแก้ม
แล้วก็เรื่องที่ไปทำใครเค้าท้อง
( ไม่รู้ว่าแม่ไปเชื่อได้ไง ทั้งๆที่ตอนแรกมั่นใจว่าลูกตัวเองผิดปกติทางเพศ) แต่
พอผมจะเริ่มเล่าเรื่องว่าถูกผู้หญิงชก แม่กลับบอกว่ามุขนี้ไม่ขำ( เออ! ผมเองก็ไม่ขำ) สุดท้ายแม่ก็หาว่าผมไปมีเรื่องชกต่อยอีกตามเคย
ตอนนี้ผมคิดว่าผมควรที่จะเชื่อคำแนะนำของ พัตร ที่ว่าควรเรียนศิลปะป้องกันตัวจากมันเสียก่อน คืนนั้น ผมได้แต่ตั้งคำถามมากมายว่า ผมเคยเจอหล่อนที่ไหนรึเปล่า เพราะไม่งั้นหล่อนคงไม่ตีโพยตีพาย ว่าผมทิ้งหล่อน แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้( ความจำคงไม่ดีแล้ว) อีกคำถามคือ ผมมั่นใจว่าหล่อนต้องอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับผมแน่ๆ นั้นมันยิ่งทำให้ผมระแวงมากยิ่งขึ้น
ตอนเช้า วันนี้เป็นวันที่ผมตื่นสาย(สงสัยจะเมาหมัด) ทำให้กิจวัตร ประจำวันของผมเป็นไปอย่าเร่งรีบ
ทันทีที่คว้าเป้ได้ผมก็รีบวิ่งออกจากบ้านโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ส่วนอาหารเช้าก็คือขนมปังสองแผ่นที่ผมคาบไว้ที่ปาก
แต่ไม่ทันที่จะวิ่งพ้นปากซอย หูก็ดันไปได้ยินเสียงหนึ่งเข้า
“ นี่นาย ” ผมหยุดวิ่งทันที พร้อมกับหันไปมอง โอ้ นางฟ้าหมัดหนักยืนเท้าเอว
ตรงมุมกำแพงหน้าปากซอย เธอสวมชุดน.ร. ใบหน้ายังมีสีหน้าของความแค้น( แค้นใครก็ไม่รู้) เจือปนอยู่
“ นายใช่มั้ยที่ถูกเราชกไปเมื่อวาน?” ผมไม่รู้ว่าหลอนสำนึกตัว
หรือว่าติดใจที่ได้ต่อย และอยากจะต่อยเพิ่ม
“ ชะ ใช่ ครับ”ผมตอบอย่างระแวง
“ ชื่อ อะไร” หล่อนยังคงแสดงสีหน้าเหมือนเดิม
“ แพนครับ” หล่อนก้มหน้าลง เหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นก็เดินมาใกล้ผม
ทำให้ผมสังเกต จากกระเป๋าน.ร.สีดำขัดเงา โรงเรียนนี้ อยู่ใกล้โรงเรียนผมนี่เอง
“ อืม ..” หล่อนทำท่าสำรวจผม ผมก้มหน้าทันที
ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะสัญชาติญาณ หรือ ว่าสัมผัสที่หก
เพราะผมรู้สึกเหมือนว่า ผมไม่ปลอดภัย
“ ผัวะ!!!!!!” กระเป๋าหนังขัดเงา ที่บรรจุหนังสือเรียนอย่างเต็มที่ ถูกนำมาใช้เป็นอาวุธโจมตีหัวผมอย่างรุนแรงและแม้นยำ ส่วนเจ้าตัวคนฟาด
ผมได้ยินเหมือนเสียงหล่อนผิวปากแล้วเดินจากไปอย่างร่าเริง
ทิ้งผมไว้ตามลำพังอีกแล้ว ( ถ้าไม่รวม พวกชาวบ้านที่ชอบสอดรู้สอดเห็นที่ชะโงกหน้าออกมาดู แล้วก็บ่นว่า “ไอ้พวกไม่รับผิดชอบ” อีกตามเคย)
“ ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ดๆๆ” เสียงนาฬิกาข้อมือของผม บอกว่าได้เวลาเข้าแถวแล้ว
ตอนนี้ผมไม่มีเวลาที่จะมาคิดอะไรแล้ว
เพราะการที่ผมต้องนั่งรถเมลสามป้ายมันก็เพียงพอที่จะทำให้ผมโดน ทัณฑ์บน ได้
“ จิ้บหายแล้วตู” รถเมลเที่ยวสุดท้ายออกไปแล้ว
กว่าที่อีกคันจะมาก็ร่วมๆครึ่งชั่วโมง( ไม่รู้ว่ามันแวะขับเล่นวนรอบเมืองหรือไง) ผมได้แต่มองหารถอย่างร้อนรน ถ้าเรียก
