คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : lesson2 : Fail (80%)
Lesson2 : Fail
“หน้าตาแย่ลงเยอะเลยนะมุมิ ทำไมล่ะดีออก”น้ำนิ่งแซวมุมิหลังจากที่เดินออกมาจากห้องประชุม
“หน้าหนูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ก็ไม่เชิง...ยิ้มโหน่ยก็ดีนะแม่ดาวคณะ~”
“เป็นอะไรกันหมดอ่ะ ขอโทษอ่า~ตั้งใจซะที่ไหนเล่า”หมอกเดินเข้ามาขอโทษ แต่จะให้ยกโทษให้ง่ายๆได้ยังไง?
“นี่เป็นอะไรกันไปหมดล่ะเนี่ย...? เฮ้! ยิ้มหน่อยสิ”
“แล้วพี่น้ำไม่เป็นไรเลยเหรอ?”แปลกใจนิดหน่อยที่มุมิถามอย่างนี้ ก่อนตอบไปตามความจริงว่า
“พี่เฉยๆ ยังไงก็ได้- -* ก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง เค้ามาหาแกถึงตัวแล้วนิ ไม่ต้องไปนั่งตามกันให้เสียเวลา มีคนมาให้แกจิ้นถึงที่เลยไม่ใช่รึไง...เนอะวินดี้~”
“ก็ดี.....พี่คะหนูชื่อวินด์เฉยๆนะ เติมให้ทำไมเนี่ย”วินด์ตอบเสียงเรื่อยๆขึ้นมาก่อนจะค้านเรื่องชื่อขึ้น
แต่ว่าตอนนี้ต่อมจิ้นของยัยมุมิกับคนอื่นๆน่าจะทำงานได้แล้วล่ะหลังจากที่ได้ยินหัวหน้าชมรมพูด
“ใช่แล้ว ลืมไปเลย~ ทีนี้จะได้เห็นป๋าสวีทกับไก่เต็มตามเสียที ดีใจจัง~”เพนกวินเพ้อใหญ่
“ลืมเลย มีอีกวิชานึง เรียนพละอ่ะ ออมสินฝากดูแลคนอื่นๆด้วยนะ เพนกวินกับภัทรมีจัดรายการไม่ใช่เหรอ?”น้ำนิ่งบอกลนๆ หลังจากที่ดูนาฬึกาข้อมือของออมสิน ละม้ายกับ’ฆังช่วยเตือนสติอีกสองคนให้รีบไปจัดรายการ ไม่อย่างนั้นอาจจะมีเรื่องกับโค-โปรแกรมสุดโหดได้
“จริงด้วย!”ทั้งคู่อุทานขึ้นแทบจะพร้อมกัน ก่อนจะรีบวิ่งไปที่สถานี
วิ่งจนเหนื่อยแทบขาดใจแล้วมาหอบอยู่ตรงหน้าสถานีที่อยู่บนตึกมนุษย์ฯชั้น6 สองสาวรีบเปิดประตูเข้าไปข้างในห้อง โค-โปรแกรมทำท่าเอ็ดเธอแต่ถ้าไม่เห็นเวลาที่มันรีบเร่งแล้วล่ะก็ไม่ว่าเหลืออีกกี่วินาทีก็คงจะต้องโดนเทศน์อย่างแน่นอน เข้าไปในห้องส่งอย่างรีบร้อน
“เสียงที่ท่านได้ยินต่อไปนี้ คือเสียงจากสถานีกระจายเสียงคณะมนุษย์ศาสตร์ชั้น6ของมหาวิทยาลัยแดซอค ในช่วงevening feel good ขอเชิญรับฟังได้แล้วจ้า~~”
เสียงสปอตตัวสุดท้ายจบลง เพนกวินพูดขึ้น
“สวัสดีท่านผู้ฟังรายการทุกๆท่านด้วยนะคะ วันนี้ดีเจเพนกวินรับหน้าที่จัดรายการในช่วงนี้แทนนะคะ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้มาจัดตอนเย็นแบบนี้เท่าไหร่หรอกนะคะเนี่ย^o^ ช่วงนี้ทุกๆคนคงใกล้จะปิดเทอมกันแล้ว คณะนิเทศน์ช่วงนี้งานค่อนข้างเยอะ รีบๆเคลียร์กันให้เสร็จๆซะนะคะทุกคน ว่าแต่คณะวิศวะเป็นไงบ้างล่ะ
.”สิ้นประโยคเสียงตอบรับที่ควรได้ยินจากภัทรกลับหายไปซะอย่างนั้น
“ก็ดีค่ะ ไม่ค่อยมีงานอย่างที่คิดเท่าไรค่ะ ”ภัทรตอบอย่างเหม่อๆ เลยโดนเพนกวินหยิกเข้าที่แขนด้วยความขัดใจ พร้อมกับกดเสียงเหี้ยมเกรียม
“แหมจะไม่แนะนำตัวหน่อยเหรอคะ?” เสียงกลับหายไปอีกจนเพนกวินต้องมองตาขวาง
“แหม...หนูแค่ลืมไปหน่อยเดียวนะคะเนี่ย ดีเจภัทรเองค่ะ ลืมแนะนำตัวไปซะสนิทเลยค่ะTT^TT”รู้สึกสัมผัสลึกลับแทบจะในทันที ภัทรตอบกลับแทบไม่ทัน
“อ่า..แล้วงานที่คณะอื่นล่ะคะเยอะกันแค่ไหน โทรเข้ามาพูดคุยกันได้ หลังจบเพลงนี้แล้วกับมาคุยกันต่อนะคะ^^”เสียงอินโทรของเพลงtic toc ดังขึ้นทั้งสองถอดหูฟังลง
“ไอ้บ้าภัทร เกือบทำdead airแล้วไหมล่ะ แกอยากโดนคนข้างนอกเอ็ดรึไง-- --//”เพนกวินชี้ไปทางโค-โปรแกรมที่อยู่ด้านนอก ที่ดูเหมือนจะยุ่งอยู่การรับโทรศัพท์
“ก็
