ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : \"การทักทาย\"
                                                                   
        เช้าวันนั้น ผมรีบไปโรงเรียนด้วยท่าทางที่สดใส ร่าเริง หลังจากที่ไปพบ เพื่อนๆของผม ผมก็เริ่มเล่าเรื่องราวให้ฟัง( ตัดช่วงที่เจอไอ้เด็กเปรตออกไป)  เพื่อนทั้งหลายจึงต่างช่วยกันลงความเห็น
“ เอา อย่างนี้แพน เดี๋ยวชั้นจะสอง เทคนิคการต่อสู้ประชิดตัว นายจะได้เอาไว้ใช่ป้องกันตัวได้” ณ พัตรหันมาบอกผม พร้อมกับตั้งท่า ราวกับว่าจะลองวิชากับผม
“เปล่า ประโยชน์ น่า นายก็รู้ดีว่าอย่างแพน ยังไงๆ มันก็แพ้อยู่ แล้ว ชั้นว่าเราต้องเปลี่ยนคู่ต้อสู้เป็นสาวคนนั้น” พาดร แสดงความคิดเห็นด้วยชั้น เชิงที่เหนือกว่า
“ นายจะบ้าหรอ จะให้ชั้นไป ตื้บหล่อนหล่อ ชั้นทำไม่ได้หรอก” ผมรีบทักท้วงทันที
“นายนั้นแหละที่บ้า ชั้นจะให้นายสู้ด้วยคารมต่างหากเล่า  สาวๆส่วนมากมักแพ้คารม เดี๋ยวชั้นจะสอนให้นายเองเพื่อน รับรองผลด้วยนะเฟ้ย” พาดรยิ้มกริ่มอย่างภูมิใจ 
“ ชั้นไม่อยากที่จะคัดค้านสิ่งที่พวกนายพูดหรอกนะ แต่นั้นมันไม่ใช่ประเด็น” จู่ๆ ผาเมฆ ก็พูดขึ้น ทุกคนหันไปมองที่มัน
“ งั้น นายจะบอกชั้นว่า ชั้นไม่มีทางที่จะใช่ทั้งกำลัง และคารมได้เลยหรือไง?” ผมถามด้วยท่าทางที่ท้อลงไปมากกว่าเดิม
“ เปล่า นายไม่มีพื้นฐานต่างหาก”
“ พื้นฐาน หรอ”ทุกคนแทบจะกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน พร้อมกับมองมาที่ผม
“ แน่นอน  แพน เพราะว่านายยังไม่เคย มีแฟนมาก่อน ด้วยเหตุนี้ นายจึงมีความรู้แต่ทางด้าน ภาคทฤษฎีเท่านั้น  ด้วยเหตุนี้นายจึงอาจจะพบกับความล้มเหลวมากกว่าครึ่ง”
“ แล้วไม่มีทางแก้เลยหรอ” ผมถามเพราะ ถ้าให้ผมมาหัดเอาตอนนี้คงไม่ทันแน่ๆ
“ มี  นายต้องหาดูเทคนิคชั้นสูง จากปรามจาร จากนั้นนายก็คัดลอก และ ดัดแปลงให้เป็นเทคนิคสุดยอดสำหรับนายโดย เฉพาะ”  สีหน้าของผมเปล่งประการด้วยไฟแห่งความหวังที่ลุกโชน
“ แต่ ใครล่ะที่จะเป็นคนมาสอนชั้นล่ะ” เพื่อนๆแต่ละคนของผมกลับยิ้มร่า พร้อมกับกอดคอผม
“  เรื่องนี้ยกให้เป็น หน้าที่ของพวกเราเอง เดี๋ยวเราจะติวนายอย่างสุดความสามารถ “ ดร หันมายิ้มให้ผมทันทีที่พูดจบ
“ นายก็แค่คอยแอบดูพวกเราใช่กลยุทธ์ ก็แล้วกัน “ พัตรหันมายิ้มกริ่ม
“ งั้น เอาอย่างนี้ พักกลางวันนี้ นายสะกดลอยตามชั้นไป ส่วนพรุ่งนี้ก็ ดร แล้วก็ พัตร ตามลำดับแล้วกัน” ทันทีที่เมฆแบ่งคิวเสร็จผมก็เริ่มลงมือตามคำแนะนำทันที
        เวลา 12.05 น.
