คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
แสงแดดเจิดจ้าร้อนระอุทำให้ทรายจำนวนมหาศาลมีไอจางๆ ออกมาก แผดเผ่าพืชพันธุ์ทุกอย่างที่ตระง่าอยู่กลางทุ่งรกล่าง แม่น้ำเหือดแห้งระเหยกลายเป็นไอลอยขึ้นสู่ฟ้าและตกลงมาอีกครั้งแล้วขึ้นไปใหม่ครั้งแล้วครั้งเหล่า ทรายเม็ดเล็กเม็ดน้อยปลิวไปตามลมร้อนอ่อนๆ ทับทมกันเป็นเนินสูงเป็นจุดๆ สิงสาราสัตว์ต่างพากันหนีร้อนหาที่แหล่งน้ำอยู่กินกันอย่างยากลำบาก
แสงแดดแผดเผ่าลงมายังเงาดำเบื้องล่างที่เดินอย่างอ่อนแรงถึงกับต้องหาไม้ยาวๆ มาค้ำตัวเองไว้ไม่ให้ล้มลงนอนจมก้องทราย ชุดคลุมสีน้ำตาลอ่อนผ้าโพกหัวปิดปากปิดหน้าตาเพื่อหลบแดดร้อนๆ ปลิวตามลมร้อนเบาๆ
ดูจากท่าทางแล้วเหมือนคนจะเป็นลม เดินลากขาอย่างหมดแรง เซไปเซมาเหมือนคนเมาแดด เขาเงยหน้ามองขึ้นฟ้ามีนกบินวนบนหัวเขาสองตัวเป็นวงกลม ไม่รู้ว่านกอะไรเพราะมันบินจับกับพระอาทิตย์กลางหัวพอดีทำให้มันย้อนแสง เขาไม่สนใจและเดินหน้าต่อไป...ไม่สิเดินโซเซไปยังโอเอซิสข้างหน้าที่มองแต่ไกลเห็นควันดำโพยพุ่งขึ้นมาคงมีคนพักอยู่ตรงนั้นพอดีเป็นโอกาสดีที่จะได้ขอของกินจากเขา
สายตาเริ่มเบลอมองเห็นไม่ชัดเจนและท่าทางการเดินก็เริ่มไม่ปกติแต่เขาต้องอดใจอีกหน่อยเพราะอีกไม่กี่สิบเมตรก็จะถึงโอเอซิสแล้ว เขากัดฟันเดินเซต่อไปขึ้นเนินทรายสูงอย่างยากลำบากเพราะด้วยความอ่อนแรง
แกร๊ง!!
จับจังหวะพอดีกับที่เขาเดินขึ้นถึงยอดเนินและไม้ที่ใช้ยันเขาก็หักพอดีคงรับแรงกดไม่ไหว เขากลิ้งลงเนินไปอย่างไม่ใยดีและตกลงมานอนหงายท้องอยู่ข้างล่าง เสียงหายใจหอบแห้งไร้น้ำใดๆ มาช่วยบรรเทาจึงทำให้แสบคอทุกครั้งที่หายใจเอาลมเข้าออกจากปาก ขณะที่หนังตาค่อยๆ ปิดเข้าหากันภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือพระอาทิตย์เจิดจ้า นกสองตัวที่ไม่รู้ว่าพันธ์อะไรและบินวนเหมือนว่าวนรอบพระอาทิตย์ กับร่างๆ หนึ่งที่ก้มหน้ามองเขาแต่ไม่เห็นหน้าเพราะย้อนแสงและหลังจากนั้นหนังตาก็ปิดเข้าหากันอย่างสนิท
เสียงดนตรีแบบชาวอาหรับดังขึ้นแว่วๆ เข้ามาในหัวปลุกเขาให้ตื่นจากนิทรา หนังตาค่อยๆ เปิดออกเห็นภาพตรงหน้าอย่างเบลอๆ กองไฟกองใหญ่กับนางระบำสามคนที่เต้นวนไปรอบๆ ไฟกองใหญ่ หน้าท้องสีน้ำผึ้งแบบราบส่ายไปตามจังหวะดนตรี ผ้าไหมสีสดผืนบางปลิดสะไหวโชว์ส่วนข้างของต้นขาอ่อนดูเร้าอารมณ์ ใบหน้าใช้ผ้าผืนบางปิดเอาไว้เส้นผมสีดำสนิทยาวถึงต้นเอว ผู้คนโฮร้องลั่นด้วยความสนุกสนานชายและหญิงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างล้อมรอบกองไฟสังสรรค์กันเป็นบรรยากาศที่ครึกครื้น
