คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : lesson 3 : change 100% กว่าจะครบ- -
วันต่อมา...
“หืมม์...ใครฟะ?”เสียงหัวหน้าชมรมงัวเงียตื่น ฉุดตัวเองให้ลุกมาจากโซฟาที่นอนแผ่หลาอยู่ตั้งแต่สายๆ จนจะเที่ยงอยู่แล้ว แถมข้าวเช้ายังไม่ได้ทาน ลงมาก็นอนอีกคร่อก ทุกคนยกเว้นผักกาดที่เพิ่งได้นอนตอนเช้าโด่ง ก็ไปเรียนกันหมดเกลี้ยงไม่เหลือใครในบ้าน น้ำนิ่งมองไปทางประตูบ้าน ที่มีเสียงเคาะดังถี่ รำคาญนักถึงกับต้องเปิด
‘ใครฟะ?’
แต่ภาพที่ปรากฏตรงหน้าหลังจากเปิดประตูออก กลับเห็นชายหนุ่มที่คุยเมื่อวานกับ อีกหลายๆหนุ่มโขยงใหญ่ยืนออเต็มหน้าบ้าน ร้แต่ด้วยสภาพที่ไม่พร้อมอันประกอบไปด้วย ผมยุ่งๆเหยิงๆหนึ่ง ชุดนักศึกษาที่ใส่ตั้งแต่เมื่อวานยันนี้สอง สามคงจะเป็นเรื่องที่ยังไม่ได้อาบน้ำกระมัง? ทำให้ต้องรีบปิดประตูดัง ปัง! อย่างไร้มารยาท รีบคว้าเสื้อโค้ชหนาๆ ที่ใช่ใส่ไป ซ้อมกับพวกนักบาสของมหา’ลัย มือสางผมให้เรียบอย เปิดประตูอีกครั้ง
“
.”หญิงสาวเงียบกริบ ไม่มีเสียงตอบรับ เพราะไม่รู้ควรจะต้อนเป็นภาษาอะไรดี? ก้มหน้าก้มตามองเท้าของผู้มาเยือน
“เธอจะมองเท้าฉันอีกนานไหมเนี่ย? มันเสีนมารยาทนะ”เสียงพูดภาษาอังกฤษที่เปล่งหู คำพูดยียวนจนน่าหมั่นไส้ ทำให้คนที่มอง ‘เท้า’ ไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก แต่พอเห็นว่าเป็นคังอิน ก็ไม่ได้ต่อว่า แต่ถามด้วยน้ำเสียงนิ่ง
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” เงยหน้าขึ้นมาคนที่สูงกว่าตัวเอง สีหน้าไม่ยินดียินร้าย คิบอมแทรกเข้ามาระหว่างประตู
“นายคนที่คุยด้วยเมื่อวานนี่ งั้นแปบ..ขอไปตามน้องลงมาก่อน”ปิดประตูดังๆอีกหนึ่งทีใส่แขกที่ยืนงงๆกันอยู่ ก่อนจะเปิดขึ้นอีกสักพักพร้อมใครอีกคนหนึ่ง
“ว่าไงเล่า? มีอะไรล่ะคะ?”ผักกาดถามเป็นรอบที่สามแล้ว ก็ยังเห็นว่าคนที่เชิญเข้ามาในบ้านทั้งโขยง ต่างมีสีหน้าอึกอัดไปหมด เหมือนว่ามีเรื่องจะบอกแต่กลับบอกไม่ถูก น้ำนิ่งมองหน้าล่ามปนๆกับหนุ่มๆ อดรำคาญตามด้วยไม่ได้ แต่ยังไงก็ต้องอดทนไว้
“
.”
“โอ๊ยยยยย!!! มีอะไรก็รีบๆพูดสิคู๊ณณณณ~~ คนอื่นเค้ามีการมีงานทำ ถ้านั่งรอพวกคุณพูดเขาไม่ต้องมานั่งรอไปตลอดชีวิตรึไง!!!” เสียงตะโกนขึ้นทำลายความเงียบอย่างเหลืออด ไม่ใช่ล่ามแต่หากเป็นสาวอีกคนที่นั่งข้างด้วย เล่นเอาอึ้งไปกันหมด พวกหนุ่มๆที่ไม่รู้ว่ามองหน้ากันใหญ่ น้ำนิ่งมองหน้าเสียๆ กอดอกทิ้งตัวลงที่โซฟาอย่างแรง
“พวกเรามาขอยืมเครื่องแบบหน่อยนะครับ พวกเราอยากรู้ที่นี่มีอะไรน่าเล่น..เอ้ย!..น่าดูบ้าง”คิบอมพูดชี้มาทางหญิงสาวที่ตะโกนขึ้นมาเมื่อกี๊
“เขามายืมชุดพี่น่ะ”เอ๋อไปอีกหลายวิก่อนจะมีล่ามแปลให้
“ฮะ...เอาไปทำอะไร?”
“สงสัยว่างๆไม่มีอะไรทำมั้ง? เลยจะขอยืมชุดพี่ไปใส่ ”ผักกาดบอกเบื่อๆ เพราะว่ายังนอนไม่พอ
“เออ..เอาดิ๊ ๆ ว่าแต่ใครจะใส่ล่ะ”ถามคิบอมเป็นภาษาอังกฤษไปเสีย เอ...พวกเขาก็ยังไม่ได้คิดนี่นาว่าใครจะใส่ น้ำนิ่งมองกลุ่มสุมหัวอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่มองคนที่อยู่นอกวง ซึ่งตอนนี้ก็มีแค่ฮีชอลที่คอตกเพราะนอนไม่พอคนเดียว สองสาวมองไปฮีชอลก่อนจะยิ้มให้ ผักกาดสะกิดคิบอมให้มองดูคนที่คอตกนอนไม่รู้เรื่อง ทุกคนยิ้มขึ้นอย่างรู้ทัน
“ฮือ~
มีอะไรเหรอ??”คิบอมสะกิดพี่ชายสุดที่รักขึ้น น้ำเสียงง่วงพร้อมกับอาการหาวอีกที มองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่แค่คิบอมแต่กลับเป็น ...ทุกคน!!!
