คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2
อาซูแยกตัวออกมาจากกองคาราวานหลังจากเก็บข้าวเก็บของเสร็จแล้วเขาก็ขอนาซินแยกตัวออกมาทำธุระ
‘ เจ้าจะไปทำอะไรที่ไหนหละ ตอนนี้ก็ใกล้ค่ำมากแล้วด้วยนะ ให้ข้าไปเป็นเพื่อนดีกว่านะ ’
‘ เจ้าไม่ต้องห่วงหรอกพรุ่งนี้เราก็ต้องแยกกันแล้วหลังจากข้าช่วยพวกเจ้าขายของเสร็จ ’ อาซูโต้กลับไปด้วยความที่ไม่อยากให้นาซินตามมาด้วย
‘ ก็เพราะงั้นไงเจ้าถึงต้องให้ข้าไปด้วย ถ้าเจ้าเจอโจรกลางทางหละจะว่ายังไงแล้วใครจะอยู่ช่วยข้าขายของกัน ’ นาซินพยายามตื้อที่จะไปด้วยแต่ก็ถูกอาซูปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า
‘ ถ้าเจ้าจะยืนยันอย่างนั้นหละก็ข้าก็ไม่ขัดเจ้าแล้ว แล้วก็ระวังตัวด้วยหละคนในเมืองบอกว่าตอนนี้เจ้าจอมโจรอาลาดินมันอยู่ที่นี้ด้วยนะ ’ นาซินเตือนอาซูด้วยความเป็นห่วงแต่เขาก็สังเกตเห็นว่าอาซูแสดงอาการเหมือนพยายามกดความรู้สึกเอาไว้
‘ ระ...เหรอ งั้นข้าจะระวังแล้วกันนะ ’ เขาตอบพร้อมรอยยิ้มฝืนๆ บนใบหน้าแล้วหันหลังเดินแยกออกมา นาซินยังมองแผ่นหลังของเพื่อนใหม่เดินผ่านซุ้มประตูหินสีน้ำตาลหายไปในเงามืดแล้วอย่างสงใสว่าเขาจะไปทำอะไรที่ไหน
หลังจากแยกออกมาเข้าเลือกที่จะใช้เส้นทางที่ลัดและไว้พอที่จะไปและกลับมาในเวลาอันสั้นเพื่อตัดความสงใสของทุกคน ซึ่งถ้าทุกคนคิดก็คงเป็นแค่ทางแคบๆ ตัดระหว่างบ้านแต่ละหลังแต่ทางที่เขาไปคือหลังคาพื้นราบของบ้านผู้คน กระโดดไปกระโดดมาจนกลัวว่าจะมีคนเห็นหรือได้ยินเสียงของเขาหรือเปล่า
แสงอาทิตย์เริ่มมืดลงทุกที่อาการก็เริ่มเย็นมากแล้วถ้าเทียบกับตอนกลางวันนับว่าเป็นเรื่องปกติของทะเลทราย กระแสลมเย็นๆ พัดผ่านกระทบใบหน้าเบาๆ ทำให้สบายตัวขึ้นมาก
หลังจากเดินทางมาอยู่นานเขาก็มาถึงจุดนัดพบที่เขานัดไว้กับอีกคน เขากระโดดลงจากหลังคาสูงสองชั้นโดยที่ไม่มีอาการเหมือนกับว่าเจ็บหรืออะไรใดๆ เขาเดินตรงเข้าไปยังบ้านหลังตรงหน้าเปิดประตูไม้เก่าๆ เข้าไปโดยไม่บอกกล่าวหรืออะไรใดๆ กับเจ้าของบ้าน
ภายในบ้านเงียบสงัดไม่มีเสียงอะไรแม้ลมพัดมีเพียงตะเกียงไฟส่องสว่างที่ถูกจุดอยู่ท่ามกลางความมืดมิดเท่านั้น เขาก้าวเท้าเดินอย่างช้าๆ ด้วยความระวัง ใบหน้าดูเคร่งเครียดต่างจากตอนแรกอย่างชัดเจน
เขาหยุดก้าวเท้ารู้สึกถึงลมที่โต้กับวัตถุบางอย่าง ใบมีดคมฟันลงมาหวังให้คอเขาขาดไม่รอช้าที่จะก้มหลบใบมีดหันหลังกลับมามองและสุ่มจับส่วนที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นมือของคนที่ถือมีดเล่มนี้ เขาชกหมัดข้างที่ยังว่างอยู่เข้าไปในความมืดแล้วเตะตัดตรงส่วนที่คิดว่าน่าจะเป็นส่วนขาเพื่อให้เขาล้มกระแทกพื้น
ตึ๊ง!!!