เมฆไปรอ เด็กของมันที่ข้างอาคาร โดยมีผมซุ่มอยู่ทาง พุ่มไม้ด้านข้าง  รอเวลาที่โอกาส ของการศึกษายุทธวิธี การจีบสาวจะเริ่ม  และ แล้วเหยื่อก็มา
“ เฮ่ย! “ ผมได้แต่อุทานอย่างเงียบๆ จะไม่ให้งงได้อย่างไรครับ ก็น้องคนนี้กับคนเมื่อวานนั้นเป็นคนละคนกัน 
“ แพน แกได้ยินที่ชั้นพูดใช่มั้ย”  เสียงดังมาจากสมอลทอค ที่เสียบคาหูผมทนโท่
“ เออ ได้ยินแล้ว แต่ว่าเมื่อวานไม่ใช่คนนี้ไม่ใช่หรอ”
“ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน นี้เค้าเรียกว่า กลวิธี การสับราง เดี๋ยวจะสอนให้วันหลัง ตอนนี้ติดต่อแค่นี้ก่อนนะ” ผมได้แต่ฟัง แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาจด ทุกคำพูดที่มันใช้
“ พี่ เมฆ เมื่อวานนี้ เพื่อนของนัท เห็นพี่ไปเดินกับใครก็ไม่รู้” ผมได้แต่ตั้งใจฟังว่ามันจะแก้ตัวอย่างไร
“ เห็นอย่างนั้นหรอ อืม  ใช่” ผมรู้สึกว่า มันโง่อย่างไงก็ไม่รู้ ที่ไปยอมรับอะไรง่ายๆ
“ แต่ เมื่อวานเพื่อนพี่ก็บอกเหมือนกันว่า เห็น นัทไปกับใครก็ไม่รู้” จู่ๆเมฆก็พูดขึ้นหน้าตาเฉย ทำเอาผมโมโหที่เพื่อนของตนเองไปว่า ผู้หญิงแบบนั้น จนผมเกือบจะด่ามันออกไปแล้ว
“ ไม่จริงนะค่ะ ถาม เพื่อนๆของนัทก็ได้ ถ้าพี่ไม่เชื่อ” สีหน้าของเมฆยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวต่อ อย่างนิ่มๆ
“ นัท นัท รู้สึกอย่างไงบ้างล่ะ เวลาที่ตัวเองพูดแล้วไม่มีใครเชื่อ? พี่ก็ไม่ได้รู้สึกต่างอะไรไปจากนัทเท่าใดนัก”
รู้สึกเหมือนว่า ทุกอย่างจะเงียบ ผมสังเกต เห็นตาของน้องเค้าเริ่มจะแดงๆ เหมือนว่าจะร้องไห้
“ นัท นัท ขอโทษ ค่ะ นัทไม่น่าระแวงพี่เมฆเลย”  ผมได้แต่งงเป็นไก่ตาแตก มันทำได้ไง
“ ไม่เป็นไรหรอกนะ มันเป็นเรื่องธรรมดา พี่สิควรจะดีใจที่มีคนมาใส่ใจรายละเอียดชีวิตของพี่ “ทั้งสองนิ่งอยู่เนิ่นนาน ผมก็ยังคงตั้งใจฟังอยู่
“ ไอ้เมฆ แกทำได้งายวะ” ผมได้แต่ตั้งคำถามในใจ มันหันมายิ้มให้ผมเล็กน้อย พร้อมกับชูนิ้วสองนิ้ว (เหมือนตอนที่เจมส์ เครื่องบินตก)    ข้อความการติดต่อที่เหลือผมไม่สามารถ ฟังต่อได้ เพราะมันหวาน แทบอ้วก  เย็นวันนั้นก่อนเลิกเรียน ผมเข้าไปถามไอ้เมฆ ว่าตกลงมันไปเดินกับคนอื่นจริงรึเปล่า มันรีบเอามือปิดปากผม จากนั้นก็มองหันซ้าย หัน ขวา ไปมาอย่างระแวงแล้วก็บอกว่า
  “ ก็ไอ้วันที่ชั้นขอโดดทำเวรไง  ที่เหลือนายไม่จำเป็นต้องรู้“ 
