คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Part III ( End ? )
เสียงปืนดังสะท้อนโกดังออกไปข้างนอก เสียงนกเสียงกาต่างพากันบินหนีกันเป็นฝูงใหญ่ทั้งที่ตอนนี้น่าจะเป็นเวลานอนของพวกมันแต่ก็ดันมีเสียงดังขึ้นจนตกใจบินออกจากรัง
ฮั้นนิ่งไปในท่าที่กำลังจะฟาดเคี้ยวขนาดมหึมาลงใส่คนตรงหน้า สายตาสั่นระริกเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ค่อยๆ แล่นมาตรงหน้าท้อง ค่อยๆ หันหัวไปทางเข้าโกดังพร้อมกับค่อยๆ ล้มตัวลงใส่ริกที่ก็ตกใจไม่แพ้กันแล้วหันไปมองคนที่กำลังเดินมา
“ รอน!!...นายมาได้ยังไง? ” ริกรีบถามเมื่อเห็นใบหน้าคนๆ นั้นชัดเจนแล้วว่าเป็นเพื่อนรักของเขาที่เดินมาพร้อมกับปืนลูกซองที่เขาโยนทิ้งไปแบบเดียวกันอย่างกับแกะ แต่อาการบาดเจ็บทำให้เขาเปล่งเสียงออกมาได้ไม่เต็มที่
“ ก็นะ พอนายออกจากประตูไปฉันก็ไปนอน แต่พอนอนไปได้สักพักก็รู้สึกว่าเป็นห่วงนายขึ้นมาก็เลยไปดูที่บ้านแต่ไม่เจอก็เลยไปที่สถานีแล้วก็ตามสัญญาณติดรถนายมาถึงที่นี้ ” เขาเล่าเรื่องสั้นๆ ให้คนที่นั่งอยู่ฟังพร้อมกับนั่งลงข้างๆ แล้วหันไปมองคนที่กำลังโผเขากอดริก
“ ...ดีจริงๆ ที่นายปลอดภัย ” เมย์เข้ากอดริกด้วยความดีใจพร้อมกับน้ำตาที่ไหลไม่หยุดเพราะความดีใจ
“ ฉันตางหากที่ต้องพูด ” ริกกอดตอบอย่างเบาๆ
“ เออ ดีแล้วหละที่จบเรื่องนี้ได้แล้ว... ” รอนหยุดจังหวะพูดพร้อมกับเบิกตากว้าง
“ ละนั้นมันบ้าอะไรวะ ปีกนั้นมันมาได้ยังไงทำไมไปอยู่หลังนายได้อธิบายสิ!!! ” เหมือนเขาจะสติแตกไปเลยเมื่อเห็นปีกสีขาวที่ติดอยู่บนหลังริก
“ เฮ้ยใจเย็นๆ แล้วฟังฉันให้ดี ” ริกพูดพร้อมกับผละเมย์ออกเบาๆ ก่อนจะบอกความจริงที่รอนจะได้รู้เป็นคนที่สอง
“ ฉันเป็นเทวทูต ”
เหมือนรอนจะอึ้งเป็นกับสิ่งที่ได้ยิน เขาแทบอยากจะไปทำความสะอาดหูตอนนี้แล้วกลับมาฟังใหม่อีกรอบ
“ เรา...รีบออกไปจากที่นี้เถอะ ” รอนยังอ้ำอึ้งอยู่ทำให้เขาพูดเหมือนกับคนสติเลื่อนลอย
“ ใช้ เรารีบออกไปกันเถอะ ” เมย์เห็นด้วยกับสิ่งที่รอนพูด
ริกส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองคนรักตรงหน้าด้วยสายตาที่ดูเศร้าหม่น เขาเม้มปากพยายามพูดในสิ่งที่คิดอยู่ตอนนี้ออกมาอย่างหนักใจ
