ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sin of Angel

    ลำดับตอนที่ #1 : Part I

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 56


                    เริ่มด้วยเช้าที่ปกติสุขเหมือนทุกวัน  พระอาทิตย์ส่องแสงสว่างจ้าตามหน้าที่  อากาศเย็นๆ ตอนหน้าหนาวถึงแม้ว่าจะถึงเวลาตื่นแต่เชื่อว่าทุกคนคงอยากจะเอาหน้าซุกผ้าห่มไม่ยอมตื่น

    ติ๊ดติ๊ด ติ๊ดติ๊ด

                    เสียงนาฬิกาดังขึ้นตามเวลาที่ตั้งไว้  ดังจนร่างที่นอนอยู่ใต้ผ้าผืนบางสีขาวต้องเอื้อมมือมาปิดมัน  แต่ดูเหมือนว่าจะพลาดด้วยความงัวเงียจากอาการอยากนอนและพยายามปิดนาฬิกาปลุกทั้งๆ ที่ตายังปิดอยู่  ทำให้เจ้าตัวที่ส่งเสียงดังตอนนี้ลงไปอยู่พื้นเบื้องล่างและหยุดส่งเสียงน่ารำคาญให้เสร็จสรรพ 

                    ริก ตื่นได้แล้วนะ  เดี่ยวไปสายนะ เสียงหวานๆ ดังมาจากประตูด้านหลังเตียงที่ตอนนี้เปิดอ้าไว้อยู่

                    อือ… ” ร่างหนาใต้ผ้าห่มตอบกลับด้วยเสียงงัวเงียเหมือนเคยและหลับต่อโดยที่ไม่สนใจข้อความเมื่อครู่เพราะกำลังหลับสบาย

                    เมื่อสิ่งที่ตอบกลับมาไม่ใช้สิ่งที่อยากได้ยิน  ประตูที่เปิดอ้าอยู่ตอนนี้ปรากฏเงาลางๆ จากแสงอาทิตย์อ่อนๆ เดินเข้ามาข้างในห้องนอน 

                    ใบหน้าหวานมีน้ำมีนวล  ผิวสีขาวอมชมพู  ดวงตาสีเขียวมรกต  ผมสีผมชูอ่อนยาวมาจนถึงบ่า  มาในชุดผ้ากันเปื้อนสีขาว  ซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเธอคงกำลังทำอาหารอยู่ในระหว่างที่ร่างนั้นนอนสบายอยู่บนเตียง  

                    เธอเดินมาแล้วนั่งลงข้างๆ ร่างหนาที่นอนอยู่ตอนนี้

                    นี้ริกตื่นได้แล้วนะเธอพูดพร้อมเขย่าตัวเพื่อให้คนที่นอนอยู่ตื่นจากนิทรา  แต่ดูเหมือนร่างนั้นจะไม่มีการตอบโต้อะไรเลย

                    เธอเริ่มขั้นต่อไปในการที่จะปลุกคนๆ นี้โดยดึงผ้าห่มผืนบางของเขาออก  แล้วเดินไปเปิดผ้าม่านออกเพื่อให้แสงส่องเข้ามาในห้อง  แต่ร่างนั้นยังนอนแน่นิ่งในสภาพนอนคว่ำเอาหน้าซุกหมอนเหมือนจะหนีแสงที่แยงตาเขาเหมือนทุกเช้า 

                    ร่างที่ตอนนี้นอนเปลือยเปล่าอยู่บนที่นอนหนาวๆ อยู่บนเตียง  มีเพียงกางเกงสีเทาตัวบางที่ใส่อยู่ตอนนี้ที่พอจะทำให้ความหนาวหายไปได้ถึงแม้จะแค่นิดเดียว  กลางแผ่นหลังหนาของร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่มีสัญลักษณ์ที่ดูเหมือนแผลเป็นรูปวงกลมและมีเส้นสามเส้นทั้งสองข้างแยกออกไปทางซ้ายและขวาซ้อนกันดูคล้ายปีก  แต่มันไม่ได้ทำให้หญิงสาวที่ตอนนี้ยืนเอามือเท้าเอวอยู่สนใจมันแม้แต่น้อย  เธอยืนจ้องมองร่างนั้นด้วยความตลกพร้อมหัวเราะเบาๆ เพื่อไม่ให้คนที่นอนอยู่รู้