ร่างในเงามืดนั้นกระแทกกับพื้นอย่างแรง เขาคงไม่คิดจะทำอะไรอีกแล้วหลังจากที่โดนทำอย่างนั้นไป
“ เลิกเล่นสักที่เถอะคูฉันเบื่อกับมุกนี้ของนายแล้วนะ ” เขาตะวาดคนที่นอนอยู่ในเงาด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด
“ แหม ก็แค่อยากเล่นสนุกนิดหน่อยเองง่า ” เสียงที่ฟังดูเหมือนคนรู้สึกผิดปนๆ กับความขี้เล่นอีกเล็กน้อยและแสงไฟที่ค่อยๆ สว่างขึ้นทำให้เริ่มเห็นห้องนี้ชัดเจนขึ้น
ห้องนี้ไม่มีเป็นห้องว่างๆ อย่างที่คิดมันเต็มไปด้วยเครื่องไม้เครื่องมือ อาวุธและชุดเกราะต่างๆ มากมายเต็มไปหมด ที่ติดกำแพงกลางห้องมีเตาหลอมขนาดใหญ่ที่มีไฟลุกโชนอยู่ข้างใน ซึ่งทำให้เดาได้ไม่ยากว่าที่นี้คือร้านตีเหล็ก
“ นึกว่านายจะไม่มาซะแล้ว ” ชายที่โจมตีอาซูก่อนหน้านี้พูดขึ้นพร้อมกับพยุงตัวเองขึ้นมา
“ นึกว่านายจะต้อนรับฉันดีกว่านี้ ” อาซูพูดกลับไปอย่างกวนประสาท
ผมสีเทาซอยสั้นสะท้อนกับไฟทำให้ใบหน้าเหนุ่มขี้เล่นดูเข้มขึ้นอย่างสะดุดตา ดวงตาสีน้ำเงินเข้มงดงาม เขาชื่อ คู เป็นช่างทำอาวุธที่เก่งที่สุดในเมืองแต่ก็มีคนรู้จักน้อยเพราะเขามักจะทำร้านให้ดูเหมือนร้างจึงมีคนเข้าใจผิดบ่อยๆ
“ อาบูเป็นยังไงบ้าง ฉันไม่ได้เจอมันนานเลยตั้งแต่ที่นายออกไป ” คูพูดพร้อมกับดาบเข้ากองอาวุธรกๆ
“ ก็ยังดีอยู่ แต่ตอนนี้คงจะไม่หาอะไรกินระหว่างรอฉันเข้ามาหานาย ”
“ แง่ ฉันอยากเจอมันง่าไม่เห็นตั้งนานแล้ว ” คูเอาคางชันโต๊ะทำงานของเขาเหมือนกับคนหมดแรง
“ แย่หน่อยนะ งั้นก่อนที่ฉันจะออกจากเมืองฉันจะแวะมาหาอีกทีแล้วกัน ”
“ จริงดิ!! ” คูลุกขึ้นอย่างเร็วเมื่อได้ยินว่าเจ้าเพื่อนตัวน้อยของเขาจะมาหาในอีกไม่กี่วันนี้
“ ฉันล่อเล่น... ” เขาพูดด้วยใบหน้าเย็นชาเพื่อตัดความเพ้อของคนตรงหน้าที่ดี้ด้าไม่ต่างกับเด็กตัวเล็กๆ
“ ง่านายก็ชอบแกล้งฉันอยู่เรื่อยเลยนะ ฉันมีของขวัญให้มันฉันอยากให้กับมือตัวเองนะ มันคงมีประโยชน์กับมันและนายด้วย ” เขาพูดพลางก้มหยิบบางอย่างจากในกล้องใต้โต๊ะ
“ กรงเล็บหรอ? นี้คูนายรู้ใช้ไหมว่าอินทรีกรงเล็บมันแหลมอยู่แล้วหนะ ”