.เหอะๆมีอยู่แค่เรื่องเดียวเท่านั้นล่ะที่ทำให้หนูคิดถึงตอนนี้น่ะ”
“งั้นเหรอ...อย่ามาทำให้ต่อมจิ้นฉันทำงานตอนนี้สิ อ่า~ ตอนจัดรายการมันเข้าเน็ตได้นี่นา งั้นช่วยจัดเพลงหน่อยนะภัทร พี่จะเช็คข่าวsj”และแล้วรุ่นพี่ก็เข้าไปอยุ่ในโลกส่วนตัวไม่สนใจต่อทางโลกอีกต่อไป ทิ้งภัทรไว้ให้นั่งทำงานต่อ
“ค่ะ...- -*//”
“แป๊บนึงนะๆ ขออ่านอีกนาทีเดียวกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มมมมม~”ข้าวปั้นโวยวาย เมื่อตอนนี้กำลังโดนมุมิลากคอให้ออกจากห้อง หลังจากที่หมดความอดทนมานั่งคอยอยู่ที่ห้องเกือบครึ่งค่อนชั่วโมง ก็ยังเห็นเจ้าตัวนั่งนิ่งอยู่ที่หน้าคอมไม่ขยับตัวไปไหนแม้แต่นิดเดียว
“ก็อ่านฟิคอยู่ได้ จะยอมออกจากห้องไปดีๆ หรือจะให้โทรตามพี่ออมสินมาลากคอออกไปทั้งน้ำตา- -*”ข้าวปั้นที่โวยวายอยู่ยอมเงียบลง เปลี่ยนเป็นกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่แทน หันมามองหน้าเพื่อนร่วมชมรมเพื่อขอความเมตตาแทน
“โฮ...อย่าใจร้ายขนาดนั้นเลยนะ ถ้าไปตามเจ๊ออมสินมาถูกฆ่าแน่หมกห้องแน่ๆ นะ ใจเย็นๆ น๊า~ ขอเวลาอีกหน่อยนะ กำลังncเลย เดี๋ยวค้างคา อีกอย่างไม่ได้อ่าน คยูมินมานานแล้วอ่ะนะๆ ”พูดก่อนกระพริบตาปริบๆ
“แน่นะ?”เจ้าตัวพยักหน้าหงิกๆ แทนคำตอบ มุมิถอนหายใจ
“ให้เวลาอีก5นาที แล้วเดี๋ยวรีบๆอะเดี๋ยวเจ๊ออมสินโทรมาตามอ่ะ”
“ขอบใจมากน๊า~”ยิ้มจนตาหยีให้มุมิแทนคำขอบใจ
“อืม เร็วก็พอ6โมงแล้ว >0<~”
“ถ้ามาช้าอีก5นาที พี่จะไปแล้วจริงๆด้วย”ออมสินบ่นงึมงำ หลังจากที่เห็นสองสาวสุดท้าย ที่สามารถเลทเวลานัดมาได้ถึงครึ่งค่อนชั่วโมง
“ขอโทษค่ะพี่”มุมิพูดขึ้นเสียงแห้งๆ ก่อนจะหันไปค้อนตัวต้นเหตุ
‘เหอะๆ ห้านาที ไม่น่าตามใจเลยจริงๆ’
“ไปกันได้แล้วดีกว่า ป่านนี้ผอ. คงเดือดจนใกล้ฆ่าพวกเราได้แล้วมั้งเนี่ย- -”แจอาเสียงเย็นๆ
“เออ นั่นดิ ไม่รู้ไปแล้วจะโดนอะไรมั้ง?”ผักกาดบ่น แค่นั้นก็ทำให้ทุกคนหนาวต้นคอกันเป็นแถวๆ ยกเว้นออมสิน
“โฮะๆ ก็ดีนะสิ โกรธจนให้เส้นเลือดในสมองแตกตายไปเลย”เริงร่าเสียจนน่ากลัว ถือกระเป๋าเดินออกไป
“เพี้ยนแล้วมั้งเนี่ย...”เออเรอร์พึมพำแล้วค่อยๆเดินตามไป
“เฮ้! คุณผอ. ถ้าจะไปกินก็ไปเซ่ ทำไมต้องตามคนในชมรมไปด้วยล่ะค่ะ? ที่ดิฉันยอมดูแลนักร้องของผู้อำนวยการเพราะเด็กในชมรมฉันทำผิดระเบียบแต่มันก็ต้องไม่ใช้ทุกเรื่อง!”ใบหน้าบึ้งตึง เถียงคำไม่ตกฟากของหัวหน้าชมรม ปรากฏแก่สายตาของคนที่เพิ่งมาถึง น้ำนิ่งยังคงอยู่ในชุดของนักศึกษาในมหา’ลัย
“มีอะไรเหรอ พี่น้ำ”คนถูกเรียกหันไปมองเออเรอร์กับหมอก ก่อนจะเดินเข้าไปหาตายังไม่หยุดมองซึงฮยอนที่อารมณ์ฉุนที่เพิ่งเห็นพวกเธอมา
“ก็ผอ.จะให้ไปกินข้าวด้วยพี่ไม่อยากไป เถียงกันจะตายอยู่แล้ว พี่ไม่อยากไป...”เสียงหงอยเชียว แต่มีรึจะขัดคำสั่งของซึงฮยอนได้ โดยมีกลุ่มคู่กรณี(รูปหล่อ)ยืนมองอย่างไม่วางตาเช่นกัน
“แล้วจะเอาไงอ่ะ พี่กล้าขัดคำสั่งผอ.เหรอ?”คริสตอลแทรกเสียงเข้ามาเล่นเอาเจ้าตัวคิดหนัก แต่ไม่นานก็คิดอะไรบางอย่างออก
“เอางี้ พี่รู้แล้ว ถ้าพี่ชนะผอ.ได้ พี่จะเลี้ยงข้าวทุกคน”ได้แต่ทำหน้างงๆ กับสิ่งที่น้ำนิ่งพูด แล้วเจ้าตัวก็ค่อยๆเดินไปหาซึงฮยอนกระซิบอะไรบางอย่างใส่หู เขามองน้ำนิ่ง
“เป่า ยิ้ง ฉุบ เหรอ? ไม่เด็กไปหน่อยรึไง?”สายตาเหยียดหยามนิดๆ คุณหัวหน้ามองตอบอย่างแค้นๆ
“ถ้าชนะคุณได้ ก็โอเค”
“ก็ได้ลองดู 1
2
.”
“3......”
