คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : lesson1 : Go on (up แล้วจร้าอยู่ในนี้ ^^)
Lesson1 : Go on
“ป้าซึนาเดะคะ!!! ถ้าไม่รีบตื่นภายใน15นาทีนี้ ป้าจะเข้าเรียนสายนะคะ” เสียงดังแผดแต่เช้ากับฉายาที่คนในชมรมยัดเยียดมันให้ฉัน ทำให้ฉันต้องตื่นขึ้นมาด้วยท่าทีสะลึมสะลือก่อนจะรีบผลุงหายไปในห้องน้ำ
“แล้ววันนี้ไม่มีเรียนรึไงฮะ?”
“เปล่า...เดี๋ยวประมาณ9โมง ออมสินมีนัดประชุมกับผอ.คะ”
“จ้ะๆ งั้นพี่ฝากเก็บที่นอนด้วยนะ พี่ไปแล้วนะ”ฉันรีบหยิบรองเท้าจากชั้น ก่อนที่ยัยออมสินจะโอดครวญเสียใหญ่ เอาล่ะวันนี้ก็แค่เช้าอีกวันนึง
ฉันคงต้องเล่าอะไรหน่อยแล้วกันก่อนที่จะไปถึงห้องเรียน สวัสดี...ฉันชื่อ น้ำนิ่ง เป็นเด็กคณะมนุษย์ศาสตร์ปี3 เป็นหัวหน้าชมรมห้องสมุดอย่างที่รู้ๆกัน - - ที่จริงพวกคุณก็คงจะรู้จุดประสงค์ทั้งหมดของชมรมเราแล้วใช่ไหมคะ?....ที่แรกๆ มันจัดตั้งมาเพื่อคนที่บ้าฟิค Y ของฉันกับพวกเพื่อนๆ แต่พอผ่านไปในชมรมก็เหลือฉันแค่คนเดียว เพราะว่าพวกนั้นหนีไปเข้าชมรมอื่นกันหมด แต่พอพวกนั้นออกไป กลับมีเด็กมาเข้าชมรม(ของฉัน) จากที่เมื่อก่อนเหลือฉันเพียงแค่คนเดียวตอนนี้กลับมีเด็กเข้ามามากมาย แต่ถึงไงก็ไม่ถึงเกณฑ์ของกฎการตั้งชมรมของมหา’ลัยอยู่ดี แต่รอดมาได้อย่างไรก็ไม่รู้ ขนาดที่ว่าผอ.คนใหม่ของมหาลัยจะจ้องเล่นงานเราอยู่ก็ตาม อาจจะเป็นเพราะออมสิน(ด้วย)กระมัง?
นี่ชมรมฉันขึ้นปี2แล้วสิ ^^ เป็นไงล่ะ เจ๋งไหม??
“ย้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”เสียงโวยวายดังขึ้นลั่นไปทั่วบริเวณทำเอานิสิตที่กำลังเดินไปเดินมาแถวๆตึกคณะมนุษย์ศาสตร์มองกันเป็นตาเดียว พร้อมกับน้ำนิ่งที่พาร่าง(ชรา)ของตนเองมาถึงตึกเรียนได้ทันเวลา
“ป้าน้ำนิ่งมาสาย..แฮะ”เจ้าหล่อนหยุดอยู่ตรงหน้าคนที่เพิ่งหยุดวิ่งมาหอบหายใจ
“โทษที..แฮ่ก..ๆ..วันนี้ออมสินไม่ยอมปลุกอ่ะ..ยัยภัทรก็ไม่โทรตาม แล้ววันนี้มุมิเข้าเรียนกี่โมงล่ะ? เเล้วนี้อย่าบอกนะว่าคนอื่น เข้าเรียนไปหมดแล้ว...- -*///”นางสาวประทับใจพยักหน้าเรียบเรื่อยอันเป็นที่บาดใจหนุ่มในคณะนิติศาสตร์ จนคุณเธอถูกยกให้เป็นดาวประจำคณะ น้ำนิ่งเหลือบมองเสื้อที่คุณเธอใส่อยู่อย่างหวาดเสียว
‘ปลิ้นออกมาจะทำยังไงล่ะเนี่ย...=0=*//’
“มีเรียนตอนประมาณ10โมงอ่ะคะ...ข้าวปั้นก็ไปแล้วด้วย บอกให้พี่รีบไปเข้าห้อง...”ตาโตลุกวาวเมื่อสิ้นประโยค เพราะว่าฉันกับข้าวปั้นต้องเข้าเรียนวิชาเดียวกันตอนเช้าเลยสั่งให้ข้าวปั้นมารอ
“หา!...ชิหาย- -* บอกยัยข้าวปั้นให้รอ คนสั่งดันสายซะเอง โอ๊ยยย~ ทำไมฉันถึงเป็นคนแบบนี้น๊า~ TTOTT” น้ำนิ่งเกาหัวตัวเองจนยุ่งพร้อมกับครวญเสียงดัง จนคนอื่นหันมามองอีกระลอก
“พี่คะพอเถอะคนมองใหญ่แล้ว
”
“อืม...จ้ะงั้นพี่เข้าเรียนก่อนนะ รู้สึกว่าจะสายมา5นาทีแล้ว ถ้าเจอคนอื่นฝากบอกด้วยว่าเจอกันตอนเย็นที่ห้องสมุดนะ แล้วก็ขอโทษด้วย ไปล่ะนะ”ฉันก้มมองเช็คสภาพตัวเอง ก่อนจะออกวิ่ง4คูณ100 เพื่อจะได้ให้ถึงห้องเรียนที่อยู่ชั้น4 โดยเร็วที่สุด
“อ้าว
ภัทรทางนี้ๆๆ!!”เสียงตะโกนของเพนกวินกับออมสินเรียกรุ่นน้องที่อยู่อีกฟากของตึก เจ้าของชื่อหันไปมองอย่างยิ้มๆ รีบเดินเข้าไปหา
“อ้าว พี่เพนเรียนนิเทศนิ๊ มาตึกวิศวะทำมายคะเพ่~?”เสียงยานๆ กล่าวขึ้นเมื่อถึงตัว
“มาหาแกไงวันนี้ตอนเย็นแกต้องไปจัดรายการกับฉัน-3- เลยขอให้ออมสินช่วยพามาหาห้องที่แกเรียน”
“ไม่ใช่หนูไม่ได้เหรอก๊าบบบ”ก่อนจะเบะปากนิดๆเพื่อนความน่าสงสาร
“ไม่ได้ย่ะ”เพนกวินปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
“ทีหลังทำหน้าให้มันน่าสงสารกว่านี้หน่อยสิอีหนู เอ๊ย~”ออมสินได้แต่ปลอบน้องรักอย่างเห็นใจ(??)