                    ร่างหนาเริ่มขยับตัวเพราะอากาศหนาวๆ ทำให้เขาทนไม่ไหวที่จะนอนต่อไป  เขาเอามือทั้งสองข้างยันตัวขึ้นมาแล้วพลิกตัวกลับหันหน้าไปทางคนที่ยินอยู่หัวเตียง  เขารู้สึกว่าการที่รีบลุกเร็วเกินไปทำให้สมองของเขาปรับสภาพไม่ทันเลยทำให้ภาพหมุนไปหมด  ยังดีที่สายตายังปรับภาพไม่เต็มที่ไม่งั้นคงอ้วกแตกคาที่นอนไปแล้ว

                    ใบหน้าคมกระทบกับแสงอาทิตย์อ่อนๆ ยามเช้า  หนวดเคราตรงคางที่ดูเหมือนพึ่งจะโกนไปเมื่อวันก่อนแต่วันนี้มันขึ้นมาอีก  ดวงตาสีเทาอ่อนน่าหลงใหล  ผมสีดำคลับราวข้นปีกอีกาดูยุ่งเยิง  ชายตรงหน้าหญิงสาวที่ตอนนี้เคลื่อนตัวเขามาใกล้  เอาริมฝีปากทาบเบาๆ ลงบนปากของชายคนรักเหมือนบอกสวัสดีตอนเช้า

                    ลุกขึ้นมาแต่งตัว  แล้วไปกินข้าว  เธอเดินออกไปทางประตูเดิมที่เข้ามาแล้วชี้นิ้วไปที่คนบนเตียงเหมือนบอกให้รีบทำทุกอย่างให้เสร็จ

                    ไม่เอาน่าเมย์ ฉันขอนอนต่ออีกหน่อยไม่ได้หรอชายหนุ่มพูดเบาๆ เชิงขอร้องแต่ไม่ทันสังเกตว่าคนตรงหน้าเมื่อกี้ไม่อยู่

                    ไม่ได้!! ” เสียงหวานดังเบาๆ มาจากบานประตู 

                    เมื่อรู้ว่าไม่สามารถบอกปฏิเสธเรื่องนี้ได้  เขาเริ่มขยับตัวไปด้านข้างไปทางที่นอนประจำ  ค่อยๆ วางเท้าลงบนพื้นพรมสีแดงพลางหยิบนาฬิกาปลุกที่หล่นไปด้วยฝีมือตัวเองเมื่อกี้ขึ้นมาดู

    หกโมงห้าสิบ

                    เขายิ้มออกมาเหมือนตลกตัวเองก่อนบิดตัวเล็กน้อยให้ร่างกายเข้าที่แล้วลุกออกจากเตียงตรงไปยังประตูไม้เพื่อเตรียมตัวก่อนไปทำอย่างอื่น

     

                      ชีวิตนายนี้มันน่าอิจฉาจริงๆ เลยนะ

                    ริกกำลังทำงานของเขาในรถตำรวจที่กำลังจอดรอเพื่อนอีกคนที่ตอนนี้ยืนอยู่ตรงประตูฝังคนขับถือถาดใส่แก้วกาแฟร้อนๆ กับโดนัทมาอย่างละสอง  เป็นเวลายามว่างของตำรวจที่จะพักผ่อนที่ดีที่สุด

                    ขนาดนั้นเลยหรอ  เขายืนมือไปรับแก้วกาแฟมาถือพลางทำหน้าตกใจเล็กน้อย

    ก็เออสิ  ฉันนะหามาตั้งนานแล้วยังไม่เจอคนที่รักจริงๆ สักที อยากมีจะแย่แล้วอยู่คนเดียวมันเหงา  แกไม่รู้หรอก