“อะไร? ...?”ฮีชอลมองหน้าเริ่มเสีย ทุกคนในบ้านหัวเราะอยู่ในลำคอ เหงื่อเริ่มไหลออกอย่างช่วยไม่ได้ ลุกขึ้นจากโซฟาช้าๆ เพราะเริ่มรู้ตัวว่าภัยร้ายมาเยือน
“จะไปไหนเหรอครับพี่?”คยูฮยอนถามขึ้นน้ำเสียงเย็น จับไหล่ฮีชอลไว้
“ไปสูดอากาศข้างนอก เดี๋ยวมาน๊า~~~”ขาเรียวกำลังจะปั่น แต่ก็ถูกล๊อคตัวไว้เสียก่อน
“จับไว้!!! อย่าให้พี่ฮีชอลหนีไปได้นะ~~”
“เสร็จแล้วล่ะ...~~ พี่ดูสิๆๆ น่ารักออก~~ ผักกาดว่าไหม??” ชินดงที่เดินไปมาแถวกระจก ฮีชอลหลับหูหลับตาไม่สน ตลอดการแต่งหน้า ที่ทั้งมือและแขนตัวเองถูกพันไว้กับแลคซีนหลายรอบ ลีทึกปาดเหงื่อ ปิดฝาลิปกรอสลง มองฝีมือตัวเองด้วยความภูมิใจ ทุกคนที่มุงหน้ากระจกมองฮีชอลตะลึงไปเล็กน้อย โดยเฉพาะสองสาวที่มาร่วมแผนการโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เถอะน่า~ ฮีชอล แค่นายออกไปดูอะไรๆ นิดหน่อยเอง ไม่แน่นายอาจจะได้เจอน้องก็ได้นะ”จองซูกระซิบข้างหู คำว่าน้องสาวทำให้ตาเรียวเบิกกว้าง หน้าตัวเองหน้ากระจก เขินเล็กน้อย ที่ตัวเองดูสวยขึ้น
“...”ไม่รู้จะพูดอะไร น้องๆในวงแกะแลคซีนออกอย่างเบามือ ตอนนี้ตัวเขาอยู่ในชุดนักศึกษา ถึงแม้ดูจะกระโปรงสั้นไม่หน่อยก็เถอะ ก็ตัวเขาโตกว่าคนให้ยืมตั้งเยอะ คงไม่แปลกอะไร
“เออ...ถ้างั้นฉันออกไปดูให้แล้วกัน~”ฮีชอลเดินออกไปไม่ได้พูดอะไรต่อ มองสาวสวย(?)เดินออกนอกห้องนอนของผักกาดไป
“วันนี้ดีนะเนี่ยที่เลิกเรียนเร็วอ่ะ... บ่ายสองบ่ายสามก็ได้กลับแล้ว~~”เสียงของวินด์พึมพำขึ้น หลังจากลงมาจากอาคารเรียน ฮัมเพลงโปรดตัวเองในลำคออย่างสบายอารมณ์ แต่พอเดินห่างจากตึกเรียนสักพักก็ถึงตึกของคณะนิเทศน์ที่ตอนนี้เหมือนมีก้อนกลุ่มคนไม่ใหญ่มากมีเสียงกริ๊ดกร๊าดมาเป็นระยะ แต่ก็พอจะสร้างความสงสัยให้วินด์ ถึงแม้จะไม่ใช่คนที่สอดรู้สอดเห็นเท่าไร แต่อยากจะดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่อย่างว่าหน้าตึกนิเทศ คงจะเป็นพวกดาราสิน่า~
หนุ่มหน้าหวานที่ถูกรุมล้อมไปด้วยสาวๆ และหนุ่มๆ(??) คำถามมากมายพรั่งพรูฟังไม่รู้เรื่องออกมาเพราะไม่ใช่ภาษาบ้านเกิดของเขา ตอนนี้รู้สึกว่ามันช่างน่าอึดอัดเสียเหลือเกินเพราะถ้าเขาอยู่ในฐานะ คิม ฮีชอล คงจะมีการ์ดคอยกันคนออกไปแน่ๆ แต่ตอนนี้เค้าอยู่ฐานะคนธรรมดา ที่สำคัญเค้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายืนอยู่ตรงไหนของมหา’ลัย ตอนนี้อย่างน้อยก็ขอให้มีรู้จักเขาซักคนผ่านมาทางนี้บ้างก็ยังดี
“ขอเข้าไปหน่อยนะคะ”เสียงของหญิงสาวบางคนดังขึ้น กว่าจะแทรกเข้าไปได้ก็ใช้เวลาโขอยู่ทีเดียว มองไปที่เป้าหมายที่ตอนนี้อยู่ข้างหน้า
กระเทยปลอมตัวมาชัดๆ!!! =0=
ภาพเบื้องหน้าที่เห็นคือ คิมฮีชอล ที่ใส่ชุดของมหา’ลัยถึงแม้ว่าชุดมันจะดูรัดไปหน่อยก็เถอะ ผมที่ถูกปล่อยลงมาจากที่เคยรวบไว้ ขาเรียวยาวสวยขาวสะอาด หุ่นที่ราวกับนางแบบชื่อดัง ทำให้คนมองอดอิจฉาไม่ได้
เมื่อชายหนุ่มองมาที่เธอ วินด์มองตามที่ปากของฮีชอลขยับได้ความว่า ‘ช่วยฉันที’ ไม่ทันไรหน่อยกู้ภัยจำเป็นก็ออกโรง
“อ้าว~ไหงมาอยู่นี่ล่ะมาๆ รีบๆกลับบ้านป่ะ เดี๋ยวไปส่งที่บ้านนะ พวกเธอนี่มุงอะไรกันเนี่ย ถอยไป” เสียงพูดนั้น คิม ฮีชอลน่ะฟังไม่รู้เรื่องหรอก แต่ก็พอที่จะทำให้คนที่โอบล้อมเค้าอยู่ฮือฮาได้
“คนนี้เพื่อนเธอเหรอ? ชื่ออะไรล่ะ เค้าไม่ใช่คนไทยเหรอ ฯลฯ”และอีกหลายๆคำถามที่หญิงสาวก็ฟังไม่หมด
แล้วตูจะตอบยังไงล่ะเนี่ย-*-