“ก็ได้ๆ TT^TT วันนี้ได้ข่าวว่าเจ๊น้ำนิ่งเข้าเรียนสาย เมื่อเช้าไม่ได้ปลุกเหรอคะพี่”
“อืม เมื่อเช้าปล่อยไว้ในห้องอ่ะ ขี้เกียจปลุกแล้ว”
“อ้อ...มิน่าล่ะ งั้นก็คงเจอกันอีกเย็นนี้สินะคะ - - ว่าแต่ทำไมเวรจัดรายการวันนี้มันเป็นตอนเย็นอ่ะ”ภัทรหันไปมองคนที่ยืนกอดอก
“วันนี้คนที่จัดช่วงเย็นมันป่วยใกล้ตายเลยให้พี่จัดแทน ส่วนคนอื่นก็จัดตอนบ่ายช่วงของพี่ไง ^^”ก่อนยิ้มเย็นและย้ำจุดประสงค์เดิมด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม“เย็นนี้ถ้าฉันไม่เจอแกนะภัทร...คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
จะเกิดปรากฏการณ์ยักษ์กินคนขึ้นน่ะสิ ถามมาได้
“เจ้าค่ะ”เจ้าเสียงตอบรับด้วยความเต็มใจมากกกกก
“ดีมาก งั้นหมดธุระแล้วขอบใจมากนะ ออมสินไปล่ะ อีกมีเรียน10นาที ”เพนกวินดูนาฬึกาตัวเองก่อนจะเดินออกไปจากกลุ่มสนทนา
“ว่าแต่วันนี้มีเรียนอีกรึเปล่าอ่ะเรา...?”ออมสินถามขึ้นเพราะว่าตอนนี้มันใกล้เที่ยงเต็มทีแล้ว
“ไม่มีแล้วอ่ะค่ะ กะว่ากินเที่ยงเสร็จกะว่าจะขึ้นหอไปนอนแล้วก็ลงมาจัดรายการตอนเย็น สงสัยจังวันนี้จะได้เข้าชมรมไหม?”
“อืมดี งั้นพี่ไปกินด้วยเลย ว่างพอดี ป่ะ เลี้ยงน้ำหน่อยดิ๊”ยังไม่ทันเออออห่อหมกก็โดนลากตัวไปแล้ว
ตอนที่พวกเราเดินมาถึงที่โรงอาหารเหมือนกับทุกๆวันน่าเบื่อชะมัดเลย นักศึกษาที่หนาแน่นเต็มปริมาตรในเวลาเที่ยงตรงของทุกวัน ฉันอยู่มาได้ยังไงตั้ง2ปีตลกพิลึกเลย แต่อย่างว่าฉันเลือกเองนี่นา บ้านมีก็ไม่อยู่
“งั้นเดี๋ยวหนูไปซื้อน้ำให้นะคะ ^^”ฉันบอกก่อนจะเดินมาวางจานข้าวบนโต๊ะ โดยวันนี้มีพี่ออมสินรุ่นพี่ในชมรมมานั่งทานด้วย
“อืมเร็วๆอ่ะ”เจ๊ออมสินเร่งไล่หลังมาอีก
“เจ้าค่า !!”
“ภัทร” เออเรอร์นั่นเอง คุณเธอเป็นรูมเมทของฉันเอง นึกว่าจะทุบนาฬึกาปลุกของฉันพังซะแล้ว(ถ้ามันไม่ตื่นอ่านะ- -*)
“หืม? อะไร ทักทำเพื่อ?” - -??
“อย่ามากวนป่ะ จะขอบใจซะหน่อยที่ตั้งนาฬึกาปลุกให้ ว่าแต่แกตั้งปลุกไว้ตอนไหนฟ่ะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“ตอนฉันตื่นไง รู้ว่าแกตื่นสายบ่อยเลยตั้งไว้ให้ ไหนอ่ะ ขอบใจ”
“เออๆ มีทวงนะ ขอบใจ”
“เย็นนี้อาจะจะไม่ได้เข้าชมรมนะ”
“ทำไมอ่ะ? รึว่าจะไปเดทกับแฟน”
“ปากเหรอ? จะไปจัดรายการกับพี่เพนกวินย่ะ เฮ้อ~ ไปกินข้าวก่อนแล้วกันคุยกับแกแล้วยิ่งเครียด”ฉันเครียดกับยัยนี่จริงๆนะเนี่ย- - ให้ตายเถอะ
“จ้า เลิกแล้วก็ได้แต่ฉันรีบบอกแกไปเรื่องนึง” บอก? เรื่องไรฟะ?