                    ไม่เอาน่ารอนเพื่อน  แกคิดว่าฉันมีเธอแต่แรกรึไง  ก่อนหน้านี้ฉันก็อยู่คนเดียวนะริกโวยวายในจังหวะเดียวกับที่รอนเขามานั่งในรถ

                    เลิกโวยวายเป็นเด็กๆ น่า  แต่เอาเถอะดูแลเธอให้ดีๆ ก็แล้วกัน 

                    เออน่า  ฉันไม่ปล่อยเธอไปหรอก  ริกทำหน้าจริงจังแต่น้ำเสียงติดตลก  แต่ดูเหมือนว่าความหมายที่ริกคิดมันไม่ได้เหมือนกับที่รอนบอกไป

                    ฉันไม่ได้หมายความยั้งงั้น  ฉันหมายถึงว่าตอนนี้นะมันมีพวกแก๊งมาเฟียหรืออะไรนี่แหละ  พวกมันลักพาครอบครัวของเหยื่อแล้วก็ล่อให้เหยื่อมาตายส่วนครอบครัวก็หายไปเลย แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นตำรวจด้วยนะ  ฉันว่าแกน่าจะระวังตัวไว้ก็ดีนะ  นี่ฉันห่วงนะโว้ย    หนุ่มผมน้ำตาลพูดพลางดื่มกาแฟไป

                    แกพูดเหมือน… ” เขาเว้นทิ้งท้ายแล้วหันหน้ามามองคนข้างๆ เหมือนจับผิดก่อนจะพูดคำพูดสุดท้ายออกไป

                    อะไร?  พูดดีๆ นะโว้ย!! ” คราวนี้คนผมน้ำตาลโวยวายบ้าง  หันมามองหน้าคนข้างๆ อย่างตั้งใจฟังประโยคสุดท้ายในใจหวังไม่ให้มันเป็นคำๆ นั้นที่คิดอยู่

                    เมะ หรือเกย์นั้นแหละ  ห่วงฉันจังเลยนะแก  คงไม่ได้ชอบฉันหรอกนะ

                    จะบ้าหรอ!!! ฉันจะไปชอบผู้ชายได้ยังไงเหล่า  ฉันก็แค่เป็นห่วงเพื่อนเท่านั้นเองนะโว้ย!!! ” รอนเริ่มโวยวายหนักกว่าเก่าเมื่อคำที่ได้ยินเป็นคำที่เขาไม่อยากได้ยิน

                    จริงเหรอ  หยังงั้นจริงหรอเพื่อน ริกหยอกล้อรอนอย่างสนุก  และยิ่งสนุกขึ้นไปอีกเมื่อคนข้างๆ ติดกับเขาเต็มๆ  แต่ถึงรอนก็รู้ว่ามันไม่ใช้ครั้งแรกแต่ก็หลงกลทุกครั้งเหมือนยินยอมแต่โดยดีเหมือนแค่อยากเล่นสนุกกับเพื่อนรักเท่านั้น 

     

                    หยุดนะ…!!! ” เสียงตะโกนดังลั่นเมือง  ชายในชุดตำรวจสองคนกำลังวิ่งไล่จับคนร้ายตรงหน้าแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเพราะคนร้ายใช้สิ่งของรอบๆ ตอนที่วิ่งอยู่ขวางทางทั้งสองคน

                    บอกให้หยุดไงโว้ย!!! ” ริกตะโกนออกมาอีกครั้งถึงแม้จะรู้ว่าไม่ได้ผลแต่แรกแต่ก็แค่ทำตามสูตรเหมือนในหนังที่ดูมาเท่านั้น  เขาวิ่งกระโดดหลบสิ่งกีดขวางตรงหน้าไม่รู้เหนื่อยในขณะที่รอนวิ่งชนนู่นนี่จนเริ่มเหนื่อย 