“ ก็ใช้แต่มันจะช่วยป้องกันกรงเล็บไม่ให้เสียหายและช่วยเพิ่มกำลังในการข่วนหรือดึงด้วยนะ ฉันว่ามันน่าจะชอบ ”
“ … ” อาซูจ้องเข้าไปในตาเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชาและเดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่
“ หรือเปล่า ” เขาพูดต่ออย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ แล้วของที่ฉันขอไว้หละอยู่ไหน ” เมื่ออาซูพูดจบเขาเก็บกรงเล็บเหล็กเข้ากระเป๋าหลัง
“ อ่อ อยู่นี้รอเดี่ยวนะจะไปเอาให้ ”
หลังพูดเสร็จคูเดินออกไปทางประตูด้านหลังแล้วปล่อยให้อาซูอยู่ตามลำพังสองคนกับอาวุธมากมาย เขาเริ่มเดินสำรวจสิ่งต่างๆ ตามห้อง ปลายหอมแหลมคมเงาวับจนสะท้อนเห็นใบหน้าคมดับดวงตาที่ดุดัน แต่ยังมีอีกสิ่งที่สามารถเห็นได้จากเงาสะท้อน
“ นายยังไม่ตายอีกหรอ อาลาดิน ” เสียงเรียบๆ ทำลายความเงียบเมื่อครู่ แต่คำพูดสุดท้ายของเจ้าของเสียงนั้นฟังดูคุ้นๆ
“ คำทำนายบอกว่าฉันจะตายในอีกสองอาทิตย์ จำได้ไหม ”
แท้จริงแล้วอาซูคืออาลาดินจอมโจรทะเลทรายที่ลำลือกันไปทั่วทุกแห่งในทะเลทราย แต่ทำไมจอมทะเลทรายอย่างเขาถึงได้มาอยู่กับกองคาราวานของนาซินได้เพียงเพราะโดนพายุทะเลทรายเท่านั้นหรอ
เขาหันหลังกลับมาสบตาสีแดงข้างเขียวข้างของเจ้าของเสียงเมื่อครู่ที่เย็นชาโดยรู้สึกได้ทั้งที่ยังไม่หันไปมองด้วยซ้ำ
ผมสีแดงอมส้มคล้ายสีของทะเลทรายยามอาทิตย์ตกดิน ดวงตาสีแดงเขียวคมให้รู้สึกเย็นชาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน
“ ไงซาอะไม่เจอกันนานนะ ไม่คิดว่านายจะยังอยู่กับคูอยู่ ” อาลาดินพูดกัดชายตรงหน้าอย่างไม่ยอม
“ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคนใกล้ตายอย่างนาย ” ซาอะโต้กลับพร้อมกับชาตาเย็นชาตามฉบับของเขา
ทั้งสองคนเริ่มเงียบลงจ้องตากันอย่างเอาเลือดเอาเนื้อกัน ต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไรหรือแม้ขยับตัวเฝ้ารอให้บางสิ่งทำหลายความเงียบนี้ก่อนจะมีการนองเลือด
ตึ๊ก!!!