“เรื่องอะไรว่ามา”
“บอกแล้วห้ามโกรธนะๆ ห้ามโกรธนะ” มีเงื่อนไข สำหรับยัยเออเรอร์ ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
“อืม ไม่โกรธแกหรอก เล่ามา”
“ของในตู้เย็นที่คุณพี่ภัทรซื้อมาขุนไว้เต็มตู้เย็นอ่ะคะ คุณน้องกินหมดแล้วนะคะ แค่นี้ล่ะคะ บายค่า~ แล้วเจอที่หอ~”
=0=
กะรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด~
ขนมลูกแม่...
โดนTT^TT ฟาดเรียบตู้เย็นเลย ฮือๆๆ
“ทำไมเป็นงี้ กลับมาเหลือแต่ร่างไร้วิญญาณเลยเหรอแม่หนู”
“ยัยตัวแสบเอาอีกแล้วอ่ะพี่...ฟาดของกินหนูอีกแล้ว”พี่ออมสินได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะหัวเราะขึ้นนิดๆ
“เหอะๆ มาบอกพี่แล้วมันได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาเล่า”คำพูดของพี่ ทำเอาฉันหน้างุดใหญ่
“ค่ะๆ ไม่พูดก็ได้ ตอนบ่ายนี่มีเรียนรึเปล่าคะ?”
“อืม...ก็ไม่เชิงนะ แต่ว่าต้องไปที่ห้องผอ.อีกแล้วล่ะ - -”
“ไปอีกแล้วเหรอคะ? ทำไมผอ.ชอบเรียกไปอยู่เรื่อยพี่จัง หรือเพราะพี่สนิทกับผอ.คนเก่ารึเปล่า เกี่ยวกันไหมเนี่ย”
จะขอเล่าให้ฟังไว้ก่อนเลยแล้วกัน เมื่อก่อนพี่ออมสินสนิทกับผอ.คนเก่ามาก เพราะว่าเคยอยู่ข้างบ้านกัน พี่ออมสินเล่าให้ฟังว่า ลูกชายของผอ.นั้นเป็นลูกติดจากการแต่งงานกับสามี ตอนปี1น่ะก็ยังดีอยู่หรอก แต่พอนานวันเข้าไป ซึงฮวาน ลูกชายของผอ.เข้ามาดูแลงานแทนเลยมีเรื่องกัดกันแทบทุกวัน
“ฉันจะไปรู้อะไรเค้ารึไง?”
“รึว่าผอ.ชอบพี่เหรอ?”
“ไร้สาระแล้วนะเราอ่ะ พูดอะไรได้คิดมั้งไหมฮะ?”พอด่าเสร็จฉันก็โดนมะเหงกของพี่ออมสินไปเสียนึงที
“โอยยย พี่อ่ะ”ฉันได้แต่มองค้อนพี่ออมสินอย่างเอาความไม่ได้
“พี่ไปก็แค่เรื่องของชมรมเรานั่นล่ะ..ถ้าแกกินเสร็จก็เก็บของพี่ด้วยนะ ขอบใจมากสำหรับน้ำนะจ้ะน้องสาว..พี่ไปล่ะ”ทิ้งกันงี้เลยเหรอ~ อะไรเนี่ย - - ? แต่ช่างเถอะ ฉันกินข้าวให้เสร็จๆไปดีกว่าจะได้รีบกลับไปที่หอซะที
หลังจากที่ฉันทิ้งยัยภัทรไว้ที่โรงอาหาร แล้วก็รีบต้องรีบมาที่ห้องผอ. เพราะว่าฉันจะต้องรีบไปเรียนอีก เป็นเรื่องมุมิอีกรึเปล่า? หรือเรื่องของชมรม?
‘ก็คนในชมรมเธอมันไม่ครบตามเกณฑ์ของการตั้งชมรมอีก3เดือนถ้ายังหาคนเข้าเพิ่มไม่ได้ ฝากไปบอกน้ำนิ่งด้วยว่า...ฉันจะยุบชมรมเค้า’
ก๊อกๆ...ๆ
ก๊อกๆๆๆ
ก๊อกๆๆๆ....ๆๆ..~
หลังจากที่เคาะประตูอยู่นานตามมารยาทก็ไม่ได้ยินเสียงเอ่ยทักจากคนที่อยู่ข้างในห้องแม้แต่นิดเดียวจนคนที่อยู่หน้าห้องอำนวยการมองอยู่ เริ่มแพร่ขยายการมองไปทั่ว ฉันทนไม่ไหวเลยเปิดประตูพรวดพราดเข้าไปเลย - . - ก็เห็นคน(กวนประสาท) รู้นะเฟ้ย! ว่าได้ยินเสียงเคาะประตู ก็เห็นตาผอ.นั่งงกๆๆๆอยู่กับกองเอกสารกองโตที่วางไว้บนโต๊ะไงล่ะ เหลือเชื่อเลยให้ตายเถอะ
“อ้าว~
นึกว่าใครซะอีกว่าแต่คุณวรภรณ์ คุณมีธุระอะไรมิทราบหรือครับ”เสียงทักหลังจากที่เพิ่งเงยหน้าออกมาจากกองเอกสารหันมามองที่ประตูซึงฉันยืนขวางอยู่ อ้อ ไม่ต้องตกใจการที่เจ้าผอ.นี่พูดไทยได้ไม่ใช่เพราะเขาเป็นมนุษย์ต่างดาวนะ แต่เป็นพ่อของเขาสั่งให้เขาเรียนต่างหาก ได้ยินมาว่าตัวเองไม่ค่อยอยากจะเรียนแต่โดนบังคับ สะใจจริงๆ ฮิฮิ
“ก็ผอ.ซึงฮวานนัดดิฉันมาเองไม่ใช่เหรอคะ?”