“ ไม่...ฉันไปไม่ได้ นายต้องพาเธอไปออกไปจากเมืองนี้ไปหาไกลแล้วหาที่ปลอดภัย แอ๊ค แอ๊ค ” เขาไอออกมาเป็นเลือดทำให้ทั้งสองคนตกใจไม่น้อยแต่ก็น้อยกว่าประโยคที่เขาพึ่งพูดออกมาเมื่อไม่กี้วินาทีก่อนหน้านี้
“ อะไรนะ ฉันไม่ทิ้งนายไว้ที่นี้หรอก เราต้องไปด้วยกันสิอยู่ด้วยกันเหมือนที่คุณสัญญาไว้ไง ” น้ำตาเริ่มไหลออกมาอีกครั้งและคราวนี้มันหนักมากกว่าครั้งก่อน
“ ใช้ฉันด้วย ฉันคงไม่ทิ้งคนที่บาดเจ็บไว้คนเดียวหรอกนะ หรือถ้านายกังวลเรื่องคนพวกนี้หละก็ฉันพอจะคุยให้ได้นะ ” รอนรีบยกขอเสนอในสิ่งที่เขาคิดว่าอาจทำให้เพื่อนรักกังวล
“ ไม่เพื่อนนายดูให้ดีๆ สิ ” ริกชี้นิ้วไปตรงหน้าที่ชายชุดดำเหล่านั้นมองอยู่
รอนหันหน้าตามที่ริกชี้และต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเหล่าคนที่นอนอยู่ตอนนี้ค่อยๆ กลายเป็นผงสีส้มสว่างค่อยๆ ลอยหายไปในอากาศ
“ พวกนั้นเป็น... ” รอนหันถามคนที่หน้าจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ดีที่สุด
“ ใช้ เหมือนๆ กับฉัน แต่พวกเขาแค่ยมทูตฝึกหัดไม่มีพิษสงฆ์อะไรมาก แต่นั้นไม่สำคัญที่สำคัญคือนายต้องพาเธอออกไปจากที่นี้ตอนนี้ก่อนที่พวกมันจะมาอีก ” ริกดึงขอเสื้อรอนให้เขามาใกล้เพื่อให้ฟังในสิ่งที่เขาจะพูดชัดๆ
“ เพราะฉะนั้นพาเธอออกไปซะ ทิ้งฉันไว้นี้ฉันพอจะถ่วงเวลาให้ได้ ” รอนมีท่าทีว่าจะท้วงแต่ริกพูดตัดก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร
“ ฉันเชื่อใจนายจะเพื่อน...พาเธอไปฉันขอร้อง ถ้าเธอเป็นอะไรไป...เมย์คือสิ่งเดียวที่ชีวิตฉันขาดไม่ได้ถ้าเธอตายวิญญาณฉันคงไม่สุข ” เขามองรอนอย่างคาดหวังและรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมาแต่ทำไม่ได้
“ ก็ได้...แต่นายต้องรับปากว่าจะกลับมาหาเราเพราะฉันคงดูแลเธอไม่ได้ตลอดนะ ” รอนยื่นขอเสนอพร้อมกับลุกขึ้นแล้วมองริกเพื่อรอคำตอบ... ‘เขาพยักหน้า’
ริกดึงใบหน้าหวานของเมย์เข้ามาช้าๆ ใบหน้าที่คุ้นเคยใบหน้าของคนที่เขารักซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตาแต่ก็ยังดูดีในสายตาเขา
ริมฝีปากทาบกันอย่างนุ่มนวลมากกว่าครั้งไหนๆ ความรู้สึกอุ่นๆ บนริมฝีปาก ความรู้สึกที่รักมากกว่าครั้งไหนๆ เมื่อลองนึกว่าพรุ่งนี้เช้าเขาจะไม่ได้เห็นใบหน้านี้อีกมันเจ็บปวดแค่ไหน มันคงทำให้เขาตายได้เลยที่เดียว เขาผละเธอออกเบาๆ ปีกสีขาวที่ค่อยๆ ปรากฏบนหลังเมย์ตอนนี้ซึ่งมันน่าจะอยู่บนหลังของเขามากกว่าเธอเหลือบหันไปมองดูหลังริกกลับพบว่าตอนนี้ปีกที่เปื้อนเลือดนั้นได้หายไปแล้วพร้อมๆ กับร่างของเขาที่ดูเหมือนจะบางลงจนมองเห็นทะลุอีกด้าน