“โอ๊ย..แกขนาดกินยังหล่อเลยอ่า~~”ข้าวปั้นชี้ชวนเอเอ็มให้ดูคยูฮยอนที่นั่งเยื้องกัน คนฟังพยักหน้าหงิกหงักไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
“เอาน่าพี่อย่างน้อยก็มีคนเลี้ยงข้าวนะคะ กินอะไรหน่อยนะ”หมอกที่นั่งข้างๆพูด หน้าบูดมื้อนี้เธอกินได้แค่สองสามคำเท่านั้นเอง
ชมรมห้องสมุดนั่งตรงข้ามกับเหล่าลิงเหมือนกับตอนที่อยู่ในห้องประชุมเด๊ะๆ แต่คราวนี้ซึงฮยอนไม่ได้นั่งข้างๆsjแต่นั่งอยู่หัวโต๊ะใกล้ๆกับออมสินที่กำลังหน้างุดเกินจะทนไม่แพ้น้ำนิ่งคงจะโดนผอ.ฮิตเลอร์กวนโมโหอีกเช่นเคย
สีหน้าขุ่นๆของเจ้าตัวทำให้คิบอมถึงกับเอ่ยถามเป็นภาษาอังกฤษที่เขาใช้ได้คล่อง
“เป็นอะไรไหม ?” น้ำนิ่งชี้นิ้วเข้าหาตัว คนถามพยักหน้า
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ท่าทางคุณจะใช้ภาษาอังกฤษเก่งจังฉันฟังเกาหลีไม่รู้เรื่องหรอก”บอกด้วยเสียงราบเรียบ ไม่ได้มองไปทางคนถามเลยแม้แต่น้อย
“งั้นเหรอครับ? แล้วที่แข่งเป่า ยิ้ง ฉุบ ตะกี๊อะไรเหรอ?”เล่นเอาคนโดนถามหน้ายุ่งอารมณ์เสีย แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อคนที่นั่งตรงหน้าไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยนี่นา มองไปทางน้องๆที่กำลังเปิบ เอ้ย! ทานอย่างเมามัน
“อยากรู้ทำไมไม่ถามซึงฮยอนล่ะ? ว่าแต่...คุณดูเด็กกว่าที่คิดไว้อีกนะ”
เขารับคำชมด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณครับ”พูดเป็นภาษาไทย
“พี่น้ำ...”วินด์ทักเมื่อเห็นคนอื่นรอบโต๊ะเริ่มมองรุ่นพี่ตัวเอง จะไม่ให้มองก็ไม่ได้ ก็เล่นคุยกันอยู่นี่
“เอ่อ...ไปเข้าห้องน้ำนะ”ทนความอึดอัดที่ยังแผ่คลุมรอบกายไม่ไหว เลยขอตัวออกไปข้างนอก
“เธอชื่ออะไรเหรอ?”พอน้ำนิ่งเดินไปได้ซักพัก คิบอมก็หันมาถามชื่อวินด์
“งั้นเรามาแนะนำตัวกันดีไหมค่ะ?”วินด์เสนอความคิดก่อนจะหันไปพูดกับผักกาดที่ดูลุกลี้ลุกลนสองสามประโยคแล้วก็ยืนขึ้นหยิบเอาช้อนมาเคาะแก้วน้ำให้เกิดเสียงจนทุกคนหันมาทางตัวเธอ ถึงจะเคาะดังแค่ไหนก็คงไม่มีคนอื่นมาสนใจเพราะในร้านนี้ผอ.เหมาทั้งร้านเพื่อต้อนรับเหล่าศิลปินโดยเฉพาะ หลังจากนี้คงจะไม่ได้กินอาหารอร่อยๆแบบนี้อีกแล้วล่ะเพราะว่าจะต้องกินอาหารฝีมือแม่ครัว14สาว รสชาติแปลกๆไม่ซ้ำวัน
“เรามาแนะนำตัวกันดีกว่าไหมค่ะ?”
“ทำไมต้องแนะนำด้วยเล่าพี่?”เออเรอร์ลุกขึ้นพูด แต่พอซึงฮยอนหันมามองก็หยุดคำพูดของตัวเองแทบจะในทันที
“จากหัวโต๊ะก่อนเลยเป็นไงอ่ะ”ข้าวสวยพูดพยักพเยิดไปทางคริสตอลกับมุมิที่อยู่ต้นโต๊ะ โดยที่นั่งตรงข้ามกับ
“แล้วจะพูดภาษาอะไรอ่ะพี่?”คริสตอลพูดทันทีที่ถูกโบ้ย
“ถ้าแกคิดว่าเขาฟังภาษาไทยออกก็เชิญแกเลย”โดนแว้งเข้าอีกรอบถึงกับหน้ามุ่ย ออมสินได้รับชัยชนะไปแบบเต็มๆ เล่นเอาผอ.หลุดขำออกมาหน่อยๆ
“ฉันชื่อแจอา ถ้าเรียกชื่อไทยจะยากไปหน่อย อยู่ปี1 แนะนำแค่นี้พอไหมคะ? คุณซึงฮยอน”น้ำเสียงประชดประชันจนเกือบเห็นได้ชัด จู่ๆก็เกิดลุกขึ้นมาแนะนำตัว ทั้งๆที่ยังไม่ถึงคิวตัวเอง เล่นเอาตกใจทั้งโต๊ะ ถึงแม้จะใช้ภาษาเกาหลีไม่ค่อยคล่องนัก แต่ก็ทำออกมาได้ดีทีเดียว
“เออเรอร์นะคะ อยู่ปี1 อายุ19 อยากรู้สัดส่วนรึเปล่าจะบอกให้
”สวนเข้ามาตอนที่แจอานั่งลงแล้ว เล่นเอาเอเอ็มอ้าปากค้าง สิ่งที่เออเรอร์บอกนี่มันมากไปรึเปล่าหว่า?
“พอๆเลยแล้วคนต่อไป”ออมสินบอกให้ตัดบทเสียก่อนที่เจ้าตัวจะบอกอะไรที่น่าฟังไปกว่านี้
“ชื่อมุมิ อยู่นิติศาสตร์ปี1นะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”เสียงหวานเสียจน ทุกคนในชมรมสามารถจับได้ ยิ้มสวยๆหนึ่งทีก่อนจะนั่งลง
“ชื่อหมอก อยู่ปี1”เสียงเรียบๆ ก่อนจะนั่งลง มองหน้าหล่อของฮันคยองที่หันมาทางตัวเองไม่วางตา
“ชื่อโฉมงาม ชื่อเล่นข้าวสวย อยู่ปีสอง เภสัชฯ”ผมยุ่งๆ กับการแต่งตัวที่ดูกระเซอะกระเซิง ขัดกับคณะที่หล่อนอยู่
ผักกาดเกร็งๆ จำนวนการแนะนำตัวเริ่มน้อยลง ทุกที แค่สายตาจ้องผ่านไปเสี้ยววินาทีเดียว ก็ใจเต้นจะบ้าตายอยู่แล้ว อาการตื่นเต้นห้ามไม่อยู่ จนกระทั่ง...เหลือเธอคนเดียว
ลุกขึ้นด้วยอาการสั่นไปทั้งตัว แต่ไม่นานก็....