                    ริกวิ่งข้ามถนนตามโจรที่ตอนนี้อยู่อีกฝากของถนน  เขาต้องวิ่งหลบรถที่วิ่งผ่านไปผ่านมาตอนนี้ด้วย  ถึงใจอยากจะหยุดรอให้ไฟเขียวแต่นั้นก็ทำให้โจรวิ่งนี้หายไปได้เหมือนกันและนั้นอาจทำให้เขาโดนดุอีกด้วย  เขาวิ่งกัดฟันต่อโดยที่ความเหนื่อยเริ่มคลอบคลุมตัวเขาแต่ถ้าเขาหยุดตอนนี้ก็เท่ากับทิ้งหน้าที่  เขามองดูโจรในขุดสีม่วงตัวใหญ่วิ่งออกห่างไปเรื่อยๆ  ทำให้เขาต้องรีบ…‘ แต่จะทำยังไง

    ปีก

                    ทันทีที่กำลังคิดหาทางอยู่  ก็มีคำคำหนึ่งปรากฏขึ้นมาในหัว… ‘ จริงด้วย 

                    เมื่อคิดได้ดังนั้น  ริกก็เริ่มใช้ ปีกที่เขามี  ทำให้มีแสงสีขาวอ่อนๆ กลางหลังเขาและปรากฏปีกสีขาวลางๆ ตามมาแต่ก็ไม่สว่างพอที่จะมีใครเห็น  เมื่อปีกเริ่มกางออกเป็นแนวตรงแล้วหุบกลับทั้งยังตรงอยู่  ปลายปีกประกบกันเบาๆ เกิดลมอ่อนๆ ดันตัวริกให้วิ่งเร็วขึ้นเหมือนกับว่าเหาะอยู่  เมื่อเขาวิ่งใกล้ตัวคนร้ายเขากระโดดไปข้างหน้าแล้วกดน้ำหนักตัวลงเพื่อให้โจรลงไปนอนกับพื้นโดยมีเขานั่งทับตัวมันอยู่

                    แกถูกจับแล้วเพื่อน  แกมีสิทธิที่จะไม่พูด  เพราะทุกคำที่แกพูดสามารถเอาไปใช้ในศาลได้  แก่มีสิทธิที่จะจ้างทนายถ้าแกหาไม่ได้เราจะจัดหาให้ ริกสาธยายวิธีต่างๆ ให้คนที่อยู่ข้างล่างฟังไปพร้อมๆ กับใส่กุญแจมือเขา  ใจจริงเขาได้ไม่อยากพูดแต่มันเป็นกฎถ้าไม่พูดก็เอาความผิดไม่ได้   เขาดึงตัวคนที่นอนกับพื้นขึ้นแล้วพาเดินกลับไปตามทางที่เละเทะเพราะฝีมือของคนตรงหน้าคนเดียว  แต่ก็ไม่ได้สนใจขนนกสีขาวที่ตกอยู่เป็นจุดๆ ตามทางแล้วเดินกลับไปหาคู่หูที่ตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้วก็ไม่รู้

     

                    เฮ้ยตื่นได้แล้วเพื่อน  แกนอนพักมานานพอแล้วนะ   รอนค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยท่าทีสะลึมสะลือสะบัดหัวเล็กน้อยเพื่อให้หายมึน

    เพียะ!!!

                    เฮ้ย!!!  ตื่นสิจะนอนอีกนานไหม ริกตบหน้ารอนด้วยความแรงในระดับที่เขาคิดว่ามันน่าจะทำให้เขาตื่นและมันเป็นไปอย่างที่เขาคิด 

                    รอนตื่นขึ้นมาเต็มตาแล้วมองหน้าคู่หูคนสนิทตรงหน้าด้วยท่าทีตกใจก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งข้างๆ ที่มีโต๊ะสีขาวกกั้นระหว่างเขากับโจรเมื่อครู่  แล้วหันมามองตัวเองอีกครั้งที่ตอนนี้อยู่ในสภาพที่ดูไม่เอาเสียเลย