ในที่สุดเวลาที่ผมจะได้ ลองบทเรียนบทแรกก็มาถึง(จะว่าไปแล้วผมก็ไม่ได้ความรู้อะไรจากมันเลย) ผมยังคงทำตาม ขั้นตอนเดียวกับเมื่อวานไม่ผิดเพี้ยน ทั่งเหล่สาวๆ กิน เค้ก แล้วก็ไปรอตรงป้ายรถเมลล์  ผมเริ่มลนลานเมื่อยังไม่เจอนางในฝัน แต่ดันไปเจอไอ้บึ้ก ที่ท่าทางวันนี้ดูมันจะอารมณ์เสียเป็นพิเศษ  ดูเหมือนว่าวันนี้ฟ้าจะไม่เข้าข้างผมเอาเสียเลย เมื่อรถเมลล์สายที่ผมนั่ง มาเทียบที่ป้าย  ผมก็รีบจ้ำอ้าว ขึ้นรถทัน เพราะผมยังไม่อยากจะให้ไอ้บึ้กมันสังเกตเห็น ผมตรงเข้าไปนั่ง ในที่ที่น้องนางฟ้าคนนั้นนั่งเมื่อวาน สายตาก็มองไปข้างนอกอย่างเหม่อลอย ที่นั่งข้างผมยังไม่มีคนนั่ง ( ไม่มีนั้นแหละดีแล้ว) ผมจึงเอาเป้ไปวางไว้แทนที่ ทันทีที่กระเป๋ารถเมลล์ เก็บเงินเสร็จผมก็หลับทันที ( เผื่อว่าจะเจอเธอคนนั้นในฝัน)
ผมรู้สึกว่าผมหลับไปนานทีเดียวจนผมได้ยินเสียงๆหนึ่งเรียกผม
“  นี่นาย!! ”เสียงนั้นดูหวานแต่ห่วนๆ ทำให้ผมต้องรีบตื่นทันที ให้ตายสิครับ เธอ เธอ อีกแล้วหล่อนมองผมตาเขียว ผมเริ่มรู้สึกว่าหล่อนน่ากลัวอย่างไรก็ไม่รู้ (ผิดจากเมื่อวาน)
“ เป็นผู้ชายประสาอะไร เสียสละอะ รู้จักมั้ย ฮะ” น่ากลัวจิ้บ ผมได้แต่บ่นในใจอย่างเงียบๆ ขืนเอะอะสิ ได้ตายแน่
“ เออ ครับ ขอโทษครับ” ผมรีบย้ายเป้ เพื่อให้หล่อนย้ายก้นเข้ามา
“ นายน่ะ ลุกออกไปเลย ไม่เห็นรึไง “ผมได้แต่มองตามที่หล่อนชี้อย่างงงๆ ป้ายครับ มันคือป้าย “ โปรดเอื้อเฟื้อที่นั่งให้สตรี คนชรา และขาใหญ่”(ไอ้”ขาใหญ่” นี่ไม่รู้ว่าใครมันเขียน แต่ก็ต้องยอมให้มันครับ)
  “ ไม่เป็นไรจ๊ะหนู ป้ายืนไหว” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังของหล่อน
“ ไม่เป็นไรคะ คุณป้า” หล่อนหันไปยิ้มให้ป้า(น่าร้าก) แล้วก็หันมามองตาเขียวใส่ผม ( เปลี่ยนอารมณ์เร็วมาก)
ท้ายสุดผมก็ต้องลุก แล้วให้ป้านั่งด้านใน ส่วนนางฟ้า(ตอนนี้เริ่มไม่มั่นใจ)นั่งด้านนอกโดยมีผมยืนโตงเตง มือนึงถือเป้ ส่วนอีกมือนึกจับราวไว้
“ เอาเป้มา เดี๋ยวชั้นถือให้เดี๋ยวหาว่าชั้นแล้งน้ำใจ” ผมยังไม่ทันได้บอกอะไรหล่อนก็กระชากเป้ของผมไปจากมือเสียแล้ว แถมยังทำหน้าโหด( โหดสุดเท่าที่คนน่ารักจะทำได้)ใส่ผมอีก อย่างกับ ผมเพิ่งแย่งเป้จากหล่อนยังไงอย่างงั้น
“ ทำไม หวงมากหรอ” หล่อนหันมาถาม ด้วยสายตาที่ยังไม่แสดงความเป็นมิตร
“ปะ เปล่า ครับ”ผมได้แต่ยืนทำหน้าแหยๆ  ถึงตอนนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นหน้าหล่อนชัดๆ ใบหน้าที่หมดจด บวกกับความสวยใสที่เป็นธรรมชาติ ผมที่ไว้ยาวประมาณบ่า สีออกน้ำตาลเล็กน้อย ที่มาจากกรรมพันธ์ ไม่ได้มาจากการย้อม ภาพเหล่านี้มันยิ่งทำให้ผมเคลิ่ม แต่!