โครม~
“เฮ้ย!~
”อุทานกันทั้งโต๊ะ วินด์ช่วยผยุงเพื่อนขึ้นจากพื้นที่ดูท่าจะเป็นลม คนที่ออกมาจากห้องน้ำพอดี(เกินไป)รีบเข้ามาดูอาการรุ่นนน้อง
“ผักกาดเป็นอะไร...ไปอ่ะ?”ทุกคนในชมรมลุกจากเก้าอี้ มาดูคนที่ล้มลงไป
“เป็นลมน่ะคะ พี่น้ำขอยาดมด่วน”วินด์พูด ทึกกี้เข้ามาดูอาการด้วยอีกคน
“เพื่อนเธอเป็นอะไรมากรึเปล่า?”
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก ”ข้าวสวยพูดขึ้น สมุนลิงชะโงกหน้าข้ามโต๊ะกันมา ส่วนซึงฮยอนยังยืนทื่ออยู่เลย
“ที่นี้มีโซฟาไหม?”วินด์พูดขึ้น ซึงฮยอนพยักหน้าหงึกๆ
“อยู่ตรงทางเดิน ”ผอ.ช่วยอุ้มไปที่โซฟา ทุกคนเลยรีบตามไปดู
พื้นที่ค่อนข้างคับแคบ หัวหน้าชมรมเลยให้คนอื่นออกไปคอยข้างนอก เลยเหลือไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้ามาได้ หมอกกับวินด์ดูเพื่อนที่นอนเป็นลมอยู่ข้าง ๆ ฮีชอลอยู่เฉยๆไม่ได้ เลยหาอะไรไปพัดให้ด้วย อีกสองคนที่อยู่ก่อนหน้านี้ ตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“เพื่อนเธอชื่ออะไร”คำถามแรกที่ถามพวกเธอ
“ผักกาด อยู่ปี1”วินด์ตัดสินใจตอบให้ ตายังคงมองเพื่อน เป็นห่วงหน่อยๆ แต่ก็อดฮาไม่ได้ เพราะสาเหตุจากการเป็นลม ซึ่งมันคงเดาไม่ยากนักหรอก
“งั้นเหรอ... ว่าแต่ทำไมซึงฮยอนถึงเลือกพวกเธอมาล่ะ”
“จะไปรู้เค้าได้ยังไง ก็เนี่ยๆ ๆ อยู่กันดีๆ แท้เชียว”หมอกบ่นอุบอิบแต่ก็พอลดเสียงเพื่อให้ได้ยินกันแค่สามคน
“เพราะแกไม่ใช่รึไง”วินด์อดเหน็บไม่ได้ เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อตอนบ่าย เล่นเอาหมอกหน้ามุ่ยๆ อยู่ก็งอ ม้วน
“เอาน่า อย่าเพิ่งทะเลาะกันซิพวกเธอน่ะรีบๆพัดเข้า นี่ถ้าผักกาดไม่ฟื้น ฉันจะได้บอกตำรวจถูก”ซึงฮยอนแทรกเข้า สองสาวตวัดสายตา ฉับ แอบบ่นในใจกันด้วยความอารมณ์เสีย
“อือ...”หลังจากนั้นสักพัก ดูเหมือนว่าผักกาดจะมึนเล็กน้อย ลุกขึ้นมองวินด์เล็กน้อย
“เราเป็นลม?”ผักกาดถามขึ้น
“เออ..อ่ะดิ๊ ไม่เข้าท่าเลยนะเว้ย ไปทำอะไรถึงลมใส่ฟะ”หมอกถามขึ้น แต่ก็อดโวยใส่เพื่อนไม่ได้
“เอ่อ...คือ ....นั่นพี่ฮีชอล”ชี้มาทางฮีชอลเล็กน้อยหันมาหาเพื่อนอีกสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ วินด์พยักหน้าเล็กน้อย ผักกาดนิ่งเป็นหิน ก่อนจะลมจับเข้าอีกที ด้วยการแพ้ความหล่อ(?)
“เฮ้ย~!”อีกนึงรอบที่พวกเธอต้องเหนื่อยกันต่อ คราวนี้วินด์เลยบอกให้ฮีชอลออกไปเลย หมอกสบถเล็กน้อยที่เห็นเพื่อนเป็นลมอีกรอบ
“อีกนานไหมเนี่ยกว่าพวกนั้นจะกลับมาอ่ะ”เพนกวินมองนาฬิกาอีกรอบ หลังจากเธอจากเธอและภัทรกลับมาจากไปทานข้าวเย็นก็รีบกลับมาที่บ้านในทันที
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ ไอ้กาดเป็นลมสลบไม่ฟื้น เค้าก็เลยต้องกลับกันมาหมดเนี่ย พวกแจอากินข้าวไม่อิ่มเลยออกไปซื้อของกินข้างนอก หมอกกับข้าวสวยก็ไปของที่หอนอก พี่กลัวว่าหมอกมันจะเข้าบ้านผิดก็เลยให้พวกเอเอ็มไปดูไว้อ่ะดิ”น้ำนิ่งโบกพัดใส่ผักกาดที่ยังนอนสลบอยู่ที่โซฟาที่บ้าน หลังจากเจ้าตัวสลบไปอีกรอบเพราะเจอฮีชอลระยะประชิดซึงฮยอนเลยตัดสินใจว่าจะยกเลิกมื้ออาหารไว้เพียงเท่านั้น สร้างความโอดครวญให้กับเหล่าสาวๆเป็นอย่างมาก เนื่องจากบางคนมัวแต่กินอาหารตาอยู่นั่นเองต่างกับsj ที่กินเสียเป็นจริงเป็นจัง ช่างเป็นโชคดีของพวกเขาที่วันนี้สวาปามกันเป็นเต็มคราบอิ่มท้องกลับบ้านทุกคน
