ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love Hunter นักล่าน่ารัก

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่แรก \"นิยาม\"+\"การพานพบ\"

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ค. 47


                                                                                        Love hunter นักล่าน่ารัก

      คุณเชื่อเรื่องของ”พรหมาลิขิต”มั้ยครับ ว่ามันคือ อะไร มันเหมือน พรม หรือ เสื่อ อ่ะเปล่า หรือมันเป็นเพียงแค่คำบอกเล่า หรือมันเป็นเพียงข้องอ้างที่ เราใช้เข้าหาฝ่ายตรงข้าม ผมเองก็เป็นคนๆหนึ่ง ที่ อยู่ในกลุ่มคนจำนวนมากเหล่านั้นที่ยังไม่สามารถหาคำตอบที่เหมาะสม ให้แก่คำๆ นั้นได้ จนกระทั่ง……



      ผมลืม แนะนำตัวไป ผมนาย”แพน” เรียกผมว่าแพน เฉยๆก็ได้ ผมเป็น.ร. ชั้นม.6  ถ้าจะพูดถึงความน่ารักแล้วล่ะก็ แน่นอนครับ ผมไม่ติด อันดับ 1-100 ของระดับชั้นม.6  อาจเป็นเพราะน่าตาธรรมด๊าธรรมดา ก็เลยไม่มีสาวคนไหน เดินมาตกหลุมพรางที่ผมขุดไว้ จนผมต้องท้อ ใจ ก็เพราะเพื่อนของผมนั้นแหละครับ ผมมีเพื่อนที่ ซี่ๆ กัน 4 คนครับ แต่ ละคน เรียกว่า ควงแฟนกันแทบไม่ซ้ำหน้าในแต่ละอาทิตย์ แต่ พวกผมก็ไม่เคยจะไปทำอะไรให้ใครเดือดร้อนนะครับ เอาเป็นว่า เรามารู้จักกัน ทีละคนเลยดีกว่า เพราะ เพื่อนผมแต่ละคน ต่างกันมากจนไม่น่าจะมาเข้าคู่กันได้ เลย

         คน แรก ที่ผมอยากจะแนะนำ คนนี้มันเรียกว่าหลอเข้มมากที่สุด มันชื่อ”ผาเมฆ”ครับ ถ้าเป็นวิชาเรียนหละก็ มันเจ๋งที่สุดในกลุ่มครับ   คนที่สอง “ณ พัตร” ไอ้หมอนี้ เรื่องกีฬา มันเหมาหมดครับ นิสัยมันน่ารัก น่าหมันไส้

    คนที่สาม “ พาดร” ไอ้นี้มันเก่งภาษาครับ เพราะ เคยไปสอบได้นักเรียนทุน yes สามปีซ่อนแต่มันก็ไม่สนใจ แต่ก็ใช่ว่าภาษาไทยมันจะอ่อนปวกเปียกนะครับ ตรงข้ามครับ มันเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน ไอ้เรื่องปากหวาน ผมยกนิ้วโป้ง ให้มันเลยครับ  

        คนที่สี่ ก็”ไอ้เแพน”ครับ ชื่อเหมือนผมใช่มั้ยครับ ก็ผมนั้นแหละ เพราะตัวผมก็เป็นเพื่อนให้กับตัวเองในเวลาที่เหงา( ไอ้นี้มันบ้า) สำหรับไอ้แพนเนี่ยะ มันเสนียด ( คล้ายๆเสน่ห์) แรงครับ ยิ่งเรื่องคารมยกนิ้วโป้ง( เท้ า)ให้มันเลยครับ    

            เราอยู่ด้วยกันแบบนี้แหละครับ มีอะไรก็ช่วยกัน และ ปรึกษากัน มีความคิดคล้ายๆกัน ยกเว้น เรื่องผู้หญิงครับ เพราะแต่ละคน มีสไตล์ ที่ไม่เหมือนกันครับ จะเหมือนกันก็ตรงที่ ทุกๆคนต่างช่วยกันสอนเทคนิคต่างๆให้กับผม ผมผู้ไม่มีแฟนเสียที  แต่แล้วก็เหมือนฟ้า         บรรดารเมื่อวันหนึ่ง

      “ เฮ่ย…เพื่อนชั้นขอตัวก่อนนะ มีธุระต้องรีบไปช่วยน้อง พัช ทำรายงานค้นคว้า “ อยู่ๆเจ้าเมฆมันก็ขอปลีกตัวกลับจากการทำเวรหลังเลิกเรียนเสียก่อนเพื่อน

      “ ได้ไงวะ เรา กับไอ้ พัตร ก็มีนัดเหมือนกัน” ดรหันไปบอกกับพัตรที่ พยักหน้ารับอย่างขันแข็ง

