ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Aladdin : จอมโจรทะเลทราย

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ค. 56


                 วันนี้เป็นอีกวันที่อากาศร้อนแดดจ้าผิดปกติซึ่งเป็นแบบนี้มาประมาณหลายอาทิตย์ได้แต่ก็ไม่มีใครสนใจอยู่กันไปเรื่อยๆ ก็ชิด 

                ชุมชนตลาดที่แออัดไปด้วยผู้คนมากหน้ากลายตาจากทุกที่มารวมกันซื้อข้าวของอาหารแห้งต่างๆ หรือผลไม้นาๆ ชนิด  พ่อค้าต่างๆ ก็มาขายของกัน  นักเดินทางก็มาพักผ่อนมาแวะที่นี้ระหว่างเดินทาง  เลยจากตลาดเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ใช้ดื่มกินกันในเมืองซึ่งเชื่อว่าเป็นน้ำตาของเทพที่  อีกฝากของตลาดตรงข้ามแหล่งน้ำนี้เป็นปราสาทขนาดใหญ่ตั้งอยู่เหนือเมืองทั้งหมด  เป็นเมืองที่ทุกคนในแดนทะเลทรายแห่งนี้ต้องมาสักครั้งในชีวิต

                นูกาฮัน...อืม  ไม่ได้มานานแล้วนะเนี่ยเสียวบ่นโว้ยวายเบาๆ ทำให้อาซูที่กำลังช่วยคนในกองคาราวานยกของอยู่หันมาโต้ตอบ

                เจ้าคงเจอเมืองมาเยอะสินะ

                ก็นะ  ข้าไปมาแล้วทุกเมืองในดินแดนนี้และอาจจะเลยไปหน่อยหนึ่งด้วยนาซินก้มตัวยกหลังไม้ที่ใส่ลูกพลัมอยู่เต็มลังระหว่างพูดตอบอาซูและเขาก็พยักหน้ารับเหมือนเดิม  หลังจากที่ทั้งคู่ได้พูดคุยกันมาพอสมควรก็ไม่รู้นิสัยกันมากขึ้นและคุยถูกคอกันดี

                แล้วเจ้าหละ  เจ้าเป็นนักเดินทางไม่ใช้หรอก็น่าจะผ่านเมืองมาไม่น้อยเหมือนกันสินาซัดถามกลับ

                ก็ใช้ข้ออาจเดินทางมาเยอะแต่เชื่อเถอะแต่ละที่ที่ข้าผ่านมามันไม่มีคนดีมากหรอก

                งั้นเจ้าก็คงผ่านอะไรมาเยอะสินะ  จริงสิเจ้ามาที่นี้ทำให้หรอหรือว่าเจ้ามีคนรักอยู่แถวนี้หือ...นาซัดจ้องเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์เล็กน้อยอย่างเอาผิดแต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นเสียงหัวเราะของเขาแทน

                ฮาๆๆๆ  เปล่าหรอกข้ายังไม่ได้คิดเรื่องนั้นแต่ถ้าเจ้าอยากรู้ว่าข้ามาทำไมเมื่อถึงเวลาที่เราต้องแยกกันข้าจะบอกเอง

                  ...นาซินไม่พูดอะไรต่อแต่กลับทำหน้าเหมือนผิดหวังไม่น้อย

                เอ๊าพวกเจ้ามั่วแต่ยืนคุยกันอยู่นั้นแหละเดี่ยวก็ไม่ได้ขายของกันพอดีหรอก  ช่วยกันยกเร็วให้คนแก่ๆ ยกคงไม่ไหวหรอกนะกาซัดเดินมาตบบ่าทั้งสองเพื่อทำให้ตกใจเล่นก่อนจะแซวนิดหน่อย

                ฮาๆ ครับท่านพ่อเดี่ยวข้าจะยกให้เดี่ยวนี้แหละเมื่อพูดแล้วเขาก็ยกของตามชายแก่ตรงหน้าไป  อาซูมองแล้วหันเราะนาซินอยู่ข้างหลังแล้วก็เดินตามทั้งคู่เข้าไปในฝูงชน

     

                ถึงตอนนี้พระอาทิตย์ได้ไปอยู่ที่ขอบฟ้าเหลือแค่ครึ่งเดียว  ท้องฟ้าเป็นสีออกส้มๆ ม่วงๆ เป็นสัญญาณว่าความมืดกำลังใกล้เข้ามา  อากาศเย็นเริ่มคืบคลาน  ผู้คนต่างเก็บข้าวของเข้าบ้านตะเกียงไฟเริ่มส่องสว่างทั่วทั้งเมืองบางที่ทำกองไฟแล้วนั่งพูดคุยสังสรรค์กันตามภาษาพ่อค้านักเดินทางและพักผ่อนหลังจากค้าขายกันตั้งแต่เช้า

                บ้านหลังหนึ่งใกล้ๆ เขตเมืองที่ทำจากดินทรายหรืออื่นๆ หน้าต่างถูกเปิดค้างไว้ที่ชั้นสองของบ้าน  มีคนๆ หนึ่งกำลังเอามือทั้งสองข้างยันขอบหน้าต่างไว้อย่างผ่อนคล้าย  แสงอาทิตย์อ่อนๆ ยามตกดินกับแสงไฟจากตะเกียงส่องให้เห็นใบหน้านั้นชัดเจน