                    ฉันจำไม่ได้ว่ามานั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่  ฉันจำได้ว่าฉันวิ่งไล่จับไอ้หมอนี้แล้วก็ล่มฟุบลงไปเลย รอนพูดพลางชี้นิ้วไปที่คนข้างๆ

                    ก็นายล้มลงหน้าร้านพอดี  เจ้าของร้านมาเห็นก็เอาตัวนายขึ้นมานั่งพักตรงนี้  ไม่ต้องห่วงฉันขอบคุณแทนนายแล้ว ริกเอามือเท้าเอวในระหว่างที่พูดตอบคำถามที่เพื่อนซี้สงสัยในใจ

                    งั้นหรอ... รอนพูดด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอยเมื่อยังไม่ได้สติ

                    เออ  ไปได้แล้วใกล้ได้เวลาออกเวรแล้วนะ ริกเขย่าตัวของรอนให้ได้สติอีกรอบก่อนจะดึงตัวทั้งสองคนขึ้นจากที่นั่งแล้วพาเดินไปที่รถที่จอดรออยู่ห้างออกไปจากตรงนี้ไปไม่น้อย  

                    ริกไม่ทันสักเกตว่ามีคนแอบมองเขาอยู่นานแล้วในซอกตึกเล็กๆ ที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขาเลย

                    เจออีกคนแล้ว หึๆ คนในซอกแสยะยิ้มและหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินออกไปหายไปในเงาของตึก

                    หือ…

                    มีอะไรหรอ?  อะไรหาย? ” รอนหันมาถามริกด้วยความที่ยังมึนไม่หาย  ที่ตอนนี้ริกหยุดอยู่ข้างหลังเขาแล้วมองไปทางข้างหลังในทางที่ผ่านมา

                    เปล่า  ไม่มีอะไร   ริกหันมาตอบคนตรงหน้าแล้วเดินต่อพร้อมกับโจรเมื่อกี้ที่ตอนนี้เขาเป็นคนคุมอยู่

                    งั้นก็รีบกลับเหอะ  ฉันว่าฉันน่าจะหายากินสักหน่อย  ปวดหัวนิดๆ แล้วเนี่ย   รอนบ่นกับตัวเองแล้ว

                    เออ  งั้นแวะร้านยาก่อนแล้วกัน

                    อืม… ” รอนตอบด้วยน้ำเสียงมึนๆ

                    ริกเคยคิดว่าเขาได้พ้นจากพวกนั้นไปแล้วเมื่อนานมาแล้ว  มันคงไม่ตามหาเขาอีก  เขาจะได้มีชีวิตที่สงบตามที่เคยคิดไว้เมื่อหน้าที่ของเขาจบลง  แต่เหมือนว่ามันไม่เป็นไปตามที่คิดไว้  พวกมันยังคงตามหาเขาอยู่และถ้าเป็นหยังงั้นเขาจะไม่ยอมให้ใครได้เป็นอะไรเพราะเขา  และเขานี้แหละจะเป็นคนฆ่าพวกมันทั้งหมด ปีศาจ      

     

                     ริกกำลังยืนอยู่ในห้องสีเหลี่ยมเล็กๆ โดยรอให้มันไปถึงชั้นที่เขาอยู่  ในระหว่างที่รอเขาก็กดโทรศัพท์หาเพื่อนซี้เพราะเป็นห่วงอาการหวัดของเขา

                    ไง  มีอะไรรึเปล่า เสียงตอบรับจากอีกสาย  ดูท่าทางรอนตอนนี้จะอาการดีขึ้นจากเมื่อตอนเย็นมากทีเดียวเมื่อฟังจากน้ำเสียงแล้ว

                    นายโอเคนะ  ยังปวดตรงไหนอีกรึเปล่า ริกถามกลับไปด้วยความเป็นห่วง

                    แหม...เมื่อตอนเช้านายยังว่าฉันเป็นห่วงนายมากไปจนหาว่าฉันเป็นเกย์  คราวนี้ตานายหรอเนี่ย  ฮาๆ  ฉันไปเป็นไรเพื่อนมีขึ้นมากแล้ว  ไม่ต้องห่วงมากหรอกนะที่รักจ้า ฮาๆๆ รอนพูดหยอกล้อกลับเอาคืนเมื่อตอนเช้าและหนักกว่าที่ริกพูดไปเมื่อเช้าอยู่มาก