เสียงลังไม้กระทบกับพื้นดังลั่นทำลายบรรยากาศเมื่อครู่ ทั้งสองคนที่ตอนแรกจ้องตากันอยู่กลับมองขึ้นไปข้างบนจุดที่ลังไม้ปริศนานั้นตกลงมาอย่างพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“ โอ้ โทษทีนะโดนใครบาดเจ็บไหม ” เสียงหนุ่มดังขึ้นมาตามลังไม้ทำให้เขาทั้งสองคนแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครแอบฟังอย่างที่เขาคิด
“ โทษทีที่ทำให้ตกใจกันนะคือฉันขี้เกียจจะลงหลังร้านเลยทำทางไว้ตรงนี้ให้ลงง่ายๆ ” คูลงมาจากรูขนาดใหญ่จุดเดียวกับที่ลังไม้ตกลงมา
เขาตรงไปหยิบลังที่อยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองคนขึ้นมาถือไว้แล้วหันมามองซาอะเหมือนจะถาม
“ ได้ข้าวเย็นมาแล้วเดี่ยวข้าจะทำให้กินแล้วกัน ”
“ ข้าไม่ได้หมายความเรื่องนั้น ข้าหมายถึงยาที่ข้าบอกให้ไปซื้อต่างหาก ”
“ ถ้าเรื่องนั้นหละก็อยู่ในมือนายตั้งนานแล้ว ”
คูทำถ้าเหมือนจะงงกับประโยคเมื่อครู่แต่กลับหันมามองให้มือตนก็เห็นขวดยาที่ใส่น้ำสีฟ้าสว่างอยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“ แล้วนี้ของที่นายขอมาอาลาดินทุกอย่างอยู่ในกล้องนี้แล้ว แต่ก่อนที่จะใช้ให้เอาน้ำในขวดนี้เทลงไปก่อนนะทุกอย่างถึงจะเข้าที่ ” คูยื่นกล้องไม้สีน้ำตาขอบเป็นเงินสะท้อนแสงให้กับอาลาดิน
“ ขอบคุณมากนะคู งั้นฉันกลับก่อนนะ แล้วก็อย่าทำหนักไปหละ ” อาลาดินพูดล่อคูกับซาอะนิดหน่อยก่อนจะเดินกลับออกไปทางเดิม แต่กลับมีเสียงเย็นชาที่คุ้นเคยมาทำให้หยุดก่อนที่จะก้าวเท้าออกไปหลังบานประตู
“ อาลาดิน...สิ่งนี้อาจช่วยนายได้แต่ต้องรีบหน่อยนะเวลาเหลือไม่มาก ” เจ้าของประโยคโยนม้วนกระดาษสีน้ำตาลแก่ให้อาลาดิน
“ ขอบคุณ ” เขาตอบประโยคสั้นๆ แล้วเดินออกไปหลังบานประตูหายไปในความมืดยามราตรี
“ เมื่อกี้นายให้อะไรเขาไปหนะ ” คูยืนกอดอกถามคนข้างๆ
“ แผนที่ ”
“ แผนที่อะไร ”
“ ตะเกียงวิเศษ ” คูเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดเมื่อกี้แต่ก็ไม่ได้พูดหรือทำอะไรต่อจากนั้น
“ กินข้าวเหอะหิวแล้ว ” เขาตบไหล่ซาอะแล้วหันหลังเดินกลับไปหลังร้านรอเพื่อนคนสนิทมาทำอาหารให้กิน
ซาอะยังยืนจ้องมองบานประตูที่อาลาดินพึ่งจะเดินออกไปโดยที่ยังคิดว่าเขาจะทำเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ คูได้ให้บางสิ่งที่เขาต้องการไปแต่มีอีกสิ่งที่อาลาดินไม่รู้คือเขาได้ให้สิ่งวิเศษกับเขาไปในกล้องใบนั้นโดยหวังว่ามันจะช่วยเขาได้
อาซูแยกตัวออกมาจากกองคาราวานหลังจากเก็บข้าวเก็บของเสร็จแล้วเขาก็ขอนาซินแยกตัวออกมาทำธุระ