“ คิดซะว่าเป็นคัวแทนของฉันและมันจะทำให้เธอปลอดภัย ” เขายิ้มอย่างฝืนๆ ให้คนตรงหน้าพร้อมกับดึงใบหน้านั้นเข้ามาใกล้อีกครั้งแล้วแนบริมฝีปากลงจุดเดิม
“ … ” เธอส่ายหน้าเหมือนไม่เห็นด้วยโดยที่น้ำตายังไหลอยู่ ขอบตาแดงก่ำใบหน้าหวานตอนนี้ดูเศร้าหม่นอยากมาก
“ ลาก่อน... ” ริกกระซิบเบาๆ ก่อนจะหันไปหาคนที่ยืนรออยู่ข้างๆ แล้วพยักหน้าให้สัญญาณ
รอนไม่รอช้าเมื่อทั้งสองล่ำลากันเสร็จ เขาตรงไปที่เมย์แล้วดึงตัวเธอขึ้นมาแล้วพาตรงไปยังประตูทางออก แต่แน่นอนว่าเธอคงไม่ยอม เธอดิ้นรนพยายามจะหลุดจากอ้อมแขนแข็งแรงของรอนแต่ไม่พ้นพร้อมๆ กับน้ำตาที่หลั่งออกมาไม่ขาดสาย เธอตะโกนร้องออกมาต่างๆ นาๆ ที่พอจะทำให้รอนใจอ่อน ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้อยากทำอย่างนี้แม้แต่น้อย ใจจริงเขาอยากจะแบกริกไว้ข้างหลังแล้วพาออกไปพร้อมๆ กันแต่ก็รู้ดีว่าเมื่อเพื่อนคนนี้ตัดสินใจอะไรไปแล้วจะไม่ยอมเปลี่ยนง่ายๆ เขาฝืนทนกลั่นน้ำตาพาเมย์ออกไปอย่างไม่มีทางเลือก
“ รู้ใช้ไหมว่าทำแบบนี้พวกเขาอาจไม่รับนายกลับไป ” ชายที่นอนอยู่พูดด้วยความกระอักกระอวม
“ ฉันไม่สนหรอกว่าพวกเขาจะไม่ต้องการฉันกลับไป...ฉันแค่ขอให้ได้อยู่กับเธอคนนี้ก็ดีมากแล้ว ” ริกตอบใบหน้ายิ้มที่มุมปากอย่างภาคภูมิ
“ แอ็ค แอ็ค...ไอ้บ้าเอ้ย ฮาๆๆ ” เขาไอออกมาก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ
“ เขาเหมือนนายมากนะฮั้น เหมือนจนไม่อยากจะเชื่อ ” ริกพูดตอบ
“ ฮาๆๆ แอ็ค แอ็ค มันน่าจะจบสวยกว่านี้นะนายว่าไหม? ” เขาค่อยๆ หลับตาลงโดยที่คิดถึงเรื่องในอดีตแล้วรอความตายมารับเขาไปจากที่แห่งนี้
ริกมองคนที่นอนอยู่อย่างเสียใจอย่างเห็นได้ชัดจากขอบตาเริ่มแดงของเขาและอาการที่ดูเหมือนจะเกรงบางอย่างเอาไว้ไม่ให้ออกมา แล้วค่อยๆ ปิดตาลงนึกถึงตอนนั้น...เมื่อสี่ปีก่อนเกิดเรื่องที่ทำให้ริก ฮั้นและแนน เธอเป็นคนรักของฮั้นพวกเขารักกันมากจนเทวทูตหลายตนอิจฉาอยากมีบ้าง ในตอนนั้นเขาทั้งสามถูกจับตัวโดยยมทูตและพยายามจะฆ่าพวกเขาโดยไม่มีเหตุผล แต่ด้วยความที่ริกและฮั้นเป็นนักรบจึงสู้ แต่แนนเป็นแค่เทวทูตธรรมไม่ได้เก่งอะไรจึงถูกคลุมร่างให้มีหน้าตาเหมือนกับยมทูตตนนั้นทุกอย่าง มันทำให้ฮั้นสับสน...