    “ เอาหละ  พวกแกไม่ต้องเถียงกัน เราเข้าใจดีเดี๋ยวเราจัดการเอง พวกแกเชิญตามสบาย” ผมได้แต่บอกอย่างเหนื่อยใจ เพราะนี่ไม้ใช่ครั้งแรกที่ผมโดนทิ้ง ให้ทำงานคนเดียวเพราะเพื่อนๆมีธุระ(เรื่องผู้หญิง)

            แต่ผมก็ไม่โมโหหลอกครับ เพราะเวลาผมเดือดร้อนมันก็ช่วยผมอย่างเต็มที่    เย็นวันนั้นผมต้องนั่งรถกลับบ้านคนเดียว แต่ผมดันหลับครับ มันเลยขับไปเลย สิบกว่าป้าย ซ้ำร้าย ผมยังเพิ่งรู้ตัวอีกว่าคันที่ผมนั่งมานั้นผิดคัน ( ซวยจิ๊บ)

          กว่าผมจะเดินกลับถึงบ้าน ก็ปาไปเกือบ ทุ่มกว่าๆ แต่ก็ยังดีที่ระหว่างทางที่ผมเดินผ่านนั้น เต็มไปด้วยสถาบันกวดวิชา

    ( คูณเอ้ยยยย….น่าร้ากกกกทั้งนั้นเลย)        ผมได้แต่มองคนโน้นที คนนี้ที เปรียบเทียบความน่ารัก ผมดูได้สักพักก็เลิกดูเพราะลืมไปอย่างหนึ่ง  ลืมดูตัวเองครับ สาระรูปอย่างผมนะหรอ     ไม่มีทางครับ…ไม่มีทางที่จะได้ไปจีบหลอกครับ เพราะแค่มองผมก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปหาแล้ว ไม่รู้จะให้พูดไงดี เอาเป็นว่า ผมเป็นโรคแพ้ผู้หญิงครับ ถ้าเจอน่ารักมากๆหละก็ ผมจะติดอ่างอย่างหนักเสียด้วยครับ  

           ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ผมนั้นเข้าใจความหมายของคำว่า “โสด”อย่างลึกซึ้ง แต่นั้น ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเหล่ของผมเลยแม้แต่น้อย ผมเดินไปตามหัวมุมของสถาบันกวดวิชา ( ปกติ ผมจะเรียกมันว่า”สถาบันตะกวด”) ผ่าน ร้านเค้ก พอดูเงินในกระเป๋าก็พบว่า ยังพอมีเงินเหลือพอที่จะหาอะไรมายัดปากได้ ผมจึงเข้าไปนั่งกินในร้าน  

          ปากทำหน้าที่กินอาหารกาย ส่วนตามีหน้าที่หาอาหารใจ ผมกินได้สักพักก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาแขวน ตรงผนัง มันบอกเวลา 17.45 น. ซึ้งมันสายมากสำหรับผม แบบ ว่าบ้านของผมมีกฎครับ คือห้ามกลับบ้านเกิน 18.30น ไม่งั้นผมจะต้องโดนกักบริเวณ (ฟังแล้วสมเพสตัวเอง) ผมรีบคว้าเป้ แล้วก็เดินไปจ่าย เงินก่อนที่จะออกไปนอกร้าน โชคดีที่ตอนนี้เป็นหน้าร้อน ท้องฟ้าดูเหมือนว่า จะเป็นใจให้ผม แสงสว่างมันยังมีมากพอ ผมเดินไปยังป้ายรถเมลที่ขึ้นเป็นประจำ  ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ยกเว้นแต่

      

           “ โอ้แม่เจ้า(โว้ย!)… หล่อนเป็นคราย “ คำถามนี้เกิดขึ้นทันทีที่ผมพบกับ สาวน้อยน่ารัก ผมยาวประบ่า อายุประมาณผม เธออยู่ในชุดน.ร. คาดว่าคงเพิ่งจะเรียน พิเศษเสร็จ อาจจะเรียกได้ เต็มปากเต็มคำเลยว่า เบื่อหน้าของผมตอนนี้คือ “นางฟ้า” เธอมาคนเดียว แต่หน้าตาเหมือนว่า เพิ่งไปโกรธกับใครมา แต่นั้นก็ไม่ได้เป็น อุปสรรค ขัดขวางความน่ารักของเธอได้เลย  แต่นั้นก็ช่างมันเหอะ ก็อย่างที่ผมบอก ผมมันเป็นโรคแพ้ผู้หญิงขั้นรุนแรง ตอนแรก แม่ของผมคิดว่าผมเกลียดผู้หญิง หรือไม่ก็เป็นพวกลักเพศ ( โธ่…น่าสังเวส)  เอาเป็นว่า ในตอนนี้ผมก็ได้แต่ยืนคอตก ผมได้แต่พูดในใจว่า เธอเนี่ย สวยเฆี่ยนใจ เป็นบ้าเลย  ผมเริ่มยืนนิ่ง ค่อยๆสงบสติ