แท็กซี่ มันคงจะเปลืองงบประมาณอย่างมาก แต่แล้วจู่ๆ รถ ฮอนด้า แจส สีบรอนฟ้า
ก็มาจอดเทียบทางเท้าหน้าผมพอดี กระจกรถค่อยไขลงเรื่อยๆ
“ นี่นาย ไปด้วยกันมั้ย” หล่อนอีกแล้ว ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องมาเจออีก
จะให้ผมเจ็บตัวเพราะหล่อนอีกสักกี่ที ถึงจะพอใจ
แต่มันก็คุ้มมากกว่าถ้าเทียบกับ ทัณฑ์บนแล้ว
“ เรื่องเมื่อวาน .” เสียงของหล่อนหายเงียบไปเฉยๆ ผมเองก็มั่นใจว่า
เธอต้องการขอโทษผมอย่างแน่นอน
“ เออ ไม่เป็นไรครับ เธอ” ผมกล่าวแบบสุภาพบุรุษ พร้อมกับแทรก
คำถามเพื่อจะได้รู้ชื่อของเธอด้วย
“ ทีหลังอย่างทำอย่างนั้นอีกนะ” เฮ่ย!! อะไรกันเนี่ย ขอโทษสักคำก็ไม่มี
แถมยังมาสั่งผมอีก ยังกับว่าผมเป็นฝ่ายผิดเต็มประดา ผมเลยได้แต่อึ้ง แล้ว
ผมก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรต่อ (แผลเก่ายังไม่หายเจ็บ) และ เช่นกัน
หล่อนก็ไม่ได้พูดอะไรด้วย คือ ว่าง่ายๆ เลยก็คือ
เราไม่ได้คุยกันจนถึงหน้าร.ร.ของผม ก่อนที่ผมจะลงจากรถ แล้วบอกขอบคุณ เธอหันมาทางผม แล้วก็แสดงสีหน้า โหดๆ พร้อมกับพูดว่า
“ จำไว้ให้ดีล่ะ ไม่งั้น นายตายแน่” ผมเองก็ไม่รู้ว่าเธอพูดจริงๆหรือว่าขู่( หน้าตาเอาจริงมากๆ) แต่ผมก็ได้แต่พยักหน้าแล้วก็ยิ้มรับแหยๆ(
ยิ้มเหมือนพวกวิกลจริต)
หลังจากที่ผมลงจากรถได้ผมก็รีบตรงไปยังตึกที่ผมเรียน ( ระยะทางจากหน้าประตูถึงตึก เกือบๆ 500เมตร เล่นเอาผมเกือบตาย)
โขคดีที่วันนี้ไม่ต้องเคารพธงชาติ แต่โชคร้ายที่คาบแรก ตรงกับ อ. แสงจันทร์ ( เป็นอาจารย์ ที่เป็นที่ยำเกรง ( ปนหวาดกลัว)ของนักเรียนทั่วๆไปเพราะว่าแก เคร่งครัดกฎ อย่างมาก) ดูจากเวลาแล้ว ผมยังมาเร็วกว่านาทีเกือบๆ 5 นาที
ทันทีที่ผมถึงห้องเรียน ผมก็เลื่อนเปิดประตูทันที ภาพที่เห็นคือ
อาจารย์ผู้หญิงตัวเล็กๆ ใส่แว่นหนาๆ อายุมากแล้ว ยืนอยู่หน้าห้อง ที่บนกระดาน
เต็มไปด้วยสูตร เคมี
“ ขออณุญาติ เข้าห้องครับ” คนทั้งห้องหันมามองผมเป็นสายตาเดียวกัน
ราวกับว่าผมคือ ผู้กล้าที่กล้าต่อกรกับอาจารย์ท่านนี้ ( โดยปกติไม่เคยมีใครมาช้าเกินกว่าที่อาจารย์ จะเขียนอักษรตัวแรกบนกระดาน)
แกหันมามองผมอย่างยิ้มๆ ผมค่อยๆก้มตัวผ่านไปยังโต๊ะ
ที่อยู่ถัดไปจากที่ที่แกยืน แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ก้าวผ่านเขตชายแดน
“ กึก!!”จู่ๆ แกก็ยื่นขามาขวางทางผม ผมหยุดทันที
พร้อมกับมองอาจารย์อย่างยิ้มๆ
“ ผมตกรถครับ ” ผมพยายามแสร้งสีหน้าให้ดู ใสซื่อมากที่สุด
“อืม อย่างนั้นหรอ” แกพยักหน้าช้าๆ เหมือนว่าจะเชื่อที่ผมพูด( แต่คงไม่)
“ แฮะ แฮะ ครับ มันเป็นอย่างนั้นครับ “ ผมกล่าวอย่างนิ่มนวลที่สุด
“งั้น พักกลางวันนี้ช่วยไปอธิบายให้ครูฝังด้วยนะ” อาจารย์ กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน ผมก็ได้แต่รับปากเท่านั้น
