คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Part I
เริ่มด้วยเช้าที่ปกติสุขเหมือนทุกวัน พระอาทิตย์ส่องแสงสว่างจ้าตามหน้าที่ อากาศเย็นๆ ตอนหน้าหนาวถึงแม้ว่าจะถึงเวลาตื่นแต่เชื่อว่าทุกคนคงอยากจะเอาหน้าซุกผ้าห่มไม่ยอมตื่น
ติ๊ดติ๊ด ติ๊ดติ๊ด …
เสียงนาฬิกาดังขึ้นตามเวลาที่ตั้งไว้ ดังจนร่างที่นอนอยู่ใต้ผ้าผืนบางสีขาวต้องเอื้อมมือมาปิดมัน แต่ดูเหมือนว่าจะพลาดด้วยความงัวเงียจากอาการอยากนอนและพยายามปิดนาฬิกาปลุกทั้งๆ ที่ตายังปิดอยู่ ทำให้เจ้าตัวที่ส่งเสียงดังตอนนี้ลงไปอยู่พื้นเบื้องล่างและหยุดส่งเสียงน่ารำคาญให้เสร็จสรรพ
“ ริก ตื่นได้แล้วนะ เดี่ยวไปสายนะ ” เสียงหวานๆ ดังมาจากประตูด้านหลังเตียงที่ตอนนี้เปิดอ้าไว้อยู่
“ อือ… ” ร่างหนาใต้ผ้าห่มตอบกลับด้วยเสียงงัวเงียเหมือนเคยและหลับต่อโดยที่ไม่สนใจข้อความเมื่อครู่เพราะกำลังหลับสบาย
เมื่อสิ่งที่ตอบกลับมาไม่ใช้สิ่งที่อยากได้ยิน ประตูที่เปิดอ้าอยู่ตอนนี้ปรากฏเงาลางๆ จากแสงอาทิตย์อ่อนๆ เดินเข้ามาข้างในห้องนอน
ใบหน้าหวานมีน้ำมีนวล ผิวสีขาวอมชมพู ดวงตาสีเขียวมรกต ผมสีผมชูอ่อนยาวมาจนถึงบ่า มาในชุดผ้ากันเปื้อนสีขาว ซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเธอคงกำลังทำอาหารอยู่ในระหว่างที่ร่างนั้นนอนสบายอยู่บนเตียง
เธอเดินมาแล้วนั่งลงข้างๆ ร่างหนาที่นอนอยู่ตอนนี้
“ นี้…ริกตื่นได้แล้วนะ” เธอพูดพร้อมเขย่าตัวเพื่อให้คนที่นอนอยู่ตื่นจากนิทรา แต่ดูเหมือนร่างนั้นจะไม่มีการตอบโต้อะไรเลย
เธอเริ่มขั้นต่อไปในการที่จะปลุกคนๆ นี้โดยดึงผ้าห่มผืนบางของเขาออก แล้วเดินไปเปิดผ้าม่านออกเพื่อให้แสงส่องเข้ามาในห้อง แต่ร่างนั้นยังนอนแน่นิ่งในสภาพนอนคว่ำเอาหน้าซุกหมอนเหมือนจะหนีแสงที่แยงตาเขาเหมือนทุกเช้า