                    ได้ทีเอาใหญ่เลยนะแก  ถ้ามีแรงมาล้อฉันขนาดนี้พรุ่งนี้คงทำงานได้ปกตินะ

                    ไม่แน่หรอกนะถ้าอาการมันไม่ดีขึ้นพรุ่งนี้ก็คงต้องไปหาหมอแล้วหละ

                    ถ้างั้นก็รีบไปนอนสิเฟ้ย ฉันไม่ได้ชอบออกตรวจคนเดียวหรอกนะ ริกพูดขณะเดินออกจากลิฟท์แล้วเดินตรงไปที่ห้องของเขา

                    จ้าๆ งั้นฉันขอตัวนะบาย สิ้นเสียงประโยคสุดท้าย  รอนตัดสายของริกก่อนที่ริกจะได้เอ่ยประโยคสุดท้ายและนั้นทำให้เขาอารมณ์เสียไม่น้อยเลย… ‘ ชั่งมันเถอะ

                     ริกหยุดอยู่หน้าประตูห้องระว่างที่ล้วงกระเป๋ากางเกงหากุญแจห้องอย่างทุลักทุเล  เขาหยิบกุญแจสีเงินออกมาแล้วใส่มันเข้ากับลูกบิดประตูแล้วผลักเขาไปในห้อง

                    เมย์อยู่ไหม? ” ริกตะโกนถามคนรักซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ในห้องนี้หรือเปล่า

                    เขาว่างกระเป๋าสีดำลงบนโต๊ะกาแฟแล้วเดินตรงไปยังห้องครัวที่หวังว่าจะมีคนผมชมพูอ่อนใส่ผ้ากันเปื้อนสีขาวยืนทำอาหารอยู่  คิดยังนั้นก็เดินตรงไปแต่ก็ไม่เจอใครอยู่ในนั้น  นั้นทำให้ริกเริ่มกลัวว่าจะเกินเรื่องอะไรขึ้น  เขาเดินมองหาไปทุกห้องด้วยความเร่งรีบโดยที่ไม่คิดว่าเธอยังไม่เลิกงานเพราะเธอมักจะกลับมาก่อนเขาเสมอเพื่อมาทำกับข้าวให้กิน  แต่คราวนี้ไม่  ริกสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องขึ้น เธอหายตัวไป

                    หางตาริกเห็นบางอย่างว่างอยู่กลางเตียงของทั้งคู่ก่อนที่จะเดินออกไป  เขาเดินตรงไปหยิบกระดาษสีขาวกลางผ้าผืนบางสีน้ำเงินมันเหมือนกับเงาพระจันทร์จากผืนน้ำ  เขารีบเปิดซองสีขาวออกมาอ่านด้วยความเร่งรีบเพราะเป็นห่วงคนรัก  และเนื้อหาข้างในเมื่อเขาลอกกวาดตามองมันเป็นอย่างที่เขาคิด  เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้น

                    แกคงไม่อยากให้ใครต้องเจ็บตัวใช้ไหม?  นายมาหาเราตามแผนที่แล้วมาจบเรื่องของแกกันไอ้เทวทูต  มาสนุกกันเพื่อนเก่า

                    ริกทรุดตัวลงกับเตียงเมื่ออ่านข้อความนั้นและนั้นทำให้เขารู้ว่าตัวการของเรื่องนี้

                    บ้าเอ้ย  ผมจะทำยังไงดี? ” ริกเงยหน้ามองเพดานแต่เหมือนเขามองทะลุผ่านมันไปยังท้องฟ้าข้างบนแล้วบ่นกับตัวเองและพูดกับคนบางคนที่เขาศรัทธา  หวังเพียงว่าจะขอความช่วยเหลือ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×