“เอ่อ..คือว่า เพื่อนฉันเป็นคนเกาหลีน่ะ ชื่อ เรยอง เอาเป็นว่าแค่นี้นะ จะรีบพาเพื่อนกลับ บาย~”ก่อนจะฉุดชายหนุ่มในร่างเพื่อนสาวอกมาด้วยกัน เล่นเอาที่เป็นไทยมุงกันอยู่งงเป็นแถบๆ
“ตะกี๊เธอพูดอะไรของเธอน่ะ?”พอออกมาถึงหน้ามหาวิทยาลัยศรีศิริวัฒนา เจ้าตัวก็หยุดวิ่งลง หอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ ถึงจะตอบคำถามของฮีชอล
“อ้อ ฉันแค่บอกพี่เป็นผู้หญิงน่ะ แล้วก็เป็นเพื่อนฉัน”ก่อนจะยิ้มแหยๆให้ ชายหนุ่มช๊อคจัดยืนอึ้งอ้าปากค้างอยู่หลายวิ
“แล้วจะให้ฉันบอกว่าอะไรเล่า? ก็เล่นใส่ชุดนักศึกษาผู้หญิงมาน่า!!”วินด์พูด อีกคนก็ได้สติว่าโดนจับใส่ชุดของผู้หญิงอยู่
“ขอโทษแล้วกัน แต่ว่าพาฉันออกมาหน้ามหา’ลัยทำไมล่ะ?”
“ก็ตอนนี้มีคนเริ่มสนใจแล้วน่ะสิ เค้าก็จะเริ่มมาตามพี่แล้ว ถ้ากลับไปตอนนี้ เขาจะรู้ว่าเราอยู่ไหนน่ะสิ เพราะฉะนั้นเลยต้องกลับค่ำๆน่ะ เฮ้ออุตส่าห์จะกลับเร็วๆแท้ ออกมาทำไมก็ไม่รู้”ประโยคหลังก็ได้แต่พูดงึมงำ กลัวอีกคนจะรู้ว่านินทาอยู่
“ไหนๆ ก็ออกมาแล้วพาฉันออกไปเที่ยวหน่อยสิ...”
“ป่านนี้สองคนนั้นจะเป็นยังไงบ้างน๊า~”แจอาพูดพึมพำหลังจากที่กลับมาบ้าน ก็ต้องทำหน้าที่แทนวินด์ ที่ออกไปข้างนอกกับฮีชอลตามคำบอกของเออเรอร์อีกที ขณะที่มือทำกับข้าวไปด้วย
“เฮ้! มือจะเฉือนมือเธอแล้วน่ะ~”เสียงเรียกสติให้เธอมองที่มือที่อยู่ที่เขียงอีกครั้ง ก่อนจะมองไปทางเสียงปริศนา และมือได้วางมีดลง
มันจะเฉือนมือจริงๆด้วย ถ้าเตือนช้ากว่านี้ได้มีเลือดสาดจอแน่ๆ
“ขอบคุณค่ะ...”เสียงพูดไม่เบานัก ให้ซองมินที่เดินเข้ามา แทนที่จะไปนั่งกับเพื่อนๆในห้องนั่งเล่น มองไปรอบๆห้อง
“แล้วคนเมื่อเช้า ชื่อออมสินใช่ไหม? หายไปไหนซะล่ะ”
“อ้อ เดี๋ยวก็มาค่ะ คงมาตอนล้างนั่นแหละ นี่จะเสร็จแล้ว ออกไปคอยข้างนอกไปดีกว่าเหรอ?”พลางมองชายหนุ่มแปลกๆว่าเข้ามาในห้องครัวทำไม
“ว้า~ เข้ามาช้าไปเหรอเนี่ย นึกว่าจะได้ช่วยงานเสียอีก- -*”แปลกใจเล็กน้อยที่เห็นซองมินบอกแบบนี้ ก่อนจะถามต่อ
“ชอบทำอาหารเหรอ” ระหว่างที่พูดกันไป ชายหนุ่มก็ช่วยตักข้าวไปด้วย
“ก็ไม่เชิงหรอก เข้าห้องครัวกับฮันคยองบ่อยๆจนชินน่ะ รู้สึกว่าเหมือนคนอื่นมาทำให้ มันคงรู้สึกแปลกๆน่ะ”แจอาพยักหน้ารับรู้ ปิดหัวแก๊สเมื่อเห็นว่าแกงที่ทำไว้ได้ที่แล้ว
“เสร็จแล้วล่ะ..”หญิงสาวพูดอย่างอารมณ์ดี ยกหม้อขึ้นอย่างระวัง วางไว้ที่โต๊ะเตรียมยกออกไปข้างนอก
“ไว้วันหลังขอเรียนทำอาหารมั่งซี่ ได้ไหม? แล้วฉันจะสอนที่ฉันเรียนจากพี่ฮันคยองให้ แลกกันๆ?”เสียงกระดี๊กระด๊าของอีกคน ทำให้เกาหัวเล็กน้อย พยักหน้านิดๆรับคำ ยิ่งทำให้อีกคนยิ่งดีใจไปกันใหญ่
“จริงๆเหรอ? เย้~ ดีใจจังเลยยย~ เธอน่ารักที่สุดเลย~~”ชม(?)กันตรงๆ ก็ทำให้เขินไม่ใช่น้อย ซองมินรีบยกของออกไปวางข้างนอกท่าทีครื่นเครงสุด
คนแบบนี้ก็มีด้วยเหะ ...แค่นี้~ นิสัยนี่เด็กเป็นบ้าเลยซิ
“นี่ๆ ผมมีคนสอนทำกับข้าวแล้วนะ~ พี่ฮันคยอง~ ”ฮันคยองเข้ามาช่วยจัดโต๊ะ ส่วนคนอื่นๆก็ยังง่วนอยู่กับการเล่นเกมส์ อยู่ที่โซฟากลางห้อง ชายหนุ่มเลิกคิ้วกว้าง
“นี่ไงครูผมเองน่ะพี่...”คว้าข้อมือของแจอาออกมาจากห้องครัว ขณะที่เจ้าตัวกำลังจะยกของออกมาข้างนอก งานของตัวเองจะได้เสร็จไป
“คะ?”มองหน้าซองมิน สลับกับมองหน้าฮันคยองไปด้วย งงๆเล็กน้อย
“อืม...เธอจะสอนซองมินทำอาหารเหรอ?”แจอาพยักหน้าหน่อยๆ มองหน้านิ่ง
“งั้นฉันเรียนด้วยซิเอาไว้พรุ่งนี้มาอีกแล้วกันนะ”ฮันคยองบอก หญิงสาวไม่ได้ว่าอะไรต่อ เดินเข้าไปในครัวอีกรอบรีบๆ ทำงานของตัวเองให้เสร็จๆไปเสียจะได้รีบกลับไปกินขนมที่ตัวเองซ่อนไว้ใต้หมอนเพราะกลัวเพื่อนร่วมห้องอย่างข้าวสวยจะขอกินด้วย