ร่างที่ตอนนี้นอนเปลือยเปล่าอยู่บนที่นอนหนาวๆ อยู่บนเตียง มีเพียงกางเกงสีเทาตัวบางที่ใส่อยู่ตอนนี้ที่พอจะทำให้ความหนาวหายไปได้ถึงแม้จะแค่นิดเดียว กลางแผ่นหลังหนาของร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่มีสัญลักษณ์ที่ดูเหมือนแผลเป็นรูปวงกลมและมีเส้นสามเส้นทั้งสองข้างแยกออกไปทางซ้ายและขวาซ้อนกันดูคล้ายปีก แต่มันไม่ได้ทำให้หญิงสาวที่ตอนนี้ยืนเอามือเท้าเอวอยู่สนใจมันแม้แต่น้อย เธอยืนจ้องมองร่างนั้นด้วยความตลกพร้อมหัวเราะเบาๆ เพื่อไม่ให้คนที่นอนอยู่รู้
ร่างหนาเริ่มขยับตัวเพราะอากาศหนาวๆ ทำให้เขาทนไม่ไหวที่จะนอนต่อไป เขาเอามือทั้งสองข้างยันตัวขึ้นมาแล้วพลิกตัวกลับหันหน้าไปทางคนที่ยินอยู่หัวเตียง เขารู้สึกว่าการที่รีบลุกเร็วเกินไปทำให้สมองของเขาปรับสภาพไม่ทันเลยทำให้ภาพหมุนไปหมด ยังดีที่สายตายังปรับภาพไม่เต็มที่ไม่งั้นคงอ้วกแตกคาที่นอนไปแล้ว
ใบหน้าคมกระทบกับแสงอาทิตย์อ่อนๆ ยามเช้า หนวดเคราตรงคางที่ดูเหมือนพึ่งจะโกนไปเมื่อวันก่อนแต่วันนี้มันขึ้นมาอีก ดวงตาสีเทาอ่อนน่าหลงใหล ผมสีดำคลับราวข้นปีกอีกาดูยุ่งเยิง ชายตรงหน้าหญิงสาวที่ตอนนี้เคลื่อนตัวเขามาใกล้ เอาริมฝีปากทาบเบาๆ ลงบนปากของชายคนรักเหมือนบอกสวัสดีตอนเช้า
“ ลุกขึ้นมาแต่งตัว แล้วไปกินข้าว ” เธอเดินออกไปทางประตูเดิมที่เข้ามาแล้วชี้นิ้วไปที่คนบนเตียงเหมือนบอกให้รีบทำทุกอย่างให้เสร็จ
“ ไม่เอาน่าเมย์ ฉันขอนอนต่ออีกหน่อยไม่ได้หรอ ” ชายหนุ่มพูดเบาๆ เชิงขอร้องแต่ไม่ทันสังเกตว่าคนตรงหน้าเมื่อกี้ไม่อยู่
“ ไม่ได้!! ” เสียงหวานดังเบาๆ มาจากบานประตู
เมื่อรู้ว่าไม่สามารถบอกปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เขาเริ่มขยับตัวไปด้านข้างไปทางที่นอนประจำ ค่อยๆ วางเท้าลงบนพื้นพรมสีแดงพลางหยิบนาฬิกาปลุกที่หล่นไปด้วยฝีมือตัวเองเมื่อกี้ขึ้นมาดู
‘ หกโมงห้าสิบ ’
เขายิ้มออกมาเหมือนตลกตัวเองก่อนบิดตัวเล็กน้อยให้ร่างกายเข้าที่แล้วลุกออกจากเตียงตรงไปยังประตูไม้เพื่อเตรียมตัวก่อนไปทำอย่างอื่น
“ ชีวิตนายนี้มันน่าอิจฉาจริงๆ เลยนะ ”
ริกกำลังทำงานของเขาในรถตำรวจที่กำลังจอดรอเพื่อนอีกคนที่ตอนนี้ยืนอยู่ตรงประตูฝังคนขับถือถาดใส่แก้วกาแฟร้อนๆ กับโดนัทมาอย่างละสอง เป็นเวลายามว่างของตำรวจที่จะพักผ่อนที่ดีที่สุด