“อ้อ..ใช่ๆ ผมนัดคุณไว้น่ะ...ขอโทษทีนะที่ลืม”เหอะๆ ตลกจริงพ่อคุณ
“ว่ามาสิคุณผอ.มีธุระอะไรจะขู่เข็นเอ้ย! วานดิฉันหรือค่ะ?”
“จะเข้าเรื่อง เลยแล้วกันนะ พอดีฉันมีเพื่อนมาน่ะ ฉันอยากให้เธอแล้วก็พวกที่ชมรมของเธอดูแลพวกเขาหน่อย ”
“ดูแล?ท่านผอ.ที่เคารพคะ ดิฉันไม่ใช่พี่เลี้ยงใครนะคะ จะให้ได้มาดูแลใครๆเค้า ”
“แต่เธอต้องทำ แล้วก็ฝากไปบอกคนอื่นๆในชมรมเธอด้วยนะ ถ้าปฏิเสธล่ะก็รับรองว่าพวกเธอได้หาชมรมใหม่กันไม่ทันแน่ๆ ตอนนี้ก็เที่ยงกว่าๆแล้ว เอาไว้ตอนบ่าย3โมงกลับมาเจอฉันที่ห้องประชุม พร้อมกับคนในชมรมของพวกเธอด้วยแล้วกันนะ” แล้วตานั่นก็ลุกจากเก้าอี้เดินออกไปเสียเฉยๆเลย
ไอ้.. ฮิตเลอร์ ไอ้...ผู้ชายเผด็จการ..บ้าที่สุดเลยTT^TT
แล้วจะให้ดูแลใครที่ไหนก็ไม่รู้...
เฮ้อ~ ขออย่าให้เป็นคนแบบตาผอ.ก็พอ เจอแค่คนเดียว ยัยออมสินคนนี้ ก็เข็ดขยาดไปจนวันตายแล้ว
“ฮัลโหล พี่ฮีจินพวกผมถึงเมืองไทยแล้วนะครับ”ตอนนี้ผมกำลังคุยกับผู้จัดการ พี่ฮีจินที่ตอนนี้ไม่ได้มากับเราด้วย น่าเสียดายชะมัด ที่สนามบินในเมืองไทยมัน คนไม่ค่อยจะพลุ่งพล่านเท่าไรเพราะตอนนี้ไม่ใช่ช่วงวันหยุด พวกเรายืนอยู่กันใกล้ๆกับสวัสดิการเพื่อรอญาติของพี่ฮีจินที่นัดเอาไว้
“ป้าคร้าบบบ~ เสียดายไหมที่ไม่ได้มาด้วย”เสียงคังอินแทรกเข้ามาในมือถือขณะที่ผมกำลังคุยกับพี่ฮีจิน
“ทึกกี้ฝากบอกบอกอีหมีด้วยนะว่าถ้าเรียกฉันว่าป้าอีก ฉันจะนั่งเครื่องบินเที่ยวบินที่เร็วที่สุดตามไปอัดถึงที่เลย”หมีมันจะล้อก็ไม่รู้จักเวล่ำเวลาเอาเสียเลย ผมเลยแยกเขี้ยวใส่คังอินเพื่อบอกว่า’พี่เค้าจะเลือดหัวแกแล้ว’
“เอ่อ พี่ฮีจิน เพื่อนพี่จะมาเมื่อไหร่เหรอครับ”
“ตอนนี้ที่นู่นกี่โมงแล้วล่ะ?”
“ประมาณเกือบๆบ่ายสามน่ะครับ”
“คงใกล้มาถึงแล้วล่ะ..อืม ยังไงก็ขอให้พวกนายหามินจีเจอเร็วๆนะ แล้วฉันจะส่งข่าวที่สืบไปเป็นระยะ โอเค๊?”
“ครับๆ
”หลังจากนั้นก็มีคนมาสะกิดผมสงสัยว่าคงจะเป็นญาติพี่ฮีจินดูเหมือนว่าเค้าจะรีบมามากๆดูเค้าเหนื่อยๆ ก่อนจะเอ่ยแนะนำตัว
“ผม ซึงฮยอนครับ ผมคุณคงเป็นเพื่อนของพี่ฮีจินสินะครับ”
“ครับ ๆ พวกเรามาพักผ่อนนิดหน่อยน่ะครับ^^”ที่จริงผู้จัดการไม่อยากให้ใครรู้ว่าเรามาตามหามินจี(และเรื่องจะได้ไม่ใหญ่นัก)เลยให้เราโกหกว่ามาพักผ่อนเสีย...ขอโทษทีนะ ซึงฮยอน
“คุณเป็นน้องผู้จัดการเหรอ?”รยอวุคถามแทรกขึ้นในวงสนทนา เค้าพยักหน้ารับนิดๆ
“เฮ้!!...ทึกกี้ นายยังอยู่ในสายมั๊ยเนี่ย???”ปลายสายตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออด
“ครับๆ ยังอยู่ฮะน้องผู้จัดการมารับแล้วล่ะครับ มีอะไรจะคุยกับเขาไหมครับ”รีบตอบกลับโทรศัพท์แทบไม่ทัน เดี๋ยวคุณผู้จัดการแสนสวยได้กลายเป็นนางยักษ์ไปพอดี