‘ เจ้าจะไปทำอะไรที่ไหนหละ ตอนนี้ก็ใกล้ค่ำมากแล้วด้วยนะ ให้ข้าไปเป็นเพื่อนดีกว่านะ ’
‘ เจ้าไม่ต้องห่วงหรอกพรุ่งนี้เราก็ต้องแยกกันแล้วหลังจากข้าช่วยพวกเจ้าขายของเสร็จ ’ อาซูโต้กลับไปด้วยความที่ไม่อยากให้นาซินตามมาด้วย
‘ ก็เพราะงั้นไงเจ้าถึงต้องให้ข้าไปด้วย ถ้าเจ้าเจอโจรกลางทางหละจะว่ายังไงแล้วใครจะอยู่ช่วยข้าขายของกัน ’ นาซินพยายามตื้อที่จะไปด้วยแต่ก็ถูกอาซูปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า
‘ ถ้าเจ้าจะยืนยันอย่างนั้นหละก็ข้าก็ไม่ขัดเจ้าแล้ว แล้วก็ระวังตัวด้วยหละคนในเมืองบอกว่าตอนนี้เจ้าจอมโจรอาลาดินมันอยู่ที่นี้ด้วยนะ ’ นาซินเตือนอาซูด้วยความเป็นห่วงแต่เขาก็สังเกตเห็นว่าอาซูแสดงอาการเหมือนพยายามกดความรู้สึกเอาไว้
‘ ระ...เหรอ งั้นข้าจะระวังแล้วกันนะ ’ เขาตอบพร้อมรอยยิ้มฝืนๆ บนใบหน้าแล้วหันหลังเดินแยกออกมา นาซินยังมองแผ่นหลังของเพื่อนใหม่เดินผ่านซุ้มประตูหินสีน้ำตาลหายไปในเงามืดแล้วอย่างสงใสว่าเขาจะไปทำอะไรที่ไหน
หลังจากแยกออกมาเข้าเลือกที่จะใช้เส้นทางที่ลัดและไว้พอที่จะไปและกลับมาในเวลาอันสั้นเพื่อตัดความสงใสของทุกคน ซึ่งถ้าทุกคนคิดก็คงเป็นแค่ทางแคบๆ ตัดระหว่างบ้านแต่ละหลังแต่ทางที่เขาไปคือหลังคาพื้นราบของบ้านผู้คน กระโดดไปกระโดดมาจนกลัวว่าจะมีคนเห็นหรือได้ยินเสียงของเขาหรือเปล่า
แสงอาทิตย์เริ่มมืดลงทุกที่อาการก็เริ่มเย็นมากแล้วถ้าเทียบกับตอนกลางวันนับว่าเป็นเรื่องปกติของทะเลทราย กระแสลมเย็นๆ พัดผ่านกระทบใบหน้าเบาๆ ทำให้สบายตัวขึ้นมาก
หลังจากเดินทางมาอยู่นานเขาก็มาถึงจุดนัดพบที่เขานัดไว้กับอีกคน เขากระโดดลงจากหลังคาสูงสองชั้นโดยที่ไม่มีอาการเหมือนกับว่าเจ็บหรืออะไรใดๆ เขาเดินตรงเข้าไปยังบ้านหลังตรงหน้าเปิดประตูไม้เก่าๆ เข้าไปโดยไม่บอกกล่าวหรืออะไรใดๆ กับเจ้าของบ้าน
ภายในบ้านเงียบสงัดไม่มีเสียงอะไรแม้ลมพัดมีเพียงตะเกียงไฟส่องสว่างที่ถูกจุดอยู่ท่ามกลางความมืดมิดเท่านั้น เขาก้าวเท้าเดินอย่างช้าๆ ด้วยความระวัง ใบหน้าดูเคร่งเครียดต่างจากตอนแรกอย่างชัดเจน
เขาหยุดก้าวเท้ารู้สึกถึงลมที่โต้กับวัตถุบางอย่าง ใบมีดคมฟันลงมาหวังให้คอเขาขาดไม่รอช้าที่จะก้มหลบใบมีดหันหลังกลับมามองและสุ่มจับส่วนที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นมือของคนที่ถือมีดเล่มนี้ เขาชกหมัดข้างที่ยังว่างอยู่เข้าไปในความมืดแล้วเตะตัดตรงส่วนที่คิดว่าน่าจะเป็นส่วนขาเพื่อให้เขาล้มกระแทกพื้น
ตึ๊ง!!!