“ไปก่อนนะคะ...”ขณะที่กำลังเดินออก ประตูก็ถูกเปิดขึ้นพอดี
“อ้าว พี่ออมสินกับผู้อำนวยการนี่เอง งั้นหนูกลับก่อนนะคะ”ไม่ทันขาดคำ ร่างบางก็เดินแทรกระหว่างกลางของทั้งสองออกไป
“สงสัยเป็นเพราะผู้อำนวยการแหงๆ เด็กในชมรมฉันถึงได้กลับ ใช่ไหม..แจอา?”ออมสินกัดซึงฮยอนคำโต เจ้าตัวก็โต้กลับไม่ยอมแพ้โดยมีแจอายืนดูคนทั้งคู่ทะเลาะกันอยู่
“ฉันว่าเพราะเธอมากกว่ามั้ง..กลิ่นเหม็นๆ..มาจากตัวเธอรึเปล่า?”ทำจมูกฟุดฟิดประกอบ
“เหอะ...ฉันไม่ซกมกเหมือนผอ.หรอกค่ะ”ว่าแล้วก็เดินเข้าบ้านซูจูไปทันที
“ราตรีสวัสดิ์”ก่อนที่จะปิดประตูบ้านตามออมสินเข้าไปเถียงต่อก็กล่าวลากับแจอาที่อยู่ภายนอกบ้านเสียก่อน
หญิงสาวโบกมือให้ประตูบ้านที่ปิดลงหมาดๆยิ้มแหยๆ ถ้าสองคนนี้คบกันคงจะดีแต่ว่า...บ้านจะแตกรึเปล่านะ?
“อ้าว!งานในบ้านเสร็จหมดแล้วนี่ ฉันกลับก่อนแล้วกัน บาย..”ออมสินตั้งท่าจะชิ่งในทันที เมื่อเห็นว่างานบ้านทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยวก่อน...อยู่กินข้าวเป็นเพื่อนกันก่อนสิ ฉันมีเรื่องเกี่ยวกับตารางฝึกซ้อมจะฝากให้น้ำนิ่งด้วย”ซึงฮยอนจับข้อมือออมสินเอาไว้
“ผอ.ก็เอาไปส่งเองดิ แล้วอีกอย่างฉันไม่ได้หิวข้าวด้วยสักหน่อย - 3- ”ออมสินส่ายหน้าไปมาไม่รู้ไม่ชี้
“งั้นก็อยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยไม่ได้รึไง”เสียงคนทะเลาะกันเริ่มเพิ่มวอรุ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้กลายเป็นที่สนใจของคนทั้งบ้านได้อย่างง่ายดาย แต่ก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดีว่าทั้งคู่พูดอะไรกัน
“ไม่ได้!”หญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็ง ซึงฮยอนก็ชักเริ่มมีน้ำโห ขอร้องอะไรก็แล้วก็ไม่ยอม
“ก็ต้องอยู่!”ชายหนุ่มสั่งก่อนจะเดินไปที่โต๊ะกินข้าวโดยไม่ฟังคำโต้เถียงของอีกฝ่ายเลย ออมสินทำหน้าบูดล้อเลียน ไม่พอใจ
ไอ้คนทุเรศศศศศศศศศศ!! เอาแต่ใจที่สุดเลยยยยยยยยย!! >/0\< ....อดทนๆๆๆไว้ออมสิน เขาเป็นลูกผอ.ๆๆๆ
ออมสินสูดหายใจเข้าออก สะกดกลั้นความโมโหจวนเจียนจะระเบิดเอาไว้
“สองคนนั้นเขาเป็นอะไรกันรึเปล่าน่ะ เห็นชอบทะเลาะกันบ่อยๆ”เยซองถามสมาชิกในวงที่กินข้าวกันอยู่ด้วยความสงสัย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็เห็นว่าเจอกันก็กัดกันทุกที แถมพูดอะไรกันเราก็ไม่รู้ซะด้วยสิ - -a”อีทึกเกาหัวเล็กน้อยก่อนจะกินข้าวต่อ
“ง่ำๆๆ..”ชินดงก็เอาแต่กินข้าวอย่างเดียวไม่ได้สนใจคนอื่นที่คุยกันเลย
“หรือว่า เขาจะเป็นแฟนกันพี่? ว่าไหม? ทะเลาะกันบ่อยๆ ไม่ใช่แฟนแล้วจะเรียกว่าอะไร” คยูฮยอนพูดเบาเสียงลงกระซิบกระซาบให้พอที่คนในวงจะได้ยิน
“อย่าเพิ่งไปด่วนสรุปเองซิ...”ซีวอนที่นั่งข้างๆ บอกขึ้น ก่อนจะมองไปทางรยอวุคที่นั่งตรงข้ามกับหญิงสาวเป้าหมาย
“รยอวุค...”เสียงเรียกทำให้รุ่นน้องในวงที่ไม่ได้สนใจการสนทนาของพวกเขาหันไปมอง
“มีอะไรเหรอฮะ?”ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความฉงนว่าซีวอนเรียกเขาทำไม ทั้งๆที่ช้อนก็จ้วงข้าวเข้าปากไปด้วย เมื่อก่อนเขาเองก็ยอมรับว่าไม่เคยมีนิสัยแบบนี้ ทุกคนในวงก็บอกด้วยซ้ำไปว่าเขาดูจะเหมือนลูกคุณหนู แต่พออยู่ไปอยู่มา จากลูกคุณหนูที่แสนเรียบร้อย ดันเสียนิสัยไปซะได้- -*
...สงสัยจะเป็นไปตามสภาพแวดล้อม(แถวๆนี้)กระมัง?