“อือ ขอฉันคุยกับหมอนั่นหน่อย”ผมพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้ซึงฮยอน เขารับไปแบบงงๆ
“พี่สาวนายน่ะ”เขาพยักหน้ารับ
“ครับ...พี่”
“เป็นไงสบายดีใช่ไหม”ฮีจิน ตื้นตันไม่น้อยเกือบปีแล้วที่ไม่ได้คุยกับน้องชายเพราะต่างคนต่างต้องทำงานซึงฮยอนย้ายตามพ่อมาที่ไทยส่วนเธอเองก็ทำงานเบื้องหลังที่เธอรักต่อไป
“ก็ดีฮะ แล้วพี่ล่ะ”
“ก็เรื่อยๆ แม่เลี้ยงเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ยังสบายดีฮะ เพื่อนพี่เขาจะมาอยู่ที่นี่กี่วันเหรอครับ”ซึงฮยอนถามด้วยความสงสัย ไม่คิดว่าเพื่อนที่ว่าจะเยอะถึงขนาดนี้
“ไม่นานหรอก ลำบากนายมากนักรึไง”ฮีจินเริ่มโวยวาย เธอดูแลเจ้าฝูงลิงพวกนั้นมาเป็นปีๆแล้วไม่ปริปากสักคำกะอีแค่ดูแลคนไม่กี่สิบคนในไม่กี่เดือนมันลำบากมากนักรึไง
“เปล่าฮะ ผมแค่สงสัยเฉยๆ หวังว่าพี่คงไม่ได้ปิดบังอะไรผมอยู่หรอกนะ ผมขี้เกียจทะเลาะด้วยแล้ว แค่นี้ก่อนนะฮะ รักษาตัวด้วย” ฮีจินกลืนน้ำลายเอื้อกๆ ไม่คิดว่าน้องชายจะดักทาง
“เช่นกัน”
อีกด้านนึงของสนามบิน
“หมอก.....ทางนี้ๆๆ ๆ ๆๆ “ ผักกาดเรียกเป้าหมายเสียงดังขณะที่มีผู้คนมากมายในเที่ยวเดียวกับเธอเดินออกมาจากช่องขาออก
“นึกว่าคนอื่นมาด้วยซะอีกมากันแค่สองคนเองเหรอ? “ ผักกาดกับคริสตอลยืนยิ้มแทนคำตอบ คนพูดวางกระเป๋าเดินทางที่แบกอยู่นานลง
“พี่ๆ หมอกฝากมาบอกว่ามาไม่ได้อ่ะ”
“อื้ม” รับคำด้วยเสียงหงอยๆ ไม่น้อย
“เป็นไงบ้างทุนทัศนศึกษาที่เกาหลี”เมื่อสุดสัปดาห์ก่อนเธอเพิ่งชนะการประกวดเว็บเพจภาษาเกาหลี ก็เลยได้ทุนไป เธอรู้ดีใจอยู่ไม่น้องเลยที่ชนะ แถมยังได้ไปเกาหลีอีกต่างหาก
“ก็ดีอ่ะ เราซื้อของฝากกลับมาให้ทุกคนเลย เสียดายที่ไม่ได้ไปดูซูจูที่พวกแกชื่นชอบกัน “ คนฟังหน้างอไม่น้อย
“โธ่...งั้นเหรอ “ สองสาวพูดขึ้นพร้อมกัน
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงโทณศัพท์จ่กเครื่องของผักกาดก็ดังขึ้น
“อย่าเสียใจไปเลย พวกพี่วันนี้เค้ามีเรียนน่ะ “คริสตอลปลอบใจ คงทำให้หล่อนรู้สึกดีไม่มากก็น้อยบ้างล่ะ
“พี่ออมสิน” ผักกาดพูดเมื่อเห็นเบอร์ที่หน้าจอก่อนจะกดรับ แล้วเดินออกไปข้างนอกวงสนทนา
“แล้ว...วันนี้ขึ้นเครื่องมาตอนกี่โมงอ่ะ “
“11โมงได้อ่ะ ...ขากลับแอร์บนเครื่องน่ารักมาเลยล่ะ นี่แอบถ่ายรูปมาให้แกดูด้วย “ ก่อนจะยื่นกล้องถ่ายรูปที่อยู่ที่คอให้ดู
“เอ่อ...น่ารักดี แล้วได้ไปเที่ยวไหนบ้างไหม?”
“ก็แค่2-3ที่”
“สองสามวันนี่ก็ถือว่าคุ้มไม่เบาเลยแฮะ ชาตินี้ยังไม่รู้เลยจะได้ไปรึเปล่า?”
“ตึ้งๆ !!!มีเรื่องแล้ว”เสียงผักกาดแทรกเข้ากลางวง
“ผอ.เอาอีกแล้ว พี่ออมสินบอกให้รีบกลับด่วนเลยอ่ะ เสียงพี่ออมสินแกน่ากลัว กลับเหอะ ก่อนจะโดนฆ่ายกหมู่ !!!”