  “ เอ๊ะ!! รอยน้ำตา” ที่ขอบล่างของตาทั้งสองข้าง ปรากฏรอยแดงเล็กน้อยที่น่าจะมาจากการร้องให้ ผมเห็นอย่างนั้นจึงเงียบเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี( แค่โรคติดโอ่งไม่กำเริบก็บุญโขแล้ว)
“ ป้าค่ะ หนูขอตัวก่อนนะค่ะ” จู่ๆเธอก็บอกกับป้าคนนั้น ตอนนี้ผมเพิ่งรู้ตัวว่า รถถึงที่หมายที่ผมจะต้องลงแล้ว
“ เอ้า! รับไป” เธอส่งเป้ให้กับผม( คำว่า”โยนกระแทกใส่หน้า”ดูจะเหมาะกว่า) แล้วก็เดินลงไปจากรถ ผมรีบตามทันที( อย่างน้อยๆก็น่าจะเป็นทางเดียวกัน)  ทุกๆอย่างยังเหมือนเดิม ไอ้เด็กกลุ่มเดิมๆ ที่มองผมตาขวาง พร้อมกับกำการ์ด ในมือไว้แน่นราวกับว่าผมจะไปกระชากมันออกมาจากมือ(อันที่จริงเมื่อวานก็เพิ่งกระชากไปจริงๆ)
        ผมเดินตามเธอไป(จะว่าไปแล้วมันทางเดียวกันมากกว่า) เดินไปได้สักพัก ผู้คนก็เริ่มน้อยลง เพราะเข้าเขต บ้านจัดสรร บ้านผมอยู่เกือบท้ายๆหมู่บ้าน
“ นี่ จะเดินตามไปถึงไหน” เธอหันมาตะคอกใส่ผม
“ เปล่าครับ บ้านผมอยู่ในซอยนี้ “ เธอทำท่าไม่เชื่อ
“ ผมชื่อ แพน ครับ คุณชื่อ ” ผมยังไม่ทันที่จะกล่าวจบ ผมก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างพุ่งเข้าใส่แก้มซ้าย
“ ผัวะ!! .” หนึ่ง หมัดจากมือของเธอ มันแรงมากๆ ( แต่รู้สึกว่ามือนิ่มมากๆ)เล่นเอาผมกระเด็นไปหลายก้าวก่อนที่จะล้ม เธอเดินเข้ามาจิกคอเสื้อผมทำท่าจะชกซ้ำ ผมได้แต่หลับตาหยี
“ จำไว้นะ ผู้หญิงอย่างชั้นไม่ใช่ว่าจะรังแกกันง่ายๆ อยากเลิกก็เลิกไปเลย” เธอตะคอก แต่น้ำตากลับไหลนองเต็มหน้า  ผมได้แต่งง จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วเดินจากไปโดยทิ้งผมไว้ที่ตรงนั้น ทิ้งไว้กับพวกชาวบ้านที่เริ่มแห่มาดูเหตุการณ์เมื่อครู่( ได้ยินมีคนด่าผมว่าไอ้พวกไม่มีความรับผิดชอบทำท้องแล้วทิ้ง)  และนั้นก็ เป็นคำแนะนำตัวของผม และการทักทายของเธอ 
        เช้าวันนั้น ผมรีบไปโรงเรียนด้วยท่าทางที่สดใส ร่าเริง หลังจากที่ไปพบ เพื่อนๆของผม ผมก็เริ่มเล่าเรื่องราวให้ฟัง( ตัดช่วงที่เจอไอ้เด็กเปรตออกไป)  เพื่อนทั้งหลายจึงต่างช่วยกันลงความเห็น