“ ขนาดนั้นเลยหรอ ” เขายืนมือไปรับแก้วกาแฟมาถือพลางทำหน้าตกใจเล็กน้อย
“ ก็เออสิ ฉันนะหามาตั้งนานแล้วยังไม่เจอคนที่รักจริงๆ สักที อยากมีจะแย่แล้วอยู่คนเดียวมันเหงา แกไม่รู้หรอก ”
“ ไม่เอาน่ารอน…เพื่อน แกคิดว่าฉันมีเธอแต่แรกรึไง ก่อนหน้านี้ฉันก็อยู่คนเดียวนะ ” ริกโวยวายในจังหวะเดียวกับที่รอนเขามานั่งในรถ
“ เลิกโวยวายเป็นเด็กๆ น่า แต่เอาเถอะดูแลเธอให้ดีๆ ก็แล้วกัน ”
“ เออน่า ฉันไม่ปล่อยเธอไปหรอก ” ริกทำหน้าจริงจังแต่น้ำเสียงติดตลก แต่ดูเหมือนว่าความหมายที่ริกคิดมันไม่ได้เหมือนกับที่รอนบอกไป
“ ฉันไม่ได้หมายความยั้งงั้น ฉันหมายถึงว่าตอนนี้นะมันมีพวกแก๊งมาเฟียหรืออะไรนี่แหละ พวกมันลักพาครอบครัวของเหยื่อแล้วก็ล่อให้เหยื่อมาตายส่วนครอบครัวก็หายไปเลย แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นตำรวจด้วยนะ ฉันว่าแกน่าจะระวังตัวไว้ก็ดีนะ นี่ฉันห่วงนะโว้ย ” หนุ่มผมน้ำตาลพูดพลางดื่มกาแฟไป
“ แกพูดเหมือน… ” เขาเว้นทิ้งท้ายแล้วหันหน้ามามองคนข้างๆ เหมือนจับผิดก่อนจะพูดคำพูดสุดท้ายออกไป
“ อะไร? พูดดีๆ นะโว้ย!! ” คราวนี้คนผมน้ำตาลโวยวายบ้าง หันมามองหน้าคนข้างๆ อย่างตั้งใจฟังประโยคสุดท้ายในใจหวังไม่ให้มันเป็นคำๆ นั้นที่คิดอยู่
“ เมะ หรือเกย์นั้นแหละ ห่วงฉันจังเลยนะแก คงไม่ได้ชอบฉันหรอกนะ ”
“ จะบ้าหรอ!!! ฉันจะไปชอบผู้ชายได้ยังไงเหล่า ฉันก็แค่เป็นห่วงเพื่อนเท่านั้นเองนะโว้ย!!! ” รอนเริ่มโวยวายหนักกว่าเก่าเมื่อคำที่ได้ยินเป็นคำที่เขาไม่อยากได้ยิน
“ จริงเหรอ… หยังงั้นจริงหรอเพื่อน ” ริกหยอกล้อรอนอย่างสนุก และยิ่งสนุกขึ้นไปอีกเมื่อคนข้างๆ ติดกับเขาเต็มๆ แต่ถึงรอนก็รู้ว่ามันไม่ใช้ครั้งแรกแต่ก็หลงกลทุกครั้งเหมือนยินยอมแต่โดยดีเหมือนแค่อยากเล่นสนุกกับเพื่อนรักเท่านั้น
“ หยุดนะ…!!! ” เสียงตะโกนดังลั่นเมือง ชายในชุดตำรวจสองคนกำลังวิ่งไล่จับคนร้ายตรงหน้าแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเพราะคนร้ายใช้สิ่งของรอบๆ ตอนที่วิ่งอยู่ขวางทางทั้งสองคน