ประกาศนักเรียน นักศึกษาชมรมห้องสมุดขอเชิญที่ห้องประชุมด้วยค่ะ
เสียงประกาศทำเอานักศึกษาสาว14คนที่ยืนเกร็งๆอยู่หน้าห้องประชุม ทำอะไรไม่ถูกใจเต้นระรัวกลัวว่าจะโดนยุบชมรม
“จะโดนยุบชมรมไหมเนี่ย? มุมิไม่ยอมย้ายไปไหนหรอกนะ”มุมิกุมขมับ เหงื่อตกเพื่อนๆที่อยุ่รอบๆได้แต่ส่ายหัวไม่สามารถหาคำตอบให้ได้
“ว่าแต่โดนยุบแล้วจะไปไหนดี?”ข้าวสวยตั้งกระทู้ถาม แต่ดูถ้าจะไม่เวอร์ก เลยโดนเขกไปหลายที
“โอย! เจ็บนะ”
“ถามอะไรของเธอเล่า? คิดได้ไงจะให้ชมรมเราโดนยุบเนี่ยนะ?”วินด์บ่นงึมงำเป็นหมีกินผึ้ง เธอจะไม่ยอมให้ชมรมโดนยุบอย่างแน่นอนให้ตายเถอะ
“ผักกาดกับคริสตอลมาช้าชะมัดเลย”ออมสินมองนาฬิกาข้อมือตัวเองรนๆ หลังจากที่เร่งให้รีบกลับมา ได้ครึ่งช.ม.แล้ว
“เดี๋ยวก็มาน่า คิดมาก แก่เร็วนะพี่สาว”แจอาผู้ขึ้นเมื่อเห็นว่าอาการของหัวหน้าชมรมที่ยืนอยู่อีกด้านก็ไม่ต่างกับออมสินเท่าไรนัก
“เฮ้อ ~ มานี่ดิ๊”น้ำนิ่งกวักมือเรียกออมสินให้มาข้างตัว ก่อนจะกระซิบข้างหูอย่างระวัง
“แกยังไม่ได้บอกคนอื่นๆ อีกสินะเนี่ย ว่าลุงซึงฮยอนแกให้...”ออมสินส่ายหัวไปมาก่อนจะจบประโยคซะอีก เล่นเอาคนถามหน้าเครียดกว่าเดิม
“ให้ตายเหอะ ถ้าพวกนั้นรู้ แกกับฉันไม่โดนยำรองเท้ากันตายเลยเหรอ?”
“เนียนไงพี่ เนียน...แบบว่าทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไง”ออมสินออกความคิดเห็น
“จะรอดเหรอ? เอาแน่ๆนะ”
“ไม่ค่อยแน่ใจค่ะ ”น้ำนิ่งจ้องคนตอบอย่างเซ็งๆ
“พี่ออมสิน สามคนนั้นมาแล้วอ่ะ”คนพูดวิ่งมาจากระยะที่ไม่ไกลจากห้องประชุมนัก เข้ามาหาคนที่สั่งให้เธอคอยดูต้นทางเอาไว้
“อืม ผอ.ยังไม่มาใช่มั๊ย?”
“ยังไม่เห็นแม้แต่เงา”
“ดีมากงั้นไปดูต้นทางต่อนะ”
“เป็นไงบ้าง หมอกไปที่นู่นสนุกมั๊ย?”ภัทรถามด้วยความอยากรู้ โดยไม่ได้สนใจคนที่พ่วงมาอีกสองด้วยเท่านัก
“ก็ดี แต่คิดถึงตัวเองมากกว่าอ่ะ”ก่อนจะเข้ามากอดคนถาม เล่นเอาเจ้าตัวโวยขึ้นพัลวัน
“ฉันไม่อยากตีฉิ่งปล่อยเถอะ- -*”เรียกเสียงฮาของคนในชมรมได้เป็นอย่างดี พูดไปมือก็หยิกเข้าที่เอวหมอกไม่เบานัก
“อูยยย พี่ก็รู้ว่าล้อเล่นอ่ะ เจ็บนะ เดี๋ยวคิดเป็นจริงเป็นจังจะจับกดให้มุมิดู”บุคคลที่สามที่โดนไปด้วย ตาลุกวาว
“เอาจริงนะเว้ย! งั้นฉันสนับสนุนแกเต็มที่นะจับกด แล้วอย่าลืมโทรตามด้วยนะ”ภัทรฟังแล้วนึกอยากจะเป็นลม
“เอากันเข้าไป หยุด และเก็บความหื่นไว้เลยนะจ้ะ ทั้งหมอกแล้วก็มุมิด้วย ภัทรมันหน้าซีดหมดแล้ว เดี๋ยวมันก็เป็นลมหรอก”
“เป็นลมเหรอเดี๋ยว หมอก แกผายปอดพี่ภัทรนะ”มุมิแทรกขึ้นอีกระลอก หมอกหัวเราะอย่างถูกใจ
“พอเลยๆ สองคนนี้ เออเรอร์วิ่งมาแล้วนะ น่าจะมาแล้วแหละ รีบเข้าห้องประชุมเหอะ”น้ำนิ่งบอกขึ้น แต่ก็อดขำไม่ได้ ยัยภัทรโดนเสียบ้างก็ดี
“มาแล้ว~ ผอ.ซึงฮยอนมาแล้ว”เสียงปานโทรโขงดังมาแต่ไกล เป็นสัญญาณให้คนในชมรมเข้าไปนั่งห้องประชุม
“มาไวกันดีนี่นา~”ซึงฮยอนเปิดประตูเข้ามา เห็นทุกคนในชมรมห้องสมุดอยู่กันครบนั่งกันเงียบกริบ ออมสินมองซึงฮยอนด้วยสายจารำคาญไม่น้อย
“ที่ตามมาพวกเธอมาที่นี่ก็เพราะว่า มีเรื่องอยากจะให้พวกเธอช่วยนิดหน่อย”
“ช่วย? ช่วยอะไรเหรอคะ คุณผอ.”น้ำนิ่งตอบเสียงระรื่น แต่บนหน้ากลับไม่มีรอยยิ้มอยู่เลยแม้แต่น้อย
“ผมอยากให้คุณดูแลเพื่อนของผมหน่อย”
“ฮะ? ดูแลคนเนี่ยนะ!!! จะบ้ารึไงคุณผอ. ถ้าจะให้ทำตาม สู้ยุบชมรมฉันมันไปเลยซะดีกว่าไหมล่ะ”น้ำนิ่งตอบตบโต๊ะ ตะเบงเสียงดังจนคนที่นั่งกันอยู่สะดุ้ง เหมือนกับว่าตัวเองเพิ่งรู้(เนียนสั่งได้จริงๆ)
“บ้างทีถ้า เห็นคนที่ให้ดูแลแล้ว อาจจะเปลี่ยนใจก็ได้นะ น้ำนิ่ง โดยเฉพาะเธอออมสิน”ก่อนมือจะเปิดประตูรับใครเข้ามาอีก ทุกคนให้เห็นแล้วกลืนน้ำลายกันไปเอื๊อกใหญ่ นั่งนิ่งอึ้ง มองตาค้าง
‘หน้าคุ้นๆ คุ้นจนแทบอยากกระโดดตึกsm นี่ฝันไปรึเปล่า??’