เขาค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่งช้าๆ ก่อนจะเหลือบหันไปมาสำรวจคนรอบๆ ตัว เขาเห็นชายรูปร่างสูงใหญ่ใบมีหนวดเคราสีขาวบ่งบอกอายุอย่างชัดเจน เสื้อคลุมสีน้ำตาอ่อนสวมผ้าโพกหัวแบบชาวอาหรับ เดินเข้ามาหาเขาโดยถือแก้วน้ำไว้ในมือ
“ เจ้าไม่เป็นอะไรนะ? ” ชายแก่ถามพลางยื่นแก้วน้ำให้เขาแล้วนั่งลงตรงหน้าเพื่อให้การพูดคุยง่ายขึ้น เขารับมาและยกดื่มอย่างช้าๆ โดยที่สายตายังคงจ้องมองชายตรงหน้าเหมือนอยากจะถามว่าเขาอยู่ที่ไหน
“ ข้าชื่อ กาซัด เป็นหัวหน้าพ่อค้ากองคาราวานนี้ ลูกชายข้าไปเห็นเจ้านอนอยู่กลางทะเลทรายใกล้ๆ นี้เอง ”
“ งั้นข้าก็คิดหนี้เขาแล้วหละ แต่ข้าไม่มีอะไรจะให้ข้าเดินทางมาตัวเปล่าไม่มีอะไรเลย ”
“ ไม่จำเป็นหรอกเจ้าหนุ่ม มาสนุกกันดีกว่าพวกเรากำลังฉลองกันอยู่ ” เขาลุกขึ้นและส่งมือให้ชายหนุ่มที่ยังนั่งอยู่เหมือนเชิญให้มาสนุกกัน
“ มาสิข้าจะพาไปรู้จักกับลูกข้าและก็คนอื่นๆ ในคาราวาน ” ชายแก่ส่งยิ้มแล้วดึงตัวเขาขึ้นมา
กาซัดพาเขาไปยังแหล่งน้ำข้างในโอเอซิสแห่งนี้ลึกเข้าไปในป่าห่างจากจุดที่พวกเขาพักไม่ไกลเท่าไหร่ และระหว่างที่กาซัดพาชายหนุ่มเดินไปที่แหล่งน้ำเขาก็แนะนำทุกคนให้เขารู้จัก แสงจันทร์อ่อนๆ ส่องสะท้อนแอ่งน้ำใสขนาดใหญ่ระยิบระยับอย่างสวยงามและสะท้อนให้เห็นร่างๆ หนึ่งที่ยืนถือแก้วน้ำไว้ในมือพลางยกดื่มเป็นครั้งคราว
ใบหน้าคมยาวสีน้ำผึ้งนวลแบบชาวทะเลทราย ดวงตาเรียวคมสีน้ำตาลเข้มดูมีเสน่ห์ ผมสั้นสีน้ำตาลดูยุ่งเหยิงมัดผมข้างหลังไว้สั้นๆ ด้วยยางมัดสีแดง เสื้อแขนกุดสีขาวสวมทับด้วยเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มๆ พับแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอก
“ นั้นไงเขาอยู่นั้น ” น้ำเสียงเข้มๆ ฟังดูมีอายุเมื่อครู่ทำให้เขาต้องหันหลังกลับไปดู
“ เป็นยังไงบ้างลูกพ่อ มัวแต่มองดูวิวทิวทัศน์อย่างนี้ทุกทีเลยนะ ” กาซัดเดินออกมาจากต้นไม้ด้านหลังเขาพอดิบพอดี เขาเดินตรงไปหาผู้เป็นพ่อโดยสายตาเหลือบไปเห็นคนที่เดินมาด้วยข้างหลัง
“ เจ้าดูดีขึ้นแล้วนิ คงไม่ได้เจ็บอะไรตรงไหนใช้ไหม ”
“ ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว ต้องขอบคุณเจ้าที่ช่วยข้าไว้ ” เขาโค้งตัวลงเล็กน้อยและเอามือวางไว้ที่อกซ้ายเชิงบอกว่าขอบคุณ
“ ไม่เป็นไรหรอก เป็นคนก็ต้องช่วยเหลือกันสิ ”
เมื่อทั้งสองทักทายกันเสร็จแล้วกาซัดก็เดินตรงเข้าไปหาลูกชายแล้วเอามือตบไหล่เบาๆ แล้วหันไปมองชายอีกคนตรงหน้า