ทันทีที่หมดคาบ นักเรียนทั้งห้อง ต่างโห่ร้องยินดี พร้อมกับ
เข้ามาจับมือกับผม ราวกับว่าผมเป็นฮีโร่ โอลิมปิก
“ นายแน่มากแพน นายแน่มากๆๆ” เพื่อนผมต่างบอกเป็นเสียงเดียวกัน
“เออ ชั้นมันแน่ ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อนนั้น ” ผมได้แต่ยอมรับอย่างแค้นใจ
พร้อมกับเล่าเรื่อง ที่ผมไปเจอให้พวกมันฟัง เชื่อมั้ยครับ
มันขำกลิ้งกันแทบตาย( อยากชกมันเสียจริงๆ)
บางทีความทุกข์ของใครสักคนอาจจะเป็นความสุขของใครหลายๆคน(หรือทั้งห้อง)
กลางวันนั้นหลังจากที่ ผมไปหาอาจารย์
เพื่อรับฝังการสวดเสร็จผมก็กลับมาหาเพื่อนๆที่ยืนรอผมี่หน้าห้องพักครู ( มันยิ้มต้อนรับ + ยิ้มเย้ย)
“ เราไม่เข้าใจว่ะ เราเข้าก่อนอาจารย์แท้ แต่ทำไมถึง ”
นี่ยังเป็นข้อสงใสที่ผมเองก็ยังงงไม่หาย
“ อาจเป็นเพราะว่า นาฬิกาของนายไม่ตรงมั้ง?” ดร หันมาเสริม
“ตอนนี้ 12.55 น. แล้ว ของนายกี่โมง” พัตร หันมาถามผม
“ เฮ่ย! ของชั้นยัง12.25 น.อยู่เลย นาฬิกาของชั้นต้องเจ๋งแน่ๆ” ผมบอกอย่างอารมณ์เสีย
“ เปล่าหรอก เมื่อวานนายจำไม่ได้หรอว่าเราเล่นอะไรกัน” เมฆ บอกผม แต่ผมก็ยังคิดไม่ออก
“ TIME STOP!” ทุกคนพูดพร้อมกัน ผมจึงจำได้ว่า เมื่อวานนี้ เราเล่นเป็น
ขบวนการ TIME RANGER เล่นในฉากที่ สัตว์ประหลาดโดนรุมตื้บ
(อันที่จริงพวกเราก็ยังคงดูการ์ตูนกันอยู่ทุกคน แล้วก็ยังเล่นเป็นเด็กๆด้วย)
“ เออ มิน่าล่ะ มาตอนเช้าเราเลยโดนเล่นงานเต็มที่” ผมพูดอย่างเซ็งเต็มประดา
“ ตอนแรกชั้นคิดว่า ตอนที่ อาจารย์ว่านาย นายจะใช่ท่าไม้ตาย TIME STOP
จัดการเสียอีก ” เมฆพูดด้วยท่าทีจริงจัง พร้อมกับทำท่าไม้ตายประกอบ ( ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้อาจารย์ มาได้ยินตอนที่มันพูดเสียเหลือเกิน)
“ เออ เอาไว้เที่ยวหน้า” ผมได้แต่เอื่อมระอากับเพื่อนๆของผมเสียเหลือเกิน
แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ยังต้องพึ่งพวกมันอีกตามเคย( ก็เรื่องเดิมๆนั้นแหละ)
วันนี้ผมวานให้เพื่อนช่วยกลับบ้านเป็นเพื่อนหน่อย
เพราะว่าผมกลัวว่าจะต้องเจอหล่อนอีก (ผมโดนไปสองทีก็ปานตายแล้ว ขืนมีครั้งต่อไป ผมได้เป็นโรคปนะสาทแน่ๆ)แต่ เพื่อน
(กัลยามิตรที่แสนประเสริฐ) ทั้งหลายก็ยังปลีกตัวจาก
ผมไปหาเด็กๆของมันกันได้อย่างลงคอ
สุดท้ายผมก็เลยต้องเดินกลับบ้านคนเดียวเหมือนเดิม
แต่ผมก็ปรับเปลี่ยนกลวิธีการเดินทางของผมเล็กน้อย
(อันที่จริงผมยอมเดินไปรอล่วงหน้าหนึ่งป้าย) พอรถผ่านผมก็ขึ้นอย่างสบายใจ                                                                            (ได้ไม่นาน) ก็ดันไปเจอไอ้บึ้ก คุณเอ๊ย!! โชคดีที่มันจำผมไม่ได้
(สงสัยความจำเสื่อม) แต่ก็ดีครับ ผมชอบ ก่อนที่ผมจะเดินเข้าซอยก็มองซ้าย และ