ลีทึกเดินนำเข้ามาก่อน ส่วนลูกลิงตัวอื่นก็ทยอยกันเข้ามาในห้อง น้ำนิ่งมองอึ้งๆ ไปหน่อยๆ รู้สึกว่าเหงื่อตัวเองไหล ทั้งที่ๆในห้องก็เปิดแอร์เย็นแทบจะเอาหมีขั้วโลกมาอยู่ได้
“นี่คุณซึงฮยอนคุณ เล่นอะไรของคุณ?”หัวหน้าชมรมกล่าวอีกครั้งน้ำเสียงอึกอัก ตอนนี้ไม่ใช่แค่คนในชมรม ตอนนี้เธอยังถูกคนที่จะต้องดูแลมองมาอีกด้วย
“ผมจะเล่นอะไรกับคุณล่ะ ของจริงก็เห็นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอไง คิดว่าตัวคุณฝันอยู่รึเปล่า รีบๆตื่นซะสิ”แต่ละคำเชือดเฉือนไม่แพ้กันเลยไม่แต่น้อย พวกซูจูที่นั่งอยู่เก้าอี้อีกฝั่งของพวกเธอนั่งมองกันตาแป๋วไม่รู้เรื่องรู้ราว ว่าในห้องนั้นตอนนี้บรรยากาศมาคุไปจนหมดแล้ว
“จะให้ดูแลทั้งที่ในชมรมห้องสมุดพูดภาษาเกาหลีไม่ได้ซักคนเนี่ย”น้ำนิ่งพยายามพูดไกล่เกลี่ยยุติเรื่อง
“แน่ใจเหรอว่าพูดไม่ได้ซักคน งั้นลองดูกันหน่อยนะ...”ใบหน้าคมมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่หน้ากลัวพิลึก
“เมืองหลวงของเกาหลีชื่อว่าอะไร?”น้ำนิ่งมองหน้างง เพราะว่าซึงฮยอนตอนนี้พูดเป็นภาษาเกาหลี ส่วนคนอื่นๆ รู้คำตอบเป็นอย่างดี แต่ใครจะกล้าตอบให้มันถูกกันล่ะ ถึงจะรู้ว่าคนที่จะต้องดูแล จะเป็น ซูปเปอร์ จูเนียร์ ที่พวกเธอกรี๊ดกันอยู่ก็ตามที
“ตึก68 ใช่ไหมล่ะผอ. ชัวว์ เลยถูกแน่ๆ”ภัทรมั่วนิ่มตอบไปน้ำเสียงเค้นหันเราะ
“ใครบอกภัทรคำตอบมัน ลีจุนกิต่างหากล่ะ”ข้าวสวยแย้งขึ้น เป็นไปกับเค้าด้วยอีกคน
“บ้า!พี่ข้าวไม่ใช่ซักหน่อยผอ.เค้าถามว่าประเทศอะไรเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษเป็นประเทศแรกต่างหาก ลีจุน ลีจัง อะไรของพี่จะถูกได้ยังไง เนอะพี่เพน...”ซึงฮยอนตอนนี้เริ่มท้อเสียแล้ว มองหน้าน้ำนิ่งกลุ้มๆเอเอ็มพูดก่อนจะมองไปทางเพนกวิน ที่มองไปทางฮยอคแจนั่งอยู่ตรงข้ามคล้ายคนสติหลุด ฮยอคแจมองมาทางเพนกวินอย่างหวาดๆ
ซวยแล้วไง
“คำตอบของข้อนี้มันกรุง....”ภัทรที่นั่งอยู่ข้างๆ เอามือปิดปากเพนกวินทันที ก่อนคำตอบจะหลุดออกมาจนหมด ทุกคนมองเพนกวินตาแทบจะเหลือกออกจากเบ้า
“ตะกี๊จะพูดว่าอะไรนะเพนกวิน”สติเข้าสู่ร่างอีกครั้ง เจ้าตัวปฏิเสธให้ยุ่ง
“ใคร ใครพูด ไม่มี”ส่ายหัวหยิกประกอบ
“ก็ได้ข้อนี้ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร ...”ก่อนจะมองไปทางหมอก
ตอนนี้เค้ายังพอมีไพ่ตายเหลืออยู่ใบนึงบ้างล่ะน่า
“ได้ข่าวคุณเพิ่งไปแข่งทำเว็บภาษาเกาหลีมาสินะครับ คุณจะได้รางวัล........แค่ชมเชยสินะ”เน้นคำว่า’ชมเชย’เป็นภาษาเกาหลีให้เจ้าตัวเผลอ ละแล้วแผนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะใช้ได้ผลมากเสียด้วย
“ใครบอกกันเล่าผอ.!!! ฉันชนะที่1 ได้ยินมั๊ยว่าฉันชนะที่1!!!!”