“ บอกให้หยุดไงโว้ย!!! ” ริกตะโกนออกมาอีกครั้งถึงแม้จะรู้ว่าไม่ได้ผลแต่แรกแต่ก็แค่ทำตามสูตรเหมือนในหนังที่ดูมาเท่านั้น เขาวิ่งกระโดดหลบสิ่งกีดขวางตรงหน้าไม่รู้เหนื่อยในขณะที่รอนวิ่งชนนู่นนี่จนเริ่มเหนื่อย
ริกวิ่งข้ามถนนตามโจรที่ตอนนี้อยู่อีกฝากของถนน เขาต้องวิ่งหลบรถที่วิ่งผ่านไปผ่านมาตอนนี้ด้วย ถึงใจอยากจะหยุดรอให้ไฟเขียวแต่นั้นก็ทำให้โจรวิ่งนี้หายไปได้เหมือนกันและนั้นอาจทำให้เขาโดนดุอีกด้วย เขาวิ่งกัดฟันต่อโดยที่ความเหนื่อยเริ่มคลอบคลุมตัวเขาแต่ถ้าเขาหยุดตอนนี้ก็เท่ากับทิ้งหน้าที่ เขามองดูโจรในขุดสีม่วงตัวใหญ่วิ่งออกห่างไปเรื่อยๆ ทำให้เขาต้องรีบ…‘ แต่จะทำยังไง ’
‘ ปีก ’
ทันทีที่กำลังคิดหาทางอยู่ ก็มีคำคำหนึ่งปรากฏขึ้นมาในหัว… ‘ จริงด้วย ’
เมื่อคิดได้ดังนั้น ริกก็เริ่มใช้ ‘ ปีก ’ ที่เขามี ทำให้มีแสงสีขาวอ่อนๆ กลางหลังเขาและปรากฏปีกสีขาวลางๆ ตามมาแต่ก็ไม่สว่างพอที่จะมีใครเห็น เมื่อปีกเริ่มกางออกเป็นแนวตรงแล้วหุบกลับทั้งยังตรงอยู่ ปลายปีกประกบกันเบาๆ เกิดลมอ่อนๆ ดันตัวริกให้วิ่งเร็วขึ้นเหมือนกับว่าเหาะอยู่ เมื่อเขาวิ่งใกล้ตัวคนร้ายเขากระโดดไปข้างหน้าแล้วกดน้ำหนักตัวลงเพื่อให้โจรลงไปนอนกับพื้นโดยมีเขานั่งทับตัวมันอยู่
“ แกถูกจับแล้วเพื่อน แกมีสิทธิที่จะไม่พูด เพราะทุกคำที่แกพูดสามารถเอาไปใช้ในศาลได้ แก่มีสิทธิที่จะจ้างทนายถ้าแกหาไม่ได้เราจะจัดหาให้ ” ริกสาธยายวิธีต่างๆ ให้คนที่อยู่ข้างล่างฟังไปพร้อมๆ กับใส่กุญแจมือเขา ใจจริงเขาได้ไม่อยากพูดแต่มันเป็นกฎถ้าไม่พูดก็เอาความผิดไม่ได้ เขาดึงตัวคนที่นอนกับพื้นขึ้นแล้วพาเดินกลับไปตามทางที่เละเทะเพราะฝีมือของคนตรงหน้าคนเดียว แต่ก็ไม่ได้สนใจขนนกสีขาวที่ตกอยู่เป็นจุดๆ ตามทางแล้วเดินกลับไปหาคู่หูที่ตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้วก็ไม่รู้
“ เฮ้ย…ตื่นได้แล้วเพื่อน แกนอนพักมานานพอแล้วนะ ” รอนค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยท่าทีสะลึมสะลือสะบัดหัวเล็กน้อยเพื่อให้หายมึน
เพียะ!!!