“ เอา อย่างนี้แพน เดี๋ยวชั้นจะสอง เทคนิคการต่อสู้ประชิดตัว นายจะได้เอาไว้ใช่ป้องกันตัวได้” ณ พัตรหันมาบอกผม พร้อมกับตั้งท่า ราวกับว่าจะลองวิชากับผม
“เปล่า ประโยชน์ น่า นายก็รู้ดีว่าอย่างแพน ยังไงๆ มันก็แพ้อยู่ แล้ว ชั้นว่าเราต้องเปลี่ยนคู่ต้อสู้เป็นสาวคนนั้น” พาดร แสดงความคิดเห็นด้วยชั้น เชิงที่เหนือกว่า
“ นายจะบ้าหรอ จะให้ชั้นไป ตื้บหล่อนหล่อ ชั้นทำไม่ได้หรอก” ผมรีบทักท้วงทันที
“นายนั้นแหละที่บ้า ชั้นจะให้นายสู้ด้วยคารมต่างหากเล่า  สาวๆส่วนมากมักแพ้คารม เดี๋ยวชั้นจะสอนให้นายเองเพื่อน รับรองผลด้วยนะเฟ้ย” พาดรยิ้มกริ่มอย่างภูมิใจ 
“ ชั้นไม่อยากที่จะคัดค้านสิ่งที่พวกนายพูดหรอกนะ แต่นั้นมันไม่ใช่ประเด็น” จู่ๆ ผาเมฆ ก็พูดขึ้น ทุกคนหันไปมองที่มัน
“ งั้น นายจะบอกชั้นว่า ชั้นไม่มีทางที่จะใช่ทั้งกำลัง และคารมได้เลยหรือไง?” ผมถามด้วยท่าทางที่ท้อลงไปมากกว่าเดิม
“ เปล่า นายไม่มีพื้นฐานต่างหาก”
“ พื้นฐาน หรอ”ทุกคนแทบจะกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน พร้อมกับมองมาที่ผม
“ แน่นอน  แพน เพราะว่านายยังไม่เคย มีแฟนมาก่อน ด้วยเหตุนี้ นายจึงมีความรู้แต่ทางด้าน ภาคทฤษฎีเท่านั้น  ด้วยเหตุนี้นายจึงอาจจะพบกับความล้มเหลวมากกว่าครึ่ง”
“ แล้วไม่มีทางแก้เลยหรอ” ผมถามเพราะ ถ้าให้ผมมาหัดเอาตอนนี้คงไม่ทันแน่ๆ
“ มี  นายต้องหาดูเทคนิคชั้นสูง จากปรามจาร จากนั้นนายก็คัดลอก และ ดัดแปลงให้เป็นเทคนิคสุดยอดสำหรับนายโดย เฉพาะ”  สีหน้าของผมเปล่งประการด้วยไฟแห่งความหวังที่ลุกโชน
“ แต่ ใครล่ะที่จะเป็นคนมาสอนชั้นล่ะ” เพื่อนๆแต่ละคนของผมกลับยิ้มร่า พร้อมกับกอดคอผม
“  เรื่องนี้ยกให้เป็น หน้าที่ของพวกเราเอง เดี๋ยวเราจะติวนายอย่างสุดความสามารถ “ ดร หันมายิ้มให้ผมทันทีที่พูดจบ
“ นายก็แค่คอยแอบดูพวกเราใช่กลยุทธ์ ก็แล้วกัน “ พัตรหันมายิ้มกริ่ม
“ งั้น เอาอย่างนี้ พักกลางวันนี้ นายสะกดลอยตามชั้นไป ส่วนพรุ่งนี้ก็ ดร แล้วก็ พัตร ตามลำดับแล้วกัน” ทันทีที่เมฆแบ่งคิวเสร็จผมก็เริ่มลงมือตามคำแนะนำทันที
        เวลา 12.05 น.