ขวาก่อน แต่ก็ไม่เห็นวี่แวว ของเพชรฆาตน่ารักเลยแม้แต่เงา
ผมจึงเริ่มไม่มั่นใจว่า ผมควรจะดีใจหรือไม่(ความจริงไม่น่าคิดนาน)
ผมเดินไปอย่างระมัดระวังมากที่สุด (ราวกับว่าตัวเองเป็นสายลับ)
ทุกฝีก้าวของผมมีความหมาย ( ต่อชีวิตของผมอย่างยิ่ง)
ไม่ถึงชั่วอึดใจผมก็ผ่านเข้ามาทางหัวมุมปากซอย ( ที่ที่เจอหล่อนเมื่อเช้า)ได้อย่างปลอดภัยเสียที แต่! เนื่องจากมันเป็นที่โล่ง
ผมจึงต้องรีบวิ่งพร้อมกับระวังหลังไปด้วย ( อันที่จริง ขาวิ่งไปข้างหน้า แต่ตามองข้างหลัง)
“ ไม่มี ไม่มีหล่อน โอ ดีใจเสียจริง” ผมยิ้มแก้มปริก่อนที่จะหันไปมองข้างหน้า
“ ผัวะ!!” เสียงนั้น เสียงที่ผมคุ้นเคยเสียเหลือเกิน มันคือ อะไรกันแน่ที่ผมชน
( หรือ ว่ามันพุ่งเข้ามาชนหว่า?) ผมล้มลงทันที ได้แต่เอามือประคบเบ้า ตา
สายตาก็มองขึ้นไปเรื่อยๆ ว่าเป็นเสา หรือว่า
“ ไง!” หล่อน หล่อนอีกแล้ว เที่ยวนี้มาดักรอผม หน้ารั่วบ้าน มาทำไม
คำถามมากมาย ลอยวนเวียนเต็มหัวของผม
“ เออ เรื่องเมื่อเช้า กับ เออ เรื่องเมื่อวานนี้เรา ขอโทษนะ” อะไรว่ะ?
เมื่อเช้า ยังมาโทษผมอยู่เลย ทำไมจู่ๆ เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เธอไม่กล้าที่จะหันมามองหน้าของผม (หรือไม่อยากดูผลงานของตัวเองก็ไม่รู้)
ผมสังเกตทันที โดยละเอียด วันนี้ ที่ตาของเธอไม่มีรอยน้ำตา
แต่ก็ยังไม่มีรอยยิ้ม เธอก้มหน้ามองดูพื้นดิน ผมสังเกตชัดเจนเลยว่า
เธอออกจะดูเหมือนลูกครึ่ง ไทย-จีน ( หรือไม่ก็ครึ่งนางฟ้า-เทพธิดา)
ผิวเธอขาวมาก ( ขาวจั๊วะ)
“ กร๊อบบ!!! “ เธอหักข้อมือและนิ้ว เสียงดัง จนผมเสียวสันหลังวาบ
“ นี่! นายไม่เป็นไรใช่มั้ย “ เธอยื่นมือมาเหมือนว่า จะฉุดผมลุกขึ้นมาจากพื้น
ผมกำลังจะคว้ามือเธอ ( ฮึ..ฮึ..กำไร)
“ ผัวะ!!” เธอชกผมอีกหนึ่งหมัด “ นี่นายคิดจะแต๊ะอั๋ง ชั้นหรอ” งงซิครับ ผม ส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“ นาย ชื่อ แพนใช่มั้ย “ เธอหันมาถามหลังจากเห็นว่าผมลึกขึ้นมาแล้ว
“ ใช่ครับ แล้วเธอล่ะ?” เธอแสดงสีหน้าโมโหอีกแล้ว “ อยากรู้ไปทำไม?” เธอหันมาตะคอกผม
“ ไม่ ไม่รู้ก็ได้ครับ เออ ว่าแต่เมื่อวานชกผมเรื่องอะไร?( ยังไม่ได้รวมวันนี้ 2 แล้วก็เมื่อ เช้า 1) น่าแปลกที่ผมถามแค่นี้เธอกลับ
หน้าแดง ( โมโห ) อย่างเห็นได้ชัด
“ เพราะ เพราะ ว่านายหน้าตาเหมือน ” ผมเองก็ไม่รู้สึกว่าอยากคาดคั้น
อะไรจากหล่อนมาก (หรือว่าเพราะกลัวก็ไม่รู้) จู่ๆ
เธอก็เดินจากไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ทิ้งผม ( แล้วก็ชาวบ้านเจ้าเดิม)ให้นั่งถกปัญหาเพียงลำพัง
จนผมเองก็เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่า ที่ผมเจอนั้น “ คือนางฟ้า หรือว่า
นางมาร(น่ารัก)กันแน่”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น