“นายถามออมสินให้หน่อยสิว่าเป็นแฟนกับซึงฮยอนรึเปล่า?”เจ้าตัวก็ตกใจเล็กน้อย ก่อนที่ข้าวที่เคี้ยวอยู่ในปากจะติดคอ เล่นเอาทุกคนในวงรีบปรี่เข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง
“อ่ะ...นายเป็นอะไรมากไหม?”ออมสินวิ่งเข้ามาดู ยืนแก้วน้ำให้โดยด่วน รยอวุครับในทันที ไอในคอจนเจ็บไปหมด กว่าจะหายก็เล่นเอาพักใหญ่ ยกมือขึ้นห้ามลีทึกที่มาลูบหลังเขาตั้งแต่ตะกี๊
“มะ...ไม่ ครับ
”ตอบมาแต่ก็ยังมีอาการไอเล็กน้อย ก่อนจะสั่นหัวเล็กนั้น ทำเอาออมสินเอ็นดูอยู่ไม่น้อยเพราะความน่ารัก ลีทึกลูบหัวคนสำลัก
“แน่นะ?”ก่อนจะถามขึ้นย้ำ หัวเล็กก็ยังส่ายไปมาเหมือนเดิม
“แล้วทำยังไงให้สำลักได้เล่า?”คังอินเข้ามาถาม ด้วยความไม่รู้เรื่อง ทำให้รยอวุคต้องหันไปมาซีวอน(ต้นเหตุ) แต่หน้าหล่อกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็ไม่วายแต่เห็นสายตาสำนึกผิดขั้นรุนแรง
“ไม่มีอะไรหรอกครับ สงสัยผมคงนึกอะไรเพลินไปหน่อย..”
“ถ้างั้นก็กินข้ามต่อเถอะ”ทุกคนแยกย้ายกลับไปนั่งที่แต่มีรยอวุคคนเดียวเท่านั้นที่เก็บจาน ไปที่ครัว
“อ้าวไม่กินแล้วเหรอ?”ซึงฮยอนถามขึ้น
“ครับ จะขึ้นไปนอนแล้วล่ะครับ”
ชายหนุ่มร่างเล็กเดินขึ้นบันได เข้ามาในห้องของตัวเอง ซึ่งในห้องน้ำมีพี่เยซองนอนอยู่ด้วย ร่างทั้งร่างทิ้งลงบนเตียง มือก่ายหน้าผากเล็กน้อย
ตอนนี้มินจีก็หายไป ทำไมก็ไม่รู้พี่ฮีชอลถึงคิดว่า น้องสาวตัวเองถึงจะอยู่ที่นี่นะ ทั้งๆที่บนโลกนี้มีอีกตั้งหลาย ทำไมต้องเป็นเมืองไทยด้วยก็ไม่รู้
ตาเหลือบไปเห็นสมุดไดอารี่ของตัวเอง บนหัวเตียงที่ถูกเปิดทิ้งไว้ หยิบมันขึ้นมาพลิกดูอะไรนิดหน่อย ถอนหายใจด้วยความเบื่อ ถึงแม้จะมาไกล ยังมีเวลาอีกตั้งหลายวัน แต่ก็อย่างว่า ในเมื่อเขามาอยู่ต่างถิ่น มันก็เหมาะอยู่หรอกที่จะไม่มีอะไรทำ
ลองฉีกกระดาษสีขาวในอารี่ของตัวเองออกมาหนึ่งหน้า พับเป็นจรวดดู ก็เพลินดี แต่ว่าเขาจะเอามันไปร่อนที่ไหนดีล่ะ? พอคิดขึ้นได้ ก็เปิดกระจกหน้าต่างออกมือที่ถืออยู่ ร่อนมันออกไป มันคงจะไปได้ไกลกว่านี้นะ ก่อนจะหันมาขวานหาของในกระเป๋าตัวเองแก้เซ็ง
“??”สองสาวมองกันงงๆ น้ำนิ่งที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานหน้าประตูมองจรวดที่ร่อนมาจากหน้าต่างพอดี แถมยังร่อนมาโดนหน้าคริสตอลที่นอนอ่านการ์ตูนอยู่บนเตียงพอดี เล่นเอารุ่นน้องของเธอค่อนข้างจะเสียอรรถรสในการอ่านไปไม่น้อย
“มันร่อนมาจากไหนเนี่ย?”หัวหน้าชมรมถามขึ้นก่อนะลุกขึ้นมามองชะโงกไปทางหน้าต่าง ก็เห็นว่ามีคนตัวเล็กนั่งอยู่ในห้องหบ้านหลังตรงข้าม แถมหน้าต่างยังตรงกันอีกต่างหาก ห้องอื่นๆก็นั่งไม่เปิดไฟ ทำให้น้ำนิ่งเองรู้ว่า มันคงเป็นของรยอวุค ถ้าเธอจำชื่นใครไม่ผิดนะ
“ไหนพี่ ใครบังอาจร่อนมา...”คริสตอลผลักรุ่นพี่ที่ยืนขวางไม่แรงนัก แค่พอที่จะเห็นหน้าคนร้าย(??)ก็พอ พอเห็นเสร็จแล้วก็งุดๆลง เพราะสงสัยว่ารายนี้คงจะแกล้งไม่ได้ ถ้ารู้ถึงผอ.ขึ้นมา คงโดนเล่นงานแน่ๆ แต่ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็จะแกล้งให้เชียว ให้สมกับที่มารบกวนการอ่านการ์ตูนของเธอเชียวล่ะ
“เป็นไง จะแกล้งเขาล่ะซิ นี่ลองเขียนหาเขาดีไหม? แล้วร่อนกลับไป”ลองเสนอไอเดียให้รุ่นน้องดู คริสตอลก็เห็นว่ามันคงเข้าท่าดีอยู่หรอก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรดี? น้ำนิ่งเดินไปหยิบปากกาที่อยู่บนโต๊ะมา
“ไม่รู้จะเขียนอะไรดีอ่ะ?”คริสตอลพึมพำขึ้น
“เอางี้เดี๋ยวพี่คิดแต่เขียนแล้วกัน ดีไหม?”
แปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นจรวดที่เขาร่อนไปไม่ถึงห้านาทีกลับร่อนกลับมาอยู่ที่พื้นห้อง พอมองไปที่หน้าต่างก็เห็นผู้หญิงสองคนโบกไม้โบกมือ ยิ้มทักเขา รยอวุคยิ้มกลับแทบจะในทันที มันคงเสียมารยาทถ้าเขาไม่ทักตอบ หยิบจรวดที่อยู่บนพื้นขึ้นมา แต่กลับสะดุดขึ่นเมื่อบนตัวลำจรวดกลับมีข้อความบางอย่างเขียนไว้
‘ทำไมถึงพับจรวดเล่นเสียล่ะ^^ ถ้าเบื่อๆก็มาที่บ้านหลังนี้ก็ได้น-0-//’ แอบหลุดขำเล็กน้อย อย่างนี้พอมีเรื่องให้สนุกขึ้นหน่อย หยิบดินสอจกในกระเป๋าเขียนตอบกลับไป
‘ครับ แต่คงไม่รบกวนดีกว่าดึกแล้ว-*-’
คริสตอลแปลกลับให้น้ำนิ่งฟัง แอบคิดเล็กน้อยว่าที่เขียนมาแบบนี้ต้องการจะตัดบทหรือเปล่า? แต่ก็สงสัยกันอยู่สองนาง แล้วเขียนกลับเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
‘ทำไมถึงมาที่ไทยล่ะ? ขอโทษนะ แค่อยากรู้+0+’
ฮีชอลสั่งให้เขาและคนอื่นๆในวงปิดปากให้เงียบที่สุด แล้วเขาจะเขียนตอบอะไรกลับไปดีล่ะเนี่ย นั่งจิ้มดินสอบนตัวลำจุดแล้วจุดเล่า ที่ตอนนี้มีแต่ร่องรอยการขีดเขียนเต็มไปหมด เขียนไปถอนหายใจไป นี่คงทำให้การสนทนาผ่านสองสาวนั้นกร่อยลงไปเยอะ ทำไมเขาไม่คุยสนุก แบบพวกพี่ๆเสียมั้งนะ?
‘คนในลงมติว่าอยากมานะครับ ^^ คงเที่ยวกันอีกสักพักแต่สองวันนี้ยังไม่ออกไปไหนเลย’
น้ำนิ่งแปลความว่าที่ตอบกร่อยๆมาแบบตะกี๊คงจะเซ็งๆที่ต้องอยู่แต่ในบ้าน แล้วเขียนกลับไปหาใหม่ดู คราวนี้อาจจะทำให้ การตอบของรยอวุคดีขึ้นมาอีกหน่อยก็ได้
‘นี่ถ้านายไม่ว่าอะไร ไว้ว่างๆจะพาไปเที่ยว หรือไปนั่งที่ห้องสมุดพรุ่งนี้ก็ได้ อยากไปไหม?’