“ตอนนี้เหลือกันแค่นี้เองเหรอพี่”ภัทรหันมาถามออมสินกับวินด์ที่ยังกุมขมับ
“มีแก มีฉัน วินด์ เพนกวิน แล้วก็น้ำนิ่ง ผักกาด แค่นี้แหละแกจะเอาใครอีกล่ะ ถ้าเจอใครในบ้านอีกก็บอกด้วยฉันจะออกไปนอนนอกบ้าน”ออมสินพูดกวนๆ
“โถ่..พี่ถ้าเจอก็ขอให้มาหาพี่ออมก่อนคนแรกเลยจะดีมาก เจ๊เค้าจะมีเพื่อนอีก1คน”ภัทรเถียงกลับ ช่างไม่มีสัมมาคาราวะเอาเสียเลย - -a
“เอาเหอะๆ ฉันขี้เกียจเถียงกับแกแล้ว”ออมสินยอมแพ้ท่ามกลางความโล่งใจของทุกคนเพราะทุกทีกว่าสองคนนี้จะหยุดเถียงก็ปาไปเป็นชั่วโมงแล้ว
“โห...บ้านหรือคฤหาสน์ว่ะนั่นอ่ะ..แถวนี้มืดน่ากลัวว่ะมีไฟทางก็ไม่เปิดซะงั้น..แล้วมันบ้านหลังไหนกันล่ะเนี่ย”หมอกบ่นๆมองบ้านทรงยุโรปหลังใหญ่ที่ตั้งห่างกันทั้งสองหลังอย่างงงงวย นอกจากบ้านจะใหญ่แล้วสวนหญ้าหน้าบ้านก็กว้างไม่แพ้กัน สักประมาณ15คูณ15เมตรเห็นจะได้บ้านแต่ละหลังล้อมรอบด้วยรั้วไม้เตี้ยๆสีขาวเอาไว้ ถึงแม้บ้านทั้งสองหลังนี้ตั้งอยู่ในป่ารกๆหลังม.เพื่อไม่ให้สะดุดตาผู้คนที่สัญจรไปมาบริเวณนี้ แต่ที่นี่ก็สวยมากเลยที่เดียว
“ฉันจะไปรู้ไหมล่ะ กลัวว่าจะเปิดบ้านผิดแล้วเป็นลมแบบไอ้ผักกาดว่ะ”นิสิตเภสัชจอมรั่วบ่น
“ฉันว่าดูบ้านหลังสีฟ้านั้นก่อนไหม?”เสนอความคิดก่อนจะลากแขนข้าวสวย
“เอ็งจะบ้าเหรอ sjสีวงสีฟ้าไม่ใช่เหรอ”คนโดนลากค้านไว้
“แกแน่ใจอ่ะ..ฉันว่าไอ้บ้านสีน้ำเงินบ้านsj มากกว่าว่ะ ฉันว่าสีวงsjสีน้ำเงินนะเว้ย! ฉันเคยได้ยิน”
“เฮ้ยแต่ฉันแม่นกว่านะ เคยอ่านเจอในเน็ต”
“เออ ตามใจแก เดินนำไปเลย”หมอกว่าพลางดุนหลังข้าวสวยเร็วๆ ให้ไปชิดหน้าต่างกว้างๆของบ้านหลังสีน้ำเงิน“มองเห็นอะไรบ้างป่ะ?”ถามพลางชะโงกตามมองคนที่อยู่ข้างหน้า
“ไม่เห็นเลยว่ะ แต่ว่าฉันว่าใช่นะเว้ย! เข้าไปให้เห็นกับตาดีกว่า”ข้าวสวยเดินไปจับลูกบิดประตูที่ไม่ได้ล็อค
“แล้วถ้าเข้าผิดบ้านอ่ะ”หมอกถลาไปจับมือข้าวสวย ท้วงเอาไว้
“เออ..นั่นดิ?”
“พวกแกหยุดเดี๋ยวนี้น้าาาาาาาาา~~!! ”
เมื่อประมาณ3นาทีที่แล้ว ณ จุดที่ห่างจากหมอกกับข้าวสวยประมาณ 17 เมตร 63 เซน
พวกของแจอากลับมาจากการออกไปซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อข้างนอกมหาลัยโดยเลยเวลาหอหญิงปิดอย่างสบายใจ~
“นั่นใครอ่ะ”คริสตอลพูดพลางชี้ไปทางหน้าบ้านหลังสีน้ำเงินที่เป็นบ้านของเหล่าหนุ่มๆsj
“เฮ้ยนั่นดิขโมยรึเปล่าว่ะ!!??”เอเอ็มพูดเสียงดัง จนเพื่อนต่างรุมโขกหัวให้เป็นรางวัล
“เบาสิโว้ย! เดี๋ยวไก่ตื่นหมดเดินเข้าไปดูใกล้ๆดีไหม? หรือจะเรียกพี่ๆแกออกมาดูเป็นเพื่อนดี”มุมิพูดขึ้นเดินเข้าใกล้อีกนิดแต่ก็ยังเห็นเงาตะคุ่มๆนั้นไม่ชัดอยู่ดี
“ไม่ต้องหรอกน่า แกจะไปตามให้เสียเวลาทำไม ไปเร็วๆ”เออเรอร์ฉุดมือมุมิเข้าไปดูด้วยกัน
“เฮ้ย! นั่นพี่ข้าวสวยกับหมอกนี่นา!!!”มุมิตะโกนบอกคนอื่นที่อยู่ด้านหลัง
“กำลังจะเข้าไปแล้วด้วย รีบตามไปกันเหอะ”ข้าวปั้นที่ตามมาสมทบ รีบวิ่งเข้าไปตะโกนลั่นเพื่อให้ทั้งสองได้ยิน แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเสียแล้ว..