                ใบหน้ารูปไข่ได้รูป  ดวงตาแบบชาวทะเลทรายสีน้ำตาล  เรียวปากเล็กสีชมพูอ่อนหน้าหลงใหล  ผมสีดำเงาสะท้อนแสงอาทิตย์ปล่อยยาวถึงบ่าดูเข้ากับใบหน้า  เสื้อผ้าเป็นผ้าไหมสีชมพูลวดลายดอกไม้สีขาวเผยให้เห็นเนินอกสวย  เธอคงจะอยู่ในภวังค์อีกสักพักถ้าหากไม่มีเสียงใครบางคนที่คุ้นเคยมาเรียกเธอ

                จัสมิน  นี้เจ้ามัวทำอะไรอยู่นะพ่อบอกให้เจ้าอ่านหนังสือไม่ใช้หรอ

    ชายแก่ตัวสูงโปร่งตะวาดออกมาเบาๆ พร้อมกับไม้ค่ำยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้น  ใบหน้าเหี่ยวย่น  หนวดเคราแพะและผมสั้นซอยสีดำปนขาว  สายตาสีแดงคมจ้องมองจัสมินอย่างโมโหเล็กน้อย

                ท่านพ่อ! เออ...คือข้ากำลังพักผ่อนนะ  ข้าอ่านหนังสือนั้นมาทั้งวันแล้วหญิงสาวรีบโต้กลับไปแต่ไม่ว่าเธอจะให้เหตุผลยังไงพ่อของเธอก็ไม่ยอมฟังแม้สักนิด

                  จาฟาเป็นพ่อของจัสมินถึงแม้ว่าทุกคนในเมืองนี้จะบอกว่าเธอหน้าไม่เหมือนเขาแต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรกับมันถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช้พ่อจริงๆ อย่างที่ทุกคนเขากล่าวไว้เธอก็ยังรักเขาไม่ว่าเขาจะเป็นใครแต่เขาเลี้ยงเธอมาแต่เล็กๆ แต่จาฟาก็ยังให้เธอนั่งอ่านหนังสือนี้ทุกวันโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันคือหนังสืออะไร  และจาฟาไม่ยอมให้ออกจากบ้านโดยไม่มีเขา  เพราะอะไรนั้นเธอไม่รู้เธอทำได้แค่เดาว่าเขาคงจะเป็นห่วงเธอมาก

                เจ้านี้เลิกต่อล่อต่อเถียงพ่อสักทีได้ไหม… ” เขาเว้นจังหวะพูดเมื่อเห็นหน้าจัสมินที่ตอนนี้ดูเหมือนคนรู้สึกผิดซึ่งเขาไม่ชอบเอาซะเลย

    เวลาที่เสียไปมันไม่สามารถเอากลับมาได้หรอกนะลูกรัก จาฟาถอนหายใจออกเฮือกใหญ่หลังจากนั้นเขาเริ่มรู้สึกสงสารลูกคนนี้ขึ้นมา

                “ … ”

                เออนี้ก็เย็นแล้วลูกลงมาท่านข้าวดีกว่านะ เขาพยายามพูดปัดประโยคที่ดุเธอก่อนหน้านี้เพราะรู้ดีว่าเธอมักจะเสียขวัญอย่างนี้เสมอเวลาที่เขาดุเธอ

                คะ  เดียวข้าตามลงไป  สีหน้าเธอเริ่มดีขึ้นจากตอนแรกแต่ก็ไม่มากนัก  เธอหันหลังกลับไปที่หน้าต่างแล้วปิดมันพร้อมกับจังหวะที่จาฟาเดินกลับลงไป

                ทำไมคืนนี้ข้ารู้สึกแปลกๆ จัง  ไม่เหมือนเดิมเลยหละราจา จัสมินนั่งเขามือวางทับกันบนโต๊ะแล้ววางคางลงทับอารมณ์เหมือนคนที่ทำงานมาหนักๆ  เธอพูดโดยสายตาจ้องมาไปยังพื้นโต๊ะข้างหน้าที่มีหนูตัวเล็กๆ ขนสีน้ำตาขาวเดินวนๆ อยู่  และเมื่อเธอพูดออกไปมันกลับหันมาเหมือนว่าฟังรู้เรื่อง

                ฮิๆ เจ้านี้ทำให้ข้าสบายใจได้เสมอเลยนะ  ถึงเจ้าจะพูดไม่ได้ก็เถอะ จัสมินยิ้มกว้างหัวเราะเบาๆ กับความน่ารักของเพื่อนสนิทตัวนี้ของเธอ

                ปั๊ง!!

                เสียงหน้าต่างลมพัดเปิดกระแทกกับเสียงกำแพงดังลั่นทำให้จัสมินและราจาตกใจหัวใจแถบจะตกอยู่กับเท้า  จัสมินรีบลุกขึ้นไปปิดหน้าข้างแต่ก่อนที่เธอจะปิดมันลงนั้นเธอเห็นเงาร่างหนึ่งกำลังกระโดดข้ามหลังข้ามแบนเรียบของบ้านตรงข้าม

                แสงอาทิตย์สาดส่องพอให้เห็นเงานั้นนิดหน่อยแต่ไม่มากพอจะให้สามารถเห็นใบหน้านั้นชัดเจน  ผมสีน้ำตาลสะท้อนแสงหมัดรวบไว้เป็นเหมือนหางห้อยถึงเอว  ยางมัดสีน้ำเงินเข้มตัดกับสีผม  เสื้อสีดำทับขาวปลิวไปตามกระแสลม  นั้นเป็นภาพสุดท้ายที่จัสมินเห็นคนปริศนาใจตอนนั้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×