ก็น่าสนุกดีไม่น้อย แต่ว่าเขาลืมไปเสียหรือเปล่าว่าเขามาตามน้องของฮีชอล แต่มันก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง แต่ไม่กี่วัน ก็คงไม่ปัญหา ลองถ้าบอกว่าไปเที่ยวสิ ทุกคนในวงคงสนับเขาอยู่แล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าสิ่งที่ตามมาคือการโดนเจ้าแม่ฮีชอลวีนก็เถอะ
‘โอเค ครับผมจะลองคุยกับคนในวงดู’
แท๊คมือกันเล็กน้อย เป็นไปตามผลที่คาดไว้ ดูเหมือนว่าหน้าต่างห้องตรงข้ามจะปิดแล้วเพราะว่ามีคนเข้ามาในห้อง แต่รยอวุคก็ไม่วายโบกมือมาทางพวกเธอ น้ำนิ่งยิ้มแหยๆส่งให้
“พี่ฮีชอลกลับมาแล้วน่ะ พี่เลยขึ้นมาตาม”ชายหนุ่มร่างเล็กพยักหน้ารับรู้ คิม จองอุนยืนอยู่ที่หน้าประตูรอ เห็นท่าทีน้องมีพิรุธได้สักครู่ ก่อนเขาเข้ามา มองไปที่หน้าต่างถึงได้คำตอบ
“นายคุยกับเขาเหรอ?”แปลกใจเล็กน้อยเพราะท่าจะตะโกนคุยกัน เสียงมันก็น่าจะดังไม่ถึงข้างล่างบ้าง แต่นี้กลับเงียบ อย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คุยผ่านจรวดกระดาษไงครับ”น้องเล็กยิ้มจนดันแก้มขึ้นตาหยี ยิ่งทำให้อีกคนแปลกใจเข้าไปใหญ่
“ร่อนไปร่อนมาเนี่ยนะ?”คนนอนนิ่งบนเตียงพยักหน้า เกาหัวแกรก เออเนอะ..วิธีสื่อสารแบบนี้ก็มีด้วยแฮะ
“งั้นพี่ลงไปก่อนนะ”
“ครับ...”รับคำง่ายๆก่อนจะหลับตาลงด้วยความเพลีย เยซองปิดประตูห้องให้เบาที่สุด เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนน้อง
ย้อนกลับไป เมื่อตอนเย็น
“ทำไมถึงพามาทะเล?”เสียงราบเรียบ ขณะที่ก้าวเท้าลงจากรถสองแถว กว่าจะมาถึงที่นี่ก็ใช้เวลาอยู่โขทีเดียว บ่นงึมงำจนวินด์ต้องควักmp3ของภัทรที่ยืมมายัดใส่หูให้ คนที่หลวมตัวมาถึงยอมสงบปากสงบคำ
“แล้วทำไมล่ะคุณ ? พามาด้วยก็ดีแค่ไหนแล้ว” หญิงสาวไม่ได้พูดอะไต่อจากนั้น เดินไปหาที่พื้นทรายแห้งนั่งลง ฮีชอลตามมานั่งข้างๆ ถึงแม้จะไม่พูดอะไรต่อ ก็คงจะอดฉุนเธอไม่ได้หรอก เล่นตอกเสียขนาดนั้น
วันนี้ถึงแม้จะเป็นวันธรรมดา ก็ยังพอเห็นว่ามีคนมาเล่นน้ำบ้าง ถึงแม้จะน้อยต่างจากวันหยุดพักผ่อนก็เถอะ ถึงแม้ใจจริงอยากจะลงไปเล่นแค่ไหน แต่ก็คิดขึ้นมาได้ว่า...ยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่นี่หว่า มองไปทางชายหนุ่มอีกคน นั่งตาวาวอยู่เหม่อไปไกลแล้วล่ะ คงคิดเหมือนกันนั่นล่ะ
“อ้อ แล้วอย่าลงไปเล่นน้ำล่ะ ” ฮีชอลฟังแล้วหน้างุดลงเล็กน้อย รู้แล้วล่ะน่า...พูดมาก-3-
วินด์หยิบงานขึ้นมาทำจะได้ไม่ต้องกลับไปลำบากนั่งทำข้ามคืนอีก ส่วนฮีชอลก็เดินเล่นอยู่แถวนั้นไม่ได้ไกดลจากตัวเธอเท่าไร หญิงสาวที่มองอยู่ระยะๆพร้อมทั้งตะโกนเตือนว่าใส่ชุดผู้หญิงอยู่ทำอะไรให้ระวังหน่อย ก็โดนตะคอกกลับไม่แรงนัก ว่า ‘รู้แล้ว!!’ ถึงแม้หญิงสาวจะรู้สึกว่ามันไม่สุภาพไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
ผั๊วะ!!
เสียงสิ่งที่กระทบกันดังไม่เบานัก ทำให้วินด์ละสายตาออกจากงานที่ทำอยู่ไปดู ลูกบอลเด็กเล่นอัดลมจนเต็ม กระดอนอยู่แถวๆตัวฮีชอล หนุ่มหน้าหวานกุมหัวเล็กน้อย
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”หญิงสาวรีบลุกขึ้นไปดูอาการทันที ถือวิสาสะ จับที่กลุ่มผมนุ่มของอีกคนที่กุมไว้แน่น
“ไม่ตายหรอก..น่า” ฮีชอลดูเหมือนจะมึนไป ส่ายหัวไปมา บิดตัวหนีวินด์ ไม่ยอมให้ดู มือบางยังไม่หมดความพยายาม
“นี่คุณหยุดดื้อซักที แก่แล้วยังทำตัวเป็นเด็กๆไปได้” รั้งหัวของอีกฝ่ายมาดูอย่างเบามือ ฮีชอลตะโกนค้านขึ้น
“ไม่ต้องมาดู เมื่อกี๊เธอว่าใครเป็นเด็ก ฮะ!!!” คนฟังนิ่วหน้าปนอึ้งๆลงเพราะเสียงที่ดังไม่เบานัก หญิงสาวรู้สึกถึงแรงกระจุกที่ชายกระโปรงตัวเองถึงได้ก้มลงดู อยู่ๆดีก็มีเด็กผู้หญิงอายุไม่น่าจะเกิน6-7ขวบเดินเข้ามาจับชายกระโปรงหญิงสาวไว้
“พะ..พี่สา..ว ฮึก! ขอ..โทษ คะ..ค่ะ”อาจจะเพราะเสียงตะคอกตะกี๊นี่ ทำให้เด็กสาวที่อยู่ในเหตุการณ์เดินเข้ามารับลูกหลง ลูกบอลคงจะเป็นของเด็กคนนี้ ฮีชอลมองไปที่เด็กน้อย หน้าเสียลง เพราะเห็นน้ำตาเม็ดโตไหลลงจากตาของเด็กน้อย พาลนึกถึงยัยน้องสาวตัวแสบ ตอนที่อายุเท่านี้มินจีก็ขี้แยไม่เบา เขาเองในฐานะพี่ชายต้องคอยปลอบเสมอ
“คือ...”แต่ไม่รู้จะอธิบายให้เด็กน้อยฟังว่าอะไรดี? มองหน้าวินด์เพื่อขอความช่วยเหลือ หญิงสาวหน้างุดถอนหายใจ มองตาของฮีชอลอย่างเข้าใจ ย่อตัวลงไปหาเด็กน้อย
“ไม่เป็นอะไร นะคะ พี่เค้าแต่โมโหนิดหน่อยเอง หยุดร้องนะคะ ”น้ำเสียงพูดปลอบนิ่มนวล ยิ้มละไมให้เด็กน้อย มือบางๆ คอยปาดน้ำตาที่ยังไหลอยู่
“หนู..ม..มะได้ ตั้งใจ”เด็กน้อยพยายามกลั้นสะอื้นสุดตัว ฮีชอลย่อตัวนั่งมองหน้าเด็กน้อยยิ้มบางๆ
“ขอ..โทษ”พยายามพูดเป็นภาษาไทยให้ชัดที่สุด มือนั้นลูบหัวเด็กน้อย ที่ยืนนิ่ง อาการหวาดกลัวค่อยๆหายไป ในสายตาของฮีชอลมีภาพทับซ้อนของมินจีขึ้นเสียได้
“เอ่อ...พวกคุณเป็นอะไรไหมคะ?”ดูเหมือนว่าจะมีใครเข้ามาทักเข้าทำให้ ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์ ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ปกครองของเด็กหญิง แต่คนที่เข้ามาวงนั้นกลับหน้าตาละอ่อนพอๆกับเธอเป๊ะ คงจะน้าของเด็กคนนี้กระมัง?