“ เฮ้ย!!! ตื่นสิจะนอนอีกนานไหม ” ริกตบหน้ารอนด้วยความแรงในระดับที่เขาคิดว่ามันน่าจะทำให้เขาตื่นและมันเป็นไปอย่างที่เขาคิด
รอนตื่นขึ้นมาเต็มตาแล้วมองหน้าคู่หูคนสนิทตรงหน้าด้วยท่าทีตกใจก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งข้างๆ ที่มีโต๊ะสีขาวกกั้นระหว่างเขากับโจรเมื่อครู่ แล้วหันมามองตัวเองอีกครั้งที่ตอนนี้อยู่ในสภาพที่ดูไม่เอาเสียเลย
“ ฉัน…จำไม่ได้ว่ามานั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันจำได้ว่าฉันวิ่งไล่จับไอ้หมอนี้แล้วก็ล่มฟุบลงไปเลย ” รอนพูดพลางชี้นิ้วไปที่คนข้างๆ
“ ก็นายล้มลงหน้าร้านพอดี เจ้าของร้านมาเห็นก็เอาตัวนายขึ้นมานั่งพักตรงนี้ ไม่ต้องห่วงฉันขอบคุณแทนนายแล้ว ” ริกเอามือเท้าเอวในระหว่างที่พูดตอบคำถามที่เพื่อนซี้สงสัยในใจ
“ งั้นหรอ... ” รอนพูดด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอยเมื่อยังไม่ได้สติ
“ เออ ไปได้แล้วใกล้ได้เวลาออกเวรแล้วนะ ” ริกเขย่าตัวของรอนให้ได้สติอีกรอบก่อนจะดึงตัวทั้งสองคนขึ้นจากที่นั่งแล้วพาเดินไปที่รถที่จอดรออยู่ห้างออกไปจากตรงนี้ไปไม่น้อย
ริกไม่ทันสักเกตว่ามีคนแอบมองเขาอยู่นานแล้วในซอกตึกเล็กๆ ที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขาเลย
“ เจออีกคนแล้ว หึๆ ” คนในซอกแสยะยิ้มและหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินออกไปหายไปในเงาของตึก
“ หือ… ”
“ มีอะไรหรอ? อะไรหาย? ” รอนหันมาถามริกด้วยความที่ยังมึนไม่หาย ที่ตอนนี้ริกหยุดอยู่ข้างหลังเขาแล้วมองไปทางข้างหลังในทางที่ผ่านมา
“ เปล่า… ไม่มีอะไร ” ริกหันมาตอบคนตรงหน้าแล้วเดินต่อพร้อมกับโจรเมื่อกี้ที่ตอนนี้เขาเป็นคนคุมอยู่
“ งั้นก็รีบกลับเหอะ ฉันว่าฉันน่าจะหายากินสักหน่อย ปวดหัวนิดๆ แล้วเนี่ย ” รอนบ่นกับตัวเองแล้ว
“ เออ งั้นแวะร้านยาก่อนแล้วกัน ”
“ อืม… ” รอนตอบด้วยน้ำเสียงมึนๆ
ริกเคยคิดว่าเขาได้พ้นจากพวกนั้นไปแล้วเมื่อนานมาแล้ว มันคงไม่ตามหาเขาอีก เขาจะได้มีชีวิตที่สงบตามที่เคยคิดไว้เมื่อหน้าที่ของเขาจบลง แต่เหมือนว่ามันไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ พวกมันยังคงตามหาเขาอยู่และถ้าเป็นหยังงั้นเขาจะไม่ยอมให้ใครได้เป็นอะไรเพราะเขา และเขานี้แหละจะเป็นคนฆ่าพวกมันทั้งหมด ‘ ปีศาจ ’
ริกกำลังยืนอยู่ในห้องสีเหลี่ยมเล็กๆ โดยรอให้มันไปถึงชั้นที่เขาอยู่ ในระหว่างที่รอเขาก็กดโทรศัพท์หาเพื่อนซี้เพราะเป็นห่วงอาการหวัดของเขา
“ ไง มีอะไรรึเปล่า ” เสียงตอบรับจากอีกสาย ดูท่าทางรอนตอนนี้จะอาการดีขึ้นจากเมื่อตอนเย็นมากทีเดียวเมื่อฟังจากน้ำเสียงแล้ว