“คยูฮยอน มานี่หน่อยสิ”เสียงติดกังวลของซองมินพูดขึ้น ขณะคยูฮยอนกำลังนั่งคุยกับคนอื่นอยู่
“มีอะไรเหรอ? ซองมิน”หน้าของซองมินดูเจื่อนๆ ก่อนจะชี้ไปที่เงาตะคุ่มๆที่ปรากฏอยู่บนผ้าม่านหน้าต่าง
“เฮ้! พี่ชินดง มีใครก็ไม่รู้มายืนอยู่ที่หน้าบ้านตั้งนานแล้วอ่ะ”ตะโกนเรียกคนเดียวแต่ดันมาทั้งกองทัพ
“ไหนๆ ...เหยิบไปหน่อยซี่ ซองมิน”ฮยอคแจบอกให้หลีกทาง ชะโงกหน้าดูสุดฤทธิ์ด้วยความอยากรู้อยากเห็นถึงแม้จะเลิกผ้าม่านออกก็ยังมองไม่เห็นคนที่อยู่นอกหน้าต่างเพราะข้างนอกมืดสนิทจนมองออกมาไม่เห็นภายนอก
“อาจจะเป็นพวกบ้านนั้นก็ได้”พูดไปคิบอมก็ยืนชะโงกหน้าดูไปไม่แพ้ฮยอคแจที่ยืนอยู่ข้างกันเลย
“หรือว่าจะเป็นผีอาจารย์อ่ะ คยู>.<”ซองมินคิดขึ้นมาได้ ตอนก่อนจะเข้าบ้านไม่รู้ว่าซึงฮยอนพูดจริงหรือเล่นว่าที่บ้านหลังนี้เคยมีอาจารย์ที่อาศัยอยู่ยิงกันตายแถมเล่าไปก็ยิ้มเย็นๆประกอบไปดูแล้วก็รู้สึกว่าผอ.คนนี้น่ากลัวขึ้นมาเป็นกอง
“ไม่มีทางหรอกน่า..”ฮีซอลที่นั่งอยู่ข้างๆลีทึกค้าน
“ผมว่าก็ไม่น่าใช่ ผีที่ไหนมีเงากันล่ะ”เรียววุคถอดหูฟังออกมาสนใจภายนอกเพราะเสียงดังโวกเวกของฮยอคแจทำให้ฟังเพลงต่อไปไม่รู้เรื่อง
“หรือว่าคนส่งพิซซ่า...”ชินดงเพ้อเล็กน้อยเพราะว่าตัวเองเริ่มหิว
“ถ้าเป็นพิซซ่าก็ดีสิ ฉันอยากกินหน้าซีฟู้ด..ฮ่าๆ”ตาทงเฮลุกวาวประกอบคำว่า‘ซีฟู้ด’
“จะบ้าเหรอ?...แล้วใครสั่งเล่า”ลีดเดอร์หันไปมองดุๆ เมื่อทงเฮเล่นด้วยอีกคน ซองมินไปหยิบร่มเก่าๆที่แขวนไว้ขึ้นมาถือไว้อย่างกล้าๆกลัวๆยืนอยู่หน้าประตูรอจังหวะ คนอื่นๆหลีกทางให้เพราะกลัวลูกหลง
แอ๊ดดดดดดด~
“เหวอออออออออ~”พวกเพื่อนๆที่วิ่งเข้ามาไม่ทันเบรกชนกับหมอกเข้าอย่างจัง ในขณะที่ข้าวสวยสะดุ้งออกทันทีเมื่อได้ยินเสียง จนทำให้หมอกเซถลาเข้าไปในประตูที่ซองมินอยู่ คนที่ไม่ทันตั้งตัวถูกสาวเจ้าล้มทับเต็มๆ แทบจะในเสี้ยววินาทีเดียวกัน คนอื่นๆพลอยเทล้มลงมาด้วย
แต่ที่ไม่คาดฝันยิ่งกว่านั้น เมื่อหน้าของหมอกปะทะกับคนที่ถูกเธอล้มทับเข้าพอดี หญิงสาวเบี่ยงหลบเล็กน้อย ผลคือทำให้ริมฝีปากชนเข้ากับแก้มขาวๆของซองมินเข้าอย่างช่วยไม่ได้
ทุกคนได้แต่อึ้งกับสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น จนรยอวุคได้สติช่วยจับพวกผู้หญิงที่ล้มทับซองมินขึ้นมา แล้วถึงคนอื่นจะมาช่วยตาม ซองมินก็ร้องครวญครางอยู่ข้างล่าง จนหมอกรำคาญ
“หยุดร้องซะทีฉันรำคาญ>o<”เสียงนั้นกระแทกเข้าหูซองมินอย่างจัง ก่อนจะถูกคังอินดึงตัวขึ้นมา
“ก็มันจุกนี่ T^T”ก่อนจะเบะปากมองหน้าหมอก มือจับเข้าที่แก้มข้างที่หมอกจุ๊บลงไป
‘เราจุ๊บแก้มซองมินนี่หว่า หวา~ ทำไงดี? >///< ’
หน้าของทั้งสองเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ จนมีคนผิดสังเกต
“เป็นอะไร รึเปล่าครับ”ทงเฮฉุดเออเรอร์ให้ลุกขึ้นเป็นคนสุดท้าย
“เปล่า..ขอบใจ”เออเรอร์พูดห้วนๆพลางปัดเสื้อไปมา ไม่ได้มองหน้าทงเฮสักนิด
“แกเป็นไรมากป่าวอ่ะ ตะกี๊ขอโทษที”แจอาพูดเรียกสติเพื่อนให้กลับมาแต่ดูเหมือนจะแค่บางส่วนเท่านั้น เพราะดูจะเบลอๆงงๆไปหมด เอ...หรือว่าสักครู่ที่ล้มไปมันกระเทือนถึงสมองกันหว่า?
“พี่ซองมิน...”ซีวอนเรียกคนที่ยังนั่งอยู่กับพื้น ก่อนจะฉุดขึ้นมา
“พวกคุณเข้ามาได้ยังไง?”ฮันคยองพูดขึ้นหลังจากที่คนอื่นช่วยกันฉุดหมอกขึ้นมาแล้ว
“จะพูดว่าไงดีอ่ะ..”มุมิทำท่าจะเริ่มพูดแต่ก็ยังอึกๆอักๆเลยสะกิดหมอกให้พูดแทน
“เผอิญว่าพวกเราอยู่หอนอกเลยไม่รู้ว่าบ้านหลังไหนเลยตัดสินใจเข้ามาบ้านหลังนี้ก่อน แล้วพวกที่เหลือวิ่งเข้ามาปั๊มพ์น่ะ ก็เลย...”หมอกก้มหน้าก้มตาต่อ ใครจะกล้ามองหน้าคน(น่ารัก)ที่ตัวเองจุ๊บแก้มกัน?