เมฆไปรอ เด็กของมันที่ข้างอาคาร โดยมีผมซุ่มอยู่ทาง พุ่มไม้ด้านข้าง  รอเวลาที่โอกาส ของการศึกษายุทธวิธี การจีบสาวจะเริ่ม  และ แล้วเหยื่อก็มา
“ เฮ่ย! “ ผมได้แต่อุทานอย่างเงียบๆ จะไม่ให้งงได้อย่างไรครับ ก็น้องคนนี้กับคนเมื่อวานนั้นเป็นคนละคนกัน 
“ แพน แกได้ยินที่ชั้นพูดใช่มั้ย”  เสียงดังมาจากสมอลทอค ที่เสียบคาหูผมทนโท่
“ เออ ได้ยินแล้ว แต่ว่าเมื่อวานไม่ใช่คนนี้ไม่ใช่หรอ”
“ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน นี้เค้าเรียกว่า กลวิธี การสับราง เดี๋ยวจะสอนให้วันหลัง ตอนนี้ติดต่อแค่นี้ก่อนนะ” ผมได้แต่ฟัง แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาจด ทุกคำพูดที่มันใช้
“ พี่ เมฆ เมื่อวานนี้ เพื่อนของนัท เห็นพี่ไปเดินกับใครก็ไม่รู้” ผมได้แต่ตั้งใจฟังว่ามันจะแก้ตัวอย่างไร
“ เห็นอย่างนั้นหรอ อืม  ใช่” ผมรู้สึกว่า มันโง่อย่างไงก็ไม่รู้ ที่ไปยอมรับอะไรง่ายๆ
“ แต่ เมื่อวานเพื่อนพี่ก็บอกเหมือนกันว่า เห็น นัทไปกับใครก็ไม่รู้” จู่ๆเมฆก็พูดขึ้นหน้าตาเฉย ทำเอาผมโมโหที่เพื่อนของตนเองไปว่า ผู้หญิงแบบนั้น จนผมเกือบจะด่ามันออกไปแล้ว
“ ไม่จริงนะค่ะ ถาม เพื่อนๆของนัทก็ได้ ถ้าพี่ไม่เชื่อ” สีหน้าของเมฆยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวต่อ อย่างนิ่มๆ
“ นัท นัท รู้สึกอย่างไงบ้างล่ะ เวลาที่ตัวเองพูดแล้วไม่มีใครเชื่อ? พี่ก็ไม่ได้รู้สึกต่างอะไรไปจากนัทเท่าใดนัก”
รู้สึกเหมือนว่า ทุกอย่างจะเงียบ ผมสังเกต เห็นตาของน้องเค้าเริ่มจะแดงๆ เหมือนว่าจะร้องไห้
“ นัท นัท ขอโทษ ค่ะ นัทไม่น่าระแวงพี่เมฆเลย”  ผมได้แต่งงเป็นไก่ตาแตก มันทำได้ไง
“ ไม่เป็นไรหรอกนะ มันเป็นเรื่องธรรมดา พี่สิควรจะดีใจที่มีคนมาใส่ใจรายละเอียดชีวิตของพี่ “ทั้งสองนิ่งอยู่เนิ่นนาน ผมก็ยังคงตั้งใจฟังอยู่
“ ไอ้เมฆ แกทำได้งายวะ” ผมได้แต่ตั้งคำถามในใจ มันหันมายิ้มให้ผมเล็กน้อย พร้อมกับชูนิ้วสองนิ้ว (เหมือนตอนที่เจมส์ เครื่องบินตก)    ข้อความการติดต่อที่เหลือผมไม่สามารถ ฟังต่อได้ เพราะมันหวาน แทบอ้วก  เย็นวันนั้นก่อนเลิกเรียน ผมเข้าไปถามไอ้เมฆ ว่าตกลงมันไปเดินกับคนอื่นจริงรึเปล่า มันรีบเอามือปิดปากผม จากนั้นก็มองหันซ้าย หัน ขวา ไปมาอย่างระแวงแล้วก็บอกว่า
  “ ก็ไอ้วันที่ชั้นขอโดดทำเวรไง  ที่เหลือนายไม่จำเป็นต้องรู้“ 