ทั้งชมรมตาโตกับคำตอบของหมอก ทั้งหมดพร้อมใจกันหันขวับ หมอกที่พึ่งรู้ตัวรีบเอามือปิดปากตัวเองแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ตกหลุมพรางผอ.เข้าอย่างจัง
ซึงฮยอนยิ้มพอใจในคำตอบเพราะมีคนตกหลุมพรางที่เข้าวางไว้เข้าอย่างจัง หมอกยิ้มแห้งๆให้เพื่อนแทนคำขอโทษที่ตอนนี้แต่ละคนทำหน้าเอือมๆ
“ช่างมันเถอะ แค่นี้คงพอใจแล้วใช่ไหมคุณผอ. เราจะได้ไปเรียนซะที”น้ำนิ่งกล่าวเสียงเรียบๆ ไม่พูดอะไรอีก
“วันนี้พวกคุณต้องย้ายออกจากหอของมหาลัยแล้วไปนอนที่บ้านพักที่อยู่ด้านหลังมหาลัยแทนเข้าใจไหมครับ บ้านหลังใหญ่ที่ติดกัน2หลังน่ะ พวกคุณอยู่หลังนึงส่วนพวกเขาก็จะอยู่อีกหลังนึง แล้วถ้าใครยังไม่รู้จักก็แนะๆกันด้วยนะครับ ถ้าไม่ย้ายเข้าไปภายในวันนี้ล่ะก็ไม่ต้องห่วงผมจะมีมาตราการในแบบของ ผมซึ่งคิดว่าพวกคุณคงปฏิเสธไม่ลง แล้วก็เรื่องนี้ห้ามบอกใครถ้าบอก ผมอาจจะจะต้องให้ภัทรกับมุมิพักการเรียนเนื่องจากแต่งกายไม่ถูกระเบียบแล้วก็ทำงานพิเศษ”ซึงฮยอนทำเสียงเย็น โดยไม่สนใจว่าผู้หญิงอีกสิบกว่าคนจะตราหน้าเขาว่าไอ้ฮิตเลอร์ก็ตาม
‘ปึง!!’เสียงทุบโต๊ะดังลั่นทุกคนหันมามองต้นเสียงในทันที คริสตอลยิ้มเย็นให้ผอ. ก่อนจะเดินออกไปคนแรก
เห็นหน้าหวานๆก็หน้ากลัวเหมือนกันแฮะ แต่สงสัยจังว่าเขาพุดอะไรกัน ??
เรียววุคมองตามพวกผู้หญิงที่ออกไปทีละคน2คน จะให้เขาถามใครก็ไม่ได้เพราะรู้สึกว่าทุกคนจะนิ่งเป็นรูปปั้นนั่งดูเหตุการณ์คนทะเลาะกัน(รึเปล่า?)
“เอเอ็มรอกูด้วย!”หมอกที่เผลอเอาแต่มองซูจูจนเดินออกไปไม่ทันเพื่อน
“งามไมล่ะเนี่ยแก เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยแบบนั้นเสียที ใจเย็นคิดหน่อยสิโว้ยยย!”ผักกาดเดินเข้ามาใกล้เอานิ้วจิ้มหัวหมอกไม่เบานัก
“เออ...ขอโทษอ่ะแต่ว่าตะกี้เห็นไหม? หล่อชิบเลยคิบอมมองใกล้ๆนี่แบบว่าโอ้ววว....พระเจ้าจอร์จมันยอดมากก”
“อย่าไปเล่นของข้าวสวยมัน 555+”
“ว่าแต่คยูก็ดูดีนะเว้ยย ฉันเห็นเขายิ้มแสยะด้วย รู้สึกจะมีคนใจละลายไปหนึ่ง”เอเอ็มพูดพลางชี้ไปทางข้าวปั้น
“เจ๊เพน วันนี้เราเตรียมท็อปปิกอะไรไปคุยในรายการดีอ่ะ”ภัทรถามพลางคิด“อยากลองคุยเรื่องเกี่ยวกับอาหารดู เช่นแนะนำเรื่องเกี่ยวกับร้านอาหารนอกม.ดีไหมอ่ะ?”
“.....”ไร้การตอบรับจากเลขหมายปลายทางที่ท่านเรียก
“มีใครเห้นเจ๊บ้างป่ะ??”ภัทรถามหา แต่รู้สึกว่าจะไม่มีใครเห็น
รึว่า....???
“เจ๊ๆๆๆ ออกมาเดี๋ยวนี้น้าาาา~”ภัทรวิ่งเข้ากลับไปในห้องประชุม ดึงแขนคนที่ยังเหม่อลอยสติไม่อยุ่กับเนื้อกับตัว“เจ๊เพนๆลุกสิคะ”ภัทรออกแรงดึงอีกนิด เธอก็แอบอายเหล่าคนจากที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็ยังมองมาอยู่ไม่เลิก ผอ.ซึงฮยอนที่กำลังคุยกับพวกเขาก็มองแปลกๆ
“ฮืม อาราย? ฉันว่าฉันฝันเห็นซูจูด้วยนะ”เพนกวินตอบกลับงง ทำไมเธอรู้สึกเหมือนฝันไปจัง
“ฝันบ้าอะไรล่ะพี่ ตื่นๆๆๆ เดี๋ยวไปจัดรายการไม่ทันนะ”
“ใช่ๆ จัดรายการเดี๋ยวไม่ทัน”เหมือนจะได้สติอีกนิด
“ไปเถอะค่ะ”จากนั้นก็รีบวิ่งออกไป โดยทิ้งเพนกวินไว้ เพนกวินมองซูจูแบบอึ้งๆ เพราะว่ารู้สึกจะปล่อยโก๊ะให้เห็นแบบจังๆรีบวิ่งตามภัทรออกไปทันที
ความคิดเห็น