“ นายโอเคนะ ยังปวดตรงไหนอีกรึเปล่า ” ริกถามกลับไปด้วยความเป็นห่วง
“ แหม...เมื่อตอนเช้านายยังว่าฉันเป็นห่วงนายมากไปจนหาว่าฉันเป็นเกย์ คราวนี้ตานายหรอเนี่ย ฮาๆ ฉันไปเป็นไรเพื่อนมีขึ้นมากแล้ว ไม่ต้องห่วงมากหรอกนะที่รักจ้า ฮาๆๆ ” รอนพูดหยอกล้อกลับเอาคืนเมื่อตอนเช้าและหนักกว่าที่ริกพูดไปเมื่อเช้าอยู่มาก
“ ได้ทีเอาใหญ่เลยนะแก ถ้ามีแรงมาล้อฉันขนาดนี้พรุ่งนี้คงทำงานได้ปกตินะ ”
“ ไม่แน่หรอกนะถ้าอาการมันไม่ดีขึ้นพรุ่งนี้ก็คงต้องไปหาหมอแล้วหละ ”
“ ถ้างั้นก็รีบไปนอนสิเฟ้ย ฉันไม่ได้ชอบออกตรวจคนเดียวหรอกนะ ” ริกพูดขณะเดินออกจากลิฟท์แล้วเดินตรงไปที่ห้องของเขา
“ จ้าๆ งั้นฉันขอตัวนะบาย ” สิ้นเสียงประโยคสุดท้าย รอนตัดสายของริกก่อนที่ริกจะได้เอ่ยประโยคสุดท้ายและนั้นทำให้เขาอารมณ์เสียไม่น้อยเลย… ‘ ชั่งมันเถอะ ’
ริกหยุดอยู่หน้าประตูห้องระว่างที่ล้วงกระเป๋ากางเกงหากุญแจห้องอย่างทุลักทุเล เขาหยิบกุญแจสีเงินออกมาแล้วใส่มันเข้ากับลูกบิดประตูแล้วผลักเขาไปในห้อง
“ เมย์อยู่ไหม? ” ริกตะโกนถามคนรักซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ในห้องนี้หรือเปล่า
เขาว่างกระเป๋าสีดำลงบนโต๊ะกาแฟแล้วเดินตรงไปยังห้องครัวที่หวังว่าจะมีคนผมชมพูอ่อนใส่ผ้ากันเปื้อนสีขาวยืนทำอาหารอยู่ คิดยังนั้นก็เดินตรงไปแต่ก็ไม่เจอใครอยู่ในนั้น นั้นทำให้ริกเริ่มกลัวว่าจะเกินเรื่องอะไรขึ้น เขาเดินมองหาไปทุกห้องด้วยความเร่งรีบโดยที่ไม่คิดว่าเธอยังไม่เลิกงานเพราะเธอมักจะกลับมาก่อนเขาเสมอเพื่อมาทำกับข้าวให้กิน แต่คราวนี้ไม่ ริกสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องขึ้น… ‘ เธอหายตัวไป ’
หางตาริกเห็นบางอย่างว่างอยู่กลางเตียงของทั้งคู่ก่อนที่จะเดินออกไป เขาเดินตรงไปหยิบกระดาษสีขาวกลางผ้าผืนบางสีน้ำเงินมันเหมือนกับเงาพระจันทร์จากผืนน้ำ เขารีบเปิดซองสีขาวออกมาอ่านด้วยความเร่งรีบเพราะเป็นห่วงคนรัก และเนื้อหาข้างในเมื่อเขาลอกกวาดตามองมันเป็นอย่างที่เขาคิด เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้น
‘ แกคงไม่อยากให้ใครต้องเจ็บตัวใช้ไหม? นายมาหาเราตามแผนที่แล้วมาจบเรื่องของแกกันไอ้เทวทูต มาสนุกกันเพื่อนเก่า ’
ริกทรุดตัวลงกับเตียงเมื่ออ่านข้อความนั้นและนั้นทำให้เขารู้ว่าตัวการของเรื่องนี้
“ บ้าเอ้ย… ผมจะทำยังไงดี? ” ริกเงยหน้ามองเพดานแต่เหมือนเขามองทะลุผ่านมันไปยังท้องฟ้าข้างบนแล้วบ่นกับตัวเองและพูดกับคนบางคนที่เขาศรัทธา หวังเพียงว่าจะขอความช่วยเหลือ
ความคิดเห็น