ร่างในเงามืดนั้นกระแทกกับพื้นอย่างแรง เขาคงไม่คิดจะทำอะไรอีกแล้วหลังจากที่โดนทำอย่างนั้นไป
“ เลิกเล่นสักที่เถอะคูฉันเบื่อกับมุกนี้ของนายแล้วนะ ” เขาตะวาดคนที่นอนอยู่ในเงาด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด
“ แหม ก็แค่อยากเล่นสนุกนิดหน่อยเองง่า ” เสียงที่ฟังดูเหมือนคนรู้สึกผิดปนๆ กับความขี้เล่นอีกเล็กน้อยและแสงไฟที่ค่อยๆ สว่างขึ้นทำให้เริ่มเห็นห้องนี้ชัดเจนขึ้น
ห้องนี้ไม่มีเป็นห้องว่างๆ อย่างที่คิดมันเต็มไปด้วยเครื่องไม้เครื่องมือ อาวุธและชุดเกราะต่างๆ มากมายเต็มไปหมด ที่ติดกำแพงกลางห้องมีเตาหลอมขนาดใหญ่ที่มีไฟลุกโชนอยู่ข้างใน ซึ่งทำให้เดาได้ไม่ยากว่าที่นี้คือร้านตีเหล็ก
“ นึกว่านายจะไม่มาซะแล้ว ” ชายที่โจมตีอาซูก่อนหน้านี้พูดขึ้นพร้อมกับพยุงตัวเองขึ้นมา
“ นึกว่านายจะต้อนรับฉันดีกว่านี้ ” อาซูพูดกลับไปอย่างกวนประสาท
ผมสีเทาซอยสั้นสะท้อนกับไฟทำให้ใบหน้าเหนุ่มขี้เล่นดูเข้มขึ้นอย่างสะดุดตา ดวงตาสีน้ำเงินเข้มงดงาม เขาชื่อ คู เป็นช่างทำอาวุธที่เก่งที่สุดในเมืองแต่ก็มีคนรู้จักน้อยเพราะเขามักจะทำร้านให้ดูเหมือนร้างจึงมีคนเข้าใจผิดบ่อยๆ
“ อาบูเป็นยังไงบ้าง ฉันไม่ได้เจอมันนานเลยตั้งแต่ที่นายออกไป ” คูพูดพร้อมกับดาบเข้ากองอาวุธรกๆ
“ ก็ยังดีอยู่ แต่ตอนนี้คงจะไม่หาอะไรกินระหว่างรอฉันเข้ามาหานาย ”
“ แง่ ฉันอยากเจอมันง่าไม่เห็นตั้งนานแล้ว ” คูเอาคางชันโต๊ะทำงานของเขาเหมือนกับคนหมดแรง
“ แย่หน่อยนะ งั้นก่อนที่ฉันจะออกจากเมืองฉันจะแวะมาหาอีกทีแล้วกัน ”
“ จริงดิ!! ” คูลุกขึ้นอย่างเร็วเมื่อได้ยินว่าเจ้าเพื่อนตัวน้อยของเขาจะมาหาในอีกไม่กี่วันนี้
“ ฉันล่อเล่น... ” เขาพูดด้วยใบหน้าเย็นชาเพื่อตัดความเพ้อของคนตรงหน้าที่ดี้ด้าไม่ต่างกับเด็กตัวเล็กๆ
“ ง่านายก็ชอบแกล้งฉันอยู่เรื่อยเลยนะ ฉันมีของขวัญให้มันฉันอยากให้กับมือตัวเองนะ มันคงมีประโยชน์กับมันและนายด้วย ” เขาพูดพลางก้มหยิบบางอย่างจากในกล้องใต้โต๊ะ
“ กรงเล็บหรอ? นี้คูนายรู้ใช้ไหมว่าอินทรีกรงเล็บมันแหลมอยู่แล้วหนะ ”