ในที่สุดเวลาที่ผมจะได้ ลองบทเรียนบทแรกก็มาถึง(จะว่าไปแล้วผมก็ไม่ได้ความรู้อะไรจากมันเลย) ผมยังคงทำตาม ขั้นตอนเดียวกับเมื่อวานไม่ผิดเพี้ยน ทั่งเหล่สาวๆ กิน เค้ก แล้วก็ไปรอตรงป้ายรถเมลล์  ผมเริ่มลนลานเมื่อยังไม่เจอนางในฝัน แต่ดันไปเจอไอ้บึ้ก ที่ท่าทางวันนี้ดูมันจะอารมณ์เสียเป็นพิเศษ  ดูเหมือนว่าวันนี้ฟ้าจะไม่เข้าข้างผมเอาเสียเลย เมื่อรถเมลล์สายที่ผมนั่ง มาเทียบที่ป้าย  ผมก็รีบจ้ำอ้าว ขึ้นรถทัน เพราะผมยังไม่อยากจะให้ไอ้บึ้กมันสังเกตเห็น ผมตรงเข้าไปนั่ง ในที่ที่น้องนางฟ้าคนนั้นนั่งเมื่อวาน สายตาก็มองไปข้างนอกอย่างเหม่อลอย ที่นั่งข้างผมยังไม่มีคนนั่ง ( ไม่มีนั้นแหละดีแล้ว) ผมจึงเอาเป้ไปวางไว้แทนที่ ทันทีที่กระเป๋ารถเมลล์ เก็บเงินเสร็จผมก็หลับทันที ( เผื่อว่าจะเจอเธอคนนั้นในฝัน)
ผมรู้สึกว่าผมหลับไปนานทีเดียวจนผมได้ยินเสียงๆหนึ่งเรียกผม
“  นี่นาย!! ”เสียงนั้นดูหวานแต่ห่วนๆ ทำให้ผมต้องรีบตื่นทันที ให้ตายสิครับ เธอ เธอ อีกแล้วหล่อนมองผมตาเขียว ผมเริ่มรู้สึกว่าหล่อนน่ากลัวอย่างไรก็ไม่รู้ (ผิดจากเมื่อวาน)
“ เป็นผู้ชายประสาอะไร เสียสละอะ รู้จักมั้ย ฮะ” น่ากลัวจิ้บ ผมได้แต่บ่นในใจอย่างเงียบๆ ขืนเอะอะสิ ได้ตายแน่
“ เออ ครับ ขอโทษครับ” ผมรีบย้ายเป้ เพื่อให้หล่อนย้ายก้นเข้ามา
“ นายน่ะ ลุกออกไปเลย ไม่เห็นรึไง “ผมได้แต่มองตามที่หล่อนชี้อย่างงงๆ ป้ายครับ มันคือป้าย “ โปรดเอื้อเฟื้อที่นั่งให้สตรี คนชรา และขาใหญ่”(ไอ้”ขาใหญ่” นี่ไม่รู้ว่าใครมันเขียน แต่ก็ต้องยอมให้มันครับ)
  “ ไม่เป็นไรจ๊ะหนู ป้ายืนไหว” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังของหล่อน
“ ไม่เป็นไรคะ คุณป้า” หล่อนหันไปยิ้มให้ป้า(น่าร้าก) แล้วก็หันมามองตาเขียวใส่ผม ( เปลี่ยนอารมณ์เร็วมาก)
ท้ายสุดผมก็ต้องลุก แล้วให้ป้านั่งด้านใน ส่วนนางฟ้า(ตอนนี้เริ่มไม่มั่นใจ)นั่งด้านนอกโดยมีผมยืนโตงเตง มือนึงถือเป้ ส่วนอีกมือนึกจับราวไว้
“ เอาเป้มา เดี๋ยวชั้นถือให้เดี๋ยวหาว่าชั้นแล้งน้ำใจ” ผมยังไม่ทันได้บอกอะไรหล่อนก็กระชากเป้ของผมไปจากมือเสียแล้ว แถมยังทำหน้าโหด( โหดสุดเท่าที่คนน่ารักจะทำได้)ใส่ผมอีก อย่างกับ ผมเพิ่งแย่งเป้จากหล่อนยังไงอย่างงั้น
“ ทำไม หวงมากหรอ” หล่อนหันมาถาม ด้วยสายตาที่ยังไม่แสดงความเป็นมิตร
“ปะ เปล่า ครับ”ผมได้แต่ยืนทำหน้าแหยๆ  ถึงตอนนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นหน้าหล่อนชัดๆ ใบหน้าที่หมดจด บวกกับความสวยใสที่เป็นธรรมชาติ ผมที่ไว้ยาวประมาณบ่า สีออกน้ำตาลเล็กน้อย ที่มาจากกรรมพันธ์ ไม่ได้มาจากการย้อม ภาพเหล่านี้มันยิ่งทำให้ผมเคลิ่ม แต่!