“เปล่าค่ะ ...ไม่มีอะไรแล้วค่ะ”วินด์ตอบขึ้น ค่อยๆยืนขึ้นมามองผู้หญิงคนนั้นอย่างละเอียดอีกที
‘เหมือนเคยเห็นหน้าที่ไหนหว่า?...คิดไม่ออก’
“อ่า...พวกคุณเป็นแฟนกันหรือเปล่าคะ?”ผู้หญิงคนนั้นมองเธอสลับกับฮีชอลไปมา วินด์เลิกลั่กปฏิเสธพัลวัน ตาโตเบิกกว้างจนแทบถลน
“ปะ..เปล่าค่ะ นี่เพื่อนหนูเขาเป็นผู้หญิงนะคะ ใครจะไปเป็นแฟนกับผู้หญิงด้วยกันล่ะคะ จริงไหม?”พูดขึ้น หันไปส่งซิก ขอความช่วยเหลือให้พยักหน้า “เห็นไหมคะ?”
“เพื่อนคุณเป็นคนที่ไหนเหรอคะ? ดูเหมือนจะไม่ใช่คนไทย”วินด์ถึงกลับสะดุ้งแต่ก็เก็บอาการไว้ได้อย่างดี
“อ๋อ..ก็ค่ะ ไม่ใช่ค่ะ งั้นขอตัวก่อนนะคะ เราต้องรีบกลับนะคะ คราวหน้าคงได้เจอกันอีกนะคะ” พูดตัดบทขึ้นก่อนจะลากฮีชอลวิ่งออกมา
“เคยเห็นหน้าที่ไหนนะ...? ป่ะกลับบ้านกันนะคะ ”ก่อนจะจูงเด็กหญิงที่ยังทำหน้างงๆ กลับไปได้ ทิ้งความสงสัยไว้เบื้องหลัง
หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
โดดงานมาทำฟิค มีประโยชน์จริงๆ (ขอโทษอีกรอบ)
ได้ข่าวว่าอัพทีไร อีปุ้นขอโทษทุกรอบเหมือนกัน
ฮือๆๆ ๆ อย่าเพิ่งฆ่าหนุเลย เมื่อวานมีคนมาทวงอีกแล้ว 555+
เจ๊มาอัพแล้วนะ
ตอนนี้ก็มีตัวละครใหม่เพิ่มเข้ามา ไปเดาเองว่าเป็นใคร แต่เกี่ยวกับนางเอกของเราแน่นอน555+
มีกำลังใจเพราะพี่สาวมันเอาคลิปซองมิน แทมิน ชินดง ที่เต้น so hot ในอินกาโยมาให้ดู
ดูแล้วครึกครื่นกันไปเนอะ555
แฟนๆ danderous love ของ p.rockfia รออีกแป๊บนะคะ เห็นต้นฉบับตอนใหม่แล้ว
((กร๊ากกก อภิสิทธิ์เหนือทุกคนรุยฮะ))
งานกินไก่ไปมาสนุกมั่กๆ ปีหน้าไปใหม่ ตอนกลับจากงานต้องผ่านยาม เห็นPandora เต้น มีฟามสุข
พี่ๆเค้าเต้นไปเทพมากก (ชมเค้าอย่างแรง) โอย...อยากย้ายไปเป็นแม่ยก(เว้ย!)
วันนี้ที่จริงต้องทำงานพิเศษแต่งานศพพี่ที่โรงเรียนมา
ตอนไปงานเมื่อวานงานเค้าคึกคักอ่ะ ราวกับไม่ใช่งานศพ อีกอย่าง มีวงclash เอาพวงหรีดมาให้อ่ะ
สุดๆไปเลย เออ...ไม่อยากบอกเลยว่าอิชชี่งานพี่เค้ามั่กๆ คนอะไร๊...โชคดีจัง ^^
งานศพเรา เราจะให้ทุกคนแต่งเมจมางานเราให้หมดเลย แล้วทำบอร์ดเอสเจติดไว้หน้างาน(เพราะปุ้นไม่ค่อยถ่ายรูป)
555+ไร้สาระใหญ่แล้วไปล่ะ
ปล.1จากวันนี้คงไม่อีกพักใหญ่ อัพแล้วเน้อ~ เชิญอ่านกันตามสบุย
wonder boy ver.concert super show : super junior
ความคิดเห็น