“ ก็ใช้แต่มันจะช่วยป้องกันกรงเล็บไม่ให้เสียหายและช่วยเพิ่มกำลังในการข่วนหรือดึงด้วยนะ ฉันว่ามันน่าจะชอบ ”
“ … ” อาซูจ้องเข้าไปในตาเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชาและเดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่
“ หรือเปล่า ” เขาพูดต่ออย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ แล้วของที่ฉันขอไว้หละอยู่ไหน ” เมื่ออาซูพูดจบเขาเก็บกรงเล็บเหล็กเข้ากระเป๋าหลัง
“ อ่อ อยู่นี้รอเดี่ยวนะจะไปเอาให้ ”
หลังพูดเสร็จคูเดินออกไปทางประตูด้านหลังแล้วปล่อยให้อาซูอยู่ตามลำพังสองคนกับอาวุธมากมาย เขาเริ่มเดินสำรวจสิ่งต่างๆ ตามห้อง ปลายหอมแหลมคมเงาวับจนสะท้อนเห็นใบหน้าคมดับดวงตาที่ดุดัน แต่ยังมีอีกสิ่งที่สามารถเห็นได้จากเงาสะท้อน
“ นายยังไม่ตายอีกหรอ อาลาดิน ” เสียงเรียบๆ ทำลายความเงียบเมื่อครู่ แต่คำพูดสุดท้ายของเจ้าของเสียงนั้นฟังดูคุ้นๆ
“ คำทำนายบอกว่าฉันจะตายในอีกสองอาทิตย์ จำได้ไหม ”
แท้จริงแล้วอาซูคืออาลาดินจอมโจรทะเลทรายที่ลำลือกันไปทั่วทุกแห่งในทะเลทราย แต่ทำไมจอมทะเลทรายอย่างเขาถึงได้มาอยู่กับกองคาราวานของนาซินได้เพียงเพราะโดนพายุทะเลทรายเท่านั้นหรอ
เขาหันหลังกลับมาสบตาสีแดงข้างเขียวข้างของเจ้าของเสียงเมื่อครู่ที่เย็นชาโดยรู้สึกได้ทั้งที่ยังไม่หันไปมองด้วยซ้ำ
ผมสีแดงอมส้มคล้ายสีของทะเลทรายยามอาทิตย์ตกดิน ดวงตาสีแดงเขียวคมให้รู้สึกเย็นชาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน
“ ไงซาอะไม่เจอกันนานนะ ไม่คิดว่านายจะยังอยู่กับคูอยู่ ” อาลาดินพูดกัดชายตรงหน้าอย่างไม่ยอม
“ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคนใกล้ตายอย่างนาย ” ซาอะโต้กลับพร้อมกับชาตาเย็นชาตามฉบับของเขา
ทั้งสองคนเริ่มเงียบลงจ้องตากันอย่างเอาเลือดเอาเนื้อกัน ต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไรหรือแม้ขยับตัวเฝ้ารอให้บางสิ่งทำหลายความเงียบนี้ก่อนจะมีการนองเลือด
ตึ๊ก!!!