เขาตัดสินใจแทงทะลุร่างร่างหนึ่งและร่างนั้นกลับกลายเป็นแนนและมันทำให้เขาเสียใจอย่างมากถึงมากที่สุดที่ริกเคยเห็นมาตั้งแต่อยู่กับเขา ถือเป็นความผิดอย่างมากเมื่อเทวทูตฆ่ากันเองและผลของมันคือบาปสีเทาซึ่งจะตัดสินว่าคนๆ นั้นผิดจริงหรือไม่ แต่ต้องใช้เวลาและต้องไปอยู่บนโลกมนุษย์เท่านั้น ริกรู้ว่าฮั้นไม่อาจรับความเจ็บปวดนี้ได้และถ้าต้องไปอยู่บนโลกมันอาจเกิดเรื่องขึ้น เขารับผิดแทนฮั้นและลงมาที่นี้นั้นทำให้ฮั้นโมโหหรืออาจเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาโมโห
ริกลืมตาขึ้นช้าๆ เขาเห็นร่างไร้วิญญาณของเพื่อนรักกำลังกลายเป็นผงฝุ่นละอองสีส้มที่ละน้อยซึ่งเขาทำใจไว้ก่อนหน้านี้แล้วแต่กลับเจอจริงๆ เขาไม่สามารถรับความรู้สึกนี้ได้เลย
เขากล่ำกลึงดูเพื่อนหายไปช้าๆ พร้อมกับความรู้สึกเศร้าที่อยากจะร้องไห้ออกมาแต่กลับเหมือนถูกกั้นเอาไว้ด้วยบางอย่างที่เขาไม่รู้จัก เขานั่งรออยู่ที่เดิมในระหว่างที่รอความตาย
“ เหอะๆ มันน่าขำสินดีเลยว่าไหม ” เขาก้มหน้าลงเหมือนรู้ว่าเวลานั้นมาถึงแล้วและเตรียมตัว
ปั้ง!!!
เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้งและคราวนี้กระสุนปืนถูกยิงออกมาจากปากกระบอกปืนที่อยู่ในความมืดภายในโกดังผ่านทะลุหัวใจของชายที่นั่งพิงกำแพง ชีพจรที่ก่อนหน้านี้ส่งเสียงเต้นอย่างแผ่วเบาเมื่อกี้ได้หายไปพร้อมๆ ร่างที่หายกลายเป็นฝุ่นละออง
ตอนนี้ที่นี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยทุกๆ อย่างหายไปหมดไม่เหลืออะไรไว้ แต่มันก็ดีแล้วไม่ควรมีใครรู้เรื่องนี้ อากาศเย็นๆ เริ่มครอบคลุมที่นี้อีกครั้งพร้อมๆ กับความเงียบที่ครอบคลุมไปทั่วมีเพียงเสียงแมลงตัวเล็กตัวน้อยที่ส่งเสียงแข่งกันยากค่ำคืนเท่านั้น ความมืดเหมือนจะกลืนกินที่นี้ให้หายไปเพราะบริเวณนี้ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว แต่ทุกอย่างจบแล้วที่นี้มันจึงทำให้ที่นี้ไม่ได้แย่ในสายตาพวกเขามากนัก... ‘ แต่มันดูน่าขนลุกดีนะ ว่าไหม ’
“ นี้คือเรื่องทั้งหมดที่ทำให้ผมมาอยู่ที่นี้ คุณฟังแล้วพอจะช่วยผมได้ไหมหละ...พระเจ้า ”
End ?
ความคิดเห็น