  “ เอ๊ะ!! รอยน้ำตา” ที่ขอบล่างของตาทั้งสองข้าง ปรากฏรอยแดงเล็กน้อยที่น่าจะมาจากการร้องให้ ผมเห็นอย่างนั้นจึงเงียบเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี( แค่โรคติดโอ่งไม่กำเริบก็บุญโขแล้ว)
“ ป้าค่ะ หนูขอตัวก่อนนะค่ะ” จู่ๆเธอก็บอกกับป้าคนนั้น ตอนนี้ผมเพิ่งรู้ตัวว่า รถถึงที่หมายที่ผมจะต้องลงแล้ว
“ เอ้า! รับไป” เธอส่งเป้ให้กับผม( คำว่า”โยนกระแทกใส่หน้า”ดูจะเหมาะกว่า) แล้วก็เดินลงไปจากรถ ผมรีบตามทันที( อย่างน้อยๆก็น่าจะเป็นทางเดียวกัน)  ทุกๆอย่างยังเหมือนเดิม ไอ้เด็กกลุ่มเดิมๆ ที่มองผมตาขวาง พร้อมกับกำการ์ด ในมือไว้แน่นราวกับว่าผมจะไปกระชากมันออกมาจากมือ(อันที่จริงเมื่อวานก็เพิ่งกระชากไปจริงๆ)
        ผมเดินตามเธอไป(จะว่าไปแล้วมันทางเดียวกันมากกว่า) เดินไปได้สักพัก ผู้คนก็เริ่มน้อยลง เพราะเข้าเขต บ้านจัดสรร บ้านผมอยู่เกือบท้ายๆหมู่บ้าน
“ นี่ จะเดินตามไปถึงไหน” เธอหันมาตะคอกใส่ผม
“ เปล่าครับ บ้านผมอยู่ในซอยนี้ “ เธอทำท่าไม่เชื่อ
“ ผมชื่อ แพน ครับ คุณชื่อ ” ผมยังไม่ทันที่จะกล่าวจบ ผมก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างพุ่งเข้าใส่แก้มซ้าย
“ ผัวะ!! .” หนึ่ง หมัดจากมือของเธอ มันแรงมากๆ ( แต่รู้สึกว่ามือนิ่มมากๆ)เล่นเอาผมกระเด็นไปหลายก้าวก่อนที่จะล้ม เธอเดินเข้ามาจิกคอเสื้อผมทำท่าจะชกซ้ำ ผมได้แต่หลับตาหยี
“ จำไว้นะ ผู้หญิงอย่างชั้นไม่ใช่ว่าจะรังแกกันง่ายๆ อยากเลิกก็เลิกไปเลย” เธอตะคอก แต่น้ำตากลับไหลนองเต็มหน้า  ผมได้แต่งง จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วเดินจากไปโดยทิ้งผมไว้ที่ตรงนั้น ทิ้งไว้กับพวกชาวบ้านที่เริ่มแห่มาดูเหตุการณ์เมื่อครู่( ได้ยินมีคนด่าผมว่าไอ้พวกไม่มีความรับผิดชอบทำท้องแล้วทิ้ง)  และนั้นก็ เป็นคำแนะนำตัวของผม และการทักทายของเธอ 
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น