เสียงลังไม้กระทบกับพื้นดังลั่นทำลายบรรยากาศเมื่อครู่ ทั้งสองคนที่ตอนแรกจ้องตากันอยู่กลับมองขึ้นไปข้างบนจุดที่ลังไม้ปริศนานั้นตกลงมาอย่างพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“ โอ้ โทษทีนะโดนใครบาดเจ็บไหม ” เสียงหนุ่มดังขึ้นมาตามลังไม้ทำให้เขาทั้งสองคนแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครแอบฟังอย่างที่เขาคิด
“ โทษทีที่ทำให้ตกใจกันนะคือฉันขี้เกียจจะลงหลังร้านเลยทำทางไว้ตรงนี้ให้ลงง่ายๆ ” คูลงมาจากรูขนาดใหญ่จุดเดียวกับที่ลังไม้ตกลงมา
เขาตรงไปหยิบลังที่อยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองคนขึ้นมาถือไว้แล้วหันมามองซาอะเหมือนจะถาม
“ ได้ข้าวเย็นมาแล้วเดี่ยวข้าจะทำให้กินแล้วกัน ”
“ ข้าไม่ได้หมายความเรื่องนั้น ข้าหมายถึงยาที่ข้าบอกให้ไปซื้อต่างหาก ”
“ ถ้าเรื่องนั้นหละก็อยู่ในมือนายตั้งนานแล้ว ”
คูทำถ้าเหมือนจะงงกับประโยคเมื่อครู่แต่กลับหันมามองให้มือตนก็เห็นขวดยาที่ใส่น้ำสีฟ้าสว่างอยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“ แล้วนี้ของที่นายขอมาอาลาดินทุกอย่างอยู่ในกล้องนี้แล้ว แต่ก่อนที่จะใช้ให้เอาน้ำในขวดนี้เทลงไปก่อนนะทุกอย่างถึงจะเข้าที่ ” คูยื่นกล้องไม้สีน้ำตาขอบเป็นเงินสะท้อนแสงให้กับอาลาดิน
“ ขอบคุณมากนะคู งั้นฉันกลับก่อนนะ แล้วก็อย่าทำหนักไปหละ ” อาลาดินพูดล่อคูกับซาอะนิดหน่อยก่อนจะเดินกลับออกไปทางเดิม แต่กลับมีเสียงเย็นชาที่คุ้นเคยมาทำให้หยุดก่อนที่จะก้าวเท้าออกไปหลังบานประตู
“ อาลาดิน...สิ่งนี้อาจช่วยนายได้แต่ต้องรีบหน่อยนะเวลาเหลือไม่มาก ” เจ้าของประโยคโยนม้วนกระดาษสีน้ำตาลแก่ให้อาลาดิน
“ ขอบคุณ ” เขาตอบประโยคสั้นๆ แล้วเดินออกไปหลังบานประตูหายไปในความมืดยามราตรี
“ เมื่อกี้นายให้อะไรเขาไปหนะ ” คูยืนกอดอกถามคนข้างๆ
“ แผนที่ ”
“ แผนที่อะไร ”
“ ตะเกียงวิเศษ ” คูเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดเมื่อกี้แต่ก็ไม่ได้พูดหรือทำอะไรต่อจากนั้น
“ กินข้าวเหอะหิวแล้ว ” เขาตบไหล่ซาอะแล้วหันหลังเดินกลับไปหลังร้านรอเพื่อนคนสนิทมาทำอาหารให้กิน
ซาอะยังยืนจ้องมองบานประตูที่อาลาดินพึ่งจะเดินออกไปโดยที่ยังคิดว่าเขาจะทำเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ คูได้ให้บางสิ่งที่เขาต้องการไปแต่มีอีกสิ่งที่อาลาดินไม่รู้คือเขาได้ให้สิ่งวิเศษกับเขาไปในกล้องใบนั้นโดยหวังว่ามันจะช่วยเขาได้
ความคิดเห็น