“อ๋อ..เข้าใจแล้ว ทีแรกนึกว่าโจรที่ไหนซะอีก”เยซองพูดขึ้น มองหน้ามุมิกับคริสตอล สาวไทยนี่ก็น่ารักเหมือนกันแฮะ
“ขอโทษด้วยแล้วกันนะคะ”ข้าวสวยรีบขอโทษคนอื่นที่อยู่ในบ้านก่อนจะหันหลังมา มองหน้าเอาเรื่องพวกรุ่นน้องที่เข้ามาชน‘วันนี้พวกแกตายแน่ๆ’เอเอ็มกับมุมิพร้อมใจกันสลดลงในทันทีได้แต่ยิ้มแห้งๆให้กัน
“งั้นก็ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้ก็สามทุ่มแล้วด้วย พวกคุณรีบเข้าบ้านดีกว่า ยังมีคนอยู่ที่บ้านด้วยไม่ใช่เหรอ?”ฮีชอลพูดขึ้นหลังจากอึ้งกิมกี่ไปหลายนาที ทุกคนในที่นั้นพยักหน้าเห็นพ้องต้องกัน
“งั้นก็กลับก่อนแล้วกัน ขอโทษที่มารบกวนในยามวิกาลนะค่ะ พวกเราไม่ได้มีเจตนาจริงๆค่ะ”คริสตอลพูดไปก็โค้งขอโทษไปพลางเล่นเอาเพื่อนๆต้องช่วยกันก้มโค้งขอโทษเหล่าหนุ่มๆเป็นพัลวัน
“ไม่เป็นไรหรอกครับมาบ่อยๆก็ได้นะ”คังอินที่จู่ๆโผล่ออกมาจากไหนก็มิทราบได้พูดขึ้นก่อนจะส่งสายตาหวานๆไปทั่วบริเวณ
“เอาขนมมาด้วยก็ดีนะ”ชินดงยังคงพูดถึงของกินไม่เลิก เพื่อนๆในวงส่ายหัวกันเล็กน้อย
“ไม่ต้องห่วงค่ะ จะพยายามไปหามาให้ แต่ว่าจ่ายเงินกันเองนะ”ข้าวปั้นพูดติดตลก
“ผมยังจำชื่อทุกคนไม่ได้เลยฮะ..ไว้วันหลังเราค่อยมาแนะนำตัวกันใหม่ดีไหมครับ”เรียววุคบอกก่อนจะยิ้มให้คริสตอล
“ยังไงๆเดี๋ยวเราก็เจอกันอีกอยู่แล้วล่ะ”คริสตอลยิ้มตอบกลับมาทั้งสองคนมองหน้ากันเขินๆ
“ไปเหอะ กะว่าจะไปดูบอลซะหน่อย วันนี้มีลิเวอร์พูลกะแมนยูอ่ะ ”เออเรอร์หาวง่วงนอน
“งั้นก็ไปก่อนนะค่ะ ขอโทษที่มารบกวนค่ะ”ข้าวปั้นพูดพร้อมกันก่อนจะค่อยๆทยอยเดินกันออกไป หนุ่มๆพยักหน้าก่อนจะโบกมือให้
“จะไม่เข้าบ้านรึไงซองมิน”ฮันคยองโผล่หน้าออกมาจากหลังประตู เมื่อเห็นว่าซองมินยังยืนเหม่อค้างอยู่กับที่
“อ่ะ..เข้าสิๆ”
“ทำไมกลับมากันช้าจังอ่ะ รอกินด้วยนะเนี่ย”ผักกาดละสายตาออกจากทีวีหันมาพูด
ทุกคนเดินเข้ามาแล้วมุ่งตรงไปหลังโซฟาที่ผักกาดนั่งอยู่ด้วยความสนอกสนใจ ตารางขนาดใหญ่ถูกเขียนลงบนกระดาษแข็งหลายแผ่น
“อะไรเหรอ...วินด์”เออเรอร์ถาม นั่งลงหยิบกระดาษแข็งที่มีชื่อพวกเธออยู่ในนั้นขึ้นมาดู
“อ้อ เป็นตารางทำความสะอาดบ้านนู่นกับรูทเมทห้อง พวกแกไม่มาซักที เราเลยบอกเจ๊ว่าจะมานั่งทำให้ก่อน”วินด์ตอบก่อนชูกระดาษแข็งที่เพิ่งทำเสร็จไม่นานสะดุดหูกับคำว่า‘บ้านนู่น’อย่างจัง หันมามองภัทรอย่างสงสัย
“ช่ายยยยยย พรุ่งนี้เช้าคนที่เป็นเวรต้องไปความสะอาดบ้านนู่นอ่ะ โทรศัพท์ของผอ.โทรมาสั่งน่ะ ไม่รู้ว่าพูดกันยังไงเนี่ยเจ๊ออมสินโกรธแทบตายแน่ะ”ภัทรบอก ก่อนจะลงมือแปะกระดาษกาวลงกับบอร์ด
“หา!ว่าไงนะ ทำความสะอาดบ้านเหรอ?”เอเอ็มโวยวายเสียงดัง
“ทำไมพวกเราต้องไปทำด้วยเล่า”เออเรอร์บ่น เรื่องอะไรที่จะต้องไปทำงานบ้านนู่นด้วยเล่า
“ก็ผอ.บอกว่าถ้าเราไม่ทำ เขาจะเอาเงินบำรุงชมรมเราไปจ้างแม่บ้านมาน่ะสิ”เพนกวินบอกน้ำเสียงหงุดหงิดไม่แพ้กัน ก่อนจะเสริมต่อ “เจ๊ออมสินพอวางสายปุ๊ปก็โวยปั๊บเลย ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ซักกะคน ก็รู้ๆกันอยู่ว่าเจ๊ออมสินน่ะยอมคนยากจะตาย”
“แล้วมันเกี่ยวไรกับเงินในชมรมเราด้วยเล่า?”เอเอ็มยังโมโหไม่เลิก ไม่ยอมความท่าเดียว
“นั่นดิ”เออเรอร์ช่วยเสริม ความจริงเธอกับเอเอ็มไม่ได้ชอบนักร้องเกาหลีมากมายนัก ออกแนวว่าจะรำคาญด้วยซ้ำไป
“นี่แกไม่เห็นแก่ใจพวกฉันบ้างเลยเหรอ? โอกาสดีๆแบบนี้เราสมควรที่จะคว้าไว้ไม่ใช่เหรอได้ใกล้ชิดกับดาราเลยนะ”มุมิวิ่งเข้ามาชาร์ทส่งสายตาอ้อนวอนสุดฤทธิ์
“ช่ายๆฉันรู้ว่าถึงแกจะไม่ชอบแต่แกก็ช่วยเห็นใจพวกฉันหน่อยไม่ได้รึไงกัน”ข้าวปั้นตามมาร่วมด้วยกระพริบตาปริบๆ
“นะเรอร์ นะเอ็ม นะๆๆๆๆๆ”มุมิกับข้าวปั้นเข้าไปเกาะแขนเอาหัวซุกกับไหล่ของทั้งคู่
คนโดนอ้อนมองหน้ากันส่ายหัวไปมาเซ็งๆ ก่อนจะพูดพร้อมกัน“เออ..ก็ได้”
“พรุ่งนี้เวรใครอ่ะ”ข้าวสวยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“พฤหัสบดี....พรุ่งนี้เวรฉันกับพี่ออมสิน”วินด์บอกแต่มือกับตายังสาละวนอยู่กับงานที่อยู่ในมืออย่างขะมักเขม้น