“ นี้ลูกชายข้า นาซิน เขาชอบเหม่อมองรอบๆ เสมอเวลาว่างๆ แต่ฝีมือดาบก็ไม่แพ้ใครหรอกนะ ” กาซัดพูดหยอกนาซินเล็กน้อยเพื่อให้บรรยากาศดูน่าคุยมากขึ้น
“ จริงสิเจ้ายังไม่ได้บอกชื่อของเจ้าเลย ” กาซัดถามกลับไป
“ ข้า... ”
“ ข้า...ชื่อ...อาซู เป็นนักเดินทางกำลังไปที่เมืองนูกาฮันแต่น้ำกับอาหารข้าถูกพายุทะเลทรายพัดไปหมดแล้ว ” เขาพูดออกมาเหมือนลังเลบางอย่างในตอนแรกแต่ก็กลับเป็นเหมือนเดิมหลังจะประกาศชื่อให้ทั้งคู่ฟังแล้ว
แสงจันทร์เริ่มทำให้เห็นใบหน้านั้นชัดขึ้น ใบหน้าคมสันได้รูปเห็นกรามชัดเจน ดวงตาสีเทาอ่อนดูหน้าค้นหา ทรงผมสีน้ำตาเข้มยาวรกรุงรังมัดรวมกันไว้ตรงต้นคอด้านหลังและปล่อยยาวจนถึงเอวมัดด้วยยางสีน้ำเงินเข้ม เสื้อสีดำพับแขนขึ้นไว้ที่ต้นแขน กาซัดไม่ได้ทันสังเกตเขาชัดๆ ก่อนหน้านี้เพราะมัวแต่แนะนำเขาให้คนอื่นรู้จัก
“ งั้นก็ดีสิ พวกข้ากำลังจะไปขายของที่เมืองนูกาฮันพอดี ไปด้วยกันไหมหละ ” นาซินพูดเชิญให้อาซูไปด้วยพลางยกแก้วในมือขึ้นดื่ม
“ ขอบคุณมากสำหรับทุกอย่างข้าคงไม่รบกวนไปมากกว่านี้แล้วหละ ”
“ ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่าถึงเมืองแล้วก็ค่อยแยกทางกันก็ได้ ” อาซูลังเลว่าจะร่วมเดินทางกับพวกเขาดีไหมเพราะเขาก็มีธุระแถวๆ นี้เหมือนกัน แต่เขาก็ไม่ยากติดค้างใครเช่นกัน
“ ก็ได้ระหว่างทางข้าจะได้ช่วยตอบแทนอะไรพวกเจ้าบ้าง ” เขาพยังหน้ารับ
“ ถ้างั้นก็ดีแล้ว ไปสนุกกันเถอะ ” กาซัดพูดแล้วเดินลวงหน้าไปที่แค้มป์ก่อนแล้วให้ทั้งสองคนตามไปที่หลัง
“ พวกเจ้ามีงานอะไรกัน ดูสนุกกันใหญ่เชียว ” อาซูหันมาถามนาซินที่กำลังยืนดูแหล่งน้ำอยู่
“ มีอาคนในกองคาราวานของเราคลอดนะสิ พวกเราก็เลยแสดงความดีใจกับเธอโดยจัดงานเลี้ยงฉลอง ” อาซูพยักหน้ารู้เรื่อง
“ งั้นไปกันเถอะหรือว่าเจ้าจะอยู่ตรงนี้ดูวิวไปก่อน ” อาซูพูดน้ำเสียงกวนๆ เล็กน้อย
“ ฮาๆ ไปกันเถอะน่า เจ้านี้พึ่งเจอข้าแล้วก็ล้อข้าซะขนาดนี้แล้วกล้าไม่เบานะเจ้า ” นาซินหันไปพูดกับอาซูด้วยท่าทีตกใจเล็กน้อย
“ ก็ข้าเข้ากับคนเก่ง ” เขาพูดออกมาพร้อมกับทำท่ากอดอกแล้วเชิดหน้าขึ้นประกอบด้วยความภูมิใจแต่ก็แค่แกล้งไปเท่านั้น
“ ไม่ต้องมายืดเลยเจ้า ” นาซินพูดกลั่นขำในลำคอเอาไว้
“ ฮาๆ ไปเถอะเดียวอาหารก็หมดซะก่อนหรอก ” อาซูพูดพลางเดินหันหลังกลับไปที่แค้มป์
“ เจ้านี้ก็ห่วงกินเหลือเกินนะ ” เมื่อพูดกันจบเขาก็เดินตามไปกลับเข้าไปงานฉลองในค่ำคืนที่แสงจันทร์ส่องสว่างหน้าหลงใหลในคืนนี้
ความคิดเห็น