    “ ถ้าตูพลาดงานนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกทีเมื่อไรแล้วนะโว้ย” เสียงหนึ่งดังเข้ามาในหัว ผมเริ่มกระเถิบตัวเข้าไปใกล้อีกนิด   5เมตร…4…3  เธอหันขวับมามองที่ผม สายตาดูโหดม (แต่ก็น่ารัก) ผมจึงต้องค่อยๆกระเถิบออก

    “ เฮ่ย…โอกาสดีๆมีหนเดียวนะเฟ้ย” เสียงนั้นดังมาอีกครั้ง มันปลุกไฟแห่งกล้าในใจของผมให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง

    3………2…….1……… ผมเคลื่อนไหวอย่างไร้พิรุธ เธอแทบไม่หันมามองทางผมเลย ผมเริ่มอ้าปากเตรียมตัวที่จะถาม นามกร ของเจ้าหล่อน

    “เออ…คูณณณ”

    “ จอด…จอด…” เสียงกระเป๋ารถเมล ดังกลบเสียงของผมทันที ที่รถเทียบป้าย

    “ เอาไงดีวะ” ผมบอกกลับตัวเองเพราะว่าผมต้องรถคันนี้ กลับ ถ้าพลาด ผมต้องรออีกนานโข ( แน่นอนครับ แม่ฆ่าผมแน่) ผมรีบหันไปมองที่เจ้าหล่อน  ไปไหน? เธอหายไปไหน เอาไงดี อยู่/หรือไป ผมรีบมองซ้ายขวาอย่างร้อนรน

    “ นั้น!!บนรถ” โอ้ แม่เจ้า บังเอิญ มาก เธอขึ้น รถคันเดียวกลับผม ฟ้าลิขิตแท้ๆ  ผมรีบขึ้น ประตูหลัง แต่ก็ต้องพลาดถ้าเพราะ สะดุดบันได ล้ม ( โครตเสียฟอร์ม) คนทั้งคันหันมามองมที่ ผมทันที ผมรีบก้มตัวลงมัดเชือกรองเท้า เหล่าสายตานับสิบคู่จึงหัน กลับเพราะคิดว่า ผมก้มลงไปผูกเชือกรองเท้าเฉยๆ รถเริ่มออก ผมเริ่มมองหาหล่อนบนรถ เพราะผมมีเวลาจำกัด ผมอยู่ ในรถนี้ได้แค่ 3ป้ายเท่านั้น (พูดเหมือนอุลตร้าแมนเลย ) ป้ายแรกปรากฏว่า หลังรถไม่มี ผมเริ่มเคลื่อนตัวไปด้านหน้า เบียดเสียดกับคนที่กำลัง ห้อยโหนบนรถ ทางด้านปีกซ้าย  ม่ายมี ผมเดินต่อไปข้างหน้าอีก  ปีกขวาก็ม่าย…เจอ ซ่ะที่ไหนเล่า นั้นไงเธอนั่งตรงนั้น ช่วงกลางๆของตัวรถ หล่อนนั่งริมหน้าต่าง มองไปด้านนอกอย่างเหม่อลอย ที่สำคัญ ที่นั่งข้างเธอว้าง…

    “ อะไรกัน นี่ … เหตุบังเอิญรึ ? ไม่กระมัง” ลอยยิ้มน้อยๆ เริ่มปรากฏ บนใบหน้าของผม ผมเริ่มเดิน เข้าไปเรื่อยๆ จนถึงที่เบอะนั้นแล้วก็รวมความกล้า ผมหันไปถามหล่อนช้าๆว่า

    “ โทษครับ…มีใครนั่งหรือเปล่าครับ” เธอยังคงเหม่อลอยราวกับว่า ไม่ได้ยินคำถามที่ผมได้ถามไป

    “ เออ…เธอ…มีใครนั่งหรือเปล่า “ เธอหันมามองผม พร้อมกับแสดงสีหน้าผิดหวัง (ตอนนั้นหน้าตาผมสมหวังเต็มที่)  “ เปล่าคะไม่มี…” พูดได้ด้วย แถมเสียงโคตรเพราะเลยง่ะ  ผมรู้สึกเหมือนว่า ได้ฟังงเครื่องดลตรีชิ้นเอกบรรเลง ผมรีบนั่งทันที

    “ เพิ่งเลิกเรียนพิเศษหรอครับ”ผมถามพร้อมกับ ทำท่าให้น่าไว้ใจ( ลดระดับหน้าตาหื่นลงครึ่งหนึ่ง)

    “ คะ เพิ่งเลิก” เธอหันมายิ้มให้

    “ ขอเบอร์ได้มั้ยครับ” ผมเริ่มเปิดฉากทันที   รู้สึกเหมือนว่าผมกำลังฝันอยู่ แต่มันต้องเป็นฝันดีแน่ๆ (จะให้ดีกว่านั้นต้องเป็น\"ฝันที่เป็นจริง\")



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×