ผักกาดปิดทีวีก่อนจะเดินเข้ามาช่วยงานคนที่อยู่ข้างหลัง หลังจากทำแกงรินได้พักใหญ่
“ผักกาด เอาไอ้นี่แปะบอร์ดให้หน่อยดิ ขี้เกียจลุกอ่ะ”เพนกวินส่งกระดาษแข็งในมือให้
“อือ”ผักกาดหยิบกระดาษแข็งเหล่านั้นแปะกับผนัง แต่ด้วยความที่ความสูงไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่เลยให้หมอกมาช่วย
“ถ้างั้นอย่านอนดึกกันนักนะ พี่จะขึ้นไปเขียนตารางซ้อมบาสพรุ่งนี้ ห้องที่นอนอ่ะพี่สั่งให้ออมสินช่วยจัดการเอาป้ายชื่อไปปิดไว้หน้าห้องแล้วนะว่าใครนอนห้องไหนกันบ้าง ข้าวของที่วางกันไว้พี่ก็ช่วยกันขนขึ้นไปให้แล้วนะ มีอะไรจะเพิ่มก็ขึ้นไปบอกแล้วกัน บาย~”หัวหน้าชมรมพูดก่อนจะลุกแล้วเดินขึ้นบันไดไป
“บอลจะจบกี่โมงอ่ะ?”แจอาลองเรียบๆเคียงถามดู
“ตีสองมั้ง”เออเรอร์ตอบออกมาอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร แต่ดูท่าทางอีกคนจะกระดี๊กระด๊าสุดๆไปเลยเชียว
“วันนี้จะเล่นเกมส์อ่ะ” อีกคนเฉลยขึ้นก่อนจะกระโดดดึ้งๆไปมาเสียทั่วบ้าน
“หา? นี่ยังกล้าแบกเกมส์มาเล่นอีกเหรอ เหลือจะเชื่อเลย”คริสตอลทำหน้าอึ้งเล็กน้อยประกอบ
“ก็พรุ่งนี้มันมีเรียนตอนบ่ายแล้วอีกอย่าง ก็ไม่ได้แตะมานานแล้วด้วย แล้วใครจะอยู่เป็นเพื่อนเค้ามั้งอ่ะ”
“ก็ให้เออเรอร์อยู่เป็นเพื่อนไปดิ๊ มันจะดูบอลนี๊ ดูเสร็จอยู่เป็นเพื่อนแจอาแล้วกัน ส่วนคนอื่นขึ้นนอนเหอะ ป่ะ~”หมอกบอกก่อนจะเดินขึ้นข้างบนด้วยคน เพราะความง่วงที่สะสมมาตลอดทั้งวัน
“เดี๋ยวๆ หมอกอย่าพึ่งขึ้นฉันว่าแกไปหายามากินก่อนดีกว่าหน้าแกแดงๆนะเป็นหวัดรึเปล่า? ตากลมตอนกลางคืนไม่รู้รึไงว่าทำให้เป็นหวัดได้น่ะ ไม่หัดดูแลตัวเองซะบ้างสิ ถ้าไม่ดูแลตัวเองใครเค้าจะมาดูแลให้ห่ะ? เฮ้อ..น่าเบื่อจริงๆ”วินด์บ่นเป็นชุดก่อนจะก้มลงทำงานต่อ ถึงแม้ว่าเธอบางทีจะถึงจู้จี้เรื่องคนอื่นมากเกินไปแต่ก็เป็นเพราะเธอเป็นห่วงเพื่อนๆนั่นเอง
มุมิ ข้าวปั้น ข้าวสวย เออเรอร์ เอเอ็ม แจอาหัวเราะหึๆในลำคอเป็นเชิงว่า‘รู้กัน’ แต่แทนที่คนโดนทักแทนที่จะไปหายามากินตามที่วินด์บอกกลับรีบวิ่งหนีขึ้นข้างบนไปในทันที
“เฮ้ย!หมอก..อย่าเพิ่งทิ้งกันดิ๊ วันนี้จะเล่นไบโอฯให้ดู คิกๆ”แจอาพูดด้วยน้ำเสียงล้อๆก่อนจะหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงประตูที่ปิดลงอย่างแรง
ภัทรตาลุกวาวแทบไม่ทัน คว้ามือแจอามาจับแน่น“แกจะเล่นภาคอะไรอ่ะ?”
“ภาค3อ่ะ มีเนมิซิสด้วยเร้าใจดี”ตอบเรียบๆ แต่เล่นเอาคนถามแทบกรี๊ด
“งั้นวันนี้เค้าอยู่เป็นเพื่อนแกเอง อยากดูๆ”
“น่ากลัวเป็นบ้าเลยอ่ะ กล้าเล่นเข้าไปได้ยังไงอ่ะ นี่ตีสามกว่าแล้วนะเนี่ย จะเช้าแล้ว>.<”ภัทรมองเพื่อนเล่นไปกินขนมไป บ้างทีก็ป้อนไปด้วย ปลายโซฟามีคริสตอล ผักกาด และวินด์นอนอยู่ เพราะถูกบังคับให้เป็นเพื่อน เออเรอร์ขึ้นไปนอนอย่างเต็มอิ่มเต็มใจแบบสุดเมื่อผลของการแข่งขันฟุตบอลจบไปเป็นแบบที่เจ้าตัวคาดหวัง
“เล่นหลายรอบแล้วเลยไม่ค่อยกลัวเท่าไร”หันมองสลับหน้าภัทรกับทีวีที่เจ้าตัวเล่นอยู่
“อืมๆ”จะว่าไปแล้วคนดูที่อยู่เป็นเพื่อนก็เริ่มง่วงซะเองเหมือนกันทั้งๆที่อยากจะดู
“ถึงเล่นหลายรอบก็จริง แต่ก็หลอนมากๆเลย ไม่งั้นคงไม่ตามพี่มาหรอก”
“อืม...”ก่อนเสียงจะขาดหายไป เพราะว่าเพื่อนที่เหลือเพียงคนเดียวหลับลงไปเสียแล้ว ก่อนที่จะหลอนไปมากกว่านี้ควรรีบหาที่เซฟแล้วรีบออกดีกว่า
ตึง....ตึง...ตึงๆๆๆ
เสียงเคาะประตูทำเอาคนเล่นเกมส์สะดุ้ง เสียงมาจากประตูบ้าน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อัพได้แค่นี้เดี๋ยวมาต่อนะ...
เราต้องขอโทดด้วยถ้าเราไม่สามารถให้บทที่เด่นเท่าๆกันได้เพราะตัวละครเยอะจริงๆค่ะ
เราก็พยายามจะให้เด่น หลายๆคนในตอนเดียว ตอนนี้เลยเยอะหน่อย ^^ อัพช้าไม่ว่ากันนะจ้ะ
*เจ๊หยก อัพ คราย ฟอร์เดอะ มูน ซ้ากกกที หนูรู้ว่าเจ๊ไม่มีมู้ด เเต่อยากอ่านคร้าบบบ หลงรักลูกสาวโจค้าบบบ *
ความคิดเห็น